ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. mooom

    mooom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +9,291
    ขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาบุญกับคุณKoKowalk และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมประมูล ,ร่วมเชียร์,ร่วมบุญในกองทุนกัน ทุกท่านด้วยครับ
     
  2. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,409
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,434
    ขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาบุญกับคุณ KoKowalk และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ
     
  3. KoKoWalK

    KoKoWalK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +7,888
    ขออนุโมทนาในบุญกุศลของทุกท่านที่ได้ร่วมประมูลดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์ และขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ร่วมเชียร์และร่วมยินดีในบุญกุศลในครั้งนี้

    ขอขอบคุณพี่น้ำใสใจดีที่มอบพระขรรค์สีแดงของพระศรีอารียเมตไตรย(หรือพระเดชพระคุณหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้)ให้ในโอกาสนี้ด้วย นับเป็นบุญวาสนาของตระกูลของผมอย่างมาก

    ในการประมูลครั้งนี้ต้องขอบอกว่าจริงๆแล้วด้วยกำลังผมเองคงไม่ประมูลสูงขนาดนี้ครับ แต่เนื่องด้วยคุณพ่อคุณแม่ของผมท่านปรารถนาจะได้ดวงแก้วดวงนี้มาบูชาจึงให้การสนับสนุน รวมทั้งทุกท่านที่ร่วมประมูลก็มีกำลังใจอันยิ่งใหญ่จริงๆ ผลออกมาเลยได้มีเงินทำบุญสร้างพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก ๑๐% น่ายินดี อนุโมทนา สาธุครับ

    ขอแจ้งการโอนเงินร่วมบุญในครั้งนี้ ๓๙,๙๙๙.๙๙ บาท
    เข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ๐๘๐-๒๕๒๖๔๗-๒
    เวลา ๑๖.๕๓ น. วันที่ ๒๗/๒/๒๕๕๗

    รายการที่ประมูลได้ในครั้งนี้ผมขอฝากพี่น้ำใสไว้ก่อน ในเดือนหน้าผมจะขอไปรับด้วยตนเองครับ

    ขออนุโมทนาในบุญกุศลของทุกๆท่านอีกครั้งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2014
  4. วาสุเทพ

    วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    ขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาบุญกับคุณKoKoWalK ด้วยครับ ที่ประมูลได้ดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์
    และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมประมูล/ร่วมเชียร์/ร่วมบุญ/ร่วมยินดี กับทุกท่านด้วยครับ
     
  5. Giant 1

    Giant 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1,014
    ค่าพลัง:
    +9,211

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  6. poonoy

    poonoy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +219
    ร่วมทำบุญปล่อยปลา 200 บาท วันที่28/2/2557 เวลา 08.21 น. ค่ะ
     
  7. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905


    ขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาบุญกับคุณKoKowalk และคุณพ่อ คุณแม่ของคุณkokowalk ด้วยค่ะ


    จันทรกาล(^)catt26
     
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติจักรแก้วชุดวสไวยยนะ และดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๑๐ พญาสีหวิมานครุฑา..

    1960.jpg

    ในระหว่างทางห่างจากบริเวณที่เข้าสมาบัติของพระดาบสทั้ง ๗ ประมาณ ๓๐ โยชน์ เป็นที่อยูของพญาสีหวิมานครุฑา และบริวารเห็นนกหงส์หยกบิน คาบผลไม้นับหลายหมื่นตัวเกิดความสงสัย จึงให้ครุฑบริวารบินไปถามสัตตบุษย์เสนายักษ์ว่า...

    “ข้าฯแต่ท่านพญายักษ์ เหตุใดท่านและเหล่านกหงส์หยกนี้จึงมาด้วยกันได้ นกเหล่านี้มีผลไม้คาบอยู่ในปาก มีเรื่องราวอันใด นายข้าฯใคร่อยากรู้”

    สัตตบุษย์เสนายักษ์นั้นเห็นเป็นครุฑบริวาร จึงนึกในใจว่า ...

    “ธรรมดาครุฑนี้ไม่ใคร่จะร่วมวงกับเหล่าอื่น มักปลีกวิเวก คงมีเหตุบางอย่างที่ทำให้พญาครุฑอีกสงสัยเป็นแน่”

    จึงกล่าวแก่ครุฑบริวารว่า....

    “ท่านจงไปบอกแก่นายของท่านว่า ห่างจากแดนของท่านไปประมาณ ๓๐ โยชน์มีพระดาบส ๗ ตน กำลังจะออกจากสมาบัติ เราและบริวาร ตลอดทั้งเหล่านกน้อยนี้ ได้รับการบัญชาจากพญาเวสภูปริสสยักษ์ให้นำผลไม้อันหอมหวาน เตรียมถวายแด่พระดาบสทั้ง ๗ ในวันรุ่งขึ้น ”


    ครุฑบริวารได้ลาสัตตบุษย์เสนายักษ์แล้วไปบอกแก่นายของตน ตามที่ทราบมา พญาสีหวิมานครุฑานั้นเกิดความปิติใจ ด้วยจิตชอบบำเพ็ญพรตอยู่แล้ว จึงพาบริวารบินตามสัตตบุษย์เสนายักษ์อยู่ห่าง ๆ

    ครั้นสัตตบุษย์เสนายักษ์ใกล้ถึงบริเวณที่พำนักของพระดาบสทั้ง ๗ เมื่อสัตตรินทรมาณวิกา เห็นพวกครุฑบินตามมา จึงเกิดความหวาดกลัว ร้องบอกแก่ปริญญนาคราช ผู้เป็นองครักษ์ว่า..

    “นั่นมันพญาครุฑที่เคยไล่จิกเรา และจะกินเราเป็นอาหาร พวกนั้นมาทำอะไรที่นี่”

    พญาเวสภูปริสสยักษ์เห็นบรรดานาคทั้งหลายแสดงความหวาดกล้วเช่นนั้น จึงพาบริวารทั้งหลายเหาะขึ้นไปบนฟ้า พร้อมขวางการมาของพญาสีหวิมานครุฑา ร้องกล่าวว่า...

    “พวกท่านมาที่นี่มีวัตถุประสงค์ใด ขอท่านจงหลีกไปเถิด”


    พญาสีหวิมานครุฑานั้นกล่าวว่า .. “เรามีดี ต้องการเพียงกราบนมัสการพระดาบสทั้ง ๕ เท่านั้น มิได้มีเจตนาจะทำร้ายใคร”

    สัตตรินทรมาณวิกาเห็นดังนั้น ก็ร้องกล่าวว่า ..

    “ข้าฯแต่ท่านพญายักษ์ พระนางศิรวรตยักษิณีเคยช่วยข้าฯ จากพญาครุฑใจร้ายผู้นี้แหละเจ้าข้าฯ”

    ระหว่างกำลังชุลมุนอยู่นั้น เกิดเสียงฟ้าผ่า และแผ่นดินไหวขึ้น ทั้งหมดต่างหยุดถกเถียงกัน ทราบว่า ขณะนี้พระดาบสทั้ง ๗ ได้ออกจากสมาบัติ และอธิษฐานดวงแก้วสำเร็จแล้ว

    พญาเวสภูปริสสยักษ์จึงสั่งให้บริวารยักษ์ทั้งหลายป้องกัน พญาสีหวิมานครุฑาและบริวารเข้ามาบริเวณที่พระดาบสทั้ง ๗ เข้าสมาบัติ

    จากนั้นอีกไม่นาน ก็มีเสียงคล้ายแผ่นดินไหว ปรากฏจากดวงแก้วสหัสสนัยไตรภพปรากฏขึ้นมา สร้างความปิติใจแก่บรรดาผู้ที่มารอการออกสมาบัติของพระดาบสทั้ง ๗ ทิ้งให้พญาสีหวิมานครุฑา และบริวารรออยู่นอกรอบ

    เหล่าครุฑทั้งหลายต่างรู้สึกไม่พอใจพญาเวสภูฯ และบริวาร ตลอดทั้งพญานาคทั้งหลาย แต่เก็บซ่อนความรู้สึกไว้รอคอยโอกาสอยู่
     
  9. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติจักรแก้วชุดวสไวยยนะ และดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๑๑


    หลังจากที่พระดาบสทั้ง ๗ ออกจากสมาบัติ และได้อธิษฐานดวงแก้วทั้ง ๗ ดวงแล้ว เหล่าเสนาบดีนาคราชทั้งหลาย ได้อาราธนาพระดาบสทั้ง ๗ ขึ้นยานแก้ว(ราชรถแก้ว) เคลื่อนไปยังถ้ำก่อนปากทางเข้านาคพิภพ พร้อมกับเชิญบรรดาศิษย์ของพระดาบสทั้ง ๗ เป็นยักษ์ คนธรรพ์ นาคและกินนร กินรี (ยกเว้นพวกครุฑ) ให้ไปรอรับการออกจากสมาบัติของพระดาบส-พระดาบสินีทั้ง ๖ ตน โดยพระดาบสได้มอบดวงแก้วทั้ง ๗ ให้รักษาไว้ดังนี้

    ๑.ดวงแก้วนพฤทธิ์วรธรรพ์ อธิษฐานโดยพระสุทธิชาตะดาบส ได้มอบแก่ท้าววรธรรพ์เทพบุตร อันเป็นหัวหน้าคนธรรพ์เวลานั้น

    ๒. ดวงแก้วอภิธรรมสิริโชติ อธิษฐานโดยพระชีวญาณชาตะดาบส ได้มอบให้พญาอัสรินทร์ตาปะนาคราช เป็นผู้ดูแล (ท่าน widya เจ้าของ)

    ๓. ดวงแก้วโชติกมัยรัตนะ อธิษฐานโดยพระอัครญาณชาตะดาบส ได้มอบให้พญาวสุธนน์นาคราช พระอนุชาของพญาอัสรินทร์ตาปะนาคราช ( คุณ pizza4G เจ้าของ)

    ๔. ดวงแก้วอัครมงคลธรรม อธิษฐานโดยพระญาณชาตดาบส ได้มอบแด่พญาวารนารทกินนร ผู้นำของเหล่ากินนร(คุณวาสุเทพ เจ้าของ)

    ๕. ดวงแก้วสุทธิธรรมฤทธิ์ อธิษฐานโดยพระสุทธิธรรม ได้มอบให้พญาเวสภูปริสสยักษ์ (คุณเพชร2545 เจ้าของ )

    ๖. ดวงแก้วสิทธิ์ธรรมโชติ อธิษฐานโดย พระมโหสถนะยะกะดาบส ได้มอบไว้กับมหาปวารณาเสนายักษ์ ตำแหน่งรองจากพญาเวสภูปริสสยักษ์ (คุณ mooom เจ้าของ)

    ๗. ดวงแก้วโรจนมณีฤทธิ์ อธิษฐานโดยพระมังคลชาตะดาบส ได้มอบไว้แก่พญาวสุธิสสากินนร
    ซึ่งเป็นน้องชายของพญาวารนารทกินนร (คุณ Phuya เจ้าของ )
     
  10. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรแก้วชุดวสไวยยนะ และดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๑๒ ชิงดวงแก้วมณี


    ในระหว่างนั้น พญาสีหวิมานครุฑาได้เห็นแสงของดวงแก้วมณีเปล่งออกมาสว่างไสว จึงใคร่ปรารถนาจะได้เป็นเจ้าของ จึงบอกแก่บริวารให้ดักชิงดวงแก้วมณีมาเป็นของตน

    เหล่าบริวารของพญาสีหวิมานครุฑานั้น จึงพากันวางแผน ต่างมีความเห็นว่า พวกตนไม่กล้าจะต่อกรกับพวกยักษ์ เนื่องจากมีฤทธิ์มากกว่า หากรบก็แพ้

    ส่วนพวกนักสิทธิ์-คนธรรพ์นั้น นอกจากมีวิชาต่าง ๆ มากแล้วยังมีกุมภัณฑ์เป็นพวก ส่วนพวกกินนรนั้น ซึ่งจัดเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันจึงไม่อยากแย่งชิง จึงเห็นมีเพียงดวงแก้วมณี ๒ ดวงที่พวกพญานาครักษาเท่านั้นที่พวกตนจะดักชิงมาได้

    พญาสีหวิมานครุฑานั้น มีบริวารครุฑตนหนึ่งนามว่า “บริพัตรนัยยครุฑ” ที่มีตาทิพย์-หูทิพย์เหนือครุฑทั่วไป จึงให้ตรวจตราดู และล่วงรู้แผนการของเหล่านาคราช จึงทราบว่าจะแย่งชิงจากพวกนาคได้เมื่อใด บริพัตรนัยครุฑเห็นว่า ...

    “ท่านควรชิงลงมือก่อนพญาอัสรินทร์ตาปะนาคราช(ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์) และพญาวสุธนน์นาคราช(คุณ sun2555) จะลงสู่นาคพิภพ พวกนี้จะรอให้พระดาบส และพวกอาคันตุกะ(พวกยักษ์ คนธรรพ์ และกินนร) ลงไปก่อน พวกนาคจะเป็นพวกสุดท้ายที่จะลงไป”




    จากนั้นพญาสีหวิมานครุฑาได้ตกลงกันว่า จะชิงดวงแก้วมณี ๒ ดวงจากพญานาคทั้งสองมาให้ได้ จึงบินไปรอบริเวณปากทางลงนาคพิภพใช้มนต์กำบังกายไว้ไม่ให้เห็นกายของพวกตน

    เมื่อยานของพระดาบสทั้ง ๗ ผ่านไปแล้ว บรรดาพญายักษ์ คนธรรพ์และกินนรทั้งหลายได้ตามลงไป พญาอัสรินทร์ตาปะนาคราชได้ลงไปก่อน ประกอบกับมีแสงสว่างจากดวงแก้วสะท้อนทำให้บรรดาครุฑมองไม่เห็น คงเหลือแต่พญาวสุธนน์นาคราช และบริวารเป็นพวกสุดท้าย


    พญาสีหวิมานครุฑาเห็นโอกาสจึงพาบริวารเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว และใช้มนต์อาล้มพายร่ายมิได้พวกนาคราชทั้งหลายมีเรี่ยวแรง ต่างตกน้ำดุจใบไม้ร่วงนับร้อยตน พวกครุฑเห็นเช่นนั้น ต่างก็จับกินเป็นอาหาร ส่วนพญาวสุธนน์นาคราชนั้น ถูกแย่งดวงแก้วมณีไป ด้วยมนต์ที่ร่ายทำให้ร่างกายอ่อนแรง จึงได้รวบรวมกำลังจิตร้องเรียกให้พระเชษฐาให้มาช่วย

    ฝ่ายพญาอัสรินทร์ตาปะนาคราชนั้นได้ยินเสียงพระอนุชาร้องขอความช่วยเหลือ จึงแจ้งแก่อาคันตุกะทั้งหลาย พญาเวสภูปริสสยักษ์ และพญายักษ์อื่น ๆ ต่างพาบริวารเหาะขึ้นมาเหนือน้ำเห็นพญาสีหวิมานครุฑากำลังทำร้ายอนุชาของตน พญาอัสรินทร์ตาปะนาคราชจึงบันดาลโทสะ ใช้ฤทธิ์เผาพวกครุฑตายนับร้อยเช่นกัน


    ต่อมาพญาเวสภูปริสสยักษ์ และพญายักษ์อื่น ๆ ต่างช่วยกันต่อสู้ เพื่อขับไล่ พญาสีหวิมานครุฑา และบริวารครุฑนั้น พญาสีหวิมานครุฑา เห็นสู้ไม่ได้ เมื่อได้ดวงแก้วมณีแล้ว จึงต่างบินกลับวิมานของตนไป
    พญาอัสรินทร์ตาปะนาคราชนั้น ได้เข้าช่วยเหลือพญาวสุธนน์นาคราช ซึ่งกำลังจะขาดใจ จึงได้พาร่างพญาวสุธนน์นาคราชกลับไปยังนาคพิภพทันที


    ท้าวมหาปทุมมัตรนาคราช ผู้เป็นพระบิดา แม้จะมีความรู้สึกสะเทือนใจที่พระโอรสของตนได้รับบาดเจ็บ สั่งให้นำร่างพญาวสุธนน์นาคราชพระโอรสองค์รอง ไปยังถ้ำแก้วก่อนถึงบริเวณที่เข้าสมาบัติของพระดาบส-พระดาบสินีทั้ง ๖ และให้คนดูแลอย่างใกล้ชิด และได้ทำหน้าที่อุปัฏฐากพระดาบสทั้ง ๗ และดูแลอาคันตุกะต่างเผ่าพันธุ์โดยไม่ปริปาก

    และขอร้องพญายักษ์ทั้งหลายให้เก็บเรื่องของพระโอรสองค์รองบาดเจ็บเป็นความลับ และให้นำดวงแก้วอภิธรรมสิริโชติประดิษฐานยังถ้ำแก้วในนาคพิภพ เพื่อบูชาคุณแห่งพระดาบสทั้ง ๗
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2014
  11. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๑๓ ปรุงยารักษาชีวิต ๓ ราตรี

    กล่าวถึงพระดาบสทั้ง ๗ หลังจากที่เหล่านาคราชทั้งหลายได้นำยานไปรับ และจัดที่พักให้ดุจวิมานบนสวรรค์บริเวณที่พักของพระดาบสทั้ง ๗ อยู่บริเวณเดียวกัน เหล่านาคราชทั้งหลาย ได้รักษาความปลอดภัยอยู่ห่าง ๆ

    พระสุทธิชาตะดาบสเป็นผู้เก็บรักษาดวงแก้วสหัสสนัยไตรภพ ทราบด้วยญาณทัสสนะว่า พญาวสุธนน์นาคราชถูกครุฑทำร้ายจนบาดเจ็บ จึงปรึกษากับพระดาบสทั้ง ๖ ว่า จะมีทางช่วยเหลืออย่างไร


    พระญาณชาตดาบสด้วยดูด้วยอนาคตังคญาณทราบว่า อีกไม่เกิน ๓ ราตรี พญาวสุธนน์นาคราชจะจุติ แต่ ๓ ราตรีนั้น เป็นเวลาที่เหล่านาคราชทั้งหลายต่างรอคอยมานานนับกัป
    พระสุทธิชาตะดาบส จึงให้พระมโหสถนะยะกะดาบสปรุงยา เพื่อบรรเทาทุกข์เวทนาแก่พญาวสุธนน์นาคราช จากนั้นจึงได้นำยานั้นไปมอบแก่ท้าวมหาปทุมมัตรนาคราช และกล่าวว่า..

    “ท่านพญานาคราชผู้เป็นใหญ่ เรานับถือน้ำใจของท่านยิ่ง มีเรื่องร้ายแรงเกิดแก่ตระกูลของท่านนี้ ยังคงอุปัฏฐากเราทั้งหลายดุจไม่มีอะไรเกิดขึ้น อานิสงส์แห่งขันติบารมีนี้ จะส่งผลให้ท่านสำเร็จกาลใหญ่ในวันข้างหน้า

    นี้เป็นยาที่ดาบสน้องชายคนเล็กของเราปรุง พระโอรสของท่านยังสังขารอยู่ได้ไม่เกิน ๓ ราตรี แต่ยานี้จะช่วยให้เขาหายเป็นปกติได้ แต่ไม่สามารถต่ออายุขัยได้ ขอท่านจงรับไป ให้ผ่านงานสำคัญนี้ไปก่อน เราค่อยหาทางช่วยกัน”


    ท้าวมหาปทุมมัตรนาคราช รู้สึกปิติยินดียิ่ง จึงก้มกราบพระดาบสทั้ง ๗ กรรแสงและกล่าวว่า

    "ข้าฯแต่พระอาจารย์ เกล้ากระผมขอเพียงว่า ขอให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อรอรับพระอาจารย์ทั้ง ๖ เพียงเท่านี้ เกล้ากระผมก็พอใจแล้วขอรับ ขอให้เขาได้ทำหน้าที่ดุจชายชาตินักรบ จุติในหน้าที่สำคัญก็เพียงพอแล้วขอรับ”

    จากนั้นได้กราบลาพระดาบสทั้ง ๗ เดินทางไปยังถ้ำแก้ว พร้อมกับพญาอัสรินทร์ตาปะนาคราช พระโอรสองค์โต เมื่อไปถึงร่างของพญาวสุธนน์นาคราชถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ไหว ทรงนำยาหยอดลงโอษฐ์ของพระโอรสทันที

    เมื่อพญาวสุธนน์นาคราชได้รับยาที่ปรุงโดยพระมโหสถนะยะกะดาบสแล้ว รู้สึกตัว อาการเจ็บปวดหายไปเป็นปลิดทิ้ง คิดว่าตนหายสนิท จึงได้ก้มกราบพระบิดา และพระเชษฐา ท้าวมหาปทุมมัตรนาคราชนั้น มิได้บอกความจริงเรื่องอายุขัยแก่พระโอรส คิดว่าให้ผ่านงานสำคัญไปก่อน ได้แต่ประคองกอดพระโอรสด้วยความรัก ความเมตตา และกล่าวเพียงว่า..

    “ขอให้เจ้า เป็นสุข ๆ นะลูกรักของพ่อ”


    ท้าวมหาปทุมมัตรนาคราชกำชับไม่ให้พระโอรสและบริวารพูดเรื่องดวงแก้วโดนครุฑชิงไป และพระโอรสองค์รองบาดเจ็บ เพื่อกันชาวเมือง และอาคันตุกะแตกตื่น จากนั้นต่างแยกย้ายกันกลับยังวิมานของตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2014
  12. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๑๔ โอภสสุวัณณเทวบุตรจุติ

    ครั้นรุ่งขึ้นตรงกับเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ เวลาเช้าตรู่เกิดแผ่นดินสะเทือนไป ทั่วพระดาบสทั้ง ๗ เหล่านาคราช บรรดายักษ์ คนธรรพ์ และกินนรทั้งหลาย ต่างปิติยินดีที่ได้เห็นพระดาบส และพระดาบสินี ซึ่งมีอายุยืนยาวนับ ๓๑ กัป ปรารถนาจะเห็นเป็นบุญตา

    เสียงสั่นสะเทือนนี้ เป็นเหตุให้โอภสสุวัณณเทวบุตรเคลื่อนออกจากสมาบัติไปจุติยังพระครรภ์ของพระวาสินีเทวี พระอัครมเหสีของพระเจ้าพันธุรัตน์ เมืองโกลิยนครในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็งตามท้าวสักกเทวราชได้ให้พรไว้ทุกประการ


    กล่าวถึงเทพธิดาอดีตนางยักขินี หลังจากจุติบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดีแล้ว นางรู้สึกหลับแล้ว ตื่นพบว่า ตนเองมีร่างกายสวยงามกว่าเดิมรู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่จะรู้สึกหลับนางจำได้ว่า นาคมาณวิกาผู้เลอโฉมได้เล่าถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง

    จึงระลึกได้ว่า วันนี้เป็นวันสำคัญพระดาบส-พระดาบสสินีจะออกจากสมาบัติ จึงได้พาบริวารลงจากวิมานบนสวรรค์ชั้น ๕ ขออนุญาตไปยังนาคพิภพ เพื่อรอรับการออกจากสมาบัติของพระดาบส

    ท้าวสักกเทวราชว่า ได้เห็นเทพธิดาใหม่ ยังไม่มีชื่อจึงเรียกนางว่า “สิริรัตนเทวี เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าจะมีพระดาบสออกจากสมาบัติ เรื่องนี้เหตุใดเราชาวสวรรค์จึงไม่รู้”

    สิริรัตนเทพธิดาจึงได้เล่าเรื่องราวสมัยที่ตนเป็นยักขินี ตั้งใจรักษาศีล ๕ งดเว้นการฆ่าสัตว์ จนเมื่อดื่มน้ำแล้ว ก็จุติ โดยไม่ทราบเหตุว่า ตนเองโดนพิษร้ายแล้วจุติ และได้เล่าเรื่องสัตตรินทร์มาณวิกาได้กล่าวไว้แก่ท้าวสักกเทวราช ท้าวสักกเทวราชได้สั่งให้เทวบุตรองค์หนึ่งไปสืบข่าว

    จึงทราบว่า เรื่องที่สิริรัตนเทพธิดานั้นกล่าวเป็นเรื่องจริง จึงให้สั่งให้เทพธิดาปรุงอาหารทิพย์ไปถวาย พร้อมเสด็จมายังเมืองของท้าวมหาปทุมมัตรนาคราชทันที

    ท้าวมหาปทุมมัตรนาคราชนั้น เห็นท้าวสักกเทวราชนั่งราชรถ พร้อมเหล่าเทพบุตรเทพธิดาลงมาจากสวรรค์ชั้นฟ้า พร้อมท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ เหล่าทัพ จึงได้ให้บรรดานาคราชตั้งแถวรอรับ

    ท้าวสักกเทวราชเห็นพระดาบสทั้ง ๗ จึงทราบว่า ล้วนแต่เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูร ถึง ๖ พระองค์ จึงเกิดความปิติสั่งให้เทพธิดา ๗ ตน ซึ่งล้วนแต่เป็นพระธิดาของพระองค์ นำผ้าทิพย์มาเช็ดเท้าของพระดาบสทั้ง ๗ และเตรียมผ้าทิพย์อีก ๖ ผืนเพื่อรอการออกจากสมาบัติของพระดาบส-พระดาบสินีทั้ง ๖ ด้วย
     
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๑๕ กำเนิดดวงแก้ววัชรพุทธางกูร..

    กาลนั้นมีเทพบุตรองค์หนึ่งนามว่า “พสุวัฒนเทวบุตร” เป็นเทพบุตรจากสวรรค์ชั้น ๖ เห็นการกระทำของท้าวสักกเทวราช จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา

    จึงอธิษฐานสละผ้าทิพย์ของตน เหลือเพียงกายเปล่ามีเพียงสังวาลย์เล็กน้อย แล้วนำไปเช็ดเท้าของพระดาบสทั้ง ๗

    (การสละผ้าทิพย์ของเหล่าเทพทั้งหลายนั้น หากเป็นเทวดาชั้นผู้ใหญ่จะไม่มีใครกระทำ เนื่องจากหากอยู่ในกายเปลือยเปล่าถือว่า มีไม่มีเกียรติ และน่าอับอาย แต่การกระทำของพสุวัฒนเทพบุตรนั้น เกิดจากความศรัทธาอย่างแรงกล้า ทำให้ไม่มีผู้ใดตำหนิ)

    จากนั้นได้นำยกขึ้นเหนือเศียรของตน ทำทักษิณาวัตร ๓ รอบ เพื่อเป็นการบูชาคุณของพระดาบสทั้ง ๗ แล้วอธิษฐานว่า....

    “ขอคำว่าหน่อเนื้อพุทธางกูร จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าในอนาคตกาลด้วยเถิด”


    พระดาบสทั้ง ๗ ได้ล่วงรู้วาระจิตของพสุวัฒนเทพบุตรนี้ จึงได้ให้พรแก่ และเข้าสมาบัติพร้อมกัน อธิษฐานรวมเป็นดวงแก้วมณีขึ้นมา ๑ ดวงโดยอัศจรรย์
    และกล่าวว่า

    “พสุวัฒนเทพบุตรเอ๋ย ดวงแก้วนี้นามว่า “แก้ววัชรพุทธางกูร"เป็นแก้วคู่บารมีของท่าน แม้เมื่อใด เมื่อท่านปรารถนาดวงแก้วนี้จะปรากฏแก่ท่าน หรือเมื่อใดที่ท่านประสงค์จะมอบแก้วนี้แก่ผู้ใด ดวงแก้วนี้ก็ยังคงยังความปรารถนาให้ความสำเร็จทั้งแก่ผู้ที่ท่านมอบให้ และตัวท่านเอง”

    จากนั้นได้มอบแต่พสุวัฒนเทพบุตร พสุวัฒนเทพบุตรรู้สึกปิติใจยิ่ง แต่เห็นว่า คำว่าหน่อเนื้อพุทธางกูรนั้น เกิดแต่คำกล่าวของท้าวสักกเทวราช และท้าวสักกเทวราชเป็นนายของตน จึงได้ถวายดวงแก้วนี้แก่ท้าวสักกเทวราช ท้าวสักกเทวราชได้รับไว้ด้วยความปิติใจในความกตัญญูของพสุวัฒนเทพบุตร และกล่าวว่า..

    “กาลต่อไปหากเราจุติไปเป็นมนุษย์ พสุวัฒนเทพบุตรนี้จะเลื่อนเป็นท้าวสักกเทวราชแทนเรา”

    พระดาบสทั้ง ๗ เทพเทวาทั้งหลาย ตลอดทั้งยักษ์ นาค นักสิทธิ์-คนธรรพ์ และกินนรกินรี ต่างเห็นการกระทำของพสุวัฒนเทพบุตรต่างโมทนาสาธุการ เกิดวิมานอันเป็นทิพย์เพิ่มขึ้นโดยอัศจรรย์

    กาลนั้นท้าววรธรรพ์เทพบุตร หลังจากได้รับมอบดวงแก้วจากพระดาบสแล้ว ตั้งใจจะทำไปเก็บไว้ที่เมืองของตน ได้เห็นการถวายดวงแก้วของพสุวัฒนเทพบุตรแก่ท้าวสักกเทวราช จึงได้กล่าวแก่บริวารของตนว่า..

    "ท้าวธตรฐนี้เป็นนายแห่งเรา การที่เรามีดวงแก้วมณีนั้น ยังความประณีตแก่พวกเราก็ตาม เราจะถวายดวงแก้วมณีนี้แก่นายของเรา พวกท่านเห็นเป็นอย่างไร"

    เหล่าบริวารทั้งหลายต่างก็เห็นดีด้วย จึงได้นำดวงแก้วมณีถวายแด่ท้าวธตรฐ ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นต่างโมทนาสาธุการแก่ท้าววรธรรพ์เป็นอย่างยิ่ง ต่างปิติใจอย่างท่วมท้น
     
  14. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ผู้เกี่ยวเนื่องในประวัติตอนที่ ๙- ๑๕ ค่ะ..

    ท้าวมหาปทุมมัตรนาคราช – พระพุทธปทุมมพุทธเจ้า

    พระสุทธิชาตะดาบส –พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า

    พระอัครญาณชาตะ-พระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า

    พระญาณชาตะดาบส –พระกกุสันโธพุทธเจ้า

    ท้าวสักกเทวราช – สมเด็จพระศรีอารียเมตไตรย

    พระชีวญาณชาตะดาบส –พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า

    พระมังคลชาตะดาบส –พระนารทธรรมราชาบดี

    พญาอัสรินทร์ตาปะนาคราช –ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์

    พระสุทธิธรรมดาบส –ท้าวสักกเทวราชองค์ปัจจุบัน

    พระมโหสถนะยะกะฤาษี/วรมังคลชาตะ” –ท่านท้าวเวสสุวรรณ

    พญาวสุธนน์นาคราช – คุณ sun2555

    พญานกหงส์หยก- คุณ mooom

    พสุวัฒนเทวบุตร –คุณ suwat.su

    ท่านท้าวธตรฐ - คุณพ่อของคุณ KoKoWalk

    ท้าววรธรรพ์เทพบุตร -คุณ KoKoWalk

    สิริรัตนเทพธิดา - Numsai

    สัตตรินทรมาณวิกา- น้องขาล


    ____________________________________________

    หมายเหตุ สำหรับแก้ววัชรพุทธางกูร นั้นภายหลังได้ปรากฏอีกครั้งในยุคพระพุทธโสภิตะพุทธเจ้า ก่อนที่จะขึ้นมาอีกครั้งในยุคนี้ โดยคุณ suwat.su เป็นเจ้าของค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2014
  15. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๑๖ พระสุทธิชาตะดาบสพยากรณ์

    หลังจากนั้น พระสุทธิชาตะดาบสได้กล่าวว่า..

    อันพสุวัฒนเทพบุตร และท้าวท้าววรธรรพ์เทพบุตร นั้น ล้วนเคยปรารถพุทธภูมิมาแต่อดีต เพียงอุปบารมี ในอนาคตกาลไปอีก ๑ อสงไขยนี้ จะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก พระนามว่า “พระสุมังคลพุทธเจ้า”

    ขอจงอธิษฐานไปจุติในยุคของพระองค์ เพื่อให้พระพุทธองค์ได้พยากรณ์เถิด แม้ผู้ใดก็ตามในการสร้างกุศลในครั้งนี้ ขอท่านจงอธิษฐานได้ไปเกิดในยุคของพระสุมังคลพุทธเจ้านั้นเถิด”

    พระสุทธิชาตะดาบสนั้น ได้กล่าวต่อไปว่า “อันพระสุมังคลผู้ประเสริฐนั้น หาใช่ผู้ใดไม่ ในชาตินี้ท่านคือ “มหาศนชาตะพราหมณ์” บิดาแห่งเรา ดาบสทั้ง ๗ นั่นเอง”

    สิริรัตนเทพธิดาได้ฟังเช่นนั้น นางจึงนึกในใจว่า..

    “ดีละ เราจะลงมาอุปัฏฐากดูแลมหาศนชาตะพราหมณ์ ผู้เป็นพระบรมโพธิสัตว์ในอนาคตกาล กิจอันใดที่ท่าน“มหาศนชาตะพราหมณ์”เดือดร้อน เราจะช่วยให้กิจของท่านลุล่วงด้วยดี”


    จากนั้น ถึงเวลาที่ทุกคนต่างรอคอย เสนานาคผู้ดูแลถ้ำแก้วได้ประกาศแก่ผู้ที่มีรอการออกจากสมาบัติของพระดาบส -พระดาบสินีทั้ง ๖ ว่า..

    "พระดาบส-พระดาบสินีต่างอธิษฐานจักรแก้วเรียบร้อยแล้ว พร้อมอธิษฐานจักรแก้ว ๖ องค์ "

    จากนั้น ท้าวมหาปทุมมัตรนาคราชได้นำจักรแก้วทั้ง ๖ มีสีขาว ๔ องค์ และสีชมพู ๒ องค์

    ชนทั้งหลายได้นำดอกไม้นานาพันธุ์มาบูชาพระดาบส-พระดาบสินีทั้ง ๖ โดยท้าวสักกเทวราชได้นำอาหารทิพย์ถวายเพื่อฟื้นฟูร่างกายแก่พระดาบส-พระดาบสินี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2014
  16. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๑๗ จักรทั้ง ๖ ..

    สำหรับจักรทั้ง ๖ มีนามต่อไปนี้

    ๑. มหาจักรไวยวจนะ อธิษฐานโดยพระไวยวจนะดาบส

    ๒. จักรภัทรมาตาวสุทธิ์ อธิษฐานโดยพระสุทธิมาตาดาบสินี

    ๓. จักรวสไวยยนะ อธิษฐานโดยพระวสไวยยนะฤาษี

    ๔. จักรวัธนมาตาฤทธิ์ อธิษฐานโดยพระวัธนวิสสมาตาดาบสินี

    ๕. จักรนวสิทธิ์มหาเวทย์ อธิษฐานโดยพระนวสิทธิ์ดาบส

    ๖. จักรนวเกศอภิมงคล อธิษฐานโดยพระนวเกศดาบส


    สำหรับมหาจักรไวยวจนะ อธิษฐานโดยพระไวยวจนะดาบส มีกายสิทธิ์ ๒,๑๙๐,๐๐๐ องค์ โดยมีพระบรมปุญญรัตนฯโพธิสัตว์ ปัจจุบันอยู่ชั้นดุสิต เป็นผู้ดูแล (ลำดับที่ ๒๙)

    และจักรภัทรมาตาวสุทธิ์ อธิษฐานโดยพระสุทธิมาตาดาบสินี มีกายสิทธิ ๑,๙๘๕,๐๐๐ องค์ โดยมีพระวสุนทรีย์รัตนเทวี ปัจจุบันอยู่ชั้นปรนิมมิตตวสวัตตี

    จากนั้นท้าวสักกเทวราช และเทพบุตรเทพธิดาทั้งหลาย ต่างพากันกลับยังวิมานของตน ส่วนพระดาบสทั้ง ๗ ได้พำนักอยู่นาคพิภพ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กับพระดาบสทั้ง ๔ เป็นเวลา ๓ เดือน

    ______________________________________________________

    ประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอน ๑๘ พญาวสุธนน์นาคราชจุติ


    หลังจากพระไวยวจนะดาบส และคณะได้ออกจากสมาบัติแล้ว ได้พำนักอยู่ถ้ำในนาคพิภพ เพื่อฟื้นฟูร่างกาย โดยมีพระมโหสถนะยะกะดาบส เป็นผู้ปรุงยาถวายแด่พระดาบส-พระดาบสินีทั้ง ๖ โดยมีเหล่านาคราช ยักษ์ คนธรรพ์ และกินนร ผลัดเปลี่ยนกันมาอุปัฏฐากพระดาบส-พระดาบสินีทั้ง ๑๑

    กล่าวถึงพญาวสุธนน์นาคราช หลังจากวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ แล้ว มีความรู้สึกสดชื่นได้เพียง ๓ วัน ในวันที่ ๓ นั้นเอง เห็นวิมานและเครื่องแต่งกายของตนเศร้าหมอง จึงทราบว่า ถึงกาลของตนจะจุติ
    ต่อมาก็ได้เข้าเฝ้าท้าวมหาปทุมมัตรนาคราช พระบิดา เพื่อกราบลา ท้าวมหาปทุมมัตรนาคราชได้ตรัสว่า...


    “ลูกรัก พระดาบสทั้ง ๗ ได้กล่าวว่า ลูกจะมีชีวิตอยู่ในนาคพิภพเพียง ๓ ราตรี จะถึงกาลจุติของลูก พ่อเกรงว่า ลูกจะไม่สบายใจจึงไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่วันนั้น เพียงให้ลูกรักษาจิตให้แจ่มใส พระสุทธิชาตะดาบสบอกว่า ลูกจะได้ไปจุติบนสวรรค์ชั้นนิมมานรตี อันเป็นแดนของผู้ที่เลิศด้วยฤทธิ์
    ขอลูกจงตั้งจิตให้อภัยทานแก่พญาครุฑ และเหล่าบรรดาครุฑทั้งหลายที่ประทุษร้ายแก่ลูก น้อมถวายเป็นอภัยทานแก่พระพุทธเจ้าแห่งอนาคตวงศ์พระองค์นั้น ลูกก็จะพ้นสภาพแห่งการเป็นนาคราช
    จากนั้นในสมัยพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลพระนามว่า

    “พระพุทธสุมังคลพุทธเจ้า”

    ลูกจะได้จุติเป็นมนุษย์ในตระกูลของเศรษฐี และภายหลังจะได้บวช พ่อเองก็สบายใจว่า ลูกได้จุติในสุคติภูมิ พ่อขอให้ลูกได้พบพระพุทธเจ้า และขอลูกจงมาโปรดพวกเราชาวนาคพิภพ มาให้ข้อธรรมแก่บริวารของเราทั้งหลาย กาลนั้น พ่อเองจะไม่ได้ลงมานาคพิภพ

    ขอจงเป็นหน้าที่ของลูกมาโปรดบรรดานาคราชที่เป็นลูกหลานของเราให้ได้เคลื่อนภพต่อไป”



    พญาวสุธนน์นาคราชนั้นได้ก้มกราบพระบาทท้าวมหาปทุมมัตรนาคราช จากนั้นได้ลาพี่น้องทั้ง ๗ และเหล่าเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย สำหรับพระโอรส-ธิดาทั้ง ๗ ได้แก่ ..

    -พญาอัสรินทร์ตาปะนาคราช (ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์) –พระโอรสองค์โต

    -สิรินทรมาณวิกา (คุณเพชร 2545) –พระธิดาองค์ที่ ๓
    -มิตตวาทนาคราช (เข้าพระนิพพานแล้ว) –พระโอรสองค์ที่ ๔(พระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธปทุมมพุทธเจ้า)

    -โมทยวาทนาคราช(เข้าพระนิพพานแล้ว) –พระโอรสองค์ที่ ๕ (พระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธปทุมมพุทธเจ้า)

    -ศีรวัตรนาคราช (คุณ am12) –พระโอรสองค์ที่ ๖ ปกติเจ้าชายศีรวัตรนาคราชนั้น ถือพรตบำเพ็ญตะบะ มีหน้าที่คอยเฝ้าปากถ้ำ ในระหว่างที่พระดาบส-พระดาบสินีทั้ง ๖ เข้าสมาบัติ
    -สัตตรินทรมาณวิกา (น้องขาล)


    จากนั้นพญาวสุธนน์นาคราชได้เข้าสมาบัติ ในราตรีนั้นยาม ๓ พญาวสุธนน์นาคราชได้เคลื่อนภพไปยังสวรรค์ชั้นนิมมารตีนั้นเอง

    เมื่อพญาวสุธนน์นาคราชจุติ วิมานและทิพยสมบัติของท่านก็หายไป ยกเว้นดวงแก้วมณีประจำกายสีน้ำเงินได้ถูกเก็บไว้ในคลังนาคพิภพดังเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2014
  17. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ ตอนจบ ชิงดวงแก้วมณี และสัตตรินทรมาณวิกาจุติ

    หลังจากที่พญาวสุธนน์นาคราชจุติไป สัตตรินทรมาณวิกานั้น รู้สึกว่าตนเองเป็นต้นเหตุแห่งการจุติของพระเชษฐา จึงคิดว่า..

    “หากวันนั้นเราเสียสละชีวิตให้แก่พญาครุฑนั้น เราคงไม่เสียพระเชษฐา ไพร่พล และดวงแก้วมณีไป ดีละ เราจะหาทางนำดวงแก้วมณีกลับคืนมาจากพญาครุฑให้ได้”


    จากนั้นนางจึงนึกถึงสิริรัตนเทวีเทพธิดา หรืออดีตพระนางศิรวรตยักษิณีนางจึงได้ตั้งใจรักษาศีล ตั้งจิตอธิษฐานจิตถึงสิริรัตนเทวีเทพธิดาให้มาช่วยเหลือนางกระทำการนี้ได้สำเร็จ

    กล่าวถึงสิริรัตนเทวีเทพธิดา หลังจากงานออกจากสมาบัติของพระดาบส-พระดาบสินีเรียบร้อยแล้ว ท้าวสักกเทวราชมีบัญชาให้เทพบุตร-เทพธิดากลับวิมาน แต่ก่อนกลับนางได้พบกับพญาเวสภูปริสสยักษ์ และทราบเรื่องการแย่งชิงดวงแก้วมณีของพญาครุฑ จึงคิดหาทางจะชิงดวงแก้วมณีจากพญาครุฑคืนมา

    เมื่อสัตตรินทรมาณวิกาอธิษฐานจิตถึงนางแล้ว นางจึงได้ลงจากสวรรค์ชั้นนิมมานรตี เหาะไปยังวิมานพญาเวสภูปริสสยักษ์ เพื่อปรึกษาหาทางช่วยเหลือสัตตรินทรมาณวิกา


    พญาเวสภูปริสสยักษ์นั้นไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะก่อให้เกิดสงครามระหว่างครุฑกับยักษ์ ซึ่งไม่เคยบาดหมางกันมาก่อน จึงได้ปฏิเสธไป สร้างความผิดหวังแก่สัตตรินทรมาณวิกาอย่างยิ่ง แต่นางก็ไม่ได้ว่าอะไร จึงได้ลาจากไป

    นางได้ปรากฏแก่สัตตรินทรมาณวิกา และสอนวิชาร่ายมนต์แปลงกายแก่นาง จากนั้นได้นางได้แปลงกายเป็นนางครุฑบริวาร เป็นบริวารรับใช้ของพญาสีหวิมานครุฑา เพื่อหาโอกาสชิงดวงแก้วต่อไป

    จากนั้นจึงได้วางแผนกับสัตตรินทรมาณวิกา และเหล่านาคราชที่เป็นบริวารของนางว่า ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ จะเป็นวันสำคัญของพญาสีหวิมานจะไปอาบน้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์ บริวารครุฑที่มีฤทธิ์จะพากันไป คุ้มครองพญาสีหวิมานครุฑา เหลือแต่ผู้ที่อ่อนแอ จะใช้โอกาสนั้นช่วงชิงดวงแก้วมณีกลับคืน

    ครั้นถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ สัตตรินทรมาณวิกา พร้อมมาตยานาคราช ผู้เป็นองครักษ์ ได้ใช้วิชาแปลงกายเป็นครุฑบริวาร แอบเข้าไปในวิมานของพญาสีหวิมานครุฑา โดยมีนางครุฑปลอม คอยช่วยเหลือ

    โดยใช้ควันพิษเป่าให้ครุฑที่เฝ้าวิมานสลบไป จากนั้นนางครุฑปลอมใช้ฤทธิ์หอบดวงแก้วมณีกลับไปยังนาคพิภพ ขณะที่นางได้พาดวงแก้วกลับไปนั้น แสงของดวงแก้วมณีได้กระทบทิพยจักขุของพญาสีหวิมานครุฑา จึงทราบว่า ตนโดนหลอกมาโดยตลอด

    จากนั้นจึงสั่งให้บริวารออกตามล่า สัตตรินทรมาณวิกานั้น ด้วยยังไม่เชี่ยวชาญในวิชา นางจึงแปลงกายไม่ทัน ได้ถูกเสนาครุฑจิกทำร้าย และกินนางเป็นอาหาร

    ขณะนั้นสิริรัตนเทพธิดาได้กลับจากนาคพิภพ ได้เห็นสัตตรินทรมาณวิกา และบริวารบางส่วนกำลังถูกกิน จึงรู้สึกเสียใจในความใจร้อนของตน ไม่ปรึกษาเรื่องนี้กับใคร และทำโดยพละการ นางจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า...

    “ในอนาคตกาลเบื้องหน้า ขอให้ข้าฯ ได้เป็นผู้ปกป้องภัย ป้องกันการสูญเสียแห่งชาวนาคพิภพทั้งหลาย แม้ชีวิตของข้าพเจ้าจะได้รับการทุกขทรมานเพียงใด ข้าพเจ้าจะพร้อมยอมตาย เพื่อชดใช้ความผิดที่เป็นเหตุให้ชาวพิภพต้องจุติอย่างเวทนาครั้งนี้ด้วยเถิด”


    จากนั้นนางจึงได้ใช้ฤทธิ์ทำร้ายบรรดาครุฑทั้งหลาย เป็นเหตุให้ครุฑตายจำนวนมาก รวมทั้งพญาสีหวิมานครุฑา จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า...

    “ผู้ใดที่ทำให้บริวารของข้าฯ ต้องสิ้นชีพ ขอให้ผู้นั้น จงสิ้นชีพด้วยน้ำมือของข้าฯ และบริวารด้วยเถิด และขอให้ในอนาคตกาล ข้าฯได้เป็นเจ้าของดวงแก้วมณีดวงนี้ด้วยเถิด”


    ด้วยจิตที่ขุ่นมัว พญาสีหวิมานครุฑาจุติในนรกในยมโลกทันที

    ส่วนสัตตรินทรมาณวิกา ก่อนตายได้นึกถึงพระดาบสทั้ง ๗ จึงได้จุติในมนุษยโลก เป็นธิดาของพ่อค้าขายเร่อีกเมืองหนึ่งตามบุญที่เคยทำมา

    กล่าวถึงพญาเวสภูปริสสยักษ์คิดว่า โดยนิสัยของพระนางศิรวรตยักษิณีนั้น นางเป็นผู้ที่ตั้งใจทำอะไรแล้ว คงไม่ยอมง่าย ๆ จึงได้ไปปรึกษากับพระสุทธิธรรมดาบส และพระมโหสถนะยะกะดาบส ผู้เป็นอาจารย์

    พระสุทธิธรรมดาบสนั้น ตรวจดูด้วยอนาคตังคญาณทราบว่า อีกไม่นาน สิริรัตนเทพธิดา จะต้องจุติจากสวรรค์ไปเกิดเป็นมนุษย์ด้วยเหตุแห่งกรรมครั้งนี้ จึงได้กล่าวแก่พญาเวสภูปริสสยักษ์ว่า...

    “เป็นไปตามกรรมนะ เราคงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เพียงแต่อธิษฐานอย่าให้นางมีมิจฉาทิฐิสร้างกรรมไปมากกว่าเดิมก็พอ”

    พญาเวสภูปริสสยักษ์นั้นรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ช่วยเหลือ และเป็นเหตุให้นางจุติ จึงอธิษฐานว่า...
    “ขอในอนาคตกาล หากนางมีภัยใดที่ข้าฯ สามารถจะช่วยได้ แม้นางจะไม่ขอร้องให้ช่วย ขอให้ข้าฯ ได้รู้กาลล่วงหน้า และได้เป็นผู้ช่วยเหลือนางด้วยเถิด”


    จากนั้นมีเสียงฟ้าร้องขึ้นมา พญาเวสภูปริสสยักษ์ และบริวารได้กราบลาพระดาบสกลับยังวิมานของตน

    ****************************************

    กล่าวถึงสิริรัตนเทพธิดา หลังจากสังหารครุฑเป็นแล้ว นางรู้สึกรุ่มร้อนในใจด้วยเหตุแห่งวิบากกรรมนั่นเอง จึงได้ไปเฝ้าท้าวสักกเทวราช ท้าวสักกเทวราชนั้น ได้ตรวจดูทราบว่า เทพธิดานี้ได้กระทำกรรมอันไม่สมควร แต่ด้วยบุญเก่าที่เคยสั่งสมมา ทำให้ไม่ถึงแก่ลงนรก

    จึงได้ลดชั้นจากสวรรค์ชั้นนิมมานรตีลงมาอยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราช โดยเป็นผู้ดูแลขอบเขตเทวสถานแห่งหนึ่งในนคร“มหัทธศิฐีนคร” อันมีพระเจ้าอนันตราช ปกครองอยู่นั่นเอง

    การพิพากษาของท้าวสักกเทวราชครั้งนี้ ทำให้สิริรัตนเทพธิดารู้สึกเสียใจในการกระทำของตน เมื่อนางได้รับหน้าที่ดูแลเทวสถานในโลกมนุษย์ นางได้มอบหมายให้ผู้ช่วยดูแล โดยยกทิพยสมบัติและบริวารให้กึ่งหนึ่ง ส่วนนางได้แต่เข้าสมาบัติเป็นเวลานานนับเดือน


    ฝ่ายท้าวมหาปทุมมัตรนาคราช เมื่อทราบเรื่องที่สัตตรินทรมาณวิกาถูกพญาครุฑทำร้าย และได้รับดวงแก้วโชติกมัยรัตนะกลับคืนมา ทั้งรู้สึกยินดี และเศร้าใจไปพร้อมกัน จึงได้ให้ชาวเมืองรักษาศีล อุทิศส่วนกุศลแก่พระธิดาองค์เล็ก

    เรื่องราวครั้งนี้ได้สร้างความเศร้าใจแก่พระดาบส-พระดาบสินีทั้ง ๑๑ พระอัครญาณชาตะดาบสนั้น รู้สึกเศร้าใจที่ดวงแก้วที่ท่านอธิษฐานเป็นเหตุให้มีการแย่งชิงกัน จึงได้ตัดสินใจอีกครั้ง โดยเข้าสมาบัตินานเป็นเวลา ๑๐๐๐๐ ปี พระมังคลชาตะดาบส จึงได้ขอเข้าสมาบัติพร้อมกัน

    พระวสไวยยนดาบส พระนวสิทธิ์ดาบส และพระนวเกศดาบส เห็นปฏิปทาของพระอัครญาณชาตะดาบส จึงขอเข้าสมาบัติร่วมด้วย

    โดยพระนวเกศดาบสนั้น เห็นความศรัทธาของพญาสีหวิมานครุฑาจากญาณทัสสนะของท่าน จึงได้เปล่งวาจาอธิษฐานว่า..

    “การเข้าสมาบัติครั้งนี้ เราปรารถนาจะสงเคราะห์แก่เหล่าพญาครุฑทั้งหลาย มิให้มีความแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ เพื่อให้ฝ่ายครุฑมีดวงแก้วมณีได้เป็นที่สักการบูชาในอนาคตกาล”

    ฝ่ายพระสุทธิชาตะดาบส และพระดาบส-พระดาบสินีองค์อื่น ๆ ได้โมทนาสาธุการ ท้าวมหาปทุมมัตรนาคราช ได้สั่งการว่า ..

    “นับแต่นี้ห้ามมีพญานาคตนใดคิดล้างแค้นแก่พญาครุฑ ขอให้ระงับการจองเวรกัน หากใครฝ่าฝืนจะโดนลงทัณฑ์ขั้นหนัก”

    จากนั้นจึงได้สั่งการให้เหล่าเสนานาคพลัดกันคุ้มกัน พระดาบสทั้ง ๕ เพื่อเข้าสมาบัติต่อไป
    -------------------------------
    ขอจบประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพ และจักรชุดวสไวยยะนะแต่เพียงเท่านี้


    สำหรับประวัติชุดดวงแก้วต่อไปจะเป็นดวงแก้วชุดแก้วดำรงดิเรกฤทธิ์ (คุณ Prapaanpong) แก้วพลสิทธิ์มณีโชติ(คุณ Prapaanpong) ดวงแก้วศุภเรศวร์นวปกรณ์ (คุณวาสุเทพ-วสไวยานฤาษี) แก้วนวสิทธิ์อมรเทพ(คุณวาสุเทพ-ลป.อัศดง) และ แก้วนวเกศศุภมงคล(คุณวาสุเทพ-ลป.อัสรินทร์)

    ซึ่งจะเป็นประวัติที่ต่อจากประวัติดวงแก้วชุดสหัสสนัยไตรภพนี้ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2014
  18. Callme Zupta

    Callme Zupta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +2,292
    /\ ขอกราบอนุโมทนาพี่น้ำใสสำหรับมหาธรรมทานในครั้งนี้ด้วยครับ /\
     
  19. sun2555

    sun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +6,619
    เรื่อง พ่อค้าเกวียนโง่-ฉลาด


    คือในครั้งก่อนโน้น มีพ่อค้าเกวียน 2 คน อยู่ในเมืองเดียวกัน อยู่มาคราวหนึ่งได้ปรึกษากันขึ้นว่าใครจะไปก่อนไปหลัง พ่อค้าโง่ก็ตอบว่าจะไปก่อน ด้วยคิดว่า โคของเราจักได้กินหญ้าก่อน ของก็จะขายดีคุมเกวียน 500 ออกเดินทาง พอไปถึงที่กันดารแห่งหนึ่งก็มียักษ์ตนหนึ่งจำแลงเป็นคนขับเกวียน มียักษ์ 12 ตนที่จำแลงเป็นคน มีผ้าเปียกผมชุ่มด้วยน้ำห้อมล้อมมา ยักษ์ตนนั้นได้ถามพ่อค้าเกวียนคนนั้นว่า จะไปทางไหน พอได้รับคำตอบว่าจะไปทางข้างหน้าโน้น ยักษ์จึงถามว่าดูเหมือนเกวียนทุกหนัก ๆ อยู่หลายเล่มบรรทุกของอะไร ก็ตอบว่าบรรทุกโอ่งน้ำใหญ่ ๆ ยักษ์ก็บอกว่า บรรทุกไปทำไมเททิ้งเสียดีกว่า ไม่ช้าก็ถึงน้ำป่าชอุ่มข้างหน้าโน้น แม่น้ำลำธารเต็มไปด้วยน้ำทั้งนั้น เพราะฝนตกใหม่ ๆ ดูแต่ล้อเกวียนของพวกเราซิ เปียกชุ่มไปด้วยน้ำด้วยโคลนทั้งนั้น พ่อค้าเกวียนโง่คนนั้นก็เชื่อยักษ์ สั่งบริวารให้ต่อยโอ่งน้ำเสียให้หมดแล้วขับเกวียนไป กระทั่งวันยังค่ำก็ไม่พบน้ำ ค่ำลงก็หยุดพักนอน ทั้งคนและโคต่างก็หมดกำลังนอนหลับกันสิ้น พวกยักษ์ก็พากันมากินเสียหมด เหลือแต่ร่างกระดูก

    ต่อมาประมาณ 15 วัน พ่อค้าคนฉลาดก็คุมเกวียน 500 ออกเดินทาง พอใกล้ถึงที่กันดารก็ให้บริวารบรรทุกน้ำและปืนไปให้พร้อม เมื่อไปถึงที่กันดารนั้น ยักษ์ตนนั้นก็จำแลงมาหลอกลวงเหมือนอย่างเก่า พ่อค้าฉลาดจึงสั่งให้หยุดเกวียน แล้วถามพวกบริวารว่าพวกท่านเคยได้ยินใครเล่าลือหรือเปล่าว่า ทางกันดารนี้มีห้วยหนองคลองบึงอยู่ที่ไหน เมื่อพวกบริวารตอบว่าไม่เคยได้ยิน จึงถามว่าลมฝนพัดไกลสักเท่าไร มีผู้ตอบว่า ประมาณสัก 3 โยชน์ ก้อนเมฆเล่าแลเห็นไกลสักเท่าไร มีผู้ตอบว่า ประมาณ 3 โยชน์แสงฟ้าแลบเล่า เห็นไกลสักเท่าไร ? ประมาณ 1-2 โยชน์ กับพวกท่านถูกลมฝนได้เห็นก้อนเมฆ ได้ยินเสียงฟ้าร้องบ้างไหม เมื่อพวกท่านถูกลมฝนได้เห็นก้อนเมฆ ได้ยินเสียงฟ้าร้องบ้างไหม เมื่อพวกบริวารตอบว่าเปล่าเลย จึงว่าด้วยเหตุแหละพวกเราอย่าเชื่อคนที่บอกพวกเราว่าเมื่อกี้ว่าข้างหน้ามีฝนตก น้ำเต็มห้วยเต็มหนองมันคงจะเป็นยักษ์ หรือเป็นคนร้ายออกอุบายหลอกลวงพวกเราเป็นแน่ พวกเราทิ้งน้ำไม่ได้เป็นอันขาด ว่าแล้วก็ออกคำสั่งให้พวกบริวารขับเกวียนต่อไป พอค่ำลงก็ได้ไปพบเกวียน 500 กับกระดูกคนกระดูกโคของพ่อค้าคนก่อน จึงบอกบริวาร ว่า นี่เห็นไหมละคนที่บอกพวกเราต้องเป็นยักษ์แน่ ว่าแล้วก็ให้หยุดพักตั้งกองพิทักษ์รักษาอยู่ตลอดคืน เช้าขึ้นก็ไม่มีใครเป็นอะไร จึงให้เลือกเอาสินค้าที่มีราคาจากเกวียนของพวกก่อน มาบรรทุกเกวียนของตนจนพอความประสงค์ แล้วออกเดินทางต่อไปจนขายสินค้าได้สิ้น แล้วกลับโดยความสวัสดี มาชาติสุดท้ายพ่อค้าโง่ได้เกิดมาเป็นพระเทวทัต พ่อค้าฉลาดได้เกิดมาเป็นพระพุทธเจ้า จบเรื่องนี้ในอปัณณกชาดก เอกนิบาตเท่านี้

    เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า เชื่อใจคนจนใจตัวไม่ดีเลย ทั้งชี้ให้เห็นว่า นิทานเรื่องนี้แหละเป็นเครื่องล้อกันว่า น้ำหน้าบ่มีหรือสุภาษิตว่า หวังต่อน้ำบ่อหน้า ไม่ดีเลย และชี้ให้เห็นว่า เมื่อเราได้ยินได้ฟัง ได้รู้ ได้เห็นสิ่งใดต้องคิดหาเหตุผลให้รอบคอบ เห็นด้วยตาให้พิจารณาด้วยใจดังนี้ให้ได้จึงจะเป็นการดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2014
  20. เจษฎา เยี่ยมคำน

    เจษฎา เยี่ยมคำน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,332
    ค่าพลัง:
    +5,413
    แจ้งการโอน

    โอนเงินร่วมบุญแล้วนะครับ เมื่อวันที่ 25/02/57 เวลาประมาณ 2 ทุ่มครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...