ข้อความจากต่างมิติ - ประวัติศาสตร์ของการสรรสร้าง (A History of Creation)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 23 พฤษภาคม 2014.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เนื้อหาของข้อความชุดนี้ค่อนข้างเข้าใจยาก
    มิหนำซ้ำสไตล์การสื่อสารของเจ้าของข้อความนี้
    ก็วกไปวนมาอยู่ไม่น้อย จนทำให้ผมปวดหัวไปหมดเลย

    อันที่จริงแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับจุดกำเนิดของสรรพสิ่งแบบนี้
    ก็มีอยู่แล้วมากมายหลายแหล่งข้อมูล และหลายทฤษฎีด้วย
    ซึ่งบางแหล่งข้อมูล ผมก็เคยโพสต์ไปแล้วในกระทู้อื่นๆ
    แต่ว่ารอบนี้ ที่เอามาแปลและโพสต์อีกนี้ ก็เพราะว่า
    เห็นว่าเนื้อหามันลงลึกดี แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อนหนะครับ

    แต่อย่างไรก็ตาม ท่านก็อย่าลืมว่าข้อมูลพวกนี้
    ผมแค่แปลมาให้ท่านอ่านด้วยเท่านั้นเองนะครับ
    หาใช่เจ้าของข้อมูลเองไม่ ดังนั้น ท่านจึงต้องใช้วิจารณญาณเอาเอง
    และท่านก็จะต้องเลือกเอาเองด้วยว่า ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

    ข้อมูลชุดนี้มันมีอยู่ทั้งหมด 7 ตอน ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
    ผมก็กะว่าจะค่อยๆแปลและโพสต์ให้ครบจนหมดทุกตอนนั่นแหละครับ

    ก็หวังว่าท่านคงจะได้ "จิ๊กซอ" ที่อยู่ในเนื้อหาของกระทู้นี้
    ติดมือกลับไป เพื่อเอาไปต่อเข้ากับจิ๊กซอตัวที่ท่านมีอยู่แล้ว
    ในตำราทางศาสนาของท่านบ้างนะครับ


    ......................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2022
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจาก ”The constant companions”
    เรื่อง: ประวัติศาสตร์แห่งการสรรสร้าง (A history of Creation) – part 1


    ผู้รับสาส์น: Aisha North
    วันที่: 8 ตุลาคม 2013

    ที่มา:
    https://aishanorth.wordpress.com/2013/10/08/a-history-of-creation-part-1/

    a.jpg
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ตอนที่: 1/1

    เดี๋ยวเราจะมาเริ่มอธิบายกันเลย โดยพุ่งเป้าไปที่เรื่องที่พวกเรารู้ว่า
    พวกคุณก็เก็บเอาไว้ใกล้ๆหัวใจของตัวเองอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็คือเรื่อง “ต้นกำเนิดของอะตอม”
    หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ต้นกำเนิดของมวล” ก็ได้

    เพราะว่า “มวล” นี้ก็ไม่ใช่อะไรอื่นเลย แต่มันคือพลังงานดีๆนี่เอง


    และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันไปต่างๆนาๆมาโดยตลอดซะด้วย
    ตลอดระยะเวลายาวนานในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเลยทีเดียว
    เพราะว่าอนุภาคขนาดเล็กของพลังงานที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหล่านี้
    ไม่สามารถที่จะหาทางเข้ามาสู่ความตระหนักรู้ของมนุษย์ได้ นับเป็นระยะเวลาอันยาวนานมากๆ
    เพราะว่าพวกมันไม่สามารถถูกมองเห็นได้, และก็ไม่สามารถถูกรับรู้ได้ หรืออะไรทำนองนั้น
    มันก็เลยทำให้พวกคุณทุกๆคน ต้องใช้เวลายาวนานมากๆ กว่าที่พวกคุณจะเริ่มสังเกตุเห็นพวกมันได้
    ว่าพวกมันอยู่รอบๆตัวพวกคุณนี่เอง

    แต่ว่าตอนนี้ เพราะว่าพวกคุณเริ่มที่จะมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ
    เกี่ยวกับคุณสมบัติต่างๆของพลังงานที่เป็นรากฐานแห่งชีวิตเหล่านี้มากพอสมควรแล้ว
    ดังนั้น พวกเราจึงกำลังจะพาพวกคุณทุกๆคนไปต่ออีกสักหน่อย

    เพราะว่าพวกคุณได้พากันค้นหาและก็กำลังค้นหาอนุภาคขนาดเล็ก ที่ยากยิ่งจะค้นพบ
    ที่พวกคุณเรียกกันว่า Higgs Boson กันอยู่ และถึงแม้ว่าพวกคุณดูเหมือนว่าจะพบร่องรอยของมันแล้วก็ตาม
    แต่มันก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกคุณยังไม่เข้าใจอยู่ดี ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

    เพราะว่าสิ่งที่เป็นแรงพลังขับดันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้

    ส่วนใหญ่แล้ว มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้
    ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ว่าจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยดวงตาของมนุษย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะ
    แต่ยังไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือด้านเทคนิกทุกๆชนิด
    ที่พวกคุณมีอยู่นับจนถึงทุกวันนี้อีกด้วย

    แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราจะบอกพวกคุณว่า ในอนาคต พวกคุณจะสามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า
    ซึ่งเหตุผลสำหรับเรื่องนี้จริงๆแล้วก็คือ เพราะว่าสมองของพวกคุณกำลังจะมีสมรรถภาพมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
    เพราะว่ามันกำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการ upgrade แบบเข้มข้น ช่วงท้ายๆอยู่

    และก็อย่างที่พวกเราได้เคยกล่าวไปแล้วอยู่บ่อยๆว่า มนุษย์โลกพากันใช้ชีวิตอยู่ในกล่องที่แคบจนเกินไป
    จนทำให้สิ่งที่เรียกกันว่า “กฎของธรรมชาติ” นั้น ถูกตัดสินว่าเป็นสิ่งที่คงที่และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้

    ถ้างั้น..พวกเราก็อยากจะขอพูดว่า ยินดีต้อนรับสู่โลกใหม่ล่าสุด ที่ๆจะไม่มีอะไร
    ที่จะสามารถถูกเข้าใจว่า เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อยู่อีกต่อไป

    เพราะว่าสสารก็คือพลังงาน และพลังงานก็คือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ

    และเมื่อใดที่พวกคุณสามารถเริ่มเข้าถึงระดับที่พวกเราทั้งหมดอยู่ในรูปแบบของคลื่นความถี่ได้แล้ว
    พวกคุณก็จะได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไร

    ไม่มีอะไรที่มั่นคงถาวร และก็ไม่มีอะไร

    ที่จะคงที่อยู่อย่างนั้นไปตลอดกาลหรอก
    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่าง
    ที่พวกเรามองเห็นว่ามันเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดเวลานั้น
    แท้ที่จริงแล้วพวกมันล้วนกำลังอยู่ในสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
    คือพวกมันกำลังกระพริบเกิดดับอยู่ตลอดเวลา
    ด้วยอัตราเร็ว ที่เร็วซะยิ่งกว่าสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า
    “ความเร็วแสง” ซะอีก

    และพวกเราก็อยากจะขอพูดเพิ่มเติมอีกว่า “ความเร็วแสง” (Speed of Light) ที่ว่านี้
    ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่พวกคุณพากันไปตรวจวัดมาได้หรอกนะ เพราะว่าถ้าจะพูดให้ถูกแล้วก็คือ
    มันเป็นเพราะว่าความสามารถในการวัดของพวกคุณที่มีอยู่เท่านั้น จึงทำให้พวกคุณวัดค่ามันออกมาได้เท่านั้น

    แต่นั่นก็เป็นเพราะว่า พวกคุณไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ว่า

    จริงๆแล้วอนุภาคของแสงมันเคลื่อนที่อย่างไรนั่นเอง
    เพราะว่าบางครั้งมันก็จะดูเหมือนกับว่าหยุดนิ่งอยู่กับที่
    แล้วจากนั้น ในทันทีทันใด มันก็จะทำในสิ่งที่จะสามารถเรียกได้แต่เพียงว่า
    “การก้าวกระโดดของควอนตั้ม” (Quantum leap) เท่านั้นเอง

    ดังนั้น พวกคุณจึงกำลังอยู่ในระหว่างสภาวะทั้งสองนี้ คืออยู่ระหว่าง “เดี๋ยวนี้” กับ “ตลอดกาล”
    ซึ่งตรงกึ่งกลางระหว่างสภาวะทั้งสองนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในสภาวะที่กำลังส่งอะไรบางอย่าง
    กลับไปกลับมาหากันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันจะคล้ายๆกับหีบห่อของพลังงานขนาดเล็ก
    ที่บรรจุข้อมูลข่าวสารเอาไว้ และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะมีการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา
    และก็จะมีการเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนสภาพ และวิวัฒน์อยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

    มันจะคล้ายๆกับสัญญาณกระพริบบนจอเรดาร์ ซึ่งมันจะกระพริบขึ้นมาครั้งหนึ่ง แล้วก็จะหายไปในทันที
    แล้วก็จะไปโผล่อีกทีที่พิกัดอื่นในอวกาศซึ่งแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
    ดังนั้น บางที นี่อาจจะทำให้พวกคุณเริ่มมีความเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วก็ได้ว่า
    ทำไมพวกเราจึงสามารถที่จะมาอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพวกคุณได้ในทันทีทันใด
    แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลยก็ตาม และว่าทำไมพวกเราถึงสามารถมองเห็นพวกคุณได้อย่างชัดเจน
    แต่พวกคุณจะไม่สามารถมองเห็นพวกเราได้

    ................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2022
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจาก ”The constant companions”
    เรื่อง: ประวัติศาสตร์แห่งการสรรสร้าง (A history of Creation) – part 1


    ผู้รับสาส์น: Aisha North
    วันที่: 8 ตุลาคม 2013

    ที่มา:
    https://aishanorth.wordpress.com/2013/10/08/a-history-of-creation-part-1/

    ตอนที่: 1/2


    ก็อย่างที่พวกเราเคยพูดไปมากกว่าหนึ่งครั้งแล้วว่า พื้นที่ในอวกาศทั้งหมดมีความแน่นขนัดอย่างมาก
    ซึ่งถ้าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในนั้น สามารถมองเห็นได้ในเวลาเดียวกันทั้งหมดหละก็
    พวกคุณก็จะพบว่ามันไม่มีช่องว่างที่จะให้กระดิกตัวไปไหนได้เลย
    หรือถ้าจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกคุณจะรู้สึกราวกับว่าทุกๆโมเลกุลของอวกาศนั้น
    ล้วนเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างทั้งสิ้น

    และเพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นตัวตนของพวกคุณนั้น
    ก็คือสิ่งเดียวกันกับที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นสิ่งอื่นๆอีกมากมายก่ายกอง
    และมันก็เลยยากที่จะหาทางขยับเขยื้อนไปไหนมาไหนได้ ภายในน้ำซุปแห่งพลังงานอันนี้

    และนี่แหละคือประเด็นหละ เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณเห็นกันอยู่นี้นั้น

    เป็นแต่เพียงชั้นบางๆชั้นหนึ่งของ “สิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ทั้งหมด” (All that is) เท่านั้นเอง
    เพราะว่าสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ทั้งหมดนั้น พวกมันทั้งหมดล้วนซ้อนทับกันอยู่ในที่ว่างเดียวกันทั้งสิ้น
    แต่ว่าพวกคุณทุกๆคนกลับไปฝังหัวและยึดติดอยู่แต่กับชั้นบางๆเพียงชั้นเดียว
    จากจำนวนชั้นทั้งหมดที่มีอยู่จนนับไม่ถ้วนของมัน ซึ่งซ้อนทับกันอยู่ในที่ว่างเดียวกันไปซะนี่

    ดังนั้น สิ่งที่พวกคุณอาจจะเรียกกันว่าห้วงอวกาศอันหาที่สุดไม่ได้

    ซึ่งกว้างใหญ่ไพศาลมากๆเมื่อวัดออกมาเป็นเมตรหรือแม้กระทั่งเป็นปีแสงนั้น
    อันที่จริงแล้ว มันมีขนาดเล็กกว่านั้นมากๆ
    ซึ่งอย่างน้อยก็เมื่อพวกคุณวัดค่ามันออกมาในรูปแบบของความกว้างและความยาวหละ

    แต่ถ้าพวกคุณวัดค่ามันโดยใช้วิธีการของพวกเราหละก็ มันก็จะกลายเป็นว่า
    แท้ที่จริงแล้วมันก็คือลูกทรงกลมของโลกแห่งความเป็นจริงลูกหนึ่ง
    ที่ทุกสิ่งทุกอย่างอัดตัวกันแน่นมากๆอยู่ภายในช่องว่างที่มีขนาดเล็กมากๆ ช่องว่างหนึ่ง
    แต่สิ่งที่แผ่กระจายอยู่ภายในลูกทรงกลมดังกล่าวนี้
    ก็คือจำนวนชั้นต่างๆที่มีอยู่อย่างมากมายจนนับไม่ถ้วนนั่นเอง

    พวกเรารู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ยากต่อการเข้าใจของพวกคุณ
    แต่ถ้าพวกคุณลองคิดว่าเมื่อใดที่พวกคุณมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในตอนกลางคืนแล้ว
    พวกคุณก็จะเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างอยู่ไกลเหลือเกิน

    แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราบอกพวกคุณว่า

    ทั้งหมดที่พวกคุณจำเป็นจะต้องทำ
    เพื่อที่จะให้สามารถเชื่อมต่อกับสิ่งทั้งปวงนี้ได้ก็คือ
    แค่เอื้อมมือออกไปแล้วไปสัมผัสมันเท่านั้นเอง?

    เพราะว่ามันไม่ได้อยู่ไกลแต่อย่างใดเลย! เพราะว่ามันอยู่ที่นี่!
    เพียงแต่ว่ามันซ้อนทับกันอยู่บนชั้นอีกชั้นหนึ่งเท่านั้นเอง

    ดังนั้นมันก็เลยดูเหมือนกับว่า มันอยู่ห่างไกลจากพวกคุณมากเหลือเกินเท่านั้นเอง

    (หมายเหตุ: คำว่า space ทั้งหมดในย่อหน้าต่อไปนี้

    ผมเองไม่แน่ใจนะครับว่าตรงไหนบ้างที่เขาต้องการสื่อถึง “อวกาศ”
    และตรงไหนบ้างที่เขาต้องการสื่อถึง “ช่องว่าง หรือ ที่ว่าง”
    ดังนั้น ผมก็เลยใส่วงเล็บภาษาอังกฤษเอาไว้ให้ทั้งหมดเลย – ผู้แปล)

    ตัวพวกคุณเองก็คือช่องว่าง (space) ด้วยนะ เพียงแต่ว่าพวกคุณอยู่ในช่องว่าง/อวกาศ (space) เรียบร้อยแล้วเท่านั้นเอง
    และช่องว่าง/อวกาศ (space) ก็คือปริมาณที่สามารถวัดค่าได้อย่างหนึ่งด้วย
    เพราะว่าช่องว่างหรืออวกาศ (space) ก็คือพลังงาน (Energy) นั่นเอง ไม่ใช่ระยะทาง
    และเพราะฉะนั้น มันจึงสามารถที่จะถูกทำให้ดูเหมือนว่าอยู่ห่างไกลจากพวกคุณได้ด้วย

    แต่ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะว่า..
    ช่องว่าง (space) เท่ากับพลังงาน (energy) เท่ากับสนามแห่งการเปลี่ยนสภาพ (morphogenic field)

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ช่องว่าง (space) ไม่ใช่อะไรอื่นเลย
    นอกเสียจาก คือพลังงานจำนวนหนึ่งที่กำลังครอบครองพื้นที่ที่มีขนาดเล็กที่สุด เท่าที่จะมีได้อยู่ นั่นเอง

    เพราะว่าพลังงานไม่จำเป็นจะต้องอาศัยที่ว่าง (space) สำหรับการดำรงอยู่เลย เพราะว่ามันอยู่ของมันเองได้
    ไม่ว่าพื้นที่ว่างที่ว่านี้ จะมีขนาดเล็กหรือใหญ่สักแค่ไหนก็ตามแต่ ในสายตา หรืออันที่จริงก็คือ ในสมองของมนุษย์ก็ตาม

    ดังนั้นคราวหน้าถ้านักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณมาพูดถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของอวกาศให้พวกคุณฟังอีกหละก็
    ก็ขอให้พวกคุณคิดถึงความเป็นไปได้อันเป็นอนันต์ของอวกาศแทน
    และจงรู้ไว้ด้วยว่าพวกคุณสามารถที่จะเข้าถึงทุกๆส่วนของมันได้อย่างง่ายดาย จากที่บ้านของพวกคุณเองเลยทีเดียว

    ในความเป็นจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพลังงานด้วยกันหมดทั้งสิ้น เพียงแต่ว่ามายาการที่มันสร้างขึ้นมา
    ทำให้มันมีสิ่งที่เรียกว่า “มวล” เกิดขึ้น และเมื่อมีมวลเกิดขึ้นมาแล้ว ก็เลยจำเป็นจะต้องมี “ที่ว่าง” (space)
    สำหรับให้มันอยู่ด้วย แต่ว่าพลังงานไม่มีความจำเป็นจะต้องอาศัยที่ว่างสำหรับอยู่แต่อย่างใดเลย เพราะมันอยู่ของมันเองได้

    ..........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2022
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจาก ”The constant companions”
    เรื่อง: ประวัติศาสตร์แห่งการสรรสร้าง (A history of Creation) – part 1


    ผู้รับสาส์น: Aisha North
    วันที่: 8 ตุลาคม 2013

    ที่มา:
    https://aishanorth.wordpress.com/2013/10/08/a-history-of-creation-part-1/

    ตอนที่: 1/3


    ดังนั้น จุดกำเนิดของ The Big Bang จึงเริ่มต้นมาจากรูเล็กๆเพียงรูเดียว หรือจุดเล็กๆเพียงจุดเดียว
    ซึ่งมีมิติแค่มิติเดียวเท่านั้นเอง หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ มันไม่มีมิติด้วยซ้ำไป
    แล้วจากนั้นมันจึงเริ่มคลี่คลายตัวเองออกมา

    แต่ทั้งหมดนี้มันก็เป็นแค่มายาการอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง

    มันคือมายาการที่ดูเหมือนว่า เป็นอะไรบางอย่างที่มีตัวตนหรือเป็นรูปธรรมจับต้องได้
    ที่มีความกว้าง, ความยาวและความสูง และอะไรทำนองนั้น

    แล้วจากนั้นสิ่งของแต่ละสิ่งทั้งหมดนี้ ก็ถูกใส่เข้าไปในสภาวะแวดล้อมร่วมกันกับสิ่งสมมุติชิ้นอื่นๆทั้งหมด
    จนก่อให้เกิดเป็น “สรรพสิ่งทั้งปวง” (Creation) ขึ้นมา
    ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว พวกมันก็มีชื่อเรียกต่างๆกันออกไป ใช่ไหม?

    เพราะว่าพวกมันทั้งหมดล้วนถูกสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น พวกมันล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากพลังงานด้วยกันหมดทั้งสิ้น
    แต่ว่าพวกมันก็คือมายาการอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง พวกมันคืออะไรบางอย่างที่สามารถทำให้เปลี่ยนแปลงไปได้
    และทำให้เปลี่ยนสภาพไปได้ และทำให้เคลื่อนไหวไปได้ ดังเจตนา

    แล้วใครหละที่เป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวงนี้ขึ้นมา ใครหละคือพระเจ้า (God)?

    พระเจ้าคือสรรพสิ่งทั้งปวงเอง พระเจ้าคือเจตจำนงของพลังงานทั้งมวลนี้
    พระเจ้าคือวัตถุประสงค์เพียงหนึ่งเดียว (Sole purpose) หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ
    พระเจ้าคือวัตถุประสงค์ของจิตวิญญาณ (Soul purpose)

    พระเจ้าอยู่ที่นั่นเพื่อที่จะ "เป็น" พระเจ้าคือพลังงานชนิดหนึ่งที่อยู่ที่นั่นเพื่อที่จะเป็น
    เพื่อที่จะเป็นในทุกๆวิถีทางเท่าที่จะสามารถจินตนาการได้ และอื่นๆอีกมากมาย

    พระเจ้าสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา เพราะว่านั่นคือสิ่งที่พระเจ้าเป็น
    พระเจ้าสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาในทุกๆมิติและในทุกๆสภาวะ
    พระเจ้าคือสิ่งที่มีชีวิต และก็คือสิ่งที่สามารถทำให้เปลี่ยนแปลงไปได้

    พระเจ้าคือพวกคุณ และพวกคุณก็คือพระเจ้า
    และทั้งพระเจ้าและพวกคุณ ก็คือทุกสิ่งทุกอย่าง
    พระเจ้าคือต้นกำเนิดเพียงแหล่งเดียว
    พระเจ้าคือแก่นแท้ของพระเจ้าที่อยู่ภายในทุกสิ่งทุกอย่าง,
    พระเจ้าคือรูปธรรมชีวิต, พระเจ้าคือทั้งหมด, พระเจ้าคือลมหายใจ,
    พระเจ้าคือเสียง, คือสัมผัส, คือความกลัว, คือความโกรธ,
    คือความสุข, คือความรัก, คือความเกลียด,
    พระเจ้าคือทั้งหมดทั้งปวงนี้ และอื่นๆอีกมากมาย

    พระเจ้าอยู่ที่นี่เพียงเพื่อที่จะ "เป็น" เท่านั้น และพระเจ้าก็ต้องการที่จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างด้วย
    และเพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงมีชีวิตอยู่ และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา
    เพราะว่าการสร้างสรรค์คือทั้งหมดที่พระเจ้าเป็น

    แล้วพวกคุณเป็นใครหละ? พวกคุณก็คือพระเจ้าด้วย แต่อยู่ในสัณฐานที่มีขอบเขตจำกัดชนิดหนึ่ง
    ซึ่งในตอนนี้สัณฐานที่ว่านี้ (ร่างกายเนื้อของเรา – ผู้แปล) ก็กำลังอยู่ในระหว่างการถูกปรับปรุง
    และถูกเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่ เพื่อเปลี่ยนให้ไปเป็นพวกคุณคนใหม่ล่าสุด (a brand new you)

    ใช่แล้ว พวกเราก็รู้ว่าคำพูดนี้มันอาจจะฟังดูเหมือนเป็นการรุกรานอยู่บ้าง
    แต่ทั้งหมดนี้มันคือเกมๆหนึ่งเท่านั้นเอง

    ไม่ว่าพวกคุณจะ “ดำรงชีวิตอยู่” บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ หรือว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตามแต่
    แต่พวกเราทั้งหมด ก็กำลังเล่นเกมๆเดียวกันอยู่ทั้งสิ้น พวกเราเท่าเทียมกัน
    และพวกเราก็มาที่นี่เพื่อที่จะมาเป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของมันเท่านั้นเอง

    มันก็เหมือนกับการกินอาหารกันคนละรสชาตินั่นแหละ หรือเหมือนกับการมองดูสีกันคนละสี
    หรือเหมือนกับการลองสวมใส่เสื้อผ้ากันคนละชุด หรือลองอยู่ในเพศที่แตกต่างกัน
    หรือลองมีขนาดที่แตกต่างกัน หรืออะไรก็ตามแต่ในทำนองเดียวกันนี้
    เพราะว่ามันเป็นแค่เรื่องของการสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดความหลากหลายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เท่านั้นเอง
    และทุกสิ่งทุกอย่างก็มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันอยู่ ภายในฟองขนาดกระจิดริด
    ที่เรียกว่า “อาณาจักรของสรรพสิ่งทั้งปวง” (All of Creation) นี้

    ซึ่งอาณาจักรของสรรพสิ่งทั้งปวงนี้ มันก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไรเลย

    เพียงแต่ว่ามันไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้นเอง
    และมันก็ไม่ได้ใช้เนื้อที่ไปมากกว่าขนาดของอะตอมเพียงหนึ่งอะตอมเลย
    เพียงแต่ว่ามันครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เท่านั้นเอง
    เพราะว่ามันประกอบด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง
    เท่าที่พวกคุณจะสามารถจินตนาการได้ และอื่นๆอีกมากมาย

    ..............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2022
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจาก ”The constant companions”
    เรื่อง: ประวัติศาสตร์แห่งการสรรสร้าง (A history of Creation) – part 1


    ผู้รับสาส์น: Aisha North
    วันที่: 8 ตุลาคม 2013

    ที่มา:
    https://aishanorth.wordpress.com/2013/10/08/a-history-of-creation-part-1/


    ตอนที่: 1/4

    แต่ว่าทั้งหมดนี้มันคือมายาการอย่างหนึ่งเท่านั้น
    อันที่จริงแล้ว มันคือภาพโฮโลแกรมสามมิติชนิดหนึ่ง
    แต่มันก็เป็นโฮโลแกรมประเภทที่กำลังหายใจอยู่และก็มีชีวิตด้วย

    และทุกสิ่งทุกอย่างที่มารวมกันอยู่ในนี้ ก็เพื่อความบันเทิงของตัวมันเองเท่านั้นเอง
    พวกคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของมันด้วยเช่นเดียวกัน เพราะว่ามันก็คือพวกคุณเอง
    เช่นเดียวกันกับที่มันคือฉันเอง และก็คือคนอื่นๆอีกด้วย

    ฉันก็คือคุณ และคุณก็คือฉัน และพวกเราก็คือพวกคุณ และพวกคุณก็คือพวกเรา
    และทั้งพวกคุณและพวกเรานี้ ก็คือมันนั่นเอง ซึ่งก็คือสิ่งมีชีวิตที่เป็นแก่นแท้
    ที่กำลังหายใจอยู่ และมีชีวิตอยู่ ที่มีเพียงหนึ่งเดียว ที่เริ่มต้นมาจากแสงสว่างจุดเล็กๆเพียงจุดเดียว
    แล้วสร้างสรรค์ตัวมันเองขึ้นมา ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในที่สุด

    ดังนั้น ด้วยเกรงว่าพวกคุณอาจจะคิดว่าจิตใจของตัวเองกำลังจะออกนอกลู่นอกทางแล้ว
    พวกเราจึงจะบอกว่ามันไม่ใช่เลย เพราะว่าพวกคุณเพียงแค่กำลังเชื่อมต่ออยู่กับ
    “ความเป็นหนึ่งเดียว” (the ONE) อีกครั้งหนึ่งอยู่เท่านั้นเอง
    แล้วพวกคุณก็จะรู้โดยไร้ข้อกังขาใดๆทั้งสิ้นว่า พวกคุณคือใคร

    พวกคุณคือทุกสิ่งทุกอย่าง แต่พวกคุณก็คือบุคคลคนหนึ่งด้วยในขณะเดียวกัน
    พวกคุณกำลังอยู่ที่นี่ และก็เป็นตัวตนนี้ แต่ในขณะเดียวกันพวกคุณก็ไม่ใช่ตัวตนนี้ด้วย
    ทั้งหมดนี้มันคือเกม ทั้งหมดนี้มันคือการจัดฉากให้สิ่งต่างๆและรูปธรรมชีวิตทั้งหลาย
    อยู่ในสภาวะที่จะสร้างสรรค์ตัวเองขึ้นมาได้ โดยการทำให้พวกมันทั้งหมดเกิดขึ้นหรือมีขึ้นมา
    แล้วจากนั้นก็ตั้งค่าให้พวกมันทั้งหมดมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน
    ในแบบที่จะทำให้ศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ทั้งมวล เพิ่มมากขึ้นไปอีกเป็นร้อยเท่า

    เพราะว่าทั้งหมดนี้คือ “สนามพลังงานควอนตั้มแห่งความเป็นไปได้ทั้งมวล” ชนิดหนึ่ง
    (a quantum field of possibilities) และสรรพสิ่งทั้งปวง
    ก็จะต้องมุมานะพยายามที่จะทดลองความเป็นไปได้ทั้งมวลนี้ทุกๆความเป็นไปได้อีกด้วย
    และเพราะฉะนั้นแล้ว ความเป็นไปได้ทั้งหมดนี้จึงเป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่างมากส่วนหนึ่งของเกมๆนี้ด้วย

    และเพราะว่าในตอนนี้ พวกคุณกำลังอยู่ในช่วงที่เกมๆนี้ กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่
    ดังนั้นพวกคุณจึงกำลังจะถูกนำไปสู่ประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างมาก
    เพราะว่าพวกคุณกำลังถูกเปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิมอยู่
    จากการเป็นผู้เล่นประเภทหนึ่ง ไปสู่การเป็นผู้เล่นอีกประเภทหนึ่งที่มีความแตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก
    ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นท่ามกลางระบบเดิมที่มีอยู่แล้ว

    แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้เล่นทุกๆคน จะกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกันนี้หมดทุกคนหรอกนะ
    เพราะว่ายังมีผู้ที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการนี้ด้วย เพื่อให้มีจำนวนตัวแปรเพิ่มมากขึ้นไปอีก อีกครั้งหนึ่ง มันอาจจะฟังดูใจดำอยู่ซักหน่อย
    แต่ก็อย่างที่พวกคุณรู้กันแล้วนั่นแหละว่า มันคือเรื่องมหัศจรรย์ดีๆนี่เอง

    แล้วผลลัพธ์ของกระบวนการทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร?

    เอ่อ..พวกเราก็อยากจะบอกว่า มีเพียงเบื้องบนเท่านั้นที่จะรู้ หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ
    มันมีโอกาสที่จะเป็นไปได้สูงมากจริงๆ ที่ดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน และกลายไปเป็นดาวเคราะห์ที่มีระดับความสั่นสะเทือนสูงขึ้น
    อย่างที่มันไม่เคยเป็นมาก่อน

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตอนนี้กลิ่นรสหรือรสชาติของมัน ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
    และมันก็กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นอะไรบางอย่าง ที่มีรสชาติอร่อยมากขึ้นกว่าเดิม
    อย่างเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว สำหรับรูปธรรมชีวิตส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่

    เพราะว่าถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่มายาการอย่างหนึ่งจริงๆก็ตาม
    แต่มันก็เป็นมายาการที่ผู้เล่นทุกๆคนคือส่วนหนึ่งที่มีความตระหนักรู้ของมัน
    และถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้เล่นคนไหนเลยที่สามารถจะรู้ถึงภาพรวมของมันได้ก็ตาม
    แต่พวกเขาก็ยังคงจะเป็นส่วนหนึ่งของมันโดยเนื้อแท้อยู่ดี

    พวกเราคิดว่า ในวันหนึ่งข้างหน้า พวกคุณก็จะพบว่าตัวเองสามารถที่จะมองเห็นเค้าลางของสิ่งที่อยู่เบื้องหลังฉากได้
    ว่าพวกมันทำงานในแบบที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างมาก เพราะว่าตอนนี้พวกคุณก็รู้แล้ว
    และพวกคุณก็จะเริ่มมองทะลุผ่านชั้นที่บางมากๆของโลกแห่งความเป็นจริงได้
    แล้วพวกคุณก็จะเริ่มมองเห็น “ชั้นบางๆ” ของโลกแห่งความเป็นจริงโลกอื่นๆที่อยู่ข้างหลังมันได้อีกด้วย

    แต่อีกครั้งหนึ่ง โลกแห่งความเป็นจริงโลกอื่นๆที่ว่านี้
    พวกมันก็ไม่ได้มีความเป็นจริงเป็นจังไปมากกว่าโลกแห่งความเป็นจริงโลกนี้หรอกนะ
    แต่พวกมันทั้งหมดก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

    และในตอนนี้ แผนการนี้ก็คือ เพื่อนำเอาระนาบของโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหลาย

    ที่จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ยังอยู่กันแบบแบ่งแยกจากกันอยู่
    ให้มาบรรจบกัน แล้วสร้างอะไรบางอย่างที่ใหม่กว่าจริงๆขึ้นมาแทน

    ทั้งหมดนี้มันคือการสรรสร้าง มันคือการที่พลังงานต้องการที่จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง
    และนั่นแหละคือสิ่งที่มันทำหละ คือมันกำลังเป็นพวกคุณอยู่ มันกำลังเป็นต้นไม้อยู่
    มันกำลังเป็นน้ำอยู่, เป็นน้ำแข็ง, เป็นไฟ และก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ท่ามกลางระหว่างสิ่งเหล่านี้
    มันกำลังเป็นกลิ่นอยู่ มันกำลังเป็นเสียงอยู่ มันกำลังเป็นทั้งสองอย่างอยู่ ในขณะเดียวกัน
    ด้วยเหตุนี้เอง ดังนั้น ในตอนนี้ จงทำใจให้สบายๆ แล้วปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระให้มากที่สุด
    เท่าที่พวกคุณจะสามารถทำได้ แล้วสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับมัน!

    ..........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2022
  6. wawana

    wawana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +356
    555 คุณแองกรี่นี่ ดูเหมือนตัวป่วน(มองเผิน ๆ)แต่เวลาเราอ่านโพสคุณ ณ ห้วงเวลานี้นะ คุณทำให้เรา มองภาพอะไรที่มันกว้างมากขึ้น เข้าใจอะไรบางเรื่องได้ดีขึ้น แล้วก็มีรอยยิ้มมากขึ้น....แปลกๆ อยู่นา แต่แปลกยิ่งกว่าคือเราเข้าใจคุณ(ในมุมของเรานะ)...ก็ขอบคุณ คุณชยุตมาก ที่มุมานะ พากเพียรแปลสิ่งดีๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเสพข่าวสารเหล่านี้มายาวนาน....ติดตามต่อไปจ่ะ :z6
     
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจาก ”The constant companions”
    เรื่อง: ประวัติศาสตร์แห่งการสรรสร้าง (A history of Creation) – part 2

    ผู้รับสาส์น: Aisha North
    วันที่: 9 ตุลาคม 2013

    ที่มา:
    https://aishanorth.wordpress.com/2013/10/09/a-history-of-creation-part-2/

    ตอนที่: 2/1

    เดี๋ยวเราจะมาเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของเรื่องโลกลึกลับที่อยู่เบื้องหลังม่านพรางกันต่อ
    เพราะว่าพวกเราเห็นแล้วว่าพวกคุณเริ่มที่จะสนใจขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
    เพราะว่ารายละเอียดของมัน ก็ยั่วให้น้ำลายไหลได้อยู่ไม่น้อย

    ครั้งที่แล้วพวกเราได้แสดงให้พวกคุณเห็นแล้วว่า
    “แก่นแท้” ของทุกสิ่งทุกอย่าง กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการสร้างสรรค์อยู่ทั้งสิ้น
    หรือพลังงานที่ถูกมอบหมายให้มาทำหน้าที่นี้ กำลังสร้างมันขึ้นมาอยู่ทั้งสิ้น
    จากใหญ่ไปหาเล็ก จากสิ่งที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ ไปจนถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมมากกว่านั้น

    ซึ่งเรื่องนี้โดยตัวมันเองแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ยากต่อการเข้าใจอยู่แล้ว
    แต่อีกครั้งหนึ่ง ขอให้พวกเราได้ลองพยายามอธิบายในอีกมุมมองหนึ่ง ให้พวกคุณเข้าใจดูสักหน่อย
    เผื่อบางทีมันอาจจะทำให้พวกคุณสามารถเข้าใจได้ลึกซึ้งมากกขึ้นกว่าเดิมก็ได้

    เพราะว่าพวกคุณคือส่วนย่อยส่วนหนึ่งของทุกๆส่วนที่มีอยู่จริงๆ
    เพียงแต่ว่ากระบวนการสรรสร้างของทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ยังเป็นเรื่องลี้ลับสำหรับพวกคุณอยู่มาก
    และรวมถึงเป็นความลี้ลับสำหรับคนอื่นๆทุกๆคนที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ดวงน้อยดวงนี้ ร่วมกับพวกคุณอีกด้วย

    พวกคุณเป็นเพียงผงธุลีเล็กๆธุลีหนึ่งเท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับสิ่งอื่นๆแล้ว
    แต่ว่าผงธุลีเล็กๆนี้ก็เป็นสิ่งที่มีโครงสร้างสลับซับซ้อนอย่างมาก
    และก็มีความเชื่อมโยงกันอยู่ และก็มีการแบ่งแยกกันอยู่ในหลากหลายรูปแบบ
    และหลากหลายระดับอีกด้วย

    เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณกำลังมองเห็นว่าเป็น “มนุษย์” อยู่ในขณะนี้นั้น
    ในสายตาของพวกเราแล้ว พวกเรากลับมองเห็นว่า
    มันเป็นแค่ชั้นย่อยๆชั้นหนึ่งของมวลขนาดมหาศาลของอะไรบางอย่างที่มีความสลับซับซ้อนอย่างมาก
    มากเกินกว่าที่ความสลับซับซ้อนของโครงสร้างร่างกายของมนุษย์จะเทียบได้ซะอีก

    ซึ่งสิ่งที่ว่านั้น โดยตัวมันเองแล้วคือโครงสร้างอย่างหนึ่ง
    ที่ถ้าจะให้เปิดประเด็นอภิปรายถึงรายละเอียดของมันจริงๆแล้วหละก็ มันก็จะต้องพูดกันยาว
    จนเขียนเป็นหนังสือออกมาได้หลายเล่มเลยทีเดียว แต่ตอนนี้พวกเราขอพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
    เพราะว่าสิ่งที่พวกเราต้องการที่จะเจาะลึกลงไปในรายละเอียดอยู่ในตอนนี้ก็คือ
    เรื่องความสลับซับซ้อน หรือถ้าจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องความเรียบง่ายของมัน ซึ่งอยู่เบื้องหลังฉาก
    เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่มีความแปลกพิสดารมากกว่าผลลัพธ์ทั้งหลายของมัน
    ที่มีความเป็นรูปธรรม ที่พวกคุณสามารถมองเห็นได้, รู้สึกได้ และได้ยินได้ ณ.ฟากฝั่งนี้ของม่านพราง
    ที่พวกคุณกำลังอยู่กันในขณะนี้ซะอีก

    .................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2014
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจาก ”The constant companions”
    เรื่อง: ประวัติศาสตร์แห่งการสรรสร้าง (A history of Creation) – part 2


    ผู้รับสาส์น: Aisha North
    วันที่: 9 ตุลาคม 2013

    ที่มา:
    https://aishanorth.wordpress.com/2013/10/09/a-history-of-creation-part-2/

    ตอนที่: 2/2


    พวกเราได้เคยบอกไปแล้วว่า
    ทุกสิ่งทุกอย่าง..แท้ที่จริงแล้วก็คือพลังงาน
    แต่เป็นพลังงานที่มีระดับโทนเสียงที่แตกต่างกัน
    หรือมีระดับความสั่นสะเทือนของรูปกายที่แตกต่างกัน
    หรือคือกลุ่มหมอกของแสงสว่างที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่
    และดูเหมือนกับว่าจะเป็นของแข็งในชั่วขณะหนึ่ง
    แล้วก็หายวับไปในอีกชั่วขณะหนึ่งถัดมา

    แต่อันที่จริงแล้ว ทั้งหมดนี้มันก็คือสิ่งเดียวกันทั้งหมด
    เพียงแต่ว่ามันถูกตั้งโปรแกรมมาให้แสดงพฤติกรรมแบบนั้น
    และให้ถูกรับรู้ได้ในลักษณะนั้นๆเท่านั้นเอง


    จงจำไว้ว่าสิ่งของใดๆจะไม่มีอยู่เลย
    ถ้าปราศจากผู้สังเกตการณ์
    ซึ่งนั่นแหละคือกฎพื้นฐานสำหรับเรื่องนี้หละ

    ซึ่งก็จะคล้ายๆกับการทดลองเลื่องชื่อการทดลองหนึ่ง
    ที่ชื่อว่า “แมวของชโรดิงเจอร์” (Schrödinger’s cat)
    ที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นแนวคิดสำคัญ
    สำหรับนักวิทยาศาสตร์ทุกๆคนของพวกคุณที่ฝึกหัดมาดีแล้วอยู่เลย


    (หมายเหตุ: ข้อความข้างล่างนี้ คือคำอธิบายเรื่องแมวชโรดิงเจอร์
    นะครับ – ผู้แปล)


    http://alchemistic.2.vu/Bangkokbrain

    จากคุณ : Brain - [ 13/07/2018 ]

    Schrodinger เขาคิดไว้อย่างนี้ว่า เขาจะจับแมวตัวหนึ่งไปใส่ไว้ในกล่องหนา และทึบ และปิดผนึกกล่องให้มิดชิด ที่ภายในกล่องจะประกอบไปด้วยขวดที่บรรจุก๊าซพิษเอาไว้ขวดหนึ่ง ใกล้ๆกับขวดนั้นก็จะมีกลไกที่สามารถตีขวดก๊าซพิษนั้นให้แตกได้วางอยู่

    จากนั้นเขาจะควบคุมกลไก โดยเขาจะใช้สารกัมมันตภาพรังสีเพียงเล็กน้อยตั้งเอาไว้ คือเขาคิดว่าเขาจะวางเครื่องตรวจวัดกัมมันตภาพรังสี ( Geiger Counter ) และเมื่อเครื่องนี้มันตรวจเจอ หรือไม่เจอ การสลายตัวของสารกัมมันตรังสี มันก็จะไปสั่งให้กลไกนั้น ทำงาน หรือไม่ทำงานขึ้นมานั่นเอง โดยเขาจะปรับให้มีความน่าจะเป็นที่จะทำให้กลไกของเครื่องทำงาน และไม่ทำงานมีค่าเท่าๆกัน คือโอกาสที่มันจะทำงานเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ และโอกาสที่มันจะไม่ทำงานเป็น 50 เปอร์เซ็นต์เท่าๆกัน

    นั่นหมายถึง ถ้ากลไกทำงาน มันก็จะไปตีขวดยาพิษให้แตก แล้วแมวก็จะตาย แต่ถ้ากลไกไม่ทำงาน แมวก็รอด นั่นเพียงเขาจะบอกว่าในกล่องมืด ๆใบนั้นมีแมวตัวหนึ่งที่มันมีโอกาสที่จะตาย เท่าๆกับโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง


    ...........


    แมวมีสถานะเป็นหรือว่าตาย หรือจริงๆแล้วกำลังอยู่ในทั้งสองสถานะกันแน่?
    ไม่มีใครรู้ได้ เพราะว่าพวกคุณจะต้องสามารถสังเกตการณ์ดูมันให้ได้ซะก่อน
    พวกคุณถึงจะสามารถระบุชะตากรรมของแมวตัวนั้นได้ ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ
    และบรรดานักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณ ก็เริ่มที่จะสามารถมองเห็นสิ่งนี้ได้ด้วยตัวเองแล้วจริงๆ

    แต่อันที่จริงแล้วพวกเขาแค่เพิ่งจะเริ่มข่วนที่พื้นผิวของมันเท่านั้นเอง
    เพราะว่าเมื่อพวกเขามองดู “อนุภาคคู่” ที่แยกกันอยู่แล้ว พวกเขาก็ได้ค้นพบ
    ปรากฎการณ์ “การพัวพันกัน” (entanglement) ของอนุภาค ที่โด่งดังเข้า


    ใช่แล้วมันเป็นข่าวใหญ่ แต่มันก็เป็นข่าวใหญ่ที่ไม่เคยไปปรากฎอยู่ใน “ข่าวประจำวัน” ของพวกคุณ
    ผ่านทางสื่อมวลชนกระแสหลักใดๆเลย


    .....................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2022
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจาก ”The constant companions”
    เรื่อง: ประวัติศาสตร์แห่งการสรรสร้าง (A history of Creation) – part 2

    ผู้รับสาส์น: Aisha North
    วันที่: 9 ตุลาคม 2013

    ที่มา:
    https://aishanorth.wordpress.com/2013/10/09/a-history-of-creation-part-2/

    ตอนที่: 2/3


    แล้วเจ้าปรากฎการณ์ entanglement ที่ว่านี้ มันบอกอะไรแก่เรา?

    มันก็หมายความว่า จริงๆแล้วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีการพัวพันกัน

    หรือมีการ entangle กันอยู่หนะสิ

    และพวกเราก็ไม่ได้หมายถึงเฉพาะอนุภาคคู่หลายๆคู่ที่แยกกันอยู่
    แล้วมีการพัวพันกันเท่านั้นนะ ไม่เลย..เพราะว่าพวกเรากำลังหมายถึง
    “ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั่วทั้งอาณาจักรแห่งการสรรสร้างนี้” เลยทีเดียว

    เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวของพวกคุณนี้
    ก็กำลังมีการ entangle กันอยู่ เช่นเดียวกันกับ “อนุภาคคู่” คู่นี้ด้วย

    หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ทุกๆครั้งที่มีส่วนหนึ่งส่วนใด ถูกสังเกตการณ์

    ส่วนๆนั้นมันก็จะเริ่ม “เป็น” สิ่งที่ถูกสังเกตการณ์นั้นในทันที
    และมันก็จะไปทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างคล้อยตามไปกับมันด้วยโดยอัตโนมัติ

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สรรพสิ่งทั้งปวงนี้ จะมีการกระพริบเกิดขึ้นมา

    และจะส่องแสงระยิบระยับขึ้นมา และจะวิวัฒน์ขึ้นมา และจะปรับตัวขึ้นมาทันที
    ในทุกๆครั้งที่มีใครซักคนไป “มองดู” มันอย่างมีสติสัมปชัญญะเข้า

    และดังนั้น มันจึงเหมือนกับการไปเปิดสวิตช์ไฟฟ้าขึ้นมา
    เพื่อทำให้ “โลกแห่งความเป็นจริง” ทั้งชุด เริ่มแสดงบทบาทขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไปทำให้ควอนตั้มฟิสิกส์ หรือโลกแห่งความเป็นจริงระดับควอนตั้ม
    เริ่มแสดงบทบาทขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    เพราะว่าพวกคุณกำลังอาศัยอยู่ในน้ำซุปแห่งควอนตั้มของพลังงานอยู่
    (quantum soup of energy) และดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณกำลังมองเห็นอยู่นี้
    จึงเป็นส่วนหนึ่งของน้ำซุปเดียวกันนี้ ด้วยกันหมดทั้งสิ้น ซึ่งโดยตัวมันเองแล้ว
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในนี้ ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกันทั้งสิ้น

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทุกๆองค์ประกอบของมัน
    ในระยะแรกเริ่ม จะเหมือนๆกันหมดทั้งสิ้น คือมันจะเหมือนกับอิฐก่อสร้าง
    ที่ทุกๆก้อนจะประกอบขึ้นมาจากวัสดุชนิดเดียวกันทั้งหมด
    แต่ในทันทีทันใดที่มีจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ เข้าไปในภาพๆนั้น
    มันก็จะไปสร้างให้เกิดภาพๆใหม่ขึ้นมาในทันที

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่มีอะไรเลยที่มีอยู่จริงๆ

    เพราะว่ามันเป็นแค่พลังงานที่อยู่ในรูปแบบของอนุภาคเท่านั้นเอง

    มันจะเหมือนกับกลุ่มหมอกของแสงสว่างที่กำลังส่องแสงระยิบระยับอยู่
    และพร้อมทุกเมื่อ ที่จะรวมตัวกันขึ้นมาเป็นรูปร่างและรูปทรงต่างๆ
    หรือเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ และดาวเคราะห์ต่างๆ
    หรือเป็นวัตถุต่างๆทั้งที่มีความเฉื่อยมากกว่าและที่มีชีวิตชีวามากกว่า

    แต่จงจำไว้ว่า ถึงแม้พวกเราจะใช้คำว่า “เฉื่อย” (inert) ก็ตาม
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะ “มีชีวิตชีวา”
    น้อยกว่า หรือมากกว่าสิ่งอื่นๆแต่อย่างใดเลย
    เพราะว่าถึงแม้ว่าก้อนหินจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ก็ตาม
    แต่มันก็ไม่ได้ “มีชีวิต” น้อยไปกว่ามนุษย์แต่อย่างใดเลย
    เพราะว่าทั้งพวกคุณและก้อนหินคือสิ่งเดียวกัน

    .....................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2022
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจาก ”The constant companions”
    เรื่อง: ประวัติศาสตร์แห่งการสรรสร้าง (A history of Creation) – part 2


    ผู้รับสาส์น: Aisha North
    วันที่: 9 ตุลาคม 2013

    ที่มา:
    https://aishanorth.wordpress.com/2013/10/09/a-history-of-creation-part-2/

    ตอนที่: 2/4


    เพราะว่าพระเจ้าคือพลังงานแห่งการสรรสร้าง (God is creative energy)
    แต่พระเจ้าก็คือจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ด้วย เพราะว่าถ้าปราศจากสิ่งนี้แล้ว ก็จะไม่มีสิ่งอื่นใดอยู่เลย

    พลังงานบริสุทธิ์ก็คือพลังงานอย่างหนึ่งด้วย และมันก็จำเป็นต้องอาศัยจิตสำนึก/ความตระหนักรู้เพื่อสร้างสรรค์มันขึ้นมา
    เพราะว่า “สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา หรือ สรรพสิ่ง” (creation) กับ “การสรรสร้าง” (creating)
    ก็คือด้านทั้งสองของเหรียญๆเดียวกัน แต่พวกมันก็จะต้องอยู่ตรงข้ามกันเสมอ

    และเพราะฉะนั้น “ความเป็นทวิภาวะ” (duality) ของสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันนี้

    จึงเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง และเพราะฉะนั้น
    จึงจำเป็นจะต้องมี “บางคน” มาเห็น หรือมาสังเกตการณ์ดูซะก่อน
    จึงจะเกิดมี “สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา หรือ สรรพสิ่ง” (Creation) ขึ้นมาได้

    และนี่แหละคือรากฐานทั้งมวลของสรรพสิ่งทั้งปวงหละ
    หรือพวกคุณอาจจะพูดว่า หน้าทั้งสองของพระเจ้าก็ได้

    ซึ่งก็คือ พลังงาน และ การสร้างสรรค์

    เพราะว่าจิตใจ (mind = ความคิด+อารมณ์ความรู้สึก – ผู้แปล)
    จะไปสร้างให้เกิดสสารขึ้นมาจากอีกส่วนหนึ่งของตัวมันเอง ซึ่งก็คือพลังงานนั่นเอง
    และนั่นแหละคือเรื่องที่พวกเราอยากจะบอกให้พวกคุณรู้หละ

    ที่พวกคุณเป็นตัวเองขึ้นมาได้นี้ ก็เพราะว่าจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณเอง ทำให้พวกคุณเป็นแบบนั้น
    และจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ ก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของ “ผู้ที่เป็นหนึ่งเดียว” (the ONE) เท่านั้นเอง
    ซึ่ง “ผู้ที่เป็นหนึ่งเดียว” ที่ว่านี้ ก็คือมูลฐาน หรือคือรากฐานของทุกสิ่งทุกอย่างนั่นเอง

    เพราะว่าพวกคุณเป็นแค่จุดเล็กๆจุดหนึ่งที่อยู่บนเครือข่ายแห่งการสร้างสรรค์ขนาดมหึมา
    และทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้นมา เป็นอย่างที่พวกมันเป็นอยู่นั้นได้ ก็เพราะว่าพระเจ้าสร้างสรรค์พวกมันขึ้นมานั่นเอง

    พวกคุณคือจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ (consciousness) แต่ว่าพวกคุณก็คือจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ ที่ถูกทำให้มองเห็นได้
    เพราะว่าพวกคุณถูกสร้างขึ้นมาจากพลังงานอีเธอร์ (ether of energy) ซึ่งก็คืออนุภาคที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ
    และพร้อมที่จะ และก็กำลังรอคอยที่จะถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นอะไรซักอย่างหนึ่งใหม่อีกครั้งหนึ่งอยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่า

    เพราะว่ามันจะเหมือนกับ “สภาวะที่จิตว่าง” (tabula rasa) ซึ่งเป็นสภาวะที่เต็มไปด้วยศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ทั้งมวล
    ที่กำลังต้องการจะกลายไปเป็นอะไรซักอย่างหนึ่งอยู่ โดยการถูกมองดู หรือโดยการถูกสังเกตการณ์
    หรือโดยการถูกคิดอยากให้มันเป็นไป หรือโดยการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยพลังแห่งชีวิต (force of vitality)
    ซึ่งก็คือจิตสำนึก/ความตระหนักรู้นั่นเอง ซึ่งเป็นผู้ที่สังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบๆ และก็กำลังสังเกตการณ์ดูทุกสิ่งทุกอย่างอยู่

    พวกคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ที่ว่านี้ด้วย แต่เป็นแค่ส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของมันเท่านั้นเอง
    ดังนั้น อะไรก็ตามแต่ที่พวกคุณกระทำลงไป จึงเป็นแค่หยดน้ำหยดเล็กๆหยดหนึ่งในมหาสมุทรเท่านั้นเอง
    แต่ว่าพวกคุณก็คือพระเจ้าด้วย ดังนั้น มันจึงทำให้พวกคุณทุกๆคนมีพลังอำนาจอย่างมาก

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าจะถามว่าพวกคุณสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้ไหม?
    แน่นอน คำตอบก็คือ “ได้”..แต่อีกคำตอบหนึ่งก็คือ “ไม่ได้” ด้วยนะ

    และที่มัน “ได้” ก็เพราะว่าพวกคุณสามารถที่จะสร้างสรรค์ตัวเองขึ้นมาใหม่ได้
    และด้วยเหตุนี้ จึงเท่ากับว่าพวกคุณกำลังสร้างสรรค์โลกของตัวเองขึ้นมาใหม่อยู่ด้วย

    แต่ว่าพวกคุณไม่สามารถที่จะสร้างสรรค์ “สรรพสิ่งทั้งปวง” ขึ้นมาใหม่ทั้งหมดได้
    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกคุณไม่สามารถที่จะปิดสวิตช์ไฟของทุกสิ่งทุกอย่าง
    แล้วเปิดมันขึ้นมาใหม่เพื่อให้พวกมันเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มแรกได้
    เพราะว่านั่นไม่ได้อยู่ภายใต้ขอบเขตพลังอำนาจของพวกคุณ ที่จะสามารถทำได้โดยลำพัง
    เพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นบทเรียนบทใหญ่บทหนึ่ง แห่ง “การสร้างสรรค์ร่วม” (co-creating)
    และการแบ่งแยกด้วย เพื่อที่จะสร้าง “ส่วนรวม” (whole) ขึ้นมาจากส่วนย่อยๆทั้งหลาย

    มีเพียงรูปธรรมชีวิตเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำได้ ถ้าเขาต้องการ ซึ่งเขาหรือเธอในที่นี้
    พวกเราจะขอใช้คำว่า “พระเจ้า” (God) เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
    ดังนั้น ถ้าพวกคุณเป็นพระเจ้า พวกคุณก็คือผู้ที่เป็นหนึ่งเดียว (the ONE) หรือก็คือ “ผู้สร้าง” (Creator)
    หรือก็คือผู้สังเกตการณ์เพียงหนึ่งเดียวที่จัดฉากให้กับทุกสิ่งทุกอย่างนี้ดำเนินไป
    แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรกเท่านั้นนะ เพราะขั้นตอนถัดไปก็คือ การทำให้เกิดการแบ่งแยกขึ้น
    เพื่อที่จะให้อนุภาคแต่ละอนุภาคจำเป็นจะต้องทำงานประสานกันกับอนุภาคอื่นๆทุกๆอนุภาค
    เพื่อที่จะสร้างสรรค์ให้มีสิ่งต่างๆขึ้นมา

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ กระบวนการสร้างสรรค์นี้ จำเป็นจะต้องมีความหลากหลายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    และความหลากหลายที่ว่านี้ จะสามารถเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการแบ่งแยกอยู่เท่านั้น
    หรือก็ต่อเมื่อมีความเป็นทวิภาวะ หรือมีความหลายหลากอยู่เท่านั้น
    ซึ่งไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ความจริงขั้นมูลฐานของมันก็คือว่า
    เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะทำให้เกิดตัวแปรจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องมีการแบ่งแยกเกิดขึ้นมาก่อน แล้วหลังจากนั้น และก็ต่อเมื่อหลังจากนั้นเท่านั้น
    สภาวะที่เหมาะสมต่อการสรรสร้างทั้งหลาย จึงจะสามารถนำมาใช้ได้

    คุณจะต้องมีปัจจัย หรือชิ้นส่วน ที่แตกต่างกันจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    เพื่อที่จะทำให้ได้มาซึ่งสเป็กตรั้มทั้งชุดของความเป็นไปได้ที่แตกต่างกันทั้งหลาย
    และนั่นแหละคืองานแรกของกระบวนการสรรสร้างหละ
    และเพราะฉะนั้น การแบ่งแยกจึงถูกจัดฉากขึ้นมา ซึ่งพวกคุณอาจจะเรียกว่า the Big Bang ก็ได้
    แล้วจากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มต้นจากตรงนั้น

    ......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2022
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจาก ”The constant companions”
    เรื่อง: ประวัติศาสตร์แห่งการสรรสร้าง (A history of Creation) – part 2


    ผู้รับสาส์น: Aisha North
    วันที่: 9 ตุลาคม 2013

    ที่มา:
    https://aishanorth.wordpress.com/2013/10/09/a-history-of-creation-part-2/

    ตอนที่: 2/5

    ขอให้พวกเราได้พูดถึงชั้นที่น่าสนใจอีกชั้นหนึ่งซักหน่อย
    ว่า..เวลาที่มนุษย์อย่างพวกคุณพูดถึง the Big Bang นั้น
    พวกคุณก็มักจะหมายถึงจุดกำเนิดของจักรวาลของพวกคุณเองเท่านั้น

    แต่สำหรับพวกเราแล้ว พวกเราจะหมายถึงจุดกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างเลยทีเดียว
    หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ พวกเราหมายถึง การเกิดบิ๊กแบงครั้งแรก
    ซึ่งเป็นบิ๊กแบงที่เกิดขึ้นก่อนทุกสิ่งทุกอย่าง

    เพราะว่าพวกเรากำลังพูดถึงต้นกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างอยู่
    ไม่ใช่แต่เฉพาะน้ำซุปปฐมที่เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ภายหลังพัฒนามาเป็นจักรวาล
    และโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณเท่านั้น
    ไม่เลย..พวกเรากำลังพูดถึงสรรพสิ่งทั้งปวงอยู่

    และเพราะฉะนั้น มันก็เลยมีการเริ่มต้นแบบเดียวกันทั้งหมด
    คือเริ่มต้นจากรูเล็กๆของพลังงานหรือของแสงสว่างเพียงรูเดียวเท่านั้น
    ที่จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ทำให้มันอุบัตขึ้นมา โดยการไปสังเกตการณ์ดูมัน
    และโดยการไปตั้งค่าตัวแปรต่างๆให้กับมันเพื่อให้มันกลายไปเป็นบางสิ่งบางอย่าง

    มันจะเหมือนกับการจุดไม้ขีดไฟขึ้นมา เพื่อที่จะทำให้สามารถมองเห็นตัวไม้ขีดไฟเองได้ในที่มืด
    เพราะว่าก่อนหน้าที่มันจะถูกจุดขึ้นมาโดยจิตสำนึก/ความตระหนักรู้นั้น
    มันไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ แต่ว่า..มันก็มีอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
    เพียงแต่ว่ามันไม่สามารถที่จะมองเห็นได้เท่านั้นเอง
    และเพราะฉะนั้นแล้ว มันจึงไม่เคยมีอยู่ แต่มันก็กลายมาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในทันที
    ที่จิตสำนึก/ความตระหนักรู้เข้าไปในมัน และเริ่มสังเกตการณ์ดูมัน

    และด้วยการสังเกตการณ์นี้เอง การสร้างสรรค์จึงได้เริ่มต้นขึ้น
    และดังนั้น จิตใจจึงได้เริ่มก่อกำเนิดสิ่งต่างๆที่มีรูปร่างรูปทรงขึ้นมาจากพลังงาน
    (จิตใจ หรือ mind คือ ความคิด บวก อารมณ์ความรู้สึก – ผู้แปล)

    แต่จงจำไว้ว่า “สสาร” (matter)
    ก็เป็นแค่สิ่งที่จินตนาการกุขึ้นมาเท่านั้นเอง
    เพราะว่าสสารเป็นแค่พลังงาน
    ที่มาอยู่รวมกันในรูปแบบของบางสิ่งบางอย่าง
    ที่สามารถที่จะถูกสังเกตการณ์ได้

    และพวกเราก็อยากจะขอพูดอีกครั้งหนึ่งว่า จงเป็นอิสระจากจิตใจของพวกคุณเอง
    เพราะว่าจิตใจของพวกคุณมีแต่จะฉุดรั้งพวกคุณเอาไว้เท่านั้นเอง
    ดังนั้นจงพยายามมองให้เห็น ในสิ่งที่มันมองไม่เห็น

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ จิตใจของพวกคุณจะฉุดรั้งพวกคุณเอาไว้
    เพราะว่ามันต้องการที่จะเห็น เฉพาะสิ่งที่มันสามารถมองเห็นได้แล้วเท่านั้น
    และเพราะฉะนั้น สิ่งอื่นๆทั้งหมด มันก็จะมองข้ามไปซะหมด

    แต่ว่าสิ่งอื่นๆทั้งหมดที่ว่านี้ พวกมันก็มีอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว
    และพร้อมที่จะถูกพวกคุณสังเกตการณ์ดูอยู่ตลอดเวลาซะด้วย
    เช่นเดียวกันกับที่พวกมันกำลังถูกสังเกตการณ์ดูอยู่โดยพระเจ้านั่นเอง

    ดังนั้น จงเปิดตาของพวกคุณขึ้นมา และจงยินยอมให้จิตใจของพวกคุณเองพักผ่อนซักพักหนึ่ง
    แล้วจากนั้นจงพยายามเชื่อมต่อกับส่วนที่เป็นพระเจ้าของตัวพวกคุณเอง
    ซึ่งก็คือตัวตนที่แท้จริงของพวกคุณเอง แล้วหลังจากนั้น และก็เฉพาะหลังจากนั้นแล้วเท่านั้น
    ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะปรากฎมีตัวตนขึ้นมาต่อหน้าพวกคุณ ให้พวกคุณได้เห็น

    .............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2014
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ผมโพสต์เสร็จหมดแล้วนะครับ สำหรับวันนี้
    ดังนั้น ถ้าท่านใดมีความคิดเห็นประการใด
    ก็สามารถโพสต์ได้เลยเต็มที่ครับ

    ..............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2014
  13. wawana

    wawana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +356
    อะ อันนี้ไม่เข้าจายยย...ทำไมต้องปล่อยของเสีย(ในนี้) ปล่อยแต่ของดีๆ ไม่ได้เหรอ เพราะเข้ามาอยากสะสมของดี ม่ายช่ายของเสีย...คริคริ(อยากรู้จริงๆ เด้อ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 พฤษภาคม 2014
  14. PShinex

    PShinex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +382
    ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วเหมือนเข้าใจแต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ แต่ที่รู้ ๆ คือที่เราเห็นว่าง ๆ
    นั้นมันมีอะไรเต็มไปหมด ที่เห็นมีอยู่เบื้องหน้าแต่ถ้าหลับตาหรือหันหลังให้ มันก็หายไป ช่วงนี้ชอบดูหนังเกี่ยวกับ quantum physics เลยพอเข้าใจบ้าง แต่มันเหมือนยังไม่
    คลิก พยายามมองให้ตัวเองว่าง ก็ยังไม่สำเร็จ
     
  15. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    เพราะผมไม่ใช่พระอรหันต์ที่ไร้กรรม ไร้มลทินไงครับ
    อันมนุษย์ธรรมดาเรา มีพลังจิตหลายอย่างอยู่แล้ว เรา
    ก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์เราได้ ๑๐๐% ใชมะ?


    เวลาเราโกรธ เราก็ปล่อยพลังงานเชิงลบออกมาโดยไม่ตั้งใจอยู่แล้ว
    ทุกคนแหละ แต่สำหรับผม ผมปฏิบัติ เลยรู้ว่าตัวเองปล่อยอะไรออก
    มาบ้าง ก็จะเตือนคนที่ได้รับไป เพราะไม่ได้ต้องการให้เขาได้รับทุกข์
    หรอกครับ ส่วนคนที่ปล่อยออกมาไม่รู้ตัว อันนั้น ก็เยอะครับ ที่ไม่รู้อ่า
     
  16. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    (ย้ายที่เพืื่อความงดงาม)


    ความกลัว ทำให้เราห่างจากพระเจ้า


    เรากลัวทุกข์ เราจึงห่างจากพระเจ้าที่รอเราอยู่ทาง "ประตูทุกข์"
    เรากลัวความโกรธ เราจึงห่างจากพระเจ้าที่รอเราอยู่ทาง "ประตูความโกรธ"
    เรากลัวความโลภ เราจึงห่างจากพระเจ้าที่รอเราอยู่ทาง "ประตูความโลภ"
    เรากลัวความหลง เราจึงห่างจากพระเจ้าที่รอเราอยู่ทาง "ประตูความหลง"
    เรากลัวความรัก เราจึงห่างจากพระเจ้าที่รอเราอยู่ทาง "ประตูความรัก"
    เรากลัวความชัง เราจึงห่างจากพระเจ้าที่รอเราอยู่ทาง "ประตูความชัง"
    เรากลัวกาม เราจึงห่างจากพระเจ้าที่รอเราอยู่ทาง "ประตูกาม"


    ทำไมเราไม่ลองเจอพระเจ้าแบบ "ทุกประตู" ดูล่า อิอิ


    ตัวอย่าง


    เวลาเรากลัวคนอืื่นเห็นเราทุกข์ เราเครียด เราโกรธ เราเกลียด
    เราก็จะ "เล่นซ่อนหากับจิต" เราเอาตัวตนแห่งความเครียด ก็ดี
    ความโกรธ ก็ดี ความเกลียด ก็ดี เก็บกดซ่อนไว้ในมุมมืดของจิต
    ใต้สำนึก เพื่อไม่ให้ใครเห็น


    แล้วเราก็สร้างอารมณ์ "หัวเราะ" ขำๆ เพื่อให้คนชมว่าเราฝึกจิตมาดี


    แท้แล้ว เพราะความกลัว ทำให้ห่างจากพระเจ้าภายในตัวเองซะนั่น


    ขออนุญาติแนะนำท่านที่ต้องการฝึกดัชนีขับพิษนะครับ


    ผมเคยเห็นวิดีโอ เขาจะขยับนิ้วดีด เพื่อขับปราณพิษออกทางปลายนิ้วนะครับ
    โดยใช้พลังที่ตันเถียนช่วยขับด้วย เหมือนเราร้องเพลงจากท้องไงครับ พอเรา
    ใช้พลังจากท้อง ขับออกมาที่ปลายนิ้ว ก็เหมือนขับลมจากปาก เวลาร้องเพลง
    ไว้ใช้รักษา ขับปราณพิษในร่างเราได้ ถ้าสะสมไว้มากอาจเป็นโรคมะเร็งได้นา


    วิชาเอกะดัชนีวัดเส้าหลิน (ท่าขยับนิ้ว) :: ศูนย์ชี่กงเพื่อสุขภาพอาจารย์หยาง
     
  17. yaya12

    yaya12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +182
    ขอบคุณค่ะ
     
  18. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    ไม่ได้ติดตามอ่านอะไรแบบนี้นานแล้ว
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...