เรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริง!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เกตุวดี, 27 พฤษภาคม 2014.

  1. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    ....สาธุ.....

    ภาพวัวหนุ่มก้มลงกราบหลวงพ่อหลังจากที่ท่านได้ช่วยไถ่ชีวิตวัวจากโรงฆ่าสัตว์

    [​IMG]

    สำหรับเราขอตั้งใจว่าจะไม่กินเนื้อท่านไปตลอดชีวิต สัตว์ผู้มีคุณต่อชนทั้งหลาย
     
  2. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696

    ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ...(f)
     
  3. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ชอบ
     
  4. มรดกธรรม

    มรดกธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +72
    ชอบครับ รอติดตามต่อครับ
     
  5. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ขออนุญาต copy ภาพสิงโตกับลิง ไปลง timeline นะจ๊ะ... ขอบคุณสำหรับ clip สิงโตด้วย
     
  6. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    แปลก..แต่จริง

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมื่อเดือนมีนาคมปี2008 มีข่าวที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก นั่นคือข่าวการตั้งท้องของ Thomas Beatie ผู้เกิดเป็นผู้หญิง แถมเคยเป็นนางงาม แต่อยากเป็นผู้ชาย และได้เข้าผ่านกระบวนการเพื่อเป็นผู้ชาย ซึ่งรวมทั้งการเข้ารับการบำบัดด้วยฮอร์โมน เทสโทสเตอร์โลน กับกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อหน้าอกให้ดูสมชาย แต่เขายังเก็บระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงไว้

    [​IMG]

    ภาพสมัยตอนเป็นนางงาม


    หลังจากนั้นเขาก็ได้พบรักกับแนนซี่ และใช้ชีวิตร่วมกันเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งคู่คิดอยากจะมีลูก แต่แนนซี่มีมดลูกไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถตั้งท้องได้ โทมัสจึงยอมตั้งท้องลูกถึง 3 คน โดยใช้สเปิร์มที่มีผู้บริจาคให้แก่ธนาคารสเปิร์ม โดยการตั้งท้องแต่ละครั้งก็กลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก และเขาก็เป็นที่รู้จักในฐานะของ "ผู้ชายตั้งท้องได้คนแรกของโลก" มาจนถึงทุกวันนี้

    [​IMG]

    ตอนนี้ได้ประกาศแยกทางกับ แนนซี่ ภรรยาของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากพยายามประคับประคองชีวิตคู่ที่ไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไรมานาน แต่พบว่าไม่สามารถประคับประคองมันต่อไปได้ จึงตัดสินใจหย่าร้าง ก่อนที่เขาจะเข้าผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้ชายอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อไม่นานมานี้

    โดยโทมัส ได้เปิดเผยว่า เขาได้หย่าร้างกับแนนซี่มาสักพักหนึ่งแล้ว จากนั้นก็ตัดสินใจเข้าไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์จัดการผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้ชายอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งตอนนี้เขาก็ได้เป็นผู้ชายแล้ว ขณะที่ทางด้านแนนซี่นั้น ก็ยังไม่ล่วงรู้ถึงการตัดสินใจของเขาในครั้งนี้


    [​IMG]

    ข้อมูลและภาพประกอบจากเน็ต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มิถุนายน 2014
  7. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    "คำมั่นสัญญา" ของสิ่งมีชีวิตที่พูดไม่ได้

    คุณเชื่อหรือไม่..สัตว์ก็มีพฤติกรรมปลิดชีวิตตัวเองหรือที่คนเราเรียกกันว่า “การฆ่าตัวตาย”

    โดยปกติแล้วการฆ่าตัวตายในสัตว์มักพบกับสัตว์เลี้ยงลูกตัวนม เพราะเป็นสัตว์ที่มีการพัฒนาของระบบประสาทและสมองมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น ถึงแม้จะด้อยกว่ามนุษย์อยู่ก็ตาม แต่การรับอารมณ์และความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นได้ใกล้เคียงกับคนเรา บางครั้งก็มากกว่าคนเราเสียด้วย

    แล้วทำไมสัตว์เต้องฆ่าตัวตายล่ะ?? ในชีวิตคนเรา ประสบการณ์อันเลวร้ายเป็นตัวนำพาความเศร้าโศก ความผิดหวัง ความกดดัน ความโดดเดี่ยวเดียวดาย หรืออารมณ์ในแง่ลบทั้งหลายแหล่ ล้วนเป็นต้นเหตุที่จะชักนำคุณให้พาตัวเองไปสู่ความตาย… .ในสัตว์ก็เช่นเดียวกัน ยามที่มันต้องสูญเสียของรักของหวง ยามที่มันรู้สึกไร้ค่า ทางออกที่มันเลือก...ก็คือความตาย

    ต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงบนโลก รวมถึงข้อมูลที่ถูกบันทึกได้จากการสังเกตพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมของนักวิทยาศาสตร์




    การฆ่าตัวตายใน "สุนัข"

    [​IMG]

    - ชายคนหนึ่งเลี้ยงสุนัขไว้ 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็นพันธุ์ airedale-terrier อีกตัวหนึ่งเป็นพันธุ์ fox-terrier มันทั้งสองเติบโตมาตัวกัน ต่างก็รักและผูกพันธุ์กันมาก จนมาวันหนึ่งเจ้า fox-terrier ถูกรถชนตาย เจ้าของจึงนำร่างไร้วิญญาณของมันไปฝังในสวน ตั้งแต่วันนั้น เจ้า airedale-terrier ที่เคยซุกซน ก็กลับกลายเป็นเศร้าซึม มันไม่ยอมละออกจากปากหลุมศพของเพื่อนซี้ วันทั้งวันได้แต่นอนเฝ้า อาหารก็ไม่ยอมกินเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งหลายวันต่อมาก็พบว่ามันกลายเป็นศพหน้าสุสานของเพื่อนไปเสียแล้ว

    - ในกรุงโรมมีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า ชายคนหนึ่งถูกพบเป็นศพภายในบ้านของเขา ขณะที่ศพถูกเคลื่อนย้ายออกจากบ้านเพื่อไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทันใดนั้นเอง เจ้า Shastra สุนัขเพียงตัวเดียวที่เขาเลี้ยงไว้ ก็ทิ้งร่างของมันจากชั้นสามลงมายังพื้นเบื้องล่าง ปรากฏว่ามันขาหักไปหนึ่งข้าง เจ้า Shastra ได้รับการรักษาเป็นอย่างดีจากสัตวแพทย์ เมื่อหายดีแล้วก็ถูกส่งกลับมาที่บ้าน แต่ไม่นานนักมันก็กระทำการทิ้งร่างของตัวเองลงมาจากที่สูงอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มันเลือกที่สูงกว่าเดิม เป็นผลให้มันสิ้นใจคาที่ตามเจ้านายของมันไป

    - ในอตาลี สุนัขพันธุ์ German Shepherd ตัวหนึ่ง ชื่อว่า Franz นอนขวางทางรถไฟ เหมือนมีจุดประสงค์จะให้รถไฟแล่นทับร่าง คนที่เดินผ่านไปแถวนั้นเห็นเข้า จึงเอาก้อนหินปาใส่เพื่อไล่เจ้า Franz ออกไปจากเส้นทางมรณะ ซึ่งเขาก็ทำสำเร็จ แต่เพียงชั่วครู่เมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้ว เจ้า Franz ก็กลับมานอนขวางที่อีกครั้ง จนรถไฟสาย Verona – Bologna แล่นทับร่างพาเอาดวงวิญญาณมันไป เมื่อสืบดูจึงได้รู้ว่าเจ้าของของมันติดคุกเป็นเวลาเกือบปีแล้ว นับตั้งแต่นั้น มันก็มีอาการเศร้าซึมและเปลี่ยนวิถีชีวิตจากเดิม หยุดหาอาหาร กินได้เพียงเล็กน้อย จนในที่สุดก็มาจบชีวิตตัวเองที่ทางรถไฟ



    การฆ่าตัวตายใน “แมว”

    [​IMG]

    - ในกรุงปารีส ที่ the Farnese palace แมวตัวผุ้ตัวหนึ่งกำลังพยายามเกี้ยวพาราสีแมวตัวเมีย แต่ทว่าทางฝ่ายหญิงกลับไม่แยแสมันเลยสักนิด หนึ่งวันต่อมามันโยนตัวเองจากหน้าต่างชั้นบนลงมาเสียชีวิต เจ้าของที่เข้าใจมันเป้นอย่างดีบอกว่า สาเหตุที่มันทำเช่นนี้เพราะผิดหวังในความรัก

    - เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเลี้ยงแมวเอาไว้ เธอรักและผูกพันกับแมวตัวนี้มาก จนเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นและเธอต้องจบชีวิตลง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นแมวตัวโปรดของเธออีกเลย จนกระทั่ง 3 เดือนผ่านไป คนในบ้านได้ยินเสียงเล็บข่วนประตู จึงเปิดออกไปดูก็พบเจ้าเหมียวในสภาพที่ผอมโซ พร้อมกับดวงตาอันเศร้าสร้อย มันปฏิเสธอาหารและการดูแลจากทุกคนในบ้าน มันมุ่งตรงเข้าไปยังห้องนอนที่นายมันเคยอยู่ และกระโดดลงมาจากหน้าต่างเพื่อปลิดชีวิตตัวเอง



    การฆ่าตัวตายใน “สิงโต”

    [​IMG]

    - ในประเทศ Zimbabwe นักชีววิทยากำลังเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของสิงโตเพศผู้ 2ตัว ซึ่งดูเหมือนมันจะเป็นเพื่อนซี้กัน วันหนึ่งมีหมูป่าหลงฝูงออกมา 1 ตัว สิงโตหนึ่งในนั้นได้ทีจึงออกวิ่งเพื่อไล่ล่า แต่มันล้มเหลวแถมยังถึงคราวเคราะห์ เมื่อหมูป่าสามารถรอดพ้นอุ้งเท้าของมันไปได้ ส่วนตัวมันเองถูกกับดักของนายพรานเข้าที่ขาข้างหนึ่งอย่างจัง สิงโดอีกตัวหนึ่งรีบตามมาดูอาการของเพื่อนซี้ในระยะประชิด และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น สิงโตตัวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บพยายามเอาอุ้งเท้าตะกุยตัวเพื่อนขึ้นมาจากกับดัก มันทำเช่นนี้อยู่นานจนมันหยุด เมื่อพบว่าเพื่อนของมันสิ้นลมหายใจไปแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่วันนักชีววิทยาก็พบศพสิงโตสองตัวนอนกองทับกัน ณ บริเวณหลุมกับดักนั้น

    - ที่สวนสัตว์แห่งหนึ่งในประเทศอเมริกา สิงโตเพศเมียตัวหนึ่งตั้งท้องเป็นครั้งที่ 3 เมื่อถึงเวลาคลอดปรากฏว่าลูกที่ออกมานั้นอ่อนแอ และทยอยตายไปจนหมดทุกตัว หลังจากนั้นแม่สิงโตก็มีอาการซึม ไม่ยอมกินอาหาร และมันก็เริ่มกัดหางตัวเองจนเป็นแผลติดเชื้อเหวอะหวะ ต่อมามันก็หันมากัดอุ้งเท้าข้างหนึ่งอีก จนเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ต้องช่วยสงเคาระห์ให้มันตายเพื่อหลุดพ้นจากสภาพอันน่าหดหู่เช่นนี้



    การฆ่าตัวตายใน “ม้า”

    [​IMG]

    - ม้าตัวหนึ่งในฝรั่งเศสถูกขายไปจากเจ้าของที่มันรัก เจ้าของคนใหม่ก็เฆี่ยนตีมัน จนมาวันหนึ่ง มันหลุดออกจากคอกและวิ่งไปทั่วพื้นที่เหมือนหาอะไรบางอย่าง จนสุดท้ายมันก็เจอ นั่นก็คือหน้าผา ที่ๆมันทิ้งร่างตัวเองลงไป



    นี่เป็นเพียงบางตัวอย่างของพฤติกรรมสัตว์อันเหลือเชื่อ จะเห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่มูลเหตุของการฆ่าตัวตายในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มักจะมาจากการสูญเสียความสัมพันธ์ที่มีความรักความผูกพันเป็นที่ตั้ง

    แม้พูดไม่ได้ว่า..ฉันรักเธอ

    แม้พูดไม่ได้ว่า..ฉันสัญญา

    แม้พูดไม่ได้ว่า..ฉันเสียใจ

    คำมั่นสัญญาของสิ่งมีชีวิตที่พูดไม่ได้ . . .มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ซึ่งผมมองว่ามันมีค่านะ จะบอกว่าผิดที่ฆ่าตัวตายก็ไม่ได้ เพราะเขาสมองไม่เท่าเรา “แต่สัญชาตญาณแรงกว่าเยอะ”




    ข้อมูลจาก www.oknation.net]OKnation,
     
  8. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    ว้าวว..ทึ่งเลย สุนัขขับรถได้ตัวแรกของโลก

    [​IMG]

    นี่ก็คือลีลาขับรถของเจ้าพอร์เตอร์ สุนัขจรจัดในนิวซีแลนด์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสุนัขที่ขับรถได้ตัวแรกของโลก โดยหลังจากที่เจ้าพอร์เตอร์และเพื่อนอีก 2 ตัว ได้เข้ารับการฝึกขับรถจากองค์กรคุ้มครองการทารุณกรรมสัตว์ได้ 8 สัปดาห์ เจ้าพอร์เตอร์ก็ฉายแววเจ้าสี่ขานักขับที่ดีก่อนเพื่อน ควบคุมพวงมาลัยบนรถเข็นได้คล่อง และถูกจับมาขับรถมินิบนสนามจริง ๆ ในที่สุด ซึ่งลีลาการขับรถของมันก็เป็นอย่างที่เห็น สามารถบังคับเลี้ยวรถไปตามทางได้ โดยมีครูฝึกเป็นเพียงแค่ไกด์นำทาง ไม่ต้องให้ครูฝึกนั่งรถไปด้วยเหมือนก่อนแล้ว

    อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าสุดท้ายเจ้าพอร์เตอร์จะบังคับรถออกนอกเส้นทางไปบ้าง แต่ขับได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าลีลาเทพอย่างที่สุนัขตัวอื่นทำไม่ได้แล้วล่ะ

    ทั้งนี้ สำหรับโครงการจับสุนัขจรจัดมาหัดขับรถนี้ เป็นโครงการขององค์กรคุ้มครองการทารุณกรรมสัตว์ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้โลกรู้ว่าสุนัขจรจัดนั้น ไม่ได้เป็นสุนัขชั้นรอง แต่ฉลาดและน่ารักพอ ๆ กับสุนัขสวย ๆ โดยหวังกระตุ้นให้มีคนรับสุนัขจรจัดไปเลี้ยงมากขึ้นนั่นเอง


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=QlG5EqiD5Fo]สุนัขขับรถ ผ่านการทดสอบการฝึก - YouTube[/ame]



    ข้อมูลจาก kapook.com
     
  9. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ขับรถมาจอดเสร็จ... แล้วก็เดินมาฉี่รดล้อตัวเอง 55555
     
  10. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    เรื่องสัตว์ฆ่าตัวตาย เราไม่เห็นว่าเป็นอย่างนั้น

    "การฆ่าตัวตาย" ต้องประกอบขึ้นด้วยเจตนา แต่อาการของสัตว์ดังกล่าว ควรเรียกว่า "หัวใจสลาย" คือระบบสัญชาตญาณที่เรียกว่า "Will to live" มันเสียหาย จึงทำให้ไม่มีความยินดีและพึงพอใจที่จะอยู่ อย่าว่าแต่สัตว์เลย คนเองนี่เป็นหนักกว่าอีก แต่คนเรามีปัจจัยที่บีบบังคับให้ต้องสู้เผชิญชะตาชีวิตกันต่อไป เมียตายแต่ก็ต้องอยู่เพื่อลูก พ่อตายก็ต้องอยู่ดูแลแม่แทนพ่อ ลูกตายแต่พ่อแม่ก็ยังอยู่ต้องดูแล ฯลฯ

    ก็ต้องแยกแยะระหว่าง "การทำอัตวินิบาตกรรม" กับ "หัวใจสลาย"
    "การฆ่าตัวตาย" ต้องมีเจตนาทำให้สูญสิ้นหายไปซึ่งชีวิตตนเอง
    "หัวใจสลาย" ไม่มีเจตนาทำลาย เพียงแต่หมดเจตนาและอารมณ์ในการรักษาเอาไว้


    เรื่องแแมว เราว่ามันงุ่นง่าน หงุดหงิด เงอะงะ จนตกลงไปเองเสียมากกว่า
    เราก็เลี้ยงแมว สัตว์มันเป็นได้แค่"หัวใจสลาย" มีน้อยตัวที่จะมีความพิเศษซับซ้อนถึงขั้นทำลายชีวิตตนเอง
     
  11. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    ในส่วนของแมวเราก็คิดว่าตกจากที่สูงไม่น่าที่จะตายได้เพราะแมวมีคุณสมบัติพิเศษในการยืดหยุ่นตัว แมวที่บ้านก็เคยตกจากหลังคาสูงๆ มาก ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรค่ะ เรื่องนี้เข้าใจยากเหมือนกันนะคะ เขาเล่ามาเราก็เล่าต่อค่ะ....(deejai)
    ยังมีเรื่องOvertoun Bridge หรือ สะพานสุสานสุนัข” ที่มีสุนัขไปกระโดดฆ่าตัวตายอีกค่ะ ถ้าตัวไหนรอด มันก็จะกลับมากระโดดฆ่าตัวตายอีก ซึ่งก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ค่ะ....งงนิ...
     
  12. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    Overtoun Bridge หรือ สะพานสุสานสุนัข

    [​IMG]

    “สะพานสุสานสุนัข” เป็นสะพานโค้งสร้างในปี 1859 ในมิลตัน ดัมบาร์ดัน สก็อตแลนด์ ที่มันได้ชื่อฉายานี้เพราะอดีตที่ผ่านมามีสุนัขหลายตัวไปฆ่าตัวตายโดยการ " โดด "
    จากสะพานแห่งนี้อย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่การศึกษาพบว่าสุนัขในแถบนั้นนั้นเริ่มมีพฤติกรรมฆ่าตัวตายโดยโดดจากสะพาน เริ่มในช่วง 1950 หรือ 1960
    เฉลี่ยหนึ่งตัวต่อหนึ่งเดือน โดยจุดที่กระโดดนั้นนำไปสู่ความสูงกว่าสิบห้าฟุตทำให้สุนัขตายทันที แม้สุนัขบางส่วนรอดก็จริงแต่มันก็กลับมากระโดดฆ่าตัวตายอีก
    และที่น่าสนใจคือสุนัขที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ที่จมูกยาว ทำให้หลายคนเชื่อว่าสะพานนี้มีผีสิง
    และอาจเป็นคำสาปของเด็กคนหนึ่งที่ถูกโยนตกสะพานในปี 1994(และคนโยนก็มีพฤติกรรมอยากฆ่าตัวตายด้วย)
    และนอกจากนี้ยังมีคนเชื่อว่าสะพานแห่งนี้เป็นที่กั้นระหว่างโลกคนเป็นกับคนตายซึ่งเป็นสายตรงหากจะข้ามไป ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้ได้รับความสนใจจากต่างประเทศ
    สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ได้ส่งคนเข้ามาตรวจสอบ ก็พบว่าบริเวณนั้นเป็นผู้อยู่อาศัยของหนูและตัวมิงเยอะ จากการตรวจสอบพบว่าพวกมันมีกลิ่นที่สุนัขไม่ชอบ
    และนี้คือสาเหตุที่ทำให้สนุขมีความคิดอยากฆ่าตัวตายหรือไม่นั้นก็ไม่สามารถตรวจสอบได้
     
  13. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    แมว... ถ้าตกจากที่สูงมากๆ ก็เจ็บก็ตายเหมือนกัน


    เรื่องสะพาน... ข้อมูลแค่นี้ ก็รับฟังไว้ ข้อเท็จจริงนิดหน่อยผสมเรื่องเล่า ฟังประดับความรู้ก็เพียงพอ
     
  14. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    มหัศจรรย์ศพไม่เน่าเปื่อยทั้งที่ตายมาร้อยกว่าปี

    [​IMG]

    ศพของนักบุญแบร์นาแด็ด(St. Bernadette) ที่ประวัติของเธอเคยเห็นพระแม่มารีย์ เมืองลูดส์ (Lourdes) ประเทศฝรั่งเศส และบวชเป็นชีและตายในวัยเพียง 35 ปี ใน ปี 1879 แต่ร่างยังคงความเป็นอมตะไม่เน่าเปื่อยยาวนานถึงร้อยกว่าปี และยังคงอยู่ในสภาพเดิมเมื่อครั้งที่ยังชีวิตอยู่ไม่ผิดเพี้ยน ปัจจุบันร่างของนักบุญแบร์นาแดตต์ ยังอยู่ที่คอนแวนต์ของคณะซิสเตอร์แห่งเนอแวรส์ไม่เน่าเปื่อยมาจนทุกวันนี้

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=G5711hI04mw#t=127]St. Bernadette's Incorrupt Body - YouTube[/ame]


    นักบุญแบร์นาแด็ต มีนามเดิมว่า มารี แบร์นาร์ด ซูบีรู เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1844 เป็นบุตรสาวของนายฟร็องซัว กับนางหลุยส์ ซูบีรู ตั้งแต่เด็กมารี แบร์นาร์ดป่วยด้วยโรคหอบหืดอย่างรุนแรงมาตั้งแต่เด็ก

    ในเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1858 ขณะที่มารี แบร์นาร์ด กับน้องสาว และเพื่อนหาเก็บฟืนมาหุงข้าว ทั้งสามก็ได้เห็นสตรีคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ถ้ำเล็ก ๆ ในบนฝั่งแม่น้ำกาฟ เดอ โป แบร์นาแด็ตยังได้พบเห็นสตรีนั้นอย่างต่อเนื่องมาอีกตลอดระยะเวลา 5 เดือน รวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง สตรีนิรนามสอนแบร์นาแด็ตให้สวดสายประคำ และให้เธอไปบอกบาทหลวงอธิการโบสถ์ให้สร้างโบสถ์น้อยขึ้นบริเวณนั้น สตรีนิรนามบอกความลับเธอหลายข้อซึ่งแบร์นาแด็ตได้เก็บไว้จนชั่วชีวิต เธอได้บอกเล่าเหตุการณ์นี้ให้คนรอบข้างฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อ แบร์นาแด็ตพยายามถามชื่อเธอมาตลอด จนกระทั่งการประจักษ์ครั้งที่ 16 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม สตรีนั้นจึงบอกแบร์นาแด็ตว่า “ฉันคือการปฏิสนธินิรมล”

    [​IMG]

    ฝ่ายคริสตจักรโรมันคาทอลิกได้ดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และออกประกาศรับรองว่าพระนางมารีย์พรหมจารีได้มาประจักษ์แก่แบร์นาแด็ตที่ลูร์ดจริง มีการสร้างสักการะสถานแม่พระประจักษ์ที่ลูร์ดขึ้นตามที่พระแม่มารีย์ฝากบอกผ่านแบร์นาแด็ต

    ส่วนแบร์นาแด็ตได้ตัดสินใจเป็นนักบวชคณะภคินีเมตตาธรรมแห่งเนอแวร์ ในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 1866 ระหว่างที่ยังอยู่ในขั้นโนวิซ ซิสเตอร์แบร์นาแด็ตได้ช่วยงานหลายอย่าง จนกระทั่งล้มป่วยด้วยวัณโรค และถึงแก่กรรมเมื่อเดือน เมษายน ค.ศ. 1879


    ข้อมูลจากวิกิพิเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มิถุนายน 2014
  15. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    "ยักษ์" มีจริงหรือไม่

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
  16. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    นักโบราณคดีขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ขนาดใหญ่โต มโหฬารในสถานที่หลายแห่งทั่วโลก เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ว่าครั้งหนึ่งในอดีตเคยมียักษ์อยู่บนโลกจริง

    เมื่อ 6 ปีก่อน หนังสือพิมพ์นิวเนชั่น (New Nation) ของประเทศบังกลาเทศ รายงานข่าวการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ขนาดใหญ่กลางทะเลทรายบริเวณภาคตะวันออก เฉียงใต้ของประเทศซาอุดีอาระเบีย

    เจ้าหน้าที่ฝ่ายสำรวจน้ำมันของบริษั ทอรามโค (ARAMCO) พบโครงกระดูกมนุษย์ยักษ์โดยบังเอิญ มันเป็นโครงกระดูกของมนุษย์ที่มีความสูงกว่า 10 เมตร สามารถถอนรากถอนโคนไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ได้ด้วยมือข้างเดียว การค้นพบครั้งนี้ยืนยันตำนานการสู้รบระหว่างชนเผ่าฮูด (Hood) และชนเผ่าแอด (Add) ที่มีรูปร่างใหญ่โตผิดมนุษย์มนา ซึ่งปรากฏอยู่ในคัมภีร์กุรอานของชาวอิสลาม และโครงกระดูกที่พบก็คือโครงกระดูกของชนเผ่าแอดนั่นเอง

    กองทัพซาอุดีอาระเบียนำเฮลิคอปเตอร์มาขนย้ายโครงกระดูกยักษ์ไปเก็บรักษาในที่ปลอดภัยและ สั่งให้ทุกคนปิดปากเงียบเป็นความลับ แต่ภาพถ่ายทางอากาศที่ทหารคนหนึ่งได้บันทึกเอาไว้ระหว่างการขนย้ายเกิดหลุด รอดออกสู่สายตาประชาชน จนกลายเป็นเรื่องที่ฮือฮากันอยู่พักหนึ่ง

    เรื่องราวทั้งหมดเงียบหายไปกับกาลเวลาจนกระทั่งในปี 2007 มีการค้นพบโครงกระดูกยักษ์อีกแห่งในประเทศอินเดีย โดยทีมงานของนักสำรวจเนชั่นแนลจีโอกราฟิค ประจำอินเดีย กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ตอกย้ำว่าครั้งหนึ่งในอดีตเคยมียักษ์เพ่นพ่านอยู่บน โลกมนุษย์

    ก่อนที่เรื่องราวจะถูกลืมเลือนหายไปจากความทรงจำ ได้มีคนขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมา รวบรวมเรื่องราวทำเป็นจดหมายเวียนส่งต่อๆกันไปตามฟอร์เวิร์ดเมล์ ทำให้ข่าวการพบมนุษย์ยักษ์กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง

    ภาพถ่ายจากทางอากาศการ ขนย้ายโครงกระดูกมนุษย์ยักษ์ในซาอุดีอาระเบียนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นภาพการสำรวจโครงกระดูกไดโนเสาร์ บริเวณอุทยานแห่งชาติไฮด์ (Hyde) ในรัฐนิวยอร์ก เมื่อวันที่16 กันยายน 2000 ภาพนี้ได้ถูกนำไปตบแต่งซ้อนภาพโครงกระดูกมนุษย์ยักษ์ใส่ลงไปแทนที่โครง กระดูกไดโนเสาร์ โดยนักตบแต่งคนหนึ่ง เพื่อล้อเลียนในเว็บไซต์ฝึกใช้โปรแกรมตบแต่งภาพชื่อดังWorth1000

    ต่อมาได้มีคนมือบอน กินอิ่มไม่มีอะไรทำ นำภาพนี้เขียนบทความประกอบ นำบันทึกของนบีฮูดมาอ้างอิงสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วร่อนกระจายไปตามเว็บไซต์ต่างๆ จนกลายเป็นข่าวฮือฮาในปี 2004

    ต่อมาในปี 2007 คนมือบอนอีกคนก็ได้นำภาพตบแต่งลักษณะเดียวกันมาใช้ แต่คราวนี้อ้างชื่อองค์กรระดับโลก เนชั่นแนลจีโอกราฟิค เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ คนส่วนใหญ่พออ่านข่าวก็เชื่อโดยทันที ไม่ได้คิดที่จะค้นคว้าหาความจริงว่าเคยมีนักสำรวจค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ ยักษ์จริงหรือไม่ ทั้งๆที่เนชั่นแนลจีโอกราฟิคก็มีเว็บไซต์ให้ค้นหาข้อมูล

    ข่าวคราวเงียบหายไปพักใหญ่ จนกระทั่งเรื่องราววการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ยักษ์ก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับภาพตบ แต่งขุดใหม่หลายภาพ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพที่นำมาจากเว็บไซต์ Worth1000ทั้งสิ้น


    เคยมี "ยักษ์" อาศัยอยู่บนโลก
     
  17. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    หนังสือประวัติศาสตร์โบราณวัตถุ History and Antiquities of Afterdate ของอังกฤษ มีรายงานการค้นพบโครงกระดูกขนาดใหญ่ในประเทศอังกฤษ เป็นประวัติการค้นพบที่เกิดขึ้นในสมัยกลาง-Middle Ages (นักประวัติศาสตร์ให้การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันในศตวรรษที่ 5 เป็นจุดเริ่มต้นของสมัยกลาง จนในศตวรรษที่ 15 ชาติต่างๆ ในยุโรปสามารถรวมตัวกันเป็นประเทศ รัฐ จนพัฒนาเป็นประเทศต่างๆ ในปัจจุบัน นักประวัติศาสตร์ให้การล่มสลายของจักรวรรดิไบแซนไทน์ ค.ศ.1453 เป็นจุดสิ้นสุดสมัยกลาง)

    ใจความตอนหนึ่งของหนังสือระบุว่า การขุดครั้งนั้นที่ตำบลคัมเบอร์แลนด์ ได้ขุดเจอซากศพของมนุษย์ยักษ์โบราณ สุสานหรือหลุมศพนั้นอยู่ลึกลงไปจากระดับพื้นดินซึ่งเป็นไร่ข้าวโพดประมาณ 4 หลา (3 เมตร หรือ 12 ฟุต) ศพนั้นมีแต่โครงกระดูกอยู่ภายในเสื้อเกราะเหล็กแบบโบราณ ไม่ทราบว่าเป็นชุดเสื้อเกราะในยุคสมัยใด

    จากโครงกระดูกวัดจากหัวกะโหลกถึงปลายนิ้วเท้าพบว่ามีความยาวถึง 4 หลาครึ่ง สองข้างของศพมีดาบและขวานขนาดมหึมาวางนอนอยู่ข้างละเล่ม หัวขวานเป็นเหล็กหนา 6 นิ้ว ส่วนดาบก็เป็นเหล็กสองคมยาว 2 หลา รวมกับตัวด้ามถืออีก 16 นิ้วเป็น 2 หลา 16 นิ้ว...ศพซึ่งมีแต่กระดูกพบว่ามีหัวกะโหลกหน้าผากกว้างถึง 18 นิ้ว มีกรามใหญ่และมีฟันยาวยื่นขนาด 6 นิ้ว กว้าง 2 นิ้ว

    หนังสือบอกไว้ด้วยว่าชิ้นส่วนต่างๆ ของโครงกระดูกยักษ์ที่พบนั้น ถูกพวกนักสะสมของเก่าหรือของแปลกๆ แย่งกันประมูลซื้อกันไปคนละชิ้นสองชิ้น กระจัดกระจายไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของใครต่อใครกันหมด จนไม่เหลือซากให้คนรุ่นหลังได้เห็นกัน เช่น บอกว่า เครื่องแต่งกายชุดเสื้อเกราะโบราณของศพได้ตกไปเป็นสมบัติส่วนตัวของ แซนด์แห่งเรดิงตัน (Sands of Redington) ส่วนอาวุธขนาดยักษ์ตกไปอยู่ในมือของนักสะสมของเก่าชื่อ ไวเบอร์แห่งเซนต์บีส์ (Wybers of St.Bees)

    รายงานอีกชิ้นหนึ่งเป็นบันทึกเก่าแก่ของ ดร.มาซูเรียร์ เขียนไว้เป็นแพม เฟลต หรือเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่รวบรวมไว้เป็นข้อมูล ความตอนหนึ่งกล่าวว่า มีสุสานแห่งหนึ่งถูกขุดพบใกล้บริเวณปราสาทคูมองต์ในอังกฤษ สุสานนี้มีศพของมนุษย์ที่เหลือแต่โครงกระดูกที่มีความยาวตั้งแต่หัวกะโหลก ถึงปลายเท้าวัดได้ 25 ฟุต มีช่วงไหล่กว้างถึง 10 ฟุต...

    รายงานกล่าวว่า ดร.มาซูเรียร์ได้พยายามของซื้อชิ้นส่วนของโครงร่างนั้น แต่เขาไม่มีเงินมากพอ และพวกคนงานนักขุดหาของเก่าก็โก่งราคา มีหลากพวกยื้อแย่งกันโดยหวังจะนำไปขายในตลาดมืดของเก่าซึ่งได้ราคาสูงกว่า เขาจึงได้มาเพียงกระดูกหน้าแข้งชิ้นเดียวและนำไปเก็บไว้ ณ พิพิธภัณฑ์ Musee de Paleontologie กรุงปารีส

    ยังมีหลักฐานการค้นพบมนุษย์ยักษ์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรากษส หรือยักษ์ อีกจำนวนไม่น้อย อาทิ ค.ศ.1969 นักโบราณคดีชาวอิตาลี ขุดพบสุสานโครงกระ ดูก 50 โครง บรรจุรวมกันอยู่ในโลงศพใหญ่ที่ทำด้วยดินเผาซึ่งไม่มีลวดลายแกะสลัก หรือเขียนคำจารึกใดๆ ไว้ โดยขุดพบบริเวณตำบลเตอร์ราซินา ห่างจากกรุงโรมไปทางใต้ประมาณ 60 ไมล์ ดร.ลุยจิ คาวาลลูซซิ นักโบราณคดีตรวจสอบโดยละเอียดแล้วลงความเห็นไว้ในบันทึกทางโบราณคดีว่า

    โครงกระดูกทั้ง 50 โครง มีความสูงไม่ต่ำกว่า 7 ฟุต โครงที่สูงที่สุดวัดจากหัวกะโหลกถึงปลายเท้าสูงถึง 9 ฟุต 8 นิ้ว ทั้งหมดตายเมื่ออายุ 35-40 ปีโดยประมาณ พวกเขายังมีฟันที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีเกือบทั้งหมด เราตั้งเป็นทฤษฎีขึ้นอธิบายไว้อย่างหยาบๆ ว่า พวกนี้อาจเป็นพวกนักรบป่าโบราณที่ถูกทหารโรมันเกณฑ์มาเป็นทาสทหาร และคงถูกฆ่าตายด้วยเหตุผลบางประการ แต่ที่น่าแปลกคือไม่พบเครื่องแต่งกายหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆ ในบริเวณหลุมฝังศพนั้นเลย

    ขอบคุณที่มาจาก......หนังสือประวัติศาสตร์โบราณวัตถุ
     
  18. bird2531

    bird2531 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2012
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +298
    เคยอ่านตอนถ่ายรูปกับศพที่คุณdushเคยโพสไว้แล้วครั้งนึง
     
  19. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    ขออภัยด้วยค่ะที่นำมาลงซำ้ :'(
     
  20. อสุนีบาต

    อสุนีบาต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +237
    เป็นศพที่สวยสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิตเลยค่ะ
    แม้แต่เล็บยังไม่คล้ำเลย(ขนลุก)
     

แชร์หน้านี้

Loading...