เรื่องเด่น เครื่องโบอิ้ง 777-200ERรสายการบินมาเลเเชียแอร์ไลน์สพร้อมผู้โดยสารกับลูกเรือ 239 คน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ขุนเวช, 8 มีนาคม 2014.

  1. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    [​IMG]

    [​IMG]

    .
     
  2. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ทาง Inmarsat ได้ใช้ทฤษฏี Droppler effect ในการคำคำนวณตำแหน่งของ MH 370 ที่ตก โดยวิเคราะห์จากดาวเทียม 8 ดวง หลังจากที่ส่งสัญญาณติดต่อกับดาวเทียมครั้งสุดท้าย ที่ GREX Waypoint และวันนี้ได้มีการจัดตั้งทีมทำงานนานาชาติ เพื่อที่จะระบุตำแหน่งเครื่องตกให่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

    ทาง Inmarsat ได้เรียกร้องให้ทุกสายการบินอัพเกรดการส่งสัญญาณติดต่อกับดาวเทียมเพื่อระบุตำแหน่งทุกๆ 15 นาที

    การค้นหาจะเริ่มอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เพราะช่วงนี้กระแสลมเย็นจากขั้วโลกใต้กำลังพัดขึ้นทางเหนือ คลื่นลมแรง และมีเมฆลอยในระดับค่อนข้างต่ำ 100-200 เมตร

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    MH370: Malaysia releases satellite analysis of plane's assumed fate - live updates | World news | theguardian.com

    .
     
  3. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    24 มี.ค.57 ไขปริศนา..บทสุดท้าย MH370 และหักเหลี่ยมโหด สองโครตไอ้เหี้ยม

    ในที่สุดก็เป็นไปตามที่คาดคำนวณจุดสูญหายไปของเที่ยวบิน MH370 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารอีก 279 คน ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อมี 3 ประเทศเริ่มออกมายืนยันจุดเครื่องจมลงไปใต้ทะเล คือ อินเดีย จีน และมาเลย์ ว่าเครื่องบินน่าจะตกในทะเล เพราะดาวเทียม Inmarsat ของอังกฤษ มีการค้นพบชิ้นส่วนต้องสงสัยขนาดใหญ่ อยู่บริเวณทิศใต้ ของมหาสมุทรอินเดีย อยู่ทางฝั่งตะวันตก ของเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ห่างไปราว 2,400 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลมาก และมหาสมุทรก็ลึกเกินจินตนาการ มีสภาพคลื่นลมแรง และอากาศหนาวเย็น

    สอดคล้องกับที่ เสธ เคยวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่าการสูญหายของเครื่องบินนี้ ต้องถูกทำให้จมลงจุดบริเวณนี้เพื่ออำพราง ส่วนคนอื่นจะมีสมมุติฐานอย่างไร ก็แล้วแต่ความเชื่อ แต่การข่าวเชิงลึกระหว่างประเทศที่ได้รับมา ประมวลสรุปโดยย่อๆ คือ

    เริ่มต้นจากลุงแซม ขนวัตถุนิวเคลียร์และอาวุธชีวภาพใส่คอนเทนเนอร์ ด้วยเรือที่ติดธงสัญชาติตัวเอง มาที่เกาะเล็กๆ ชื่อสาธารณรัฐเชสเซลเลส ที่อยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย จากนั้นขนต่อมาที่มาเลย์ และใส่ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นเครื่องบินลำนี้ จะนำไปลงที่ปักกิ่ง ของจีน
    (ไม่แน่ชัดว่าองค์กรใดสั่งของนี้) และประจวบกับมีการขนชิพคอมพิวเตอร์วงจรไฮเทค โดยผู้โดยสารไต้หวันกลุ่มหนึ่ง ไปลงเครื่องที่ปักกิ่ง ของจีน เช่นกัน ซึ่งชิพนี่สามารถทำให้ขีปนาวุธตรวจไม่พบด้วยเรด้าห์ เพื่อไปขายและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้จีน

    เมื่อจีนและรัสเซียรู้ระแคะระคาย จึงวางแผนจะบังคับเครื่องบินเที่ยวนี้ ไปลงที่สนามบินไหหลำ ของจีน เพื่อตรวจดูว่ามันคือสินค้าอะไรกันแน่ที่ในตู้คอนเทนเนอร์ แต่ก่อนเครื่องบินจะขึ้นมีความผิดปกติคือไม่รู้หน่วยใด มีการสังหารหน่วยซีลลุงแซมนอกราชการ ที่มีความเชี่ยวชาญการรบสูง และออกมาทำงานลับ จำนวน 2 คน ที่มาเลย์ เพื่อคุ้มครองสินค้ามีมูลค่าสูง ให้กับบริษัทลุงแซม ลักษณะคล้ายๆ ฆ่าตัดตอน หรือฆ่าปิดปาก

    เมื่อเครื่องบินเทคออฟขึ้นจากมาเลย์ช่วงเที่ยงคืนกว่า มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงไปทางทะเลจีนไต้ ราว 1.30 ชม. จากจุดเริ่มต้นบิน เข้าใกล้เรดาห์พาณิชย์ของเวียดนาม ได้มีเครื่องบินชนิดรบกวนสัญญาณ Primary เรด้าห์ (ชนิดที่เห็นทั่วไปที่สนามบินใช้) เช่น AWAC บินจากจุดระยะทำการที่ใดสักแห่ง ประกบเครื่องบินนี้ทำให้สัญญาณ Primary เรด้าห์ตรวจไม่พบ แล้วก็มีเครื่องบินล่องหนจากเรดาห์ได้ เสตลล์ รูปร่างคล้ายจานบินสีดำ บินประกบอีก 1-2 ลำ เพื่อควบคุมทิศทางเครื่องบินตามต้องการ

    ส่วนภายในเครื่องบิน ทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่แฝงตัวมา อาจร่วมกับลูกเรือ หรือนักบิน ทำการเข้าไปในห้องนักบิน ทำการปิดระบบ Secondary เรด้าห์ (คล้ายระบบ SMS) ที่ใช้เป็นสากล สำหรับส่งตำแหน่งเครื่องบินพาณิชย์ ให้หอควบคุมการบินทราบตำแหน่งละติจูด และลองติจูด โดยมีการปิดระบบนี้ระยะห่างเวลา 10-14 นาที ทำให้สัญญาณตำแหน่งเครื่องบินหายวับไปจากจอ Secondary เรด้าห์ภาคพื้นดินทันที ก่อความโกลาหลขึ้นในเวลาต่อมา

    จากนั้นผู้จี้ควบคุมเครื่องบิน ก็หันทิศทางเครื่องบินกลับด้าน ย้อนมาทางเดิมมุ่งหน้าทิศตะวันตกเฉียงไต้ เพื่อไม่ให้ผ่านประเทศไทย เพราะอาจจะโดนโจมตีด้วยเครื่องบินขับไล่ได้ แล้วเตรียมพร้อมสำหรับทีมตัวเอง โดยใส่อุปกรณ์หน้ากากอ๊อกซีเจนรับการเปลี่ยนแปลงความดันเฉียบพลัน (อุปกรณ์ป้องกันเหมือนนักบินเจ๊ตขับไล่เหนือเสียง) และคนพวกนี้ต้องมีประสบการณ์ และถูกฝึกมาให้ทนต่อแรงกด และ G (แรงโน้มถ่วง) มหาศาล ทำการปรับเพดานบินจาก 25,000 ฟุต พุ่งโด่งขึ้นสูงลิ่วเกินกำหนดไปที่ 45,000 ฟุต

    และทิ้งตัวลดเพดานบินลงต่ำอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้หน้ากากอ๊อกซิเจนจะตกลงมาอัตโนมัติ ผู้โดยสารจะรีบคว้ามาครอบปากและจมูก แต่เขาก็ตัดอ๊อกซิเจนในห้องผู้โดยสารทั้งหมดอีก เหลือไว้เฉพาะพวกบังคับเครื่องบิน จนเพดานบินลดต่ำเหลือ 5,000 ฟุต ส่งผลให้ผู้โดยสาร และลูกเรืออื่นน๊อคสลบไปทันที (เด็ก 2 คนอาจตายทันทีช่วงนี้) จากการเปลี่ยนแปลงความดัน โดยไม่มีใครสามารถต่อต้านการบังคับใดๆ ได้เลย เป็นเวลานานหลายชั่วโมง

    ส่วนเครื่องบิน เสตลล์ และ AWAC ก็ทำหน้าที่นำทางเครื่องลำนี้ที่ตกอยู่ในสภาพเหมือนคนตาบอด เครื่องบินทั้ง 3 ชนิด ได้บินผ่านมาทางใกล้ชายแดนทางตอนไต้ของไทย ผ่านน่านฟ้ามาเลย์ จุดนี้เรดาห์ชนิด Primary เรด้าห์ของชายชุดฟ้าของไทย และของทหารมาเลย์ จับสัญญาณเครื่องบินพาณิชย์นี้ได้ แต่จับตำแหน่งเสตลล์ และ AWAC ล่องหนเรดาห์ไม่ได้ ในตำแหน่งใกล้เคียง และเวลาใกล้เคียงกัน อีกทั้งมีชาวบ้าน ชาวประมงทั้งไทย และมาเลย์ จำนวนมากจากหลายจุด ได้ยินเสียงบูมกระแทกอากาศดังสนั่น พร้อมเห็นเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ และเสตลล์สีดำ ด้วยตาเปล่า บินประกบเครื่องบินลำนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    แต่มาเลย์ไม่ยอมแถลงทันที เพราะว่าอับอายที่ต้องเปิดเผยว่า ประเทศตนเองมีช่องว่างในระบบการป้องกันภัยความมั่นคงทางอากาศ เมื่อเครื่องบินๆ ต่ำผ่านช่องแคบมะละกาไปได้ เครื่องบินทั้ง 3 ชนิด ก็ปรับเส้นทางใหม่อีกครั้ง โดยเชิดหัวขึ้นความสูงปกติ มุ่งหน้าขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือสู่ตอนเหนือของมหาสมุทรอินเดีย ตามเส้นทางการบินพาณิชย์ปกติ คาดเดาว่าเพื่ออำพรางเครื่องบินให้แฝงตัว เข้าไปในหมู่เครื่องบินพาณิชย์จำนวนมาก ที่กำลังบินไปเส้นทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต และยังเกี่ยวเนื่องกับสนามแม่เหล็กโลกด้วย เพราะโลกมีการหมุนรอบตัวเอง

    แล้วก็บินคงระยะห่างจากฝั่งสม่ำเสมอ เพื่อให้พ้นรัศมี Primary เรด้าห์ ของประเทศอินเดีย และศรีลังกา โดยมีเครื่องบิน 2 ชนิดบินประกบอารักขาและนำทางตลอดเวลา ต่อมาเครื่องบินปรับทิศทางลดต่ำเฉียงลงไปทางไต้อีกครั้งตรงเรื่อยๆ แต่ก่อนเข้าถึงหมู่เกาะมัลดีพ ได้ปรับเพดานบินลงต่ำลงมากอีกครั้ง เพื่อหลบ Primary เรด้าห์ ผ่านไปที่เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตอนไต้ของหมู่เกาะมัลดีพ จนชาวบ้านจำนวนมากเห็นตัวเครื่องบินในระยะต่ำมาก ขนาดเห็นประตูเครื่องบินชัดเจน และมองแถบสีของเครื่องบินชัดเจนทีเดียว เมื่อผ่านมัลดีพแล้วก็ตรงลงไต้ไปอีก โดยมีเรือพิฆาตของลุงแซมอารักขา บินต่ออีกสักพักก็ถึงเกาะดิเอโก้ กราเซีย ฐานทัพลับในมหาสมุทรอินเดียของลุงแซม ในเช้าวันที่ 9 มี.ค.57

    เครื่องบินลำนี้ลงจอดที่สนามบินของกองทัพลุงแซม ที่มีรันเวย์ขนาดรองรับได้อย่างสบาย เมื่อเครื่องบินจอดสนิท กระบวนการขนถ่ายคอนเทนเนอร์ลงจากเครื่องบิน และค้นเอาชิพวงจรไฮเทคจากตัวผู้โดยสารไต้หวัน ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตามแผนที่วางไว้ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่บริษัทผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ที่เขาต้องติดอุปกรณ์ติดตามเครื่องยนต์เขาทุกเครื่อง จับสัญญาณได้ว่าเครื่องยนต์เขายังทำงานอยู่ด้วยระยะเวลา 6-7 ชั่วโมงจากจุดสูญหายครั้งแรก

    และเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด การข่าวว่ามีการถอดกล่องดำบันทึกการบิน 3 จุดในเครื่อง ออก เพื่อไม่ให้ค้นพบไขความจริงได้ในอนาคต จากนั้นให้นักบินลุงแซมใส่ชุดประดาน้ำ ขับเครื่องบินโดยสารดังกล่าวเทคออฟขึ้นจากฐานทัพนั้นอีกครั้ง พร้อมเครื่องบินอีกลำหนึ่งพร้อมหน่วยช่วยเหลือ โดยบินมุ่งหน้าไปทิศทางตะวันออกเฉียงไต้จนน้ำมันเครื่องบินหมด เพื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำมันให้เห็นตรวจพบจากผิวน้ำได้ แล้วนักบินคนนั้นได้ออกจากตัวเครื่องก่อนที่ลำตัวเครื่องบินจะกระแทกพื้นน้ำ ขณะนั้นสัญญาณ ping ก็เปิดตัวเองขึ้นอัตโนมัติเป็นครั้งสุดท้าย จนดาวเทียมอังกฤษจับสัญญาณได้ ในเช้าวันที่ 9 มี.ค. 57 นั่นเอง

    ส่วนนักบินของลุงแซมคนนั้น ก็ขึ้นเครื่องบินที่รอรับและช่วยเหลือกลับขึ้นเครื่องไป ปล่อยทิ้งให้เครื่องบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารทั้งหมด จมลงในทะเลลึก ทิศไต้ของมหาสมุทรอินเดีย มีระยะห่างจากเมืองเพิร์ธ ของออสเตรเลีย ราว 2,400 กิโลเมตร ดำดิ่งจมลงก้นทะเลที่ลึกสุดขั้วเกินจินตนาการ คลื่นขนาดใหญ่มหาศาล สภาพอากาศแปรปรวนและเลวร้าย ญาติของผู้โดยสาร ลูกเรือ และนักบิน วันนี้คงต้องทำใจ รอเพียงว่าจะกู้เอาซากเครื่องบินลำนี้ขึ้นมาได้อย่างไร เพราะมันยากแสนยาก และต้องใช้งบประมาณอีกมหาศาลจริงๆ

    แต่การข่าวที่เผยแพร่ออกมา จะไม่มีทางที่จะบอกความจริงนี้ต่อสาธารณะไปได้ เพราะมันยากที่จะทำใจยอมรับในความโหดร้ายของมนุษย์ด้วยกันเอง ดังนั้นการออกข่าวต่อไปนี้จะมีเพียงเครื่องบินลำนี้ บินตรงจากช่องแคบมะละกา ลงไปทางตะวันตกเฉียงไต้ จนไปตกที่จุดนี้เท่านั้น และมันจะมืดมิดปกปิดอยู่ให้เป็นตำนานเล่าขานตลอดไป ขนาดข่าวของนิตยสารลุงแซมฉบับหนึ่ง ที่น่าจับคนเขียนข่าวเอาหัวโขกผนังบ้าน คือ ออกข่าวว่าพบร่องรอยการจอดเครื่องบินลำนี้บนดวงจันทร์ไปโน่น..แม่เจ้า ยังดีนะที่ไม่ออกข่าวว่าพบปีกเครื่องบินที่ดาวอังคาร และหางเครื่องบินที่ดาวพฤหัส...นี่แหละฝีมือการออกข่าวบิดเบือนของหน่วยข่าวกรองลุงแซมล่ะ

    ส่วนสถานสงครามในยูเครนนั้น รัสเซียได้ยึดเอาดินแดนไครเมียมาเป็นของตัวเองเอาดื้อๆ และลงนามในกฎหมายอย่างสมบูรณ์เมื่อวันศุกร์ แล้วมีการเสริมทัพตนเองเข้าไปใกล้พรมแดนยูเครนอีก โดยทหารรัสเซีย พร้อมอาวุธหนัก ได้บุกเข้าโจมตีควบคุมค่ายทหารของยูเครนในไครเมีย ได้แล้วเกือบ 190 แห่งแล้ว และชักธงชาติรัสเซียขึ้นสู่ยอดเสา แทนธงชาติยูเครน ทหารยูเครนที่มีจุดนี้เพียง 2,000 นาย จากทั้งหมด 18,000 นาย สู้ไม่ไหวและล่าถอยออกไปจากไครเมียแล้ว

    สถานการณ์ตอนนี้ทหารยูเครน ถูกปิดล้อมโดยกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัสเซีย เพื่อกดดันที่ให้ยูเครนถอนทหารทั้งหมดออกจากไครเมีย ตอนนี้รัฐบาลยูเครน ได้ตัดสินใจแล้วเกิน 90% ที่จะทำสงครามกับรัสเซีย ขณะที่ประธาธิบดีรัสเซีย ไม่สนใจที่จะเจรจาใดๆ กับยูเครน และ มหาอำนาจตะวันตก แถมซ้ำร้ายรัสเซียเตรียมขยายอาณาเขต โดยเตรียมยกกำลังทหารยกทัพบุกดินแดนของ มอลโดวา อีกแล้ว (มอลโดวาเคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต)

    ตอนนี้กองกำลังพันธมิตรยุโรป ได้กดดันนาโต้อย่างหนัก ให้เตรียมกำลังทหารและอาวุธให้พร้อม เพื่อเข้าสู้รบกับรัสเซีย หากพยายามเข้าบุกมอลโดวา..จึงพอจะเห็นทิศทางการก่อสงคราม และคงมีการล้มตายของมนุษย์อีกจำนวนมากเพิ่มขึ้นในไม่นานต่อจากนี้

    จากสถานการณ์ภายนอกประเทศ มาแฉ สถานการณ์ที่คาบเกี่ยวระหว่างไทยกับอีก 2 ประเทศ คือ การที่มีการเปลี่ยนม้ากลางศึก เอาคากคกตู่ มาเป็นประธาน นปช.แทนนกแสก โดยมีการเลื่อยขา หักหลัง แตกกันเอง แย่งผลประโยชน์กันเองเละเทะ ตามที่เคยแฉไปแล้วนั้น อีกเหตุผลการเปลี่ยนที่สำคัญ คือ ชายดูไบสิ้นท่าทุกหนทาง จึงหันกลับมาใช้บริการแก๊งค์แบ่งแยกดินแดน นปช.อีกครั้ง

    นั้นเพราะเกิดการหักเหลี่ยมโหด สองโครตไอ้เหี้ยม ขึ้นระหว่างชายดูไบ กับฮวยเซ็ง แห่งเขมร ที่เคยสัญญากันว่า จะส่งทหารมาร่วมช่วยปฎิบัติการเผาเมืองไทยให้วอดวาย เหมือนปี 53 อีก แต่เกิดเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น มีการลูบคม หลอกแดกกันอีกแล้ว จนสายสัมพันธ์ทั้ง 2 คน ขาดสะบั้นตัดเป็นตัดตาย ถึงขนาดไม่เผาผีกัน เรื่องมันมีอยู่ว่าฮวยเซ็ง ที่ช่วงหลังโดนสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านเขมร ที่มีเสียง ส.ส.มากสูสีกับรัฐบาล ฮวยเซ็ง จัดชุมนุมประท้วงอยู่บ่อยๆ แถมดันมีลุงแซมหนุนหลัง สม รังสี ซะอีกแล้ว (ฮวยเซง มีฝรั่งเศสหนุนหลัง)

    เมีย สม รังสี เองก็ออกมาเผยล่าสุดว่าฮวยเซง มาขอเจรจาว่าให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดให้ (อ้าว..มันติดนิสัยใครมาวะ) และ ฮวยเซง ก็ยังโทรไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการขนสมบัติหนีออกนอกประเทศ คือ ชายดูไบ ว่าถ้าเกิดเกิดแพ้ทางการเมืองแล้วจะทำยังไงดี ชายดูไบอมยิ้มมุมปาก แล้วให้คำแนะนำอย่างผู้มีประสบการณ์ว่า ให้รวบรวมสมบัติมีค่า เงินดอลลาร์ ทองคำ ขนเอาไปไว้ที่รัฐบาลมาเฟียมอนเตรเนโก ซิ รับรองปลอดภัยเพราะเขาทำมาเยอะแล้ว เดี๋ยวเขาจะเคลียร์ทางโน้นให้ทางสะดวก

    ฮวยเซง ก็ดีใจ รีบทำตามคำแนะนำทันที จัดขนสมบัติใส่คอนเทนเนอร์ ส่งคาร์โก ขึ้นเครื่องบินตรงไปมอนเตรเนโก แต่ไอ้หย๋า..เกิดการหักเหลี่ยมโหด สองโครตไอ้เหี้ยมขึ้น เมื่อของไปถึงมอนเตรเนโก ชายดูไบยกหูโทรไปหาผู้ใหญ่ประเทศนั้น แต่ไม่รู้พูดอย่างไร สมบัติฮวยเซงทั้งหมดโดนรัฐบาลมาเฟียยึดไว้หมดเลย จนปริศนาดำมืดจนถึงบัดนี้ ( น่าจะเป็นลักษณะโจรก็หักหลังโจร 2 ทอด ไม่มีสัจจะในหมู่โจรว่างั้นเถอะ) ฮวยเซ็งนั้นแค้นแสนแค้น น้ำท่วมปาก ทวงคืนก็ไม่ได้ ช่วงหลังๆ นี้ทหารเขมรรับจ้างมาก่อเหตุรุนแรง จึงถูกฮวยเซงเรียกตัวกลับหมด หายแซ๊บ หายสอยไป..ฮา (ใช้สำนวนคนเหนือให้เข้ากับชายดูไบซะหน่อย)

    นอกจากทหารเขมรยังไม่มาไม่มาตามนัดแล้ว คราชายดูไบบินไปหม่องเพื่อสะเดาะเคราะห์ ดูหมอดู และไปนอนเฝ้าขอเข้าพบผู้นำเขา แต่เขาก็ไม่ยอมให้เข้าพบ เพราะพิษจากคลิปถั่งเช่าที่โดนชายชุดเขียวไทย หักเหลี่ยม เอามาแฉนี่แหละ เพราะเนื้อหาที่ชายดูไบคุยโทรศัพท์กับลูกน้องนั้น มันดูถูกเหยียดหยามทหารหม่องแบบไร้ราคา ทำให้เขาแสนอับอายประชาชนชาวหม่อง

    ต่อมาชายดูไบขอเข้าพบ ผบ.ทหารหม่องอีก เพื่อขอให้ช่วยส่งทหารมาฆ่าคนไทยให้หน่อย และขอใช้พื้นที่ไทยใหญ่เพื่อฝึกกองกำลังติดอาวุธเสื้อแดง แลกกับเงินที่จะขนเข้าไปลงทุนในพม่า และเงินสินบน ( ตามที่เคยเล่าให้ฟังแล้วที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.213671738822861.1073741913.187529244770444&type=3 )

    แต่ ผบ.ทหารหม่องไม่เล่นตามเกมส์ด้วย เพราะรู้ธาตุแท้ว่าไอ้หมอนี่มันจอม 18 มงกฎระดับโลก โครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ก็จะไม่ให้ชายดูไบเข้ามาเกี่ยว เพราะชื่อเสียงขี้โกงฮวยเซง แห่งเขมร กลิ่นมันแรงไปถึงหม่องโน่น สังเกตไหมล่ะทั้งชายดูไบ ปูเน่า และสมุน ไม่ขยันไปพม่ามาพักหนึ่งแล้ว

    จะบอกให้คนเสื้อแดงที่มาส่องดิ้นๆๆ พราดๆๆ อีกว่า เวรกรรมที่ทำร้ายประเทศเท่านั้นยังน้อยไป บ้านพักชายดูไบที่สร้างไว้รองรับปูเน่าไปลี้ภัย และตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ก็ถูกรัฐบาลมาเฟียมอนเตรเนโกสั่งปิดตาย และสั่งห้ามเข้าประเทศอีกซะงั้น แถมดูไบอีกแห่งก็ไม่ให้เขาเข้าประเทศ มาพักใหญ่แล้วเพราะเกรงตูม!! จากมุสลิมอัลกออีดะห์ขู่ไว้ และต้องเข้าข้างมุสลิมด้วยกัน จีนก้ไม่ให้ชายดูไปอาศัย แต่ไล่ไปอยู่ฮ่องกงโน่น โดยมีข้อแม้ว่าต้องอยู่เงียบๆ และห้ามก่อความวุ่นวาย เพราะจีนนับถือสถาบันเบื้องสูงไทยมาก ถ้าเขาไม่ฟังจีนก็จะไล่ออกจากฮ่องกงอีก เขาจึงคงป้วนเปี้ยนได้แถวฮ่องกง ที่ซื้อบ้านให้สมุนคอยไปหลบภัย และสิงค์โปร์ที่ผลประโยชน์บางอย่างร่วมกันนี่แหละ

    ขืนชายดูไบไปโผล่หัวเขมรตอนนี้..ไม่ถึงมือกลุ่มอัลกออีดะห์ แน่ๆ ฮวยเซ็งนี่แหละจะฝังดินมันที่เขมรด้วยมือเอง แก้แค้นที่โดนหลอกหักเหลี่ยม เอาสมบัติมหาศาลไปทิ้งต่างประเทศซึ่งๆ หน้า เอาคืนก็ไม่ได้ มันแค้นนน..กรอดๆ..ฮา

    ไอ้พวกแกนนำโจรแบ่งแยกดินแดน พวกอันธพาล สารพัดแก๊งค์ในสังกัดอั้งยี่แดง ถ้าคิดว่าจะมาก่อเหตุรุนแรง เม.ย. – พ.ค. 57 แล้วจะหนีข้ามไปกบดานในเขมร มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ก็เพราะนายตัวเองดันไปสร้างโจทย์ใหญ่ฮวยเซ็ง นักฆ่า 1 ล้านศพสมัยเขมรแดง จะรอเช็คบิลทุกคนของแก๊งค์อั้งยี่แดงนี้ โดยนั่งลูบปืน ขึ้นลำกระสุนเต็มแม๊ก รอกองโจรแดงหนีข้ามฝั่งพรมแดนไป ให้ทหารเขมรจับตัวเอามา แล้วเอาปะทัดยักษ์ยัดตูด ดึงชนวนออก แล้วจับตัวไปเป็นเป้านิ่งมัดกับต้นไม้ ซ้อมยิงปืนใส่หัวเล่น ปังๆๆ..สมองกระจุย

    ส่วนเจ้ากฤษดา ไชยแค ที่หนีหมายจับคดีปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัย และคนอื่นๆ ที่หนีข้ามชายแดนเขมรตามไป ญาติๆ ทำบูญอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้ได้เลย เพราะตอนนี้ฮวยเซ็ง เดือดปุดๆ มาก..ป่านนี้คงสบายตัว..แต่ไม่สบายรูที่หัวไปแล้ว..ฮา

    ส่วนชายชุดเขียวของไทย ตอนนี้ก็ฟิตจัดมาก สั่งกำลังพลทุกหน่วย ซ้อมยิง “เป้านิ่ง” ทุกวันให้เกิดความเคยชินไปก่อน ด้วยการงัดปืนนานาชนิด เช่น Tarvo 21 ฯลฯ เอามาให้กำลังพลเรือนแสนยิงให้เคยมือ และประเมินระยะหวังผลด้วยตนเอง

    เมื่อซ้อมยิง “เป้านิ่ง” จนชำนาญแล้ว เดือนเมษานี้ กำลังพลก็จะได้ทดลองฝึกยิง “เป้าวิ่ง” ของจริง..ฮา

    @เสธ น้ำเงิน
    ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  4. จำปาแมน

    จำปาแมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    854
    ค่าพลัง:
    +2,166
    รอฟังข่าวครับ

    .......................
     
  5. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    กว่าจะทราบสาเหตุที่แท้จริงก็คงต้องรอข้อมูลจากกล่องดำ หลักฐานชิ้นสำคัญที่น่าจะสามารถช่วยให้ทั้งโลกกระจ่างว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการ จี้ปล้น, ก่อวินาศกรรม, ฆ่าตัวตายของหนึ่งในสองนักบิน หรือสุดท้ายอาจจะเป็น เครื่องขัดข้องทำงานผิดพลาด


    ปฏิบัติการค้นหาซาก/ชิ้นส่วนเครื่องที่ตก จะเริ่มอีกครั้งในวันนี้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2014
  6. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    สื่ออังกฤษอ้างทีมสืบสวนเชื่อMH370ดิ่งมหาสมุทรอินเดียโดยเจตนา อาจเป็นการ'ฆ่าตัวตาย'


    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2557 03:32 น.

    [​IMG]




    เทเลกราฟ - เว็บไซต์ของเทเลกราฟ สื่อมวลชนชั้นนำของอังกฤษ อ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวใกล้ชิดทีมสืบสวนเที่ยวบินปริศนา MH370 ระบุคณะผู้สืบสวนปักใจเชื่อว่ามันตกลงในมหาสมุทรอินเดียโดยเจตนาและน่าจะเป็นการฆ่าตัวตายของใครบางคน

    เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์(24) นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน สิ้นสุดการเดินทาง 8 ชั่วโมงของวันที่ 8 มีนาคม ในน่านน้ำลึกและห่างไกลของมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากเมืองเพิร์ธ ของออสเตรเลีย ไปทางตะวันตก 2,400 กิโลเมตร และไม่มีผู้รอดชีวิต

    อย่างไรก็ตามคำแถลงดังกล่าวได้ก่อคำถามต่างๆมากมาย กับข้อสรุปที่ว่าเครื่องบินตกทั้งๆ ที่ยังไม่พบซากใดๆ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทางการมาเลเซีย ยังไม่สามารถตอบคำถามที่ชัดเจนได้ว่า เครื่องบิน MH 370 ขาดการติดต่อ และเปลี่ยนออกนอกเส้นทางไปยังมหาสมุทรอินเดียได้อย่างไร

    ในวันอังคาร(25) สำนักข่าวเทเลกราฟอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดทีมสืบสวน ระบุว่าทีมสืบสวนเกี่ยวกับการสูญหายของโบอิ้ง777 ลำดังกล่าว ไม่เชื่อว่าแค่เหตุขัดข้องหรือไฟไหม้จะเป็นต้นตอการบินอย่างผิดปกติของเครื่องบินหรือตัดขาดระบบสื่อสารทั้งหมด ก่อนที่มันจะเบี่ยงเส้นทางและบินอย่างเงียบเชียบนานกว่า 7 ชั่วโมงแล้วจึงดิ่งลงสู่ทะเล ขณะที่ผลวิเคราะห์เส้นทางการบิน สัญญาณและระบบสื่อสารต่างๆ แสดงให้เห็นว่ามันบินในแนวทางที่มีเหตุผลบางอย่าง

    แหล่งข่าวบอกกับเทเลกราฟต่อ ทีมสืบสวนเชื่อว่ามันเป็นการกระทำโดยเจตนาของใครบางคนบนเครื่องบินซึ่งจำเป็นต้องคุ้นเคยรายละเอียดที่ต้องทำเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามยังไม่ปรากฏข้อมูลที่สามารถชี้ชัดถึงแรงจูงใจได้

    สื่ออังกฤษอ้างทีมสืบสวนเชื่อMH370ดิ่งมหาสมุทรอินเดียโดยเจตนา อาจเป็นการ'ฆ่าตัวตาย'

    เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ของปัญหาขัดข้องหรือเหตุไฟไหม้บนเครื่อง แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทีมสืบสวนรายนี้บอกว่า "มันไม่สอดคล้องกัน ทีมสืบสวนพุ่งเป้าไปในประเด็น ทำไมต้องพาเครื่องบินไปยังจุดที่ต้องใช้เวลาการบินนาน 8 ชั่วโมง พวกเขาชี้ว่ามันเป็นการบินในลักษณะที่มีเหตุผลอะไรบางอย่าง"

    ระหว่างการถ้อยแถลงในวันจันทร์(24) นายราซัค ระบุว่าทางหน่วยงานด้านการสืบสวนอุบัติเหตุทางอากาศของอังกฤษ (เอเอไอบี) และอินมาร์แซต บริษัทดาวเทียมของอังกฤษ ให้ข้อมูลการวิเคราะห์ซึ่งนำมาสู่ข้อสรุปของเขา อย่างไรก็ตามมันได้ทำให้อังกฤษตกอยู่ท่ามกลางเกมโยนบาปกันของนานาชาติต่อการจำกัดวงการค้นหาที่ล่าช้า ขณะที่ญาติๆของเหล่าผู้โดยสารของเครื่องบินที่สูญหาย ต่างโกรธกริ้วที่ อินมาร์แซตและทางการมาเลเซีย ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง สรุปว่าเที่ยวบิน MH 370 น่าจะตกลงสู่ทะเลทั้งที่ยังไม่มีการตรวจพบซากเครื่องบินแม้แต้ชิ้นเดียว

    ท่ามกลางเส้นทางการบินที่ยังเป็นปริศนาและข่าวลือที่คาดเดากันไปต่างๆนานา ทางสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เปิดเผยเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์(24) ว่า เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศครั้งแรกของนายฟาริก อับดุล ฮามิด ผู้ช่วยนักบินวัย 27 ปี กับโบอิ้ง 777 ในฐานะนักบินที่ได้รับอนุญาตอย่างเต็มขั้น

    โดยนายฟาริก เข้ามาทำงานกับสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ เมื่อ 7 ปีก่อนและมีประสบการณ์การบิน 2,763 ชั่วโมง แต่เขาเคยขึ้นบินด้วยโบอิ้ง 777 แค่ 6 ครั้ง อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บอกว่าการไร้ประสบการณ์ของผู้ช่วยนักบินในห้องควบคุมของโบอิ้ง 777 ไม่น่าจะก่อความเสี่ยงใดๆ

    ทั้งนี้เว็บไซต์ของเทเลกราฟ ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับถ้อยแถลงที่น่าประหลาดใจของมาเลเซียแอร์ไลน์สเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากสายการบินแห่งนี้บอกว่าขอสวดมนต์ภาวนาแด่บุคคลอันเป็นที่รักของผู้โดยสาร 226 คน เพื่อนๆและสหายผู้ร่วมงาน 13 คน ซึ่งในเอกสารข้อมูลผู้โดยสารพบว่า เครื่องบินลำนี้บรรทุกผู้โดยสาร 227 รายและลูกเรือ 12 คน โดยเวลานี้ทางสายการบินยังไม่ได้ออกมาชี้แจงถึงตัวเลขที่ไม่ตรงกันดังกล่าว
     
  7. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    สำหรับท่านที่ต้องการทราบรายละเอียดการวิเคราะห์ค้นหา MH 370 จากทาง Inmarsat

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    .
     
  8. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ผู้เชี่ยวชาญชี้จุดค้นหา MH370 เป็น “แนวภูเขาไฟใต้ทะเล” อาจกู้กล่องดำลำบาก


    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2557 13:33 น.

    [​IMG]
    เจ้าหน้าที่จากบริษัทดาวเทียมอินมาร์แซท (Inmarsat) ชี้ไปยังแผนที่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 จะตกลงสู่ทะเล

    เอเอฟพี/เอเจนซี – ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์สที่คาดว่าประสบอุบัติเหตุตกลงกลางมหาสมุทรอินเดียตอนใต้เริ่มขึ้นอีกครั้งในวันนี้(26) หลังจากสภาพอากาศเริ่มเป็นใจ ขณะที่นักธรณีวิทยาเตือนว่าจุดที่นานาชาติค้นหาเป็น “แนวภูเขาไฟใต้ทะเล” ซึ่งหาก MH370 ตกบริเวณนี้จริงก็อาจทำให้การกู้กล่องดำยากลำบากขึ้น

    กระแสลมแรง พายุฝน และท้องทะเลที่ปั่นป่วนเมื่อวานนี้(25) ทำให้เครื่องบินค้นหาไม่สามารถออกเดินทางจากเมืองเพิร์ทของออสเตรเลียไปยังจุดที่พบวัตถุต้องสงสัยได้ ทว่าวันนี้จะมีเครื่องบินนานาชาติออกไปค้นหาซาก MH370 ด้วยกันถึง 12 ลำ รวมถึงเกาหลีใต้ซึ่งส่งเครื่องบินเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาเป็นครั้งแรก

    “ภารกิจในวันนี้จะเป็นการค้นหาใน 3 จุดที่อยู่ใกล้กัน ครอบคลุมพื้นที่ราว 80,000 ตารางกิโลเมตร” สำนักงานความปลอดภัยทางทะเลออสเตรเลีย (AMSA) ซึ่งทำหน้าที่ประสานงานในการค้นหาเครื่องบิน แถลง

    เรือรบ เอชเอ็มเอช ซักเซส ของกองทัพเรือออสเตรเลียได้ย้อนกลับเข้าไปยังน่านน้ำที่พบวัตถุต้องสงสัยในสัปดาห์นี้แล้ว ส่วนเรือตัดน้ำแข็ง “เซี่ยหลง” ของจีนก็ถูกส่งไปร่วมค้นหาซากเครื่องบิน เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าเที่ยวบิน MH370 ตกลงสู่มหาสมุทรอินเดียจริงตามที่รัฐบาลมาเลเซียแถลงหรือไม่ และเพื่อสืบหาความจริงว่าเหตุใดเครื่องบินลำนี้จึงออกนอกเส้นทาง และสูญหายไปพร้อมผู้โดยสาร 239 ชีวิต เมื่อวันที่ 8 มีนาคม

    นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลีย ยืนยันว่า การค้นหาซึ่งเวลานี้เข้าสู่โหมดของการกู้เครื่องบินจะไม่ยุติลง จนกว่าจะมั่นใจว่าหมดโอกาสหาเครื่องบินพบ

    “เราคงไม่สามารถค้นหาไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ภารกิจนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะล้มเลิกง่ายๆ เช่นกัน” แอบบ็อตต์ กล่าว
    [​IMG]


    มาร์ค บินสกิน รองผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันออสเตรเลีย ออกมาย้ำเตือนว่า พื้นที่ค้นหาอยู่ห่างไกลจากชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียและมีขนาดกว้างใหญ่มาก จึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเครื่องบินที่จะต้องผลัดเปลี่ยนกันออกไปค้นหา

    “เวลานี้เราไม่ได้งมเข็มในกองฟาง แต่ต้องหาให้เจอก่อนด้วยซ้ำว่า กองฟางอยู่ที่ไหน”

    เจ้าหน้าที่นานาชาติยังเดินหน้าค้นหาวัตถุที่อาจบ่งชี้ถึงจุดตกของเครื่องบิน และหวังว่าจะสามารถกู้ “กล่องดำ” ที่บันทึกข้อมูลการบินขึ้นมาได้

    อย่างไรก็ดี ต่อให้ทีมค้นหาพบชิ้นส่วนเครื่องบิน MH370 ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ แต่นักธรณีวิทยา โรบิน บีแมน จากมหาวิทยาลัยเจมส์คุก รัฐควีนส์แลนด์ ก็เตือนว่า “แนวภูเขาไฟใต้ทะเล” อาจเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้การเก็บกู้ “กล่องดำ” ทำได้ยาก

    บีแมน ระบุว่า พื้นที่ค้นหาเครื่องบินอยู่ในแนวสันเขาใต้ทะเลฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของมหาสมุทรอินเดีย (Southeast Indian Ocean Ridge) ซึ่งเป็นจุดที่พื้นมหาสมุทรมีความขรุขระ และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามการไหลของแมกมา

    แนวสันเขาใต้สมุทรซึ่งอยู่ลึกลงไปราว 3,000 เมตรเป็นแนวภูเขาไฟที่ “มีพลังมาก” เพราะเป็นจุดที่แผ่นเปลือกโลกแอนตาร์กติกและออสเตรเลเชียนมาชนกันพอดี

    “นับเป็นความโชคร้าย หากเครื่องบินลำนี้ไปตกบริเวณรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกใต้มหาสมุทรที่ยังไม่สงบนิ่ง” โรบิน บีแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาใต้ทะเลจากมหาวิทยาลัยเจมส์คุก รัฐควีนส์แลนด์ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

    “พื้นมหาสมุทรบริเวณนั้นทั้งขรุขระ คดโค้ง เต็มไปด้วยร่องขนาดเล็ก และยังไม่มีดินตะกอนทับถมมากนัก เพราะเป็นพื้นที่เกิดใหม่”

    บีแมน ระบุด้วยว่า พื้นมหาสมุทรอินเดียตอนใต้เป็นบริเวณที่ไม่เคยมีการสำรวจหรือทำแผนที่โดยละเอียด ดังนั้นการกู้ซากเครื่องบินที่ตกลงไปบริเวณนั้นจะต้องอาศัยเทคโนโยลีแผนที่ 3 มิติ (3D mapping) โดยอาจจะใช้เรือที่ติดตั้งเครื่องมือสำรวจความลึก (Multibeam echo sounders)

    [​IMG]

    วัตถุต้องสงสัยที่เครื่องบินค้นหาพบลอยอยู่ในทะเลหลายจุดตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ทุกฝ่ายมีความหวังว่าจะทราบจุดตกของเครื่องบินเร็วๆนี้ แต่ล่าสุดก็ยังไม่พบชิ้นส่วนเครื่องบินที่ชัดเจนแม้แต่ชิ้นเดียว

    กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ส่งอุปกรณ์ค้นหากล่องดำ รวมถึงโดรนใต้น้ำที่สามารถดำลงไปค้นหาซากเครื่องบินใต้มหาสมุทรลึกหลายพันเมตรได้

    มาเลเซียแอร์ไลน์ส แถลงว่า แบตเตอรีในกล่องดำจะส่งสัญญาณระบุตำแหน่งของมันเป็นเวลา 30 วันหลังจากสัมผัสกับน้ำ ซึ่งหมายความว่าทีมค้นหามีเวลาเหลืออีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่จะค้นหาจุดตกของเครื่องบินให้เจอ

    รัฐบาลมาเลเซียเชื่อว่า เครื่องบินลำนี้น่าจะถูกใครบางคน “จงใจ” บังคับให้ออกนอกเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-ปักกิ่ง แต่เนื่องจากยังไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดจึงก่อให้เกิดทฤษฎีมากมาย เช่น การจี้เครื่องบิน, นักบินถูกสังหาร หรือวิกฤตร้ายแรงบางอย่างที่ทำให้ลูกเรือไม่สามารถควบคุมเครื่อง และต้องปล่อยให้เครื่องบินเดินทางต่อไปเองด้วยระบบบินอัตโนมัติ (autopilot) จนกระทั่งน้ำมันหมด

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  9. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    เครื่องบินมาเลเซียอีกแล้ว บ่อยถี่แบบนี้ 3 เหตุการณ์ภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ทำความเชื่อมั่นตกต่ำแน่นอน


    ระทึก! “มาลินโดแอร์” ไฟไหม้เครื่องยนต์ต้องวกกลับสนามบิน-ไร้ผู้บาดเจ็บ


    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2557 15:15 น.


    [​IMG]
    ภาพเครื่องยนต์ที่กำลังลุกไหม้ของเครื่องบินเอทีอาร์-72-600 สายการบินมาลินโดแอร์ ซึ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองสุบังเพื่อไปยังเมืองกัวลาตรังกานู เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา(26)

    เอเจนซีส์ – เครื่องบินของสายการบิน มาลินโดแอร์ (Malindo Air) เกิดเพลิงลุกไหม้เครื่องยนต์ขณะทะยานขึ้นจากสนามบินในเมืองสุบัง (Subang) รัฐสลังงอร์ของมาเลเซีย เมื่อเช้าวันนี้(26) ทว่านักบินตัดสินใจนำเครื่องวกกลับไปลงจอดที่สนามบินได้อย่างปลอดภัย และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

    มาลินโดแอร์ แถลงว่า เครื่องบินรุ่น เอทีอาร์-72-600 เทอร์โบพร็อปชนิด 2 เครื่องยนต์ ประสบเหตุขัดข้องขณะเดินทางออกจากสนามบินสุลต่านอับดุลอาซิซชาห์ เมื่อเวลา 7.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยขณะเกิดเหตุเครื่องบินได้ไต่ระดับความสูงไปถึง 7,000 ฟุต (ราว 2,133 เมตร)

    “ระบบตรวจจับเพลิงไหม้บนเครื่องบินได้ส่งสัญญาณเตือนขึ้น พนักงานบนเครื่องจึงทำการตรวจสอบฉุกเฉินตามมาตรฐานความปลอดภัยการบินเพื่อควบคุมสถานการณ์” สายการบิน ระบุ

    “นักบินตัดสินใจนำเครื่องกลับมายังสนามบินเมืองสุบัง และลงจอดได้อย่างปลอดภัยโดยที่เหตุการณ์ไม่ลุกลาม และไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ”

    “ผู้โดยสารถูกส่งขึ้นเครื่องบินอีกลำหนึ่ง เพื่อเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังปลายทางที่เมืองกัวลาตรังกานูแล้ว”

    มาลินโดแอร์ แถลงเพิ่มเติมอีกว่า เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบของเพลิงไหม้ และได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินแล้ว

    เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นักฟุตบอลทีมตรังกานูคนหนึ่งซึ่งเดินทางไปกับเครื่องบินลำนี้ ได้โพสต์ภาพถ่ายเครื่องยนต์ที่มีเพลิงลุกไหม้ลงเฟซบุ๊ก

    มาลินโดแอร์ เป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างอุตสาหกรรมการบินและกลาโหมแห่งชาติมาเลเซีย (NADI) และสายการบินไลออนแอร์ของอินโดนีเซีย โดยมีฐานการบินอยู่ที่เมืองเปตาลิงจายา และเพิ่งจะเปิดให้บริการเที่ยวบินแรกเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ปีที่แล้ว
    .

    [​IMG]
    เครื่องบินรุ่น เอทีอาร์-72-600 ของสายการบินมาลินโดแอร์
     
  10. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    3 เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการเดินทางหรือโดยสารทางเครื่องบินของประเทศมาเลเซีย
    3 เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของการโดยสารเครื่องบินของมาเลเซีย
    3 เหตุการณ์กับ 1 ประเทศ กับการเดินทางประเภทเดียวกันในระยะเวลาเดือนเดียวกัน
    3 เหตุการณ์ที่เกิดติดต่อกันในช่วงระยะเวลา 19 วันกับสายการบินของประเทศมาเลเซีย

    เพื่อนสมาชิกคิดว่ามันเป็นเหตุบังเอิญหรือเหตุจงใจให้บังเอิญ


    8 มี.ค. 2557 MH370 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส (MAS)หายไปจนถึงวันนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมที่แท้จริง
    [​IMG]

    24 มี.ค.2557 เครื่องบินโดยสารสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH66 ประสบปัญหาระบบไฟฟ้าขัดข้อง ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฮ่องกง สลับเปลี่ยนเครื่องบินให้ผู้โดยสารเดินทางต่อไปยังที่หมายเกาหลีใต้อย่างปลอดภัย
    [​IMG]


    26 มี.ค.2557 เครื่องบินของสายการบิน มาลินโดแอร์ (Malindo Air) เกิดเพลิงลุกไหม้เครื่องยนต์ขณะทะยานขึ้นจากสนามบินในเมืองสุบัง (Subang) รัฐสลังงอร์ของมาเลเซีย นักบินติดสินใจนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย
    [​IMG]
     
  11. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ภาพจากดาวเทียมฝรั่งเศส แสดงซากชิ้นส่วนขนาดตั้งแต่ 1-23 เมตร จำนวน 122 ชิ้น

    [​IMG]

    [​IMG]

    .
     
  12. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    เครื่องช่วยหาตำแหน่งกล่องดำจาก US ถึง Perth แล้ว

    [​IMG]

    .
     
  13. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    [​IMG]

    .
     
  14. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    บริเวณที่คาดว่า MH370 ตก อยู่ในแนวสันเขากลางมหาสมุทร ( Ridge ) ที่เป็นช่องให้แมกม่าค่อยๆดันทะลุออกมา >> Ocean Floor Expansion


    [​IMG]

    เพิ่มเติม : คำบรรยายประกอบ จากโพสต์ของท่าน ในนิมิตร >>

    นักธรณีวิทยา โรบิน บีแมน จากมหาวิทยาลัยเจมส์คุก รัฐควีนส์แลนด์ ก็เตือนว่า “แนวภูเขาไฟใต้ทะเล” อาจเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้การเก็บกู้ “กล่องดำ” ทำได้ยาก

    บีแมน ระบุว่า พื้นที่ค้นหาเครื่องบินอยู่ในแนวสันเขาใต้ทะเลฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของมหาสมุทรอินเดีย (Southeast Indian Ocean Ridge) ซึ่งเป็นจุดที่พื้นมหาสมุทรมีความขรุขระ และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามการไหลของแมกมา

    แนวสันเขาใต้สมุทรซึ่งอยู่ลึกลงไปราว 3,000 เมตรเป็นแนวภูเขาไฟที่ “มีพลังมาก” เพราะเป็นจุดที่แผ่นเปลือกโลกแอนตาร์กติกและออสเตรเลเชียนมาชนกันพอดี

    “นับเป็นความโชคร้าย หากเครื่องบินลำนี้ไปตกบริเวณรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกใต้มหาสมุทรที่ยังไม่สงบนิ่ง” โรบิน บีแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาใต้ทะเลจากมหาวิทยาลัยเจมส์คุก รัฐควีนส์แลนด์ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

    “พื้นมหาสมุทรบริเวณนั้นทั้งขรุขระ คดโค้ง เต็มไปด้วยร่องขนาดเล็ก และยังไม่มีดินตะกอนทับถมมากนัก เพราะเป็นพื้นที่เกิดใหม่”

    บีแมน ระบุด้วยว่า พื้นมหาสมุทรอินเดียตอนใต้เป็นบริเวณที่ไม่เคยมีการสำรวจหรือทำแผนที่โดยละเอียด ดังนั้นการกู้ซากเครื่องบินที่ตกลงไปบริเวณนั้นจะต้องอาศัยเทคโนโยลีแผนที่ 3 มิติ (3D mapping) โดยอาจจะใช้เรือที่ติดตั้งเครื่องมือสำรวจความลึก (Multibeam echo sounders)

    ตัวเลขที่เห็น คือ ระดับความสูง ( elevation ) ถ้าอยู่ในทะเล หมายถึง ความลึก ( เมตร )

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2014
  15. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    กระแสลมม มหาสมุทรอินเดีย วันนี้


    [​IMG]

    .
     
  16. pongsakn

    pongsakn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +12
    คงไม่บังเอิญขนาดนั้น ทำไมต้องย้อนไปตกตรงนั้น นักบินจะฆ่าตัวตายไม่จำเป็นต้องทำเป็นเรื่องซับซ้อน เชื่อว่าเป็นการกระทำของมหาอำนาจเจ้าโลกที่คิดจะฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเพื่อประโยชน์ตัวเองมันก็ทำได้
     
  17. Angie_04

    Angie_04 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +431
    มนุษย์เราช่างน้อยนิดนัก เมื่อเทียบกับโลกอันยิ่งใหญ่ใบนี้
    :boo:
     
  18. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681

    ขอเพิ่มสาเหตุความน่าจะเป็นอีกอันคือ ระบบ flight management โดน Hack แล้วทำการเปลี่ยนข้อมูลเส้นทางการบิน( Flight Plan ) พร้อมกับปิดระบบ Acars และ Transponder ให้เครื่องบินไปตามคำสั่งที่ป้อนไว้แบบ AutoPilot โดยที่นักบินไม่สามารถทำการบังคับอะไรได้เลย

    แต่ก้อมีผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและผู้ผลิตแย้งว่า เป็นไปได้ยาก ...

    .
     
  19. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    พายุดับความหวังค้นหา “MH370” เป็นหนที่ 2 หลังภาพถ่ายดาวเทียมชิ้นใหม่เผย “วัตถุปริศนา” กว่าร้อยชิ้น


    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มีนาคม 2557 13:12 น.

    [​IMG]
    เอเอฟพี - ปฏิบัติการค้นหาซากเที่ยวบิน MH370 ในวันนี้ (27 มี.ค.) ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นหนที่สองในรอบหนึ่งสัปดาห์ สืบเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ทำให้กองเรือและอากาศยานที่เข้าร่วมในภารกิจได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่โดยทั้งหมด

    องค์การความปลอดภัยด้านการเดินเรือออสเตรเลีย (AMSA) ระบุแจ้งในทวิตเตอร์ว่า “ปฏิบัติการค้นหาถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย เครื่องบินทั้งหมดกำลังมุ่งหน้ากลับเมืองเพิร์ธ ขณะที่เรือก็กำลังแล่นออกจากพื้นที่ค้นหา”

    ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (27) เครื่องบินทหาร 6 ลำ จากออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ กำลังมุ่งหน้าออกจากเมืองเพิร์ธเพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาตลอดทั้งวัน เช่นเดียวกับ อากาศยานพลเรือนอีก 5 ลำ ซึ่งจะระดมกำลังตรวจสอบในพื้นที่ 2 จุด ที่กินอาณาบริเวณรวม 78,000 ตารางกิโลเมตร

    นอกจากนี้ ยังมีการส่งเรือ 5 ลำเข้าไปในพื้นที่ค้นหา ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงเรือรบหลวง “ซักเซส” ของออสเตรเลีย และเรือของจีนอีก 4 ลำ

    เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (27) สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียได้กล่าวเตือนว่า กำลังจะเกิดพายุฟ้าคะนองและกระแสลมแรงในพื้นที่ค้นหา ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 2,500 กิโลเมตร

    พื้นที่ค้นหาซึ่งอยู่ห่างไกลแห่งนี้ต้องเผชิญกับคลื่นสูง และลมแรงอยู่เป็นประจำ ส่งผลให้ภารกิจค้นหาซากเครื่องบินได้ถูกเลื่อนออกไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (25)

    [​IMG]
    ภาพถ่ายจากฝ่ายการทหารและเทคโนโลยีอวกาศของ “แอร์บัสกรุ๊ป” กิจการอากาศยานแดนน้ำหอมเผยให้เห็นวัตถุปริศนา 122 ชิ้นลอยอยู่ในพื้นที่ 400 ตร.กม.ของมหาสมุทรอินเดีย

    ภารกิจค้นหาซากเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ซึ่งตกลงไปในมหาสมุทร เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิต ถูกยกระดับเป็นปฏิบัติการฉุกเฉินอีกครั้ง หลังมีการนำภาพถ่ายดาวเทียมชิ้นใหม่ออกเผยแพร่วานนี้ (26)

    ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นวัตถุต้องสงสัยกว่า 100 ชิ้นในทะเล ซึ่งจุดประกายให้เกิดความหวังกันว่าจะพบหลักฐานที่ยืนยันว่าเครื่องบินลำนี้ตกลงไปในมหาสมุทรจริง แต่ AMSA ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงว่าเครื่องบินหรือเรือได้พบเห็นวัตถุเหล่านี้หรือไม่ ก่อนที่ภารกิจค้นหาถูกเลื่อนออกไปเสียก่อน

    มาเลเซียกล่าวว่า ภาพถ่ายที่ดาวเทียมของฝรั่งเศสบันทึกไว้ได้เมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็น “วัตถุต้องสงสัย 122 ชิ้น” ในจุดที่อยู่ห่างไกลทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ทว่าจนถึงตอนนี้ทีมค้นหายังไม่พบชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ในท้องทะเลที่มีคลื่นลมแรงจนน่าหวั่นเกรง ทั้งที่นานาชาติได้ระดมกำลังออกค้นหากันอย่างสุดกำลังแล้วก็ตาม

    แม้กระนั้น ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาเลเซียได้ย้ำเตือนว่า ยังระบุไม่ได้ว่าวัตถุปริศนาเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ซึ่งตกลงไปในทะเล หลังอันตรธานหายไปจากจอเรดาร์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มีนาคม หรือไม่

    ทั้งนี้ เที่ยวบิน MH370 ได้บินออกนอกเส้นทางที่กำหนดไว้อย่างไร้คำอธิบาย ระหว่างเดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่ง โดยออกนอกทิศทางไปหลายพันกิโลเมตรก่อนที่จะจมหายลงไปในทะเล ขณะที่มาเลเซียปักใจเชื่อว่ามีใครบางคนที่อยู่บนเครื่องบินลำนี้จงใจนำเปลี่ยนทิศทางการบินโดยไตรตรองไว้ก่อน

    [​IMG]
     
  20. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    [​IMG]


    ดูรายการ "ตื่นมาคุย" ที่พูดถึงคำทำนายสาเหตุการตกของ MH 370 ของหมอปลาย เลยเอาคลิปมาฝากค่ะ

    (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมนะคะ)







    <IFRAME height=315 src="//www.youtube.com/embed/dU8qfbRlrMA" frameBorder=0 width=560 allowfullscreen></IFRAME>

    .
    .
    .
    .
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • picture066.jpg
      picture066.jpg
      ขนาดไฟล์:
      204.3 KB
      เปิดดู:
      1,954

แชร์หน้านี้

Loading...