ปางพระเกศธาตุ คำตอบของภาพพระพุทธรูปแปลกที่ชาวเน็ตแห่แชร์

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 24 สิงหาคม 2014.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    ปางพระเกศธาตุ คำตอบของภาพพระพุทธรูปแปลกที่ชาวเน็ตแห่แชร์



    [​IMG]
    ปางพระเกศธาตุ



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สามเณร ปลูกปัญญาธรรม, มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น

    พระพุทธรูปสำหรับคนจำวันเกิดไม่ได้ที่ยกพระหัตถ์ขึ้นคล้ายท่าตะเบ๊ะ หรือเกาศีรษะ ที่ชาวเน็ตแชร์กันว่อน ที่แท้คือ พระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ ไปรู้จักความเป็นมาของปางพระเกศธาตุกันสักครั้ง

    ช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2557 ชาวเน็ตต่างพากันแชร์ภาพพระพุทธรูปในพระอิริยาบถใช้พระหัตถ์ขวาเสยพระเกศา คล้ายท่าตะเบ๊ะ หรือคล้ายกำลังเกาศีรษะ ประดิษฐานให้พุทธศาสนิกชนที่จำวันเกิดไม่ได้มาบูชาพระประจำวันเกิด สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกไซเบอร์ เพราะไม่เคยเห็นพระพุทธรูปปางนี้ อีกทั้งยังสงสัยว่าพระพุทธรูปนี้คือปางอะไร มีจริงหรือไม่ หรือมีใครสร้างขึ้นมาให้คนที่จำวันเกิดไม่ได้ได้บูชากราบไหว้เป็นการเฉพาะ

    ด้วยเหตุนี้ทีมงานจึงได้ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และพบว่า พระพุทธรูปดังกล่าวมีอยู่จริง มีชื่อว่า "ปางพระเกศธาตุ" ซึ่งจะอยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา (ตัก) ยกฝ่าพระหัตถ์ขวาขึ้นแนบพระเศียร เป็นกิริยาเสยพระเกศา

    โดยข้อมูลจากหนังสือ "ตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ" นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ อนุจารีมหาเถร) ระบุถึงตำนานของพระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ ว่า...

    "เมื่อเสร็จการเสวยแล้ว ตปุสสะ ภัลลิกะ ทั้งสองพานิชจึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสอง ขอถึงพระองค์กับพระธรรมเป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงทราบว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองเป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าอวสานแห่งชีวิต แล้วกราบทูลขอสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งควรแก่การอภิวาทในยามอนุสรณ์ถึงพระมหากรุณาธิคุณในกาลเบื้องหน้าต่อไป

    ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา จึงยกพระหัตถ์เบื้องขวาขึ้นลูบพระเศียรเกล้าฯ ได้พระเกศา ๘ เส้น นิยมเรียกว่า "พระเกศธาตุ" แล้วทรงประทานพระเกศธาตุทั้ง ๘ เส้นนั้นแก่พานิชทั้งสอง ตปุสสะ ภัลลิกะ น้อมรับเกศธาตุทั้ง ๘ องค์ ด้วยความโสมนัสเป็นอันมาก แล้วกราบถวายบังคมลาไป

    พานิชทั้งสองนั้น ได้เป็นปฐมอุบาสกในพระพุทธศาสนาตั้งอยู่ในเทววาจิกสรณคม คือถึงพระพุทธเจ้าและพระธรรมทั้งสองเป็นสรณะ เพราะเวลานั้นยังไม่มีพระสงฆ์บังเกิดขึ้นในโลก เมื่อพานิชทั้งสองนั้นเดินทางกลับถึงเมืองของตนแล้ว ได้สร้างพระสถูปบรรจุพระเกศธาตุ ทั้ง ๘ เส้น ไว้เป็นที่สักการบูชาของมหาชน"

    ทั้งนี้พระพุทธรูปปางพระเกศธาตุมีประดิษฐานอยู่ที่วัดหลายแห่ง เช่น วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม, วัดสนามเหนือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ฯลฯ ซึ่งชาวบ้านที่ไม่ทราบชื่อปางที่แท้จริงก็เรียกขานกันง่าย ๆ ว่า "ปางตะเบ๊ะ" จากอากัปกิริยาที่เห็น

    ขณะที่เฟซบุ๊ก สามเณร ปลูกปัญญาธรรม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ปกติแล้วตามวัดต่าง ๆ มักเลือกพระพุทธรูปปางสะดุ้งมารให้คนที่ไม่แน่ใจวันเกิดตัวเอง หรือคนแก่ที่ไม่ทราบวันเกิดได้บูชามากกว่า แต่ไม่ค่อยนิยมเลือกพระพุทธรูปปางพระเกศธาตุดังภาพจากวัดแห่งหนึ่งที่คนแชร์ต่อกันมา


    [​IMG]



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น





    ----------------
    ที่มา
    hilight.kapook.com
     
  2. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,579
    :cool:ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ จำแต่ว่าปางตะเบ๊ะตามที่เข้าใจกันมา จะได้ทราบที่มาของปางนี้ได้ถูกต้อง(k):cool:({)
     
  3. nakhon_prom

    nakhon_prom สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +14
    ประวัติ
    ทางการพม่าให้ข้อมูลว่า พระเจดีย์ชเวดากองได้เริ่มสร้างมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่สมัยที่พระพุทธเจ้าทรง ตรัสรู้ หรือเมื่อประมาณ 2,595 ปีมาแล้ว ในสมัยที่ย่างกุ้งยังเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่าเมืองอสิตันชนะหรืออีกชื่อหนึ่งคือเมืองโอกกะละ โดยได้มีพ่อค้าชาวมอญ 2 คนชื่อว่าตผุสสะและภัลลิกะได้เดินทางไปค้าขายยังประเทศอินเดีย ทั้งสองได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งกำลังประทับอยู่ใต้ต้นพระศรีมหา โพธิ์ และได้ถวายภัตตาหารแด่พระองค์ด้วย หลังจากเสวยเสร็จแล้ว พระพุทธเจ้าได้ประทานพระเกศาให้ 8 เส้น เมื่อตผุสสะและภัลลิกะเดินทางกลับ พระราชาแห่งอเชตตะได้ขอแบ่งพระเกศธาตุไป 2 เส้น พญานาคขอไปอีก 2 เส้น เมื่อเดินทางกลับถึงเมืองอสิตันชนะ พระเจ้าโอกกะละปะก็ได้ทรงประกอบพิธีต้อนรับพระเกศธาตุอย่างยิ่งใหญ่ และได้ทรง คัดเลือกสถานที่บนเขาสิงฆุตตระนอกประตูเมืองอสิตันชนะให้เป็นที่สร้างพระ เจดีย์เพื่อบรรจุพระเกศธาตุ แต่ขณะที่กำลังทำการขุดดินก่อสร้างนั้น ก็ได้ค้นพบ พระบริโภคเจดีย์ของอดีตพระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆอีก 3 พระองค์ด้วย คือไม้ธารพระกร ภาชนะสำหรับใส่น้ำ และสบง จึงได้บรรจุของทั้งหมดนี้ในพระเจดีย์พร้อมกับพระเกศธาตุด้วย แต่ก่อนที่จะบรรจุ ก็ค้นพบด้วยว่า พระเกศธาตุกลับมี 8 เส้นดังเดิม พระเกศธาตุได้บรรจุไว้ภายในเจดีย์ทอง เงิน ดีบุก ทองแดง ตะกั่ว หินอ่อน และเหล็กตามลำดับ เสร็จแล้วจึงสร้างเจดีย์อิฐสูงประมาณ 66 ฟุตครอบไว้ภายนอก จากนั้นก็มีการสร้างเจดีย์ครอบองค์เดิมในรัชสมัยของกษัตริย์ต่าง ๆ รวมถึง 7 ครั้งด้วยกัน เจดีย์ชเวดากอง พม่าโดย ในสมัยพระนางเชงสอบูแห่งกรุงหงสาวดีก็ได้ทรงบริจาคทองคำถึง 40 กิโลกรัม ซึ่งเท่ากับน้ำหนักของพระองค์ในการก่อสร้างพระเจดีย์ที่มีรูปร่างเหมือนใน ปัจจุบันเป็นครั้งแรก ส่วนพระเจ้าธรรมเจดีย์ซึ่งครองราชย์ต่อจากพระนางเชงสอบู ก็ได้บริจาคทองในการก่อสร้างเพิ่มเติมเป็นน้ำหนักเท่ากับน้ำหนักของพระองค์ และพระมเหสีรวมกันด้วย ทั้งยังได้ทรงสร้างจารึกเล่าประวัติของพระเจดีย์ชเวดากองเป็นภาษาพม่า มอญและบาลีไว้ด้วย
     
  4. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    ปางพระเกศธาตุ หรือจะถวายนามท่านใหม่ คือปางมอบพระเกศาให้กับผู้ศรัทธาท่านจะดีกว่า ปางตะเบ๊ะ หรือ เกาศรีษะ ท่านไม่จำเป็นต้องตะเบ๊ะให้ใคร หรือเกาศรีษะ เพราะนับตั้งแต่ท่านปลงผมออกบวช ท่านก็สะอาดบริสุทธฺไม่ต้องเกาศรีษะอีก ช่วยกันถวายนามท่านให้เหมาะกันเถิดคะ ไม่เป็นการปรามาสด้วย
     
  5. MasterMovieHD

    MasterMovieHD Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +76
    ขอบคูณมากเลยคะ ที่ให้ความรู้ เกี่ยวกับพระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ ที่หลงเรียกมาอยู่เรื่อย ๆ ว่า "ปางตะเบ๊ะ" เพราะว่าอาจจะจำจากอริยาบท มากกว่าชื่อที่ถูกต้องจริงคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...