"เป็นอะไรกันล่ะ จึงมานั่งร้องไห้"

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Catt Bewer, 17 ธันวาคม 2007.

  1. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>"เป็นอะไรกันล่ะ จึงมานั่งร้องไห้" </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันหนึ่ง ขณะที่ธุดงค์ไปพักที่วัดถ้ำแสงเพชร ซึ่งอยู่ไกลจากอำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ

    พอสมควร ปรากฏว่า มีโยมอุปัฏฐากที่เป็นผู้มีหน้า มีตา ของอำเภอ และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ นักปฏิบัติ มานั่งร้องไห้ต่อหน้าหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ยังคงนั่งเฉยอยู่ จนเมื่อโยมได้สร่างโศกลงบ้าง ท่านก็ถามว่า "เป็นอะไรล่ะ จึงนั่งร้องไห้" โยมผู้นั้นเล่าว่า รถที่เพิ่งซื้อมาใหม่ถูกขโมยไปแล้ว แต่ หลวงพ่อก็นั่งเงียบ เผอิญก็มีโยมผู้ชายคนหนึ่งมาพร้อมกับญาติ พอกราบหลวงพ่อเสร็จก็ร้องไห้ เป็นวรรคเป็นเวรเช่นกัน หลวงพ่อนั่งคอยจนเขาพอพูดได้ ก็ถามด้วยคำถามเดิมว่า "เป็นอะไรไปล่ะ" เขาก็ตอบว่า "เมียตายสองคน ลูกตายสองคน" (เผอิญชายคนนี้มีภรรยาสองคนอยู่ในบ้าน เดียวกัน) หลวงพ่อก็ถามต่อว่า "เป็นอะไรตายล่ะ" โยมผู้ชายก็ตอบว่า "กินเห็ดเบื่อตาย"

    หลวงพ่อหันไปถามโยมผู้หญิงที่ยังน้ำตาซึม แต่ก็นั่งเงียบฟังโยมผู้ชายเล่าอยู่ด้วยและพูดว่า

    "แลกกันไหมล่ะ ดูซิ ของเขาลูกเมียตายตั้งสี่คน ของโยมรถหายคันเดียว โลกนี้เป็นอย่างนี้ แหละ มีความปรารถนาอะไรแล้วไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ ไม่อยากให้รถหาย มันก็หาย ไม่ อยากให้ลูกเมียตาย ก็ตาย ใครจะห้ามได้ ชีวิตทุกชีวิตเป็นอย่างนี้แหละ ใครอยากล่ะ โยม อยากให้รถหายไหม โยมอยากให้ลูกเมียตายไหม"

    ทั้งคู่ก็ตอบรับหลวงพ่อว่า "ไม่อยากค่ะ (ครับ)"

    หลวงพ่อกล่าวต่อไปว่า "เป็นอย่างนี้แหละ ความโศก ความร่ำไรรำพัน ให้เราพิจารณาดู ทุกสิ่งทุกอย่าง

    ถ้าเราไม่หนีมัน มันก็หนีเรา คนก็เหมือนกัน เราไม่จากเขา เขาก็จากเรา มันอยู่ที่ ใครไปก่อนใครเท่านั้นเอง บางทีวัตถุก็ไปก่อนเรา บางทีเราก็ไปก่อนวัตถุ บางทีคนใกล้ชิดเราเขา ก็ไปก่อน บางทีเราไปก่อนเขา มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยของกรรม ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราย่อมมีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นผู้ติดตาม ให้ผล ไม่ว่าบุญหรือบาป ดีหรือชั่วก็ตาม เราจะต้องรับกรรมนั้นโดยแน่นอน

    สำหรับโยมผู้ชายนั้นโยมผู้หญิงกับลูกเขาทำกรรมกับเรามาแค่นี้

    เขาตายไปเขาก็ไม่ขอ อนุญาตเรา ไม่บอกเรา ไม่ได้เขียนใบลา เขาก็ตายไป โยมผู้หญิงก็เช่นกัน รถคันนี้มันทำกรรมกับ โยมมาแค่นี้ รถมันก็ไม่บอกเราก่อนว่ามันจะถูกขโมยแล้วนะ อยู่ ๆ มันก็หายไป ดังนั้นให้เราเห็นว่า เป็นธรรมดาของทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่หนีมัน มันก็หนีเรา เราเกิดมาเป็นอะไร เกิดที่ไหน เกิดมากี่ ครั้ง ๆ โลกก็เป็นเช่นนี้ เราเองต่างหากที่ไปอุปาทานว่า นี่รถของเรา นี่ลูกนี่เมียของเรา รถมันไม่เคย บอกนะว่ามันเป็นของเรา เราไปซื้อมันมาตกแต่ง มารักมันเอง ที่จริงรถมันไม่ได้เป็นของใคร

    มันเป็น ของธรรมชาติที่ไหลไปตามเหตุปัจจัย มนุษย์ไปสมมุติขึ้นมา แล้วยึดว่าเราเป็นเจ้าของ เมื่อมันหาย ไปให้เราคิดว่า นั่นเป็นการคืนกลับสู่ธรรมชาติ โยมผู้ชายก็เหมือนกัน ลูกเมียก็เสียไปแล้ว พิจารณา มองให้เห็นว่าเป็นทุกข์ ไม่ใช่พอสร่างโศกก็ไปหามาใหม่ เป็นการเพิ่มทุกข์ขึ้นมาอีก เราควรทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล ทำภาวนา แผ่ให้ผู้ตายบ้าง เราเองก็ต้องตาย ไม่แน่ว่าเมื่อไร ขอให้เข้าใจสัจธรรม ของธรรมชาติ"

    หลวงพ่อกล่าวเป็นสังเขปพอให้โยมสร่างทุกข์ หน้าที่ของพระก็คือ แก้ไขทุกข์ โดยคิดว่า ทุกคนเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น เมื่อกล่าวไปแล้วก็ไม่ได้คิดปรุงว่า จะแก้ ได้หรือไม่ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีคำตอบอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว ผู้มีปัญญาก็จะค้นหาคำตอบ ของปัญหาของเขาเองได้ในที่สุด
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ขอขอบคุณสาระดีดี จาก
    ธรรมะไทย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดย :ฟากฟ้าทะเลฝัน (ทีมงาน TeeNee.Com) โพสเมื่อ [ วันอาทิตย์ ที่ 16 ธันวาคม 2550 เวลา 16:47 น.] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://variety.teenee.com/foodforbrain/5346.html
     
  2. เก้าแก้ว

    เก้าแก้ว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2007
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +45
    อนุโมทนา สัตว์โลกย่อมมีกรรมเป็นของตน กุศลเท่านั้นที่จะบรรเทาได้
     
  3. ศุฤษ

    ศุฤษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +26
    ดีชั่วไซ้นั้นคือกรรม เราทำเอง
     
  4. พระหลวงพ่อ

    พระหลวงพ่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    514
    ค่าพลัง:
    +892
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติในวัฏสงสาร
     
  5. seraphym

    seraphym Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +44
    อนุโมทนาสาธุค่ะ อ่านแล้วได้ข้อคิดไว้เตือนสติขึ้นเยอะเลยค่ะ
     
  6. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ขออนุโมทนาบุญจากการให้ธรรมทานของท่านผู้ตั้งกระทู้และทุกๆท่านที่ร่วมอนุโมทนาในบุญกุศลนี้
    สาาาาา...ธุ
    สาาาาา...ธุ
    สาาาาา...ธุ
     
  7. BossXIII

    BossXIII Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +31
    ขออนุโมทนาคับ
    "ถ้าเราไม่หนีมัน มันก็หนีเรา คนก็เหมือนกัน เราไม่จากเขา เขาก็จากเรา มันอยู่ที่ ใครไปก่อนใครเท่านั้นเอง" อ่านแล้ว วางจิต ไม่ไปยึดกับสิ่งต่างๆ ได้เยอะเลย
     
  8. Pimgarn

    Pimgarn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2007
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +41
    ขอบคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...