อธิบาย12ข้อห้ามในงานศพของชาวบ้านรายหนึ่ง

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย พญายา, 24 กรกฎาคม 2014.

  1. พญายา

    พญายา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,265
    ค่าพลัง:
    +8,171
    [​IMG]สิบสองข้อห้ามที่ชาวบ้านรายหนึ่งได้ขอร้อง ให้ลูกหลานช่วยจัดการให้ตามที่ตนเองเขียนไว้ตั้งแต่พ.ศ.2534 เมื่อตนเองจบชีวิตลง แต่เมื่อถึงวันนั้นจริงๆจะทำตามที่ผู้เขียนต้องการนั้นได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จขกท.จะขออธิบายไว้ ในกระทู้นี้ ตามความเข้าใจส่วนตัวที่ได้พบเจอมา หากท่านผู้อ่านยังไม่กระจ่างในข้อใด ก็ขอเชิญสอบถามจากผู้รู้ท่านอื่นๆต่อไปได้
    ข้อแรก ผู้ตายต้องการให้เอาศพไว้คืนเดียว เพื่อต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และไม่ให้คนที่อยู่ทางไกลเร่งรีบมา เพราะจะลำบากหลายๆอย่างได้
    เมื่อผู้ตายได้เสียชีวิตลงแล้วทางเจ้าภาพงานศพเห็นว่าข้อนี้ ทำตามที่ผู้ตายต้องการไม่ได้ เพราะ ฐานะทางบ้านดีกว่าเมื่อครั้งอดีต ลูก หลานก็มีหลายคน ที่อยู่ทางไกล และสามารถเดินทางมาร่วมงานได้สะดวกกว่าเมื่อครั้งอดีต โดยคตินิยมทั่วไปแถบนี้จะเอาศพไว้ที่บ้าน 2 คืน บ่ายวันที่ 3 ก็เอาศพมาเผาที่วัดหรือป่าช้า
    ข้อที่สอง ห้ามซื้อสุรามาเลี้ยงกัน เพราะเสียเงินไปปล่าวๆและเกิดเหตุวิวาทกันได้
    ข้อนี้ทางเจ้าภาพงานศพสามารถทำตามได้ ไม่มีปัญหา
    ข้อที่สาม ห้ามเล่นการพนัน เพราะรบกวนการพักผ่อนของทางเจ้าภาพ และดูไม่เหมาะสม (เคยมีบางงานเล่นการพนันเป็นเพื่อนศพ ตื่นเช้าของมีค่าภายในบ้านเจ้าภาพสูญหายไป)
    ข้อนี้ทางเจ้าภาพก็สามารถทำตามได้
    ข้อที่สี่ ให้นิมนต์พระสงฆ์เพียงวัดเดียวนั้น เพราะต้องการความสะดวกและประหยัด
    แต่ในสภาพปัจจุบันทางเจ้าภาพทำตามข้อนี้ไม่ได้ เพราะต้องนิมนต์ วัดอื่นๆมาร่วมงานด้วย มีกิจกรรมในงานเผาศพหลายอย่าง เช่นการมอบเงินบริจาคให้กับทางวัดต่างๆในตัวอำเภอ
    [​IMG]
    ข้อที่ห้า
    ห้ามบวชเณรหน้าไฟและจูงศพ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ถ้าไม่มีเด็กที่บวชเณรก็ต้องเที่ยวหาตัวแทนตามวัดอื่นๆอีก
    ข้อนี้ทางเจ้าภาพสามารถทำตามได้ เพราะเณรที่บวชหน้าไฟ บวชแค่วันเดียว ก็สึกแล้ว บางคนก็ท่องจำศีล10ก็ไม่ได้ ทำผิดศีลก็มี
    [​IMG][​IMG]
    ข้อที่หก
    ห้ามนิมนต์พระสงฆ์สวดหัสนัย นำหน้าขบวนศพ เพราะสวดไปก็ไม่มีใครฟังรู้เรื่อง เสียเวลา พระสงฆ์ก็ร้อนผ้าเปียกเหงื่อไคร ไปเปล่าๆ(ส่วนใหญ่จะนิมนต์ระดับเจ้าอาวาสและองค์รองมาสวดหัสนัย) การสวดหัสนัยก็คือสวดอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ เวียนไปมาจนถึงที่เผาศพ เปิดหนังสือพระอภิธรรมไว้ด้วย
    ข้อนี้ทางเจ้าภาพก็สามารถทำตามได้ ให้พระสงฆ์ทั้งหมดไปรอที่ศาลาในวัด ในสมัยก่อนจะใช้การหามซึ่งลำบากมากกว่าในสมัยนี้
    ข้อที่เจ็ด ผู้ทอดผ้าบังสุกุลคือลูกหลานของตนเอง อาจจะมีบางงานที่เคยมีเจ้าภาพ มอบหมายให้คนอื่นๆได้มาวางผ้า ก็จะทำให้เสียเวลาไปอีก คนอื่นๆคอยวางดอกไม้จันทน์เวลาจะเผาศพก็พอ
    ข้อนี้ทางเจ้าภาพก็สามารถทำตามได้ เพราะลูกหลานก็มีหลายคน
    ข้อที่แปด ห้ามแจกบัตรเชิญ เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองและเสียเวลาเดินทางแจกการ์ด
    ข้อนี้ทางเจ้าภาพก็สามารถทำตามได้เพราะ ลูกหลาน เครือญาติ มิตร สหาย และมีผู้มาร่วมงานจำนวนมากโดยไม่ต้องแจกการ์ด
    [​IMG]
    ข้อที่เก้า
    ห้ามจุดพลุหรือประทัด เพราะสิ้นเปลือง เกิตอันตราย และอาจจะเป็นบาป เพราะเคยมีบางงานจุดพลุเท่าอายุ เสียงดังต่อเนื่องมากๆ สัตว์เลี้ยงต่างๆแตก ตื่น คนป่วย คนชรา ใกล้วัดที่เผาศพ ตกอกตกใจ ต่างพากันสาบแช่งผู้จุดพลุ
    ข้อนี้ทางเจ้าภาพก็สามารถทำตามได้
    ข้อที่สิบ ห้ามอ่านประวัติ เพื่อไม่ให้เสียเวลา
    ข้อนี้ทางเจ้าภาพก็สามารถทำตามได้ แต่ในช่วงก่อนที่จะยืนไว้อาลัย พิธีกรในงานก็กล่าวประวัติเล็กน้อยแบบเกริ่นๆให้แขกเหรื่อที่มาได้ทราบ ผู้ตายเกิดปีไหน ทำอาชีพอะไร แต่งงานกับใคร มีลูกกี่คน เสียชีวิตลงด้วยเหตุใด ผลงานที่สำคัญของผู้ตาย แบบนี้เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2014
  2. พญายา

    พญายา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,265
    ค่าพลัง:
    +8,171
    [​IMG]
    ข้อที่สิบเอ็ด ไม่ต้องหว่านกัลปพฤกษ์ เพราะผู้คนจะยื้อแย่งกันไม่น่าดู
    ข้อนี้ทางเจ้าภาพไม่หว่านแต่เอากัลปพฤกษ์ที่ทำมา เพื่อแจกฟรี เอาวางรวมไว้ในพานของดอกไม้จันทน์แทน
    [​IMG]
    [​IMG][​IMG]ปัจจุบันต้องมีใบร้อยที่ชายผ้าที่นำมาทำธงสี่ทิศ
    ข้อสิบสอง
    ไม่ต้องปักธงแผ่นผ้า ธงแผ่นผ้าสี่ทิศนั้น มักจะใช้ผ้าไหมหรือผ้าด้ายดิบทำเป็นธง จะมีคนแบบอนาถาคอยเฝ้าเสาธงเพื่อเก็บเอาเงินในหลุมธงมาเป็นของตนเอง ส่วนผ้าที่ทำเป็นธงก็เอาไปถวายพระสงฆ์จำนวนสี่วัด วัดละหนึ่งผืน ข้อสุดท้ายนี้ผู้ตายเกรงจะเสียเวลาจึงไม่อยากให้ทำ
    แต่ข้อนี้ทางเจ้าภาพก็ไม่สามารถทำตามได้ เพราะนิยมทำตามกันมานานแล้ว และมีผู้มาช่วยทำธงอยู่แล้ว เพียงแต่เจ้าภาพมอบเงินไว้ใส่ในหลุมที่เอากระบอกไม้ฝังไว้ในดินก่อน มีกรวยดอกไม้ธูปเทียนใส่ลงไว้ด้วย และเอาหินทับเสาธงไม้ไผ่ไว้ไม่ให้ถอนขณะทำพิธีศพ หลุมละยี่สิบบาท หรือร้อยบาท ก็แล้วแต่กำลังของเจ้าภาพ จะไม่ใส่เงินลงไปสักบาทก็ได้ สมัยใหม่เอาเสาธงผูกไว้กับอะไรก็ได้ เพราะเป็นพื้นปูน
    บางคนก็มองว่าเป็นคติธรรมที่แฝงอยู่ หมายถึงเทวทูตสี่กำลังมารับวิญญาณไปตัดสิน หากคนตายทำความดีมากก็ส่งให้ไปสู่สวรรค์
    [​IMG]
    สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2014
  3. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    บางข้อดีจังตรงใจเราเป๊ะเลย
     
  4. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    เราก็ชอบนะ สงบดีไม่วุ่นวาย ข้อ 1 ห้ามเล่นการพนัน งานศพแค่คืนเดียว ไม่มีใครเล่นหรอกคะ ไม่มีเวลาเล่น คงชุลมุนไปหมด ข้อ 11 12 ไม่รู้คืออะไรไม่เข้าใจ อาจจะประสพการณ์น้อย พี่น้องก็มีเสียนะ แต่ก็ไม่เห็นมีแบบนี้เลย ขนาดอธิบายแล้ว ยังงงๆเลย เจ้าของที่เขียนข้อห้ามต่างๆในงานศพของเค้า คงเป็นคนรักสงบ ไม่ติดอะไรบนโลกนี้มากมาย สาธุคะ
     
  5. wondam

    wondam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +488
    ห้ามสุรายาเมาทุกชนิด ..กดไลค์
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    กรณีนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะจิตสุดท้ายของผู้ที่จะเสียชีวิตรายนี้ด้วยครับ.
    ว่าจะยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่ตนเองได้สั่งเสียไว้ก่อนตายหรือไม่..
    ถ้าหากว่าวาระสุดท้ายก่อนตายมาถึงแล้วไม่ได้คิดเรื่องที่สั่งเสียไว้
    ว่าจะทำหรือไม่ทำก็ได้คงไม่มีปัญหาอะไรครับ.
    .ก็จะเปลี่ยนภพภูมิไปตามแรงบุญหรือแรงกรรม
    ที่ตนได้ทำมา..
    แต่ถ้าหากวาระสุดท้ายก่อนเสียชีวิตแล้วยัง
    มาย้ำมาเน้นสั่งเสียไว้อีก..ณ ปัจจุบันนี้โอกาสที่ดวงจิตยัง
    วนเวียนไม่ไปไหนก็จะสูงครับ..เพราะมัวแต่ห่วง.และความห่วง
    ตรงนี้มันจะมาปิดกะแสบุญต่างๆที่ใครๆได้ทำให้
    เพราะจิตมันจะไม่เปิดรับเรื่องบุญต่างๆเหล่านี้
    เพราะว่าความห่วงมันปิดบังอยู่.และจะส่งผลให้ลดทอน
    กำลังบุญเดิมที่เคยสร้างมาอดีตได้อีกด้วย

    ..และถ้าหากว่าพอมีแรงบุญเดิมที่มากจริงๆ
    จนพอที่เบียดความห่วงตัวนี้ออกจากจิตได้บ้าง..
    แทนที่จะได้เลื่อนไประดับภพภูมิที่สูงๆ....
    ก็จะต้องกลายเป็นวิญญานบรรพบุรุษวนเวียน
    อยู่แถวๆนั้นและมีโอกาสที่ลูกหลานจะได้เห็นแต่เห็น
    ในลักษณะของการถวงถามเรื่องที่ฝากไว้ก่อนเสียชีวิตครับ..
    และถ้าหากว่าแรงบาปมากกว่าแรงบุญโอกาสที่จะดวงจิต
    จะเปลี่ยนไปสัตว์เดรัชฉานและอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นก็สูงครับ.
    พอสิ้นจากอายุไขสัตว์ดวงจิตก็จะดิ่งลงข้างล่างในลำดับต่อมา.
    ยกเว้นว่าจะเป็นระดับที่แรงบุญถึงขั้นที่จะไม่ต้องกลับมาเกิดได้
    ถ้ายังมีความห่วงก็ยังจะต้องเกิดเป็นสัตวเดรัชฉานวงจรชีวิต
    สั้นก่อนถึงจะหลุดพ้นไปได้เลยโดยไม่ต้องลงข้างล่าง
    แต่กรณีสุดท้ายเนี่ยสามารถนับจำนวนคนได้ครับ..
    ส่วนตัวมีความเห็นว่า..
    ถ้ารู้ว่าจะต้องเสียชีวิต ควรตัดทุกๆเรื่อง
    ทางโลกออกให้หมด.ไม่ควรทำอย่างนี้ เพราะหากยึดติดแล้ว
    จะเป็นตัวปิดกันดวงจิตหลังที่ออกจากร่างกายแล้วอย่างที่คาด
    ไม่ถึง..และควรนึกถึงแต่ความดีที่ตนได้ทำมาให้เยอะๆ
    นึกถึงพระให้ออก..ไม่งั้นก็จะเป็นอย่างกรณีแบบนี้ได้
    อย่างที่เราอาจจะคาดไม่ถึงครับ
    .
    .
     
  7. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,331
    ถ้าเราตาย อย่างหนึ่งที่ไม่อยากให้มีคือการฆ่าสัตว์เอามาทำอาหารเลี้ยงในงาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...