อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    [​IMG] [​IMG]
     
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    [​IMG] [​IMG]
     
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    รูปเหมือนปั๊ม หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว พิมพ์เล็ก อุดกริ่ง สร้างพิธีเดียวกับรูปหล่อหลังดอกจันทร์ ในปี 2512 หลวงปู่โต๊ะปลุกเสก

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    [​IMG] [​IMG]
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    [​IMG]
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    เรื่องรู้ใจของหลวงพ่อเกษม

    โพสต์โดย ศรศิลป์ เมื่อวันที่ ๓๐ ๘ ๒๐๑๐ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๖ #๑๑๙

    คุณบัญชา ทำงานที่ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ นับถือหลวงพ่อเกษมมากๆ เพื่อนเขาที่ทำงานที่เดียวกันเช่าเหรียญ ๕ รอบมาหนึ่งเหรียญ ปรากฏว่าเหรียญนั่นเก๊ ทั้งสองคนตัดสินใจว่าจะเดินทางไปทดสอบหลวงพ่อเกษม ว่าท่านจะรู้ไหมว่าเหรียญอันนี้เก๊ไม่มีการปลุกเสก

    พอมีโอกาสได้เดินทางขึ้นไปจังหวัดลำปาง ไปที่สุสานไตรลักษณ์ ขณะนั้นมีคนนั่งคอยพบหลวงพ่อเกษม ที่ศาลาจำนวนมาก เขาทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปรวมกลุ่มที่ศาลา ครู่ต่อมามีศิษย์ท่านคนหนึ่งเดินตรงมาที่ศาลา และถามขึ้นดังๆ ว่า ใครมาจากกรุงเทพฯ ๒ คน หลวงพ่อให้เข้าพบ เขาทั้งสองดีใจมาก เพราะนึกไม่ถึงว่าจะได้เข้าพบท่านเร็วขนาดนี้

    พอทั้งสองเข้าไปกราบท่านเสร็จ ท่านก็ยื่นมือตรงมาที่เพื่อนของคุณบัญชา พร้อมทั้งพูดว่า เอาเหรียญออกมาซิ

    เพื่อนคุณบัญชา จึงล้วงเอาเหรียญในกระเป๋าเสื้อออกมาส่งให้ท่าน พอท่านรับมาและพูดว่า เหรียญนี้เราไม่ได้เสก ถ้าศรัทธาจะมนต์ให้เอาติดตัวไปใช้ได้ ขายไม่ได้นะมันเก๊ พอท่านมนต์เสร็จก็ส่งคืนเจ้าของ พร้อมกับบอกกลับไปได้

    ทั้งสองก้มลงกราบปลาบปลื้มปิติยิ่งนัก ทั้งที่นั่งตกตะลึงอยู่ ไม่คิดว่าท่านจะรู้ว่า พวกเขาทั้งสองตั้งใจจะสอบภูมิว่าท่านรู้จริงหรือไม่
     
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย อุตฺตโม เมื่อวันที่ ๑๓ ๙ ๒๐๑๐ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๑๔ #๒๖๓

    โอกาสะ โอกาสะ อาจาริโย เมนาโถ ภันเต โหตุ อายัสมา เขมโก ภิกขุ เมนาโถ ภันเต โหตุ อาจาริยัง วันทามิหัง

    เมื่อก่อนสมัยที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่ ผมเคยธนาณัติส่งเงินไปถวายท่านบ่อยครั้ง เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๓๖ ผมได้ซื้อกลดเครื่องธุดงค์ส่งไปถวายท่านทางพัสดุไปรษณีย์ พร้อมเขียนจดหมายกราบนมัสการท่านว่า


    "กระผมพร้อมบิดามารดา ขอน้อมถวายกลดแด่หลวงปู่ พร้อมทั้งบุญบารมีที่กระผมได้สะสมมาตั้งแต่ในอดีตชาติจนถึงปัจจุบัน และที่จะมีต่อไปในอนาคต น้อมถวายแด่หลวงปู่จนสิ้น และ ขอถวายอายุขัยของกระผมจำนวน ๑ ปี เพื่อต่อชีวิตให้หลวงปู่ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยเทอญ

    ด้วยข้อความอันเป็นสัจจะที่กระผมเขียนมานี้ ขอให้หลวงปู่หายจากโรคภัยไข้เจ็บ มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ มีอายุยืนยิ่งขึ้นไปเทอญ

    ขอเดชแห่งบุญนี้ และบุญบารมีของหลวงปู่ ช่วยดลบันดาลให้กระผม บิดามารดาญาติพี่น้อง พร้อมทั้งหมู่มิตรบริวารจงเป็นผู้ตั้งมั่นอยู่ในธรรม มีความสุขความเจริญ หายจากโรคภัย อย่ามีอุปสรรคขอให้มั่งมี และขอให้กระผมได้ปฏิบัติธรรมได้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึงความหลุดพ้นในชาตินี้เทอญ

    นมัสการมาด้วยความเคารพรักอย่างสูง"


    หลังจากนั้นประมาณวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๓๖ ได้มีจดหมายจากสุสานไตรลักษณ์ลำปาง ส่งมาถึงผมตีตราประทับที่จังหวัดลำปาง ๒๖.๕.๓๖ (๒๖ พฤษภาคม ๒๕๓๖) ผมได้เปิดอ่านดูในจดหมายเขียนว่า


    เรียนคุณ........

    เครื่องธุดงค์ที่ท่านได้ส่งมา ผมได้นำถวายหลวงพ่อและท่านได้มนต์ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ท่านได้ "สั่งให้ผมส่งใบบุญมายังท่าน" ให้ท่านเอาไว้สวดทุกวัน ๆ ดีมาก เป็นคำไหว้พระธาตุ แต่ท่านเรียกว่า "ใบบุญ" ขอให้ท่าน..........ฯลฯ

    ถนอมศักดิ์


    ข้อความในจดหมายยังมีอีกเล็กน้อยแต่ผมจำไม่ได้ เนื่องจากจดหมายได้สูญหายไปแล้ว จดหมายดังกล่าวส่งมาพร้อมกับ "คำไหว้พระธาตุรวม" มีอยู่ ๖ แผ่น เขียนไว้ว่า


    " พ.ศ. ๒๕๓๖

    คำไหว้พระธาตุรวม

    วันทามิ เจติยัง สัพพัฏฐาเนสุ ปติฏฐิตา สรีระธาตุง

    มหาโพธิง พุทธะรูปัง สกลัง สทา นาคะโลเก

    เทวะโลเก ตาวะติงเส พรัมมะโลเก ชัมภูทีเป

    ลังกาทีเป สรีระธาตุโย เกสาธาตุโย อรหันตาธาตุโย

    เจติยัง คันธะกุฏิ จตุราสี ติสะหัสสะ ธัมมักขันธา

    ปาทะเจติยัง นะระเทเวหิ ปูชิตา อหังวันทามิ ธาตุ

    โย อหังวันทามิ ทูระโต อหังวันทามิสัพพะโส"

    ๑ คำไหว้พระธาตุรวมหมดเท่านี้

    ๑ เอาไหว้สวดทุกวันๆ ดีมาก


    ผมก็ขอน้อมนำสิ่งที่ หลวงปู่เกษม เขมโก มอบให้ผมไว้ คือ "คำสอนให้สวดคำไหว้บทนี้ที่ท่านเรียกว่าใบบุญ" แด่เจ้าของกระทู้และเพื่อนสมาชิกทุกท่านให้เป็นมงคลติดตัวตลอดไป

    จากใจจริงของผม
     
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย แก้วทิพย์ เมื่อวันที่ ๓๑ ๑๐ ๒๐๑๐ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๒๙ #๕๖๓

    เมื่อประมาณ ๔-๕ ปีก่อน ข้าพเจ้าได้รับฟังการบอกเล่าจากท่านผู้ใหญ่ที่เชื่อถือได้ท่านหนึ่ง (ท่านผู้นี้เป็นเจ้าของพระบรมสารีริกธาตุที่เยอะและงดงามมากที่สุดในประเทศไทย ท่านเล่า่ว่า ท่านจะนำไปถวายสมเด็จพระสังฆราชบ่อยๆ และสมเด็จฯ ท่านก็แจกจ่ายต่อให้บรรดาวัดต่างๆ ที่ขอประทานจากสมเด็จฯ บ้านของท่านอยู่แถวพุทธมณฑลสาย ๒)

    ท่านเล่าถึงประสบการณ์ของท่าน เกี่ยวกับหลวงพ่อเกษม เขมโก ว่า ก่อนนั้น ท่านไม่ค่อยเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ของหลวงปู่หลวงพ่อต่างๆ จนครั้งหนึ่ง ท่านมีโอกาสไปจังหวัดลำปาง และได้เดินทางไปกราบหลวงพ่อเกษม เมื่อไปถึง บรรดาลูกศิษย์ที่อยู่แถวหน้ากุฏิให้รออยู่ข้างนอกก่อน กันไม่ยอมให้ใครเข้าไปรบกวนหลวงพ่อ

    ปรากฏว่าไม่นานนักก็มีลูกศิษย์คนหนึ่งออกมาหาท่าน บอกว่าหลวงพ่อให้มาตามท่านเข้าไปพบ เมื่อท่านเข้าไปกราบหลวงพ่อข้างในกุฏิ (บางอย่างที่ท่านเล่าให้ฟัง ข้าพเจ้าจดจำไม่หมด) แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งจำได้ คือ หลวงพ่อให้ท่านหลับตา ท่านก็ทำตาม สักครู่ใหญ่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เมื่อหลวงพ่ออนุญาตให้ท่านลืมตา สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าท่านคือ มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งวางอยู่ข้างหน้าท่านกับหลวงพ่อ พระพุทธรูปองค์นั้น เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวกับที่อยู่ในห้องพระของท่านที่บ้านกรุงเทพ)

    ส่วนตัวข้าพเจ้า เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน ที่ทำงานของข้าพเจ้ามีเรื่องยุ่งยากระส่ำระสายเกิดขึ้นจากหัวหน้างานคนใหม่ที่ย้ายเข้ามา พนักงานหลายคนรวมทั้งข้าพเจ้าได้รับผลกระทบหนักเหมือนกัน จนเครียด แต่ละวันแทบไม่อยากไปทำงาน คืนหนึ่งข้าพเจ้าฝันว่า หลวงพ่อเกษมได้ เทน้ำเป็นกะละมังราดตัวข้าพเจ้าจนเปียกโชกไปหมด ตื่นขึ้นมาค่อนข้างประหลาดใจและดีใจมากกับความฝัน (ข้าพเจ้าทำงานอยู่ในกรุงเทพ) ท่านมาเข้าฝันเมตตาให้กำลังใจข้าพเจ้า ต่อมาไม่นานนัก วิกฤตต่างๆ ในที่ทำงานก็คลี่คลายลง ข้าพเจ้าก็รอดพ้นจากการกลั่นแกล้งไปได้อย่างหวุดหวิด
     
  9. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย smilelife เมื่อวันที่ ๑๑ ๑๑ ๒๐๑๐ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๓๒ #๖๓๑

    เข้ามาอ่านฟังบางท่านแล้ว ก็รู้สึกเสียความรู้สึกนิดๆ ว่าทำไมต้องการเหรียญที่ท่านปลุกเสกก่อนปี ๑๘

    แต่ก็เข้าใจความรู้สึกว่า บางท่านเขาก็อยากได้แต่ของดีจริงๆ

    ส่วนตัวเองนี้ บอกตรงๆ ว่าไม่เคยสนใจพระเลย ดูก็ไม่เป็น พระที่มีอยู่ส่วนมากมีแต่คนให้

    บังเอิญมีช่วงหนึ่งสมัยหนุ่มๆ มีคนชวนให้เช่าหลวงพ่อเกษมเขมโก

    ซึ่งไม่รู้จักท่านเลย แต่ไม่รู้เป็นไง ก็มีความรู้สึกว่าอยากจะเช่าพระ

    ก็เลยเช่ามาซึ่งราคาออกจากวัดเลย พี่เขาเช่ามาแล้วบอกเดี๋ยวแบ่งให้บูชา

    ก็เลยโอเค เป็นพระรอด ใหญ่ ๒ องค์ เล็ก ๒ องค์ (ปี ๒๗)

    เหรียญเงินครบรอบอายุ ๘๐ ปี (ปี ๓๔)

    รูปหล่อเล็กเนื้อเงิน ๑ องค์

    พระบูชาเป็นรูปท่าน ซึ่งปัจจุบันเป็นพระบูชาพระสงฆ์ ๑ ใน ๓ (หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงปู่แหวน )

    ที่ขึ้นหิ้งบูชามากว่า ๒๐ ปีแล้ว พร้อมรูปท่านตอนในหลวงไปเยี่ยมอัดกรอบแขวนไว้

    ผมบูชามาโดยไม่รู้ว่ามีเรื่องอย่างที่พี่ๆ เล่า ว่ารุ่นหลังๆ เหมือนไม่ค่อยจะดี

    แต่ตอนเองมีประสบการณ์กับพระรอดปี ๒๗ ของท่าน ๒ ครั้ง ซึ่งแต่ละเหตุการณ์มีคนอยู่ด้วยเป็นสิบๆ คน

    ครั้งแรกเมื่อประมาณ ๑๐ ปีก่อน พาลูกไปงานวัด โดยที่มีบ่อเลี้ยงปลาของทางวัดด้วย

    พาลูกชายไป ๓ คน คนเล็กอายุประมาณ ๔-๕ ขวบ พี่ๆ ก็ชวนเลี้ยงปลา ผมเห็นมันมีรั้วกั้นก็เลยปล่อยไว้ตามลำพัง

    โดยที่ตัวเองมัวแต่ไปดูต้นไม้ ที่เขามาขายอยู่รอบบ่อปลา เพราะชอบต้นไม้มาก

    ดูเพลินๆ อยู่ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนว่าเด็กตกน้ำ ๆ

    พอหันมาก็รีบวิ่งไปที่ๆ ลูกเลี้ยงปลา เห็นหน้าลูกคนที่ ๒ บอกหน้าตาตื่นว่าน้องตกน้ำ

    เพราะพี่คนโตเขามุดรั้วนำน้องเข้าไปในบ่อเพื่อเลี้ยงปลาใกล้ๆ

    พอรู้ว่าเป็นลูกชายก็ตกใจหันไปมองเห็นลูกชาย ดิ้นม้วนเป็นวงกลมอยู่ในน้ำ

    โดยที่ลอยน้ำทั้งตัวไม่จมเป็นเวลาประมาณสัก ๔-๕ นาที กว่าที่ผมจะได้กระโดดลงไป

    เพราะคนที่เห็นเหตุการณ์ไม่มีใครลงไปช่วยเลย เพราะน้ำมันเขียวปี๋และดำมาก

    ผมคิดว่าถ้าลูกผมจมลงไป ผมมองไม่เห็น ลูกผมคงตายไปแล้ว

    หลังจากช่วยอุ้มขึ้นมาได้ มีแต่คนถามว่าเด็กแขวนพระอะไร แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะตกใจอยู่

    พอกลับบ้านมา พาเด็กไปอาบน้ำ แล้วค่อยๆ นึกถึงเหตุการณ์ ว่าถ้าลูกจมน้ำลงไปเราจะเสียใจแค่ไหน

    เพราะว่าไม่มีปัญญางมแน่ๆ ใครเห็นน้ำก็ไม่อยากลงทั้งนั้น ผมเองก็ใส่แว่นสายตาสั้นด้วย

    ก็เลยคิดว่าเป็นเพราะลูกชายห้อยพระรอดหลวงพ่อเกษม เขมโกแน่ๆ ก็เลยยกมือนึกในใจสาธุๆ

    อีกเหตุการณ์นึง ก็พระองค์นี้อีกแหละครับ ประมาณ ๔-๕ ปีเห็นจะได้

    พวกเราทั้งครอบครัวได้ไปเที่ยวที่เกาะสิมิลัน ไปถึงลูกๆ ก็ขอตัวไปเล่นน้ำทะเล

    ก็เกิดเหตุการณ์กับลูกคนเดิม แล้วก็พระองค์เดิมด้วยครับ

    ตอนนั้นลูกคนนี้ก็โตแล้วประมาณสัก ๑๐ ปีได้ เหตุการณ์มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกครับ

    แต่เป็นเพราะเขาเล่นน้ำนานเกือบชั่วโมง พอขึ้นมาจะพาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

    ปรากฏว่าสร้อยที่คอหายครับ ผมก็ถามว่าสร้อยไปไหน ลูกชายบอกไม่รู้อย่างเดียว

    ด้วยความเสียดาย สักพักตั้งสติได้ ผมยกมือไหว้ไปที่ทะเล

    ลูกเมียและพวกที่มาเที่ยวหลายกลุ่มเขาก็เห็น แต่เขาไม่รู้ว่าผมไหว้อะไร

    ในใจตั้งจิตอธิฐานบอกหลวงพ่อเลยครับ ถ้าหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์จริง

    ผมขอหลวงพ่อคืน ขอให้ผมหาหลวงพ่อเจอด้วยเถิด

    เพราะผมเสียดายมากๆ บอกตรงๆ ถึงจะมีที่บ้านอีก

    แต่กับองค์นี้เคยช่วยชีวิตลูกผมมาแล้ว ผมต้องหาให้เจอ

    ผมเดินลงทะเล พาลูกไปบอกว่า ว่ายไปเล่นตรงไหนบ้าง

    เขาก็พาไป เดินลงทะเลไปหากัน คนที่มาด้วยคงนึกว่าผมบ้า แล้วเขาก็คงคิดว่าหายังไงก็ไม่เจอ

    ผมเดินหาห่างจากฝั่งไปประมาณร่วม ๓๐ เมตร แต่มันยังไม่ลึกมากแค่หน้าอก แล้วน้ำก็ใส

    หาอยู่ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ผมก็เหลือบไปเห็นที่ซอกหิน ที่ปลาการ์ตูน กับปลาสีเหลืองสลับดำมันว่ายอยู่

    สร้อยมันสะท้อนแสง ผมก็ล้วงหยิบขึ้นมา มีหลวงพ่อห้อยติดมาด้วย ผมดีใจเกือบตะโกนเหมือนคนบ้า

    ผมยกมือไหว้ท่วมหัว กราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่ให้ลูกได้กลับมาบูชาอีกครั้ง คนที่เห็นเหตุการณ์ที่ฝั่งก็ไม่อยากเชื่อ

    ทั้งแฟนและลูก ก็ไม่อยากเชื่อว่าเราจะหาท่านเจอได้ ทะเลกว้างใหญ่ แถมคลื่นก็แรงพอจะพัดจมหายไป แต่ผมก็หาเจอ

    นี่เป็นประสบการณ์ที่ตัวเองประสบมากับตัวเอง ส่วนตัวจริงๆ ไม่ค่อยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เท่าไหร่

    เชื่อแต่ความดี ความชั่ว บุญกับบาปเท่านั้น แต่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมถึงกับศรัทธาด้วยใจจริงเลยครับ

    ผมแค่อยากบอกว่า ไม่ว่ารุ่นไหนๆ ถ้าเป็นของหลวงพ่อแท้ๆ ตั้งจิตและใจที่ดี ผมว่าหลวงพ่อท่านก็เมตตาทุกคนแหละครับ
     
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย อุตฺตโม เมื่อวันที่ ๒๗ ๐๑ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๓๙ #๗๗๑

    ตามปกติแล้วหลวงพ่อเกษมท่านจะนั่งบำเพ็ญธรรมในที่กลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าฝนหรือหน้าหนาว อากาศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างใดท่านจะไม่หวั่นไหวไปกับมัน

    - ดังเรื่องสมัยที่ท่านบำเพ็ญธรรมอุกฤษฏ์ หลวงพ่อท่านจะออกจากอาศรม (กระท่อมที่ศาลาวังทาน) ออกไปนั่งอยู่กลางแจ้ง โดยไม่มีจีวรมีเพียงแต่สบงกับผ้าอังสะเท่านั้น ท่ามกลางแสงแดดเดือนเมษายนที่จัดว่าร้อนแรง สามารถเผาผลาญผิวหนังของคนเราให้ไหม้เกรียมได้

    - แต่หลวงพ่อท่านก็สามารถนั่งอยู่อย่างนั้นเป็นเดือน ๆ จนกระทั่งชาวบ้านที่ทราบข่าวคราวเกิดความเป็นห่วง หลายคนที่เห็นหลวงพ่อเป็นอย่างนั้น ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ไหวปล่อยโฮออกมา

    - หลายคนที่ไปซื้อร่มขนาดใหญ่มากางกั้น แต่นั่นไม่ใช่ความประสงค์ของหลวงพ่อ ท่านมักจะกล่าวว่า "เมื่อมันร้อนเราก็อย่าไปร้อนตามมัน" เพียงเท่านั้น นั่นคือคำสอนของหลวงพ่อ เพราะโดยปกติแล้วท่านจะพูดน้อยอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นชาวบ้านก็ต้องเอาร่มออกจากสถานที่ที่นั่งวิปัสสนาของท่าน.

    - แม้ถึงหน้าฝนย่างเข้ามา หลวงพ่อเกษมท่านก็ยังคงดำเนินการประพฤติปฏิบัติธรรมกลางแจ้งเสมือนหน้าร้อนที่ผ่านมา

    - เรื่องนี้เป็นที่หนักใจแก่ผู้ที่ได้ไปประสบพบเห็น

    - แม้แต่ขณะที่ท่านฉันภัตตาหารหลวงพ่อก็ไม่เข้ามากระทำภัตตกิจในอาศรมหรือกระท่อมของท่าน ท่านฉันขณะที่น้ำฝนยังหล่นลงในบาตรของท่าน แต่หลวงพ่อยังไม่หวั่นไหว

    - มีหลายคนที่อดทนเห็นเหตุการณ์เป็นอย่างนั้นไม่ได้ นำความเข้าไปถามหลวงพ่อ หลวงพ่อมักจะตอบสั้น ๆ เพียงว่า "เรากำลังสอบ"

    - ซึ่งคำว่า "จะสอบ" ของหลวงพ่อนั้นเป็นปริศนาสำหรับผู้คนอยู่ ท่านจะสอบหรือทดสอบตัวของท่าน หรือว่าท่านกำลังทดสอบการขัดเกลาอาสวกิเลสของท่านอยู่ ไม่มีผู้ใดตอบได้ นอกจากจิตใจของหลวงพ่อเองเท่านั้น

    - พออย่างเข้าเขตอากาศหนาว หลวงพ่อท่านยังคงบำเพ็ญตบะธรรมของท่านท่ามกลางแจ้ง แม้ว่าอากาศจะหนาวเหน็บ

    - ผู้คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ต้องหาผ้าห่มขนาดหนามาปกคลุมห่อร่างเพื่อกำจัดความหนาว แต่หลวงพ่อเกษมท่านกลับยังคงนั่งท่ามกลางสายหมอกที่เย็นยะเยือกอยู่อย่างนั้นในร่างของท่านมีเพียงผ้าสบงกับอังสะเท่านั้น

    - หลวงพ่อยังคงนิ่งสงบราวกับว่าอากาศที่หนาวสั่นนั้นไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะทำลายจิตใจของท่านให้หวั่นไหวหรือเกิดวิตกกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น

    - ในทำนองเดียวกัน เมื่อมีผู้ถามหลวงพ่อว่า "หลวงพ่อไม่หนาวหรือ" ท่านก็มักจะตอบข้อถามทำนองเดียวกับผู้ที่ถามท่านครั้งก่อน ๆ ว่า "เมื่อมันหนาว เราก็อย่าไปหนาวตามมัน เรากำลังสอบ..."

    - จะเห็นได้ว่าจิตใจของหลวงพ่อนั้นเด็ดเดี่ยว เข้มแข็งเหมือนกับหลักหินที่ไม่ได้ไหวติงเพราะอำนาจกิเลส หรือความต้องการใด ๆ จิตของหลวงพ่อเข้มแข็ง พอที่จะต่อสู้กับอำนาจแห่งความต้องการอันเป็นกิเลสอย่างหนักหนาให้เบาบางลงได้โดยลำดับ

    - ถึงหลวงพ่อท่านจะเป็นผู้มุ่งมั่นปฏิบัติธรรมท่ามกลางแดด ฝน ลม และอากาศหนาว จนกระทั่งหนึ่งปี

    - แต่หลวงพ่อไม่ยอมที่จะทำการสรงน้ำ ซึ่งวันที่หลวงพ่อสรงน้ำนั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อทุกคนได้เข้าไปใกล้หลวงพ่อต่างก็มีความเห็นเป็นอย่างเดียวกันว่า "ร่างกายของหลวงพ่อท่านนั้น ไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนอย่างร่างของคนทั่วไปที่ไม่เคยชำระล้างเลยตลอดระยะนานถึงหนึ่งปี"

    - แต่ผิวหนังของหลวงพ่อนั้นเมื่อถูกน้ำและได้รับการขัดถู ผิวหนังของท่านจะกะเทาะออกเป็นขุย แต่ไม่มีกลิ่นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง

    - อาหารเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีพของมนุษย์ สัตว์ และสิ่งมีชีวิต ซึ่งขาดอาหารไม่นานวันก็ต้องเสียชีวิต

    - ในเรื่องการปฏิบัติเกี่ยวกับการงดเว้นอาหารของหลวงพ่อเกษมนั้น เป็นที่กล่าวขานกันมาว่า "หลวงพ่อเกษมเคยไม่ฉันอาหารเป็นเวลานานถึง ๔๙ วัน" ท่านรับเฉพาะน้ำเท่านั้น

    - หากเป็นปุถุชนคนธรรมดาแล้วย่อมกระทำได้ยากยิ่ง ข่าวคราวเรื่องนี้เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ที่ได้รับรู้ มีผู้คนเดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อและได้รู้เห็นความเป็นไป

    - นอกจากการอดอาหารเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว หลวงพ่อเกษมท่านยังสามารถฉันอาหารที่บูดโดยไม่เกิดเป็นพิษภัยใด ๆ ต่อร่างกายของท่านอีกด้วย ซึ่งในข้อนี้เป็นที่รู้กันในมวลหมู่ผู้ที่อยู่ละแวกนั้นมานาน.
     
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย อุตตโม เมื่อวันที่ ๒๙ ๐๑ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๓๙ #๗๗๙

    - กิจประจำวันอย่างหนึ่งในการประพฤติปฏิบัติกรรมฐานของหลวงพ่อเกษม คือ การที่ท่านออกไปนั่งข้างหลุมฝังศพ หรือไม่ก็ไปนั่งที่ใกล้เชิงตะกอน เพื่อพิจารณาอสุภกรรมฐาน

    - แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปขนาดใดก็ตาม หากผู้ที่เดินผ่านศาลาวังทานก็จะได้เห็นหลวงพ่อหากว่าเป็น "ผู้ที่ช่างสังเกต"

    - การนั่งภาวนาพิจารณาธรรมข้างหลุมฝังศพหรือใกล้เชิงตะกอนนั้น ท่านจะไม่กระทำเหมือนอย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ เข้าใจกัน แต่ลักษณะของหลวงพ่อเกษมนั้น ท่านจะนั่งกบ หรือภาษาถิ่นเรียกว่า "มูบ" มีลักษณะนอนคู้คว่ำหน้าราบกับแผ่นดิน เท้า และมือคู้เข้าลักษณะเหมือนกบ แล้วท่านจะเอาจีวรคลุมร่างของท่านไว้ ทำการภาวนาไปเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ว่าจะมีฝนตก ลมหนาวอย่างใด หลวงพ่อเกษมท่านก็จะไม่ลุกออกจากอาการอย่างนั้น
     
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย อุตฺตโม เมื่อวันที่ ๑๗ ๐๒ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๔๒ #๘๒๕

    บันทึกเหตุการณ์บางส่วนของวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๗

    - วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ เป็นงานเกี่ยวกับงานบุญวันคล้ายวันเกิดครั้งสุดท้ายที่หลวงปู่ได้มาปรากฏในพิธีมนต์

    - วันคล้ายวันเกิดที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ หลวงปู่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านเข้าโรงพยาบาลโดยออกจากสุสานไตรลักษณ์เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๓๘ จนถึงวันมรณภาพวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๓๙ หลวงปู่จึงได้กลับมาสุสานไตรลักษณ์หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว

    - ส่วนวัตถุมงคลที่ออกระหว่างวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๓๘ จนถึงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๓๙ ได้ให้พระเกจิในจังหวัดลำปางและใกล้เคียงปลุกเสกแทน จำได้ว่าเป็นหลวงปู่แว่นองค์หนึ่ง

    - แต่มีพระที่หลวงปู่มนต์ตามภาพถ่ายที่ผมเห็นมีวัตถุมงคลรุ่นขันธ์ ๕ ราคา ๑๐,๐๐๐ บาท สร้างจำนวน ๕,๐๐๐ องค์ที่เอาไปวางไว้ข้างเตียงหลวงปู่เกษมที่ห้องผู้ป่วยโรงพยาบาลและหลวงปู่นอนจับสายสิญจน์ แต่จะมีรุ่นใดอีกบ้างไม่แน่ใจ

    - ภาพที่ลงไว้นี้เป็นภาพของหลวงปู่ในวันคล้ายวันเกิดที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ "หลวงปู่อมท๊อฟฟีไว้ในปาก"

    - วันนั้นผมนั่งร่วมอยู่ในพิธีด้วย มีรายการสร้างพระผงของหลวงปู่ที่ผสมกับกระดูกของหลวงปู่ที่หมอได้ผ่าตัดเอาออกจากบริเวณหลังไว้นานแล้ว และผสมเกศา มวลสารต่าง ๆ สร้างจำนวน ๘๔ องค์ โดย ๘๓ องค์แรกให้บูชาองค์ละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งผมจำได้มี "คุณสรพงษ์ ชาตรี" บูชารุ่นนี้ไปด้วย แต่จะบูชากี่องค์ไม่ทราบ

    - ส่วนองค์ที่ ๘๔ เปิดให้ประมูลกันโดยผู้ได้ราคาสูงสุดได้ไป

    - ประมาณบ่ายสี่โมงเย็นกว่าหลวงปู่เกษมได้ออกมานั่งที่นั่งของท่านที่จัดไว้ที่รูปเหมือนยืนองค์ใหญ่บริเวณลานของสุสานฯ โดยมีบรรดาลูกศิษย์นั่งล้อมรอบ ตัวผมนั่งอยู่ไกลจากที่หลวงปู่นั่งไกลมาก

    - หลวงปู่ได้มนต์วัตถุมงคลได้พักหนึ่ง ก็มีการประมูลพระผงองค์ที่ ๘๔ กัน ซึ่งผู้ที่ได้ให้ราคาสูงสุดในวันนั้นประมูลไปในราคา "หกแสนกว่าบาท" แต่กว่าเท่าใดจำไม่ได้ โดยเป็นพระที่เหลี่ยมทองห้อยอยู่กับสร้อยคอทองคำหนัก ๕ บาท หลวงปู่ได้ประสิทธิประสาทและคล้องคอให้กับผู้นั้นกับมือหลวงปู่ครับ
     
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย อุตฺตโม เมื่อวันที่ ๒๐ ๐๒ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๔๒ #๘๓๐

    อ้างอิง: ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ charoen.b

    [ขอรบกวนท่านอุตตโมเพิ่มเติมรายละเอียดพระรุ่นขันธ์ ๕ ให้สักหน่อยครับ]

    - ครับ...พระของหลวงปู่รุ่นนี้เป็นรุ่นที่หลวงปู่ได้อนุญาตให้จัดทำขึ้นในปี ๒๕๓๘ ก่อนที่หลวงปู่จะเข้าโรงพยาบาล วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๓๘ โดยนำเอา เส้นเกศา ฟันหลวงปู่ที่หักแล้วเก็บไว้มาบด เล็บหลวงปู่ที่ตัดเก็บเอาไว้ จีวรที่หลวงปู่ใช่จนเก่านำมาร่วมกับมวลสารต่าง ๆ แล้วกดพิมพ์เป็นองค์พระ

    - ขณะกดองค์พระโยงสายสิญจน์ให้หลวงปู่จับ ซึ่งท่านก็ได้ภาวนาอธิษฐานจิตไปด้วย สร้างทั้งหมด ๕,๐๐๐ องค์ องค์ละ ๑๐,๐๐๐ บาท ลูกศิษย์ตั้งใจจะให้หลวงปู่มนต์ในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๘ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่หลวงปู่เกิดหัวใจหยุดเต้น นิ่งไปนาน จำได้ว่าคุณดาว ลำปาง เป็นคนนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ปั๊มหัวใจท่านจนฟื้น ซึ่งก็ปรากฏว่า "หลวงปู่พอฟื้นก็สวดมนต์ภาวนาเสียงเบา ๆ" ไม่เหมือนกับคนทั่วไป ซึ่งการนิ่งไปโดยหัวใจหยุดเต้นก็คงเป็นผู้นิทราหรือฟื้นขึ้นมาก็คงไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว

    - เนื่องจากพระมีราคาแพง แม้จะได้รับการอธิษฐานขณะกดพิมพ์แล้ว ลูกศิษย์จึงต้องนำไปให้หลวงปู่มนต์ที่โรงพยาบาล แล้วถ่ายภาพยืนยันว่าหลวงปู่มนต์จริงครับ

    - อย่าคิดอะไรมากครับ ผงฟันของหลวงปู่หาได้ที่ไหน ผงเล็บอีกด้วย เส้นเกศาของสูงของหลวงปู่ และหลวงปู่ก็อธิษฐานจิตแล้ว

    - ภาพพระที่ท่านลงไว้ผมยังเห็นผงฟันสีขาว ๆ ปรากฏอยู่เลย เหมือนกระดูกแต่เป็นผงฟัน และบางจุดจะเห็นผงเล็บครับ.

    - เพิ่มเติมครับ หนังสือพระเครื่องอภินิหาร เล่มที่ ๑๓๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ หน้าที่ ๒๖ ลงพระรุ่นนี้ไว้ ซึ่งเจ้าคุณธงชัยให้บูชาองค์ละ ๓๐,๐๐๐ บาทครับ (ซื้อมาอ่านนะครับ)

    - แต่จะมีการแก้ไข ใบอนุญาตอะไรของหลวงปู่ในนั้น ไม่ต้องสนใจครับ "บางทีการที่พยายามทำให้เชื่อ จะทำให้คนอื่นไม่เชื่อเอา"
     
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย Bob deland เมื่อวันที่ ๒๖ ๐๔ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๔๗ #๙๒๖

    สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัว ผมชื่อ Bob นะครับอยากหา web ที่พูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ ของหลวงพ่อเกษม เขมโกมานานแล้วครับ โชคดีที่มาเจอ Web นี้

    ผมจะเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเหรียญแตงโมของหลวงพ่อเกษม ให้ดังนี้นะครับเมื่อประมาณ ปี ๒๕๒๗-๒๕๒๙ เห็นจะได้ ตอนนั้นผมอยู่กับป้าแถวราชวัตร มาช่วยแก เพราะตอนนั้นยังหาที่เรียนไม่ได้ ตัวผมเองก็เป็นเด็กราชวัตร ตอนนั้นร้านผัดไทย-หอยทอด คุณประยูรอยู่แถว สี่แยกราชวัตร สมัยก่อนยังมีโรงหนังดุสิตอยู่ ผมกับเพื่อนชื่อ ไอ้ตี๋ ได้กินนอนอยู่ที่ร้านของป้า วันนั้นพ่อของญาติของผมได้นำพระมาให้กับลูกชายเค้า และลูกชายคนนี้ก็ได้ให้พระกับเพื่อนผมคือไอ้ตี๋นี่แหละ เพราะไอ้ตี๋มันมีนิสัยห้าวมาก ตัวใหญ่ ฉายา คือตี๋ซ่า นาซี ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไร อยู่มาวันหนึ่งผมกับเพื่อนรักกัน ทั้งหมด ๓ คน ได้ไปดูหนังที่โรงหนังดุสิตนี่แหละ วันนั้นรับกลับกันมา ประมาณสัก ๕ ทุ่มได้เดินมาจากโรงหนังถึงสี่แยกราชวัตรไม่ไกล ประมาณ สัก ๕๐๐ เมตร

    ระหว่างที่กำลังเดินกลับ ไอ้ตี๋ได้เดินชนไหล่กันกับวัยรุ่นคนหนึ่งอยู่ใน ซอยสันติสุข (ซึ่งสมัยก่อนเด็กราชวัตรจะไม่ค่อยถูกกันอยู่แล้ว) "เฮ้ย..มึงเจ๋งเหรอ มึงรอกูเดี๋ยว"

    ไอ้วัยรุ่นคนนั้นวิ่งไปที่หน้าโรงหนัง พวกเรารอมันอยู่ มันวิ่งกลับมาที่พวกเราอีกครั้ง "พวกมึงซ่านักเหรอ"

    มันดึงมีดออกมาจากด้านหลัง พุ่งตรงเข้าใส่ไอ้ตี๋เพื่อนผมอย่างที่ไม่ทันตั้งตัวเต็มหน้าอก พวกเราตะลึงมาก (เสียงดัง เก๊งๆ ๆ ๆ ) ผมมองลงไปยังพื้นถนน มีดหักครับ ไอ้คนแทงก็งง พวกผมก็งง พอเราตั้งสติได้ก็เลยไล่ รุมกระทืบมัน ตอนหลังไอ้ตี๋มันหนีลงไปใต้ มันได้วางพระไว้บนหลังตู้เย็นผมไปเจอเข้า คือเหรียญแตงโม เนื้อนวะ ผมจึงจำเหตุการณ์คืนนั้นได้ ไอ้ตี๋ห้อยพระองค์นี้อยู่ ซึ่งจริงแล้วมันเป็นคนที่ไม่ชอบห้อยพระ ผมจึงอาราธนาติดตัวและค้นค้าหาประวัติหลวงพ่อเกษม เขมโกเรื่อยมา

    สมัยนั้นมีนิตยสาร ศักดิ์สิทธิ์ ได้ลงประวัติของหลวงพ่อเกษมเรื่อยมา จนท่านละสังขาร วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๓๙ และหลังจากที่ผมห้อยเหรียญ หลวงพ่อเกษม ยังมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกกับผมมากๆ ทุกวันนี้ใครไม่เก็บหลวงพ่อเกษม ผมเก็บ และเก็บมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นเก่าใหม่ ผมเก็บ โดยเฉพาะ เหรียญแตงโม เหรียญแตงโมทองแดง บล็อกนิยมผมจะบอกให้ครับ ตรงด้านหน้าเหรียญหลวงพ่อปลายจีวรตรงกลางนะครับพิมพ์นิยม จะมี ก ตัวเล็กอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับบล็อกทองคำครับ ทั้งบ้านผมมีแต่หลวงพ่อเกษม เขมโก แม้กระทั่งรูปภาพ มีเวลาผมจะนำรูปถ่ายวัตถุมงคลที่ผมมีมาให้ชมครับ และยังมีเรื่องให้ฟังอีกมาก ...

    นี่และครับ ที่ผมตั้งหัวเรื่อง ว่า พ่อ พ่อเกษม เขมโก ผมขอให้ท่านเป็นพ่อของผมเลยครับ ขอบคุณ
     
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย Bob deland เมื่อวันที่ ๒๗ ๐๔ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๔๗ #๙๓๔

    ผมจะขอเล่าประสบการณ์ต่อเลยนะครับ ไม่งั้นผมอึดอัดแย่ สังฆะ รูปัง วันทามิหัง กราบขอขมาหลวงพ่อด้วย

    หลังจากที่ผมได้ห้อยเหรียญแตงโม และได้เริ่มศึกษาหาประวัติของหลวงพ่อ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะหาได้ที่ไหน อยู่มาวันหนึ่ง ผมได้นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่บ้านกับเพื่อน ชื่อแก้ว ซึ่งแต่ก่อนจะมีเพื่อนมาหาทุกวัน ตอนนั้นเรียน ปวช.แล้ว ก่อนมีเพื่อนอีกคนหนึ่งมาร่วมวงสบทบอีกคน ชื่อเตี้ย (ปัจจุบันเพื่อนคนนี้ยังบวชไม่สึกอยู่ที่ชัยภูมิ) ได้ชักชวนไปกับเพื่อนอีกคนที่สาทร (ชื่อแดง ปัจจุบันได้เสียชีวิตไปแล้ว) อยู่ที่ซอยโรงถ่านแถวสาทร วันนั้นไปถึงในซอยของเพื่อน คือพวกเพื่อนของแดงในซอยกำลังเตรียมรถบัสจะไปงานบวชของเพื่อนแดงที่อยุธยา ซึ่งพวกผมไม่รู้จักเพื่อนของแดง แต่ได้แนะนำให้รู้จักเป็นบางคนเท่านั้นไปกัน ๒ คันรถได้ ซึ่งมีคนเยอะมากเต็มรถ ทั้ง ๒ คัน (ผมขอแนะนำอีกครั้ง กลุ่มของผมเด็กราชวัตร จะมีเพื่อนที่รักกันมากอยู่ ๕ คนคือ ไอ้ตี๋ ไอ้แก้ว-เสียชีวิตแล้ว ไอ้เปา-เสียชีวิตแล้ว ไอ้พล และผม คือมึงยังไง กูยังงั้น )

    ตอนนั้นรถไปถึงที่วัด ผมจำชื่อวัดไม่ได้ในตอนเย็น เพื่อนชื่อแดงได้ชวนไปพักที่บ้านของน้องสาวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก เราจึงไปกันและได้ดื่มกันต่อ รอที่จะไปทำขวัญนาคกันที่วัด วันนั้นน้องสาวของแดงได้ทำกับข้าวให้พวกเราแกล้มเหล้า คือหนูผัดกะเพราแบบเผ็ด ๑ จาน และแบบหวาน ๑ จาน ผมเด็กกรุงเทพ บอกตรง ผมไม่เคยกินเลย เพื่อนๆ ก็คะยั้นคะยอให้กิน ก็เลยต้องกิน เดี๋ยวจะหาว่ารังเกียจ

    วันนั้นซัดกันจนเกลี้ยง ก็ได้เวลาที่จะไปวัดแล้ว เพื่อนๆ ก็ไปอาบน้ำกัน เป็นน้ำคลองครับ ผมอาบเป็นคนสุดท้าย เพราะผมว่ายนำไม่เป็น ระหว่างที่อาบน้ำ ผมจะอยู่แค่ริมๆ พอดำไปดำมาถูสบู่แล้วก็พบว่าเหรียญแตงโมหลวงพ่อเกษม เนื้อนวะ ได้หลุดหายไปเหลือแต่เชือกร่ม ผมตกใจ รีบดำหาพระหายังไงก็ไม่เจอ ผมร้องไห้โฮเลย

    เพื่อนก็บอก "ไอ้บ๊อบทำไมมึงอาบนานจังวะ"

    มันก็วิ่งมาดูเพราะพวกมันรู้ว่าผมว่ายนำไม่เป็น (๕ ๕ ๕) มันเห็นผมร้องไห้ ดำไปดำมา ตอนนั้นฟ้าเริ่มมืดแล้ว

    "พระกูหาย ฮือๆ ช่วยกูหาหน่อย"

    เพื่อนก็ลงมาช่วยงม "เฮ้ย! ไม่เจอหรอกว่ะ ไปกันเถอะ ได้ยินเสียงเพลงในงานแล้ว"

    ผมยังไม่หยุดร้อง ไอ้แก้วมันเข้าใจผมมากที่สุด พอไปถึงที่วัดก็มีคนเต็มไปหมด แล้วก็มีรำวงด้วยพวกผมก็ตรงไปที่มีรำวงทันที กินกันไปมา ผมก็ไปซื้อลูกชิ้น ในงานมาแกล้มเหล้า ก็มีสาว ๆ มาแซว ว่า "ขอกินลูกชิ้นด้วยซิ "

    ผมก็ยื่นให้

    "ขอหมดเลยนะ" (ผมค่อนข้างหน้าตาพอใช้นะ ๕๕) ไปมาเริ่มปิ๊งผมหล่ะซิ

    ผมมาทราบอีกทีจากเพื่อนชื่อแดงว่า เด็กในซอยกู ที่ผมติดรถมากับพวกเขา งานผ่านไปจนดึกเริ่มได้ที่ และแล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ระหว่างที่ผมถือแทมมารินอยู่นั้น ก็มีพวกวัยรุ่นประมาณ ๕ คนมาที่ผม

    "เฮ้ย! กูขอตีแทมมารินหน่อยเด่ะ"

    ผมไม่ให้มัน ตอนนั้นไอ้แก้วมันรู้แล้วว่ามีเรื่องแน่ มันก็คอยระวังอยู่แล้ว ๑ ในนั้นเข้ามายื้อแย่ง แทมมารินที่มือ ก็ได้มีการกระชากกันเกิดขึ้น อีกคนมาข้างหลัง มันกะโดดถีบผมเต็มที่เลย ไอ้แก้วแม่งชารต์ไอ้คนนั้นทันที ตอนนี้อะไรก็ไม่รู้ นัวกันทั้งงาน ไม่รู้ใครเป็นใครกันมั่ง ใครเข้ามาผมลุยเต็มที่ เราหันหลังชนกันเหมือนในหนังเลย

    ผม ๒ คน อยู่ในวงล้อมครับตอนนี้ ผมเลยบอก "แน่จริง วัดกันตัวๆ อย่าหมาหมู่"

    มีผู้ชายคนนึงท่าทางมีอายุแล้วเดินเข้ามา ตบผมอย่างแรง ผมพยามสู้และ ฮึดฮัด ก็มีพวกเข้ามาประกบผม (ทราบตอนหลังว่าเป็นเจ้าถิ่น ) แล้วพาผมไปในวง สอบถามเรื่องราว ผมก็ได้เราให้เค้าฟังว่า ผมอยู่กรุงเทพ ติดรถเพื่อนของเพื่อนมางานบวชที่อยุธยา ตอนนั้นเหลือผมกับไอ้แก้ว

    พวกเจ้าถิ่นบอกประทับใจ มึง ๒ คนมาก มึงจำหน้ามันได้ไหม ผมบอกจำได้ วันนั้น ผมเข้าไปเคลียร์กับไอ้แดง ถามหาคนที่มันเล่นงานผม จ้าวถิ่นอยู่ข้างหลังเพียบ หายังไงก็ไม่เจอทั้งวัด พวกเจ้าถิ่นอีกคน ขับมอเตอร์ไซด์มาพร้อมซ้อนประกบไอ้คนที่หาเรื่องผม ได้ที่ท่ารถ บขส. เห็นเสื้อผ้ามันขาดและมีรอยเลือดจึงพามันมา

    ใช่มันจริงๆ ด้วย

    ทันทีที่มันลงจากรถ มันยกมือไหว้ ผมไม่พูดพร่ำทำเพลง ใส่มันจนเดี้ยง เล่นเอาจนผมขาแพลง เดินเขยกเลย

    แล้วเราก็ไปกินต่อที่บ้านจ้าวถิ่นเดินสะพานข้ามคลองไป ผมก็ขึ้นไม่ไหว ไอ้แก้วมันให้ผมขี่หลัง กินกันยันเช้าก็ได้ยินเสียงแห่นาค เพราะข้ามคลองไป เดินไปอีกหน่อยก็เป็นวัด วันนั้นหลังจากกินกันจนบ่าย ๒ จึงขอตัวกลับกรุงเทพ ซึ่งพวกที่มารถบัสกลับไปกันหมดแล้ว พวกเจ้าถิ่นบอก ผมจำชื่อพี่แกไม่ได้ ระหว่างที่เดินข้ามสะพาน "เฮ้ย...! พวกมึง ๒ คน มีลูก กูขอตัวนึงนะโว้ย"

    วันนั้นผมกลับไปด้วยความอ่อนเพลีย โบกรถ บขส. ก็จอดไกลมาก ขาผมก็เจ็บ ไอ้แก้วมันวิ่งไปดักหน้ารถไม่ให้รถออก ผมก็กะเผลกมาขึ้นรถ คนก็แน่น ผมยืนไม่ไหวก็เลยขอเบียดเค้านั่ง ไอ้แก้ว มันดูแลผมตลอด พอกลับถึงบ้านเราแยกกัน

    ไปถึง แม่ก็บอก "มีเรื่องกันมาอีกแล้วซิ" (ช่วงไฮไลท์ )

    ผมร้องไห้บอกแม่ หลวงพ่อเกษมหายไปแล้ว และพูดขึ้นว่า "หากผมยังมีบุญขอให้ผมได้พระหลวงพ่อเกษมแบบนี้อีก พิมพ์นี้อีก" แล้วน้ำตาก็ไหล

    ผมหลับไปประมาณสักชั่วโมง ๑ ได้ ก็ได้ยินเสียง เรียก "ไอ้บ๊อบ บ๊อบ ๆ"

    ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นไอ้แก้วมันมา แล้วมันก็บอกว่า "เฮ้ยมึงแบมือสิ"

    ผมก็แบมือ มันกำมือแล้วปล่อยลงมาที่มือผม "กูให้มึง"

    พอผมเห็นเท่านั้นหละครับ ผมวางเหรียญลงที่พื้นแล้ว ก้มลงกราบที่เหรียญ ๓ ครั้ง เป็นเหรียญแตงโม หลวงพ่อเกษม ครับ สภาพสวยเป็นเหรียญทองแดงครับ

    "เฮ้ยมึงได้มาได้ไงวะ"

    "กูนั่งกินเหล้าอยู่ที่บ้าน มีลุงมาปล่อยกู กูให้แกไป ๕๐ แล้วก็รีบมาหามึงเนี่ย"

    (ตอนนั้นผมอึ้งเลยครับแล้วนึกถึงหลวงพ่อ ไม่นึกไม่ฝันว่า ทำไมผมได้มาตามที่อธิษฐานเร็วยิ่งนัก) ผมขอบใจเพื่อนเป็นอย่างมาก นี่ไงครับหลวงพ่อทำสิ่งที่อัศจรรย์ใจผมจริงๆ

    และอีกเรื่องหนึ่งนะครับที่เกิดขึ้น วันนั้นผมชอบเดินไปซื้อของแถวหลังกระทรวงในตอนมืดๆ (หน้าสนามหลวง) ก็จะมีของเก่าๆ ขายเต็มไปหมด

    ตอนนั้นสายตาผมเหลือบไปเห็นหนังสือพระเล่มหนึ่ง เป็นหลวงพ่อเกษมครับวางอยูบนทางเท้า อยู่หัวมุมร้าน คนเดินข้ามกันไปข้ามกันมา ผมจึงรีบวิ่งไปที่หนังสือหลวงพ่อเป็นหนังสือที่ออกโดย นิตยสาร "ศักดิ์สิทธิ์"

    เท่าไหร่ครับ ผมถามคนขาย

    ๕ บาทครับ

    ผมจ่ายเงินพร้อมทำความสะอาดที่ใบหน้าของหลวงพ่อทันทีเพราะมีฝุ่นเต็มไปหมดและผมก็ได้อ่านหนังสือนั้น

    ๒-๓ วันต่อมาหวยจะออก ผมก็เลยซื้อเลข ที่อยู่ในรูปของหลวงพ่อ ดังนี้ครับ เลขที่อยู่ในรูปของหลวงพ่อคือ ๒๘-๑๑-๙๓ ผมเลยซื้อเลข (๒๘๑) ๕๐ x ๕๐ บาท ผมทราบว่าเป็นวันเกิดของหลวงพ่อครับ ตอนนั้นผมขาดแคลนเรื่องเงินด้วย (ผมเลยขอกับหลวงพ่อครับ ช่วยผมด้วยตอนนี้ผมไม่มีเงินเลย หลวงพ่อช่วยผมด้วยนะครับ) งวดประจำวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๒ หวยออก ๖๖๙๒๘๑ ผมถูกตรงๆ เลยครับ ได้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ผมดีใจสุดๆ นึกถึงหลวงพ่อ...ขอบคุณครับ "พ่อ" วันนั้นผมกลับไป นำรูปหลวงพ่อที่ผมซื้อไปวันนั้นไปใส่กรอบ

    วันอาทิตย์พาแฟนไปนั่งกินข้าวต้ม มีคนขายลอตเตอรี่ เดินมา (ในหนังสือที่มีรูปหลวงพ่อเล่มนั้น มีราคา เป็นวงกลม สีเหลือง ตัวเลข สีแดง ๓๐ (ซึ่งเป็นราคาของหนังสือ ศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยนั้น) ผมจึงถามคนขายว่า มีเลข ๓๐ ไหม คนขายบอกมี ๔ ใบ ผมเลยซื้อหมด และแบ่งให้แฟน ๒ ใบ งวดวันที่ ๑๖ ธ.ค. ๒๕๔๒ ข้างล่างออก ๓๐ ไม่น่าเชื่อครับผมถูก ๒ ครั้งติด ผมและแฟนดีใจมาก บารมีหลวงพ่อมีจริง ทุกวันนี้ ทั้งครอบครัวรวมถึง ลูก ๆ ผมให้ห้อยหลวงพ่อกันทุกคน ยังมีเรื่องของหลวงพ่ออีกนะครับ ของจริงๆ ทั้งนั้น แค่นี้ก่อนเห็นว่ายาวมามากแล้ว และจะมาเล่าให้ฟังพร้อมถ่ายภาพมาให้ด้วย หลวงพ่อไม่ชอบให้ใครโม้เกี่ยวกับตัวท่าน แต่พ่อแน่นอนจริงๆ

    ด้วยความเคารพรักอย่างสูง

    Bob deland

    ๒๗-๔-๕๔
     
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย daychar เมื่อวันที่ ๑๘ ๐๖ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๕๓ #๑๐๔๙

    คัดลอกมาฝากครับ...

    มาบอกเล่าเรื่องราวของกระผมที่โดยได้สัมผัสของพระโพธิสัตว์เมืองกรุงเก่า

    และพระอริสงฆ์แห่งเมืองลำปางที่ท่านทั้งสองได้แสดงความคารวะในธรรมของแต่ละท่าน

    ครั้งหนึ่งที่ผมได้เดินทางไปเที่ยวเมืองลำปางเพื่อไปกราบพระธาตุลำปางหลวง

    ในครั้งนั้น ผมมีโอกาสได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์

    พอท่านหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษมเห็นหน้าท่านก็พูดว่า 'มาจากไหน'

    ตอบท่านว่ามาจากสิงห์บุรีครับหลวงปู่

    ท่านก็พูดว่า

    'มาจากสิงห์บุรีไปกราบขอพรหลวงพ่อดู่ แห่งเมืองกรุงเก่าหรือยังล่ะ'

    ผมก็เลยตอบท่านไปว่า

    'ยังไม่เคยไปครับหลวงปู่'

    ท่านเลยพูดว่า

    'ไปกราบท่านนะ ท่านเกิดชาตินี้ชาติสุดท้ายแล้วนะ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์นะลูก ไปกราบท่านนะลูก

    ลูกกราบท่านเหมือนลูกกราบอีก ๑ องค์ด้วยนะลูก กราบล่วงหน้า ๑ ชาติด้วยนะลูก'

    คนดูแลหลวงปู่ จึงถามว่า 'หมายความว่ายังไงขอรับหลวงปู่'

    ท่านก็ตอบว่า

    'ท่านก็คือพระศรีอริยเมตไตรยในชาติสุดท้ายก่อนที่จะมาตรัสรู้ไงล่ะลูก'

    ผมถึงกับขนลุกซู่เลยครับเมื่อได้ยินหลวงปู่เกษมพูดแบบนี้

    ก่อนจะลากลับ หลวงปู่ท่านเมตตามอบผ้าสังฆาฏิ

    เพื่อฝากให้ผมนำไปคารวะ (มอบให้) หลวงปู่ดู่

    แล้วท่านหลวงปู่เกษม ได้เมตตามอบพระเครื่องและพระบูชา ๙ นิ้ว มาให้ผมบูชาอีกเยอะเลย

    (โดยไม่ได้เช่าบูชาเลย แต่ก็ถวายปัจจัยให้หลวงปู่นะครับ)

    แล้วหลวงปู่เกษมท่านก็ให้ศีลให้พรแล้วก็ลากลับสิงห์บุรี

    จากบันทึกของคุณ songpol
     
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย อุตฺตโม เมื่อวันที่ ๒๗ ๐๖ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๕๔ #๑๐๗๕

    เหรียญรุ่นศาลากลาง..ถ้าจำไม่ผิดหลวงปู่มนต์ให้ ๕ วันครับ

    ด้านหลังเหรียญอักขระคือ "สัพเพชนา สุขิตาโหนตุ....เขมโกภิกขุ"

    เหรียญนี้มีคนคล้องคอองค์เดียวหลังจากพิธีมนต์ผ่านพ้นไปไม่นานหลายวัน นั่งรถยนต์ไปบนถนนสายเอเซีย สายนครสวรรค์-สิงห์บุรี ผ่านไปที่ตำบลหาดอาษา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท รถยนต์ที่นั่งไปไปชนกับรถยนต์อีกคันหนึ่ง

    รถยนต์ทั้ง ๒ คัน ที่ชนกันมีคนที่คล้องเหรียญนี้รอดตายเพียงคนเดียว แบบมีเพียงรอยช้ำที่แขนเล็กน้อย นอกนั้นตายหมด

    ที่ทราบเพราะ ตอนนั้นคุณพ่อผมเป็นตำรวจไปร่วมพลิกศพกับผู้บังคับบัญชา อุบัติเหตุรายนี้ และได้รู้จักว่าคนที่คล้องเหรียญนี้ มาจากลำปาง และเชื่อว่ารอดตายเพราะเหรียญนี้ เขาเอามาให้คุณพ่อผมและตำรวจที่ไปด้วยดู

    หลังจากนั้นตำรวจของสภ.อ.สรรพยา จำนวนหนึ่งรวมทั้งคุณพ่อผมก็ไปบูชาเหรียญนี้ที่ลำปาง

    ผมจึงเห็นเหรียญนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ยังเป็นเด็กชายอุตฺตโมอยู่เลยครับ.
     
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย riderman1 เมื่อวันที่ ๑๐ ๐๗ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๕๖ #๑๑๑๖

    เห็นมีแต่คนบอกว่า เหรียญของหลวงปู่เกษม ต้องตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ ขึ้นไป แต่ผมกลับมีประสบการณ์กับเหรียญรุ่นปี ๒๕๓๕ (เหรียญรุ่นบารมี ๘๑) ซึ่งได้ความทีหลังว่า พล.ต.ท.ชุมพล อัตถศาสตร์ ซึ่งเป็น รอง อตร. (ในสมัยนั้น) ทำแจกตำรวจที่ภาคเหนือ โดยนำไปให้ ลป.เกษม ปลุกเสกให้ และเพื่อนผมก็นำมาให้ผมอีกทีหนึ่ง และผมก็ห้อยเพียงองค์เดียว เพราะสร้อยมันแขวนได้องค์เดียว

    วันนั้นผมไปดื่มสุรากับเพื่อนจนเมา แล้วขับรถมอเตอร์ไซค์กลับ ผมกลับรถที่เกาะกลางถนน แล้วไปโดนรถตู้ชนท้ายแบบจัดให้เต็มๆ เสียงเบรกได้ยินสนั่นเลยครับ เอี๊ยด......ตูม

    รถมอเตอร์ไซค์กระเด็นไปทาง ผมกระเด็นไปทาง ตอนนั้นประมาณตีสี่ มีคนกวาดถนนวิ่งเข้ามาเอา ตี...น เขี่ยที่ตัวผม คงนึกว่าผมตายแล้วมั้ง เพราะมอเตอร์ไซค์มันพังยับยู่ยี่

    ผมลุกขึ้นมาถามคนกวาดถนนว่า เฮ้ย! มึ..ง เอา ตี..น มาเขี่ยกรู ทำไม

    คนกวาดถนนตกใจมากครับ เขาบอกผมว่า กระเด็นมาตั้งเกือบเสาไฟฟ้า นึกว่าตายซะแล้วอีก ถามผมว่า ผมห้อยพระอะไร

    ผมก็เลยเอาให้ดู

    คนกวาดถนนบอกว่า อ๋อ ห้อยหลวงปู่เกษมนี่เอง เดี๋ยวต้องไปหาเช่ามาบ้างแล้ว

    ตั้งแต่นั้นมาผมก็หามาเพิ่มเรื่อย ๆ ครับ แต่องค์ที่ห้อยตอนนั้นยังอยู่เลยครับ ไว้เดี๋ยวค้นเจอจะนำมาให้ดูครับ
     
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย aex เมื่อวันที่ ๒๗ ๐๘ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๖๒ #๑๒๒๑

    ขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวสักเรื่องนะครับ

    เมื่อราวๆ ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ผมเริ่มสะสมพระเครื่องพอดี ผมตามอ่านบทความของพี่หนุ่มเมืองแกลงในหัวข้อ "แนะนำพระดี ที่แขวนแล้วรวย ชีวิตก้าวหน้า" (ได้กล่าวถึงพระของหลวงพ่อเกษม ไว้ดังนี้)

    "พระของหลวงพ่อเกษม ลำปาง รุ่นห้ารอบ ชุดมงคลเกษมและเหรียญที่สร้างก่อนปี ๑๘ เป็นที่ยอมรับกันว่าพระของท่านมีบารมีเหลือล้น แม้แต่เซียนรุ่นเก่าๆ ที่แขวนแต่พระกรุ ยังต้องมีติดไว้สักองค์ โดยเฉพาะรุ่นห้ารอบที่ท่านการันตีว่า หากใช้ไม่ดี ให้เอามาคืน ผมแนะนำว่าดีจริงๆ "

    ผมก็เสาะแสวงหาพระของ หลวงพ่อมาเรื่อยๆ แล้วก็เก็บพระอื่น ตามในรายการของพี่หนุ่มเมืองแกลง เพราะผมก็อยากมีความก้าวหน้าใน ชีวิต และการงาน จนมีอยู่วันนึง ผมจึงได้มา แต่ไม่ใช่รุ่นห้ารอบกลมนะครับ ตอนนั้นเก็บพระใหม่ๆ เงินทองไม่ค่อยมี ๒ องค์แรกที่ได้มาคือ ปรกรุ่นแรก กับ เหรียญอุ้มบาตร ๕ รอบ ในใจก็อยากลอง เลยนิมนต์ปรกของหลวงพ่อขึ้นแขวนเดี่ยวเลย

    ตอนนั้นผมทำงานอยู่ที่ร้านอาหารไทยเล็กๆ ในญี่ปุ่น ลองแขวนมาสองสามวัน ก็ไม่เห็นมีอะไร พอเข้าวันที่ ๔ วันนั้นลูกค้ายุ่งมาก ผมก็จำเป็นต้องเข้าไปช่วยพี่กุ๊ก เค้าเตรียมอาหาร ในใจไม่ได้คิดอะไรตอนนั้น พี่กุ๊กเค้าบอกว่าช่วยหั่นผักบุ้งให้หน่อยจะทำผักบุ้งไฟแดง มองหามีดในครัวไม่เห็นเลยถามพี่เค้าไปว่า พี่มีดอยู่ไหนครับ พี่เค้าก็ตะโกนบอกว่า มีดอยู่ในตู้ระวังหน่อยนะมีดหั่นซูชิ (บาง และคมมาก) ผมก็ควานหามีดในตู้ เจอมีดเล่มนั้นจริงๆ อยู่ในซอง ซองทำมาจากกระดาษลูกฟูกลังที่เป็นสีน้ำตาลเปื่อยๆ

    พอดีลูกค้าตะโกนเรียก ผมเลยวิ่งออกไปกดเบียร์ให้ลูกค้า มีดกับผักบุ้งก็ยังวางอยู่ พอกดเสร็จผมก็วิ่งกลับมาในครัว ด้วยความที่รีบและไม่รอบคอบของผม กระดาษลังที่ทำซองมีดนั้นเปื่อยมาก (เพราะพี่เค้าใช้แล่เนื้อ แล้วล้างเก็บเข้าซองเลย ไม่ได้เช็ดให้แห้งก่อน) ด้วยความไม่ระวังของผม ไม่ได้มองที่มีดเลย มือซ้ายจับที่ซองมีดมือขวาจับที่ด้ามมีดแล้วออกแรงกระชากออกจากซอง ครั้งแรกไม่ออก ผมก็ใช้แรงกระชากอีกรอบเป็นรอบที่สอง ไม่ออกอีก ด้วยความโมโหของผม (คิดในใจ คนยิ่งรีบๆ อยู่ทำไมไม่ออกว่ะ) เลยรวมแรงกระชากอีกรอบ ตาก็เหลือบมองไปที่มีดเห็นคมมีดโพล่ออกมาจากกระดาษนิ้วผมกำคมมีดอยู่ แต่มันสายไปซะแล้ว มีดอยู่ที่มือขวา ส่วนมือซ้ายก็กำซองมีดเจ้ากรรมนั้นแน่นเลย ผมก็ร้องโอ้ยด้วยความเจ็บดังมากจนลูกค้าหันมามองทั้งร้าน

    พี่กุ๊กก็ทิ้งกระบวยผัดอาหารรีบวิ่งมาทางผม "โดนอะไรอะ พี่ว่าจะเตือนเราแล้วเรื่องซองมีด" ผมก็ใจหายวาบเลยหน้าซีด มองไปที่นิ้วตัวเองนึกในใจ ไม่ขาดก็คงแผลลึกแน่เลย แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจนั่นคือ ไม่มีเลือดไม่มีแผล เลยอุทานกับพี่กุ๊กไปว่า "เฮ้ย ทำไมเจ็บแต่ไม่มีแผลวะ" พี่กุ๊กแกรีบเอานิ้วผมขึ้นไปดู แล้วบอกว่า "แขวนพระอะไรนี่ ขอดูหน่อยหลวงพ่ออะไรท่านแน่จริงๆ" ผมก็บอกไปหลวงพ่อเกษมครับ หลังจากนั้นด้วยความไม่มั่นใจ เลยเอามือ ลงไปล้างในอ่างพร้อมทั้งใส่น้ำยาฆ่าเชื้อลงไปด้วย คิดว่าถ้ามีแผล คงต้องแสบกันบ้าง ไม่มีอาการแสบเลย

    คงเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อช่วยผมไว้แน่เลย ไม่งั้นคงมีด้วนกันไปสักนิ้วสองนิ้วแล้ว หลังจากนั้น ผมก็แขวนท่านไว้ไม่เคยห่างตัวเลยครับ

    ออกตัวซักนิดนึงผมไม่ใช่เซียนพระ หรือคนเชียร์พระ แค่อยากแบ่งปันประสบการณ์ให้ศิษย์ ผู้นับถือหลวงพ่อเกษม เขมโก ได้รับฟังครับ
     
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,124
    ค่าพลัง:
    +53,094
    โพสต์โดย sitcrubha2520 เมื่อวันที่ ๑๕ ๐๙ ๒๐๑๑ อยู่ในกระทู้หน้าที่ ๖๔ #๑๒๗๔

    ผมเป็นคนจังหวัดลำปางครับ แต่มาทำงานอยู่จังหวัดระยองเกือบ ๑๔ ปีแล้วครับ แต่ก็กลับบ้านที่ลำปางบ่อยเหมือนกันครับ

    วันนี้ผมมีเรื่องราวประสบการณ์ที่เกี่ยวกับวัตถุมงคลของหลวงพ่อเกษม รุ่นพระผงไตรมาส ปี ๒๕๑๘ ครับ เหตุการณ์นี้เกิดกับลุงของผมเอง เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาคือ

    ผมได้เลี่ยมพระผงไตรมาสให้ลุงผม อาราธนาแขวนติดตัว วันดังกล่าวคุณลุงของผมท่านปีนต้นลำไยเพื่อเก็บขาย แต่แล้วเท้าที่ยืนบนกิ่งลำไยก็เหยียบพลาดตกลงจากต้นลำไยความสูงประมาณ ๔-๕ เมตร และตกลงใส่รั้วลวดหนามขาดลงด้วยแรงกระแทก ความสูงขนาดนี้ แล้วตกอย่างนี้จะต้องมีเลือดตกยางออกบ้าง แต่ไม่เลยครับ ไม่มีแม้เลือดสักหยดครับ แม้แต่เจ็บตรงไหนก็ไม่มีครับ บารมีของหลวงพ่อคุ้มครองลูกหลานจริงๆ ครับ พฤศจิกายนที่จะถึงนี้เชิญร่วมทำบุญวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อครับ วันที่ ๒๘ ที่สุสานไตรลักษณ์ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...