อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ครับผม

 

​

วัดท่าพระ กำลังมีงานเทศน์มหาชาติกันคร๊าบบ​

 

​

สมเด็จเจ้าพะโคะ​

 

เจอกันวันพรุ่งคร๊าบบ พี่เอ๊ะ

 

สวัสดียามเที่ยงวันเสาร์ครับคุณปู คุณโญ พี่ตี๋ใหญ่ พี่รุ่ง พี่อ้วน คุณเอ๊ะ คุณกันต์ คุณกูน คุณชาญ คุณวุฒิ คุณแจม คุณบอย คุณตุ้ม คุณเอ็ม น้องเอ๋ น้องกานต์ คุณนาย คุณเคี้ยว คุณโอ๊ต และทุกๆท่านครับ


แถวพัฒนาการฟ้าครึ้มมากๆครับ



<a href="http://photobucket.com/images/animated%20gifs" target="_blank"><img src="http://i1276.photobucket.com/albums/y462/staffpicks/Animated_GIFs/flip-1.gif" border="0" alt="animated gifs photo: exactly as planned flip-1.gif"/></a>

 

พระปัจเจกพระพุทธเจ้าหน้าตัก 5 นิ้วรุ่น 2 ครับ เดิมๆมาเป็นเนื้อกะไหล่ทองแต่ผมนำมาปิดทองคำเปลวภายหลัง

ด้านหลังมีข้อความบรรทักแรกว่า " รุ่น 2 " และบรรทัดต่อมาว่า "พระสุธรรมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)"

ด้านหลังของพระปัจเจกพระพุทธเจ้ารุ่น 1 จะไม่มีข้อความว่ารุ่น 1

 

สวัสดียามเที่ยงครับพี่วรรณ...

 

เป็นเรืองที่ลงกันแพร่หลายและมักจะใช้หัวข้อประมาณว่าหลวงพ่อขอพร 30 อย่าง

เรื่องนี้ลงในธัมมวิโมกข์ครั้งแรกเดือนพฤศจิกายน 2532 หนังสือจะออกทุกต้นเดือน ผมอนุมานว่าหลวงพ่อน่าจะพูดถึงพิธีพุทธาภิเษกพิเศษ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2532 ครับ

พระพุทธคุณทั้ง 30 อย่างที่มีอยู่ในพระเครื่องวัตถุมงคลในพิธีครั้งนี้ก็ควรต้องมีอยุ่ในรุ่นอื่นๆในพิธีครั้งหลังจากนี้ไปด้วยจนถึงพิธีสุดท้ายของหลวงพ่อด้วยเช่นกันครับ

มีบางท่านนำพระเครื่องหลวงพ่อไปจับดูพระพุทธคุณแล้วว่าแรงกว่าองค์อื่นๆในรุ่นเดียวกัน ผมคิดว่าเหตุนึงคือเป็นว่าท่านนั้นได้ห้อยพระองค์นั้นเข้าพิธีพุทธาภิเษกของหลวงพ่อในครั้งต่อไปด้วยเพราะในพิธีพระท่านสงเคราะห์บรรจุพระพุทธคุณในองค์พระที่คนมาร่วมในพิธีใส่คอมาด้วยตามที่หลวงพ่อเล่าในเรื่องด้านล่างนี้ครับ

















(จากธัมมวิโมกข์ พฤศจิกายน 2532 หน้า 29-33)

 

คุณปูหามุมถ่ายภาพได้สวยงามครับ...

 

หลวงพ่อเคยบอกไว้ว่า " ถ้าจิตใจทุกท่านมั่นคง พระก็ให้ลาภมาก มั่นคงน้อยพระก็ให้ลาภน้อย ถ้าสักแต่ว่าห้อยไว้ก็ไม่มีประโยชน์ " น่าจะมีหลายท่านสงสัยว่าจิตใจมั่นคง ทำอย่างไร อ่านในเรื่องด้านล่างนี้มีคำตอบให้ครับ หลวงพ่อบอกว่า " ตอนเข้าปั๊ปปลุกพระ อาราธนาพระ ใกล้ค่ำปลุกพระอาราธนาพระ เขาทำกันอย่างนี้ทุกวัน ท่านบอกว่า ถ้าทำอย่างนี้จิตใจมั่นคง "


ถ้าท่านจะหารุ่นที่กันโรคระบาดได้ กันเอดส์ได้ก็ไม่จำเป็นต้องหามงกุฏเพชรกันอย่างเดียวนะครับ ในรุ่นหลังๆจากพิธีเมื่อ 25 สิงหาคม 2532 ขึ้นไป ล้วนกันได้หมด อย่างที่หลวงพ่อบอกไว้ว่า " รุ่นนี้พึ่งทำ ทีนี้ก็ไม่แน่ ต่อไปนี้ก็ต้องเอดส์กันเรื่อย...

อานุภาพกันโรคระบาดหลวงพ่อพูดให้ฟังมาแต่ครั้งเหรียญวันเกิดรุ่นแรกออกปี 2523 จากนั้นมาจนถึงรุ่นสุดท้ายของท่านที่ปลุกเสกต้นตุลาคม 2535 ล้วนมีอานุภาพกันโรคระบาดหมดนะครับ พระคำข้าว พระหางหมาก ฯ ก็ต้องมีด้วยเช่นกัน ไม่ต้องไปหารุ่นที่ท่านบอกเฉพาะเจาะจง จะให้ท่านมาพูดให้ฟังทุกรุ่นๆว่ารุ่นนี้มีอานุภาพอะไรบ้างคงไม่ได้

โรคระบาดอีโบลากำลังเป็นข่าว หลายท่านคงอยากมองหารุ่นที่ก้นโรคระบาดได้ ถ้าท่านไม่มีมงกุฏเพชรหรือเหรียญวันเกิด ก็ไม่ต้องแตกตื่นไหาเช่ากันนะครับ ทุกรุ่นทุกแบบหลังปี 2523 มาถึง ปี 2535 มีอานุภาพกันได้เหมือนกันหมด





















(จากสนทนาที่สายลม ธัมมวิโมกข์ ตุลาคม 2532 หน้า 20 - 24)

 

สวัสดีวันหยุดครับพี่ปู

 

สวัสดีครับพี่เอ๊ะ

 

สวัสดีครับพี่วรรณ เพิ่งจะเลิกงานถึงบ้านครับ

 

​

พระครูพิมลปรีชาญาณ(ลป.พิมพ์ พหุชากโร) วัดป่าไชยาราม บ้านหนองสวรรค์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ศิษย์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ประวัติท่านหายากน่ะครับ หาไม่เจอเลยครับ

 

​

หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ

"หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ" แห่งวัดป่าภูมิพิทักษ์ บ้านหนองไผ่ ต.คำสะอาด อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

หลวงปู่หนูเพชรเกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2472
เมื่ออายุ 20 ปี พ.ศ.2492 ก็ได้อุปสมบท
หลังจากเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว ท่านได้ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ วัดประสิทธิธรรม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของพระอาจารย์มั่น

ท่านได้อยู่ปฏิบัติพระกัมมัฏฐานกับหลวงปู่พรหมระยะหนึ่ง หลังจากนั้นท่านได้ไปเดินธุดงค์กับหลวงปู่ลี ฐิตธัมโม วัดเหวลึก อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ถึงปี พ.ศ.2513 หลวงปู่หนูเพชรได้มาเจอวัดโบราณที่เป็นวัดร้าง ได้ตั้งชื่อวัดว่า "วัดป่าภูมิพิทักษ์" ท่านจึงมาจำพรรษาปฏิบัติธรรมจนถึงปัจจุบัน
ข้อมูล esanpra.com

 

​

หลวงปู่ ประไพร สุภโร วัดป่าไพรรัตนวณาราม บ้านหลุบหวาย ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

หลวงปู่ ประไพร สุภโร กำเนิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ตรงกับวันพุธ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีขาล ในครอบครัวชาวนา ที่บ้านโนนทัน อ.เมือง จ.อุดรธานี และต่อมาได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ โยมบิดา มารดา จึงอพยบครอบครัว หาสถานที่ปลอดภัย ครั้งแรกย้ายไปที่บ้านเก่าน้อย อ.เมือง จ.อุดรธานี และย้ายไปที่บ้านไก่เถื่อน ต.หนองสำโรง อ.เมือง จ.อุดรธานี และใช้ชีวิตวัยเด็ก ณ ที่นั่น
-เมื่ออายุ ๙ ปี ได้บวชหน้าไฟ พออายุ ๑๐ ปี ได้บวชเป็นสามเณรกับพระอาจารย์หอม วัดบ้านบง และอยู่วัดป่าโนนนิเวศ อ.เมือง จ.อุดรธานี อยู่กับหลวงพ่อ ภุมมี จิตธโม เป็นเวลา ๕ ปี แล้วได้เริ่มออกธุดงค์ครั้งแรก
-จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้กลับมาอยู่วัดป่าโนนนิเวศ ครั้นเมื่ออายุครับ ๒๐ ปี ได้อุปสมบท ที่วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ ( จูม พันธุโล ) เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นศิษย์รุ่นสุดท้าย
-หลังจากท่านพ่อลี วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ได้กลับจากอินเดีย ท่านได้เริ่มสร้างวัดอโศการามขึ้น หลวงปู่ ท่านได้ไปช่วยงานพ่อแม่ครูอารย์ในการสร้างวัดอโศการามในครั้งนั้น
-ท่านได้เรียนตัวธรรมและตัวขอม จากหลวงปู่ด่อน อินทสาโร วัดถ้ำเกีย จ.หนองคาย เรียนอยู่หลายปีจนแตกฉาน เดินทางไป-มาประจำ ได้รับเมตตาจากหลวงปู่ด่อนเป็นอย่างมาก
-ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงปู่ ได้จำพรรษากับท่านหลวงปู่ผาง จิตตคุตโต จ.ขอนแก่น และในคร้งนั้นหลวงปู่ฯ ท่านได้เขาเข้าไปอยู่ในถ้ำและขอให้พระเณรปิดกุญแจและขอปฎิบัติธรรมในนั้นเป็นเวลา ๗ วัน ขณะที่อยู่ในนั้น มีเหตุและสิ่งขัดขวางอย่างหนักเกือบหลวงทาง ต้องอดทนและพยายามอย่างมาก จึงผ่านเหตุในคร้งนั้นได้ และในปีนี้เอง หลวงปู่ผาง จิตคุตโต ท่านได้สร้างเหรียญรุ่นแรก ซึ่งหลวงปู่ได้มีโอกาศช่วยเหลืองานของพ่อแม่ครูอาจารย์ในครั้งนั้น
-ได้ปฎิบัติธรรมร่วมกับพ่อแม่ครูอาจารย์หลายๆท่านในสาย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต คือ หลวงปู่จันทร์ เขมปตโต อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ท่านพ่อลี วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ หลวงปู่เทศก์ เทศรังสี หลวงปู่ฝั้น อาจารโร จ.สกลนคร หลวงปู่ขาว อนาลโย จ.หนองบัวลำภู หลวงปู่วัน อุตโม จ.สกลนคร หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต จ.ขอนแก่น หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร จ.อุดรธานี หลวงปู่ชม จ.อุดรธานี เป็นต้น (เท่าที่หลวงปู่จำได้)และอีกหลายท่านที่หลวงปู่ไม่ได้กล่าวถึง

หลวงปู่ท่านมีเมตตา เปี่ยมล้นกับศิษย์ เด็ดเดี่ยว ชอบสงบ เปิดตัวน้อย สันโดด สมถะ ไม่ยึดติดกับสิ่งได เคยได้รับแต่งตั้งให้ไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในอ.เมือง จ.ขอนแก่น แล้วท่านก็ได้กลับมาอยู่วัดป่าไพรรัตนวณารามเหตุเพราะอยากกลับมาอยู่ในที่ที่สงบ ภายหลังกลับมาได้ ๑๕ วัน พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่กรุงเทพ ได้ให้คนมาตาม เพื่อจะให้กลับไปที่เดิม ท่านจึงขอว่าหากจะให้กลับ เอาท่านไปฆ่าไห้ตายไปเลยดีกว่า ท่านกล่าวว่าว่าอยู่ในเมืองเหมือนติดคุกกรรมฐาน ทำอะใรไม่ได้ วุ่นวาย โลกไม่ให้ทำ ท่านได้สืบทอดวิชาทำน้ำมนต์หม้อ จากอาจารย์ท่านหนึ่งใน จ.นครปฐม ซึ่งหลวงปู่เล่าว่า โดนบังคับไห้เรียน ปัจจุบันมีผู้มาขอให้ทหลวงปู่ท่านทำน้ำมนต์ดังกล่าวให้ประจำ เมื่อจะสอบบรรจุแข่งขันหรือค้าขาย เพราะผู้ที่ได้อาบน้ำมนต์จากท่าน เมื่อขอสิ่งใดก็สมปรารถนาทุกประการ (ถ้าหากไปที่วัดจะเห็นหม้อดินและเตาที่เคยใช้ในพิธีจำนวนมาก) แม้นท่านจะอายุมากแล้ว ทำพิธีนี้แต่ละครั้งก็จะเหนื่อยเพราะขั้นตอนเยอะมากแต่ท่านก็เมตตาทำให้แก่ศิษย์เป็นประจำ ท่านได้สร้างวัดมาแล้วหลายวัดและปัจจุบันเป็นวัดที่ ๗ ที่ท่านได้สร้าง แต่ยังไม่เคยสร้างวัตถุมงคลใดๆ เลย เป็นคร้งแรกและคร้งเดียวที่ท่านได้เมตตาอนุญาตให้สร้างวัตถุมงคลเพื่อให้ศิษย์ใด้ระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ต่อไป

ข้อมูลจากท่าน Air Force1 จากเว็ปเชียงใหม่1900

 

หลวงปู่โสฬส ยโสธโร พระเกจิดังเมืองปราจีนฯ

"พระครูธำรงโพธิเขต" หรือ "หลวงปู่โสฬส ยโสธโร" พระเกจิชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกอู่ทอง ต.โพธิ์ทอง อ.ประจัน ตคาม จ.ปราจีนบุรี



เป็นศิษย์ธรรมทายาท หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงพ่อเส็ง วัดประจันตคาม, หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน อดีตพระเกจิชื่อดังแห่งเมืองปราจีนฯ



หลวงปู่โสฬสมีนามเดิมว่า โสฬส ไชยยันต์ เกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2457 ที่ ต.หนองแก้ว อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี โยมบิดา-มารดา คือ นายทองแดง และ นางนาก ไชยยันต์



อายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2477 มี พระอธิการตาล เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการวุ้น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการศรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์



หลังครองเพศบรรพชิต ท่านตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยอย่างจริงจัง ท่านอยู่จำพรรษา ณ วัดโคกอู่ทอง มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2479 สามารถสอบได้ชั้นนักธรรมตรี ณ สำนักเรียนวัดบ้านโง้ง จ.ปราจีนบุรี



ด้วยท่านมีความสนใจในเรื่องพระพุทธศาสนามาแต่เยาว์วัย ทำให้ท่านได้มีบทบาทในการสร้างความเจริญมาสู่วัดโคกอู่ทอง ทั้งในด้านถาวรวัตถุและในด้านจิตใจพุทธศาสนิกชนชาวเมืองปราจีนบุรี



ในด้านถาวรวัตถุนั้น สามารถรวบรวมศรัทธาจากชาวบ้านทั้งในทางใกล้และทางไกล เพื่อสมทบทุนสร้างวัดโคกอู่ทองให้เจริญรุ่งเรืองมิแตกต่างจากวัดในเมืองที่เจริญแล้วแต่อย่างใด



ในส่วนของความเจริญทางด้านจิตใจ หลวงปู่โสฬส เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธบริษัทอย่างเหนียวแน่นทั้งใกล้และไกล ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม ให้ความช่วยเหลือจวบจนกระทั่งทุกวันนี้



หากกล่าวถึงภูมิธรรมของหลวงปู่โสฬสแล้ว ท่านมิได้เป็นสองรองจากใครทั้งสิ้น สำหรับพระเถราจารย์ในยุคเดียวกันต่างยอมรับนับถือกันว่าหลวงปู่เป็นผู้คงแก่เรียน แตกฉานในคัมภีรศาสตร์พระพุทธศาสนา ตลอดจนศาสตร์แขนงอื่นๆ เช่น พฤกษศาสตร์ว่าด้วยเรื่องของสมุนไพรบำบัด โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ อักษรศาสตร์ และวิทยาคม ฯลฯ



เนื่องจากหลวงปู่โสฬสเป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิทยาคมจากพระอภิญญาจารย์ในอดีตหลายรูป เช่น หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงปู่อวน วัดหนองพลับ, พระอาจารย์วัน วัดเขาวงค์ถ้ำพระนารายณ์ และคณาจารย์สายฆราวาสจอมขมังเวท



ด้านพุทธาคม ท่านเป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิทยาคมจากพระเกจิดังผู้เรืองนามในอดีต ได้เคยไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อจาดแห่งวัดบางกระเบา พระเถราจารย์ขมังเวทผู้เรืองนาม ในยุคสงครามอินโดจีน แต่เป็นช่วงบั้นปลายอายุขัย หลวงพ่อจาดแล้ว ได้รับการแนะนำให้ไปศึกษาวิทยาคมจากพระเกจิผู้เรืองนามในท้องถิ่นย่านนั้นอีกรูปหนึ่ง คือ หลวงพ่อเส็ง วัดประจันตคาม



ก่อนได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาจากหลวงพ่อเส็ง โดยเฉพาะวิชามหายันต์เกราะเพชรที่โด่งดัง เนื่องจากมีใจรักและฝักใฝ่ศึกษาสรรพวิชา นอกเหนือไปจากการพัฒนาด้านการศึกษาและบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน ท่านยังหาโอกาสไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง โด่งดังทางด้านกฤติยาคมในยุคนั้นอีกหลายรูป คือ หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน ศึกษาวิชาปรอทจาก หลวงปู่อวน วัดหนองพลับ จ.สระบุรี เป็นต้น



วัตถุมงคลที่หลวงปู่โสฬส จัดสร้างขึ้นล้วนแต่ได้รับความนิยมจากเซียนพระและนักสะสมนิยมพระเครื่องวัตถุมงคล โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรกที่ท่านสร้างแจกทหารหาญผู้อาสาสมัครไปปฏิบัติราชการ ณ สงครามเกาหลี ในปีพุทธศักราช 2495



ด้วยอายุกาลพรรษาที่มากเกือบร้อยปี ด้วยคุณวุฒิที่เป็นนักการศึกษาพัฒนาส่งเสริมให้ความรู้แก่กุลบุตร หลวงปู่โสฬส เป็นนักการปกครอง กล่าวคือได้ดำรงตำแหน่งทางด้านการปกครองสงฆ์ดำรงตำแหน่งพระ อุปัชฌาจารย์และเจ้าคณะตำบลมายาวนาน ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2490



นอกจากจะเป็นที่พึ่งของบรรดาคณะศิษย์ในยามยาก หลวงปู่โสฬสยังเป็นหัวเรือใหญ่ในการรวบรวมศรัทธาปสาทะ ในการนำความเจริญมาสู่พระพุทธศาสนา ตลอดจน เป็นพระเถราจารย์ที่พระสมณะรุ่นหลังนำมาเป็นแบบอย่าง



ช่วงบั้นปลายชีวิตของหลวงปู่โสฬส มีอาการอาพาธบ่อยครั้ง ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ



กระทั่ง เวลา 23.23 น. วันที่ 5 พ.ย.2555 หลวงปู่โสฬส ละสังขารอย่างสงบ ณ โรงพยาบาลอภัยภูเบศร จ.ปราจีน บุรี ด้วยโรคปอดติดเชื้อ สิริอายุ 98 พรรษา 77



ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของศิษยานุศิษย์

 

​

หลวงพ่อเจ้าคุณอุดร พระราชวุฒาจารย์ (สวัสดิ์ ขนฺติวิริโย)

​

ข้อมูลท่านมัญจาคีรี UD จากเวปอุดร108

 

สวัสดีครับคุณเอ็ม องค์สุดท้ายสำหรับวันนี้แล้วครับ นอนก่อนล่ะครับ เกือบตีสองแล้ว