อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

สิบกว่าปีก่อนผมยังไม่เริ่มเก็บบูชาพระเลยครับ มัวแต่เที่ยวอย่างเดียววัดก็ไม่ค่อยได้เข้า เสียดายเหมือนกันครับ ถ้าเริ่มสนใจตั้งแต่อยู่เมืองไทยคงเต๊าะของเจ้าคุณพ่อมาเพียบ สมัยก่อนคุณพ่อทำงานกรมที่ดินน่ะครับ ท่านเดินทางออกต่างจังหวัดตลอด ของท่านเยอะอยู่ครับ แต่น้องๆเก็บไปหมดแล้ว

 

เท่าที่คุณกันต์มีอยู่ทุกวันนี้ก็มากโขแล้วครับ แขวนไม่หมดหรอก rabbit_eating

 

จริงครับแขวนไม่หมดหรอกครับ ผมติดตัวแต่หลวงปู่อ่อนสาครับ รอมีจังหวะกะว่าจะเลี่ยมกรอบสวยๆครับ

 

นอนก่อนล่ะครับ ตีสองครึ่งแล้ว วันนี้หนักครับลุยงานมาตั้งแต่ 9โมงเช้า เลิกสี่ทุ่ม ง่วงแล้วครับ

 

---->

 

​

มาแว๊ววว วันพรุ่งไม่อยู่น๊าา​

​

พระนาคปรกกับวันเสาร์​

​

​

​

​

 

" ตระกรุด " .. ถ้าไปว่าไปทุกสำนัก ทุกวัด ก็มีตะกรุดกันทั้งนั้น ของวัดสะเเกก็ไม่ได้เเต่ต่างจากที่อื่นมากมายนัก ในอดีตคนรู้จักหลวงปู่ดู่ รู้จักวัตถุมงคลท่าน ก็จากตระกรุดของท่าน เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาดังควบคู่กันกับแหวนของท่าน เป็นที่ต้องการใฝ่หามากกว่าพระรุ่นต่างๆเสียอีก เรื่องราวอันเกี่ยวกับตะกรุดที่เกี่ยวพันกับหลวงปู่ดู่ท่าน เท่าที่ได้ยินก็จะมีเรื่องเล่าเก่าๆ ท้าวความถึง..สมัยที่หลวงปู่ดู่ท่านออกธุดงค์ เพื่อไปกราบนมัสการพระเเท่นดงรัก ที่กาญจนบุรี ตอนนั้นท่านได้ปักกลดที่ใต้ต้นไม้กลางนา จังหวัดสุพรรณบุรี ก็มีนักเลงชอบลองของมาซุ่มยิงท่าน เเต่ยิงยังไงก็๋ยิงไม่ออก พอวันต่อมานักเลงพวกนั้นก็มากราบขอให้ท่านทำตะกรุดให้ ท่านก็ถามกลับไปว่า เมื่อวานเอ็งยังลอบยิงข้าอยู่เลย เเล้วทำไมจะให้ข้าทำตะกรุดให้อีกก็เป็นที่มาของเรื่องเห็ดขึ้นกลางนา เเละก็มีอีกเรื่องนึ่งก็คือ เรื่องลาวลองตะกรุด....เรื่องมีอยู่ว่า..ที่บริเวณหลังตลาดกลาง จะมีลาวผู้หนึ่งมีวิชา จับพระที่ว่าศักดิ์สิทธิ์ของใครๆ ก็เเตกหักหมด ก็มีคนมาบอกเล่าให้หลวงปู่ท่านฟัง หลวงปู่ท่านจึงได้มอบตะกรุดให้ชายผู้นั้นไปให้ลาวผู้นั้นจับ พอลาวผู้นั้นจับ ตะกรุดได้ทิ่มหน้าทิ่มตาของลาวผู้นั้น พอตกมืดคืนนั้น หลวงปู่ท่านได้ยินเสียงเหมือนคนจุดประทัดบนหลังคากุฏิท่าน พอท่านออกมาดู ท่านจึงเอาน้ำมนต์สาดขึ้นไปบนหลังคา ลาวผู้นั้นได้ทำของมาใส่หลวงปู่....หลวงปู่ท่านบอกว่า.....เอากันถึงตายเลยหรอนี่.... ด้านประวัติการสร้างตะกรุด ตะกรุดยุคเเรกก็ไม่พ้นตะกรุดขนาด นิ้วครึ่งถึงสองนิ้ว เนื้อทองเเดง สร้างในปี 2485 เพราะช่วงนั้นได้มีการเกณฑ์ผู้คนไปร่วมรบ สงครามอินโดจีน ตะรุดรุ่นนี้จึงเรียกกันว่า " ตะกรุดอินโดจีน " ว่ากันว่าเน้นความเหนียว คงกระพันชาตรี เป็นหลัก หลังจากนั้นก็มีการทำตะกรุดต่อมาเรื่อยๆ โดยชาวบ้านได้นำเเผ่นโลหะมาให้หลวงปู่ท่านทำให้ อาทิ เนื้อทองเหลือง ตระกรุดยุคต้นๆนี่เรียกว่า " ตะกรุดหัวเรือ" ด้วยนำทองเหลืองที่หุ้มหัวเรือมาทำ เป็นตระกรุด เป็นตระกรุดยุคเก่าที่หาได้ยากมาก จนมาถึงปี 2510 มีการทำตะกรุดอีกครั้งที่ออกมาในรูปเเบบมาตรฐาน เป็นทางการ โดยการสั่งรีดเนื้อโลหะทองเเดง นำมาตัด ขนาด สามนิ้วครึ่ง ถึงสี่นิ้ว หลวงปู่ท่านเมตตาลงอักขระ เลขยันต์ด้วยตัวท่านเอง โดยหมอบหมายให้หลวงลุงดำ ท่านตีตารางให้ ในวาระนี้มีด้วยกันสองสามชนิด เรียกชื่อแยกกันเนื่องจากตัวอักขระที่จารลงบนแผ่นแตกต่างกัน ที่เป็นที่รู้จักกันดีเป็นทีใฝ่หา และเป็นที่นิยมของวงการ ก็คือ ตะกรุดมหานิรูด , ตะกรุดโสฬถมงคล และ ตะกรุดไตรสรณคมน์ ละมาถึงปี 2519 จึงมีการสร้างตะกรุดอีก โดยใช้เเผ่นทองเเดงเหมือนเดิมขนาดเท่าเดิม ประมาณ 4 นิ้ว เรียกตระกรุดรุ่นนี้ว่า " ตะกรุดหัวผุ " ตระกรุดมีจุดเด่นพิเศษคือ แผ่นทองแดงจะค่อนข้างหนา ที่หัวตะกรุดจะมีรอยผุทุกดอก ไม่ทางด้านใดก็ด้านหนึ่ง หรือ ทั้งสองทาง รอยผุดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการผุของแผ่นทองแดง แต่เกิดจากรอยตัดแผ่นเป็นรอยขยักเห็นได้ชัดเจน ในปี 2525 ซึ่งเป็นการฉลอง 200 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ จึงมีการจัดสร้างตะกรุดเนื้อเงิน ขนาด หนึ่งนิ้ว ปั้มยันต์ตุ๊กตา เเละ ตอกโค๊ตไว้ จำนวนการสร้าง 200 ดอก ในปี 2526 ในวาระที่หลวงปู่ท่านมีอายุครอบ 79 ปี ได้จัดทำตะกรุดเนื้อเงิน ขนาด หนึ่งนิ้ว ปั้มยั้นต์ตุ๊กตา เเละ ตอกโค๊ต เเละตอกหมายเลข 79 ทุกดอกจำนวนการสร้างเพียง 79 ดอกเท่านั้น ในปี 2526 ปีเดียวกันได้จัดสร้างอีกวาระหนึ่ง การจัดสร้างคราวนี้ ใช้แผ่นโลหะเเตกต่างกันไป อาทิ เเผ่นเเม่เเบบข้อสอบ เป็นเนื้ออลูมิเนียม เเละเนื้อสเเตนเลส ตะกรุดชุดนี้จะจัดทำประมาณปี 2526 ซึ่งหลวงปู่ท่านมอบหมายให้หลวงน้าสายหยุด เป็นผู้ทำมาถวาย โดยการปั้มยันต์ตุ๊กตาเล็ก เเล้วจึงม้วน (มีเนื้อทองเเดง ขนาดสองนิ้ว เเละ เนื้อเงินขนาดหนึ่งนิ้วด้วย) ส่วนตะกรุดยุดสุดท้าย เริ่มทำประมาณปี 2530-2531 ประกอบด้วยกันมากมายหลายแบบ คือ มีทั้งเนื้อทองเเดง ทองเหลือง และ สเเตนเลส(หนึ่งนิ้ว) เเละยังมีการนำไปถักเชือก เเละยังมีการนำ ตะกรุดที่ถักไว้มาคลุกรักโรยผงอีก เเต่จำนวนไม่มากนัก เพราะตอนนั้นคนถักตะกรุดมีคนเดียวคือ ตาสิทธิ์ มัคคถายก หลายๆคนที่อยากได้ตระกรุดของหลวงปู่ดู่ท่าน โดยเฉพาะตะกรุดในยุคต้น เช่น ตระกรุดมหานิรูด, ตะกรุดโสฬสมงคล , ตะกรุดไตรสรณคมณ์ หรือ ตะกรุดหัวผุ เป็นต้น เรื่องเล่าเรื่องหนึ่งจากผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ ได้เล่าให้ฟังว่า สุดท้ายก่อนหลวงปู่ท่านจะสิ้น ท่านได้อธิฐานให้ตะกรุดที่ท่านได้เคยสร้าง เคยอธิฐานไปเเล้วทั้งก่อนหน้าและปัจจุบัน เป็นตะกรุดมหาจักรพรรดิ์ทั้งหมดแล้ว..

 

สวัสดียามเย็นคร๊าบบน้องเอ็ม เชียงใหม่เป็นไงบ้าง ท่าพระฟ้าครึ้มๆ เกือบทั้งวันเลย

 

หลวงพ่อะไรครับพี่ปู เนื้อสวยมาก

 

<a href="http://www.yenta4.com/cutie/view_img.php?d_id=1945&cate_id=1" target="_blank"><img src="http://www.yenta4.com/cutie/upload/945/1945/50126e8ca6944.gif" border="0" alt="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com" title="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com"></a><br /> พรุ่งนี้ยึดกระทู้

 

ฝนตกบ่อยครับพี่

ภาพถ่ายเมื่อชั่วโมงกว่าๆ มานี่ครับ

 

มีข้อถกเถียงกันมาก !!!! ว่า พระเกศาพิมพ์พระรอด พระเกศาพิมพ์พระคง หรือ พระเกศาพิมพ์อื่นๆ นั้นที่พบเห็น จะมีเหล็ก หรือบางองค์เป็น ลวดทองแดงเสียบ เพื่อที่จะทำเป็น บ่วง คล้องเชือกเพื่อห้อยคอ หรือ คล้องเชือกสาย ตะกรุด ....สรุปว่าเป็นเกศา ของใครกันแน่ ????

ผู้เขียนขอ อธิบายแตกออกมาดังนี้

1.ถ้าเป็นเกศา พิมพ์ อะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีลวดหรือ ทองแดงเสียบเพื่อทำบ่วง และ ด้านหลังองค์พระ (มี) รอยจาร คำว่า อุ หรือ ตัวอักษร ป.(ปลา) ถือว่าเป็นพระเกศา ครูบาอภิชัยขาวปี

2.ถ้าเป็นเกศา พิมพ์ อะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีลวดหรือ ทองแดงเสียบเพื่อทำบ่วง และ ด้านหลังองค์พระ (ไม่มี) รอยจาร คำว่า อุ หรือ ตัวอักษร ป.(ปลา) เป็นเรียบๆ ถือว่าเป็นพระเกศา ครูบาเจ้าศรีวิชัย แต่ถูกสร้างขึ้นโดยครูบาอภิชัยขาวปี โดยเส้นเกศาเหล่านั้น ครูบาอภิชัยขาวปีได้เป็นผู้เก็บรักษาไว้ เป็นจำนวนหนึ่ง และในเวลาต่อมาจึงได้นำมาจัดสร้าง โดยได้จัดสร้างพร้อมๆกับ พระเกศาครูบาอภิชัยขาวปีนั้นเอง

3.ถ้าเป็นเกศา พิมพ์ อะไรก็แล้วแต่ (ไม่มี)ลวดหรือ ทองแดงเสียบเพื่อทำบ่วง ด้านหลังองค์พระ (ไม่มี) รอยจาร คำว่า อุ หรือ ตัวอักษร ป.(ปลา) เป็นเรียบๆ ถือว่าเป็นพระเกศา ครูบาเจ้าศรีวิชัย โดยจัดสร้างขึนโดยชาวบ้านผู้เคารพ และศรัทรา องค์ครูบาเจ้า ส่วนใหญ่จะถูกกดพิมพ์ จากพระนิยมเนื้อดิน ในจังหวัดลำพูน เพื่อชาวบ้านจะได้เก็บรักษา พระเกศาครูบา หรือบ้างพกพานำติดตัวไว้เพื่อป้องกันภัย ตามความเชื่อ ของชาวบ้านแต่ละบุคคล บ้างก็จะมีรอยจาร บ้างก็จะไม่มีรอยจาร บางองค์ก็จะ ปิดทองรองชาด เพื่อเป็นรักษาองค์พระไว้ แต่ก็มิได้หมายความว่า การที่ ปิดทองรองชาติ จะถึอว่าเป็นยุคต้น เสมอไปไม่ได้ จะต้องพิจารณา จากเพื่อผงใบลานหรือรักเป็นจุดหลัก โดยจะแบ่งแยกออกเป็น สามยุคสมัย
3.1 ยุคต้น (สมัยครูบาเจ้ายังมีชีวิตอยู่)
3.2 ยุคกลาง (เป็นยุคช่วง ปี 2481 ถึง ปี 2500 สร้างโดยศิษย์)
3.3 ยุคปลาย ( เป็นยุคช่วง ปี 2500 เป็นต้นไปสร้างโดยศิษย์ )

 

หลวงปู่ลีวัดตลุก นครสวรรค์​

​

​

​

 

tee_tores, MrCHAN, ช้างป่า, ปู ท่าพระ, jumbo_a44, พีร, sagang, nitikoon29, kravity, jamitcom

คึกคักยามเย็น สงสัยรอเชียร์ผีแดง แน่ๆ เลย catt3catt3

 

วันนี้คงต้องเร่งปล่อยของแระ​

​

​

​

​

​

พระยอดขุนพลบุเรงนอง และพระขุนแผนชัยวรมันเนื้อชานหมาก​

 

พระทรงขอมแบบ ... " จ อ ม สุ ริ น ท ร์ "

เป็นอะไรที่ผมโดนใจมว๊ากๆๆๆๆๆ