หลวงพ่อดู่อธิบายวิมาณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์(นิพพานแท้จริงเป็นเช่นไร?!)

.

​

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2551

บังเอิญ ได้อ่านหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ คอลัมภ์ ของคุณกิเลน ประลองเชิง
มีความเชื่อ และอธิบาย แดนนิพพาน ดังนี้....

...................................................................................

แดนนิพพาน [5 ม.ค. 51 - 19:56]
http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics02&content=74041

บทหนึ่งของหนังสือชื่อ ตัวกู ของกู ฉบับสมบูรณ์ ท่านอาจารย์พุทธทาส<O</O
อธิบายหลักพระพุทธศาสนา ในหัวข้อ การมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องทุกข์

ท่านเริ่มว่า ความมุ่งหมายของพระพุทธศาสนา<O</O
มักถูกเข้าใจไปเสียว่า จะนำไปเมืองสวรรค์ ไปเมืองนิพพาน<O</O
เข้าใจความหมายของนิพพานผิดไป ทำให้เกิดมีเมืองหรือมีแดนแดน<O</O
ซึ่งทุกคนหวังไว้จะไปให้ถึง และความหวังนั้น ก็เลยไปถึงชาติหน้า ชาติต่อ ๆ ไป

ความจริง สวรรค์ หรือนิพพาน เป็นการกล่าวอย่าง บุคลาธิษฐาน<O</O
กล่าวสิ่งที่เป็น นามธรรม ให้เป็น บุคคล หรือเป็น วัตถุ<O</O
ในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อ

นิพพานเมืองแก้ว นครแห่งความไม่ตาย<O</O
มีลักษณะเดียวกับ เทียนไท้ หรือสุขาวดี ของมหายาน เป็นบ้านเมืองสวยงาม
อยู่ทางทิศตะวันตก มีพระพุทธเจ้าชื่ออมิตาภะ<O</O
ใครไปอยู่ ก็จะได้รับความสุขความพอใจตามที่หวัง
ชื่ออมิตาภะ แปลว่า แสงสว่างอันคำนวณไม่ได้<O</O
หมายถึงสภาวะหนึ่ง ซึ่งเป็นแสงสว่างอย่างยิ่ง ส่องไปได้ลึกถึงสิ่งที่แสงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง

เมื่อต้องเขียนภาพอมิตาภะ คนเขียนหมดปัญญาไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไร

จึงจำเป็นต้องเขียนเป็นรูปคน ภาพเมืองสุขาวดี ก็ต้องเขียนภาพเมืองสวรรค์ให้ดีที่สุด เท่าที่มนุษย์จะนึกเอาได้

<O</Oมาถึงนิกายเซน เอาคำว่า อมิตาภะ มาเป็น ชื่อของจิตเดิมแท้<O</O
อย่างเว่ยหล่าง เรียก หรือเป็นชื่อความว่าง<O</O
อย่างฮวงโป เรียก เมื่อเป็นดังนี้ อมิตาภะ ตามโรงเจ
ก็กลายเป็นของเด็กเล่นของพวกนิกายเซน

การนำสิ่งที่ลึกซึ้งเข้าใจยาก เป็นนามธรรม มากล่าวให้เป็นบุคคล หรือวัตถุ<O</O
ก็เพื่อให้ชาวบ้านทั่วไปได้รู้จัก และมุ่งหวัง เพื่อให้เขาทำความดี<O</O
เป็นการแลกเปลี่ยน เพื่อให้เขามีสถานะทางจิตวิญญาณที่ดี หรือที่สูงกว่าเดิ

<O</Oเมื่อยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้น จิตใจก็เข้มแข็ง<O</O
ไม่มีความทุกข์ร้อนอะไร ไปจนกระทั่งตายได้เหมือนกัน

<O</Oเมื่อตายแล้ว ปัญหาเฉพาะหน้าก็หมดไป ไม่จำเป็นต้องสะสางกันอีก

<O</Oเมื่อถามว่า พระพุทธศาสนามีความมุ่งหมายอย่างไร<O</O
ก็ควรตอบว่า มุ่งหมายจะแก้ไขปัญหาชีวิตประจำวันของคนในโลก<O</O
ให้อยู่ได้โดยไม่มีความทุกข์

<O</Oมีคนชอบพูดถึง สมบัติ 3

...มนุษย์สมบัติ หมายถึงความเต็มพร้อมของประโยชน์ เท่าที่มนุษย์ธรรมดาจะลุถึงได้
ด้วยการเอาเหงื่อไคลเข้าแลก

<O</O....สวรรค์สมบัติ ความเต็มพร้อมของประโยชน์ที่คนมีสติปัญญา มีอำนาจวาสนาจะถือเอาได้

<O</Oสมบัติ 2 ประการนี้ เหมือนปลามีก้าง อย่างหยาบ หรือละเอียด
<O</O
โดยสมควรแก่ชั้นเชิงของมัน คนเราต้องหัวเราะร้องไห้ สลับกันไป<O</O
อย่างไม่รู้จักเบื่อจักพอ

<O</O....นิพพานสมบัติ การได้เต็มที่ในความสงบเย็น เพราะไม่ถูกราคะ โทสะ โมหะ เบียดเบียน

<O</Oสรุปว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้มุ่งหมายจะพาคนไปเมืองนิพพาน<O</O
อันยังไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือจะได้หลังจากตายแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าชาติไหน

<O</Oท่านอาจารย์พุทธทาส ย้ำทิ้งท้าย<O</O
พระพุทธศาสนา มุ่งหมายที่จะขจัดความทุกข์ ให้หมดไปจากคน ที่นี่ และเดี๋ยวนี้<O</O
หากจะนิพพาน ก็จะนิพพานได้ในเวลา ปัจจุบันทันตาเห็นนี้..

<O</O"กิเลน ประลองเชิง"

.....................................................................................................................

 

"ไม่ อะไร กับ อะไร" เอาเถิด

 

อนุโมทนาบุญครับ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เนื้อแท้แห่ง"สุญญตาธรรม"

 

หรือท่องแบบนี้ก็ได้ครับ

นะโม (3 จบ)

นะโม โพธิสัตโต พรหมปัญโญ (3 จบ)

 

หากคนเขาปฏิบัติและมีวิสัยที่ควรจะรู้..แล้วเกิดประโยชน์ ในสิ่งที่ลึกก็ยังจำเป็นต้องรู้อยู่...

เน้นหนักปัจจุบันให้มากแล้วกันครับ...ถึงจะทราบก็ทราบเพียงพอเทียบเคียง เพราะหากเรายังไปไม่ถึง มันก็ได้แค่นั้นครับ.. จึงควรมองที่ปัจจุบันเป็นธรรมอันเอก

 

แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลยเป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก

 

ผมก็ตีความได้อย่างนั้นครับ..

 

อนุโมทนาบุญกับหลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ดู่ และทุกท่านด้วยครับ...สาธุ....

 

OO

 

ภาพอัฐิธาตุ




ทันตธาตุหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ
ที่พบ ภายหลังการถวายเพลิงท่าน พบว่าลักษณะคล้ายเป็นรากฟันกรามของท่าน

 

หลวงพ่อดู่ท่านเกี่ยวกับหลวงพ่อทวด สาเหตุที่บอกว่าเกี่ยวได้เต็มปากเนื่องจากได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่หลวงพ่อดู่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อทวดที่คนหลายคนได้ยินจากปากของหลวงพ่อดู่เอง

อาทิ

พวกเเกเดินข้ามไปข้ามมาจะข้ามหัวหลวงพ่อทวดเเล้วยังไม่รู้อีกเหรอ

พวกเเกนะรู้มั้ยว่าช้างยังรู้เลยว่าหลวงพ่อทวดคือใคร

มีคนบอกว่าข้าจะสำเร็จระหว่างต้นไม้สองต้น

เรื่องข้าบางทีมันพูดไปดีไม่ดีเขาจะไม่เชื่อจะพากันปรามาสเป็นบาปกรรมกันได้อย่าพูดไป

หลวงพ่อบุดดาพระอรหันต์เเห่งวัดกลางชูสีเจริญ
มาหาหลวงพ่อดู่เเล้วบอกว่า ที่คุณตั้งใจหนะสำเร็จเเน่ต่อไปคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า

หลวงพ่อเกษม บอกว่า หลวงปู่ดู่เป็นพระใจเพชร

พ่อท่านจำเนียร เจ้าสำนักต้นเลียบที่ฝังรกหลวงพ่อทวดที่ล่วงลับเคยได้สัมผัสภาพเเละรูปเหมือนหลวงพ่อดู่ท่านกล่าวว่า

หลวงพ่อองค์นี้ต่อไปท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระศรีอาริยเมตไตร


พ่อท่านนอง วัดทรายขาว ศิษย์ผู้น้องอาจารย์ทิม วัดช้างให้
ท่านกล่าวถึงหลวงพ่อดู่เมื่อมีคนเอารูปให้ท่านพิจารณา ว่า พระองค์นี้เก่งสามารถอัญเชิญหลวงพ่อทวดให้อยู่กับท่านตลอดเวลาได้

หลวงพ่อดู่ท่านเคยกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดว่า
พวกเเกหนะโชคดีทำบุญกับข้าได้สองศาสนา(ผมเเปลความหมายเองว่าท่านหมายถึงศาสนาสมณโคดมเเละพระศรีอาริยเมตไตร)

หลวงพ่อดู่ท่านเคยถามศิษย์ใกล้ชิดว่า

เเกรู้ไหมว่ามีคนบอกว่าหลวงพ่อทวดไปหลอกเขาโดยหลอกให้เห็นตัวเป็นหลวงพ่อทวดหัวเป็นข้า เเละตัวเป็นข้าเเต่หัวเป็นหลวงพ่อทวดเเกว่าอย่างไร


หลวงพ่อดู่ท่านเองมีลักษณะการห่มจีวรวัตรปฏิบัตรคล้ายหลวงพ่อทวดรวมทั้งการสร้างวัตถุมงคลที่คนทั่วไปมักจะเรียกว่า ทวดดู่ ที่มีพุทธคุณดุจ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้เลยทีเดียว

หลายครั้งจนถึงปัจจุบันที่มีผู้ถ่ายภาพหลวงพ่อดู่ปรากฏเป็นฉัพพรรณรังสี ซึ่งมีบุคคลอย่างเดียวที่ปรากฏได้คือพระโพธิสัตว์เจ้าที่บารมีสูงมากๆหรือพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง

หลวงพ่อดู่ท่านเองบอกว่าท่านไม่ได้หวังเป็นนายสิบท่านเองหวังเป็นนายร้อยท่านบอกว่าคนอย่างข้าต้องหักยอดฉัตรจึงสมใจ นั่นบ่งถึงความปรารถนาพระโพธิญาณของท่าน



หลวงพ่อดู่เป็นพระที่ดีไม่เคยอวดตัวว่าท่านเป็นใครยกเว้นกับศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้นเองที่ท่านเปิดเผยเเย้มให้ทราบเเละเกสาเเละอัฐิธาตุท่านเป็นพระธาตุเเสดงถึงจตอันบริสุทธิ์ของท่านเเละท่านเองยังบอกว่าข้าภาวนาตลอดเเต่ตื่นเช้าถึงเข้านอนเเละข้าอธิษฐานให้พวกเเกตลอดเวลา
เอ็งคิดถึงข้าข้าก็คิดถึงเเก เเกไม่คิดถึงข้าข้าก็คิดถึงเเก

http://www.watthummuangna.com/board/...ead.php?t=6933