เหตุ 8 ประการของพระพุทธเจ้าไม่เหมือนกัน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย newhatyai, 18 ธันวาคม 2007.

  1. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    เหตุ 8 ประการของพระพุทธเจ้าไม่เหมือนกัน


    เหตุ 8 ประการของพระพุทธเจ้าไม่เหมือนกัน

    เหตุ 8 ประการของพระพุทธเจ้าไม่เหมือนกัน
    ของ "พระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์ที่พระโคดมพุทธเจ้าทรงพบหลังรับพุทธพยากรณ์นับแต่พระพุทธเจ้าทีปังกร




    "พระพุทธเจ้า๒๕ พระองค์ ที่พระโคดมพุทธเจ้าทรงพบ"

    พระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์นี้ ๒๔ พระองค์คือ พระพุทธเจ้าที่ระโคดมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ได้ทรงพบและพระโคดมพุทธเจ้าทรงได้รับพยากรณ์ว่า จะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านิยมนับรวมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเข้ารวมด้วยเรียกว่า "พระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์" นับแต่พระองค์แรกจนถึงพระโคดมพุทธเจ้า มีดังนี้

    . พระทีปังกร
    . พระโกณฑัญญะ
    . พระสุมัคละ
    . พระสุมนะ
    . พระเรวตะ
    . พระโสภิตะ
    . พระอโนมทัสสี
    . พระปทุมะ
    . พระนารทะ
    ๑๐. พระปทุมุตตระ
    ๑๑. พระสุเมธะ
    ๑๒. พระสุชาตะ
    ๑๓. พระปิยทัสสี
    ๑๔. พระอัตถทัสสี
    ๑๕. พระธรรมทัสสี
    ๑๖. พระสิทธัตถะ
    ๑๗. พระติสสะ
    ๑๘. พระปุสสะ
    ๑๙. พระวิปัสสี
    ๒๐. พระสิขี
    ๒๑. พระเวสสภู
    ๒๒. พระกกุสันธะ
    ๒๓. พระโกนาคมนะ
    ๒๔. พระกัสสปะ
    ๒๕. พระโคตมะ (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2007
  2. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    1. อายุต่างแห่งพระชนมายุของพระพุทธเจ้า"
    พระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์ที่พระโคดมพุทธเจ้าทรงพบ"
    จากมากไปน้อย


    100,000 พรรษา มี พระทีปักรพระโกณฑัญญะ
    พระอโนมทัสสี พระปทุม พระปทุมุตตร
    พระอัตถทัสสี พระธรรมทัสสีพระสิทธัตถ พระติสส


    90,000 พรรษา มี พระสุมังค พระสุมน พระโสภิต
    พระนารท พระสุเมธ พระสุชาต พระปิยทัสสี พระปุสส


    80,000 พรรษา มีพระวิปัสสี

    70,000 พรรษา มี พระสิขี

    60,000 พรรษา มี พระเรวตพระเวสสภู

    40,000 พรรษา มี พระกกุสันธ

    30,000 พรรษา มี พระโกนาคม

    20,000 พรรษา มี พระกัสสป

    80 พรรษา มี พระโคดม (พระศรีศากยมุนีโคดมองค์ปัจจุบัน ส่วนพระศรีอารย เมตตรัยที่จะบังเกิดในอนาคตเบื้องหน้ามี 80,000 พรรษา)


    2. ความต่างแห่งพระสรีระของพระพุทธเจ้า

    พระสรีระสูง 80 ศอก มี พระทีปังกร พระเรวต พระปียทัสสี
    พระอัตถทัสี พระธัมทัสสี พระวิปัสสี

    พระสรีระสูง 60 ศอก มี พระสิทธัตถะ พระเวสสภู พระดิสส

    พระสรีระสูง 40 ศอก มี พระกกุสันธ

    พระสรีระสูง 37 ศอก มี พระสิขี

    พระสรีระสูง 30 ศอก มี พระโกนาคม

    พระสรีระสูง 20 ศอก มี พระกัสสป

    พระสรีระสูง 4 ศอก มี พระโคดม
    (พระศรีศากยมุนีโคดมองค์ปัจจุบัน)

    หมายเหตุเทียบกับศอกของมนุษย์ปัจจุบัน 1 ศอก = 50 เซนติเมตร

    3.ความต่างแห่งเวลาบำเพ็ญทุกกิริยา
    ในพระชาติสุดท้าย
    ทีได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

    ใช้เวลา 6 ปี คือ พระโคดม(พระศรีศากยมุนีโคดมองค์ปัจจุบัน)

    ใช้เวลา 10 เดือน คือ พระทีปังกร พระโกณฑัญญะ
    พระสุมน พระอโนมทัสสี พระสุชาต พระสิทธถพระกกุสันธ

    ใช้เวลา 8 เดือน คือ พระสุเมธ พระสุมังคล พระติสส พระสิขี

    ใช้เวลา 7 เดือน คือ พระเรวต

    ใช้เวลา 4 เดือน คือ พระโสภิต

    ใช้เวลา 1 เดือน คือ พระปุสส พระปิยทัสสี พระโกนาคม พระเวสสภู

    ใช้เวลา ครึ่งเดือน คือ พระปทุม พระอัตถทัสสี พระวิปัสสี

    ใช้เวลา 7 วัน คือ พระปทุมุตตร พระนารท พระธัมมทัสสี พระกัสสป

    หมายเหตุวันเดือนปีในที่นี้นั้นหมายถึงวันเดือนปี ของยุคนั้นๆ

    4. ความต่างแห่งพุทธรังสี
    (เทียบกับมนุษย์ปัจจุบัน หน่วยวัด 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร)

    พุทธรังสีสร้านไปไกล 1,000 โยชน์ คือ พระสุมังคล
    คำนวณได้รัศมี 16,000 กม.
    คลุมพื้นที่ 3.1428*(16,000)**2 = 804,556,800 ตรกม.

    ถ้าพระภิกษุมีความสูง 80 ศอก จะได้รัศมีการนั่ง
    30 ศอก หรือ 15. คือ 1 รูปต่อ 3.1428*15*15 = 707.13

    ตรม.ดังนั้นรังสีของพระองค์สามารถคลอบคลุมพระภิกษุที่
    นั่งรายล้อมพระองค์อย่างสบายๆ
    804,556,800*1000/707.13 = 1,137,777,777 รูป

    ----------

    พุทธรังสีสร้านไปไกล 12 โยชน์ คือ พระปทุมุตตร

    คำนวณได้ รัศมี 192 กม.
    คลุมพื้นที่ 3.1428*(192)**2 = 115,856.18 ตรกม

    ----------

    พุทธรังสีสร้านไปไกล 10 โยชน์ คือพระกกุสันธ
    (สรีระสูง 40 ศอก)

    คำนวณได้ รัศมี 160 กม.
    คลุมพื้นที่ 3.1428*(160)**2 = 80,455.68 ตรกม.

    ถ้าพระภิกษุมีความสูง 40 ศอก
    จะได้รัศมีการนั่ง 18 ศอก หรือ 9.
    คือ 1 รูปต่อ 3.1428*9*9 = 254.57 ตรม.

    ดังนั้นรังสีของพระองค์สามารถคลอบคลุมพระภิกษุที่
    นั่งรายล้อมพระองค์อย่างสบายๆ
    ถึง 80,455.68*1000/254.57 = 316,046 รูป

    -----------

    พุทธรังสีสร้านไปไกล 6 โยชน์ กับ 400 เส้น คือพระวิปัสสี
    คำนวณได้ รัศมี 112 กม.
    คลุมพื้นที่ 3.1428*(112)**2 = 39,423.28 ตรกม.

    ถ้าพระภิกษุมีความสูง 80 ศอก จะได้รัศมีการนั่ง 30 ศอก
    หรือ 15 .คือ 1 รูปต่อ
    3.1428*15*15 = 707.13 ตรม.

    ดังนั้นรังสีของพระองค์สามารถคลอบคลุมพระภิกษุที่
    นั่งรายล้อมพระองค์อย่างสบายๆ
    ถึง 39,423.28*1000/707.13 = 55,751 รูป

    ----------

    พุทธรังสีสร้านไปไกล 3 โยชน์ คือ พระสิขี

    คำนวณได้ รัศมี 48 กม.
    คลุมพื้นที่ 3.1428*(48)**2 = 7,241 ตรกม.

    ถ้าพระภิกษุมีความสูง 37 ศอก จะได้รัศมีการนั่ง 16 ศอก
    หรือ 8.คือ 1 รูปต่อ 3.1428*8*8 = 201.14 ตรม.

    ดังนั้นรังสีของพระองค์สามารถคลอบคลุมพระภิกษุที่
    นั่งรายล้อมพระองค์อย่างสบายๆ
    ถึง 7241*1000/201.14 = 36,000 รูป
     
  3. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    เหตุ 8 ประการของพระพุทธเจ้าไม่เหมือนกัน ใน 4 อสงไขยแสนมหากัป
    [SIZE=+2] สรุปมาจาก หนังสือ สัมภารบารมี ของท่านนาคะประทีป[/SIZE]
    [SIZE=+2] 1. อายุต่างแห่งพระชนมายุของพระพุทธเจ้า จากมากไปน้อย[/SIZE]
    [SIZE=+2] 100,000 พรรษา มี พระทีปักร พระโกณฑัญญะ พระอโนมทัสสี พระปทุม พระปทุมุตตร พระอัตถทัสสี พระธรรมทัสสี[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสิทธัตถ พระติสส[/SIZE]
    [SIZE=+2] 90,000 พรรษา มี พระสุมังค พระสุมน พระโสภิต พระนารท พระสุเมธ พระสุชาต พระปิยทัสสี พระปุสส[/SIZE]
    [SIZE=+2] 80,000 พรรษา มี พระวิปัสสี[/SIZE]
    [SIZE=+2] 70,000 พรรษา มี พระสิขี[/SIZE]
    [SIZE=+2] 60,000 พรรษา มี พระเรวต พระเวสสภู[/SIZE]
    [SIZE=+2] 40,000 พรรษา มี พระกกุสันธ[/SIZE]
    [SIZE=+2] 30,000 พรรษา มี พระโกนาคม[/SIZE]
    [SIZE=+2] 20,000 พรรษา มี พระกัสสป[/SIZE]
    [SIZE=+2] 80 พรรษา มี พระโคดม (พระศรีศากยมุนีโคดม องค์ปัจจุบัน ส่วนพระศรีอารย เมตตรัยที่จะบังเกิดในอนาคตเบื้องหน้ามี 80,000 พรรษา)[/SIZE]
    [SIZE=+2] 2. ความต่างแห่งพระสรีระของพระพุทธเจ้า[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 80 ศอก มี พระทีปังกร พระเรวต พระปียทัสสี พระอัตถทัสี พระธัมทัส สี พระวิปัสสี[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 60 ศอก มี พระสิทธัตถะ พระเวสสภู พระดิสส[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 40 ศอก มี พระกกุสันธ[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 37 ศอก มี พระสิขี[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 30 ศอก มี พระโกนาคม[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 20 ศอก มี พระกัสสป[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 4 ศอก มี พระโคดม (พระศรีศากยมุนีโคดมองค์ปัจจุบัน)[/SIZE]
    [SIZE=+2] หมายเหตุ เทียบกับศอกของมนุษย์ปัจจุบัน 1 ศอก = 50 เซนติเมตร[/SIZE]
    [SIZE=+2] 3. ความต่างแห่ง เวลาบำเพ็ญทุกกิริยาในพระชาติสุดท้ายทีได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า[/SIZE]
    [SIZE=+2] ใช้เวลา 6 ปี คือ พระโคดม(พระศรีศากยมุนีโคดมองค์ปัจจุบัน)[/SIZE]
    [SIZE=+2] ใช้เวลา 10 เดือน คือ พระทีปังกร พระโกณฑัญญะ พระสุมน พระอโนมทัสสี พระสุชาต พระสิทธถ พระกกุสันธ[/SIZE]
    [SIZE=+2] ใช้เวลา 8 เดือน คือ พระสุเมธ พระสุมังคล พระติสส พระสิขี[/SIZE]
    [SIZE=+2] ใช้เวลา 7 เดือน คือ พระเรวต[/SIZE]
    [SIZE=+2] ใช้เวลา 4 เดือน คือ พระโสภิต[/SIZE]
    [SIZE=+2] ใช้เวลา 1 เดือน คือ พระปุสส พระปิยทัสสี พระโกนาคม พระเวสสภู[/SIZE]
    [SIZE=+2] ใช้เวลา ครึ่งเดือน คือ พระปทุม พระอัตถทัสสี พระวิปัสสี[/SIZE]
    [SIZE=+2] ใช้เวลา 7 วัน คือ พระปทุมุตตร พระนารท พระธัมมทัสสี พระกัสสป[/SIZE]
    [SIZE=+2] หมายเหตุ วันเดือนปีในที่นี้นั้นหมายถึงวันเดือนปี ของยุคนั้นๆ[/SIZE]
    [SIZE=+2] 4. ความต่างแห่งพุทธรังสี (เทียบกับมนุษย์ปัจจุบัน หน่วยวัด 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร)[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล 1,000 โยชน์ คือ พระสุมังคล[/SIZE]
    [SIZE=+2] คำนวณได้ รัศมี 16,000 กม.คลุมพื้นที่ 3.1428*(16,000)**2 = 804,556,800 ตรกม.[/SIZE]
    [SIZE=+2] ถ้าพระภิกษุมีความสูง 80 ศอก จะได้รัศมีการนั่ง 30 ศอก หรือ 15 ม. คือ 1 รูปต่อ 3.1428*15*15 = 707.13[/SIZE]
    [SIZE=+2] ตรม.ดังนั้นรังสีของพระองค์สามารถคลอบคลุมพระภิกษุที่ นั่งรายล้อมพระองค์อย่างสบายๆ 804,556,800*1000/707.13 =[/SIZE]
    [SIZE=+2] 1,137,777,777 รูป[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล 12 โยชน์ คือ พระปทุมุตตร[/SIZE]
    [SIZE=+2] คำนวณได้ รัศมี 192 กม.คลุมพื้นที่ 3.1428*(192)**2 = 115,856.18 ตรกม.[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล 10 โยชน์ คือ พระกกุสันธ (สรีระสูง 40 ศอก)[/SIZE]
    [SIZE=+2] คำนวณได้ รัศมี 160 กม.คลุมพื้นที่ 3.1428*(160)**2 = 80,455.68 ตรกม.[/SIZE]
    [SIZE=+2] ถ้าพระภิกษุมีความสูง 40 ศอก จะได้รัศมีการนั่ง 18 ศอก หรือ 9 ม.คือ 1 รูปต่อ 3.1428*9*9 = 254.57 ตรม.[/SIZE]
    [SIZE=+2] ดังนั้นรังสีของพระองค์สามารถคลอบคลุมพระภิกษุที่ นั่งรายล้อมพระองค์อย่างสบายๆ ถึง 80,455.68*1000/254.57 = 316,046 รูป[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล 6 โยชน์ กับ 400 เส้น คือ พระวิปัสสี[/SIZE]
    [SIZE=+2] คำนวณได้ รัศมี 112 กม.คลุมพื้นที่ 3.1428*(112)**2 = 39,423.28 ตรกม.[/SIZE]
    [SIZE=+2] ถ้าพระภิกษุมีความสูง 80 ศอก จะได้รัศมีการนั่ง 30 ศอก หรือ 15 ม.คือ 1 รูปต่อ 3.1428*15*15 = 707.13 ตรม.ดังนั้นรังสีของ[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระองค์สามารถคลอบคลุมพระภิกษุที่ นั่งรายล้อมพระองค์อย่างสบายๆ ถึง 39,423.28*1000/707.13 = 55,751 รูป[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล 3 โยชน์ คือ พระสิขี[/SIZE]
    [SIZE=+2] คำนวณได้ รัศมี 48 กม.คลุมพื้นที่ 3.1428*(48)**2 = 7,241 ตรกม.[/SIZE]
    [SIZE=+2] ถ้าพระภิกษุมีความสูง 37 ศอก จะได้รัศมีการนั่ง 16 ศอก หรือ 8 ม.คือ 1 รูปต่อ 3.1428*8*8 = 201.14 ตรม.ดังนั้นรังสีของ[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระองค์สามารถคลอบคลุมพระภิกษุที่ นั่งรายล้อมพระองค์อย่างสบายๆ ถึง 7241*1000/201.14 = 36,000 รูป[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล 1 วา คือ พระศรีศากยมุนีโคดม[/SIZE]
    [SIZE=+2] คำนวณได้ รัศมี 2 ม. คลุมพื้นที่ 3.1428*(2)**2 = 12.57 ตรม.[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล สุดแต่พระองค์ประสงค์ คือพระพุทธเจ้าที่เหลือ[/SIZE]
    [SIZE=+2] 5. ความต่างแห่งตระกุล[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระกกุสันธ พระโกนาคม พระกัปสสป เกิดในตระกุลพราหมณ์มหาศาล[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระพุทธเจ้าที่เหลือ เกิดในตระกุลกษัตริย์[/SIZE]
    [SIZE=+2] 6. ความต่างแห่งยานออกมหาภิเนษกรม[/SIZE]
    [SIZE=+2] ยานมีความต่างกัน 5 อย่าง 1 ทรงคชยาน(ช้าง) 2 ทรงรถยาน 3.ทรงอัสวยาน(ม้า) 4. ทรงสีวิกามาศราชยาน 5.ทรงมณเฑียรมหาปราสาท[/SIZE]
    [SIZE=+2] 7. ความต่างแห่งไม้ที่ตรัสรู้[/SIZE]
    [SIZE=+2] 8. ความต่างแห่งอปราซิตบัลลังก์[/SIZE] [SIZE=+2] ความแตกต่างของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัปนี้[/SIZE]
    [SIZE=+2] 1. พระกกุสันธพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัย เป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8[/SIZE]
    [SIZE=+2] อสังไขยแสนกัป[/SIZE]
    [SIZE=+2] ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+2] เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 40,000 พรรษา[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 40 ศอก หรือ 20 เมตร[/SIZE]
    [SIZE=+2] บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 10 เดือน[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล 10 โยชน์ (160 กิโลเมตร)[/SIZE]
    [SIZE=+2] 2. พระโกนาคมพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อ สมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8[/SIZE]
    [SIZE=+2] อสงไขยแสนกัป[/SIZE]
    [SIZE=+2] ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+2] เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 30,000 พรรษา[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 30 ศอก หรือ 15 เมตร[/SIZE]
    [SIZE=+2] บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 1 เดือน[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์[/SIZE]
    [SIZE=+2] 3. พระกัสสปพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อ สมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8[/SIZE]
    [SIZE=+2] อสงไขยแสนกัป[/SIZE]
    [SIZE=+2] ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+2] เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 20,000 พรรษา[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 20 ศอก หรือ 10 เมตร[/SIZE]
    [SIZE=+2] บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์[/SIZE]
    [SIZE=+2] 4. พระศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 4[/SIZE]
    [SIZE=+2] องไขยแสนกัป[/SIZE]
    [SIZE=+2] ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีก 24 พระองค์ ซึ่งน้อยมาก[/SIZE]
    [SIZE=+2] เป็นปัญญาพุทธเจ้า อายุไขย 80 พรรษา[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 4 ศอก หรือ 2 เมตร[/SIZE]
    [SIZE=+2] บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 6 ปี[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปข้างละ 1 วา เป็นปกติ[/SIZE]
    [SIZE=+2] 5. พระอริยเมตตรัยพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อ สมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 16[/SIZE]
    [SIZE=+2] อสงไขยแสนกัป[/SIZE]
    [SIZE=+2] ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 477,029 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+2] เป็นวิริยะพุทธเจ้า อายุไขย 80,000 พรรษา[/SIZE]
    [SIZE=+2] พระสรีระสูง 80 ศอก หรือ 40 เมตร[/SIZE]
    [SIZE=+2] บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน[/SIZE]
    [SIZE=+2] พุทธรังสีสร้านไปไกล ยังกำหนดไม่ได้[/SIZE]
     
  4. ปราณยาม

    ปราณยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ทำไมพระพุทธสมณโคดมดูต่างจาพระองค์อื่นในเรื่องของพระชนมายุมากจังครับ เป็นเพราะการนับเวลาในแต่ละยุคหรือเปล่าครับ มีใครพอชี้แจงในเหตุนี้ได้บ้างไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2007
  5. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    ยุคไหนที่ ประชาชน มีศีล มีธรรม ประจำใจ ยุคนั้นก็จะมีสุขภาพดี จิตแจ่มใส ทำให้มีอายุยืน
    ยุคไหน ที่ ประชาชน ไม่มีศีล มีธรรม จิตใจโลภ โกรธ หลง ทำให้สุขภาพจิตแย่ ยิ่งความเจริญทางโลกเจริญเท่าไหร่ แต่ทางธรรมไม่เจริญตามไปด้วย อายุเราก็ยิ่งสั้นลงๆ
    ดูง่ายๆ นะครับแต่ก่อนปู่ย่า ตายาย ของเราอายุ 80-100 ปี กว่าที่ท่านจะเสีย แต่เดี๋ยวนี้สิครับ อายุ 60-70 ปี ก็ถือว่าอยู่นานแล้วครับ มีทั้ง อุบัติเหตุ โรคร้ายต่าง ปล้น ฆ่า ไม่เว้นแต่ละวัน
    นี่เป็นความคิดผมนะครับ ขอความเห็นของผู้รู้ท่านอื่นบ้างนะครับ
     
  6. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    ได้ครับ ผทจะบอกให้ผมก็เพิ่งรู้ของอ้างอิงกระทู้หน่อยน่ะครับ
    จากกระทู้ http://palungjit.org/showthread.php?t=22397 โดย มหาหิน

    จากกระทู้เดิม คือ....
    ความแตกต่างขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางประการ....
    ที่ได้เปิดกระทู้ไว้ที่....
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=19999


    ผู้พ่ายแพ้ขันธ์ 5<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_154061", true); </SCRIPT> โพสในความคิดเห็นที่ 38 ว่า....
    สงสัยจังครับ
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ตรัสรู้ก่อนหน้าพระพุทธโคดม มีองค์ใดบ้างที่เป็นพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ เช่นพระพุทธโคดมของเรา ซึ่งดูๆแล้ว 27 พระองค์ก่อนหน้า มีพระชนน์มายุเกิน 1,000 พรรษาทั้งสิ้น สงสัยว่าทำไมกันหนอ พระพุทธโคดมถึงมีพระชนน์มายุเพียง 80 พรรษา พอมีคำอธิบายให้กระจ่างมั๊ย

    และผมได้ตอบจากความจำ(ซึ่งไม่ชัดเจน และไม่ละเอียด) ในโพส ที่ 51 ไว้แล้วนั้น....

    บังเอิญ ได้พบข้อความที่เกี่ยวช้องโดยตรงจากคำเทศนาขององค์หลวงพ่อฯ....
    จึงขอนำมาลงไว้ เพื่อธรรมอันเที่ยงแท้ ถูกต้องจริง ๆ
    เหตุผลที่พระพุทธเจ้าต้องมีอายุ 80 ปี
    (คัดลอกเป็นบางส่วนจาก
     
  7. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    คนที่มีการคล่องใน อิทธิบาท 4 คือ....

    ฉันทะ ความพอใจ
    วิริยะ ความเพียร
    จิตตะ การจดจ่อ การเพียรในกิจการงานที่ทำ
    วิมังสา การใคร่ครวญการงานที่ทำเสมอ

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคล่องในอิทธิบาท 4 ในด้านของการปฏิบัติธรรม
    ผู้ที่คล่องจริง ๆ ในอันดับต้น ได้แก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    แต่ว่าที่คล่องรองลงมาก็คือบรรดา พระอรหันต์ทั้งหลาย
    ก็ท่านทั้งสองประเภทนี้ คือพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี
    ถ้ามีอิทธิบาทไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ จะบรรลุ คือ ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน
    ไม่ได้

    <!-- / message -->เหตุผลที่พระพุทธเจ้าต้องมีอายุ 80 ปี

    แต่ว่า ทำไมองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา ทรงเคยกล่าวไว้ว่า
    ผู้ที่เคยคล่องใน อิทธิบาท 4 ประเภทนี้ สามารถจะอธิษฐานตน ให้อยู่ได้ถึงกัปหนึ่ง
    หรือกัลป์หนึ่ง ก็ได้

    และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลับมา นิพพาน
    เมื่อระหว่างอายุของพระองค์ได้ 80 ปี

    ตอนนี้ พระอรหันต์ทั้งหลาย ก็มีความสงสัย
    แต่ทว่าบรรดาพระอรหันต์ตั้งแต่ปฏิสัมภิทาญาณ ก็ดี ได้อภิญญาหก ก็ดี วิชชาสาม ก็ดี
    ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ไม่สงสัย รู้ด้วยอำนาจของ อตีตังสญาณ

    แต่ทว่า สำหรับพระอรหันต์ขั้นสุกขวิปัสสโก นี้ ต้องสงสัย เพราะว่า ไม่ได้ญานวิเศษ
    จึงต้องค้นคว้าคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์

    ในที่สุดก็พบว่า สมเด็จพระนราสภ คือ....
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แทนที่จะมีอายุ 1 กัป อย่างที่กล่าวไว้
    แต่ทว่าการที่องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา ต้องมีอายุ 80 ปี

    เหตุผล ก็เป็นมาอย่างนี้ ตามที่องค์สมเด็จพระชินศรี ทรงกล่าวว่า....
    อตีเต กาเล ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย....

    ในอดีตกาล ตถาคตเสวยพระชาติเป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์
    บำเพ็ญบารมีเพื่อจะได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ถอยหลังจากชาตินี้กลับไปหลายพันชาติ เวลานั้นสมเด็จพระบรมโลกนาถ
    ทรงบำเพ็ญบารมี ใกล้จะถึง ปรมัตถบารมี

    พระวรกายของพระองค์นี้ มีส่วนพิเศษอยู่จุดหนึ่ง คือ....
    เท้าทั้งสอง ในอุ้งระหว่างกลางเท้าทั้งสองนี่ มีรูปกงจักรอยู่ด้วย เป็นสีแดง
    <!-- attachments -->
     
  8. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    ในเวลานั้น องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดเป็นลูกคนจน ทำมาหากินอยู่ในป่า
    ต่อมาท่านบิดาก็ตาย เหลือแต่มารดาผู้เดียว ท่านก็ปฏิบัติตน เป็นคนประกอบไปด้วย

    ความกตัญญูรู้คุณ หาเช้ากินค่ำ หรือหาค่ำกินเช้า นำเอาอาหารมาเลี้ยงมารดาเป็นที่รัก
    คือว่าท่านเป็นคนป่า ก็ตัดฟืนขาย เข้าป่าก็แต่เช้า กลับมาจนบ่าย จนเย็น อาบน้ำ อาบท่า กินน้ำ บริโภคอาหาร
    เสร็จแล้ว ก็นำฟืนเอาไปขาย ได้เงินมาเท่าไร ก็มามอบให้แก่มารดา
    มารดาก็จัดเงินทั้งหลายเหล่านี้ จัดอาหารมาเลี้ยงดูกัน

    เป็นอันว่า รายได้ขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา เวลานั้น
    ก็เต็มไปด้วยการฝืดเคืองมาก
    <!-- / message -->เจ้ารากษส ขึ้นมาอาละวาด

    ท่านกล่าวว่า ในคราวนั้น พระราชามีความลำบาก
    ด้วยยักษ์ตนหนึ่ง ที่เขาเรียกว่า “รากษส” นี่มีสภาพเหมือนยักษ์
    แต่เป็นยักษ์ที่อยู่ในโพรง และอุโมงค์ใต้ดิน น่ากลัวจะเป็นยักษ์ปลาไหล
    เพราะอยู่ในโพรง และใต้ดินมันมีบ่ออยู่

    แต่ทว่าทางขึ้น ก็ทำเป็นปล่องขึ้น การขุดอุโมงค์อยู่ใต้ดิน

    เจ้า รากษส ตัวนี้ ปรากฏว่า ถึงเวลาฤดูหนึ่ง ถ้าเปรียบเทียบกับเวลา ตรุษสงกรานต์
    เป็นงานเกี่ยวกับนักขัตฤกษ์ประจำปี เจ้า รากษส ตัวนี้ ก็ขึ้นมาจับคนเอาไปกินเป็นอาหาร

    ทำอย่างนี้ เป็นเวลา 2 – 3 ปี ในแดนไกล
    ต่อมา พระราชาทรงทราบจากบรรดาประชาชนทั้งหลาย ว่า....

    เจ้า รากษส ขึ้นมาอาละวาด เจ้า รากษส ตัวนี้ขึ้นมาเป็นเวลากาล
    ถ้าถึงฤดูนั้น ถึงเดือนนั้น วันนั้น มันก็ขึ้นมาจับคนกินเป็นอาหาร เพื่อเป็นเสบียงกรัง
    ทำอย่างนี้ เป็นเวลา 2 – 3 ปี

    จนเป็นที่แน่ใจของประชาชนทั้งหลายว่า วันนี้แหละเจ้า รากษส จะขึ้นมาจับคนไปกิน
    จึงไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ

    พระราชา ก็ให้ป่าวประกาศหาคนดีมีฝีมือ ให้ไปสู้กับ เจ้า รากษส
    ไปดักอยู่ปากปล่องของ รากษส ที่จะขึ้นมา ถ้า รากษส ขึ้นมา ก็จะฆ่า รากษส ให้ตาย


    <!-- sig -->
     
  9. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    แต่ว่าบรรดาผู้ฟังทั้งหลาย รากษส มีสภาพเป็นยักษ์ มีความดุร้าย มีกำลังมาก
    แทนที่คนทั้งหลายที่รับอาสาพระราชา จะไปฆ่า รากษส
    ก็กลายเป็นอาหารของ รากษส อย่างดี

    คือ รากษส ไม่ต้องไปหากินไกล จับคนทั้งหลายที่จะไปฆ่าเขา
    นำกลับไปกินเป็นอาหาร

    ต่อมาพระราชา เห็นว่า คนทั้งหลายไม่สามารถสู้ รากษส ได้
    การประกาศให้บรรดาคนที่มีฝีมือทั้งหลาย ภายในขอบเขตของพระราชฐาน
    หรือใกล้พระราชฐาน ก็ไม่มีใครรับอาสาไปปราบ รากษส

    พระราชาได้ประชุมอำมาตย์ ข้าราชบริพารว่า....
    เราไม่สามารถปราบ รากษส นี้ ได้เพียงใด ความเป็นพระราชาของเราก็ไม่อาจจะคงอยู่
    เพราะเราไม่สามารถจะให้ความปลอดภัยกับบรรดาประชาชนได้

    แล้วอาศัยที่พระราชาพระองค์นี้ ใช้ ทศพิธราชธรรม อันดี เป็นที่รักของปวงชนทั้งหลาย

    บรรดาอำมาตย์ ข้าราชบริพารจึงประชุมกันว่า ถ้าหากพวกเราไม่สามารถฆ่า รากษส ได้
    พระราชาก็จะสละราชสมบัติ แล้วคนที่มาใหม่ จะดีเท่าองค์นี้ หรือไม่ดี ก็ยังไม่แน่นัก
    จึงปรึกษากันว่า จะทำอย่างไรดี จะให้พระราชาครองราชย์ต่อไป

    ในที่ประชุม ก็กล่าวกันว่า ทางที่ดีควรประกาศให้บรรดาประชาชนทั้งหลายทั่วประเทศ
    ที่มีความสามารถ

    เข้าใจตรงกันว่า พระราชามีบุญญาธิการอย่างนี้ และมีความเดือดร้อนอย่างนี้
    ราษฎรจนที่ไหน พระองค์ก็ทรงจนด้วย
    ราษฎรลำบากที่ไหน พระองค์ก็ทรงลำบากด้วย
    หาทางช่วยราษฎรให้เป็นสุข พระราชาอย่างนี้ หาได้ยาก

    ถ้ากระไรก็ดี ก็ควรกราบทูลให้พระองค์ทรงทราบ ว่า....
    คนในประเทศของเรา ไม่มีเท่าที่เห็น เพราะอยู่ในแดนไกล ในขอบเขตต่าง ๆ มีมากมาย
    ควรจะประกาศให้บรรดาประชาชนทั้งหลายที่มีความสามารถ
    แต่ไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าพระราชา ที่จะรับอาสาฆ่า รากษส

    ในที่สุดเขาก็กราบทูลให้พระราชาทรงทราบ แล้วก็ทำตามนั้น
    มอบทองคำ เท่าลูกฟัก สำหรับผู้รับอาสา

    ต่อมา พระราช ก็ส่งคนไปประกาศว่า ถ้าบุคคลใดสามารถจะฆ่า รากษส ให้ตายได้
    ในช่วงแห่งการรับอาสาจะมอบทองคำเท่าลูกฟัก หนักเท่าตัวบุคคลผู้รับอาสา
    ให้เป็นทุนสำรองไว้ก่อน ทั้งนี้ ก็เผื่อว่า ไปพลาดพลั้งถูก รากษส ฆ่าตาย
    ทางบ้านก็จะได้ใช้ทองคำนี้ จับจ่ายใช้สอย เป็นการประทังชีวิตให้มีความสุขสบายแทนผู้ตาย

    ถ้าบุคคลใดฆ่า รากษส ตาย แล้วตัวเองก็ไม่ตาย ทองคำก็ได้เป็นสิทธิ์อยู่แล้ว

    แต่เมื่อเวลาที่กลับมาประเทศเขตพระนคร พระราชาจะให้เป็นมหาอุปราช
    คือไปมีตำแหน่งรองจากพระราชา

    วันนั้น ก็ปรากฏว่า หน่อพระบรมโพธิสัตว์ จะเข้าป่าไปหาฟืน แต่ยังไม่ทันจะเข้า เดินออกจากบ้าน
    ก็ได้ยินเสียงประกาศจจจากอำมาตย์ ข้าราชบริพารว่า ถ้าบุคคลผู้ใดรับอาสาฆ่า รากษส ได้
    พระราชาจะประทานทองคำเท่าลูกฟัก หนักเท่าตัวคนผู้อาสา เป็นเดิมพัน
    แต่ถ้าฆ่า รากษส ไม่ได้ ต้องตายไป ทองคำนี้ก็จะเลี้ยงครอบครัว

    และถ้าฆ่าได้ ก็จะแถมรางวัลพิเศษ คือ ให้เป็นมหาอุปราช
    หน่อพระบรมโพธิสัตว์ จึงคิดว่า เราเป็นลูกคนเดียวของแม่คนเดียว หาเช้ากินค่ำ
    ทรัพย์สมบัติที่หามาได้ ก็พอกินบ้าง ไม่พอกินบ้าง มีความลำบาก

    ถ้าหากว่าเราจะยอมเสี่ยงชีวิตของเรา ตายแต่เพียงผู้เดียว
    ให้แม่ได้มีโอกาสรับทองคำเท่าลูกฟัก หนักเท่าตัวเรา แม่ก็จะกินอยู่แบบสบาย ๆ
    แม้กระทั่งตาย ทองคำก็ยังไม่หมด

    เมื่อหน่อพระบรมโพธิสัตว์ กำหนดอย่างนี้แล้ว จึงได้ขันรับอาสา
    แล้วก็รับทองคำมามอบให้แก่แม่
    ตอนนี้ แม่คัดค้านอย่างหนัก ไม่อยากจะให้ลูกตาย

    ในที่สุด ก็ต้องจำยอม เพราะตกลงกับเขาแล้ว จึงได้มอบทองคำให้แม่
    ตัวเองก็ไปเฝ้าพระราชาพร้อมกับอำมาตย์



    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  10. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    เข้าไปเฝ้าแล้ว....
    พระราชาถามถึงผลของความต้องการ เธอสามารถแน่ใจที่จะฆ่า รากษส ได้หรือ
    พระโพธิสัตว์ก็บอกว่า มั่นใจ ต่อไปพระราชา ถามว่า เจ้าต้องการทหารเท่าไร
    ต้องการอาวุธอะไรบ้าง จะไปฆ่า รากษส

    หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ก็ตอบว่า “ไม่ต้องการอะไรอะไรทั้งหมด ต้องการฆ่า ด้วยมือเปล่า”

    พระราชาก็หนักใจ แต่ว่า เขาขันรับอาสาตามนั้น ก็ต้องปล่อยไป
    เขาก็นำไปส่งที่ปล่องของ รากษส

    หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ขึ้นไปคอยอยู่ประมาณ 2 วัน พระราชาทรงให้ทหารไปเป็นเพื่อน
    นำอาหารไปบริโภค ไปคอยอยู่ที่ปากปล่องที่ รากษส จะขึ้น
    ต่อมา เมื่อถึงวันนั้น คือวันกำหนดที่ รากษส จะขึ้นมา มีเวลาเป็นประจำ ก็ขึ้นมาพอดี

    พอ รากษส ขึ้นมา ไม่ทันจะพ้นปล่อง หัวขึ้นมาพ้นปล่อง
    หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ยกเท้าขึ้นหวังจะกระทืบ คือจะกระทืบให้ รากษส คอหักตาย

    รากษส แหงนหน้าขึ้นมา เห็นอุ้งเท้าของหน่อพระจอมไตรบรมโพธิสัตว์ มีกงจักร
    ในระหว่างท่ามกลางฝ่าเท้า ก็คิดว่า คราวนี้เราตายแน่ เราสู้ไม่ได้
    เพราะคนนี้ต้องเป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์ เพราะกลางระหว่างเท้า มีกงจักรสีแดง

    จึงได้พูดว่า....
    ช้าก่อน ท่านอย่าพึ่งฆ่าเรา ท่านนี่เป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์ จะได้ตรัสรู้
    เป็นพระพุทธเจ้าในอีกไม่นานนัก เพราะว่ากลางเท้าของท่านมีกงจักร
    หากท่านฆ่าเรา เราก็ตาย ถ้าท่านฆ่าเราไซร้ ท่านจะมีอายุสั้น
    ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ตามธรรมดาพระพุทธเจ้า จะต้องมีอายุ สองหมื่นปีบ้าง
    ถึงสี่หมื่นบ้างก็มี

    อีกประการหนึ่ง พระพุทธเจ้าสามารถจะอธิษฐานตนให้มีอายุถึงกัปหนึ่ง ก็ได้

    หากว่า ท่านฆ่าเราตาย ในเวลานี้ เวลานี้เรามีอายุ 80 ปี
    ถ้าหากว่าท่านฆ่าเราตายในเวลานี้

    เมื่อท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็ต้องมีอายุ 80 ปี เท่านั้น

    การประกาศพระศาสนาของท่าน จะไม่มีผลตามความประสงค์

    หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ก็กล่าวว่า....

    “เจ้าเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายมาก ไล่พิฆาต เข่นฆ่าคนเป็นอาหาร ถึงแม้นว่าเราจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า มีอายุแค่ 80 ปี เราพร้อม ยอมตามนั้น”

    ในที่สุด หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ก็กระทืบศรีษะยักษ์ รากษส ยักษ์ก็คอหักตาย

    ................................................................................

    นี่แหละบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่า พระพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์ เมื่อเป็นพระพุทธเจ้า สามารถจะอธิษฐานอายุของตนให้อยู่ได้ถึงกัปหนึ่ง ก็ย่อมเป็นได้ เพราะคล่องใน อิทธิบาท 4

    แต่ว่า ที่องค์สมเด็จพระมหามุนีบรมศาสดา จะต้องนิพพาน ภายในอายุ 80 ปี
    ตามพระบาลี ท่านกล่าวว่า เหตุของการฆ่า รากษส ตนนั้น

    จึงเป็นเหตุให้สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ต้องนิพพานในอายุยังสั้น
    ………………….
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  11. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    ในที่สุดแห่งพระธรรมเทศนานี้

    อาตมภาพในฐานะพรสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ ทั้ง 3 ประการ

    ขอจงดลบันดาลให้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน มีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล
    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุแล้ว
    ขอบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว จงเห็นธรรมนั้น ในชาติปัจจุบันนี้ เทอญ.

    เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้.
     
  12. sutanee

    sutanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +3,248
    เคยสงสัยเหมือนกันตอนนี้เข้าใจแล้ว
     
  13. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    ผมยังเป็นเด็กน่ะครับ นั่นรูปเณร (รูปผมเองแหละ) แต่ตอนนี้สึกแล้ว เหอๆ
     
  14. ปราณยาม

    ปราณยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ถ้าไม่มีเหตุเหล่านี้เราอาจจะได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้ากันแล้วก็ได้นะครับ ยังไงก็หมั่นศึกษาในธรรมกันให้มากๆดีกว่าครับ เพราะท่านกล่าวว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต ครับ
     
  15. penney

    penney เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ท่านยอมเสียสละ เพื่อส่วนรวม
    แม้จะเป็นระยะเวลาเพียง 45 ปีที่ท่านได้แสดงธรรมไว้
    แต่ก็นับว่าเป็นประโยชน์ต่อสัตว์โลกยิ่งนัก
    สาธุๆ
     
  16. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    จากที่อ่านมาจะเห็นได้ว่า
    ในภัทรกัปนี้พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกแล้วนั้น

    - พระกกุสันธ บำเพ็ญบารมีอีก 8 อสงไขยจึงได้ตรัสรู้ และในช่วง 8 อสงไขยนี้ ได้พบพระพุทธเจ้าประมาณ 37,024 พระองค์

    - พระโกนาคมน บำเพ็ญบารมีอีก 8 อสงไขยจึงได้ตรัสรู้ และในช่วง 8 อสงไขยนี้ ได้พบพระพุทธเจ้าประมาณ 37,024 พระองค์

    - พระกัสป บำเพ็ญบารมีอีก 8 อสงไขยจึงได้ตรัสรู้ และในช่วง 8 อสงไขยนี้ ได้พบพระพุทธเจ้าประมาณ 37,024 พระองค์

    - พระโคตม บำเพ็ญบารมีอีก 4 อสงไขยจึงได้ตรัสรู้ และในช่วง 4 อสงไขยนี้ ได้พบพระพุทธเจ้าทั้งสิ้นจำนวน 24 พระองค์

    - พระอริเมตตรัย บำเพ็ญบารมีอีก 16 อสงไขยจึงได้ตรัสรู้ และในช่วง 16 อสงไขยนี้ ได้พบพระพุทธเจ้าประมาณ 477,029 พระองค์

    เหตุที่พระพุทธเจ้าองค์อื่นในภัทรกัปนี้ทั้ง 4 พระองค์ ได้พบพระพุทธเจ้าในช่วงบำเพ็ญบารมีก่อนตรัสรู้จำนวนมากมายนับหมื่นๆ พระองค์ โดยเฉพาะพระศรีอาริยเมตตรัยนั้นได้พบพระพุทธเจ้าเป็นจำนวนถึง 4 แสนกว่าพระองค์ ส่วนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจบันของเรานั้นคือพระโคตมท่านได้พบพระพุทธเจ้าเพียง 24 พระองค์นั้น เป็นเพราะว่าในช่วงระยะเวลา 4 อสงไขยแสนมหากัปที่ผ่านมานี้ มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จำนวนน้อยมากเหลือเกินโดยมีเพียง 24 พระองค์เท่านั้นเมื่อเทียบกับ อสงไขยก่อนๆ หน้านี้แล้ว บางอสงไขยทรงพระพุทธเจ้าจำนวนมากนับหมื่นนับแสนพระองค์เลยทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2007
  17. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    อันนี้เดาเอานะครับ

    ที่พระศรีอารย์ได้มีบุญสัมพันธ์กับพระพุทธเจ้าลำดับถัดไปมาก ก็เพราะพระพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้าได้สร้างบารมีไว้

    ก็อย่างที่พระโคตม เสด็จลงจากดาวดึงส์ แล้วเปิดสามโลกให้เห็นกันและกัน ทำให้เกิดผู้ปราถนาพุทธภูมิมากมาย

    และเรื่อยมาระหว่างนั้น พุทธภูมิเหล่านั้นก็ได้เร่งบำเพ็ญบารมีกัน

    แล้วช่วงกึ่งพุทธกาลนี้ ก็จะเห็นว่าปัญหาใหญ่มาก พุทธภูมิทั้งหลาย และอาจรวมถึงพระศรีอารย์ด้วย ก็ได้มาสัมพันธ์กันด้วยจังหวะนี้

    ทำให้สมัยที่พระศรีอารย์ตรัสรู้ โพธิสัตว์ที่บารมีเต็มก็จะได้รับการพยากรณ์กันมาก เพราะปัจจัยที่ได้ช่วยเหลืองานกันมา

    * * * *
    ถ้าจำนวนพุทธเจ้าที่กล่าว หมายถึง นิตยโพธิสัตว์ หรือ โพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์ ไม่เช่นนั้น วันที่เสดจจากดาวดึงส์ ก็ต้องนับรวมไปด้วย ไม่มากก็น้อย
     
  18. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    พระศรีอาริยเมตตรัยนั้นท่านได้รับพุทธพยากรณ์ก่อนพระสมณโคดมครับ โดยต้องนับย้อนขึ้นไปก่อนชาติที่พระโคคมพระพุทธเจ้าองอ์ปัจจุบันของเรานี้ได้รับพุทธพยากรครั้งแรกอีก 12 อสงไขยครับ
    พระศรีอาริย์นั้นท่านได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก ก่อนพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ในภัทรกัปนี้ครับ

    กล่าวคือ...

    - นับย้อนจากกัปปัจจุบันนี้ขึ้นไป 4 อสงไขยแสนมหากัปที่แล้วนั้น เป็นช่วงที่
    พระโคตมหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเราได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก และถ้า...

    - นับย้อนจากกัปปัจจุบันนี้ขึ้นไป 8 อสงไขยแสนมหากัปที่แล้วนั้นก็เป็นช่วงที่ พระกกุสันธ พระโกนาคมน พระกัสป ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกครับ

    และเช่นกันถ้า..

    - นับย้อนจากกัปปัจจุบันนี้ขึ้นไปอีก 16 อสงไขยแสนมหากัปที่แล้วนั้นก็เป็นช่วงที่ ศรีอาริยเมตตรัยท่านได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกครับ

    ช่วงอสงไขยก่อนหน้า 4 อสงไขยแสนมหากัปที่ผ่านมานี้มีพระพุทธเจ้ามาตรัสเป็นจำนวนมากนับหมื่นนับแสนพระองค์ ซึ่งถ้าเทียบกันแล้วจะเห็นว่าช่วง 4 อสงไขยแสนมหากัปที่ผ่านมานี้ เกือบจะเป็นสูญอสงไขยไปเลยทีเดียวคือแทบจะไม่มีผู้มีบุญบารมีเพียงพอที่จะลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โดยมีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสเพียง 24 พระองค์เท่านั้น นับว่าเป็นบุญของพวกเรามากมายนักหนาที่เกิดมาชาตินี้ได้พบกับพระพุทธศาสนาครับ
     
  19. ไฟราคะ

    ไฟราคะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +92
    ขอแก้ไขให้นิดนะครับ
    ปกติพุทธรังสีของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมีกำหนดอยู่นะครับ ไม่ใช่ว่าถ้าไม่มีบอกไว้จะสร้านไปไกลตามที่พระองค์ประสงค์

    และก็ ไม่ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดถ้าปรารถนาจะให้พุทธรังสีแผ่กว้างไปเท่าใดก็ตาม ก็ย่อมสามารถทำได้ครับ อย่างเช่นพระพุทธเจ้าของเรา มีปกติรังสีคือ 1 วา แต่ถ้าพระองค์ปรารถนาให้แผ่ไปตลอดแสนโกฏิจักรวาล ก็ย่อมทำได้ครับ
     
  20. ทาสธรรม

    ทาสธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +95
    สาธุการครับ
    ขอภพสุดท้ายจงบังเกิดกับเราโดยเราโดยเร็ววันเถิด สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...