แฉความลับ (ทหารปฏิรูปประเทศไทย)

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย เกตุวดี, 15 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 23 ก.ค.57 เผย..ปมสงครามโลกครั้งที่ 1 ศูนย์กลางสู้รบคือยุโรป (ตอน 1 จุดเริ่ม)

    การที่เราจะรู้อนาคตได้ เราต้องศึกษาประวัติศาสตร์ คนไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ คือ คนที่ตาบอด และจะไม่มีวันปรับตัวรองรับกับอนาคตได้ การจะรู้ว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดเมื่อไร และประเทศไทย คนไทยจะต้องปรับตัว เตรียมพร้อมอะไรบ้าง จึงต้องเรียนรู้ว่าจุดเริ่มสงครามโลกนั้น มันมีสัญญาณบอกอย่างไร

    สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หรือ "มหาสงคราม” เป็นสงครามใหญ่ที่มีศูนย์กลาง “ในยุโรป” เกิดขึ้นยาวนานราว 4 ปี 3 เดือน ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1914 ถึง 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ทุกประเทศมหาอำนาจของโลก เกี่ยวพันในสงคราม ซึ่งแบ่งออกเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร (มี อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย) และฝ่ายมหาอำนาจกลาง (มี เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และ อิตาลี)

    พันธมิตรทั้งสองฝ่าย มีการจัดระเบียบใหม่ และขยายตัว เมื่อมีชาติเข้าสู่สงครามมากขึ้น ท้ายสุด มีทหารกว่า 70 ล้านนาย ซึ่งเป็นทหารยุโรปราว 60 ล้านนาย ถูกระดมเข้าสู่สงครามใหญ่ที่สุดสงครามหนึ่งในประวัติศาสตร์นี้

    ค.ศ. 1815 ชาติพันธมิตรเหล่านี้ถือกำเนิดขึ้น ระหว่างปรัสเซีย รัสเซีย และออสเตรีย ช่วงนั้นชาติมหาอำนาจยุโรป ประสบปัญหากับการรักษาไว้ซึ่งสมดุลของอำนาจทั่วทวีปยุโรป ซึ่งเป็นผลมาจากเครือข่ายพันธมิตรทางการเมือง และการทหารอันซับซ้อนทั่วทั้งทวีป

    ค.ศ. 1870 ความขัดแย้งในยุโรปเบี่ยงเบนไป ส่วนใหญ่ผ่านเครือข่ายสนธิสัญญาที่มีการวางแผนไว้อย่างระมัดระวัง ระหว่างจักรวรรดิเยอรมัน กับ ประเทศที่เหลือในยุโรป เยอรมันเน้นการทำงานเพื่อยึดรัสเซียให้อยู่ฝ่ายเดียวกับตน เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามทั้งสองแนวรบ คือ ฝรั่งเศส และ รัสเซีย อำนาจทางอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของเยอรมนี เติบโตขึ้นอย่างมากหลังการรวมชาติ และการสถาปนาจักรวรรดิ

    ค.ศ. 1873 นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เจรจาตั้งสันนิบาตสามจักรพรรดิ ระหว่างพระมหากษัตริย์ของออสเตรีย-ฮังการี รัสเซีย และเยอรมนี ความตกลงดังกล่าวล้มเหลว เพราะออสเตรีย-ฮังการี และรัสเซีย ไม่สามารถตกลงกันได้ในนโยบาย เหนือคาบสมุทรบอลข่าน

    ค.ศ. 1879 เยอรมนี และ ออสเตรีย-ฮังการี จัดตั้งพันธมิตรกันสองประเทศ เรียกว่า ทวิพันธมิตร เพื่อตอบโต้อิทธิพลของรัสเซีย ในคาบสมุทรบอลข่าน เมื่อจักรวรรดิออตโตมันอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ใน ค.ศ. 1882 พันธมิตรนี้ขยายรวมไปถึง อิตาลี และ เกิดเป็นไตรพันธมิตรขึ้น

    ค.ศ. 1890 มีการลงนามจัดตั้งพันธมิตร ฝรั่งเศส-รัสเซีย เพื่อตอบโต้อำนาจของไตรพันธมิตร ( เยอรมนี และ ออสเตรีย-ฮังการี อิตาลี ) ช่วงนั้นทางรัฐบาลเยอรมัน จัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างกองทัพเรือจักรวรรดิเยอรมันขนานใหญ่ เพื่อแข่งขันกับกองทัพเรืออังกฤษเพื่อชิงความเป็นเจ้านาวิกโลก ทั้งสองชาติต่างพยายามแข่งขันผลิตเรือรบขนาดใหญ่ระหว่างกัน

    ค.ศ. 1902 ตอนต้นของสงคราม อิตาลีปฏิเสธที่จะส่งทำเข้าร่วมรบ กับ ฝ่ายมหาอำนาจกลาง แต่จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี กลับเป็นผู้เปิดฉากสงครามก่อนเสียเอง และเริ่มเจรจาเพื่อพยายามจะให้อิตาลีวางตัวเป็นกลางในสงคราม โดยเสนออาณานิคมตูนิเซีย ของฝรั่งเศสให้เป็นการตอบแทน ซึ่งทางฝ่ายสัมพันธมิตร ก็ยื่นข้อเสนอซ้อน โดยสัญญาว่าจะยกไทรอลใต้ จูเลียนมาร์ช และดินแดนบนชายฝั่งดัลมาเทีย ให้อิตาลี ข้อเสนอดังกล่าวทำให้อิตาลีตกลง

    ค.ศ. 1904 สหราชอาณาจักร ลงนามเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสก่อน อีก 3 ปีถัดมา ได้ลงนาม ในอนุสัญญา อังกฤษ-รัสเซีย ประสานความตกลงทวิภาคี และ ก่อตั้งไตรภาคี ดุลอำนาจกับฝ่ายเยอรมัน

    ค.ศ. 1906 จักรวรรดิอังกฤษได้ขยายความได้เปรียบ เหนือคู่แข่งเยอรมนีอย่างมาก การแข่งขันอาวุธระหว่างอังกฤษ และ เยอรมนี ได้ลุกลามไปยังส่วนที่เหลือของยุโรปในที่สุด โดยประเทศมหาอำนาจทั้งหมด ทุ่มเทฐานอุตสาหกรรมของตน ในการผลิตยุทโธปกรณ์และอาวุธที่จำเป็นสำหรับความขัดแย้งทั่วทวีปยุโรป ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการทหารของประเทศในยุโรปเพิ่มขึ้น 50 %

    ค.ศ. 1908-1909 ออสเตรีย-ฮังการี จุดชนวนเร่งให้เกิดวิกฤตการณ์บอสเนีย โดยการผนวกบอสเนีย และ เฮอร์เซโกวีนา ซึ่งเป็นอดีตดินแดนของจักรวรรดิออตโตมัน อย่างเป็นทางการ หลังได้ยึดครองมานาน สร้างความโกรธแค้นแก่ราชอาณาจักรเซอร์เบีย และประเทศผู้ให้การสนับสนุน คือ จักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งมีแนวคิดรวมชาติสลาฟ

    ค.ศ. 1912 - 1913 เกิดสงครามบอลข่านครั้งที่หนึ่ง เป็นการสู้รบกันระหว่างสันนิบาตบอลข่านและจักรวรรดิออตโตมันที่เสื่อมอำนาจลง เกิดการสถาปนาอัลเบเนีย เป็นรัฐเอกราช ขณะที่เพิ่มดินแดนให้แก่บัลแกเรีย เซอร์เบีย มอนเตเนโกร และกรีซ

    ค.ศ. 1913 บัลแกเรีย โจมตีเซอร์เบีย และกรีซ ส่งผลให้บัลแกเรีย เสียดินแดนมาซิโดเนีย ส่วนใหญ่ให้แก่เซอร์เบีย และ กรีซ และในสงครามบอลข่านครั้งที่สองนาน 33 วัน บัลแกเรียก็เสียดินแดนเซาเทิร์นดอบรูจา ให้แก่โรมาเนีย ทำให้ยิ่งบั่นทอนเสถียรภาพในยุโรปขึ้นไปอีก

    ค.ศ. 1914 นักศึกษาชาวบอสเนียเซิร์บ และสมาชิกบอสเนียหนุ่ม ลอบปลงพระชนม์รัชทายาทแห่งออสเตรีย-ฮังการี ในซาราเยโว บอสเนีย เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินกลยุทธ์ทางการทูตระหว่าง ออสเตรีย-ฮังการี เยอรมนี รัสเซีย ฝรั่งเศส และอังกฤษ

    โดยต้องการยุติการเข้าแทรกแซง ของเซอร์เบียในบอสเนีย ออสเตรีย-ฮังการี จึงยื่นคำขาดแก่เซอร์เบีย 10 ประการ ซึ่งมีเจตนาทำให้ยอมรับไม่ได้ และเจตนาจุดชนวนสงครามกับ เซอร์เบีย ดังนั้นเมื่อเซอร์เบีย ยอมตกลงในข้อเรียกร้องเพียง 8 ใน 10 ข้อ ออสเตรีย-ฮังการี จึงเป็นข้ออ้างประกาศสงครามเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1914

    จักรวรรดิรัสเซีย ไม่ต้องการปล่อยให้ ออสเตรีย-ฮังการี กำจัดอิทธิพลของตนในบอลข่าน และต้องการสนับสนุนชาวเซิร์บ ที่อยู่ในความคุ้มครองเป็นเวลานานแล้ว จึงออกคำสั่งระดมพลบางส่วนในวันต่อมา จักรวรรดิเยอรมัน ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มระดมพลบ้าง ทำให้ฝรั่งเศส ที่ยังโกรธแค้นเยอรมัน จากการยึดครองดินแดนอัลซาซ-ลอแรน ระหว่างสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย จึงสั่งระดมพลเอาบ้าง

    เยอรมนี ประกาศสงครามต่อ รัสเซีย อังกฤษ ยื่น คำขาดเรียกร้องให้เบลเยียมเคารพความเป็นกลางแต่ได้รับคำตอบซึ่งไม่น่าพอใจ ดังนั้นสหราชอาณาจักร จึงประกาศสงครามต่อเยอรมนีบ้าง

    จักรวรรดิออตโตมัน เข้าร่วมกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง โดยได้ลงนามเป็นพันธมิตรออตโตมัน-เยอรมัน อย่างลับ ๆ ซึ่งได้ภัยคุกคามต่อดินแดนคอเคซัสของรัสเซีย และการติดต่อคมนาคมของอังกฤษ กับ อินเดีย ผ่านทางคลองสุเอซ อังกฤษและฝรั่งเศสได้เปิดแนวรบโพ้นทะเล จักรวรรดิออตโตมันสามารถขับไล่กองทัพอังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้

    การปะทะกันครั้งแรก ๆ ของสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในกองทัพ ของอาณานิคมอังกฤษ ฝรั่งเศส และ เยอรมนี ในแอฟริกา เมื่อกองทัพฝรั่งเศส และ อังกฤษ รุกรานโตโกแลนด์ อันเป็นดินแดนในอารักขาของเยอรมนี กองทัพเยอรมัน ในแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้ โจมตีแอฟริกาใต้ การต่อสู้ประปราย และป่าเถื่อน

    กองทัพเซอร์เบีย สู้รบกับออสเตรีย-ฮังการี ฝ่ายรุกราน โดยยึดตำแหน่งป้องกัน ตามด้านใต้ของแม่น้ำดรินา และซาวา สองสัปดาห์ถัดมา ออสเตรีย ถูกตีโต้ตอบกลับไป โดยสูญเสียอย่างหนัก นับเป็นชัยชนะสำคัญครั้งแรกของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงคราม และทำลายความหวังของออสเตรีย-ฮังการี ที่จะได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็ว ผลคือ ออสเตรียจำต้องรักษากำลังขนาดใหญ่พอสมควรบนแนวรบเซอร์เบีย พร้อมกับลดทหารด้านรัสเซียลง

    เมื่อสงครามปะทุขึ้น กองทัพเยอรมัน ด้านตะวันตก โจมตีฝรั่งเศส อย่างรวดเร็วผ่านดินแดนประเทศเบลเยียมที่เป็นกลาง ก่อนจะเลี้ยวลงไปทางใต้ เพื่อโอบล้อมกองทัพฝรั่งเศสตามพรมแดนเยอรมนี กำหนดให้ปีกขวาตีมาบรรจบกันที่กรุงปารีส ซึ่งเยอรมนีประสบความสำเร็จในช่วงแรก

    ด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพอังกฤษ จึงสามารถหยุดยั้งการรุกของฝ่ายเยอรมนีได้ ทางตะวันออกของกรุงปารีส และนำจุดจบมาสู่สงครามในด้านตะวันตก และต่อมาการรุกเข้าไปในเยอรมนี ของฝรั่งเศส ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย

    ส่วนในทางตะวันออก รัสเซียโจมตีพื้นที ทำให้เยอรมนี ต้องแบ่งกำลังที่เดิม ที่ตั้งใจจะส่งไปรบด้านตะวันตกมาป้องกัน เยอรมนีเอาชนะรัสเซียในการรบหลายครั้ง แต่การแบ่งกำลังดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาความล่าช้า ทำให้ถูกบีบให้ทำสงครามสองแนวรบ เยอรมนีสู้รบตามรายทางไปถึงประเทศฝรั่งเศส และทำให้ทหารฝรั่งเศส และอังกฤษ เสียชีวิตรวมกันมากกว่าทหารเยอรมัน ถึง 230,000 นาย

    ด้านนิวซีแลนด์ ได้ส่งทหารไปยึดครองเยอรมันซามัว (ภายหลังชื่อ ซามัวตะวันตก) และทหารและนาวิกออสเตรเลีย ยกพลขึ้นบกบนเกาะนอยพอมแมร์น (ภายหลังชื่อ นิวบริเตน) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมันนิวกินี ต่อมาเมืองท่าถ่านหินของเยอรมนีในคาบสมุทรชานตงของจีน ถูก กองทัพสัมพันธมิตรยึดครองดินแดนทั้งหมดในแปซิฟิก

    ยุทธวิธีทางทหาร ที่ใช้กันช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น ลวดหนามเป็นเครื่องกีดขวางสำคัญในการยับยั้งคลื่นทหารราบ ปืนใหญ่ เมื่อใช้ร่วมกับปืนกล ทำให้การเคลื่อนทัพผ่านพื้นที่เปิดนั้นเป็นไปได้ยากยิ่ง ฝ่ายเยอรมนีเริ่มใช้แก๊สพิษ ซึ่งต่อมาทั้งสองฝ่ายก็ได้นำมาใช้อย่างแพร่หลาย
    แม้ว่าจะไม่เคยถูกพิสูจน์ว่าเป็นปัจจัยเด็ดขาดในการเอาชนะศึก

    แต่ผลกระทบของแก๊สพิษนั้นโหดร้าย ทำให้ผู้ได้รับแก๊สเสียชีวิตอย่างช้า ๆ และทรมาน และได้กลายมาเป็นความน่าสะพรึงกลัว เป็นที่หวาดกลัว และเป็นที่จดจำดีที่สุดของสงคราม

    ในระยะหลัง เริ่มผลิตอาวุธเพื่อการรุกแบบใหม่ อย่างเช่น รถถัง โดยอังกฤษ และ ฝรั่งเศส เป็นผู้ใช้หลัก ส่วนเยอรมนี ใช้รถถังฝ่ายสัมพันธมิตรที่ยึดมาได้ และรถถังที่ตนออกแบบเองอีกจำนวนหนึ่ง ฝ่ายไตรภาคี และ เยอรมนี เริ่มอุบายการตีโอบปีกของกองทัพฝ่ายตรงข้าม ทำให้อังกฤษและฝรั่งเศส พบว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับกองทัพเยอรมัน ในสนามเพลาะเป็นแนวยาวตั้งแต่แคว้นลอร์เรน ของฝรั่งเศส ไปจนถึงชายฝั่งเบลเยียม

    อังกฤษ และ ฝรั่งเศส พยายามจะเป็นฝ่ายริเริ่มบุกก่อน ขณะที่เยอรมนีตั้งรับอย่างเข้มแข็งในดินแดนยึดครอง ผลที่สุดคือ สนามเพลาะเยอรมันถูกสร้างขึ้นดีกว่ามาก ขณะที่สนามเพลาะของอังกฤษ-ฝรั่งเศส มีเจตนาจะใช้เป็นแนวชั่วคราว ก่อนที่จะตีผ่านแนวป้องกันของเยอรมนีเท่านั้น

    กองทัพฝรั่งเศส-อังกฤษ ยกพลขึ้นบกที่ซาโลนิกาของกรีซ เพื่อกดดันให้รัฐบาลกรีซประกาศสงครามต่อฝ่ายมหาอำนาจกลาง แต่โชคไม่เข้าข้างฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อพระมหากษัตริย์กรีกทรงนิยมเยอรมนี ทรงปลดรัฐบาลนิยมสัมพันธมิตร พ้นจากตำแหน่ง ก่อนที่กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรจะมาถึง

    ความร้าวฉานระหว่างพระมหากษัตริย์กรีซ และ ฝ่ายสัมพันธมิตร พอกพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กรีซถูกแบ่งแยกเป็นภูมิภาค 2 ส่วน ต่อมามีการเจรจาทางการทูตอย่างเข้มข้น และการเผชิญหน้าด้วยอาวุธในกรุงเอเธนส์ ระหว่างกองทัพสัมพันธมิตร และฝ่ายนิยมกษัตริย์ ทำให้พระมหากษัตริย์กรีซต้องสละราชสมบัติ และพระราชโอรสพระองค์ เสด็จขึ้นครองราชย์แทน

    ค.ศ. 1915 ฝ่ายเยอรมนีใช้แก๊สคลอรีน เป็นครั้งแรกบนแนวรบด้านตะวันตก อันเป็นการละเมิดอนุสัญญากรุงเฮก กองทัพอัลจีเรียถอยทัพ เมื่อถูกรมแก๊ส และเปิดช่องว่างให้ฝ่ายเยอรมนีเข้ายึดครองอย่างรวดเร็ว แต่กองทัพแคนาดา ก็สามารถอุดรอยแตกดังกล่าวได้ในเวลาต่อมา

    อิตาลีเข้าร่วมกับไตรภาคี และประกาศสงคราม ต่อออสเตรีย-ฮังการี และประกาศสงครามต่อเยอรมนี ในเวลาต่อมา แม้ว่าในทางการทหาร อิตาลีจะมีความเหนือกว่าด้านกำลังพลก็ตาม แต่ลักษณะภูมิประเทศสลับซับซ้อน ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่ใช้ ทำให้ล้มเหลว ออสเตรีย-ฮังการี ใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศแบบภูเขา เอื้อประโยชน์แก่การตั้งรับ

    กองทัพอิตาลี ได้โจมตีประมาณ 11 ครั้งบนแนวเขา แต่การโจมตีทั้งหมดก็ถูกขับไล่โดยกองทัพออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งยึดภูมิประเทศที่สูงกว่า

    เรือดำน้ำ ของเยอรมนีพยายามตัดเส้นทางเสบียง ระหว่างอเมริกาเหนือ กับอังกฤษ โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ทำให้ลูกเรือสินค้ารอดชีวิตน้อยมาก สหรัฐอเมริกาประท้วง หลังการจมเรือโดยสาร เยอรมนี สัญญาว่าจะไม่เลือกโจมตีเรือเดินสมุทรอีก อังกฤษ ได้ติดอาวุธที่เรือสินค้าของตน

    ค.ศ. 1916 ยุทธนาวี ทวีความรุนแรงขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในสงคราม ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นการปะทะกันเต็มอัตราศึกของกองทัพเรือทั้งสองฝ่าย ในทะเลเหนือนอกคาบสมุทรจัตแลนด์ กองเรือทะเลหลวงของกองทัพเรือเยอรมัน ประจัญกับกองเรือหลวงของราชนาวีอังกฤษ ผลของยุทธนาวีนี้ไม่มีฝ่ายใดแพ้หรือชนะ

    ฝ่ายเยอรมัน สามารถหลบหนีจากกองเรืออังกฤษ ที่มีกำลังเหนือกว่า และสร้างความเสียหายแก่กองเรืออังกฤษมากกว่าที่ตนได้รับ แต่ในทางยุทธศาสตร์แล้ว ฝ่ายอังกฤษแสดงการควบคุมทะเล และเรือเยอรมนีส่วนใหญ่ ถูกกักอยู่ในท่าจนกระทั่งสงครามยุติ

    กองทัพอังกฤษ สูญเสียกำลังพลไปมากที่สุดในประวัติศาสตร์ รวม 57,470 นาย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในชั่วโมงแรกของการโจมตี ทำให้กองทัพอังกฤษสูญเสียทหารไปทั้งสิ้นเกือบ 5 แสนนาย ทหารจากอังกฤษ และเครือจักรภพ ประจำอยู่ที่แนวรบด้านตะวันตกราว 1.1 ถึง 1.2 ล้านนายตลอดเวลา

    การโจมตี แนวรบนั้นเป็นแนวสนามเพลาะยาวกว่า 9.6 กิโลเมตร การนองเลือดครั้งนี้ ทำให้กองทัพฝรั่งเศส ที่เหนื่อยล้าใกล้ล่มสลายเต็มที ความพยายามอันไร้ผลในการโจมตีทางด้านหน้า ทำให้กองทัพอังกฤษ และ ฝรั่งเศส สูญเสียกำลังพลไปสูงลิบ กว่ากองทัพเยอรมัน และนำไปสู่การขัดขืนคำสั่งอย่างกว้างขวาง

    กองทัพโรมาเนีย ได้เปิดฉากโจมตี ออสเตรีย-ฮังการี โดยได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากรัสเซีย และประสบความสำเร็จในช่วงต้น โดยสามารถผลักดันทหาร ออสเตรีย-ฮังการี ใน ออกไปได้ แต่มีการตีโต้ตอบของฝ่ายมหาอำนาจกลาง จนขับกองทัพรัสเซีย-โรมาเนีย และเสียกรุงบูคาเรสต์

    กองทัพเยอรมัน และ ออตโตมัน พ่ายแพ้ ที่โรมาเนีย กองทัพจักรวรรดิอังกฤษรุกคืบข้ามคาบสมุทรไซนาย ผลักดันกองทัพออตโตมันให้ถอยกลับไป ตรงชายแดนระหว่างไซนายของอียิปต์ และปาเลสไตน์ ของออตโตมัน

    ความไม่สงบเกิดขึ้นในรัสเซีย ระหว่างที่พระเจ้าซาร์ ยังคงประทับอยู่ที่แนวหน้า นำไปสู่การประท้วง และการฆาตกรรมคนสนิทของพระนาง รัสปูติน

    ฝ่ายไหน และประเทศใด จะเป็นผู้พ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และทำไมถึงแพ้ ติดตามได้ในตอนต่อไป



    @ เสธ น้ำเงิน3
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  2. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 24 ก.ค.57 เผย..ปมสงครามโลกครั้งที่ 1 ศูนย์กลางสู้รบคือยุโรป (ตอน 2 จุดจบ)

    จากตอนแรกที่เล่าจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หรือ "มหาสงคราม” ซึ่งแบ่งการสู้รบออกเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร ( อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย) และฝ่ายมหาอำนาจกลาง ( เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และ อิตาลี) ที่ต่างฝ่ายผลัดกันรุก ผลัดกันรับ ผลแพ้ชนะยังไม่เห็นชัด

    ค.ศ. 1917 การชุมนุมประท้วงในรัสเซีย ลงเอยด้วยการสละราชบัลลังก์ของซาร์นิโคลัสที่ 2 และแต่งตั้งรัฐบาลชั่วคราวของรัสเซียซึ่งอ่อนแอ และแบ่งปันอำนาจกับกลุ่มสังคม นำไปสู่ความสับสนและความวุ่นวาย ที่แนวหน้า แล ะในรัสเซีย กองทัพรัสเซียยิ่งมีประสิทธิภาพด้อยลงกว่าเดิมมาก

    สงคราม และ รัฐบาลได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้พรรคบอลเชวิค ที่นำโดย วลาดีมีร์ เลนิน ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก เขาให้สัญญาว่าจะดึงรัสเซียออกจากสงคราม และทำให้รัสเซียกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง จนได้ชัยชนะเลือกตั้ง กองทัพเยอรมัน เคลื่อนผ่านยูเครน รัฐบาลใหม่จึงต้องสงบศึกและการเจรจา ลงนามในสนธิสัญญา

    ความสำเร็จทางทหารสำคัญของอังกฤษเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว คือ สามารถยึดเนินวีมีได้ โดยกองทัพแคนาดา จากนั้นก็ทำการเสริมกำลังได้อย่างรวดเร็ว และยึดครองสันเขาซึ่งป้องกันที่ราบบูไอ ซึ่งอุดมไปด้วยถ่านหิน

    เยอรมนีทำสงครามเรือดำน้ำไม่จำกัดขอบเขต เมื่อตระหนักว่าสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่สงครามด้วย โดยพยายามจะจำกัดเส้นทางเดินเรือของฝ่ายสัมพันธมิตร ก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะสามารถขนส่งกองทัพขนาดใหญ่ข้ามทะเล แต่เยอรมนีสามารถใช้เรือดำนำพิสัยไกลออกปฏิบัติการได้เพียง 5 ลำ จึงมีผลจำกัด

    ภัยจากเรือดำน้ำ เริ่มลดลง เมื่อเรือพาณิชย์ของอังกฤษ เริ่มมีขบวนเรือคุ้มกัน ที่มีเรือพิฆาตนำ เริ่มมีการใช้ไฮโดรโฟนและระเบิดน้ำลึก ทำให้เรือพิฆาต อาจโจมตีเรือดำน้ำที่อยู่ใต้น้ำได้ โดยสำเร็จอยู่บ้าง เรือขนส่งทหารนั้นเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเรือดำน้ำ เรือดำนำเยอรมัน จมเรือฝ่ายสัมพันธมิตรมากกว่า 5,000 ลำ และมีเรือดำน้ำถูกทำลายไป 199 ลำ

    รัสเซียถอนตัวจากสงครามในปลายปี จากผลของการปฏิวัติ และโรมาเนียถูกบีบให้ลงนามในการสงบศึกกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง

    ทหารออสเตรีย-ฮังการีได้รับกำลังเสริมขนาดใหญ่จากเยอรมนี ฝ่ายมหาอำนาจกลาง เริ่มการรุกเด็ดขาด โดยมีทหารเยอรมันเป็นหัวหอก จนได้รับชัยชนะ กองทัพอิตาลีแตกพ่าย และล่าถอยเป็นระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตร แต่เนื่องจากอิตาลีสูญเสียอย่างหนัก รัฐบาลอิตาลีจึงสั่งให้ชายอายุต่ำกว่า 18 ปีทุกคนเข้าประจำการ

    หลังจากถูกยึดครอง เซอร์เบียถูกแบ่งออกระหว่างออสเตรีย-ฮังการี และ บัลแกเรีย ต่อมาชาวเซิร์บได้ก่อการกบฎขึ้น แต่ถูกบดขยี้โดยกองทัพร่วม บัลแกเรีย และ ออสเตรียในเวลาต่อมา และกรีซ กลับรวมเป็นหนึ่งประเทศอีกครั้ง เข้าร่วมสงครามอย่างเป็นทางการ โดยอยู่ฝ่ายเดียวกับฝ่ายสัมพันธมิตร กองทัพกรีซทั้งหมดถูกระดมและเริ่มเข้าร่วมในปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายมหาอำนาจกลาง บนแนวรบมาซิโดเนีย

    แนวรบนี้ส่วนใหญ่ไม่มีพัฒนาการ กองทัพเซอร์เบีย จึงยึดคืนบางส่วนของมาซิโดเนีย กองทัพเยอรมัน และ ออสเตรีย-ฮังการี ส่วนใหญ่ถอนกำลังออกไปแล้ว กองทัพบัลแกเรียประสบความพ่ายแพ้ แต่อีกไม่กี่วันให้หลัง บัลแกเรีย ก็สามารถเอาชนะกองทัพอังกฤษ และกรีก ได้อย่างเด็ดขาด แต่เพื่อป้องกันการถูกยึดครอง บัลแกเรียได้ลงนามการสงบศึกในเวลาต่อมา ส่งผลให้สมดุลทางยุทธศาสตร์ เอียงไปข้างฝ่ายสัมพันธมิตร

    การหายไปของแนวรบมาซิโดเนีย จากบัลแกเรียยอมจำนน ทำให้ฝ่ายมหาอำนาจกลางสูญเสียทหารราบ 278 กองพัน และปืนใหญ่ 1,500 กระบอก ซึ่งเทียบเท่ากับกองพลของเยอรมนีราว 25 ถึง 30 กองพล ซึ่งเคยยึดแนวดังกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เยอรมนีตัดสินใจส่งทหารราบ และ กองพลทหารม้าไปยังแนวหน้า ทดแทน

    ในเมโสโปเตเมีย จักรวรรดิออตโตมันพ่ายแพ้ อย่างหายนะ กองทัพจักรวรรดิอังกฤษรวบรวมทัพใหม่และสามารถยึดกรุงแบกแดดได้ , ที่ยุทธการกาซ่า ครั้งแรกและครั้งที่สอง กองทัพเยอรมัน และออตโตมันหยุดการรุกคืบ อังกฤษ แต่ต่อมาที่ไซนาย และปาเลสไตน์ การรบดำเนินต่อ อียิปต์ ชนะกองทัพออตโต อีก ต่อมากรุงเยรูซาเลม ถูกยึดได้ หลังกองทัพออตโตพ่ายแพ้

    ค.ศ. 1918 รัสเซียออกจากสงคราม แต่ต้องยอมยกดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล รวมไปถึงฟินแลนด์ รัฐบอลติก บางส่วนของโปแลนด์และยูเครนแก่ฝ่ายมหาอำนาจกลาง แต่ดินแดนที่เยอรมนี ได้รับจากรัสเซีย ทำให้ต้องแบ่งกำลังพลไปยึดครอง

    ไตรภาคีจึงยกเลิกไป ฝ่ายสัมพันธมิตรนำกำลังขนาดเล็กรุกรานรัสเซีย ยกพลขึ้นบกที่อาร์ชอันเกลและวลาดิวอสตอก เพื่อหยุดมิให้เยอรมนีใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของรัสเซีย และเพื่อให้การสนับสนุน "รัสเซียขาว" (ตรงข้ามกับ "รัสเซียแดง") ในสงครามกลางเมืองรัสเซีย

    ออสเตรีย-ฮังการี พ่ายแพ้ราบคาบ และยอมจำนน เมื่อกองทัพรัสเซียละทิ้งดินแดนดังกล่าว กองทัพโรมาเนีย สถาปนาการควบคุมเหนือเบสซาราเบีย ต่อมาโรมาเนียผนวกเบสซาราเบีย เข้าเป็นดินแดนของตน โดยอาศัยอำนาจอย่างเป็นทางการของสภานิติบัญญัติท้องถิ่น ในการรวมเข้ากับโรมาเนีย

    โรมาเนีย ยุติสงครามกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง อย่างเป็นทางการโดยการลงนามในสนธิสัญญา และยกดินแดนบางส่วนให้แก่ ออสเตรีย-ฮังการี และยกสัมปทานน้ำมันแก่เยอรมนี ส่วนฝ่ายมหาอำนาจกลาง จะรับรองเอกราชของโรมาเนีย เหนือเบสซาราเบีย แต่โรมาเนียเข้าสู่สงครามอีกครั้ง ประเมินว่าชาวโรมาเนียทั้งทหารและพลเรือนที่เสียชีวิตระหว่างสงครามถึง 748,000 คน

    ทหารและแรงงานอินเดียกว่า 1.3 ล้านคน ถูกอังกฤษที่เป็นผู้ปกครอง ขอให้ส่งไปปฏิบัติในยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในแนวรบด้านตะวันตก 140,000 นาย และอีกเกือบ 700,000 นายในตะวันออกกลาง รัฐบาลอินเดีย ส่งเสบียงอาหาร เงินและเครื่องกระสุนให้เป็นปริมาณมาก ทหารอินเดียเสียชีวิต 47,476 นาย และได้รับบาดเจ็บ 65,126 นายระหว่างสงคราม

    แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่สงคราม โดยอยู่ข้างเดียวกับฝ่ายพันธมิตร แต่ไม่เคยเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของฝ่ายพันธมิตรเลย โดยเรียกตัวเองว่าเป็น "ประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือ" สหรัฐอเมริกามีกองทัพขนาดเล็ก รัฐสภาสหรัฐให้สถานะพลเมืองแก่ชาวเปอร์โตริโก เมื่อพวกเขาถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งนี้ ต่อมาก็มีทหารเกณฑ์มากถึง 2.8 ล้านนาย และมีการส่งทหารใหม่กว่า 10,000 นายไปยังฝรั่งเศสทุกวัน

    กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ได้ส่งกองเรือรบไปเข้าร่วมกับกองเรือหลวงอังกฤษ, เรือพิฆาตไปยังควีนส์ทาวน์, ไอร์แลนด์ และเรือดำน้ำไปช่วยคุ้มกันขบวนเรือ นาวิกโยธินหลายกรมของสหรัฐอเมริกา ถูกส่งไปยังฝรั่งเศส อังกฤษและฝรั่งเศส ต่างต้องการให้หน่วยทหารอเมริกันเข้าเสริมกำลังบนแนวรบ ที่มีทหารของตนอยู่ก่อนแล้ว

    เยอรมัน รุกเพื่อแยกกองทัพอังกฤษ และ ฝรั่งเศส ออกจากกันด้วยการหลอกหลวงและการรุกหลายครั้ง ผู้นำเยอรมนีหวังว่าการโจมตีอย่างเด็ดขาด ก่อนที่กองกำลังสหรัฐขนาดใหญ่จะมาถึง โดยโจมตีกองทัพอังกฤษถอยไป

    ความสูญเสียของเยอรมนี อยู่ที่ 270,000 คน ประชาชนในประเทศกำลังแตกออกเป็นเสี่ยง การรณรงค์ต่อต้านสงครามเกิดบ่อยครั้งขึ้น และขวัญกำลังใจในกองทัพถดถอย ผลผลิตทางอุตสาหกรรมทรุดลงอย่างหนัก

    กองทัพอังกฤษ อยู่ทางปีกซ้าย กองทัพฝรั่งเศส อยู่ทางปีกขวา และกองทัพ ออสเตรเลีย และแคนาดา เป็นหัวหอกโจมตีตรงกลาง ยุทธการครั้งนั้นมีรถถัง กว่า 414 คัน และทหารกว่า 120,000 นายเข้าร่วม ฝ่ายสัมพันธมิตรรุกเข้าไป 12 กิโลเมตร ในดินแดนที่เยอรมนีถือครอง

    เวลาเกือบสี่สัปดาห์ มีเชลยศึกเยอรมันถูกจับกุมได้เกิน 100,000 นาย อังกฤษจับได้ 75,000 นาย และที่เหลือ โดยฝรั่งเศส กองบัญชาการทหารสูงสุดเยอรมนี ตระหนักว่าพ่ายสงครามแล้ว นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศ ตกลงว่าสงครามไม่อาจยุติลงได้ในทางทหาร จึงเสนอการเจรจาสันติภาพทันที โดยยื่นข้อเสนอสันติภาพต่อเบลเยียม

    ฝ่ายเยอรมัน ยังคงสู้รบ และเสียท่าแก่ฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงสัปดาห์ เดียวกองทัพอังกฤษ เพียงชาติเดียวก็สามารถจับเชลยศึกเยอรมันได้ถึง 30,441 นาย ข่าวความพ่ายแพ้ทางทหารที่เกิดขึ้นแพร่สะพัดไปทั่วกองทัพเยอรมัน การขัดขืนคำสั่งลุกลามมาถึงหูกะลาสีเรือ ทำให้หลายคนปฏิเสธจะเข้าร่วมการรุกทางทะเลเพราะกลัวตาย เยอรมันสูญเสียถึง 6 ล้านชีวิต

    เยอรมนีได้หันไปหาสันติภาพ เจ้าชาย มีหน้าที่ในรัฐบาลใหม่เป็นนายกรัฐมนตรี เจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตร แต่กลับเรียกร้องให้สละราชสมบัติ และประกาศให้เยอรมนีเป็นสาธารณรัฐ จักรวรรดิเยอรมันล่มสลายลง และกลายเป็น สาธารณรัฐไวมาร์ เกิดขึ้นแทน

    การล่มสลายของฝ่ายมหาอำนาจกลาง อย่างรวดเร็ว บัลแกเรีย ลงนามการสงบศึก จักรวรรดิออตโตมันยอมจำนน มีการประกาศเอกราชขึ้นในกรุงบูดาเปสต์, ปราก และซาเกร็บ ทางการออสเตรีย-ฮังการี ขอสงบศึกกับอิตาลี ส่งธงพักรบ และลงนามการสงบศึกต่อมา

    ช่วงก่อนยุติสงคราม กองทัพของประเทศใหญ่ ๆ ซึ่งมีกำลังพลหลายล้านนาย ได้ถูกปรับปรุงให้ทันสมัยและมีการใช้โทรศัพท์ การสื่อสารไร้สาย รถหุ้มเกราะ รถถัง และอากาศยาน ขบวนทหารราบมีการจัดใหม่ กองร้อยที่มีทหาร 100 นาย จึงไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีอีกต่อไป เปลี่ยนมาใช้หมู่ที่มีทหารประมาณ 10 นาย ภายใต้บัญชาของนายทหารประทวนแทน

    ทหารเยอรมันมากถึง 1 ล้านนายกำลังเจ็บป่วยจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ และไม่พร้อมรบ แต่เป็นเพราะสาธารณชนขาดการสนองต่อความรักชาติ และการก่อวินาศกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกยิว สังคมนิยม และบอลเชวิค

    เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1919 มีการลงนามสนธิสัญญาแวร์ซาย สงบศึก กับ เยอรมนี แต่ไม่มีกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรใด ข้ามพรมแดนเยอรมนีได้เลย แนวรบด้านตะวันตกยังอยู่ห่างจากกรุงเบอร์ลินเกือบ 1,400 กิโลเมตร และกองทัพเยอรมัน ล่าถอยจากสนามรบอย่างเป็นระเบียบดี

    ค.ศ. 1911 ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อ 103 ปีที่แล้ว เพิ่งมีการใช้อากาศยานปีกตรึง ในทางทหารครั้งแรกโดยอิตาลี ในลิเบีย ระหว่างสงครามอิตาลี-ตุรกี เพื่อการลาดตระเวน ตามมาด้วยการทิ้งระเบิดมือ และการถ่ายภาพทางอากาศ จนต่อมาใช้เพื่อการลาดตระเวนและโจมตีภาคพื้นดิน และต่อมาเพื่อใช้ยิงเครื่องบินฝ่ายข้าศึก จึงได้มีการพัฒนาปืนต่อสู้อากาศยานและเครื่องบินขับไล่ขึ้น

    เยอรมนีและอังกฤษ ผลิตเครื่องบินทิ้งระเบิดจุดยุทธศาสตร์ เยอรมนีดำเนินการตีโฉบฉวยทางอากาศต่ออังกฤษระหว่าง ค.ศ. 1915 และ 1916 ด้วยเรือบิน โดยหวังว่าจะบั่นทอนขวัญกำลังใจของอังกฤษและส่งผลให้อากาศยานถูกเบี่ยงเบนไปจากแนวหน้า เมื่อสงครามใกล้ยุติ เรือบรรทุกเครื่องบินจึงได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก

    บอลลูนสังเกตการณ์ที่มีคนขับ ลอยสูงเหนือสนามเพลาะ ถูกใช้เป็นแท่นตรวจตราอยู่กับที่ คอยรายงานการเคลื่อนไหวของข้าศึกและชี้เป้าให้ปืนใหญ่ คุณค่าของเรือเหาะและบอลลูน จึงได้มีส่วนต่อการพัฒนาการสู้รบแบบอากาศสู่อากาศระหว่างอากาศยานทุกประเภท และการคุมเชิงกันในสนามเพลาะ เนื่องจากการเคลื่อนย้ายกำลังขนาดใหญ่ไม่รอดสายตาถูกสังเกตพบ

    สงครามโลกครั้งที่ 1 ถ้าวิเคราะห์จุดพ่ายแพ้ของฝ่ายมหาอำนาจกลาง (เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และ อิตาลี) ที่เห็นได้ชัดเจนคือ เกิดปัญหาการเมืองภายในประเทศนั้น ทำให้เน่าจากในจึงอ่อนแอ และแพ้หน้าหนาวทหารเยอรมันมากถึง 1 ล้านนาย เจ็บป่วยจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ และไม่พร้อมรบเพราะขวัญกำลังใจไม่ดี ความเป็นเอกภาพสู้ทาง ประเทศพันธมิตร (อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย) ไม่ได้ แม้ว่าช่วงแรกจะเพลี่ยงพล้ำ แต่ก็มาตีตื้นได้ภายหลัง

    จุดแถวฉนวนกาซ่า และประเทศอิสราเอล ในปัจจุบัน เป็นสมรภูมิรบชี้ให้เยอรมันพ่ายแพ้ ในสมรภูมิทะเลทราย อาณาจักรออตโตมัน ที่มีอาณาเขตที่ครอบคลุมถึง 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย แอฟริกา และยุโรป ซึ่งขยายไปไกลสุดถึงช่องแคบยิบรอลตาร์ทางตะวันตก นครเวียนนาทางทิศเหนือ ทะเลดำทางทิศตะวันออก และอียิปต์ทางทิศใต้ มีศูนย์กลางอยู่ที่ตุรกีในปัจุบัน

    มหาสงคราม เกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2457 ในตอนแรกสยามรักษาความเป็นกลางอย่างมั่นคง แต่เนื่องจาก ทรงให้ความสนใจและติดตามข่าวการสงครามอย่างใกล้ชิด พระองค์ทรงเล็งเห็นการณ์ไกลในการให้ประเทศไทยประกาศเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพราะถ้าฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะจะมีผลดีในการที่ประเทศไทยจะเรียกร้องสิทธิต่างๆ เช่น ขอแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมที่ทำไว้กับนานาประเทศ

    จึงได้ประกาศสงครามกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง เยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี ในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 โดยประกาศกระแสพระบรมราชโองการประณามว่า “เยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี เป็นฝ่ายละเมิดเมตตาธรรมของมวลมนุษย์ มิได้มีความนับถือต่อประเทศเล็ก ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นผู้ก่อกวนความสุขของโลก”

    จากนั้นได้ส่งทหารอาสาสมัครไปช่วยรบ 1,284 คน รวมทั้งนายและพลทหาร สมทบกับนักเรียนไทยในนานาประเทศอีกประมาณ 400 คน รวมทหารอาสาสมัครทั้งหมดประมาณ 1,600 คน ทหารอาสาออกเดินทางเมื่อ พ.ศ. 2461 ถึงประเทศฝรั่งเศส อยู่ใต้บัญชาการของนายพล เปแตง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝ่ายสัมพันธมิตร ได้ไปปฏิบัติการในสมรภูมิประเทศฝรั่งเศส และ เบลเยี่ยม

    ซึ่งเหตุการณ์ก็เป็นดังที่พระองค์ทรงคาดไว้ คือ ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะ ภายหลังชนะสงคราม สยามได้ขอแก้ไขสนธิสัญญาที่ทำไว้เดิมกับประเทศต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อเมริกา เยอรมัน ฯลฯ โดยแก้ไขจากสนธิสัญญาเดิมที่สยามเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้ได้ประโยชน์ดีขึ้น นอกจากนี้ สยามยังได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติอีกด้วย ผลที่ไทยได้รับจากการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้น มีความสำคัญดังนี้

    - เผยแพร่ชื่อเสียงและเกียรติคุณของประเทศ
    - ได้รับเกียรติเข้าร่วมทำสนธิสัญญาแวร์ซาย
    - เมื่อสงครามสงบได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกประเภทริเริ่มขององค์การสันนิบาตชาติ เป็นหลักประกันเอกราชและความปลอดภัยของประเทศ
    - ได้แก้ไขสัญญาที่ทำไว้กับต่างประเทศตั้งแต่ รัชกาลที่ 4 เป็นผลสำเร็จ ยกเลิกสัญญาต่าง ๆ ที่ไทยทำกับเยอรมัน และ ออสเตรีย-ฮังการี และทำสัญญากับประเทศต่าง ๆ ใหม่ให้เป็นประโยชน์กับฝ่ายไทยมากขึ้น
    - ได้ยึดทรัพย์จากเชลย
    - เปลี่ยนธงชาติจากธงช้างเผือกมาเป็นธงไตรรงค์ เพื่อนำไปใช้ในกองทัพไทยที่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
    - สร้างอนุสาวรีย์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่งคือ อนุสาวรีย์ทหารอาสา วงเวียน 22 กรกฎา สมาคมสหายสงคราม เป็นต้น
    - มีการจัดทหารแบบยุโรป และเริ่มจัดตั้งกรมอากาศยานขึ้นเป็นครั้งแรก เดิมอยู่ในสังกัด กองทัพบก และต่อมาได้วิวัฒนาการมาจนกลายเป็น กองทัพอากาศ ในปัจจุบัน

    แม้ในยามศึกมหาสงคราม ที่เรียกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ที่ช่วงนั้นมีการปกครองโดยระบบสมบูรณาญาสิทธิราช ได้เข้ามามีบทบาทในการนำพาชนเผ่าไทย ให้มีชัยชนะร่วมกับชนชาติอื่น และยังประโยชน์เอนกอนันต์ กับชาติมาจนถึงปัจจุบัน

    หลังเยอรมันแพ้สงครามครั้งที่ 1 ส่งผลให้เยอรมันไม่มีอิทธิพลเหนือประเทศอาหรับมาจนถึงปัจจุบัน แต่กลับเป็นฝ่ายอังกฤษ และอเมริกาแทน ที่ครองอิทธิพลต่อเนื่องมาอีก 100 ปี ตอนนี้เยอรมัน กำลังแปรพักตร์จากอเมริกา และ EU ติดต่อกับรัสเซีย เพื่อเข้าร่วมกับชาติฝ่ายตรงข้ามอเมริกา ที่เรียกว่า BRICS สถานการณ์จุดชนวนสงคราม มันได้วนกลับมาคล้ายเดิมอีกครั้ง

    หากสงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้น ก็จะไม่นานเกินรอ และจุดตรงเยอรมันนี้ จะเป็นจุดเริ่มแรกๆ ของมหาสงครามรอบใหม่ ที่จะมีอาหรับ และรัสเซียเข้ามาผสมโรงเหมือนเคย เพราะยุโรปต้องพึ่งพิงพลังงานจากรัสเซียถึง 1 ใน 3 ของความต้องการ หากเพียงปูตินสั่งปิดวาวล์แก๊ส ยามหน้าหนาวคนยุโรปจะหนาวตายจำนวนมาก เมื่อนั้นการปล่อยอาวุธชีวภาพสังหารคนทั้งยุโรปซ้ำ จะง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

    สงครามโลกครั้งที่ 3 ชัยชนะอาจไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์อย่างที่หลายคนคิด แต่มันคืออาวุธชีวภาพ ที่เยอรมัน และรัสเซีย พร้อมจะกระจายเชื้อโรคร้ายไปทั่วยุโรปในพริบตา...หรือใครว่าเชื้ออีโบล่าเกิดเองโดยธรรมชาติ ?? ระบาดหนักทางทวีปแอฟริกาฝั่งตะวันตก มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 660 คน เริ่มระบาดในประเทศกินี แล้วแพร่ระบาดไประเทศไลบีเรีย และประเทศเซียราลีโอน แม้แต่หมอชาวไลบีเรีย ก็ติดเชื้อโรคนี้และเสียชีวิต เชื้อนี้เป็นกลุ่มโรคไข้แล้วมีเลือดออกชนิดหนึ่ง มีอันตรายถึงชีวิต ยังไม่มีวัคซีนใช้ป้องกันและรักษา..โลกนี้เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง มันแค่การใช้คนจริงๆ ทดลองอาวุธชีวภาพเท่านั้น !!

    และนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ประจำมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดิสัน ของสหรัฐ ได้รับงบวิจัยราว 360 ล้านบาท ของคณะวิจัยด้านไวรัสหวัดของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้ทำการปรับแต่งไข้หวัดสายพันธุ์ H1N1 ปี 2009 ให้กลายเป็นไข้หวัดสายพันธ์มรณะที่ร้ายแรงกว่าเดิมหลายเท่า สามารถข้ามกระโดดข้ามภูมิคุ้มกันโรคของมนุษย์ได้ ส่งผลให้คนเราไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคพันธุ์นี้ได้เลย โดยสามารถฆ่ามนุษย์ได้มากกว่า 5 แสนคน

    การตัดสินใจวางตัวของไทยยามสงครามโลก จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความอยู่รอดของประชาชนไทยทั้งประเทศ อย่าไรเสียแม้มีสงครามโลกครั้งที่ 3 จุดชี้ขาดการแพ้ชนะก็ต้องอยู่ที่ยุโรป คงย่อยยับไม่มีชิ้นดี ไทยไม่ต้องผลีผลาม เพียงรอดูจังหวะเท่านั้น

    การตัดสินใจยามสงครามแบบนี้ ถ้าประเทศไทยมีนักการเมืองพลเรือนเป็นนายกฯ ที่ใช้อำนาจฝ่ายบริหาร ไม่รู้เรื่องการรบมาเลย และฝักใฝ่ตะวันตกที่กำลังแตกเป็นเสี่ยงและอ่อนแอ อาจทำให้ไทยเลือกข้างพลาด และตกเป็นประเทศผู้แพ้สงครามได้

    ในยามที่จะเกิดสงครามโลกครั้งใหม่แบบนี้ ผู้นำประเทศยามต้องนำพาประชาชน 67 ล้านรอดชีวิตไปให้ได้..ต้องเป็นทหาร..ฟันธง !!


    @ เสธ น้ำเงิน3
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  3. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 28 ก.ค.57 รายชื่อ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 200 ราย นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว

    คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้จัดทำรายชื่อผู้สมควรเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.แล้ว โดยเบื้องต้นได้เสนอรายชื่อจำนวน 200 คน ( รัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดไว้ไม่เกิน 220 คน ) นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว คาดว่าสัปดาห์นี้จะประกาศรายชื่อให้ประชาชนรับทราบได้

    โดยสาเหตุที่ทูลเกล้าฯไป 200 รายชื่อนั้น เพื่อเปิดกว้างเอาไว้ให้สามารถแต่งตั้ง ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้ภายหลัง สำหรับรายชื่อสมาชิก สนช. จำนวน 200 คน ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้วนั้น ส่วนใหญ่เป็นนายทหารระดับสูงในแต่ละเหล่าทัพ ขณะสัดส่วนรองลงมาที่นอกจากทหาร จะเป็นนักวิชาการ อธิการบดีมหาวิทยาลัย ข้าราชการพลเรือน ส่วนตำรวจมีเล็กน้อย ที่เหลือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์สาขาต่างๆ โดยไม่มีนักการเมืองฝ่ายใดเลย เพราะขาดคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว

    ส่วน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน สนช.ปี 2549 และ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ยังไม่มีชื่ออยู่ในสมาชิก สนช. ชุดแรกนี้ โดย คสช. อาจจะเตรียมวางนายบวรศักดิ์ ไปเป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคณะทำงานกฎหมาย คสช. ก็ยังได้ยกร่างพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เสร็จเรียบร้อย โดยจะได้นำทูลเกล้าฯ ถวายพร้อมกัน

    ขั้นตอนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แล้ว สนช.จะมีรัฐพิธีเปิดประชุม ช่วงต้นเดือน สิงหาคม 2557 จากนั้นจะมีการประชุมเพื่อเลือกประธาน สนช.1 คน และรองประธาน สนช.อีก 2 คน

    ส่วนการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. จำนวนไม่เกิน 250 นั้น กระบวนการคัดเลือก สามารถดูแนวทางสรุปย่อสั้นๆ ได้

    ** ที่ https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/255382681318433

    ระฆังปฎิรูปประเทศ ระยะที่ 2 เริ่มแล้ว เมื่อได้ตัวประธาน สนช. แล้ว สมาชิกทั้งหมดก็จะประชุมโหวตเลือกรายชื่อนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของไทย ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ให้หัวหน้า คสช.ตำรงตำแหน่งคู่กันได้ทั้ง 2 อย่างได้ด้วย

    ระยะที่ 2 นี้ก็จะเห็นการแก้ปัญหาประเทศ ที่ซับซ้อนกว่าระยะที่ 1 แต่ก็จะเป็นแบบภูมิปัญญาไทย ไม่ลอกเลียนการปกครองของตะวันตกมา เพราะประชาธิปไตย แบบตะวันตกมันล้มเหลว เอามาใช้กับเมืองไทยไม่ได้

    แม่ทัพที่เฉลียวฉลาด ยามอยู่ในสมรภูมิ เขาจะไม่มีวันปริปากบอกกลศึกในอนาคตให้ใครรู้เด็ดขาด นั่นเพราะศัตรูจะหาทางแก้กลศึกได้นั่นเอง..จะไปเปรียบเทียบกับสมัยผู้นำยุคการเมืองที่พูดมากแต่ไม่ทำคงไม่ได้ เพราะวิธีการคนและแบบกัน สมัยนี้คือไม่พูดมากแต่ทำเงียบๆ โดยไม่ต้องอธิบายและชี้แจงใดๆ

    สำเร็จแล้วผลงานจะแสดงผลออกมาเอง ดูกรณีการแก้ปัญหาชาติ โดยการรัฐประหารฉับพลัน , การจ่ายเงินจำนำข้าวชาวนา , การจับอาวุธสงครามต่างๆ เพื่อสาวไปถึงตัวการใหญ่ , การสร้างสัมพันธ์กับมิตรประเทศเพื่อนบ้าน , การฝึกร่วมทางทหาร , การตั้งคนยุคเก่าบางคนมาเป็นมือไม้บล็อกคนยุเก่าเองผ่านรัฐธรรมนูญใหม่ , การเจรจาปล่อยตัวคุณวีระ จากคุกเขมร ฯลฯ

    เหล่านี้เป็นตัวอย่าง..จะต้องบอกอธิบายทุกเรื่องหรือไม่ ?? หลักการยุคนี้คือ “คนพูดไม่ทำ แต่คนทำไม่พูด “ และ “ ยิ่งใหญ่ยิ่งทำตัวให้เล็ก “ ดังนั้นสิ่งที่ คสช. ทำทุกอย่างล้วนมีเหตุผล เป้าหมาย ช่วงเวลา วางซินนาริโอ้ หลายชั้นสลับซับซ้อน จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เสียการใหญ่ในอนาคต ให้ศัตรูของชาติรู้ตัวก่อน

    ถึงเวลา “เปรี๊ยะทีเดียวจบ” ไม่ต้องออกแขกเย่นเย้อ เหมือนสมัยนักการเมือง เปรียบเทียบว่า วิธีการของนักการเมือง คือ รูปแบบมวยขยันแย๊บ ถูกบ้างผิดบ้าง เล่นนอกเกมส์ กัดหู จิ้มตาคู่ต่อสู้บ้าง เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ ครบ 5 ยกก็อาจชนะ..แต่ของทหาร คือ แบบมวยซุ่ม เพลย์เซฟ ปิดป้องหน้าแน่น ไม่ค่อยออกหมัด รอจังหวะดีๆ ชกเปรี้ยงเดียวปลายคาง..ร่วง นับ 100 ก็ไม่ฟื้น

    ดูสมัยนักการเมืองปูเน่า และ เป็ดเหลิม ที่มีอำนาจล้นฟ้า แต่กลับไม่ใช้อำนาจนั้นเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง พูดให้สัมภาษณ์สื่อแบบโกหกทุกวัน พวกเสี้ยมจึงติดนิสัยชอบอยากให้คนมาโกหกคำโต โฆษณาชวนเชื่อ จนแทบจะถีบจอทีวีทิ้งแบบนั้นทุกๆ วัน แล้วพวกเสี้ยมจึงจะนอนตาหลับ

    คนที่มักจะตั้งคำถาม “ทำไม” คือ ติดนิสัยมาสมัยมีผู้นำเป็นนักการเมือง ที่สามารถกดดันให้เขาตอบสิ่งที่ตนต้องการรู้ทุกอย่าง แต่มันหมดยุคนั้นไปแล้ว มาสู่ยุคทหารคำตอบที่ต้องการอย่างเป็นทางการหาดูได้จากทีวีพูลทุกค่ำวันศุกร์ อย่างอื่นไว้รอดูผลงานระยะ 2-3 เอาเอง..ไม่ตอบ

    ให้รู้เพียงแค่ว่า บิ๊กสีเขียวหัวหน้า คสช.ท่านนี้จงรักภักดีต่อเบื้องสูงเต็มเปี่ยมล้นหัวใจ เครื่องแบบทหารราชองค์รักษ์ที่ประดับเครื่องหมาย ภปร. บนบ่าขวา แค่นี้ก็เกินเพียงพอที่วางใจให้ท่านได้กว่านักแสวงโชคทางการเมืองแล้ว ท่านทำงานตามแนวทางสำนักคิดทหาร ที่ทำการเก็บข้อมูลปัญหามาถึง 9 ปี และทำการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ลับๆ ตลอดมา

    นั่นก็เพื่อดำเนินกลศึกการทหารนำการเมือง ต่อสู้กับภัยคุกคามความมั่นคงประเทศไทยรูปแบบใหม่ให้ประเทศไทยชนะนั่นเอง !!


    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  4. 479

    479 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +138
    จากข้อความคุณ เสธ น้ำเงิน2
    สงครามโลกครั้ง 3 ที่อาจจะอุบัติในไม่เกิน 3-5 ปีนี้ (เร็วสุดคือปี 57-58 ขึ้นกับเงื่อนไข) ประมาณว่าประชากรโลก 7 พันล้านคน น่าจะเหลือน้อยมาก ยากจะคาดเดาว่าจะเหลือเท่าไร แต่คาดการณ์ว่าภายในปี 2018 ยุโรปจะร้างผู้คน เพราะมนุษย์อยู่อาศัยไม่ได้ เพราะมีสงครามชีวภาพ !!
    ขอทราบกลไก การแพร่เชื้อของอาวุธชีวภาพสู่มนุษย์ การตรวจสอบว่ามีอาวุธเชื้อโรคแพร่อยู่ในบรรยากาศ วิธีป้องกัน วิธีการทำลายเชื้อ วิธีทำให้ปลอดเชื้อภายในที่พักอาศัย เคยทราบว่าการปล่อยประจุไฟฟ้าลบในบรรยากาศมากๆเช่นห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลก็ฆ่าเชื้อโรคได้ระดับหนึ่งเป็นวิธีที่ใช้ได้หรือไม่? เพราะมีเวลาเตรียมตัวอีกนานนับปี
     
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860

    ส่วนตัวคิดว่าไม่มีทางป้องกันอาวุธชีวภาพ

    เพราะเรายังไม่รู้ว่าแต่ละประเทศจะปล่อยอะไรออกมา
    นี่จึงเป็นจุดที่ตั้งรับไม่ทัน เพราะถึงรู้แต่ไม่มียาแก้หรือมีไม่พอ
    ก็ต้องผจญชะตากรรมเดียวกันแน่นอน

    ทางออกที่คิดได้คือ หลบออกไปอยู่สถานที่ห่างไกลผู้คน
    ห่างเมืองใหญ่/จุดยุทธศาสตร์ที่เค้าจ้องถล่มกัน
    เปอร์เซนต์ที่จะโดนก็น้อยลงไปด้วย

    โดยเฉพาะเมื่อไม่มีคน การแพร่กระจายก็จะน้อยไปด้วย
    เชื้อโรคหลายชนิดมีศัตรูของมันเองในธรรมชาติ
    ดังนั้นธรรมชาติที่แวดล้อมเราอยู่ในที่สงบ
    จะเป็นกำแพงปกป้องเราได้ ครับ


    เรารักษาศีล ศีลรักษาเรา :cool:
     
  6. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    บทความในส่วนนี้เป็นของ เสธ.4 ค่ะ

    จะมีเสธ.อยู่ 4 ท่าน
    ได้โพสข้อความถามไปแล้วค่ะ ยังไม่มีคำตอบกลับมา
    คิดว่าเดี๋ยวต้องมีบทความเกี่ยวกับสงครามชีวภาพมาให้อ่านค่ะ
     
  7. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 25 ก.ค.57 แฉ..หลักฐาน เสื้อแดงถูกหลอกต้มจากเผาไทย และแดง นปช.ให้ติดคุกฟรีๆ ยาว

    ในปี 2552 ที่เผาไทยและกลุ่มติดอาวุธ นปช.วางเพลิงเผามหานครกรุงเทพ รอบแรก แต่กลับไม่สามารถบรรลุผลการเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ ดังนั้นในปี 2553 จึปรับแผนโดยนอกจากวางเพลิงเผาแล้ว ยังต้องส่งกองกำลังชายชุดดำ เข้ายิงหัวเสื้อแดงพวกเดียวกันเอง และยิงต่อสู้กับทหารด้วย จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไป 90 ราย

    จากนั้นมาสมัยรัฐบาลหล่อใหญ่ มีการไล่จับกุมเสื้อแดงที่เผาสถานที่ราชการ และชายชุดดำที่ยิงเสื้อแดง จนจับและส่งฟ้องศาลดำเนินคดีได้ บางคดีศาลตัดสินในสมัยนี้ บางคดีศาลตัดสินในสมัยปูเน่าเป็นนายกฯ จนศาลสั่งจำคุกนักโทษอาญาเหล่านี้รวมประมาณ 200 กว่าราย และเผาไทย อ้างว่าพวกนี้เป็นนักโทษทางการเมือง แค่คิดต่าง ต้องให้อยู่อย่างสะดวกสบาย จึงย้ายไปอยู่ที่เรือนจำหลักสี่ โดยไม่ยอมช่วยเหลือใดๆ ทางคดี เพราะกลัวเสื้อแดงจะซัดทอดแกนนำ

    ต่อมา กรมราชทัณฑ์ ได้อนุมัติให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำชั่วคราวหลักสี่จำนวน 22 คน เป็นผู้ต้องขังชาย 20 คน ผู้ต้องขังหญิง 2 คน กลับไปคุมยังเรือนจำตามภูมิลำเนา เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องขัง เป็นผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลและมีกำหนดโทษชัดเจนแล้ว

    ส่วนใหญ่ต้องโทษจำคุกเป็นเวลานาน เพราะก่อคดีที่มีโทษสูง เช่น วางเพลิงเผาศาลากลางจังหวัด หรือ เผาสถานที่ต่างๆ หรือ การใช้อาวุธสงคราม ที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมได้พิสูจน์แล้วว่าผู้ต้องขังกลุ่มนี้ “ ไม่ใช่ผู้ต้องขังคดีการเมือง” แต่เป็นผู้ต้องขังคดีอาญาทั่วไป จึงสมควรย้ายกลับคุมขังยังเรือนจำที่มีอำนาจควบคุม

    นอกจากนี้เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ใช้คุมขังผู้ต้องขังจำนวนน้อยมาก แต่มีภาระค่าใช้จ่ายสูงเฉลี่ยปีละกว่า 1 ล้านบาท แต่เหลือผู้ถูกขังแค่ 22 คน สถานที่ดังกล่าวจะปิดการใช้งานเนื่องจากขณะนี้ไม่มีผู้ต้องขังคดีการเมือง ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในขั้นสอบสวน หรือการพิจารณาคดีในขั้นศาลแล้ว

    ที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ ได้ทยอยย้ายผู้ต้องขังไปยังเรือนจำภูมิลำเนาแล้วล็อตแรกจำนวน 6 คน ส่วนที่เหลืออีก16 คนจะทยอยย้ายให้เสร็จสิ้นภายใน ก.ค.57 นี้ ในการย้ายผู้ต้องขังครั้งนี้ไม่มีแกนนำ นปช.คนใดมาให้กำลังใจนักโทษวางเพลิงเผาเมืองเลยสักคน

    ที่ผ่านมาเสื้อแดงที่ติดคุกไปแล้วราว 200 คน พวกนี้ถูก เผาไทย และแกนนำกลุ่มติดอาวุธ นปช.หลอกลวง ในปี 52 -53 ให้เผาสถานที่ ทรัพย์สินราชการ , ในจำนวนนี้ในปี 53 ให้ยิงหัวเสื้อแดงพวกเดียวกันเอง และ ทหาร จนตายไป 90 ราย แล้วแกนนำ นปช. หลอกเสื้อแดงว่าจะให้เงินจำนวนมากหลายล้านบาท

    แต่มีราวกว่า 180 คน หลังจากติดคุก และพ้นโทษไปแล้ว ก็ยังไม่มีใครได้รับเงินดังกล่าวจาก นปช.เลยแม้แต่รายเดียว เพราะแกนนำได้อมเงินที่คนแดนไกลให้มา เป็นของส่วนตัวไปหมดแล้ว ที่เหลือ 20 รายนี้ จึงเป็นโทษหนักที่ยังไม่พ้นระยะเวลาต้องโทษตามคำพิพากษา

    ประชาชน มักไม่ค่อยรู้ว่าผู้ก่อเหตุเผาเมือง และชายชุดดำที่ยิงหัวเสื้อแดงพวกเดียวกันเอง ในปี 53 โดนจับกุมไปแล้วจำนวนมากกว่า 200 รายแล้ว และรับโทษจนออกจากคุกไปแล้วจำนวนมาก เหตุเพราะรัฐบาลเผาไทยที่ผ่านมาปิดข่าว กลัวว่าประชาชนจะรู้ว่าเผาไทย และแกนนำกลุ่มติดอาวุธ นปช.เป็นพวกหลอกลวงต้มตุ๋น 18 มงกุฎ ซึ่งจะกระทบต่อคะแนนเสียงคนชนบทที่เขาไม่รู้ความจริงอะไรเลย

    การย้ายนักโทษครั้งนี้ไปเรือนจำปกติตามภูมิลำเนา ก็แสดงหลักฐานชัดว่าพวกนี้คือนักโทษคดีอาญาธรรมดา ไม่ใช่มีแรงจูงใจทางการเมืองอะไรตามที่เผาไทยอ้างกัน ก็ต้องติดคุกต่อไปที่จังหวัดตนเองจนครบคำพิพากษา บางคนพ้นโทษแล้วก็ยากจนมาก แต่ต้องถูกฟ้องแพ่งต่อเรียกเงินหลายสิบล้านบาท ที่วางเพลิงเผาสถานที่ราชการ

    ถ้าเงินไม่มีจ่ายคืนรัฐ ก็ต้องจำคุกชดใช้อีกตามกฎหมาย อาจยาวนานอีกหลายสิบปีเลยทีเดียว ต่อจากคดีอาญาที่พ้นโทษเดิม ที่ผ่านมาพวกที่พ้นโทษพวกนี้ พยายามเข้าหาแกนนำเผาไทย และ นปช.ที่สั่งการให้พวกเขาเผาสถานที่ราชการ และยิงหัวพวกเดียวกันเอง แต่ก็ไม่เคยเข้าใกล้แกนนำได้เลย ถูกลอยแพมาตลอด

    ย้อนรอยอดีตสหายเสื้อแดง Robert Garcia ได้ส่งคำเตือนความหลอกหลวง นักต้มตุ๋น 18 มงกุฎของ เผาไทย และ แดงติดอาวุธ นปช. มาให้พี่น้องเสื้อแดงได้อ่านกัน จะได้ไม่ลืม และเป็นเครื่องเตือนใจ อย่าฝักไฝ่แดงอีกในอนาคต...นี่คือคำพูดของ Robert Garcia ที่ตัดตอนบางส่วนสำคัญมาบอกต่ออีกที...

    เขานี่แหละคือกลุ่มอดีตเสื้อแดงที่เคยร่วมม็อบในปี 53 เขาเล่าให้ฟังว่าทำไมคนสนับสนุนเสื้อแดงทำไมลดลง ? โดยขอเล่าไปถึงกำเนิดคนเสื้อแดงให้ฟังกันก่อน

    แรกเริ่มเดิมทีนั้นคนสนับสนุนคนแดนไกล จะมีกลุ่มคนรักเขาเท่านั้น แต่คนแดนไกลมองว่ากลุ่มริเบอรัล ต่อต้านระบอบกษัตริย์ที่มีอยู่ปัจจุบันก็มีไม่น้อย เขาเลยชักชวนพวกนั้นมาร่วมด้วย เพราะริเบอรัล อยากให้ประเทศไทยไม่มีระบอบกษัตริย์ ต้องการให้ประเทศไทยเป็น ประชาธิปไตยที่ฆ่าคนได้แบบเสรี เหมือนอเมริกามีประธานาธิบดีมีอำนาจเผด็จการสูงสุด ซึ่งมันตรงใจกับคนแดนไกล ที่อยากจะเป็นประธานาธิบดีอยู่แล้ว แต่ขาดแรงหนุน

    กลุ่มริเบอรัลเดิมมีไม่น้อย แต่แสดงตัวลำบาก มีมานานตั้งแต่สมัย 6 ตุลา 2514 ทั้งนักกฎหมาย เด็กนอก นักวิชาการ นักธุรกิจ พวกนักศึกษาหัวก้าวหน้า และอดีตนักโทษยุคคอมมิวนิสต์ที่ได้รับอภัยโทษออกมาหมดแล้ว หลักๆ ดังๆ ก็มี ชูพงษ์ , ใจ , สุรชัย , ก่อแก้ว , เป็นแกนนำกลุ่มริเบอรัล

    พวกริเบอรัล เห็นว่าคนๆ เดียวที่มีพาวเวอร์ล้มระบอบกษัตริย์ได้ คือคนแดนไกลเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่มีใครที่ทำได้ใกล้เคียงเลย จึงตัดสินใจเข้าร่วมมือกัน ในขณะนั้นเองได้เกิดรัฐประหารปี 2549 ก็ได้กลุ่มคนที่ไม่ชอบการรัฐประหาร มาเพิ่มเติมเป็นพวกด้วย ในยุคแรกๆ คนแดนไกล และริเบอรัลจึงร่วมมือกัน “ปล่อยข่าวใส่ร้าย” ว่าเบื้องสูงเป็นคนสั่งรัฐประหาร เพื่อดึงกลุ่มคนต่อต้านรัฐประหารมาเป็นพวกด้วย

    เมื่อได้กลุ่มใหญ่มากพอ ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มคนรักคนแดนไกล กลุ่มริเบอรัล กลุ่มต่อต้านรัฐประหาร แกนนำจากทั้ง 3 กลุ่มนี้ จึงตกลงใจก่อตั้ง “กลุ่มคนเสื้อแดง” เพื่อช่วยกันสู้กับกลุ่มคนเสื้อเหลืองในขณะนั้น...นี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเสื้อแดง

    เมื่อหล่อใหญ่ ได้เป็นนายกฯ เหตุเพราะกลุ่มเนวิน ที่เคยสนับสนุนคนแดนไกลได้แปรพักตร์มาสนับสนุนยกมือโหวตหล่อใหญ่ในสภา ให้เป็นนายกฯ ซึ่งถ้าตามกฎหมายก็ถูกแล้ว เพราะถือว่าเป็นนายกฯ ด้วยจำนวนโหวตของ ส.ส.เสียงข้างมาก แต่แกนนำคนเสื้อแดงจะบอกพูดหลอกลวงเสมอว่าหล่อใหญ่ได้เป็นนายกฯ เพราะทหารแต่งตั้ง..ทำให้คนยากจน แท็กซี่ คนชนบท ที่ไม่รู้กฎหมาย ก็เชื่อแบบหัวปักหัวปำ

    แกนนำเสื้อแดง มีคำสั่งให้คนเสื้อแดงทุกคนด่าทหารกับเบื้องสูง และบอกคนเสื้อแดงว่าทุกเรื่องในโลกนี้ รวมถึงคดีความโกงบ้านกินเมืองของคนแดนไกล ต่างโดนอำนาจนอกรัฐธรรมนูญใส่ร้ายทั้งนั้น..แล้วคนเสื้อแดงก็เชื่อแบบถูกสะกดจิตอีก

    ปี 2552 จึงได้รวมคนเสื้อแดงมาปั่นป่วนวางเพลิงเผา กทม.รอบแรก แต่ไม่สำเร็จเพราะหล่อใหญ่ไม่ยอมลาออกตามแรงกดดัน เพราะคนเห็นชัดเจนว่าเสื้อแดงทำผิดกฎหมาย และจำนวนไม่มากพอ แม้จะใช้ความรุนแรง ก็สู้ไม่ได้เพราะยิ่งเสื้อแดงยิ่งใช้ความรุนแรงเผายาง ปิดถนน เผารถเมล์ ทุบทำลายสถานที่สำคัญ ป่วนการประชุมนานาชาติอาเซี่ยน

    แต่กลับทำให้หล่อใหญ่ ยิ่งมีความชอบธรรมที่จะใช้กฎหมาย พรบ.ความมั่นคง และ พรก.ฉุกเฉิน ในการสั่งทหารมาหยุดความบ้าคลั่งของคนเสื้อแดงที่ใช้ความรุนแรงได้ ส่งผลให้คนแดนไกล และแกนนำ นปช.ผิดหวังมาก ที่ปี 2552 ไม่มีคนตายมีแต่คนเจ็บเลยสักคน โดยฝีมือทหาร ทั้งๆ ที่ นปช.เอาชีวิตคนเสื้อแดงมาประเคนให้ยิงแล้ว แต่ทหารก็กลับไม่ทำร้ายคนไทยด้วยกัน

    ปี 2553 จึงเป็นการวางแผนแก้เกมส์ของคนแดนไกล ด้วยการประกาศรวมพลังครั้งใหญ่ แต่งานนี้มีแผน 2 เพิ่มเติมเข้ามา คือ “ต้องมีศพคนตายให้ได้ ” ถ้าทหารไม่ยิงคนเสื้อแดง คนแดนไกล และแกนนำ นปช.ก็ต้องจัดหาคนมายิงเอง เพราะถ้ามีศพรัฐบาลยุคนั้น กับทหาร ก็จะหมดความชอบธรรมโดยทันที

    คิดดูสิ ถ้ามีคนตายใครได้ประโยชน์ ?? และใครเสียประโยชน์ ?? ยิ่งมีศพมากยิ่งมีประโยชน์ต่อคนเสื้อแดงมาก ทุกครั้งที่มีเสื้อแดงตายสิ่งที่แกนนำสั่งก็คือ “ให้แห่ศพคนตายไปทั่วๆ” ให้ทุกคนในสังคมถูกหลอก จากการโฆษณาชวนเชื่อให้ได้ว่า รัฐบาลหล่อใหญ่ และทหารใช้ความรุนแรงปราบผู้ชุมนุมจนถึงแก่ชีวิต

    พอหลอกลวงต้มตุ๋นสังคมได้เท่านั้นแหละ คนเสื้อแดงก็ออกมาร่วมขับไล่รัฐบาลยุคนั้นมากขึ้น และรุนแรงขึ้น ชายชุดดำที่ออกมายิงกับทหารก็คือกองกำลังติดอาวุธของ นปช.เอง แต่แกนนำจะพูดในม็อบทุกครั้งว่า คืนนี้จะเตือนรัฐบาลว่าจะมีชายชุดดำมาสร้างสถานการณ์ ใส่ร้ายคนเสื้อแดง

    โดยชายชุดดำ จะโผล่มายิงกับทหารทุกครั้งที่แกนนำแดง นปช.พูด เหมือนนัดกันมา ส่งผลให้ทั้งทหาร และคนเสื้อแดงก็ตาย ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ใช่เสื้อแดงก็ตาย แต่ทุกๆ คนที่ตาย แกนนำจะมาพูดหลอกลวงต้มตุ๋นใส่ร้าย บนเวทีว่าทุกคนที่ตายคือการยิงของทหาร ทั้งๆ ที่มีชายชุดดำออกมายิงประชาชนด้วย แต่แกนนำ นปช.จะไม่พูดถึงชายชุดดำ

    แถมแกนนำ นปช. ยังชมชายชุดดำอีก ที่มาช่วยคนเสื้อแดง แกนนำมักจะพูดเสมอว่าชายชุดดำมาช่วยคนเสื้อแดง แต่ไม่ใช่พวกเดียวกันกับเสื้อแดง คนล่างเวทีก็เฮกันใหญ่

    จุดหักเห และ หักหลังกันเองได้เริ่มต้นขึ้น ในช่วงวันที่มีการขอคืนพื้นที่ชุมนุมหลายๆ จังหวัดก็มีคนเสื้อแดงออกมาเผาศาลากลาง โดยที่แกนนำแดง นปช. ประกาศบอกว่า กลุ่มคนในจังหวัดไหนที่เผาศาลากลางได้ จะได้เงินคนละ 1.5 ล้านบาท ส่วนในกรุงเทพก็เผาได้ทุกที่

    แน่นอนใครๆ ที่เป็นเสื้อแดงยากจน ก็อยากได้เงินค่าจ้างวางเพลิงนี้ จึงออกไปเผากันหลายแห่ง เพราะแกนนำบอกว่ารัฐบาลยุคนั้นนี้หมดความชอบธรรมแล้ว การทำลายทรัพย์สินราชการทุกอย่างคนเสื้อแดงสามารถทำได้เลย เพราะหล่อใหญ่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย คนแพ้สงครามเป็นคนจ่าย ให้คนเสื้อแดงเผาได้เต็มที่

    พวกชาวเสื้อแดงที่ลุ่มหลงคำโกหกก็ทำตาม เพราะคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้องด้วย ได้เงินมากมายด้วย ในเหตุการณ์เผาเซ็นทรัลเวิร์ล และบิ๊กซีราชดำริ พวกเขาก็ทั้งเผา และเสียดายของในห้าง
    หยิบอะไรได้ก็หยิบกันไป เพราะเสียดาย ถ้ามันจะไหม้ไฟ

    หลังเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่การชุมนุม มีคนเสื้อแดงมากมาย หลายคนถูกจับด้วยข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ม.112 บ้าง ข้อหาบุกรุกเผาสถานที่ราชการบ้าง พกอาวุธบ้าง ส่วนชาวบ้านที่อยู่แยกราชประสงค์ ที่แกนนำ นปช. ทอดทิ้งไปในตอนนั้น ตอนแรกคนเสื้อแดงเข้าใจผิด คิดว่าจะโดนฆ่าแล้วเอาขึ้นรถบรรทุกไปฝังดิน แต่ความจริงรัฐบาลยุคนั้น แค่พานั่งรถทัวร์พาส่งกลับบ้านเท่านั้น

    คนเสื้อแดงในม็อบบางคนอยากกลับนานแล้ว แต่แกนนำ นปช.บังคับด้วยอาวุธปืน บอกไม่ให้กลับ ถ้ากลับต้องตาย แล้วจ่ายให้เงินนิดหน่อยมาแทน แล้วบอกว่าขออยู่ช่วยกัน สักวันสองวันก็ได้กลับแล้ว แต่เวลาผ่านไปจนแล้วจนเล่า อยู่มาเป็นเดือนก็ไม่ได้กลับบ้านซักที

    เสื้อแดงที่เข้าคุกมีหลายคนมาก ตอนแรกแกนนำแดง นปช. รับปากว่าจะช่วย ถ้าเผาไทยได้เป็นรัฐบาล ขอให้พี่น้องช่วยกันสนับสนุนเลือกเผาไทยเป็นรัฐบาล ทางเผาไทยสัญญาว่า ทันทีที่เป็นรัฐบาล จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ช่วยคนเสื้อแดงทุกคนให้ออกจากคุก และจะให้เงินชดเชยคนที่ตาย ครอบครัวละ 10 ล้านบาท ไม่ว่าคนที่ตายนั้นจะเป็นคนเสื้อแดงหรือไม่

    พวกคนเสื้อแดง ไม่อยากให้คนเสื้อแดงด้วยกัน ต้องติดคุกฟรีๆ ตายฟรีๆ จึงหลงกลเชื่อคำหลอกลวงอีกครั้งแบบจำใจ สนับสนุนเลือกเผาไทย เพื่อจะช่วยเยียวยาคนสูญเสียโดยเร็วที่สุด
    เพราะทุกคนที่เข้าคุกมีชีวิตอยู่อย่างลำบาก บางคนเป็นหัวหน้าครอบครัว ครอบครัวตัวเองพลอยลำบากไปด้วย

    แต่หลังจากที่เผาไทยได้เป็นรัฐบาล คนเสื้อแดงก็รอว่าเมื่อไหร่กฏหมายนิรโทษกรรมจะออก แต่แล้วก็น่าแปลกใจที่แกนนำที่เป็นคนพูด ว่าจะรับผิดชอบแทนพวกเขา ถ้าโดนจับได้กลับออกจากคุกก่อน เพราะปุเน่าถืออำนาจรัฐ ทั้งๆ ที่เป็นคนสั่งเผา แกนนำแดง นปช.เป็นคนบอกให้พวกเขาตะโกนด่าเบื้องสูง หลอกลวงใส่ร้ายบอกพวกเขาว่าเบื้องสูงสั่งทหารยิงพวกเขา

    แต่คนที่โดนจับ คือ คนเสื้อแดงที่ตะโกนด่า แต่แกนนำแดง นปช. ที่เป้นต้นเสียงบนเวที ตะโกนนำ แต่ได้ออกจากคุกไปก่อน ได้เป็น ส.ส.ได้เป็นรัฐมนตรี เพราะเป็นคำสั่งคนแดนไกล สั่งปูเน่าให้ใช้อำนาจรัฐบีบข้าราชการ ให้ทำตามแต่ใจทุกอย่าง

    มีการใช้เงินภาษีชาติ จ่ายเงินชดเชยคนตาย แต่ให้เพียง 7.5 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ตอนแรกสัญญาจะให้ 10 ล้านบาท แต่หลายๆ ครอบครัวก็ต้องรับๆ ไปดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แค่พวกเขาไม่เข้าใจว่าไหนๆ มันก็เงินภาษีคนทั้งชาติอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ให้คนเสื้อแดงเต็มตามสัญญาไปเลย คนเสื้อแดงอยากได้เงินมากๆ ไม่สนใจว่าจะเป็นภาษีหรือเงินใคร

    คนเสื้อแดงที่อยู่ในคุกก็อยู่ลำบาก โดยเฉพาะข้อหาหมิ่น มาตรา 112 โดนคนคุกทุกแห่ง จะรุมซ้อมและกลั่นแกล้ง นักโทษในคุกที่มีข้อหาฆ่าคนตาย จะเตะ ต่อย คนที่ติดคุกเพราะด่าเบื้องสูง เตะไปพูดไปว่าถึงกูจะฆ่าคนตาย ก็ไม่เลวเท่าคนเสื้อแดงอย่างพวกมึง คนเสื้อแดงที่ติดคุก ก็ได้แต่ร้องขอและสำนึกผิด แล้วรอเวลาว่าเมื่อไหร่ จะมีกฏหมายนิรโทษจะได้ไปให้พ้นนรกเสียที

    แกนนำแดง นปช. ที่ตอนแรกที่พ้นโทษออกไปก่อน ก็สร้างภาพมาเยี่ยมแค่ช่วงแรกพร้อมกับนักข่าว และต้อนให้พวกเขามาต้อนรับ แต่พอแกนนำได้เป็น ส.ส.ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ก็ไม่เคยกลับมาแม้แต่ชายตามองอีกเลย นี่หรือคนที่บอกว่าผมจะรับผิดชอบเอง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่านักโทษคดีหมิ่น ม.112 แกนนำจะไม่ให้เข้าใกล้ และไม่มารับด้วย ไม่รู้เพราะอะไร

    ทั้งๆที่ตอนอยู่ในม็อบ แกนนำ นปช. ก็มาเล่าหลอกลวงแทบข้างหูคนเสื้อแดงทุกคนว่า ใส่ร้ายเบื้องสูงทำอะไรบ้าง แกล้งอะไรพวกเขาบ้าง ทำให้คนเสื้อแดงเชื่อแบบหัวปักหัวปำ จนกระทั่งถึงวันที่รัฐบาลเผาไทย จะผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อจะช่วยคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 1พฤศจิกายน 2556 กลับแอบเปลี่ยนเนื้อหาในกฎหมายนั้น โดยใครที่ผิดเรื่องหมิ่นฯ มาตรา 112 ไม่นิรโทษ แต่ที่สำคัญเด็ดดวง คือ แอบแทรกนิรโทษ คดีทุจริตของคนแดนไกล ย้อนไปตั้งแต่ปี 2547 ถึงปัจจุบันมาด้วย พวกเสื้อแดงในคุก ถึงกับโกรธแค้นในสิ่งที่รัฐบาลเผาไทย หักหลัง เพราะไหนแกนนำ นปช. บอกว่าจะช่วยทุกคน

    ไหนบอกจะเอาผิดหล่อใหญ่ กับ สุเทพ เอาผิดกับทหาร แต่กลับหักหลังคนเสื้อแดง และทอดทิ้งเสื้อแดงที่หมิ่นในคดีมาตรา 112 ทั้งๆ ที่ใส้เดือนเต้น กับ ก่อแก้ว เป็นคนที่สอนให้คนเสื้อแดงด่าเบื้องสูงแท้ๆ แต่กลับได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี และ ส.ส.เผาไทย

    นี่จึงเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่คนเสื้อแดง ที่เป็นกลุ่มต่อต้านปฏิวัติรัฐประหาร และกลุ่มคนรักคนแดนไกลหลายคนทนไม่ได้ ที่เผาไทย และแกนนำแดง นปช.หักหลังพวกเขา เอาพวกริเบอรัลมาร่วมด้วย แต่คนรับโทษจำคุก กลับเป็นคนเสื้อแดงที่เรียกร้องประชาธิปไตย โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แต่แกนนำ นปช.บอกว่า ประชาธิปไตย คือ ได้เงินมากๆ

    พวกแกนนำ นปช.ทอดทิ้งคนเสื้อแดง หักหลังพวกเขา แทนที่จะช่วยพวกเขาก่อน แต่กลับเลือกช่วยคนแดนไกลก่อน พอฉบับของ วรชัย สุดซอยไม่ผ่าน แทนที่เผาไทยก็ใช้ฉบับที่ช่วยเฉพาะประชาชนก่อนก็ไม่ทำ เพราะหมายความว่าไม่ได้ช่วยคนแดนไกลด้วย

    แปลว่าถ้าช่วยคนแดนไกลไม่ได้ เผาไทยก็จะเอาชีวิตคนเสื้อแดงที่ถูกหลอก ให้อยู่ในคุกต่อไปเพื่อเป็นตัวประกัน นี่หรือคือความจริงใจที่ออกจากปากของ สหายเสื้อแดง Robert Garcia

    สิ่งที่ปาริชาติพูดแฉ ที่เวที กปปส.ราชดำเนินเป็นความจริง ว่าแกนนำ นปช.จ้างให้เผาศาลากลาง แต่แกนนำกลับให้เงินผัวปาริชาติ เพื่อปกปิดข่าวของเสื้อแดงในคุก แกนนำแดง นปช. มองเห็นเสื้อแดงเป็นเบี้ยเท่านั้นเอง

    จนมาถึงตอนที่แกนนำเผาไทย และ นปช. เรียกคนเสื้อแดงมาที่สนามกีฬาราชมังคลา เมื่อปลาย พ.ย.56 ปากบอกว่าปกป้องรัฐบาลปูเน่า แต่แท้จริงปกป้องตำแหน่งตัวเอง เขาจะไม่รู้สึกแย่เลยถ้าคนเสื้อแดงอยู่เฉยๆ ในสนามราชมังคลา ด้วยความสงบ เหมือนการชุมนุม กปปส. แต่แกนนำ นปช.กลับใช้แผนเดิมอีกแล้ว ที่ต้องการได้ศพคนเสื้อแดงเยอะๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการออกมาปกป้องรัฐบาล

    มันพลาดตรงไหนรู้ไหม ?? พลาดตรงที่ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักศึกษารามคำแหง แกนนำเผาไทย และแกนนำกลุ่มติดอาวุธ นปช. สั่งให้การ์ด นปช. กับนักรบพระองค์ดำ ไปไล่ยิงนักศึกษา นั่นเท่ากับว่าเผาไทย ได้เปิดศึกกับคนเสื้อแดงสายในรามคำแหงด้วย เพราะในรามคำแหงมีเสื้อแดงมากพอสมควร

    ถ้าสังเกตดูวันที่หลายมหาวิทยาลัย ออกมาต้านกฎหมายนิรโทษกรรม มหาวิทยาลัยที่ไม่เคลื่อนไหวเลยคือรามคำแหง แต่ที่นักศึกษารามเสื้อแดง ออกมาวันที่ 30 พ.ย.56 เพราะแกนนำ นปช. ส่งเสื้อแดงไปรบกวนชาวบ้าน กับนักศึกษา ไปกรีดรูปพ่อขุนยั่วยุ ให้เกิดการปะทะให้มีศพ โดยไม่สนใจว่าถึงเป็นเสื้อแดงก็รักสถาบันศึกษาด้วย

    ทั้งที่ๆ ใส้เดือนเต้น กับ คางคกตู่ ก็เป็นศิษย์เก่าที่มีสายสัมพันธ์กับรามคำแหง แต่สิ่งที่แกนนำ นปช.ทำโดยส่งกองกำลังติดอาวุธ โจมตีรามคำแหงครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดการถอนตัวของคนเสื้อแดงจำนวนมาก

    ส่งผลให้เสื้อแดงที่รับโทษ ญาติๆ เพื่อนๆ ชาวเสื้อแดง ที่ถูกหักหลังครั้งนี้หลายพันคนต่างก็เลิกสนับสนุนรัฐบาลเผาไทยแล้ว ไม่เอาแล้ว เผาไทยหักหลังคนเสื้อแดงที่ติดคุก เสื้อแดงรามคำแหง เสื้อแดงริเบอรัล..เผาไทยหักหลังทุกคนเพื่อตัวเองเท่านั้น แกนนำ นปช.กลับขอเครื่องราช

    เสื้อแดงที่เอามาทิ้งขว้างในกรุงเทพ แล้วปล่อยให้กลับเองทั้ง 2 ครั้ง เสื้อแดงที่แกนนำ นปช. ใช้ให้ไปเผา แต่กลับไม่รับผิดชอบอย่างที่พูดไว้ เสื้อแดงที่รับโทษ ญาติๆ เพื่อนๆชาวเสื้อแดงที่ถูกหักหลัง หลายพันคน ต่างก็เลิกสนับสนุนรัฐบาลเผาไทยแล้ว ไม่เอาแล้ว

    ถ้าตอนนี้จะมีฐานเสียงหนุนเผาไทย ก็มีแค่พวกเสื้อแดงที่นั่งกดคีย์บอร์ดในโลกไซเบอร์เท่านั้น แต่คนเสื้อแดงที่เคยเป็นโล่มนุษย์ ให้แกนนำ เผาไทย นปช. ในปี 53 ที่เคยออกมาลุยด้วยกันจะไม่มีใครออกไปอีกต่อไปแล้ว

    พอกันที เสื้อแดงที่ถูกเผาไทย และ นปช.หลอกลวงต้มตุ๋น ต่างก็เลิกสนับสนุนเผาไทยแล้ว ต่อมาได้หันไปเข้าร่วมกับมวลชน กปปส.เป่านกหวีด เพราะเผาไทยไม่ฟังเสียงคนเสื้อแดงเลย กดขี่เหมือนทาส ทำให้มีคนเสื้อแดงจำนวนมหาศาลอยู่ในมวลชน กปปส.ตลอด

    ป้ายคำว่า เสื้อแดงกลับใจ ในโทรทัศน์ช่องบลูสกาย คือพวกเขาเอง พวกเขายินดีจะพาทุกคนไปพูดคุยเรื่องความจริงจากคนเสื้อแดงในคุก และเสื้อแดงในรามคำแหง กบกางเกงใน ก็คืออดีตกลุ่มเสื้อแดงปี 53 ที่ถูกหลอก เสื้อแดงกลับใจ ต่างก็โดนคนเสื้อแดงที่เคยรู้จักข่มขู่จะเอาชีวิต แต่พวกเขาไม่กลัว ถ้าอยากจะฆ่า เขาก็พร้อมจะสู้

    สหายเสื้อแดง Robert Garcia บอกว่าไม่ต้องเชื่อเขาก็ได้ แต่ให้แค่ไปที่เรือนจำ แล้วขอเยี่ยมนักโทษคนเสื้อแดง แล้วถามในสิ่งที่อยากรู้ไปเลยทุกเรื่อง คำตอบที่จะได้กับสิ่งที่เขาบอกนี้รับรองว่าเหมือนกันทุกประการ

    ทั้งใส้เดือนเต้น คางคกตู่ ก่อแก้ว ได้ดิบได้ดี แตกต่างกับคนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่เขาหลอกมาตาย มาติดคุก ถ้าคนเสื้อแดงจะมองเห็น อย่าคิดว่าคนแดนไกล เผาไทย หรือ นปช. มันจะจริงใจกับคนเสื้อแดงเลย

    จำคำพูดตอนที่เผาไทยได้เป็นรัฐบาล และคนแดนไกลโฟนอินพูดว่า พี่น้องไม่ต้องมาส่งผมแล้ว ผมข้ามฝั่งได้แล้วไหม แบบลอยแพเสื้อแดงขอตัดขาดจากกัน พอนานๆไปไม่ได้กลับบ้านซะที ก็มาอ้อนวอนคนเสื้อแดงอีกรอบให้พากลับ ตกลงจะเอาไงกันแน่ เพราะคนเขายอมพลีชีพเพื่อเผาไทย กลับทิ้งขว้างเขาไปแล้ว

    วันที่ 30 พ.ย.56 ที่สนามรัชมังคลา แกนนำ นปช.นัดคนเสื้อแดงมา จ้างคนแทบก้มกราบ แต่คนเสื้อแดงมาน้อยกว่าตอนชุมนุมปี 2552 มากๆ จากคนเสื้อแดงเคยมากันเป็นแสน แต่คราวราชมังคลาเก้าอี้ว่างมากมาย และยังหลุดตกต่ำขนาดจ้างคนคนเวียดนามใส่เสื้อแดงมาอีก
    มาโปะให้ดูเยอะ ๆ เพื่อหลอกตัวเอง

    สส.เผาไทย ทุกคน โหวตแต่กฎหมายงบประมาณ จัดสรรแบ่งกันกิน แต่กลับเก็บคนเสื้อแดงในคุกเป็นตัวประกัน เพื่อเหมาเข่งกับคนแดนไกล ถ้าคนเสื้อแดงจะน้อยลงจนไม่มีเหลือเลย ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะคนแดนไกล เผาไทย แกนนำ นปช. ไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความจริงใจกับคนที่เขาเลือกเข้าไปเลย

    นี่คือคำพูดที่สหายเสื้อแดง Robert Garcia เปิดปากสารภาพเมื่อปลายปี 2556 หลังจากที่ นปช.ส่งการ์ดไปล้อมสังหารหมู่นักศึกษารามคำแหง หวังปิดประตูตีแมว แต่กลับถูกนักศึกษารามฯ ฮึดสู้ จนประทะกันยาวนานกว่า 24 ชั่วโมง

    ต่อมาทหารบก กับ ทหารเรือ ถูกคำสั่งลับ ให้บุกเข้าไปช่วยเหลือนักศึกษารามฯ ที่ถูกล้อมฆ่าอยู่ราว 3,000 คน ออกมาได้อย่างปลอดภัย วันนี้นักโทษเสื้อแดง ที่โดนคดีอาญา ผลจากถูกชักจูงหลอกลวง ทั้ง 20 คน ได้กลับไปติดคุก ตามจังหวัดภูมิลำเนาของพวกเขาแล้ว

    ใครอยากรู้ความจริง ก็ไปเยี่ยมสอบถามได้ จากปากนักโทษเสื้อแดงเหล่านี้เอง แล้วเอามาบอกกล่าวถ่ายทอดต่อๆ กันไปในกลุ่มชาวบ้าน ถึงความเลวร้าย หลอกลวง ต้มตุ๋น ประชาชน ของขบวนการล้มเจ้า เผาไทย และแกนนำติดอาวุธแดง นปช.

    ความจริงจากปากผู้ได้รับผลกรรม จากเชื่อคำลวงเผาไทยเท่านั้น จึงจะสามารถอธิบายต่อคนเสื้อแดงบางคนที่ยังลุ่มหลง อยู่ในโคลนตมแห่งความหลอกลวงได้ ตามสโลแกนที่ว่า “ เชื่อเผาไทย และแดง นปช.ชีวิตพินาศทุกราย “


    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  8. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 27 ก.ค.57 ไขปริศนา..ใคร คือ ผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มติดอาวุธภาคใต้ ศัตรูคนมุสลิม

    จากที่เพจนี้ เคยแฉสงครามชิงน้ำมันบล็อกที่ 3 เหตุการณ์ก่อความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้นั้น ขอนำเนื้อหาบางส่วนตอนนั้น มาทบทวนจุดสำคัญ เพื่อต่อยอดจิ๊กซอกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ให้ทุกคนมองเห็นสภาพการณ์ความเป็นจริงในภาพใหญ่ขึ้น

    สภาพปัญหาชายแดนใต้ของไทย (ประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอำเภอที่ติดชายแดนมาเลเซีย ของจังหวัดสงขลา อันได้แก่ อำเภอจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย) ความรุนแรงที่มีประชาชนในพื้นที่ ช่วง 10 ปี ที่ผ่านมานี้ เกิดเหตุกว่า 9 พันครั้ง

    ตายเกือบ 6 พันราย เจ็บกว่า 1 หมื่นราย ทหารเสียชีวิตกว่า 500 นาย ตำรวจกว่า 300 นาย ครูเกือบ 200 ราย ใช้งบประมาณแก้ปัญหาประมาณปีละ 2 หมื่นล้านบาท สามารถวิเคราะห์สรุปปัญหาความรุนแรง ถึงปัจจุบันได้ 4 ช่วงเวลา คือ

    1. ระยะแรก (ก่อนปี 2544)..มาเลเซียต้องการยึดครอง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่มีอังกฤษให้การสนับสนุน จากความต้องการทางการเมืองที่เคยถูกสยามยึดและควบรวมดินแดนสมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยมีผู้สั่งการก่อความรุนแรง สั่งมาจากมาเลเซีย คือ อดีตสุลต่าน หรืออดีตกษัตริย์รัฐปัตตานี , กลุ่มวาดะห์ ร่วมกับ กลุ่มเบอร์ซาตู

    ระยะนี้สถาบันเบื้องสูงไทย ได้มีบทบาทคลี่คลายสถานการณ์เบาบางลง เนื่องจากสถาบันเบื้องสูง 2 พระองค์ ได้ทรงไปพบหารือกับพระราชาธิบดีของมาเลเซีย จึงมีการจับกุมอาวุธ ผู้ก่อการในมาเลเซีย

    2. ระยะต่อมา ( ปี 2544 – 2549 )..คนแดนไกลเป็นนายกฯ มีการสั่งให้ใช้นโยบาย “กำปั้นเหล็ก” โดยการ อุ้ม ฆ่า ผู้ที่สงสัยก่อความรุนแรง และมีการสังหารหมู่คนมุสลิมจำนวนมาก เช่น กรณีปิดล้อมสังหารในมัสยิดกรือเซะ , กรณีสังหารหมู่ผู้ประท้วงที่โรงพักตากใบ , การอุ้มฆ่าทนายสมชาย และ แกนนำในพื้นที่ๆ คนมุสลิมนับถืออีกจำนวนมาก..เพียงแค่สงสัย !!

    เค้าลางต่อมาตั้งแต่ปี 49 คนแดนไกลเริ่มคิดแผนแบ่งประเทศไทย ออกเป็นหลายประเทศ หรือ การแบ่งแยกดินแดน โดยใช้วาดะห์ และมีการสร้างกลุ่มติดอาวุธลับๆ ที่แยกตัวมาใหม่ อีกหลายกลุ่ม เช่น BRN ฯลฯ ประจวบกับเกิดขบวนการค้าของผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด ค้าน้ำมันเถื่อน เข้ามาผสมโรงกัน

    3. ระยะกลาง ( ปี 2550 – 2555 )..ทั่วโลกการแย่งชิงแหล่งพลังงานกำลังเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก เพราะพลังงานในตะวันออกกลางใกล้จะหมด ในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ก็จะเกิดวิกฤติพลังงานขึ้น ประเทศยักษ์ใหญ่มหาอำนาจ จึงมุ่งหน้าใช้สรรพกำลังเต็มอานุภาพในการแย่งชิงกันอย่างหนัก และชิงแหล่งพลังงานในอ่าวไทย “ ในบล็อกที่ 3 “ที่เป็นส่วนหางของแหล่งน้ำมันที่เชื่อมต่อเป็นสายพลังงาน มาจากหมู่เกาะสแปรตลีย์

    สหรัฐฯ ถึงกับขอรัฐบาลปูเน่า มาตั้งฐานตรวจอากาศในไทย โดยเป้าหมายแท้จริงๆ 2 ประการ คือ ประการแรกเป็นจุดที่ใช้ไทยเป็นสงครามตัวแทน ก่อสงครามหยุดยั้งการแผ่อิทธิพลจีนในเอเซียใต้ ถึงขนาดรีบส่งผู้บัญชาการทางทหารมาไทยทันที และประการสองเพื่อสำรวจแหล่งพลังงานในทะเลจีนใต้ ตรงหมู่เกาะสแปรตลีย์ รวมทั้งในอ่าวไทยในบล็อกที่ 3 ใกล้จังหวัดชายแดนใต้จุดนี้ด้วย

    หากผู้ใดได้สิทธิการครอบครอง อ่าวไทยในบล็อกที่ 3 ก็จะมีมูลค่าโคตรมหาศาลมากกว่า 7 แสนล้าน-ล้านบาททีเดียว เผาไทยจึงมีความพยายาม ทำท่าจะสมยอมกับเขมร ให้ไทยเสียเขาพระวิหาร

    ถึงกับส่งคนไปเจรจากับวีระ ในคุกเขมรถึง 3 ครั้ง เพื่อให้ยอมรับว่ารุกดินแดน จะได้เป็นข้ออ้าง รวบรัดยกดินแดนให้เขมร เป็นต้นเหตุที่ทำให้ ทั้งมาเลเซีย และเขมร พยายาม ที่จะอ้างสิทธิเข้าครอบครองพื้นที่ทางทะเลในอ่าวไทย ทับซ้อนกับไทย ทำให้เขมรมีการอ้างเขตแดนเขาพระวิหารไปฟ้องศาลโลกซ้ำ โดยมีฝรั่งเศสหนุนหลัง

    แต่โชคดีที่ศาลโลกไม่ได้ฟันธงให้เขมรชนะ ไม่งั้นจะทำให้ประเทศไทยถูกฉีกแบ่งแยกดินแดนเขาพระวิหารทันที และเพียงแค่ 1 องศาตรงบนยอดเขาพระวิหาร จุดแบ่งดินแดนเท่านั้น จะส่งผลให้เขมรได้พื้นที่ในทะเลแหล่งพลังงานไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ผลีผลามไม่ได้ จะขัดมติศาลโลก และเกิดสงครามรบพุ่งกัน

    คนเอามัน ก็ยุให้ไทยใช้กำลังทหารบุกไปเอาดินแดนคืนมาเลย คิดเช่นนั้นก็ขอเกณฑ์ทุกคนที่พูดเหล่านั้นเป็นทหารแนวหน้า ติดอาวุธให้แล้วส่งเดินหน้าออกรบชายแดนไปเลยสัก 1 ปี จะได้เข็ดไม่พุดเอามันอย่างเดียว เพราะการสู้รบกันมันใช้ในยามผู้นำประเทศ พูดกันไม่รู้เรื่องแล้วเท่านั้น และทหารทั้ง 2 ฝ่ายก็ตาย ญาติก็เสียใจ

    ราษฎรตลอดแนวชายแดน ไม่เฉพาะจุดสู้รบ เดือดร้อนหมด ลูกปืนใหญ่ตกใส่หลังคาบ้าน นักเรียนต้องหลบในบังเกอร์หลบภัย แต่คนที่ยุ ด่ากราด ตะโกน หรือโพส กลับอยู่ในกรุงเทพ ไม่คิดถึงจิตใจทหาร และชาวบ้าน ลูกเด็กเล็กแดง แนวชายแดนตาดำๆ

    ถ้านึกภาพไม่ออก ให้ดูฉนวนกาซ่า ว่าสภาพเป็นอย่างไรเวลาเกิดสงคราม และตอนนี้ ไทย – เขมร มีสัมพันธ์ดีต่อกัน กระทรวงกลาโหมของไทย เพิ่งต้อนรับ พล.อ.เตีย บัน รมต.กลาโหม กัมพูชา และคณะอย่างสมเกียรติ ตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ระหว่าง 2 ประเทศ เพราะมีตั่วเฮียจีนเป็นกาวใจ คอยปรามเขมรไว้

    ดังนั้นเรื่องดินแดน ต้องใช้คณะกรรมการชายแดนท้องถิ่นระหว่าง 2 ประเทศ (JBC) ประชุมเจรจากันไป ตรงไหนเห็นตรงกัน ก็ปักปันเขตแดนไปเรื่อยๆ จุดใดเห็นต่างกันก็เว้นไว้ ไม่มีใครได้ดินแดนพิพาทไปทั้งสิ้น ตามที่มีบางพวกยังโพสท์บิดเบือนด่ากราดยุยงอยู่ คนที่ไม่รู้ก็หลงเชื่อ จะทะเลาะยิงกันไปทำไม ในเมื่อสงครามใหญ่จากชาติตะวันตกจะมา ภัยร้ายแรงกว่าเขตแดนอีกมากนัก

    4. ระยะปัจจุบัน ( ปี 2556 – ปัจจุบัน )..ระยะนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงรูปแบบใหม่ เพราะมีต่างชาติตะวันตก ตะวันออกกลาง เพื่อนบ้าน (อินโดฯ , มาเลย์ ) และคนแดนไกล รู้เรื่องแหล่งพลังงานในจังหวัดชายแดนใต้นี้ด้วย จึงผสมโรงกันหลายกลุ่ม ปนเปไขว้กันไปหมด เช่น

    4.1 กลุ่มต่างชาติตะวันตก และเครือข่ายนักแสวงโชคทางการเมือง สั่งการก่อการร้าย โดยก่อความรุนแรงกับคนไทยพุทธ และมุสลิมหนักข้อขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่อยู่อาศัยหวาดกลัว และยอมขายที่ดิน ละทิ้งถิ่นฐานอพยพไปอยู่ที่อื่น (คล้ายๆ ยิงระเบิดไล่ที่ปาเลสไตน์ว่างั้นเถอะ) จากนั้น ก็จะไปกว้านช้อนซื้อที่ดิน จากคนท้องถิ่นเหล่านั้น มาเป็นของตนเอง

    ชาติตะวันตก ต้องการจุดชนวนสงครามกลางเมือง ในดินแดนจังหวัดชายแดนใต้ของไทย ให้ลุกลามไปมาเลย์เซีย เพื่อทำให้จุดแถบนี้ สถานการณ์สู้รบเป็นยูเครนแห่งที่ 2 จากนั้น อเมริกา อังกฤษ ก็จะหาเหตุเข้ามาแทรกแซง และยึดช่องแคบมะละกาไว้ เพื่อสยบจีนคล้ายๆ เขาทำตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นแหละ

    เพราะใครยึดช่องแคบมะละกา ที่เป็นจุดเชื่อมต่อของโลกตะวันออก กับโลกตะวันตก ได้เบ็ดเสร็จ โอกาสกำชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็มีมากกว่านั่นเอง การรบกันนอกจากทางบก อากาศ อย่างไรเสียสงครามทางทะเล ก็จะเป็นจุดชี้ขาดชัยชนะสงครามได้ เหมือนสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2

    ระยะนี้เกี่ยวพันคนคนแดนไกล คือ เขาไปที่อังกฤษ เอาผลประโยชน์ชาติน้ำมันในอ่าวไทยในเขต จังหวัดชายแดนใต้ แลกกับอำนาจ เพื่อร้องขอให้อังกฤษสั่งการมาเลเซีย ที่เคยอดีตเมืองขึ้น ให้ร่วมมือกลับกลุ่มวาดะห์ของเผาไทย ก่อการร้าย และให้ลุกลามไปตามหัวเมืองใหญ่ เช่น เบตง หาดใหญ่ และลามมา กรุงเทพ ฯ

    เมื่อ 3 ตระกูลร้ายเผาไทย ออกนอกประเทศ การก่อวินาศกรรม ที่เบตง ยะลา จึงเกิดขึ้น ซึ่งถ้าไปดูย้อนหลังหลายปีที่เขาหนีอยู่ต่างประเทศ จะพบการก่อเหตุเป็นประจำปีทุกครั้ง ก่อนและหลังวันเกิดของเขา เพื่อให้สอดคล้องเนียนๆ ไปกับเดือนรอมดอน ของอิสลาม

    4.2 กลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดน ศัตรูคนมุสลิม เช่น กลุ่ม BRN , RKK ก่อนหน้านี้ยังไม่มีใครที่สามารถอธิบายถึงเหตุผลที่แท้จริงว่า มันเกิดจากสาเหตุใด มีเพียงข้อสันนิษฐานต่างๆ นาๆ เช่น เกิดจากความขัดแย้งทาง เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ที่แตกต่างกัน ถัดมากลุ่มนี้ฝึกอาวุธที่อินโดนีเซีย ปากีสถาน โดยกลุ่มอัลกออีดะห์ ทุนหนุนจากซาอุบางส่วน และมีทุนจากเครือข่ายน้ำมันเถื่อนด้วย

    แรกเริ่มเดิมทีกลุ่มนี้ เป็นคนไทยมุสลิม ที่มีความรู้สึกว่า ตัวเองและพวกพ้อง ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกเอารัดเอาเปรียบจากทางการ จึงร่วมมือกัน เพื่อแยกยินแดนแถบนี้เป็นรัฐอิสระ โดยใช้ข้ออ้างเรื่องศาสนา ทำให้พี่น้องชาวมุสลิมบางส่วนถูกหลอกลวงให้หลงเชื่อ ด้วยการถูกล้างหัวให้เชื่อด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และทำการแข็งข้อกับทางการ จนถูกจับกุมดำเนินคดี

    พอถูกดำเนินคดี ก็ใช้จุดนี้เป็นจุดร่วม ในการเพิ่มหรือขยายแนวร่วมให้เพิ่มและกว้างออกไป แรกๆ ก็ขอเงินช่วยเหลือจากแถบตะวันออกกลาง เช่น ซาอุฯ เพื่อเคลื่อนไหว แต่ต่อมากลายเป็นว่านำเงินเหล่านั้น มาก่อความรุนแรง ที่มิใช่แนวทางแห่งมุสลิม ประเทศตะวันออกกลาง ที่เคยให้การสนับสนุนด้านการเงิน ก็ลดการสนับสนุนลง

    การก่อเหตุแต่ละครั้งต้องใช้เงิน การทำคาร์บอมแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายกว่า 150,000 บาท ระยะหลังไม่ใช่เรื่องความต้องการแบ่งแยกดินแดนแล้ว แต่มันคือผลประโยชน์จากเงินล้วนๆ ขัดกับหลักคำสอนของศาสนาอิลลาม ดังนั้นจึงขอเรียกว่า “กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม “ เพราะทำให้คนมุสลิมดีๆ อีกมากที่เขาอยู่ร่วมกับชาวพุทธด้วยสันติ พลอยเสียหายไปกับกลุ่มหิวเงินนี้ด้วย

    หลักฐานเรื่องนี้ คือ จากเหตุก่อการร้ายล่าสุด ที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม 4 คน ขี่มอเตอร์ไซต์ 2 คัน ตามประกบรถยนต์เก๋ง ส.ต.ต.อัสมิง ยูโซ๊ะ ตำรวจ สภ.โกตาบารู ถูก ส.ต.ต.อัสมิง ขับรถเบียดกลุ่มติดอาวุธล้ม 1 คัน ในระหว่างนั้นทหาร ฉก.นธ.30 ได้เข้ามาช่วยเหลือ และยิงตอบโต้กับกลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม ทำให้คนร้ายเสียชีวิต จำนวน 3 คน มีประวัติดังนี้

    - นายซอฟวัน สาแล๊ะ เคยโดนจับ 1 ครั้ง และให้การสารภาพว่า เป็นเจ้าของรถกระบะที่ใช้ขนปืน จากเหตุปล้นปืนทหาร เมื่อ 19 ม.ค.2554 และยังนำไปสู่การจับกุม ค้นปืน และระเบิด หลังบ้านพ่อตาเขา จนออกออกหมายจับ และได้รับการประกันตัว จนหนีประกันไป

    - อับดุลเลาะ ยูนุ๊ แนวร่วมระดับสั่งการในฟื้นที่

    - นายมะยูดิง หะยีสะนิ เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการกลุ่มแบ่งแยกดินแดนศัตรูคนมุสลิม RKK

    - ส่วน นายอับดุลรอพา สาและรู เป็นลูกเขยโต๊ะอิหม่าม ยะผา กาเซ็ง (เสียชีวิต ภายในวัดสวนธรรม อ.รือเสาะฯ ระหว่างควบคุมตัว ปี 2549) เคยโดนควบคุมตัวแล้ว 1 ครั้ง ผลการซักถามให้การปฏิเสธ และปล่อยตัว ล่าสุดกลางปี 2556 ร่วมก่อเหตุลอบยิง ตำรวจ.สภ.รือเสาะ เสียชีวิต 4 นาย (จากภาพวงจรปิด และผลการซัดทอด) ผลการปะทะครั้งนี้ เขาบาดเจ็บ และหลบหนีไปได้ จาก DNA รองเท้าแตะ และหยดเลือดในที่ปะทะ

    กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม ที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตทุกคน สวมนาฬิกาแบบเดียวกัน “ ยี่ห้อ Timemax “ (หน้าปัดเขียนว่า Timax Expedition) ที่ข้อมือขวาของทั้ง 3 คน ตั้งเวลาตรงกัน แสดงเชิงสัญลักษณ์ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ นาฬิการุ่นนี้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์บอกฝ่าย ของ กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม ที่ผ่านการฝึกระดับคอมมานโด

    ในรุ่นแรกๆ จะเป็นสมาชิกที่เป็นนักศึกษาไปเรียนศาสนาที่อินโดนีเซีย แล้วเข้ารับการฝึกที่ เมืองบันดุง ทางตอนใต้ของเกาะชวา ต่อมาฝ่ายยุทธการของ BRN. Co-ordinate ได้นำหลักสูตรคอมมานโด มาฝึกให้กับสมาชิกกลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม เพื่อก่อเหตุรุนแรงในประเทศไทย

    โดยจะคัดเลือกสมาชิกที่ผ่านการฝึก RKK มาแล้ว เพื่อทำงานด้านการการรบโดยเฉพาะ และมีหน้าที่รับผิดชอบ ในการควบคุมการปฏิบัติการก่อเหตุรุนแรงของสมาชิก RKK โดยเป็นการปฏิบัติงานที่รุนแรงสูงขึ้น เป้าหมายที่ใหญ่ และมีความเสียหาย เดือนร้อนกับคนมุสลิมมากๆ ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น และยังปฏิบัติงานข้ามเขตรับผิดชอบกันได้

    4.3 กลุ่มผลประโยชน์เกี่ยวกับสินค้าหนีภาษี..กลุ่มนี้ผลประโยชน์ล้วนๆ เป็นผู้จ้างกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ให้ก่อการร้าย อีกที หรือมีเจ้าหน้ารัฐส่วนน้อยที่ทำเพราะความโลภ โดยจะก่อความรุนแรงเพื่อเปิดเส้นทางขนของเถื่อน โดยเฉพาะน้ำมันเถื่อนเป็นหลัก เมื่อใดที่หัวหน้าขบสนการค้าน้ำมันเถื่อนถูกจับ สถานการณ์ก็จะรุนแรงขึ้นทันที

    ในโลกนี้เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างมีที่มาที่ไปทั้งสิ้น กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม ก็หิวเงินเพื่อเอาใช้ในการดำเนินการก่อความรุนแรง เป็นค่าแรงผู้ปฏิบัติ ค่าจ้าง ค่าวัสดุ-อุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ รถมอเตอร์ไซต์ และ รถยนต์ ค่าน้ำมันในการเดินทาง ถ้ามีแต่อุดมการณ์ แต่ไม่มีเงินก็คงไม่มีวันบรรลุผลได้

    ดังนั้นแหล่งเงินที่อุดมสมบูรณ์ ก็คือ สินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน และยาเสพติด ที่เป็นสิ่งผิดกฎหมายของไทย ปัจจุบันปัจจัยนี้ คือ ปัจจัยหลักของความรุนแรงในปัจจุบัน และสินค้าหนีภาษีก็ยังแยกย่อยออกเป็นชนิดให้ผลประโยชน์สูง กับ ผลประโยชน์น้อย แต่เสี่ยง

    ผลประโยชน์น้อย แต่เสี่ยงมาก คือ สินค้าหนีภาษี กลุ่มนี้รู้ว่าคงได้เงินไม่มาก สำหรับคนไฮโซอย่างพวกเขาเลยไม่เอา เรื่องยาเสพติด กลุ่มนี้ใช้เพื่อเสพเป็นหลัก เพราะต้องใช้ย้อมใจให้ฮึกเหิมก่อนลงมือ แต่ไม่ใช่ผู้ค้ารายใหญ่ เพราะถูกจับได้ก็ไม่คุ้มกัน เพราะหากถุกจับปริมาณมากๆ ล้อตใหญ่ๆ มีสิทธิ์ถูกประหารชีวิตได้

    ผลประโยชน์มาก เสี่ยงน้อย คือ น้ำมันเถื่อน เพราะทำให้สามารถหาทุนเคลื่อนไหวรวยขัดหลักศาสนาได้มากกว่า โทษที่จะได้รับหากโดนจับกุมจะเบามาก แค่ติดคุกไม่กี่ปี ส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่ได้ ก็พอๆ กับการค้ายาเสพติด กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม จึงคิดว่า ค้าน้ำมันเถื่อนคุ้มค่ากว่า

    เดิมปัญหาเรื่องน้ำมันเถื่อนมีมานานแล้ว โดยมีชาวประมงเป็นผู้ใช้ ไปซื้อเติมกันกลางทะเล ต้นทุนการหาปลาก็จะถูกลง ชาวประมงก็ได้จะกำไรสูงกว่าชาวประมงในพื้นที่อื่น ถ้านำมันเถื่อนเหลือ ก็นำมาขายต่อไปอีกทอดหนึ่ง จนแพปลาบางแห่ง ถึงกับลงทุนดัดแปลงเรือหาปลา เพื่อตบตาตำรวจน้ำ ให้ดูภายนอกเหมือนเรือหาปลา แต่ภายในบรรทุกน้ำมันเถื่อนเต็มลำเรือ

    ปลาไม่หาแล้ว เอาน้ำมันเถื่อนมาขายที่บนฝั่ง เมื่อแพปลาโน้นทำได้ แพปลานี้ก็เอาบ้าง กลายเป็นหลายแห่งทำ เพราะเอามาขายเท่าไรก็หมด แต่ในหลาย ๆ แห่งก็มีปัญหาเรื่องตำรวจน้ำเข้มงวดบ้าง ฝนฟ้าอากาศบ้าง ทำให้ต้องออกไปเอาน้ำมันเถื่อนกลางทะเลมาทีละเยอะ ๆ ซึ่งอาจขายไม่หมด จึงต้องหาที่เก็บน้ำมันบนบก ที่เรียกว่า คลังน้ำมันเถื่อน

    คนในพื้นที่ติดชายแดนไทย - มาเลย์ รู้ดีว่า ราคาน้ำมันที่ฝั่งมาเลย์ ถูกกว่าฝั่งไทยราว 10 กว่าบาท เลยทำทีเป็นนักท่องเที่ยวขับรถข้ามพรมแดนไปเติมน้ำมันในฝั่งมาเลเซีย แล้วก็ขับกลับมาไทย เวลากลับเข้าไทยตอนผ่านด่านก็ตรวจสอบไม่ได้ด้วยว่าเถื่อนหรือไม่ คนในพื้นที่จึงนิยมใช้น้ำมันมาเลย์มากกว่า

    พ่อค้าน้ำมันเถื่อน นอกจากจะนำน้ำมันเถื่อนเข้ามาจากทางทะเลแล้ว ยังดัดแปลงรถบรรทุกน้ำมันข้ามเขตแดน ขนได้เที่ยวละหลายพันลิตร แหล่งนำเข้าน้ำมันเถื่อนทางบกอีกทาง ก็คือน้ำมันถูกกฎหมายจากมาเลย์ แต่ลักลอบนำเข้าไทยแบบผิดกฎหมายโดยไม่ต้องจ่ายภาษีนั่นเอง

    ทำให้น้ำมันที่ถูกกฎหมายของไทย ผลิตส่งมาขายไม่ค่อยดี ทำให้น้ำมันค้างอยู่ในคลังน้ำมันสงขลาในปริมาณมาก และ นานเกินไป เมื่อต้องเร่งระบายน้ำมันเหล่านั้นออกไปด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เมื่อนั้นการก่อเหตุวางระเบิดในหาดใหญ่ และบางอำเภอในสงขลา จะเกิดขึ้นทันที เพื่อบล็อกน้ำมันถูกกฎหมายเลหลังของไทย ไม่ให้ไปแย่งตลาดน้ำมันเถื่อน

    คนที่ได้ประโยชน์จากน้ำมันเถื่อน คือ กลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อน กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม ชาวประมงที่ใช้น้ำมันเถื่อน รถขนส่งสินค้าที่ใช้น้ำมันเถื่อน ชาวบ้านที่เติมน้ำมันเถื่อน ได้ประโยชน์กันทั่วหน้า อ้างว่าน้ำมันในประเทศแพง จึงจำเป็นต้องใช้น้ำมันเถื่อน ผู้ที่เสียประโยชน์ คือ ประเทศไทย และ คนไทยทุกคน เนื่องจากขาดรายได้จากภาษีน้ำมัน ที่ควรจะถูกนำไปเป็นงบประมาณแผ่นดิน และสูญเสียโอกาสพัฒนาประเทศ

    แต่ด้วยคลังน้ำมันเถื่อน จะต้องหลบซ่อนเจ้าหน้าที่ จึงจำเป็นต้องหากลุ่มติดอาวุธมาคุ้มกัน จนกว่าจะลำเลียงไปส่งขายหมด ส่วนกลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อนเอง ก็จำเป็นต้องพึ่งพา กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม พวกนี้เป็นอย่างยิ่ง ในการทำธุระกิจน้ำมันเถื่อน เริ่มตั้งแต่รับน้ำมันเถื่อนเข้าเก็บในคลัง , คุ้มครองคลังน้ำมัน , ลำเลียงน้ำมันไปยังลูกค้าปลายทาง

    ปมมันปัญหามันอยู่ที่ การจะขายน้ำมันเถื่อนให้ได้กำไรมาก ๆ ต้องขายภายไทยเท่านั้น !! เพราะราคาน้ำมันเถื่อนในไทย ถูกกว่าน้ำมันที่ถูกกฎหมาย ราวลิตรละ 10 กว่าบาท ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีรถยนต์ และจักรยานยนต์ จดเบียนประมาณ 1.2 ล้านคัน และยังมีรถขนส่งสินค้าที่จรไปส่งของจากที่อื่นเข้าเติมน้ำมันอีก

    จึงมีความต้องการใช้น้ำมันสูงมาก พ่อค้าน้ำมันเถื่อนจึงรวย ถ้าวันหนึ่งสามารถลำเลียงน้ำมันเถื่อนไปส่งถึงผู้รับช่วงขายได้วันละ 1 แสนลิตร จะได้กำไรวันละ 1 ล้านบาท ความเสี่ยงหลักที่ทำให้ธุรกิจน้ำมันเถื่อนหยุดชงัก คือ ถูกทางการจับกุม ดังนั้นพ่อค้าน้ำมันก็ไปติดสินบนกับ เจ้าหน้าที่รัฐที่เก็บภาษี และมีนิสัยขี้โกงชาติบางส่วน ให้ทำเป็นไม่เห็นเมื่อรถส่งน้ำมันผ่านด่าน

    ระหว่างทาง ก็ไปจ้างกับกลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม เพื่อคุ้มครองการลำเลียงน้ำมันเถื่อนไปยังที่หมายปลายทาง แล้วแบ่งผลกำไรกัน วิธีนี้ก็ความเสี่ยงธุรกิจก็ลดลงจนแทบไม่มี เมื่อไหร่ก็ตามที่รถลำเลียงน้ำมันเถื่อนโดนยึด หรือถูกจับกุม กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม จะอาละวาด ฟาดหัว ฟาดหาง ทันที

    กลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อน กับ กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม จึงไม่สามารถแยกจากกันขาด เพราะหากขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายก็เดี้ยง ทุกอย่างจบกัน รูปแบบ 2 กลุ่มนี้ จึงคล้ายน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า พ่อค้าน้ำมันเถื่อนได้กำไรมาก กลุ่ม กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม ก็ยิ่งได้ส่วนแบ่งจากพ่อค้าในสัดส่วนมากไปด้วย ทำให้ธุระกิจน้ำมันเถื่อนเจริญเติบโตได้

    เมื่อเป้าหมายของทั้งสองกลุ่มตรงกัน คือ “ เงิน “ ดังนั้น กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม อ้างแถข้างๆ คูๆ ว่า ต้องหาเงินจากน้ำมันเถื่อน เพื่อเอามาก่อความรุนแรงแบ่งแยกดินแดนเป็นรัฐอิสระ ส่วนกลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อน ก็อยากได้เงินรวยมากๆ ขึ้นไปอีก ต้องค้าน้ำมันเถื่อนให้ได้ปริมาณมาก ๆ จะได้กำไรมากๆ

    แต่กลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อนก็ฉลาด หากยอมให้ กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม ได้เงินไปมากเกินไป สักวันพวกนี้อาจสามารถแบ่งแยกดินแดนได้ กลุ่มพ่อค้าก็จะเสียประโยชน์อีก เช่น หากแบ่งแยกดินแดนเป็นรัฐอิสระ นโยบายเรื่องราคาน้ำมันภายในรัฐอิสระนั้น จะเป็นเหมือนกับไทยหรือไม่ก็ไม่รู้

    ดังนั้นพ่อค้าน้ำมันเถื่อนเอง ก็คิดหาวิธีต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มกลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม ก่อการร้ายจนแบ่งแยกดินแดนได้สำเร็จ คือ แสร้งสร้างฉากให้เห็นว่าลึกๆ แล้ว ทั้งสองกลุ่มนี้ขัดแย้งกันในเป้าหมาย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่

    โดยปกติแล้วการก่อการร้ายทั่วโลก ในทันทีเมื่อก่อการร้ายเสร็จแล้ว จะมีการออกข้อเรียกร้องว่าจะให้ทางการทำอะไรบ้าง เพื่อแลกเปลี่ยนกับการยุติการก่อเหตุแบบนั้น แต่กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม ของไทย ไม่เคยออกมาเรียกร้องอะไรเลยอย่างเป็นทางการแม้แต่ครั้งเดียว นั่นก็เพราะพวกเขาได้ทรยศกระทำผิดหลักศาสนาอิสลาม มัวเมาหลงติดกับเงินและอำนาจเข้าแล้ว

    ทำให้กลุ่มพ่อค้าน้ำมันเอง ก็พึงพอใจที่ไม่ต้องแยกดินแดนให้สำเร็จ เพราะจะเสียโอกาสสร้างผลกำไร ปัจจุบันเลยกลายเป็นว่า สร้างสถานการณ์เพื่อข่มขู่ชาวบ้าน และทางการให้หวาดกลัว เบี่ยงประเด็น จะได้ไม่สนใจปราบปรามการค้าน้ำมันเถื่อนก็เท่านั้นเอง ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมือง เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม อะไรเลยเพียงแม้เสี้ยวของเส้นผม

    ในเวลานี้ กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม จึงพยายามสร้างความหวาดกลัวให้เต็มพื้นที่อิทธิพล เพื่อให้ชาวบ้านได้ยินชื่อ แล้วกลัวตายจนไม่กล้าเปิดตัวร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นเป็นข้อคิดเตือนใจคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไต้ของไทย (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางอำเภอ ของจังหวัดสงขลา ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย)

    อย่าร่วมมือกับ กลุ่มติดอาวุธศัตรูคนมุสลิม เพราะถ้าขืนนักการเมืองในอนาคตเกิดยอมให้แยกดินแดนได้จริง ๆ ขึ้นมา ก็ยังต้องไปทะเลาะต่อสู้กันเองอีก ชีวิตท่ามกลางห่ากระสุนปืนใหญ่ จะไม่ต่างจากชาวปาเลสไตน์ในฉนวนการซ่า

    อยู่ในราชอาราจักรไทยแบบนี้มีเงินใช้ และมีกินในพื้นที่ ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร พ่อของแผ่นดิน ดีกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่าแน่นอน !!


    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  9. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 29 ก.ค.57 เปิดแผนโครงข่ายรถไฟรางคู่ และเส้นทางใหม่ที่อดีตไม่มี

    ตามภาพ คือ แผนการสร้างทางรถไฟรางคู่ ในยุคที่รัฐบาลเลือกตั้งทำไม่ได้ มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ คสช.ริเริ่มทำ หวังให้ลูกหลานไทยใช้ไปอีกหลายร้อยปี โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ เร่งด่วนต้องทำก่อน , ระยะกลาง และ ระยะสุดท้าย ที่จะทำรางไปเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านถึง 3 ประเทศ ด้วยกัน

    ที่ไม่ทำครั้งเดียวเพราะจะเป็นภาระกับประเทศ เนื่องจากต้องใช้เงินมาก และยุคนี้ประเทศเราไม่อยากเป็นหนี้ใครอีก ประเทศเราไม่ได้ร่ำรวย เราต้องเดินตามรอยพ่อ คือ เศรษฐกิจพอเพียง หาเงินไปทำไป ปัจจุบันที่ คสช.เข้ามาแค่ 2 เดือน ประเทศไทยลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และไม่เกิดประโยชน์ได้มหาศาล (โดยเฉพาะเงินเดือน และเงินไปดูงานเมืองนอกของนักการเมือง) หนี้สาธารณะลดต่ำวูบเหลือราว 47 % เท่านั้น

    จะเห็นว่าสีเขียว และสีฟ้า คือ แผนเส้นทางรถไฟรางคู่ใหม่ ที่น่าสนใจคือ เชื่อมจากประเทศเพื่อนบ้าน จากภาคอีสานมา 3 จุด คือ หนองคาย , นครพนม , อุบล ส่วนภาคใต้ มีถึงภูเก็ต และปาดังเบซา ส่วนภาคเหนือคือไปที่ แม่สอด จ.ตาก ที่จะไปเชื่อมกับพม่า ท่าเรือทวาย และสามารถไปถึงอินเดียได้ อีกหน่อยเราจะขนส่งของพื้นบ้านแต่ละภาคไปแบ่งกันกินทั่วประเทศถูกๆ เช่น ปลาร้า น้ำพริกอ่อง แกงฮังเล อาหารทะเล ฯลฯ จะถึงปลายทางอย่างรวดเร็ว

    เส้นทางรถไฟรางคู่แบบนี้ นักการเมือง จะมึนวิงเวียนหัว และก่อสร้างไม่ได้ เพราะจะไปขัดกับประโยชน์การก่อสร้างถนน ที่นักการเมืองแต่ละคนเปิดบริษัท รับงานของรัฐบาล ที่มีคนของตน เป็น รมต.

    ยิ่งเมื่อนำแผนที่รางรถไฟรางคู่ของจีน และอินเดีย มาทาบประกบ จะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางคมนาคมทางรถไฟ ของคนจำนวนมากถึงราว กว่า 45% ของประชากรโลก จะส่งผลให้ประเทศไทยจะมั่งคั่งที่สุดในประเทศเอเซียใต้

    เรื่องดีๆ แบบนี้นักการเมืองจะไม่มีวันยอมแบ่งประโยชน์ของตน เจียดให้ประชาชน ดังนั้น คสช.จึงต้องจัดให้ เข้ามาปลดแอกประชาชน จากการกดขี่ของนักการเมืองเลือกตั้งขี้โกง ที่จะถูกเขี่ยออกไป และจำกัดการขยายพันธ์

    แต่จะทำไงได้ ก็ทหาร กับ ประชาชน เราคู่ทุกข์คู่ยาก ช่วยเหลือกันมาตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัย 800 กว่าปีแล้ว แต่นักการเมืองเห็บ โลน เพิ่งมาแย่งชิงประโยชน์จากประชาชนไปแค่ 82 ปีเท่านั้น

    ที่ผ่านมา 2 เดือนกว่า ทหารก็ชิงกลับมาคืนประชาชนหลายอย่างแล้ว แต่บางอย่างมันเป็นต้นไม้พิษลงรากลึกมาหลายปี จึงต้องใช้เวลาถอนรากแก้วกันบ้าง แต่ " เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ แต่ทำอย่างมั่นคง " เพื่อความสุขพ่อของแผ่นดิน ของพวกเราทุกคนนั่นเอง


    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  10. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 29 ก.ค.57 ทหารลงสำรวจพื้นที่ เหมืองทองคำแหล่งใหญ่ระดับโลก จ.พิจิตร

    คสช.ได้ส่งทหาร และทีมนักวิชาการ และคณะ ช่วยเป็นทีมวิชาการอิสระลงพื้นที่ เหมืองทองชาตรี จ.พิจิตร เหมืองทองคำแหล่งใหญ่ระดับโลก ที่แอบเนียนๆ ผลิตทองคำส่งออกมากว่า 7 ปี..แต่จ่ายค่าภาคหลวงให้ประเทศไทยแค่ 7%

    ** รายละเอียดเรื่องเดิมนี้ที่ลิ้ง https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/253856138137754

    ทหาร พร้อมคณะนักวิชาการ เข้าไปดูการทำเหมืองแร่ทองคำ สายแหล่งแร่ชาตรีที่พิจิตร ตามที่ คสช.มอบหมาย พบว่าทะเลสาบรูปหัวใจสีฟ้าขนาดใหญ่จริง ทะเลสาบนี้คือบ่อทิ้งน้ำและสารละลายต่างๆ เช่นไซยาไนด์ และโลหะหนักหลังจบกระบวนการถลุงแร่

    ขนาดของรถบรรทุกแร่ขนาด 50 ตัน ที่วิ่งขอบบ่อ ดูคันเล็กนิดเดียว ตอนนี้เพิ่งเริ่มกระบวนการหาข้อเท็จจริง แต่หลักการยุค คสช.นี้...ทรัพย์ในดินของบรรพบุรุษไทย ก็ต้องนำประโยชน์ดูแลคนไทยด้วยกันเองเป็นหลักก่อน


    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน3
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  11. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 30 ก.ค.57 ยุบกองทุนสุรุ่ยสุร่าย ในยุคปูข้าวเน่า โยกเงินมาให้เด็กยืมเรียนสร้างอนาคตแทน

    ที่ประชุม คสช. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ “ ยกเลิก “ การดำเนินงานของกองทุน ตามนโยบายของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในปีงบประมาณ 57 วงเงินรวม 9,925 ล้านบาท คือ

    - โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน (SML) วงเงิน 5,700 ล้านบาท
    - กองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการในหมู่บ้านและชุมชน วงเงิน 3,000 ล้านบาท
    - โครงการพัฒนาเมือง วงเงิน 1,225 ล้านบาท

    ในส่วนของกองทุน SML และกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการฯ นั้น ให้นำเงินไปให้เยาวชนยืมเรียน ในกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แทน (รัฐบาลที่แล้วให้หยุดการให้เด็กกู้ยืมเรียน เพราะไม่ได้คะแนนเสียง )

    ก่อนหน้าจะยุบกองทุนนี้ บรรดานักแสวงโชคทางการเมืองรัฐบาลที่แล้ว มีพฤติกรรมน่ารังเกียจมาก เพราะสมคบกันโกงงบประมาณแผ่นดินเอาไปแบ่งปันกันดื้อ ๆ มีการตั้งงบ ส.ส. กันไว้ถึง 25,000 ล้านบาท (แบ่งกันคนละ 50 ล้านบาท x 500 คน) ดีที่ว่าถูก คสช. ยึดอำนาจ แล้วได้รีบยกเลิกไปเสียก่อน มิฉะนั้นเงินมหาศาลนี้ ก็คงไปเข้ากระเป๋านักการเมืองเหมือนเคย

    นี่แหละคือสิ่งที่แก่นแท้ของระบอบประชาธิปไตย แบบเลือกตั้งล่ะ เพราะมันคือระบอบที่ถูกออกแบบมาให้นักการเมืองเบียดบังสมบัติชาติ ไปเป็นของนักการเมือง นอกจากยุบกองทุนประชานิยมแล้ว คสช. ยังมีการชะลอ หรือ โยกย้ายเงินกองทุน อีกดังนี้

    - กองทุนส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สั่งให้ชะลองบประมาณในปี 2557 จำนวน 596 ล้านบาท ไว้ก่อน โยกย้ายเงินให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี แทน
    - กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ให้ย้ายสำนักงานฯ ไปอยู่ที่กรมการพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทย และให้กระทรวงมหาดไทย ไปพิจารณาว่าจะดำเนินงานต่อ หรือยุบไปรวมกับภารกิจของกรมพัฒนาชุมชน
    - สภาเกษตรกร ให้ย้ายไปอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และให้ไปพิจารณาว่าจะดำเนินงานต่อหรือยุบไปรวมกับภารกิจของกระทรวงเกษตรฯ

    โดยให้เสนอข้อสรุปมาให้ คสช.เห็นชอบอีกครั้ง..อะไรที่เป็นนโยบายประชานิยม ของนักแสวงโชคทางการเมือง แล้วไปมอมเมาประชาชน พอประเมินทางวิชาการแล้วก็เกิดหนี้สูญ ประชาชนกู้แล้วเอาซื้อมอเตอร์ไซต์บ้าง และ สิ่งฟุ้งเฟ้อสุรุ่ยสุร่าย ให้ใช้จ่ายเกินตัว

    พอเป็นกองกลางหมู่บ้าน ก็ซื้อเต็นท์กันบ้าง ซื้อเครื่องครัวบ้าง ให้ผู้นำชุมชนทุจริตกินหัวคิวอีก มีความซ้ำซ้อนเพราะมีงบปกติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดสรรให้อยู่แล้ว งบซ้ำซ้อนประชานิยมก็ยุบทิ้งไป เป็นการประหยัดแบบเศรษฐกิจพอเพียง แล้วโยกเอาเงินนี้ ไปสร้างคนให้การศึกษาเด็กๆ และเยาวชนเพื่อสร้างชาติในอนาคตดีกว่า

    ขงจื้อบอกว่า “ ถ้าวางแผน 1 ปีให้ปลูกข้าว..ถ้าวางแผน 10 ปีให้ปลูกต้นไม้..ถ้าวางแผน 100 ปี ให้การศึกษากับคน” แม้กองทุนกู้ยืมของเด็ก อาจไม่ได้คืนบ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อยนิด เมื่อเทียบกับความรู้ที่พวกเขาได้รับ พัฒนาชาติของเราในอนาคต

    ถ้าประชาชนอยากได้ปลา นักการเมืองจะเอาปลาทั้งตัวมาให้แค่ตัวเดียวพึงพอใจเฉพาะหน้า แต่ถ้าเป็นแนวเศรษฐกิจพอเพียง จะเอาอุปกรณ์จับปลามาให้ แล้วประชาชนก็ไปเลือกจับปลากินเองได้ จะจับกี่ตัวก็ได้ เลี้ยงชีพตลอดไปจนตาย นี่คือวิธีแบบสำนักคิดทหาร อาจไม่ทันใจปุบปับนัก แต่ส่งผลดีเป็นธรรม ต่อประเทศของเราในระยะยาว

    ที่นักแสวงโชคทางการเมืองโกงกันหลายหมื่นหลายแสนล้านบาท เสื้อแดงยังไม่ปริปากบ่น ถ้าจะยกเลิกกองทุนหมู่บ้าน แล้วเอาเงินไปให้เด็กๆ และเยาวชนของชาติยืมเรียนเงินก็ไม่สูญหายไปไหน ถ้าเสื้อแดงบ่นอีก ก็ใจแคบและเห็นแก่ตัวเกินไปล่ะ


    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน3
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  12. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 30 ก.ค.57 สงครามชีวภาพเริ่มแล้ว อีโบล่าลามเข้ายุโรป ประเดิมที่เยอรมัน

    จากที่แอฟริกาหลายประเทศ มีผู้ติดเชื้ออีโบล่าไปแล้ว 1000 กว่าคน ตายเกือบ 700 ราย และเอาเชืี้อนี้ไม่อยู่แล้ว ตอนนี้เชื้อลุกลามเข้ายุโรป โดยมีผู้ติดเชื้อแล้วที่เยอรมัน อยู่ในการควบคุมของรัฐ (ที่เยอรมันอาจปิดข่าวไม่ให้ประชาชนรู้ เนื่องจากคนที่ติดเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ระดับสูง)

    ท่านใดมีญาติ เพื่อนฝูง ที่เดินทางมาจากตะวันออกกลาง และมีอาการคล้ายโรคไข้เลือดออก ให้รีบไปพบแพทย์ด่วนมาก

    ถ้าลามเข้าเยอรมันได้ ประเทศอื่นไม่ต้องพูดถึง เพราะคนยุโรปเดินทางไปแอฟริกากันมาก และไทยก็มีความเสี่ยงอยู่ในข่ายด้วย...ต้องระวังที่จุดเข้าประเทศกันสุดๆ


    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  13. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 31 ก.ค.57 กองทัพอากาศ เตรียมเครื่อง ซี 130 พร้อมอพยพคนไทยในลิเบีย

    พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และในฐานะรองหัวหน้า คสช. ได้เตรียมความพร้อม ของกองทัพอากาศในการนำคนไทยกลับจากประเทศลิเบีย

    โดยสำรองเครื่องบิน ซี130 ไว้จำนวน 2 ลำ ในกรณีที่มีความจำเป็น และได้จัดเตรียมกำลังพลลำเลียง รวมทั้งประสานงานเส้นทางการบิน ทั้งนี้หากมีการร้องขอความช่วยเหลือ จะมีการประสานงานในการใช้เครื่องบินพาณิชย์ เป็นอันดับแรก

    พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ในฐานะ รองหัวหน้า คสช. ที่ดูแลหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้มอบหมายให้กระทรวงต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์ และจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย

    ตอนนี้ในประเทศลิเบียวุ่นวายมาก มีการต่อสู้กันอย่างหนัก ระหว่างฝ่ายปฏิรูป กับฝ่ายมุสลิมสุนีย์ ที่หนุนหลังโดยมะกัน แม้ว่าเลือกตั้งมาแล้ว แต่ฝ่ายมะกันหนุนหลังแพ้ จึงไม่ยอม ก่อเหตุปั่นป่วน โจมตีสนามบินอย่างหนัก เครื่องบินเละไปหมด

    และยังยิงคลังน้ำมันขนาดใหญ่ จุหลายล้านลิตรจนแตกกระจุย เพลิงใหม้จนบัดนี้ยังควบคุมเพลิงไม่ได้เลย ต่างชาติจะขนอุปกรณ์ไปช่วยก็ไม่ได้เพราะอันตราย

    แถมกลุ่มติดอาวุธสุนีย์ จะจับคนงานต่างชาติเรียกค่าไถ่อีก ถ้าไม่ใช่เป็นคนมุสลิม เขาตัดคอลูกเดียว คนฟิลิปปินส์โดนมาแล้ว จนต้องอพยพด่วน คนงานไทยตอนแรกก็เงียบ ตอนนึ้แจ้งขอกลับบ้านแล้วราว 100 ราย จากราว 1,500 ราย ที่ให้อพยพเข้าไปประเทศใกล้เคียงก่อน

    ใครว่าเรื่องเมืองนอกไกลตัว แรกๆ ที่มาแจ้งข่าวมันจะไกล แต่ให้รู้ว่าอีกไม่กี่วันมันจะถึงตัว ดูเรื่องปาเลสไตน์ - อิสราเอล ที่แจ้งให้รู้ล่วงหน้าก่อนเกือบครึ่งเดือน สุดท้ายคนไทยตายจนได้


    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  14. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 30 ก.ค.57 ตะลึง!!..ม่อนหินล้านปี จ.แพร่ จู่ๆ อัญมณีล้ำค่าโผล่ออกมาจากดินทุกตารางนิ้ว อะไรกันนี่

    ในอดีตหลายล้านปีก่อน ประเทศไทยเคยมีภูเขาไฟอยู่ในทุกภูมิภาค ลักษณะของภูเขาไฟในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาไฟแบบโล่ (Shield Volcano) คือ ลาวาจะไหลได้ง่าย ดังนั้นหากมีการระเบิดของภูเขาไฟขึ้นก็จะไม่รุนแรง ซ้ำภูเขาไฟในทุกภูมิภาคของไทย เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว

    ภาคเหนือ พบในเขตจังหวัด ลำปาง เชียงราย แพร่ น่าน และอุตรดิตถ์
    ภาคกลาง พบในเขตจังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ สระบุรี และลพบุรี
    ภาคตะวันออก พบในเขตจังหวัด ปราจีนบุรี จันทบุรี นครนายก และตราด
    ภาคตะวันตก พบในเขตจังหวัด กาญจนบุรีและจังหวัดตาก
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบในเขตจังหวัด นครราชสีมา ศรีษะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ เลย และสุรินทร์

    ทับทิมสยาม หลายคนคงคุ้นหูกันมาตั้งแต่ในอดีต บางคนคงนึกภาพพลอยสีแดงอมชมพู ที่สวยงาม เมื่อนำมาทำเป็นเครื่องประดับ จึงสงสัยว่าในไทยมีแร่อัญมณีชนิดใดอยู่บ้าง?

    แหล่งทับทิมที่สำคัญที่สุดของไทย คือ บริเวณ อำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด บริเวณอำเภอเมือง อำเภอมะขาม อำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรีในเขตอำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษและอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ก็พบอยู่บ้าง

    แหล่งไพลิน (แซปไฟร์อื่นๆ ด้วย) ที่ใหญ่ที่สุด คุณภาพดีของประเทศไทย คือ แหล่งในบริเวณ อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนแหล่งในจังหวัด อื่นๆ ก็มีแต่คุณภาพไม่ดีนักเช่น บริเวณอำเภอเด่นชัย อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ บริเวณอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย บริเวณอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณอำเภอกันทรลักษณ์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ บริเวณ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี

    ในอดีต ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตพลอยคอรันดัม ที่สำคัญแหล่งหนึ่งของโลก มีทั้ง ทับทิม ไพลิน บุษราคัม และ เขียวส่อง ปัจจุบันผลผลิตพลอยเหล่านี้ลดลงไปมาก ประกอบกับในพื้นที่ที่มีพลอยเริ่มเป็นแหล่งชุมชน ทำให้การทำแหมืองพลอย แทบจะหายไปจากประเทศไทย

    แต่ยังคงมีทำอยู่บ้างที่จังหวัดจันทบุรี กาญจนบุรี และแพร่ เป็นต้น ดังนั้นวัตถุดิบพลอยชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่ จึงนำเข้ามาจากแหล่งอื่นๆ ทั้งจากแหล่งในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า เวียดนาม กัมพูชา และแหล่งไกลออกไป เช่น ศรีลังกา มาดากัสการ์ เคนยา แทนซาเนีย โมซัมบิก ออสเตรเลีย เป็นต้น

    แม้ว่า ผลผลิตพลอยต่างๆ จากแหล่งภายในประเทศลดน้อยลงไปมาก ผู้ประกอบการทั้งรายย่อยรายใหญ่ จึงต้องนำเข้าพลอยชนิดต่างๆ และเพชรจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลกเพื่อมาเพิ่มมูลค่าด้านการเจียระไน ออกแบบและเป็นเครื่องประดับต่างๆ เพื่อส่งออกอย่างต่อเนื่อง

    ทำให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของประเทศไทย สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกสูงเป็นลำดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมส่งออกทั้งหมดของไทย ในปี พ.ศ.2554 มีมูลค่าการส่งออกอยู่ในลำดับ 4 รองจาก รถยนต์ คอมพิวเตอร์และน้ำมันสำเร็จรูป

    อุตสาหกรรมอัญมณี และ เครื่องประดับ และ อุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ทำให้เกิดการจ้างงานในประเทศจำนวนมาก และมีผู้ประกอบการเป็นจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม ในลักษณะรับจ้างผลิต มีส่วนน้อยที่มีตราสินค้าเป็นของตนเอง และมักเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่

    วัตถุดิบสำหรับการผลิตเป็นอัญมณี และเครื่องประดับต่างๆ เกือบทั้งหมด จะนำเข้าเป็นส่วนใหญ่เพื่อนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มจากช่างฝีมือแรงงานต่างๆ ทั้งนี้ปริมาณและมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในปีที่ผ่านมา แหล่งพลอยแหล่งพลอยทับทิม-แซปไฟร์ที่สำคัญของไทยในอดีต คือ

    1. พลอยจากแหล่ง จันทบุรี-ตราด รู้จักกันดี มาเป็นเวลานานแล้ว ในหมู่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ พลอยจากแหล่งนี้ มีสีสรรลักษณะแตกต่างกันไป ตามสภาพพื้นที่ที่กำเนิด มีสีและชนิดต่างๆ เช่น น้ำเงิน เขียว เหลือง แดง พลอยสาแหรก ฯลฯ นอกจากนี้ ยังพบอัญมณีชนิดอื่นๆ เกิดร่วมในบางแหล่ง เช่น เพทาย โกเมน ควอตซ์ เป็นต้น

    โดยทั่วไป จะพบทับทิมมากในเขตอำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี และเขตอำเภอเขาสมิง บ่อไร่ จังหวัดตราด ส่วนพลอยแซปไฟร์ พบมากในเขตอำเภอท่าใหม่ อำเภอเมือง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ในปี พ.ศ.2555 ไม่มีแหล่งผลิตพลอยในจังหวัดตราดแล้ว แต่ยังคงมีแหล่งผลิตอยู่บ้างในอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี

    แต่จันทบุรียังคงเป็นตลาดซื้อขายพลอยที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากมีการนำพลอยคอรันดัมและพลอยชนิดอื่นๆ จากแหล่งอื่นๆเช่น พม่า เวียดนาม กัมพูชา อาฟริกา เคนยา โมซัมบิก เป็นต้น มาเจียระไนและซื้อขายกันอยู่

    2. พลอยจากแหล่งกาญจนบุรี มีชื่อเสียงมานานในอดีตจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกันกับพลอยจากแหล่งจันทบุรี-ตราด แหล่งพลอยอยู่ในเขตอำเภอบ่อพลอย พลอยที่พบส่วนใหญ่เป็นแซปไฟร์สีน้ำเงินหรือสีฟ้า ส่วนสีอื่นๆ เช่น สีเหลือง น้ำตาลอ่อน แดงอ่อน ก็พบบ้างแต่ไม่มากนัก ส่วนทับทิมหายากมาก ขนาดของพลอยที่พบส่วนใหญ่จะมีขนาดโต

    พลอยชนิดอื่นที่พบในแหล่งนี้ ได้แก่ นิลตะโก (Black spinel) นิลเสี้ยน (Pyroxene) โกเมน แมกนีไทต์ ซานิดีน (Feldspar) เป็นต้น นอกจากจะมีการทำเหมืองขนาดเล็กโดยชาวบ้านแล้ว ในแหล่งนี้เคยมีการทำเหมืองขนาดใหญ่ โดยหลายๆ บริษัท

    ซึ่งได้เครื่องมือและเทคนิคที่ดัดแปลงมาจากการทำเหมืองดีบุก และใช้ความรู้เชิงวิชาการในการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ข้อมูลและผลผลิตอย่างสูงสุด เป็นการเปลี่ยนแปลงพริกรูปโฉมการทำเหมืองพลอยในประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ในปี พ.ศ.2555 เหมืองพลอยดังกล่าว ได้หยุดการผลิตแล้ว และเปลี่ยนแปลงฟื้นฟูพื้นที่ไปทำกิจการอย่างอื่น

    ในทางโหราศาสตร์ ความเชื่อของไทย ดาวเคราะห์ที่เป็นดาวตัวแทน แห่งความร่ำรวย ความรัก และโชคอันไม่คาดฝัน ถือว่าดาวศุกร์ เป็นดาวศุภเคราะห์ที่ให้คุณได้มาก ส่วนดาวให้คุณแก่ดวงชะตามากก็คือ ดาวเสาร์ เพราะยามใดที่ดาวเสาร์ให้คุณแล้ว จะให้คุณมากกว่าดาวพฤหัสถึง 4 เท่า

    บลูแซฟไฟร์ หรือไพลิน (BLUE SAPPHIRE) ถือว่าเป็นอัญมณี ที่ผสมผสานกำลังแห่งดวงดาวไว้อย่างลงตัว คือ เป็นการผสมผสานกำลังกันของดาวศุกร์และดาวเสาร์ เหมือนเป็นอาจารย์กับศิษย์มาอยู่ร่วมกัน แล้วก็จะมีอานุภาพ ทำให้เกิดโชคใหญ่แบบไม่คาดฝันขึ้นได้

    สีและลักษณะของบลูแซฟไฟร์ จะมีสีน้ำเงินถึงม่วง เป็นสีลูกผสมของดาวศุกร์และเสาร์ และแซฟไฟร์นั้นยังมีประกายที่คล้ายเพชร อันเป็นมณีประจำของดาวศุกร์ด้วย เมื่อทั้งสีและแสงมารวมกัน จึงเกิดเป็นพลังที่คล้องจองลงตัวและให้คุณค่ามากขึ้น

    แซฟไฟร์เป็นพลอยตระกูลคอรันดัม แบบเดียวกับทับทิม ต่างกันแค่สีกับค่าความถ่วงจำเพาะเท่านั้น บางคนเรียกแซฟไฟร์ว่า ทับทิมสี ก็มี มีหลายสีมากทั้งสีน้ำเงิน ม่วง เขียว ขาวใส เหลือง ชมพู ฯลฯ เช่น ถ้ามีออกไซด์ของเหล็ก และไทเทเนียมปน ก็จะมีสีน้ำเงินถึงม่วง

    ถ้ามีวานาเดียมปน เพียงชนิดเดียวก็จะมีสีม่วงเรียกว่า “ไพลิน” ถ้ามีวานาดิกออกไซด์กับโคบอลต์ออกไซด์ปนก็จะมีสีออกเขียว จะเรียกว่า “เขียวส่อง” และถ้ามีสีเหลืองเราก็มักเรียกว่า “บุษราคัม” นั่นเอง

    แซฟไฟร์ ที่มีสีน้ำเงิน กับ ม่วง หรือไพลิน ถือว่าเป็นพลอยมหาโชค เหมาะนำมาสวมใส่เพิ่มโชคลาภและความสุขสมหวังในชีวิตคู่กัน โบราณท่านกล่าวไว้ว่า ในพิธีแต่งงานนั้นจะนิยมมอบไพลินให้เป็นของขวัญแก่คู่สมรส เพราะเป็นมณีแห่งโชคลางที่เป็นพลังมากที่สุด อันนำมาซึ่งความศรัทธา ความหวัง โชคชะตาที่ดี ความร่ำรวย การมีบุตรที่ประเสริฐ

    อีกทั้งทางมณีบำบัดยังถือว่าไพลินจะช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อได้ดี ป้องกันการชักกระตุกของกล้ามเนื้อ ช่วยฟอกโลหิต ปรับสมดุลการไหลเวียนของโลหิต ป้องกันการตกเลือด การติดโรคร้าย บรรเทาอาการหอบหืด บรรเทาโรคไมเกรน

    ดังนั้นบลูแซฟไฟร์ จึงเหมาะสำหรับท่านที่เกิดทั้งในวันศุกร์ วันเสาร์ วันพุธกลางคืน และคนที่เกิดในราศีกันย์เป็นอย่างมาก เพื่อใส่เสริมดวง เรียกได้ว่า บลูแซฟไฟร์ เป็นอัญมณีแห่งทรัพย์ศฤงคาร บันดาลโชคลาภ เลยก็ว่าได้

    มีพระที่ผู้คนเคารพศรัทธา แต่ท่านมรณภาพไปแล้ว ท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า " ในราวรัชกาลที่ 9 หรือรัชกาลที่ 10 นี้ ประเทศไทยจะขุดพบแร่สำคัญชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกำลัง คล้ายแร่ยูเรเนียมแต่ทว่ามีกำลังสูงกว่า ถ้าใช้ทางด้านสันติ จะมีความเย็น สามารถเผาโรคได้ด้วยอำนาจของความเย็น ถ้าใช้ทางด้านพลังงาน ก็จะมีพลังงานสูงมาก

    ถ้าใช้ฆ่าฟันกัน ก็จะมีพลังงานมากยิ่ง กว่าแร่ที่เขาใช้กันในปัจจุบัน เวลานี้ขุดมาได้ก็เหนื่อยเปล่า ๆ ไม่มีประโยชน์ ถึงเวลามันจะปรากฎเอง และเมืองไทยจะมีทรัพยากรต่าง ๆ ปรากฎขึ้นมาอีกมากมาย เริ่มตั้งแต่พ.ศ. 2520 เป็นต้นไป และจะค่อยๆ มีมากขึ้นอย่างเต็มที่ เมื่อกลางสมัยรัชกาลที่ 10 ต่อไป ประเทศไทยจะมีความมั่งคั่งสมบูรณ์ ประเทศชาติจะร่ำรวยมาก "

    หนังสือธัมมวิโมกข์ เคยบอกว่า “ น้ำมันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะขุดนำมาใช้ เพราะฝ่ายบริหารยังไม่ดีพอ หากปรากฏขึ้นในขณะนี้ พวกทุจริตก็จะงุบงิบเอาไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตนหมด เมื่อใดผู้บริหารประเทศมีมือสะอาดซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

    ขุมทรัพย์มหาศาลในเมืองไทย เช่น บ่อน้ำมัน ก็จะค่อยผุดขึ้นมาให้เห็นเรื่อยๆ ไป ซึ่งจะนำผลรายได้อันมหาศาลมาให้เมืองไทย ทำให้เมืองไทยกลายเป็นเศรษฐีมีชื่อเสียงระบือไปทั่วโลก และจะได้เป็นมหาอำนาจประเทศหนึ่งในเอเชีย”

    หลายคนสงสัยว่า เสธ เล่าเรื่องอัญมณีลำค่า และ เล่าคำทำนายของพระทำไม?? ยามนี้ประเทศไทยมีสิ่งอธิบายได้ยากหลายอย่าง มันเหมือนกับว่าโลกแห่งวิทยาศาสตร์ กับ โลกแห่งชะตาที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ กำลังมาเจอกันตรงกลาง และก็ให้เกิดสิ่งบางอย่างขึ้น แบบไม่น่าเชื่อ

    ใครจำได้ไหม วันที่ 5 พฤษภาคม 2557 วันฉัตรมงคล ครบรอบการครองราชย์ของในหลวงครบ 64 ปี เวลากลางวัน ก็เกิดพระอาทิตย์ทรงกรด มองเห็นได้ชัดเจนในหลายพื้นที่ ยามเย็นก็เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในรอบ 1 พันปีของไทย ที่จังหวัดเชียงราย และมีอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีกเกือบ 1,000 ครั้ง

    พอวันรุ่งขึ้นต่อจากนั้น ปูข้าวเน่า ก็โดนคำพิพากษาศาล กระเด็นตกจากเก้าอี้นายกฯ เหมือนแผ่นดินไหว อาการตะลึงยังไม่หายดี ถัดมาอีกวันเดียวเจอ ปปช.มีมติชี้มูลความผิดทุจจริตซ้ำเข้าไปอีก...เรื่องบังเอิญไม่มีในโลก ทุกอย่างล้วนถูกลิขิตมาแล้ว !!

    จนบัดนี้อาฟเตอร์ช็อค จากการจับกุมคดีอาวุธสงคราม คดีความต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันมา จากการกระทำของรัฐบาลที่แล้ว ก็ยังไม่หยุดไม่หย่อน จับกุมผู้กระทำผิดกันได้แทบไม่เว้นแต่ละวัน อาวุธสงครามของเผาไทย และกลุ่มติดอาวุธ นปช. ที่จับได้ แทบจะเอาไปสร้างกองทัพประเทศใหม่ได้เลยทีเดียว

    แต่เรื่องที่จะเล่าให้ท่านฟังต่อไปนี้ ให้นั่งอ่านนิ่งๆ สูดลมหายใจช้าๆ แล้วค่อยๆ อ่านเรื่องราวต่อไปนี้ทีละตัวอักษรช้าๆ..อ่านจบแล้วสามารถขยี้ตา แล้วอ่านซ้ำได้ ถ้ายังไม่เชื่อ !!

    จากกรณี นักธรณีวิทยาได้ยืนยันว่าพบพลอยของจริงที่ "ม่อนหินล้านปี" ที่บ้านไทรย้อย หมู่ 6 ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย จ.แพร่ ซึ่งเป็นตระกูล “บลูแซฟไฟร์” โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้สั่งป้องกันพื้นที่ไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปขุด ชี้เป็นบ่อพลอยบ่อสุดท้ายของประเทศ เตรียมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตินั้น

    ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อวาน ชาวบ้าน ได้ร่ำลือกันมาก และพากันแห่ขึ้นไปหาพลอย บนม่อนหินล้านปีดังกล่าว ชาวบ้าน นักเรียน จากหลายโรงเรียนได้ขึ้นไปทัศนศึกษา ในขณะที่ยังมีคณะจากสถาบันต่างๆ ได้นำคณะขึ้นไปพิสูจน์ ตรวจสอบ ม่อนหินแห่งนี้ ด้วย

    นายเน้ย สมบูรณ์เถกิง นายก อบต.ไทรย้อย พร้อมผู้ใหญ่บ้าน เฝ้าติดตาม และดูแลนักวิจัยและนักท่องเที่ยว ดร.กฤษณ์ ว์นินทร์ นักวิจัยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับเรียนเชิญจากจังหวัดให้มาตรวจสอบ ได้รับแจ้งจากนายก อบต.ว่า ในช่วงที่ฝนตกเกิดมีชาวบ้านขึ้นไปหาพลอยกันจำนวนมาก

    ซึ่งคณะได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบในบริเวณโดยรอบ ซึ่งมีถนนสองสาย เข้ามาทางด้านหน้า แต่ด้านหลัง ยังไม่มีใครใช้ถนนสายนั้น แต่คาดว่าชาวบ้านคงรู้ว่ามีพลอย ได้เดินสำรวจถนนสายนี้ที่ห่างจากม่อนหินล้านปี ออกไปประมาณ 1 กม. พบว่า “ถนนสายนี้มีอัญมณีเต็มไปหมด เกือบทุกตารางนิ้ว “...โอ้ว แม่จ้าว

    ยืนยันว่า “ไม่มีแหล่งพลอยที่ไหนบริสุทธิ์เหมือนที่นี่” เพราะประเทศไทย มีแหล่งพลอยอีกสองแห่งก็ไม่บริสุทธิ์ “ ขอยืนยัน “และอีกไม่กี่วัน จะมีนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีจากทั่วโลกจะเดินทางมาดูแหล่งนี้

    ดร.สมฤดี สาธิตคุณ ภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนักวิจัย จากสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ระบุพลอยที่พบของจังหวัดแพร่ เป็นพลอยที่สวยงาม ในลักษณ์โดยเฉพาะสีน้ำเงินเข้ม คล้ายผ้าสีม่อฮ่อม มีทั้งขนาดเล็กๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งก็ยังไม่เคยพบที่ใดมาก่อน

    นายก อบต.ไทรย้อย ระบุว่า หลังจากที่ฝนตกหนักมาหลายวัน ก็พบว่ามีประชาชนจำนวนมากมาจากหลายพื้นที่เข้ามามาก และมาค้นหาพลอย จนต้องจัดเวรยาม และคอยแนะนำเพื่อไม่ให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวทำลายธรรมชาติ และห้ามไม่ให้ขุด ส่วนสาเหตุที่พลอยผุดขึ้นมามากในช่วงนี้คาดว่าจะมาจากการที่ฝนตกหนัก น้ำฝนได้ชะล้างเอาหินออก

    พลอยที่ฝังอยู่ในหิน ก็หลุดไหลไปตามน้ำลงไปสู่ถนน แต่ก็ยังพบว่า “ หินบนถนนสายนี้ เกือบทุกก้อน จะพบนิลเต็มไปหมด “ ส่วนพลอยก็จะมีเป็นช่วงๆ ปะปนกันออกมา จึงอยากขอร้องให้ประชาชนอย่าได้ทำลายหรือขุด แต่หากพบตามถนนโดยไม่ได้ทำลายธรรมชาติ คงไปห้ามไม่ได้

    คุณพระ คุณเจ้า..จู่ๆ ทรัพย์มีค่าใต้ดิน ก็โผล่ออกมาปรากฏให้ลูกหลาน ในยุคสมัยของรัชกาลที่ 9 นี้ และใน ยุค คสช. ที่ไล่นักแสวงโชคทางการเมืองเห็บ โลน ออกไปแล้ว

    เดือนก่อน ทองคำผุดจากใต้ดิน จ.พัทลุง , ถัดมา คสช.ส่งคณะทหาร และนักวิชาการ ลงพื้นที่ตรวจสอบหลุมเจาะน้ำมันบนบกหลายแห่ง เช่น เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ฯลฯ สัปดาห์นี้ คสช.เพิ่งส่งทหาร และนักวิชาการ ไปลงพื้นที่เหมืองทองคำแหล่งแร่ชาตรี ที่ จ.พิจิตร ให้เห็นด้วยตา

    อะไรกันนี่ !!..เอาอีกแล้ว ภูเขาทั้งลูก ที่ จ.แพร่ กลายเป็นอัญมณีล้ำค่ามหาศาล มากมายเหลือคณานับ มูลค่าประมาณไม่ได้เลย มันเกิดอะไรขึ้น และทรัพย์ทั้งหลายเหล่านี้ทำไมจู่ๆ โผล่ออกมาจากดินให้เห็นง่ายๆ ซะงั้น

    ถ้า คสช.ส่งกำลังพลลงพื้นที่ตอนนี้ แล้วประกาศตั้งหน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ขึ้นมาบริหารแหล่งอัญมณีนี้ และทั่วประเทศ เหมือนที่ประเทศจีนทำ โดยการทำอุตสหกรรมเชิงนิเวศน์ และเพื่อการท่องเที่ยวด้วย แล้วเก็บค่าภาคหลวงสูงๆ เข้าคลังหลวง ประเทศไทยอาจร่ำรวยที่สุดในโลกได้เลย ภายในไม่กี่ปีนี้ !!

    ไม่น่าเชื่อ !!..พอคนไม่ดี เป็นเสนียด เหยียบแผ่นสุวรรณภูมิของบรรพบุรุษ กลับมีแต่เรื่องร้ายๆ และภัยพิบัติ ทรัพย์ใต้ดินเหล่านี้ก็หลบอยู่ไม่ยอมออกมา แต่พอคนไม่ดีออกไป ไม่เหยียบย่ำแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษ ทำไมทรัพย์สมบัติล้ำค่าพรรณา ถึงถูกปู่โสม ผลักเรียงหน้า พากันโผล่ออกมาจากดินกันเป็นทิวแถว

    แถมกลัวลูกหลานจะไม่เห็น บันดาลให้ฝนตกหนักลงมาหลายวัน ที่ม่อนหินล้านปี จ.แพร่ จนชะเอาอัญมณีโผล่ออกมาจากดินเต็มไปหมด เกือบทุกตารางนิ้ว เดินๆ ไปเก็บยังได้ ขับรถผ่านยังไหลมาให้เก็บอีก..มันเกิดอะไรขึ้น และจะมีของมีค่าอะไรโผล่ออกมาจากที่ไหนอีก !!

    น้ำมัน ทองคำ ไพลิน พลอย นิล...ยังมีเพชร จะโผล่ออกมาอีกใช่ไหม ??..อุ แม่จ้าว เกิดในยุคสมัยของเราจริงๆ ตามคำทำนายหรือนี่ !!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน3
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  15. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 30 ก.ค.57 ไฟบรรลัยกัลป์ เผาผลาญ แคลิฟอร์เนีย อเมริกา อีกแล้ว

    จู่ๆ เกิดเหตุไฟป่าได้เผาผลาญ พื้นที่กว่า 7,500 ไร่ ในอุทยานแห่งชาติโยเซมิติ รัฐแคลิฟอร์เนีย อเมริกา อีกแล้ว ครั้งก่อนก็ฟ้าผ่า เผาไปตั้งหลายแสนไร่

    ครั้งนี้ไม่มีทีท่าว่าจะดับได้ง่ายๆ ด้วย ใช้ทั้งเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน ทั้งคอปเตอร์นำน้ำมาดับ แต่ไฟกับปะทุลุกลามขยายกินพื้นที่สร้างความเสียหายไปเรื่อยๆ..ดูไปดูมา คิดว่าฉนวนกาซา

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  16. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 31 ก.ค.57 จ๊าก..ชาวมะกันติดอีโบล่ามรณะ ตายแล้ว แถมเขาสัมผัสกับคนยุโรปอีก 30,000 คน

    เกิดความวุ่นวายขึ้นแล้ว เมื่ออังกฤษ ต้องการติดตามผู้คนที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัสมรณะอีโบล่า 30,000 คน ที่ได้ทวีการขยายการมากขึ้น โดยที่ความเสี่ยงของการแพร่ระบาดไปทั่วโลก กำลังมีสภาพไม่ต่างจากใยแมงมุมยักษ์...โห้

    คณะรัฐมนตรีของอังกฤษ ได้จัดการประชุมฉุกเฉิน "คอบร้า" ที่ลอนดอน เพื่อตามหาตัวคน จำนวน 30,000 คน ที่อาจจะเป็นพาหะแพร่เชื้อไวรัส ที่มีโอกาสคร่าชีวิตผู้ที่ติดเชื้อสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์

    โดย เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ต้องการติดตามหาตัวเฉพาะผู้โดยสาร บนเครื่องบินสองลำ ที่ นายแพ็ททริค ซอว์เยอร์ ชาวอเมริกัน เชื้อสายไลบีเรีย วัย 40 ปี โดยสารก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ในเวลาต่อมา

    คนที่กำลังถูกตามหาตอนนี้ คือใครก็ตามที่ใช้บริการสนามบิน 1 ใน 4 แห่ง ( ประมาณ 30,000 คน ) ที่นายซอว์เยอร์ ใช้ในการเดินทาง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเมื่อ 5 วันก่อน รวมถึงคนที่ติดต่อกับเขา ที่กรุงลากอส ของไนจีเรีย ที่มีประชากร 17 ล้านคน

    ครั้งนี้เป็นการระบาดของอีโบล่า ที่เลวร้ายที่สุดในโลก อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งไม่แค่ทำให้เกิดความวิตก เกี่ยวกับจำนวนของคนที่กำลังจะตาย แต่รวมถึงประเด็นที่ว่ามันจะระบาดไปอีกนานเพียงใด และจะไปที่ไหนบ้าง

    การระบาดส่วนใหญ่ ที่ผ่านมาใช้เวลา 6 สัปดาห์ ถึง 2 เดือน ครั้งล่าสุด คือ เดือนกุมภาพันธ์ 57 และยังคงลุกลามอย่างรวดเร็วถึงตอนนี้ แพร่กระจายเป็นเครือข่ายใยแมงมุงที่ขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง วิกฤติที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง และไม่อาจควบคุมได้โดยสิ้นเชิง

    กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน เตือนว่า ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะรับมือกับอีโบล่า และการระบาดอาจเลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมันยังคงแพร่กระจาย อยู่ในบางพื้นที่สำคัญที่ถือว่าเป็นจุดร้อน และถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็เสี่ยงที่จะพบการระบาดในประเทศใหม่ ๆ

    การแพร่ระบาดอีโบล่า ครั้งนี้เกิดในแอฟริกาตะวันตก มียอดผู้เสียชีวิตไปแล้ว 672 ราย และยังติดเชื้อป่วยอีกเพียบ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ระดับสูงในเยอรมัน ก็ติดเชื้อนี้ไปแล้ว 1 คน อยู่ในความควบคุมของรัฐอยู่...เอาเข้าไป

    สายการบินหลายแห่งระงับให้บริการเที่ยวบินไปยัง ไลบีเรีย และ เซียร่า เลโอน เพราะความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดที่มีต้นตอมาจาก กินี แผนกกักกันโรค สำหรับเหยื่อที่ติดเชื้ออีโบล่า ที่โรงพยาบาลในกรุงมอนโรเวียของไลบีเรีย ท่วมท้นไปด้วยผู้ป่วยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทำให้ผู้ป่วยบางส่วนต้องไปรอรับการรักษาที่บ้าน

    เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในท้องถิ่นหลายสิบคน ได้เสียชีวิตไปแล้ว เพราะติดเชื้อจากผู้ป่วยโรงเรียนทุกแห่งในไลบีเรีย ปิดการเรียนการสอน และงดการจัดงานทุกชนิด รวมทั้งการแข่งขันฟุตบอลด้วย เนื่องจากเกรงว่า จะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัส

    โรคไวรัสอีโบลา หรือไข้เลือดออกอีโบลา เป็นโรคของมนุษย์ที่เกิดจากไวรัสอีโบลา เริ่มมีอาการสองวันถึงสามสัปดาห์หลังสัมผัสกับไวรัส โดยมีไข้ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อและปวดศีรษะ จากนั้นมีคลื่นไส้ อาเจียนและท้องร่วงร่วมกับการทำหน้าที่ของตับและไตลดลง เมื่อถึงจุดนี้ บางคนเริ่มมีปัญหาเลือดออก

    คนที่รับโรคนี้ครั้งแรก เมื่อผู้ป่วยสัมผัสกับเลือด หรือ ของเหลวร่างกายจากสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น ลิงหรือค้างคาวผลไม้ เชื่อว่าค้างคาวผลไม้ เป็นตัวพาและแพร่โรค เมื่อติดเชื้อแล้ว โรคอาจแพร่จากคนสู่คนได้ ผู้ที่รอดชีวิต อาจสามารถแพร่โรคได้ทางเพศสัมพันธ์ เป็นเวลาเกือบสองเดือน

    โรคนี้ไม่มีการรักษาไวรัสอย่างจำเพาะ โรคนี้มีอัตราตายสูง โดยอาจถึง 90% มีการระบุโรคนี้ครั้งแรกในประเทศซูดาน และ คองโก แม้จะมีความพยายามพัฒนาวัคซีนอยู่ แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่มีวัคซีน

    คนตาย นายแพ็ททริค ซอว์เยอร์ เป็นชาวอเมริกัน เขาใช้บริการสนามบินหลายแห่งในการเดินทาง มีผู้โดยสารร่วมทางในเครื่องบินที่เขาบินต่างไปๆ อีกเป็นหลักพันคน แถมเขายังเดินไปมาอยู่ในสนามบินอีกหลายแห่ง ประมาณว่ามีผู้สัมผัสโรคจากเขา และจากผู้ที่เขาแพร่เชื้อในเครื่องบิน ประมาณ 30,000 คน..กรรมแท้ๆ

    ไม่อยากจะคิดเลย ว่า 30,000 คนนั้น ไปแพร่เชื้อต่อให้ใครอีก เรื่องแบบนี้อังกฤษถึงเต้นเป็นเจ้าเข้าขนาดนี้ งานนี้คงมีผู้โดยสารชาวอังกฤษ และใน EU เสี่ยงรับเชื้อเข้าไปแล้วจำนวนมาก

    ว่าแต่วันก่อนปูข้าวเน่า และญาติ เดินทางไปเที่ยวสวนสนุกในลอนดอน ของอังกฤษ..โอ้ พระเจ้า คนอังกฤษซวยแล้ว..ทำไมจะบังเอิญพอดีขนาดนี้ และจากอังกฤษปูข้าวเน่า ก็จะบินต่อไปอเมริกา และอาจพบลับๆ กับไอ้มาม่า..

    โอ..ไม่อยากคิดเลย นางพาเชื้อจากอังกฤษไปเข้ามะกันแล้ว เชื้ออีโบล่าที่ว่าร้าย ถ้าเจอปูข้าวเน่าเข้าไป มะกันอาจถึงกาลพินาศเอาง่ายๆ เลยนะนั่น


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน1
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  17. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    เกลือเป็นหนอนจริงๆ
     
  18. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 1 ส.ค.57 เผย..การปฎิรูปสังคมใหม่ โดยรูปการปกครองอนุรักษ์นิยมแนวตะวันออก

    สำหรับประเทศไทยแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์ คือ มรดกทางวัฒนธรรมที่ตกทอดมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งที่เมื่อไปเชื่อมกับวิถีทางคำสอนของหลักศาสนา ก็เกิดเป็นชุดรูปแบบความคิดอนุรักษ์นิยมแบบตะวันออก เรื่องพวกนี้อธิบายคนตะวันตก ก็ยากจะเข้าใจ เพราะเป็นสิ่งที่บ่มเพาะปลูกฝัง ค่านิยมนี้มาอย่างยาวนานกว่า 800 ปี ตั้งแต่มีชนเผ่าไทยมา

    ความผูกพันลึกซึ้งของพระมหากษัตริย์ กับราษฏรไทย ไม่เหมือนในชาติอื่นๆ เช่น อังกฤษ เสปน ฯลฯ เพราะพระมหากษัตริย์ ของไทย เป็นนักรบผู้ปกป้องราษฏรของตนเอง ตลอดมา และนำพาชนเผ่าไทย ให้พ้นภัยการรุกรานของชนชาติอื่นมาโดยตลอด

    คนไทยตั้งแต่เด็ก เติบโต วัยชรา จึงมีจิตใจที่เชื่อมต่อกับพระมหากษัตริย์ ประดุจสายสัมพันธ์เคารพนับถือบุพการีตนเอง พระมหากษัตริย์ของไทยเอง ก็ทรงให้ความเอ็นดูราษฎรไทยเสมือนเป็นบุตรหลาน จนราชอาณาจักรไทย เป็นครอบครัวใหญ่ขนาด 67 ล้านคน

    จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว สองพี่น้อง เด็กหญิงสายบัว ดุงสูงเนิน วัย 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ที่อาศัยอยู่กับน้องชาย วัย 8 ขวบตามลำพัง ในกระท่อมผุพัง ไม่คุ้มแดด คุ้มฝน และไม่มีห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะใช้ ได้รับความเดือดร้อนลำบาก และจากสภาพแวดล้อม ทำให้หลายคนมีความเป็นห่วงถึงความปลอดภัย

    ล่าสุด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานความช่วยเหลือ ให้กับสองพี่น้องรายนี้ ผ่านทางกองกำกับการ ตชด.31 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว

    นอกจากนี้ หลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียน สองพี่น้อง มอบเงินสด และเครื่องอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นางสายทอง พาสีดา มารดาของเด็กทั้งสองคนก็ได้กลับมาอาศัยอยู่กับลูก ๆ เพื่อดูแล ตามคำขอร้องของครูประจำชั้นแล้ว

    นี่คือประจักษ์พยานว่า ทั้ง 2 พระองค์ แม้อยู่ในที่ห่างไกล แต่ไม่เคยทอดทิ้งราษฎรของพระองค์เลยตลอดรัชกาล พระองค์ทรงคอยสดับตรับฟังข่าวสารความเป็นอยู่ของราษฎรตลอดเวลา ไม่ว่าราษฏรคนนั้นๆ จะยากดีมีจน รูปร่างสูงต่ำดำขาว เพศหรือวัยใด ล้วนได้รับหยาดน้ำทิพย์จากน้ำพระทัยของพระองค์ทั้งสิ้น

    สังคมไทยไม่เคยมีชนชั้น อำมาตย์ หรือ ไพร่ ไม่มีการซ้ำซ้อนความช่วยเหลือ หรือ คำกล่าวให้ร้ายใดๆ ตามที่กลุ่มคนบางกลุ่มที่หวังร้ายกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ระยะเวลากว่า 800 ปี มานี้คือข้อพิสูจน์มรดกทางวัฒนธรรม ของบรรพบุรุษที่ส่งมอบต่อๆ กันมาจนถึงยุคนี้

    เมื่อวันที่ 31 ก.ค.57 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยัง อุทยานการอาชีพ ชัยพัฒนา ตำบลบ่อพลับ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาโครงการของสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาปี 2557 ในเรื่อง สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนากับการสนองพระราโชบาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

    ในการนี้พระองค์พระราชทาน พระราโชบาย เพื่อเป็นแนวทางดำเนินงานของมูลนิธิว่า ปัจจุบันมูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินงานสนองพระราชดำริในการพัฒนาด้านต่างๆ อย่างครอบคลุม มีโครงการในความรับผิดชอบทั้งสิ้น 251 โครงการทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มูลนิธิได้ปรับปรุง และพัฒนาการบริหารงานด้านต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ

    เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยปีที่ผ่านมา มีการปรับปรุงระบบการบริหารงาน โครงการพัฒนของมูลนิธิชัยพัฒนาออกเป็น 3 กลุ่มงานคือ กลุ่มงานบริการการพัฒนา กลุ่มงานธุรกิจเพื่อสังคม และ กลุ่มงานศึกษาและพัฒนา รวมถึงนำเอาระบบสารสนเทศด้านบัญชีและการเงินเข้ามาใช้ในการปฏิบัติงาน

    ส่งผลให้โครงการต่างๆมีเป้าหมายและแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการมากขึ้น โอกาสนี้พระองค์มีพระราชดำรัสถึงการทรงงาน และการเยี่ยมราษฎรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ทราบปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ จึงมีพระราชดำริ ให้จัดตั้งมูลนิธิชัยพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเหลือและดูแลประชาชน

    " เวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงงาน งานต่างๆ ที่ทำก็ไม่ถือว่าเป็นการซ้ำซ้อนกับทางราชการ เพราะทางราชการ เขามีหน้าที่ๆ ต้องทำ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความรู้ความสามารถ เอาง่ายๆ ท่านไม่ค่อยมีสิทธิเสรีภาพเท่าไหร่ว่าจริงๆ แล้ว แต่ท่านก็ถือว่าไม่ได้เอาสิทธิ แต่เอาหน้าที่ หน้าที่เป็นพระเจ้าอยู่หัว

    ตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ ใครเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นพระเจ้าอยู่หัว ก็ต้องดูแลราษฎร ซึ่งราษฎรในยุคที่ตอนนั้นตามเสด็จฯ ท่านเมื่อยังเล็กๆ อยู่ ก็สังเกตดูว่า บางทีราษฎรเขาไม่ค่อยเข้าใจหรอกกว่า เรื่องประชาธิปไตย สมบูรณาญาสิทธิราชย์ คือพระเจ้าอยู่หัว ไม่ต้องทรงทำหลายๆอย่างแล้ว เขาไม่เข้าใจ

    เขารู้จักพระเจ้าอยู่หัว มีอะไรๆ เขาก็เล่าหมดทุกเรื่อง และก็หวังว่า ท่านควรจะมีวิธีการอะไรที่ทำให้เขามีความสุขขึ้น นี่ก็คือเป็นหน้าที่พระเจ้าแผ่นดินอีกอย่างหนึ่ง"

    นี่คืออีกหลักฐานหนึ่ง ที่แสดงอย่างชัดเจนว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ไม่ได้มีสิทธิเสรีภาพพิเศษใดๆ เลย งานต่างๆ ที่พระองค์ทรงทำก็ไม่ได้เป็นการซ้ำซ้อนกับทางราชการ พระองค์มีความรู้ความสามารถ แต่กลับไม่ได้เอาสิทธิ เพียงแต่เอาหน้าที่ความเป็นพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น

    พระองค์ไม่ได้ทรงคิดว่าเป็นพระเจ้าอยู่หัว แล้วไม่ต้องทรงทำหลายๆ อย่าง ตามที่ราษฎรของพระองค์เข้าใจผิด นั่นเพราะพระองค์ทรงพยายามอนุรักษ์วิถีวัฒนธรรม ดำเนินรอยตามบรรพชนกษัตริย์ตั้งแต่สมัยโบราณมานั่นเอง เพราะสมัยก่อนใครเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก็ต้องดูแลราษฎร

    การอนุรักษ์วิถีวัฒนธรรมนี้จึงมีความลึกซึ้งอย่างยิ่งยวด เป็นพระปรีชาสามารถที่ล้ำลึก ในการถ่ายทอดวิธีคิดอนุรักษ์นิยมแบบไทยๆ ในวิถีตะวันออก ให้อนุชนรุ่นหลังได้ซึมซับทีละเล็กละน้อย เข้าไปสู่จิตใจ เมื่อเติบโตขึ้นมา ก็ถ่ายทอดวิถีวัฒนธรรมไทยนี้ต่อไปสู่ลูกหลานไม่มีที่สิ้นสุด

    อันจะทำให้คนเผ่าไทย ดำรงความเป็นชนชาติอย่างมั่นคง ปกป้องราชอาณาจักรไว้ ปกป้องไม่ให้กระแสวัฒนธรรมตะวันตก มากลืนกินวิถีวัฒนธรรมไทยจนสูญหายไปในอนาคต เพราะหากตะวันตกกลืนชนชาติ แล้วคนไทยจะเหลืออะไรที่เป็นเอกลักษณ์วิถีวัฒนธรรมของเราเอง

    นี่จึงเป็นกุศโลบายอัจฉริยะของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ตลอดมา จนชาติไทยมั่นคงปึกแผ่นมาจนถึงทุกวันนี้ แต่คนรุ่นหลังไม่ได้เฉลียวใจถึงวิถีอนุรักษ์นิยมนี้ จึงหลงใหลได้ปลื้มกับวิถีทุนนิยมตะวันตก โดยมีนักการเมืองสะกดจิตให้ตกหลุมพรางคำพูด

    ให้เชื่อว่า ประชาธิปไตย แบบตะวันตก ดีกว่า อนุรักษ์นิยม แบบไทย จนชนเผ่าไทยเกือบจะเสีย ภูมิปัญญามรดกทางวัฒนธรรมไทย ให้กับนักการเมืองไทย จิตใจตะวันตก ดีที่ทหารไทย ชิงรัฐประหาร เสียก่อนๆ ที่จะลุกลามจนสายเกินแก้

    สำหรับราชอาณาจักรไทย พระมหากษัตริย์ ได้ทรงกระทำหน้าที่ “จอมทัพ” มาโดยตลอด พระราชสถานะ “จอมทัพไทย” แต่ยศ “จอมพล” ซึ่งเป็นยศสูงสุดของทหารนั้น ต่างกับ “จอมทัพ” ซึ่งเป็นตำแหน่งสำหรับพระมหากษัตริย์ เพราะว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงอยู่เหนือกองทัพ และยศถาบรรดาศักดิ์ทั้งปวง และทรงเป็นเกียรติศักดิ์สูงสุดของกองทัพแห่งชาติด้วย

    จอมทัพไทย ของพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เป็นแต่เพียงถ้อยคำในกระดาษเท่านั้น แต่ได้ประทับลงในจิตสำนึกของทหารไทยทุกคน เริ่มตั้งแต่ธงชัยเฉลิมพลประจำกองทหาร ก็เป็นมงคลสูงสุดสำหรับหน่วย เพราะเป็นของที่ได้รับพระราชทาน และได้บรรจุเส้นพระเจ้าไว้ในพระกรัณฑ์บนยอดปลายสุดของธง

    ดังนั้น เมื่อกองทหาร และธงชัยเฉลิมพลไปปรากฏอยู่ ณ ที่ใด ก็เสมือนประหนึ่งว่าพระมหากษัตริย์ ได้เสด็จพระราชดำเนินร่วมไปในกองทัพนั้นด้วย ทหารไทยจึงมีขวัญกำลังใจที่มั่นคง เพราะต่างตระหนักดีกว่า ตนปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัย เพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติเช่นเดียวกับพระประมุขนั่นเอง

    ดังนั้นพระมหากษัตริย์ จึงก็ยังทรงเป็นมิ่งขวัญของเหล่าทหารหาญ และเหนือสิ่งอื่นใด ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย ตามที่รัฐธรรมนูญได้ถวายพระเกียรติยศไว้ เป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพสยาม”

    และนับแต่วาระนั้นเป็นต้นมา รัฐธรรมนูญที่ตราขึ้นภายหลัง ก็ได้มีบทบัญญัติทำนองเดียวกันนี้ปรากฏอยู่ทุกฉบับ และ บางครั้งมีการบัญญัติเพิ่มเติมในตอนท้ายด้วยว่า “ทรงเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทหารทั้งปวง” (เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พุทธศักราช 2492 มาตรา 11 )

    คำที่ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย” นั้น จึงมีนัยยะหมายถึง

    1. เป็นการถวายพระเกียรติ พระมหากษัตริย์ ตามแบบพิธีกรรม แต่แท้จริงแล้ว พระมหากษัตริย์จะทรงบังคับบัญชา และสั่งการทหารประการใดประการหนึ่งมิได้ เพราะขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับบัญชาของทหาร

    2. ยอมรับว่าพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพไทย ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ และมีพระราชอำนาจ บังคับบัญชาการทหาร และสั่งการเกี่ยวกับกองทัพได้ โดยทรงใช้พระราชอำนาจทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

    แต่ทั้งนี้ พระบรมราชวินิจฉัย และ พระบรมราชโองการที่ทรงสั่งการ จำต้องมีนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งมีผลเท่ากับว่าทรงสั่งการ ตามคำแนะนำ และ ยินยอมของคณะรัฐมนตรีนั่นเอง

    ด้วยเหตุนี้ พระมหากษัตริย์จึงทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจ ในการประกาศใช้ และ เลิกกฎอัยการศึกตามกฎหมายว่าด้วยกฎอัยการศึก และทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจ ในการประกาศสงครามโดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และพระมหากษัตริย์ทรงไว้ ซึ่งพระราชอำนาจในการแต่งตั้งและถอดถอนข้าราชการทหาร โดยทำเป็นประกาศพระบรมราชโองการ เรื่องให้นายทหารรับราชการนั่นเอง

    แต่ในปัจจุบันสมัย นอกจากสงครามที่มีการรบพุ่งกันด้วยอาวุธแล้ว ยังมีสงครามในลักษณะอื่นอีกหลายรูปแบบ เช่น สงครามด้านเศรษฐกิจ สงครามด้านวัฒนธรรม ซึ่งประชาชนแต่ละชาติจำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรนจากภัยคุกคามเหล่านั้น พระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงเป็นจอมทัพไทย จึงมิได้มีความหมาย แต่เพียงว่าทรงเป็นมิ่งขวัญสูงสุดของกองทัพเท่านั้น

    หากแต่โดยสภาพความเป็นจริงแล้ว พระมหากษัตริย์ของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระองค์ได้ทรงเป็น “จอมทัพ” นำคนเผ่าไทยทั้งชาติฝ่าฟันอุปสรรค นานัปการ ในทุกสงคราม โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญสูงสุด ก็คือ ความสงบร่มเย็นของแผ่นดินไทย และอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวงนั่นเอง

    ด้วยมรดกภูมิปัญญาวิถีทางวัฒนธรรมนี้ คสช. จึงพยายามทำการปลอดแอกราษฎรของพระราชา ให้พ้นจากการกดขี่ทางชนชั้น ของนักแสวงโชคทางการเมือง กำลังพิสูจน์ว่า ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อของแผ่นดิน จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยทั้งชาติฝ่าฟันอุปสรรค นานัปการ ไปให้ได้

    และที่สำคัญทหารไทย จะไม่ยอมละทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่าของไทยนี้ไป โดยจะต้องคงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน คู่กับแผ่นดินสุวรรณภูมิแห่งนี้ และไม่สามารถแยกจากกันได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

    ตอนนี้ทหารไทย ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ภาคใต้ นอกจากจะต้องต่อสู้ ปกป้องประชาชนไทยมุสลิม และไทยพุทธ ให้ปลอดภัยจากกลุ่มติดอาวุธที่มุ่งทำร้ายราษฏรของพระราชา พวกเขายังทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง คือ เป็น “พลเมืองดี” เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กำลังแรงกายของตน ช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ทำนา

    ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวปัตตานี ได้เผยแพร่ภาพ ทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการทำนาในพื้นที่ โดยเป็นการทำงานที่ไม่ได้แต่งเครื่องแบบทหาร ตามระเบียบของทางราชการ เนื่องจากงานส่วนใหญ่ ในการช่วยเหลือชาวบ้านเป็นงานด้านการเกษตร และก่อสร้างบ้านเรือนที่พักอาศัย

    หากแต่งเครื่องแบบ จะทำให้ไม่สมารถทำงานนั้นๆ ได้อย่างสะดวก ไม่มีความคล่องตัว แต่ในการจัดกำลังทหารเพื่อช่วยเหลืองานด้านเกษตรนั้น ก็จะมีการจัดกำลังอีกส่วนหนึ่ง ไว้ดูแลความปลอดภัยของกำลังพลด้วย

    จึงให้เห็นภาพทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กำลังแบกปืน ดำนา และเกี่ยวข้าว ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข และความเต็มใจในการช่วยเหลือชาวบ้าน

    ความรู้สึกของทหารไทย ในการช่วยเหลือชาวบ้านทำนา และดูแลรักษาความปลอดภัยไปพร้อมๆ กัน เขาบอกว่า "เกิดมาผมไม่เคยทำนาเลย แต่มาทำนาเป็น เพราะมาเป็นทหารที่ปัตตานี วันแรกที่เรารู้ว่า จะต้องไปช่วยชาวบ้านทำนา ผู้กองได้เรียกประชุมแล้วถามว่า ใครทำนาเป็นบ้าง มีคนยกมือเพียงไม่กี่คน เพราะส่วนใหญ่ทำนาไม่เป็น “

    ผู้กองเลยพูดขึ้นว่า "คนที่ทำนาไม่เป็น ต่อไปจะต้องทำนาเป็นกันหมดทุกคน" ทหารจึงเข้าไปช่วยชาวบ้านในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ ขุดลอกคูส่งน้ำ ที่มีทั้งดิน และหญ้าปกคลุมไว้เต็ม เพราะชาวบ้านไม่ได้ทำนามาเกือบ 10 ปี

    คสช. กำลังทำหน้าที่ นำทหารไทยทั้งชาติ เดินตามรอยพ่อของแผ่นดิน สร้างรูปแบบการปกครองอนุรักษ์นิยม ตามภูมิปัญญามรดกทางวัฒนธรรมบรรพบุรุษ เพื่อวางรากฐานรูปแบบการปกครองแบบไทยๆ ให้สามารถเป็นที่พึ่ง ที่หวัง ของประชาชนชาวไทยไปอีกนานเท่านาน

    ท่านทุกคนที่เป็นคนไทย ท่านได้ตระหนักถึงวิธีคิดอนุรักษ์นิยมตามแบบตะวันออกหรือยัง ?? หยุดโจมตีให้ร้ายทหาร หยุดสร้างความหวาดระแวงให้ประชาชนในชาติ หยุดยุยงสร้างประเด็นใหม่ในสังคมไม่รู้จักจบจักสิ้น แล้วอยู่เงียบๆ ดำเนินวิถีชีวิตทำมาหากินไปตามปกติ

    จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ตอนนี้ คสช.ได้สั่งการให้มีการติดตามเร่งรัดช่วยเหลือพี่น้องประชาชนไทย ที่เดือดร้อน ซึ่งได้มีการร้องเรียนผ่าน คสช.มากว่า 20,000 เรื่อง โดย คสช.ใช้เวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น ได้แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนไปแล้วกว่า 17,000 เรื่อง ( ราว 85% )

    เหลืออีกพียง 2-3 พันเรื่อง ก็จะเร่งดำเนินการแก้ไขให้ และ คสช.ยืนยันใช้หลักในการแก้ไขปัญหาด้วยเหตุ และผล เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ยอดเงินที่มีบางกลุ่มให้ร้ายว่า คสช.ใช้เงิน 2 เดือนไป 1.3 แสนล้านบาทนั้น แท้จริงแล้วคือตามล้าง ตามเช็ดตูด ให้กับโครงการประชานิยมห่วยๆ ของรัฐบาลเผาไทย เกือบทั้งหมด

    แต่ไม่จ่ายให้ประชาชนก็จะเดือดร้อนอดตาย เช่น โครงการจำนำข้าว ก็เกือบ 1 แสนล้านเข้าไปแล้ว มีแต่ข้าวเน่าเต็มโกดัง นี่พวกเผาไทย ไม่มีปัญญาจ่ายเงินให้ชาวนา ยังมาใส่ร้าย คสช.ให้ชาวบ้านที่เขาไม่รู้ความจริงอีก

    กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียวฉันท์ใด สังคมใหม่ของไทย ก็ไม่เสร็จใน 2 เดือนฉันท์นั้น แล้วคิดทบทวนเรื่องราวย้อนหลัง มาตั้งแต่ปี 2475 ว่า เป็นไปตามนี้จริงหรือไม่ ?

    นักการเมือง = ดีแต่คิด , ทหารไทย = คิดแต่ดี
    นักการเมือง = ดีแต่พูด , ทหารไทย = พูดแต่ดี
    นักการเมือง = ดีแต่ทำ , ทหารไทย = ทำแต่ดี

    ถ้าเป็นจริง..กลุ่มยุยง โจมตี ก็หันหน้ามาร่วมมือสามัคคีกันทำงานเป็นทีม เพื่อปฏิรูปสังคมใหม่ของไทย โดยมีธงนำคือ ต้อง “อนุรักษ์นิยม ตามแบบมรดกทางวัฒนธรรมไทย” เท่านั้น !!

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน3
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  19. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 1 ส.ค.57 ช็อคโลก..หลักฐานบินมาเลย์ MH17 ถูกยิงด้วยกระสุนปืนจากเครื่องบิน

    กรณีเครื่องบินมาเลย์เซีย MH-17 ที่ถูกยิงตกบริเวณพรมแดนทางด้านตะวันออกของยูเครน อเมริกา และ NATO มีความพยายามอย่างผิดปกติวิสัย ที่ปรักปรำว่ากลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย ที่สู้รบกับรัฐบาลยูเครน ที่มะกันกันหนุนหลัง เพื่อมุ่งคว่ำบาตรรัสเซีย

    นอกจากนายกรัฐมนตรียูเครน จะเพิ่งลาออกไปแล้ว เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย ตอนนี้การเมืองภายในยูเครน ไม่ค่อยมีเสถียรภาพ และสื่อตะวันตกไซออนิสต์ เช่น BBC , CNN ก็ชี้นำว่ากลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย ใช้จรวด BUK ยิง MH-17 จนตกแบบไม่รอผลการสอบสวน

    แต่พอรัสเซียเริ่มเปิดหลักฐาน ว่ารัฐบาลยูเครน ส่งเครื่องบินรบ แบบ Su-25 บินประกบตาม เที่ยวบิน MH-17 ก่อนจะถูกยิงตก อเมริกาก็เริ่มดิ้นปั่นป่วนอย่างหนักจนเสียขบวน ต่อมาเยอรมันที่เพิ่งติดต่อรัสเซีย ขอเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ก็เผยออกมาอีก ว่า MH-17 ถูกเครื่องบินยิง ไม่ใช่ถูกยิงโดยจรวดจากพื้นดิน

    ล่าสุดปรากฏภาพหลักฐานช็อคโลกออกมาว่า บริเวณส่วนหัว ห้องนักบิน และส่วนอื่นๆ มีร่องรอยความเสียหายจากกระสุนปืน ขนาดประมาณ 30 มม...ไม่ใช่จากอานุภาพจรวดจากพื้นดินใดๆ ทั้งสิ้น

    เอ้า..ยุ่งกันใหญ่ละที่นี้ เครื่องบิน Su-25ของยูเครนยิง..อเมริกาจะประณาม และคว่ำบาตรการค้าใครได้ล่ะที่นี้..บอกแล้วอย่าไปดักฟังนายกฯ เยอรมัน เพราะแกโกรธจนลมออกหู สั่งหน่วยงานข่าวกรองให้กลับไปใช้พิมพ์ดีดแทนคอมพิวเตอร์ และเปิดโปงภาพรูกระสุนเครื่องบินให้เห็นคาตา


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน1
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  20. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 1 ส.ค.57 แฉ..สงครามล่าแต้มชีวิตมนุษย์ ใช้ อาวุธหนัก-ชีวภาพ-เศรษฐกิจ ลดประชากร

    ในภาพชาวปาเลสไตน์ ในฉนวนกาซ่า 2 คน เขากำลังทำอะไรบางอย่าง ดูออกหรือไม่ ว่าเขาทั้งคู่กำลังทำอะไรกัน ? แต่ยังไม่บอกตอนนี้ปล่อยให้คิดไปก่อน !!

    ตอนนี้ สถานการณ์ที่อิสราเอล กำลัง ก่อมหาโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวปาเลสไตน์ เพื่อไล่ที่แย่งชิงเอาดินแดนฉนวนกาซ่า ถึงแม้ตอนนี้พักฆ่าชั่วคราว 12 ชั่วโมง เพราะฆ่าจนเหนื่อย จึงต้องพักบ้าง ผลปรากฏว่ามีชาวปาเลสไตน์ตายไปแล้วราว 1,400 ราย และบาดเจ็บกว่า 7,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กมากกว่า 25%

    ทหารอิสราเอล ตายราว 60 คน ส่วนใหญ่ตายเพราะรบกับกลุ่มฮามาส ในระยะประชั้นชิด หรือ ถูกการลอบโจมตี ในดินแดนของปาเลสไตน์เอง ที่ทหารอิสราเอล บุกลำ้เขตแดนเข้าไป

    อเมริกา เพิ่งออกมาแถลงว่า รู้สึกเห็นใจอิสราเอลมาก จากการที่ถูกกลุ่มฮามาสกระทำการยิงจรวดใส่ จึงตัดสินใจขายกระสุน จรวด และลูกระเบิดล็อตใหม่ ให้อิสราเอลไปป้องกันตัว..โถ

    เออ เอากะมันซิ อ้างกันง่ายๆ แบบนี้แหละ ส่วนทีทางกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย ในประเทศยูเครน อเมริกา กลับบอกว่ารับไม่ได้ เครียด ที่รัสเซียสนับสนุนอาวุธให้ เพื่อมาสู้รบกับรัฐบาลยูเครน ตกลงมันจะเอาอย่างไงกันแน่ เพราะ การหนุนอาวุธให้อิสราเอล ไปฆ่าเด็ก อเมริกา บอกว่าถูกแล้ว เหมาะสมแล้ว สมควรแล้ว

    แต่ในยูเครน มันคือสงครามจริงๆ ที่นั่นเขาไม่ทำร้ายเด็กๆ อะไรเลย เป็นการรบกันของผู้ใหญ่ แบบนักรบ ที่สู้กันจนตายกว่า 1,100 รายแล้ว อเมริกา กลับบอกว่ารับไม่ได้เลย ผู้ใหญ่รบกันแบบนี้ไม่ดี ต้องกดดันในนาม NATO ให้คว่ำบาตรทางการค้ารัสเซียเท่านั้น อะไรของมันเนี่ย !!

    และตอนนี้แถวแอฟริกา ก็เกิดการระบาดอย่างหนัก ของเชื้อไวรัสอีโบล่า การตายเพิ่มขึ้นพรุ่งพรวดเป็นราว 730 คนแล้ว ติดเชื้อไปอีกราว 1,400 คน และหมอที่ปฏิบัติงานรักษา ก็ตายเป็นเบือเร็วมาก บางวันหมอตายเป็น 10 คน ก็มี นี่มันเชื้ออะไรกัน ? ไม่เคยเจอการตายจากโรคติดต่ออะไรจะเร็วขนาดนี้มาก่อน มันผิดปกติ และผิดธรรมชาติของเชื้อโรคเกินไป

    ธรรมชาติการเกิดโรคสายพันธุ์ธรรมดานั้น มันมีความสมดุลของตัวมันเอง และมีการควบคุมได้ในเวลาสั้นๆ แค่ไม่เกิน 1 เดือน นี่ก็ว่านานแล้ว เพราะวิทยาการทางการแพทย์เดี๋ยวนี้ ทันสมัยมาก แต่การระบาดไวรัสอีโบล่าครั้งนี้ยาวนานมาถึง 5 เดือนติดต่อกันแล้ว และยังมืดมนไม่เห็นหนทางใดๆ ว่าจะหยุดการระบาดมันได้ นี่ย่อม ไม่ใช่ไวรัสสายพันธุ์ตามธรรมชาติปกติแล้ว

    งานนี้มีคนจงใจให้เกิดเชื้อไวรัสอีโบล่ากลายพันธุ์ คนทั้งโลกกำลังถูกใครบางคนต้มจนเปื่อย ที่น่าประหลาดพิลึกพิลั่น คือ อเมริกากลับปิดข่าวเงียบกริบ ว่ามีเด็กแอฟริกาคนหนึ่ง ในพื้นที่ระบาด ที่ดันมีภูมิคุ้มกันกับเชื้ออีโบล่าสายพันธุ์พิลึกกึกกือมรณะนี้ และเขาไม่ตายจากมัน เขาสามารถทนกับเชื้อนี้ได้ ร่างกายดีเฉย วิ่งปร๋อ

    ถึงขนาดที่ว่าแพทย์อเมริกาผู้ชาย ที่เพิ่งติดเชื้อ พร้อมมิชชันนารี แล้วหามร่องแร่งนำกลับประเทศไป ที่รัฐจอร์เจียร์ อเมริกา จะไม่ใช้เซรุ่มทดลอง แต่เลือกวิธีถ่ายเลือด จากเด็กคนนี้มาใส่ตัวเขา นั่นแสดงว่าแพทย์คนนี้ที่กำลังอาการทรุด เขารู้ว่าเลือดของเด็กคนนี้ มันมีแอนติบอดี้อะไรสักอย่าง ที่ต่อต้านไวรัสอีโบล่าได้

    ที่ผ่านมาคนอเมริกา ก็ตายไปแล้ว 2 คน กำลังจะสื่อบอกอะไรรู้ไหม ? นี่มันคือแผนการณ์ใหญ่ ของใครบางคน ที่ต้องการสร้างความหวาดกลัวให้คนทั่วโลก 200 กว่าประเทศ ราว 7 พันล้านคน โดยใช้ชีวิตคนแอฟริกา เป็นเหยื่อ แล้วจะทำเซรุ่ม หรือ ยารักษามาบังคับขาย ในราคามหาโหด

    แน่นอนว่า ถ้ามีเซรุ่มไวรัสอีโบล่านี้ออกมา ทุกประเทศยินดีจ่ายไม่อั้นต่อเซรุ่มตัวนี้ และมันจะติดสิทธิบัตรไปอย่างน้อย 6 ปีขึ้นไป ความรวยจะเกิดขึ้นกับบริษัทขายยานั้นๆ แบบรวยบ้าเลือดเลยทีเดียว ประเทศที่ผลิตเซรุ่มนี้ จะสามารถต่อรอง เอาอะไรก็ได้ ในประเทศพื้นที่การระบาด ถ้าไม่ยอมก็จะไม่ขายเซรุ่มให้

    แต่หมูจะหามอยู่แล้ว ดันมีคานมาสอด ก้างขวางคออีกจนได้ เพราะดันมีเด็กแอฟริกาเจ้ากรรม มีภูมิคุ้มกันกับเชื้อไวรัสมฤตยูซะงั้น ชะตากรรมของเด็กคนนี้ ชีวิตเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขาอาจไม่ตายจากโรคอีโบล่าก็จริง แต่เขาอาจต้องตายจากคมกระสุนของน้ำมือมนุษย์ที่โหดร้ายแทน แต่ก่อนตายเขาคงต้องโดนอุ้มไปเจาะดูดเอาเลือดจนซีด และทำลายร่าง เพื่อไม่ให้ใครนำไปใช้ประโยชน์ได้อีก

    เชื้อโรคที่ว่าร้าย มันไม่ร้ายเท่าใจของคนด้วยกัน เพราะมันเหี้ยมโหด เกินจินตนาการจริงๆ เมืองไทยเอง คนที่เดินทางเข้ามาจากแอฟริกาเข้ามาไทยมา อยู่แถวจังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออก และลือว่าติดเชื้ออีโบล่านั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตรวจทางห้องแล็ปทางวิทยาศาสตร์แล้ว เป็นแค่โรคไข้เลือดออกธรรมดา

    โรคอีโบล่านี้ เป็นเชื้อไวรัสในตระกูลไข้เลือดออก ปกติคนแอฟริกา จะมียีนส์ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ต่อโรคมาลาเรีย เขาจะตายง่ายกว่าคนไทยมาก ไข้เลือดออกก็เป็นโรค ที่ มีวิธีการพาหนะนำโรคคล้ายๆ กัน

    ดังนั้นถ้าเอาบรรทัดฐานโรคมาลาเรียเป็นตัวตั้ง คนไทยก็จะทนทานต่อเชื้ออีโบล่ามากกว่าคนแอฟริกา และเมืองไทยเอง ก็ไม่มีสัตว์ที่เป็นรังโรคนี้ โอกาสการติดเชื้อจึงน้อยกว่า แต่ยังไม่รู้ว่าเชื้ออีโบล่าสายพันธุ์ที่ระบาดในแอฟริกา 3 ประเทศขณะนี้ มีใครดัดแปลงพันธุกรรม มาเพื่อแค่ทดลองขายเซรุ่ม หรือ เอาทำอาวุธชีวภาพทางทหารจริงๆ เพื่อฆ่ามนุษย์ และลดจำนวนประชากรกันแน่

    ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า อิสราเอล กับ อเมริกัน กำลังแข่งกันล่าแต้ม ฆ่า ชีวิตเพื่อนมนุษย์ ยอดการตายจากการกระทำสงครามของ 2 ประเทศนี้ ทั้งจากอาวุธสงคราม และ อาวุธชีวภาพ เริ่มสูสีกันแล้ว เขาอาจกำลังทดลองว่าอาวุธใหม่ทั้ง 2 ประเภทนี้ ว่าแบบไหนมีประสิทธิภาพสูงกว่ากัน ในราคาต้นทุนที่ต่ำกว่า หากจะต้องก่อสงครามในอนาคต

    เฉลยในภาพคนปาเลสไตน์ ในฉนวนกาซ่า 2 คน เขากำลังเก็บชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ ที่เป็นเด็กๆ ราว 16 คน ที่อิสราเอล ยิงปืนใหญ่ ยิงใส่โรงเรียน ที่เป็นค่ายอพยพ ในความคุ้มครองของ UN จนมีเด็กๆ ที่กำลังนอนพักอยู่ตาย

    ชิ้นส่วนร่างกาย กระจัดกระจายเละทะ พวกเขา 2 คน จึงต้องมานั่งเก็บชิ้นส่วนร่างกายเด็กๆ เหล่านั้น เพื่อแยกว่าชิ้นส่วนใดน่าจะเป็นคนเดียวกัน แล้วนำไปรวมกัน เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

    เป็นภาพที่แทบไม่น่าเชื่อ ว่าประเทศอิสราเอล ที่ได้ชื่อว่าประเทศที่เจริญแล้ว ถึงกลับลงมือฆ่าเด็กจำนวนมาก ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นหนีร้อนมาเพิ่งเย็น อยู่ในความคุ้มครองค่ายอพยพของ UN ด้วยซ้ำ

    หากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ในอนาคต อาวุธที่จะนำมาใช้กันช่วงแรกๆ จะเป็นอาวุธนิวเคลียร์เพียงเล็กน้อยอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น เพราะต่างฝ่ายต่างก็กลัวกัน ระยะต่อมาจะเป็นอาวุธสงครามปกติ และจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็กภาคสนาม ที่เคลื่อนย้ายได้ง่ายๆ

    จุดชี้ขาดชัยชนะคงหนีไม่พ้นอาวุธชีวภาพ ที่มีต้นทุนต่ำกว่า แต่อานุภาพร้ายแรงกว่า สามารถทำลายชีวิตศัตรูเป้าหมายได้คราวละมากกว่า และแต่ละฝ่ายก็จะต้องมีเซรุ่มแก้พิษอาวุธชีวภาพด้วย

    ประเทศที่เจริญแล้ว มีระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้หมายความว่าไทย จะต้องเลียนแบบเขาทุกอย่าง เพราะระบอบฯ เขานี้ออกแบบมาสำหรับนายทุนมีเงิน เขาไม่ได้ออกแบบมา ให้เป็นประโยชน์สำหรับประชาชนหาเช้ากินค่ำ เขาแจกให้ก็เพียง M79 เท่านั้น

    ประเทศไทยเราต้องช่วยกันร่วมหยุดระบอบประชาธิปไตย ที่เลวร้ายทำลายชาติ และทำลายชีวิตเพื่อนมนุษย์แบบนี้ ประเทศเราเป็นประเทศเล็กๆ คงไม่เหมาะกับระบอบสูงส่งของตะวันตก เพราะเจริญแต่เฉพาะวัตถุ แต่ตกต่ำด้านจิตใจ

    ไทยขอเสียสละ ถอยออกมาจากประชาธิปไตย ปลอดนักการเมืองสักระยะ แล้วนำระบอบอนุรักษ์นิยม แบบตะวันออก เศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อ มาใช้ประคับประคองประเทศแทน

    ใครที่รับไม่ได้ ทนไม่ไหว บ่นว่า อึดอัดเหลือเกิน อะไรก็จัดการปัญหาไม่ได้ดั่งใจ โจมตี ให้ร้าย หรือยิง M79 ไม่ถนัด...ก็ขอเชิญออกไปอยู่อเมริกาโน่น..

    เชิญไปสูดกลิ่นดินปืน จากปากกระบอกประชาธิปไตยให้เต็มรักจนกระเด็นกระดอนได้เลย


    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     

แชร์หน้านี้

Loading...