ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Noinea

    Noinea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +1,902
    อ่านแล้วน้ำตาจะไหลตามเลยค่ะ :'( รู้สึกปิติไปด้วย
    สาธุๆๆ _/|\_
     
  2. pasteque

    pasteque เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2014
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +4,687
    สาธุ สาธุ สาธุ

    แม้จะเพิ่งเป็นสมาชิกบอร์ดพลังจิตมาได้ไม่นาน แต่ pasteque ก็ได้เห็นสิ่งต่างๆที่คุณ suwat.su และพี่น้ำใส เพียรกระทำเพื่อพระพุทธศาสนาและผู้อื่นเสมอ

    วันนี้ได้ทราบข่าวน่ายินดีอย่างยิ่ง pasteque ขออนุโมทนากับคุณ suwat.su และพี่น้ำใสอีกครั้งค่ะ

    ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ในสากลโลกตลอดจนอำนาจบุญกุศลที่คุณ suwat.su และพี่น้ำใสได้กระทำไว้ดีแล้ว ดลบันดาลให้คุณ suwat.su และพี่น้ำใส มีความสุข ความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป คิดและปรารถนาสิ่งใด เพียงเปล่งวาจา ขอให้มีผู้คนคอยให้ความช่วยเหลือสนับสนุนในทุกด้านให้เป็นผลสำเร็จทุกประการด้วยเทอญ
     
  3. KoKoWalK

    KoKoWalK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +7,888
    ขออนุโมทนาและแสดงความยินดีกับพี่สุวัฒน์ด้วยครับที่ได้เป็นผู้ดูแลดวงแก้วมหาโภคปุญญโชติ ครับ

    ตอนนี้เจ้าตัวยังไม่ได้อ่านเนื้อความที่พี่น้ำใสเขียน แต่ก็ทราบแล้วว่าอดีตเคยเกิดเป็นใคร แหมสุดยอดจริงๆ พี่สุวัฒน์ของเรา นับถือๆ อิอิ
     
  4. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,329
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,265
    ดีใจกับพี่น้ำใสด้วยนะครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกขนลุกและอินไปกับข้อความพี่น้ำใสด้วยครับ

    เราทุกคนก็เคยทำบุญร่วมกันมาเลยได้มาเจอและสงเคราะห์กันนะครับ

    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับ คุณ suwat.su อีกครั้งครับ สาธุ สาธุ
     
  5. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    ผมและครอบครัวร่วมถวายดวงแก้วกำพลแดง"ศุภบพิตรรัตนบวร จำนวน 500.- บาทครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กันยายน 2014
  6. boonbaramee

    boonbaramee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +2,270
    อนุโมทนาครับ อ่านแล้วปิติใจ ดีใจ และยินดีกับคุณ Suwat.su และคุณน้ำใส พร้อมทุกๆท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2014
  7. suwat.su

    suwat.su เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    7,641
    ค่าพลัง:
    +55,532
    ผมก็ดีใจครับ ที่เคยเกิดเป็นพี่เป็นน้องกับพี่น้ำใส ในยุคสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพระพุทธเจ้า มาก่อนครับ ผมยินดีและเต็มใจเป็นอย่างยิ่งครับที่ได้ร่วมบุญในทุกงานบุญกับพี่น้ำใสครับ
     
  8. Giant 1

    Giant 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1,014
    ค่าพลัง:
    +9,211
    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณ suwat.su ด้วยครับ อ่านแล้วอดปลื้มปิติกับคุณ suwat.su ไม่ได้ ไกลสุดขอบฟ้า อยู่แค่ตา นี้เอง

    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณ Numsai ด้วยครับที่ได้พบพี่น้องในวันนี้ อ่านแล้วน้ำตาไหลเหมือนกัน ...

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ Numsai คุณ Suwat.su และญาติธรรมทุกๆท่านอีกครั้ง สาธุ
     
  9. เติบโต

    เติบโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    819
    ค่าพลัง:
    +5,298
    ยินดีกับพี่ทั้งสองด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2014
  10. เติบโต

    เติบโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    819
    ค่าพลัง:
    +5,298
    ตามที่ข้าพเจ้าได้เคยร่วมบุญดวงแก้วพระปัจเจกพุทธเจ้าเพื่อสร้างพระสมเด็จพุทธวิปัสสี ข้าพได้รับวัตถุธาตุกายสิทธิ์จากพี่น้ำใสแล้ว (พลอยพญานาค) ข้าพเจ้าพร้อมครอบครัวได้โอนฝากเงินผ่านตู้รับฝากเพื่อ ร่วมบุญเข้าบัญชีสร้างพระสมเด็จพุทธวิปัสสี เมื่อวันที่ 3/10/57 เวลา 18.33 จำนวน 100 บาท วันที่ 6/10/57 เวลา 19.21 จำนวน 200 บาท วันที่ 7/10/57 เวลา 18.36 จำนวน 300 บาท วันที่ 8/10/57 จำนวน 500 บาท ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญกุศลที่ได้กระทำอันเกี่ยวเนื่องกับการสร้างพระสมเด็จพุทธวิปัสสี ในทุก ๆ บุญที่ได้กระทำมาดีแล้ว ในนามทุกท่านดังนี้
    - สมเด็จองค์ปฐมต้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และน้อมถวายเป็นสังฆบูชาแด่พระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ทั้งฝ่ายเถรวาท รวมทั้ง ฝ่ายมหายาน ตลอดจนพระพุทธเจ้าในอนาคตและ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอนาคต พระโพธิสัตวเจ้าทุกพระองค์ในอนาคต ทั้งหมดพร้อมบริวารทั้งหมด
    - พระไวโรจนพุทธเจ้า พระอมิตาภะพุทธเจ้า พระสมเด็จพระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า พระศากยมุณีพุทธเจ้า พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า พระปทุมมุตรพุทธเจ้า พระสรณังกรพุทธเจ้า พระอักษรโคจรพุทธเจ้า พระสิริวรรณประภาพุทธเจ้า พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระรัตนสัมภวพุทธเจ้า พระอโมฆสิทธิพุทธเจ้า พระอักโษภยพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์ พระสมันตภัทรมหาโพธิสัตว์ พระมัญชุศรีมหาโพธิ์สัตว์ เจ้าแม่กวนอิม และพระมหาโพธิ์สัตว์ทุกพระองค์พร้อมเหล่าเทพองค์รักษ์ทุกองค์พร้อมบริวาร
    - หลวงปู่ฤาษีอาจารย์ใหญ่ หลวงปู่เกษรีฤาษี หลวงปู่อัสดงฤาษี พร้อมสหธรรมมิกทุกๆองค์ ของพวกท่าน
    - พระเศรษฐีโยชนฤาษี พร้อมสหธรรมมิกทุกพระองค์
    - พระเรวตพุทธเจ้า พระสุมังคลพุทธเจ้า พร้อมคณะ
    - ท้าววิษณุกรรมเทวราช พร้อมบริวาร
    - ท้าวธารรัฐทสเทวราช ท้าวอุปมรัตนวรการนต์เทวราช ท้าวรสทสกุมารเทวราช พร้อมบริวาร
    - ท่านโชติรสศิลปกรรมเทพธิดา พร้อมคณะและบริวาร
    - ท่านพาหุลกะเทวบุตร พร้อมบริวาร
    - ท่านอนัตตกเทวบุตร พร้อมบริวาร
    - ท่านอุปะมะเทวราช พร้อมบริวาร
    - พญาสุรศิวยักษ์ และบริวาร
    - พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ภรรยาและบุตร ญาติ พี่น้อง และผู้มีพระคุณที่ได้สงเคราะห์และปราถนาดีต่อข้าพเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ทั้งวาจา ใจ และการกระทำ ทุกภพทุกชาติต่อข้าพเจ้า ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ
    - ครูบาอาจารย์ทุกภพทุกชาติของข้าพเจ้า มีหลวงปู่เกษรีฤาษี พร้อมสหธรรมมิก พระศรีอาริยเมตไตร พระราหูล พร้อมบริวาร พระอุปคุต หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ หลวงปู่โต วัดระฆังฯ หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน หลวงพ่อเขียน วัดสำนักขุนเณร หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อพรหมวัดช่องแค หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม หลวงพ่อขวัญ วัดบ้านไร่ หลวงปู่ผาด วัดไร่ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน หลวงพ่อเฒ่า วัดน้ำพุ หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง หลวงปู่ปานวัดบางนมโค หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร หลวงตามหาบัวญาณสมปันโน หลวงพ่อรอด หลวงพ่อลาภ วัดท้ายย่าน ท่านพุทธทาสภิกขุและคณะศิษยานุศิษย์และสหธรรมมิก สมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในสยามหรือในประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนครูบาอาจารย์ที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาในสยามประเทศหรือตลอดจนในแผ่นดินประเทศไทยทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบัน ทุก ๆ พระองค์ และหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุงเป็นที่สุด
    - ท้าวสหัมสบดีพรหม ท่านท้าวมหาชมพูบดี ท่านผกาพรหม และพรหมทุกพระองค์ พร้อมบริวารทั้งหลาย
    - ท้าวสักกเทวราช พระมเหสีทั้ง ๔ มเหสักข์เทพทุกพระองค์ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ท่านอินทกะทั้งหลาย รวมทั้งท่านอนันตกเทวบุตร ท่านศานติเทวราช และบริวาร ท่านท้าวเทวราชทุก ๆ พระองค์ พร้อมบริวารทั้งหลาย
    - มหาเทพ หรือมหาเทวีที่ดูแลพุทธตันตระทุก ๆ พระองค์ พร้อมทั้งเทวดาในสายมหายานทุก ๆ องค์
    - ปรมาจารย์เซียนทั้ง ๑๐๐๘ พระองค์ พร้อมทั้งบริวารทั้งหมด
    - พระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และบูรพมหากษัตราธิราชเจ้าทุกพระองค์ในอดีตที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ตลอดถึงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน อันได้แก่ กรมหลวงชุมพรฯ พร้อมบริวาร เป็นต้น
    - พระโพธิสัตว์กวนอิม พระฤาษี พรหม เทวดา เทพ เซียนทุกพระองค์ตลอดจนดวงจิตทุกดวงที่อธิษฐานและดูแลรักษาดวงแก้ว พระเขี้ยวแก้วเนรมิต ธาตุกายสิทธิ์ที่พี่น้ำใสได้นำมาให้บูชา พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ พระพุทธปฏิมา พระสังฆปฏิมา มงคลวัตถุทั้งหลายที่ข้าพเจ้าบูชารักษาอยู่ และมีโอกาสจะได้รับมาบูชาในอนาคตข้างหน้า ตลอดถึงเทวดา หรือดวงจิต พระภูมิเจ้าที่ ตา-ยายที่รักษาตัวข้าพเจ้า ที่รักษาคนในครอบครัวของข้าพเจ้า และที่รักษาที่อยู่อาศัยของข้าพเจ้า ที่รักษาที่ทำงานของข้าพเจ้า ที่รักษาหรือให้คุณกับกิจการงานในครอบครัวของข้าพเจ้า
    - พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระเพลิง พระพาย ตลอดจนบริวารทั้งหลายของท่าน
    - พระยายมราช ท่านสุวรรณ ท่านสุวาณ นายนิริยบาลทั้งปวง ทั้งนายนิริยบาลเฉพาะกิจ และนายนิริยบาลประจำ พร้อมบริวารทั้งหลาย
    - ท่านพญาศรีสุทโธนาคราช ท่านพญาโภคนาคราช ท่านพญาสันธสัตตนาคราช พร้อมสหธรรมมิกและบริวารทั้งหลาย
    - ท่านสหบดินทร์ครุฑา และท่านพญาครุฑที่ดูแลเหรียญของท่านจิตโตทุก ๆ เหรียญ เพื่อสงเคราะห์มนุษย์ทั้งหลาย ตลอดจนครุฑทุกตน ที่ได้กระทำคุณต่อพระพุทธศาสนา
    - ท่านอัสดรนาคราช สหธรรมิกทั้ง ๔๘ ตน พร้อมบริวารทุกท่าน ตลอดทั้งพญานาคราชทั้ง ๗ เมือง ตลอดจนพญานาคทั้งหลาย ที่ได้กระทำคุณต่อพระพุทธศาสนา
    - พระฤาษีเพชรฉลูกรรณ์ พระฤาษีกไลโกษ พระฤาษีนารอท พระฤาษีนาราย พระฤาษีตาวัว พระฤาษีตาไฟ พระฤาษีโคบุตร พระฤาษีพัดโบก ตลอดจนพระฤาษีทั้งหลายที่เป็นสหธรรมมิกของท่าน รวมทั้งที่ข้าพเจ้าได้บูชาอยู่ พระฤาษีทั้งหลายที่บำเพ็ญภาวนา รอการมาประกาศพระศาสนาของพระศรีอริยเมตไตร ที่บำเพ็ญภาวนาในสยามประเทศ ในชมพูทวีป ในภูเขาควาย
    - เทวดา เทพยดา เซียน ตลอดจนบริวารทั้งหลาย ดวงจิตทั้งหลาย ที่เกี่ยวเนื่องในการสร้าง ดูแล รักษาองค์พระสมเด็จพุทธวิปัสสี ที่พี่น้ำใสได้เอ่ยถึงเพื่อเป็นธรรมทานในทุกกระทู้งานบุญ
    - เทวดาตั้งแต่ ชั้น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ตลอดจน พระพรหมทุกชั้นฟ้า พร้อมทั้งบริวารทั้งหลายทุกตน
    - เทวดา ดวงจิตทุกดวง ที่ดูแล รักษาองค์พระแก้วมรกต วัดพระแก้ว พระพุทธชินราช วัดใหญ่พิษณุโลก หลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อศิลา วัดทุ่งเสลี่ยม และพระพุทธปฏิมา พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ รูปหล่อพระอริยสงฆ์ที่กระทำคุณต่อพระพุทธศาสนา ในชมพูทวีป ทุกพระองค์
    - เทวดาที่ทำหน้าที่หรือได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ ศาลหลักเมือง ที่กระทำคุณต่อพระพุทธศาสนา ในสยามประเทศ พร้อมบริวาร รวมถึงในชมพูทวีป โดยเฉพาะ ศาลหลักเมืองปัตตานี เมืองยะลา เมืองนราธิวาส เมืองกรุงเทพ เมืองพิจิตร เมืองอ่างทอง และเมืองต่างๆในประเทศไทย
    - ผู้บำเพ็ญภาวนา สมาบัติ ฝึกวิชา ในแดนสุขาวดี และเขาไกรลาศ ตลอดจนทุกแดนโลกธาตุอันนับไม่ถ้วนในทุกจักรวาล
    - เทวดา เทพพยาดาที่ทำหน้าที่ม้าแก้ว ช้างแก้ว ๑๐,๐๐๘ องค์พร้อมบริวาณทุกพระองค์
    - เทวดา เทพพยาดา ดวงจิต ทุกดวงที่รักษาสมบัติของแผ่นดินไทย สมบัติของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะในประเทศไทย และในบริเวณเขาหลวง สุโขทัย
    - พระพิฆเนศ พระนารายณ์ พระศิวะ พระลักษณ์ พระราม หนุมาน และสหาย พร้อมบริวารทั้งหลายของท่าน
    - นางแก้ว ญาติมิตรสหายและบริวารทั้งหลายของข้าพเจ้า
    - แม่ย่านาง พาหนะทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้นั่ง ได้โดยสาร ได้อาศัย ได้รับความเมตตา ทุกคราวในการเดินทาง
    - เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า รวมถึงสรรพสัตว์ ดวงจิตวิญญาณทั้งหลายในอดีต จนถึงปัจจุบันและในอนาคตที่ข้าพเจ้าได้เคยเบียดเบียน ที่มีส่วนในการกักขัง หน่วงเหนี่ยว โดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ลงไป ขอบุญทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาดีแล้วในครั้งนี้ จงปลดปล่อยพวกท่านให้พ้นจากพันธนาการต่าง ๆ และโปรดอโหสิกรรมต่อข้าพเจ้าและครอบครัวข้าพเจ้า และร่วมอนุโมนากับข้าพเจ้า
    - พี่น้ำใส และกัลยาณมิตรธรรม ทั้งหลายที่ได้ร่วมทำบุญในกระทู้บุญของพี่น้ำใส
    ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายและอุทิศนี้ ขอท่านอนันตกเทวบุตร เทพยดาที่ทำหน้าที่ม้าแก้ว ช้างแก้วและคณะ พระแม่คงคา พระแม่ธรณี พระพาย ตลอดจนท่านพระยายมราช พร้อมบริวาร ขอท่านได้โปรดบอกกล่าวบุญนี้ และขอทุก ๆ ท่านได้โปรดตั้งจิต ประหนึ่งท่านทั้งหลายที่กล่าวนามมาพร้อมบริวารของท่าน เหมือนได้กระทำบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาอันเกี่ยวเนื่องกับบุญของการสร้างสมเด็จพระพุทธวิปัสสีและบุญต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องด้วยตัวท่านเองได้กระทำร่วมกับข้าพเจ้าด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    ขอท่านทั้งหลายได้โปรดโมทนา และเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลในครั้งนี้ของข้าพเจ้าด้วยเถิด สาธุ
    ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแต่อดีต ตลอดถึงบุญกุศลที่ได้ร่วมในครั้งนี้เป็นที่สุด ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความมั่นคง แน่วแน่ ไม่คลอนแคลนในการทำความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป ขอให้มีกำลังใจสูงมีกำลังใจไม่สิ้นสุด เมื่อปรารถนาในความดีใดแล้วขอให้มีแต่ทางสำเร็จ มีผู้คอยช่วยเหลือเกื้อหนุนค้ำชู ศัตรูหมู่มารทั้งหลายจงหลีกทางห่างไกล ไร้ซึ่งอุปสรรคใหญ่น้อยคอยขัดขวาง ตราบเท่าถึงที่สุดแห่งความปรารถนาสำเร็จพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในเบื้องหน้านั้นเทอญ ฯ
    และขอผลบุญนี้จงส่งผลให้ข้าพเจ้าได้ผลญาณ และวิชาความรู้เก่าๆ จงได้กลับคืนมา ตามความเหมาะสมด้วยเทอญ
    และขอให้ผลบุญในการถวายดวงแก้วในพระพุทธศาสนานี้ จงมีผลต่อท่านทั้งหลายที่ได้ร่วมโมทนาบุญกับข้าพเจ้า จงได้รับผลบุญนี้เหมือนได้กระทำด้วยตัวท่านเองด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ ครูบาอาจารย์สืบ ๆ กันมา โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังฯ หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่พวง วัดน้ำพุสามัคคี หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีษีเจริญ และพระราชพรหมยานเถระ(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง ตลอดทั้งครูบาอาจารย์ในสายธาตุกายสิทธิ์ มีหลวงปู่อาจารย์ใหญ่ หลวงปู่เกษรีฤาษี และคณะเป็นที่สุด โดยโปรดประทานพรขอให้เหล่าครุฑและเหล่านาคราช ทั้งหลายจงมีสัมมาทิฏฐิ มีความปรองดรอง สามัคคี รักใคร่กัน ร่วมกันต่อสู้เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ต่อสู้กับหมู่มารทั้งหลาย ที่จ้องทำลายหรือแสวงหาผลประโยชน์ของประเทศไทย
    ข้าพเจ้าขอรวบรวมบุญบารมีทั้ง ๓๐ ทัศน์ นับอสงไขยไม่ถ้วน ระลึกได้ก็ดีระลึกไม่ได้ก็ดี ขอให้ข้าพเจ้าเกิดมาพบพระพุทธศาสนาที่เจริญรุ่งเรือง ในทุกภพชาติให้ได้เกิดในตระกูลสัมมาทิฏฐิ มีกัลยาณมิตรเป็นบัณฑิตให้เป็นผู้มีความบริสุทธิ์ ทั้งกายวาจาใจยิ่งๆ ขึ้นไปมีศีล ๕ บริสุทธิ์ พร้อมด้วยวิชชา ๓ ญาณ ๘ อภิญญา ๕ และจรณะ ๑๕
    หากข้าพเจ้ามีบุญขอ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ของฝ่ายมหายาน และในทุกจักรวาล หากข้าพเจ้ามีบุญสัมพันธ์หรือมีบารมีพอ ขอท่านทั้งหลายได้โปรดประทาน ม้าแก้ว ช้างแก้ว หรือเทพยดา เพื่อบอกกล่าวการทำบุญของข้าพเจ้าให้กับท่านทั้งหลายได้ทราบและร่วมอนุโมทนาบุญร่วมกับข้าพเจ้า ด้วยเทอญ
    ขอให้ข้าพเจ้ามีจิตใจเยือกเย็นเป็นสุข ขอให้มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องไว้ใช้สร้างบารมีอย่างไม่รู้หมดสิ้น ขอให้มีบริวารดี และธุรกิจการงานเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป
    ขอให้มีคู่ครองที่เสมอกันด้วย ทาน ศีล ปัญญา และจาคะเสมอกัน ขอให้ครอบครัวมีความสุข สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงสามารถปฏิบัติธรรมได้โดยสะดวก เดินทางไปไหนขอให้ปลอดภัยทั้งไปและกลับไม่ว่าจะไปที่ใดขอให้เทพดา ครูบาอาจารย์ ตลอดจนดวงจิตทั้งหลายเมตตาต่อข้าพเจ้า
    ขอให้ข้าพเจ้ามีพลังใจสูงส่งมีกำลังใจไม่สิ้นสุด ดุจเดียวกับพระบรมโพธิสัตว์ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำความดี คำว่า ท้อแท้ อย่าได้มี ขอให้มีดวงปัญญาสว่างไสว รู้แจ้งแทงตลอดทั้งทางโลกและทางธรรม ขอให้ได้ผลญาณ และหากจะฝึกวิชาใดๆ ขอให้สำเร็จโดยเฉพาะวิชามโนยิทธิ ได้ทิพจักขุญาณ ทั้งตาเนื้อและตาใน ขอความรู้เก่าๆ กลับคืนมา ตราบใดยังไม่เข้าสูพระนิพพาน ขอคำว่า เจ็บป่วย ยากจน ไม่ได้ ไม่รู้ ไม่มี ไม่สำเร็จ อย่าได้ปรากฏเลย สาธุ
    ขอให้เกิดในตระกูลสูง มีสัมมาทิฐิ และระลึกชาติได้โดยทันที เพื่อสร้างบารมีได้รวดเร็วด้วยเถิด สาธุ
    หากบุญของข้าพเจ้ายังไม่ถึงพร้อมจะเข้าพระนิพพาน ขอให้ข้าพเจ้าไปจุติบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตตวสวัตตี เพื่อรอการมาเกิดช่วงที่สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีโอกาสได้พบพระศรีอาริยเมตไตรยฟังธรรมเพียงครั้งเดียวได้ดวงตาเห็นธรรม มีความเจริญในธรรม เพื่อเข้าสู่พระนิพพาน ในชาตินั้นเป็นชาติสุดท้าย
    ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมาอย่างดีแล้วตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ขอให้สัตยาธิษฐานของข้าพเจ้า จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ ด้วยเถิด สาธุ
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2014
  11. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..เหตุแห่งการสร้างพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติ..

    การสร้างพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติ เกิดจากการดำริของท่านพญาโภคนาคราช ผู้ครองนครบาดาลนามว่า "สัตตรัตนนคร" นครบาดาลนี้

    ซึ่งทรงอิทธิบาท ๔ ถึง ๙๑ กัปป นับจากยุคสมัยของพระมหาปุสสสัมมาสัมพุทธเจ้า
    แต่ได้รับการพยากรณ์ครั้งสุดท้ายจากสมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า จะสำเร็จเป็นอุบาสกที่เลิศด้วยการถวายทาน ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่า..

    "พระโลกุตรบวรรัศมีโชติสัมมาสัมพุทธเจ้า"

    ทรงเป็นพระพุทธเจ้าประเภทพิเศษลำดับที่ ๘ เป็นเหตุให้การสร้างพระพุทธรูปอันเป็นตัวแทนของพระพุทธวิปัสสีนี้ มีนามของผู้มีความสำคัญทำให้องค์พระสัมฤทธิ์ผลโดยอัศจรรย์

    __________________________________
    ..การค้นคว้าเรื่องแก้วจักรพรรดิ..​

    ขอย้อนหลังไปประมาณปี ๒๕๓๕ ขณะนั้น ดิฉันกำลังศึกษาระดับชั้นปีที่ ๓ ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ และเพิ่งเริ่มปฏิบัติธรรม ดิฉันได้เทปจากกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ได้ปฏิบัติธรรมตามแนววิชชาธรรมกาย ซึ่งเป็นธรรมเทศนาของครูบาอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญในวิชชาธรรมกายรูปหนึ่ง(ขอสงวนนามของท่าน)

    ท่านได้เล่าเรื่องแก้วจักรพรรดิ ที่มาของแก้วจักรพรรดิและการอัญเชิญแก้วจักรพรรดิของหลวงปู่สด วัดปากน้ำ ทำให้เกิดความศรัทธาในเรื่องแก้วจักรพรรดิ และมีความเชื่อว่า แก้วจักรพรรดิมีจริง มีความปรารถนาที่จะได้ครอบครอง ซึ่งในสมัยนั้นทราบว่าในการอัญเชิญดวงแก้วขึ้นมามีความยากลำบากมาก

    หลังจากนั้นดิฉันก็ไม่ได้สนใจเรื่องแก้วจักรพรรดิอีกเลย แต่ตนเองก็ได้เปลี่ยนสายการปฏิบัติธรรมไปเป็นแนวอานาปานสติ และมีความเจริญก้าวหน้าในธรรมอย่างต่อเนื่อง


    ดิฉันได้ทำงานอยู่ที่ประเทศกัมพูชาถึง ๑๑ ปี ต่อมาเมื่อปี ๒๕๔๙ ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่กรุงเทพ จึงมีโอกาสได้รู้จักเว็บคนเมืองบัว(ขณะนั้นยังไม่รู้จักเว็บพลังจิต) เกิดความสนใจที่จะฝึกกสินน้ำเป็นพิเศษ จึงได้อ่านข้อมูล และเริ่มฝึกกสินน้ำ แรก ๆ ใช้การเพ่งน้ำในขันเงินก่อน ภายหลังพอคล่องตัว เห็นน้ำที่ใดก็จับมาเล่นเป็นกสินน้ำหมด


    ช่วงนั้นได้นิมิตเห็นว่า ตนเองได้ดำน้ำลงไปเห็นดวงแก้วจักรพรรดิขนาดใหญ่กว่าลูกกอล์ฟ(เป็นดวงแก้วที่มาพร้อมกับแก้ว ๗ ดวง ก่อนที่แก้วชุดพระปัจเจกฯจะขึ้นมา-เพิ่มเติม) จึงได้หยิบขึ้นมา จากนั้นก็มองเห็นแก้วจักรพรรดิขนาดเท่าลูกชิ้นก็หยิบมาอีก ๒ ลูก จึงตื่นจากความฝันนั้น


    จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๙ จำได้ว่า วันนั้นได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ อยู่ ๆ ฝนก็เริ่มตก และตกหนักมากเป็นพิเศษ จึงนึกน้อมเอาเม็ดฝนที่ตกลงมา เป็นกสินน้ำ นั่งไปเรื่อย ๆ

    อยู่ ๆ ก็มีนิมิตปรากฏ พญานาคสีเขียวมรกต หงอนสีทอง ตาแดง ตัวใหญ่มาก ยื่นเศียรเข้ามาทางหน้าต่างห้องพระ จะอยู่บนชั้นสามของบ้านทาวส์โฮม เห็นเพียงเศียรของพญานาคเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ตื่นตะหนกแต่อย่างใด ได้แต่ดูภาพนั้นเรื่อย ๆ เหมือนนั่งดูละคร

    เห็นท่านพญานาคคาบลูกแก้วสีเหลือง ขนาดลูกกอล์ฟ มีรัศมีสีเหลืองโดยรอบงดงามมาก มีแสงเรือง ๆ ออกจากดวงแก้วนั้น และมาวางบนมือของดิฉัน

    ต่อมาก็ภาพเท้าใหญ่ของท่านใดก็ไม่ทราบ ปรากฏขึ้น คล้ายถูกถีบ (อิอิ.. พูดจากความรู้สึกจริงๆ) จากนั้นภาพพญานาค และลูกแก้วก็หายไป ตัวเองได้ถอนออกมาสมาธิ (ภายหลังจึงทราบว่า ดวงแก้วดังกล่าวได้อยู่กลางกายของตนเอง) จากนั้น จึงได้เข้าสมาธิอีกครั้ง ตั้งจิตอธิษฐานว่า

    “ หากแม้พญานาคในนิมิตเกิดขึ้นจริง ขอทราบนามท่านว่า ท่านคือใคร”


    จากนั้นก็ทำใจสงบนิ่ง เข้าสมาธิอีกครั้ง พอจิตสงบสักพัก ก็ได้ยินเสียงตอบในจิตว่า

    “พ่อคือ พญาโภคะนาคราช พ่อเป็นพญานาคตั้งแต่สมัยพระพุทธวิปัสสี เมื่อ ๙๑ กัปป์ที่ผ่านมา พ่อเคยเป็นพ่อของลูกสมัยที่ลูกเกิดเป็นพญานาค

    ปัจจุบัน พ่อ และบริวาร รับหน้าที่เฝ้าสมบัติจักรพรรดิ และสืบทอดอายุพระศาสนาของสมเด็จพระสมณโคดมให้ครบ ๕๐๐๐ ปี

    พ่อเคยปรากฏให้ลูกเห็นแล้วครั้งหนึ่ง จำได้หรือไม่ จากนั้น จึงปรากฏภาพชายหนุ่มรูปงามขึ้น เป็นชายหนุ่มรูปร่างเดียวกันกับที่เห็นเมื่อหลายปีก่อน”



    จึงน้อมใจก้มกราบท่าน และออกจากสมาธิ (ขณะนั้นยังไม่รู้วิธีการขอขมา หรืออุทิศบุญให้แก่เทวดา จึงได้เพียงแต่ทำความเคารพ

    ต่อมาได้ค้นหาข้อมูล พระพุทธวิปัสสี ทางอินเตอร์เน็ต พบว่า ท่านเป็นพระพุทธเจ้า เมื่อ ๙๑ กัปที่ผ่านมา จึงรู้สึกตื่นเต้น และประหลาดใจเล็กน้อยที่ข้อมูลตรงกับที่ท่านโภคะนาคราชบอกมา

    หลังจากนั้น เป็นต้นมาท่านโภคะนาคราช ได้มาปรากฏในนิมิตบ้าง บางครั้งก็ให้เห็นทั้งลืมตา บางครั้งนั่งสมาธิได้ยินเสียงเหมือนสัตว์ใหญ่คำราม เมื่อกำหนดจิตดู เห็นท่านโภคะนาคราช ในภาคเทพบุตร ยืนอยู่

    ลักษณะภาพท่านโภคะนาคราช ที่มาปรากฏกายเทพบุตรนั้น จะเป็นผิวทอง คล้ายสีน้ำผึ้ง ไม่ออกขาวนัก เกล้าผมสูง ทรงชุดผ้าบาง ๆ มีสังวาลประดับ คล้ายเทพบุตรในภาพวาด

    ท่านได้มาปรากฏบ่อยครั้ง หากมีเรื่องใด ท่านมักจะปรากฏเตือนภัยก่อนเสมอ จริยาวัตรท่านงดงามมาก ไม่เหมือนกับเทวดาสายนาคทั่ว ๆ ไป เมื่อพบท่านทุกครั้ง ท่านมีแต่ความเมตตา เปี่ยมด้วยพรหมวิหาร ๔ เสมอ


    ___________________

    หมายเหตุ ช่วงนี้ยังไม่เคยฝึกมโนมยิทธิค่ะ เริ่มฝึกมโนฯครั้งแรก เดือนตุลาคม ๒๕๔๙
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2014
  12. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ท่องภพบาดาล..

    หลังจากหัดฝึกกสินน้ำจนคล่องแล้ว เมื่อเดือน ตุลาคม ๒๕๔๙ ดิฉันได้มีโอกาสไปทำบุญที่ซอยสายลม และเริ่มฝึกมโนมยิทธิครั้งแรก

    หลังจากผ่านหลักสูตรมโนมยิทธิแล้ว ก็ฝึกญาณ ๘ ต่อ จากนั้นดิฉันก็ไปฝึกมโนมยิทธิเป็นประจำทุกเดือนติดต่อกัน ๗-๘ เดือน แต่ผลปรากฏว่า ได้เฉพาะเวลาฝึกกับครูฝึกเท่านั้น กลับมาที่บ้านก็เหมือนเดิม ทำให้ท้อแท้ในการฝึกมาก คิดว่า ตัวเองคงไม่มีวาสนาด้านนี้ (ด้วยความไม่เข้าใจในการปฏิบัติหลายอย่าง ประกอบกับไม่ทราบจะไปถามใคร)

    จึงหันกลับมาฝึกอานาปานสติตามเดิม คือกำหนดลมหายใจเข้า "พุท" ออก "โธ" ทำมาเรื่อย ๆ คือไม่ได้ทำเฉพาะการนั่งสมาธิ แต่ตลอดเวลา จนลมหายใจเบา-ละเอียด วันหนึ่ง(เดือนมิถุนายน ๒๕๔๙) ขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน อยู่ ๆ ก็ปรากฏภาพหลวงพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง เป็นลักษณะสวมจีวร สีของจีวรสีส้ม เห็นด้วยตาเนื้อ

    ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร จึงตั้งจิตกราบท่าน เห็นภาพตัวเอง ใส่ชฏาเป็นชุดสีขาวประกายเพชรอยู่ต่อหน้าหลวงพ่อ ท่านกล่าวว่า..

    "จำอารมณ์นี้ไว้นะลูก อารมณ์สบายนี้แหละทำให้ไปได้(หมายถึงมโนมยิทธิ) ที่ผ่านมาลูกตั้งใจมากไป อย่างนั้นตามพ่อมา"


    จากนั้น ภาพเดิมก็เปลี่ยนไปปรากฏที่วิมานของสมเด็จองค์ปัจจุบัน เป็นพระพุทธเจ้ากายเนื้อ ไม่ใช่กายพระวิสุทธิเทพ พร้อมพระอัครสาวก และพระอิติมหาสาวก อยู่รวมกันในวิมานนั้น

    หลวงพ่อให้กราบขอขมาพระพุทธองค์ และพระสาวกทุก ๆ พระองค์ จากนั้นท่านก็ให้กราบลา และกล่าวว่า "ต่อไปให้ลูกกำหนดจิตมาที่วิมานของพระพุทธเจ้าเลยนะ มาทุกวันนะลูก ท่านจะได้สอนวิชาให้"

    หลังจากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง ท่านได้มาปรากฏ และสอนธรรมในนิมิตแล้ว จากนั้นก็ได้ทำตามที่ท่านสอนคือ หลังสวดมนต์ตามปกติ ขอขมาพระรัตนตรัย และสมาทานพระกรรมฐาน (ตามแบบฉบับของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี) และเจริญพระกรรมฐานแบบมโนมยิทธิ และญาณ ๘ เรื่อย ๆ
    อันดับแรกก็อธิษฐานจิต ไปปรากฏที่วิมานสมเด็จพระสมณโคดม ทุกวัน

    อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ไปกราบสมเด็จพระสมณโคดม ณ.วิมานของท่าน หลังจากได้ขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว พระองค์ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงที่ไพเราะนิ่มนวลว่า..

    “ตามเรามา”

    จึงกำหนดจิตตามท่าน เห็นภาพพระองค์ทรงประทับลอยไป ส่วนตนเองเป็นภาพนั่งสมาธิ และลอยไปที่กลางแม่น้ำโขง อยู่ ๆ แม่น้ำโขงก็แยกออกจนเห็นแผ่นดินด้านล่าง เป็นทรายสีขาวสะอาด คล้ายทรายแก้ว

    จากนั้นภาพสมเด็จ ฯ ท่านก็หายไป เห็นภาพตนเองลอยลงบนแท่นหินสีขาว มีประกายแวววาว งดงาม ที่นั้นประดับประดาด้วยบุปชาตินานาพรรณ เมื่อลอยไปลงสู่อาสนะสัมผัสถึงความนุ่มของอาสนะนั้น

    ต่อมา เห็นนาคกัลยา(เทพธิดาสายนาค) ท่านหนึ่งเข้ามากราบ และกล่าวว่า "พระแม่เจ้า” นางเรียกไป และก้มหน้าร้องไห้ สักพักครู่ เห็นภาพเหล่านาค แต่แสดงกายเป็นเทพบุตร เทพธิดาเต็มไปหมด นับจำนวนมิได้ ไม่ทราบว่ามาจากไหน

    นาคกัลยาผู้นั้น เริ่มตัดพ้อว่า " พระแม่เจ้า เหตุใดท่านจึงลืมสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า.. คราวใดที่เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบธรรม ท่านจะมาโปรดพวกเรา ไยท่านลืมสัญญา และยังทำพิธีการยกเลิกพันธนาการแห่งเราอีก”

    (เรื่องนี้ เป็นอันนี้เรื่องจริง เมื่อต้นปี ๒๕๕๐ ได้ร่วมกลุ่มการอัญเชิญพระธาตุกับชมรมวัชรธาตุ ที่เริ่มก่อตั้งครั้งแรก หัวหน้าคณะได้เคยบอกให้จุดธูปยกเลิกการอธิษฐาน และยกเลิกพันธการใด ๆ ที่เกี่ยวกับพญานาคทั้งหมด ซึ่งขณะนั้น ญาณทัสนะต่าง ๆ ของดิฉันยังไม่ดีพอ จึงได้ทำตามไปโดยไม่รู้) หลังจาก
    ได้ยินนาคกัลยานางนั้นต่อว่า ความรู้สึกครั้งนั้น แม้ค่อนข้างประหลาดใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ได้ระงับนิวรณ์ และประคองสติจึงได้กล่าวจิตในจิต ตอบนางไปว่า

    “ท่านทั้งหลาย ภพชาติที่เราเกิดมานับชาติไม่ถ้วน เราไม่ได้กลับมาสู่อัตภาพแห่งความเป็นพญานาคนานแล้ว และไม่ได้เกิดมาพบกันบ่อยนัก เราขออภัยหากไม่ได้ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ มาวันนี้มาอยู่ต่อหน้าท่านทั้งท่านทั้งหลายแล้ว

    ขอผลบุญบริสุทธิ์ที่เราทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีเพียงใด ขอผลบุญจงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลายเพียงนั้น ขอให้ท่านมีรัศมีกายที่สว่างไสว มีทิพยสมบัติมากมาย และสมความตามปรารถนาทุกประการ”


    จากนั้นได้ยินเสียงโมทนาสาธุการว่า สาธุ..สาธุ..สาธุ.. ในเวลานั้นก็ได้ยินเพียงแต่พระสุรเสียงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (แต่ไม่เห็นภาพ) ที่นุ่มนวลและเปี่ยมล้นด้วยความเมตตาว่า...

    “ทุกวันธรรมสวนะให้เธอจงมาที่นี่ เพื่อให้ข้อธรรม หรืออุทิศบุญให้แก่เหล่าพญานาค ผู้เป็นหมู่ญาติ และบริวารทั้งหลายตามที่เคยให้สัญญาไว้นะ”


    ทันใดนั้น ก็เห็นภาพท่านโภคะนาคราช พร้อมมเหสีของท่าน คือ ท่านนิมมารตีเทวี มาปรากฏขึ้นตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่ได้พบพระมารดาในอดีตชาติ จึงได้ทราบว่า แท้จริง ภาพหญิงสาวที่เล่นน้ำ พร้อมบริวาร ที่เคยเห็นเมื่อครั้งปฏิบัติธรรมที่ถ้ำเชียงดาว เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน คือ ท่านแม่นั่นเอง รู้สึกปลื้มปิติใจมาก

    จึงได้ตั้งจิตก้มลงกราบแทบเท้าของท่านทั้งสอง ได้ตั้งจิตขอขมาและขออโหสิกรรมต่อท่านทั้งสอง จากนั้นกราบลาท่าน และเคลื่อนจิตออกจากสมาธิ

    จากนั้นก็ได้ตั้งใจสร้างบุญหลาย ๆ อย่าง เช่น เป็นเจ้าภาพกฐินทุกปี ถวายทองคำ เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ถวายสร้อยคอทองคำ สร้างพระอุโบสถ เป็นเจ้าภาพบวชพระ เป็นต้น เพื่อแผ่เมตตาอุทิศบุญให้แก่พญานาคราช และเหล่าบริวารทั้งหลายเป็นเวลานานหลายเดือน
    กุศลใด ๆ ที่เกิดจากการให้ธรรมทานในครั้งนี้

    ลูกขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ท่านโภคะเทวบุตร ท่านนิมมารตีเทวี และท่านนารถลดา และบริวารแห่งนาคพิภพทั้งหลาย

    __________________

    หมายเหตุ บทความนี้เคยบันทึกไว้และลงในเว็บนานมาแล้ว ขอนำมาเป็นธรรมทานอีกครั้งค่ะ ปัจจุบันนาคกัลยา และนาคากลุ่มนี้ เคลื่อนภพจากนาคพิภพหมดแล้ว ด้วยการอุทิศบุญ และการนำธรรมทานไปให้ท่านทั้งหลายฟังเป็นหลายเดือนค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2014
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..การอุทิศบุญแก่เหล่าพญานาคทั้งหลาย..

    หลังจากที่ได้มโนมยิทธิและได้ไปปรากฏที่นาคพิภพ และสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ในระยะนั้นทุกครั้งที่สร้างบุญใหญ่จะกำหนดจิต ให้ท่านเหล่านั้นอนุโมทนาบุญทุกครั้ง
    วันหนึ่ง(ในปี ๒๕๕๐) ขณะที่กำหนดจิตมายังนาคพิภพ หลังจากให้เหล่านาคทั้งหลายอนุโมทนาบุญแล้ว ท่านโภคะนาคราชได้กล่าวว่า

    “ขณะนี้มีมารศาสนามาก การเผยแผ่พระศาสนาจะทำได้ยากขึ้น พ่ออยากให้ลูกเขียนเรื่องราวของเราชาวนาคพิภพ และหน้าที่ของเราในการรักษาสมบัติจักรพรรดิ จนกว่าจะครบอายุพระศาสนา ๕๐๐๐ ปี

    และเพื่อรอการมาตรัสของพระศรีอารียเมตไตรย ท่านสุนันโทนาคราช เป็นอินทกะของท่านท้าววิรูปักษ์ มีหน้าที่รวบรวมเพื่อนพ้องและบริวารที่กระจัดกระจายมาช่วยกันสืบต่อพระศาสนา”


    ครั้งนั้น ทำให้ดิฉันได้รู้จักพญานาค ผู้ยิ่งใหญ่อีกท่านหนึ่งนามว่า “ท่านสุนันโทนาคราช” ท่านพญาสุนันโทนาคราช มีผิวกายสีขาวเหลือง มีรัศมีกายเป็นสีขาวนวล ท่านเป็นจอมกษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง ๗ โดยท่านพ่อโภคะ นั้น เป็น ๑ ใน ๗ เมืองที่ท่านทรงปกครองอยู่

    ท่านสุนันโทเคยปรารถนาพระโพธิญาณ (คือผู้ปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต) และเคยเกิดเป็นมนุษย์ได้เคยบวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาล ซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน ”จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา” ก่อนที่จะละสังขาร(ตาย)ลง
    ทุกครั้งที่มีการประชุมกษัตริย์ทั้ง ๗ เมือง ท่านจะนั่งเป็นประธาน ส่วนท่านพญาโภคะนาคราชนั้น จะประทับด้านซ้ายมือของท่านพญาสุนันโทเสมอ ที่เหลือก็จะเป็นกษัตริย์เมืองอื่น ๆ


    หากเมื่อใดที่ท่านท้าววิรูปักษ์มาเป็นประธาน ท่านท้าววิรูปักษ์จะนั่งแท่นสูงสุด และท่านพญาสุนันโทจะประทับด้านขวามือ ท่านท้าววิรูปักษ์เสมอ ส่วนท่านพญาโภคะนาคราชจะอยู่ซ้ายมือตำแหน่งเดิม(ปัจจุบันตำแหน่งนี้คือ ท่านอัสดรนาคราช)

    ส่วนท่านพญาศรีสุทโธนั้น เคยพบท่านช่วงที่มีประชุมใหญ่เพียง ๒ ครั้ง จะนั่งแท่นที่รองลงมา

    ขณะที่ได้ทราบเรื่องนั้น ดิฉันไม่เคยได้รู้จักเพชรพญานาค หรือแม้แต่เรื่องราวของเพชรพญานาค ลูกแก้วพญานาคแม้แต่น้อย

    เมื่อได้ไปอัญเชิญเพชรพญานาคกับชมรมวัชรธาตุครั้งแรก เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๑ ได้เห็นปาฏิหาริย์ต่าง ๆ จึงทราบว่า

    เพชรพญานาคมีจริง และเมื่อได้ค้นคว้าเรื่องราวของกำเนิดเพชรพญานาค ซึ่งมาทราบในภายหลังว่า ท่านพญาสุนันโทได้ปรารถนาที่จะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ และเป็นผู้กำเนิดของตำนานเพชรพญานาคนั่นเอง

    จากนั้นทุกวันพระก็ยังคงไปให้ข้อธรรม และให้เหล่าพญานาคทั้งหลายอนุโมทนาบุญ ได้ทราบว่ามีชาวนาคส่วนหนึ่งได้จุติไปอยู่ภพภูมิที่สูงขึ้นตามกำลังบุญ บางพวกก็ไปจุติเป็นมนุษย์ บางพวกก็ไปจุติเป็นเทวดาชั้นต่าง ๆ เช่น สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนใหญ่เป็นนาคกัลยา (นาคเพศเมีย)จะมาเกิดในชั้นนี้ และสวรรค์ชั้นที่ ๖ คือ ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี

    ยกเว้นเพียงท่านที่มีหน้าที่รักษาสมบัติจักรพรรดิ ตามการปวารณาตนมาตั้งแต่สมัยพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

    ผลบุญใด ๆ ที่เกิดจากการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ลูกขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่า ท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านพญาสุนันโท ท่านพญาโภคะนาคราช ท่านนิมมารตีเทวี ท่านพญาศรีสุทโธ และบริวารแห่งนาคพิภพทั้งหลาย และบริวารในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น สาธุ..
     
  14. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    โอนเรียบร้อยแล้วค่ะ 598 บาท เพิ่มให้อีกนิด ฉลองตกเบิกเล็กน้อย ที่เหลือใช้หนี้ อิ อิ
     
  15. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..พญานาคจุติในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี..

    หลังจากที่ได้อุทิศให้แก่เหล่าพญานาคทั้งหลายเป็นเวลานานหลายเดือน อยู่มาวันหนึ่งก็เหตุที่ทราบว่า มีเหล่านาค ไปจุติที่สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีนั้น เนื่องจาก วันหนึ่ง ขณะที่ขึ้นไปวิมานสวรรค์ชั้นปรนิมฯ พบว่า

    มีเทพบุตรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากนับไม่ถ้วน และวิมานในวันนั้นสว่างไสวมาก เทพบุตรใหม่แต่ละองค์มีรัศมีกายสว่างไสวมาก


    ปกติวิมานในชั้นนี้จะอาณาบริเวณกว้างมาก ระยะจากเสาต้นหนึ่ง( เสาแต่ละต้นประกอบไปด้วยรัตนะทั้ง ๗) ไปยังอีกต้นหนึ่งไกลมาก

    แต่วันนั้นแน่นถนัดไปด้วยเทพบุตรรูปงามมาก รัศมีกายแต่ละองค์สว่างไสวมาก จากท่านเปธะกาเทพธิดาได้เข้ามารายงานว่า

    “พระแม่เจ้า ท่านอุปปะมะเทพบุตร จะมาเป็นหัวหน้าใหม่ในชั้นนี้

    เดิมทีเป็นท่านนรสีห์ แต่ว่าทิพยสมบัติ และรัศมีกายของท่านอุปปะมะนั้นรุ่งโรจน์สว่างไสวกว่าเทพบุตรองค์ใด จึงยกให้ท่านเป็นหัวหน้าแทนเจ้าค่ะ”


    (สำหรับท่านเปธะกาเทพธิดา เคยเนื่องกันมาหลายชาติ ล่าสุดเธอเคยเกิดเป็นหญิงบริวารคนสนิท สมัยพระพุทธกัสสปะ (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓ ในภัทรกัป) ชาตินั้นได้เกิดเป็นภรรยาของท่านวิมุติเศรษฐี มีนามว่า นาฏลดา เมื่อละโลกแล้ว ท่านเปธกาจึงมาจุติที่สวรรค์ชั้น ๖ ด้วยผลแห่งบุญที่ปลื้มปิติในบุญอยู่ตลอดเวลา)
    เมื่อได้รับ ทราบแล้วได้กล่าวอนุโมทนาบุญกับเทพบุตรองค์ใหม่ทุก ๆ องค์ จึงทราบว่า ท่านเหล่านี้มาจากนาคพิภพ ล้วนแต่เคยเป็นพญานาค ผู้มีฤทธิ์มาก และมีหน้าที่ช่วยกิจของพระศาสนาให้ครบ ๕๐๐๐ ปี

    เหตุที่เหล่าพญานาค มีกำลังบุญส่งผลไปยังสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีนั้น เหตุเนื่องจากท่านเหล่านั้น ปกติหากว่างเว้นจากกิจต่าง ๆ แล้ว ท่านเหล่านี้จะเข้าฌานสมาบัติเป็นปกติ รวมทั้งช่วงเข้าพรรษา ท่านก็จะพากันสมาทานศีล และถือบวชประพฤติพรหมจรรย์เป็นประจำ

    เมื่อได้ไปสู่ภพนาค เพื่ออุทิศบุญให้เหล่าพญานาคทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง บุญกุศลนี้ เมื่อถึงเวลาจุติ ท่านเหล่านี้จึงได้ไปจุติในสวรรค์ชั้น ๖ ดังกล่าว (หลายท่านอาจจะแปลกใจว่า ทำไมท่านไม่ไปจุติที่พรหมโลก เรื่องนี้ขอเว้นในการกล่าวถึงนะคะ เนื่องจากเป็นเรื่องเฉพาะกิจ)

    ผลบุญใดที่ได้จากธรรมทานครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่ท่านพญานาคราชทั้งหลายที่มีความเนื่องด้วยข้าพเจ้ามาแต่อดีต โดยมีท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านสุนันโท ท่านโภคะนาคราช ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์ ท่านนิมารตีเทวี ท่านปทมะนาคราช ท่านอุสเรนทร์นาคราช ท่านนาคะนาคราช ท่านนาคานาคีทั้งหลายที่ไม่ได้กล่าวนามมาก็ดี ตลอดทั้งเทพบุตร เทพธิดาทั้งหลายใสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี โดยมีท่านอุปะมะเทพบุตร ท่านนรสีห์ ท่านเปธะกาเทพธิดา ท่านภูมะเทพบุตร เป็นต้น ขอให้มีส่วนในกุศลผลบุญครั้งนี้ทุกประการเทอญ....สาธุ

    _________________________

    หมายเหตุ ๑.ท่านอุปปะมะเทพบุตร(ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าเทวดาประจำศาลหลักเมืองปัตตานี)

    ๒.ท่านเปธะกาเทพธิดา(ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นมหาเทวีของท่านนรสีห์ ไม่ได้อยู่วิมานเดียวกัน แยกวิมานแต่อยู่บริเวณใกล้เคียง)
     
  16. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ว่าด้วยตระกูลของท่านโภคนาคราช..

    บางท่านอาจจะสงสัยว่า เหตุใดจึงสามารถเล่าเรื่องได้เป็นเรื่องราว เรื่องนี้ท่านสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเองว่า หากท่านได้มโนยิทธิ หรือวิชชาธรรมกาย เพราะสามารถนำกายละเอียดท่องไปในนาคพิภพได้ ส่วนท่านที่ได้เพียงทิพยจักขญาณนั้น ดิฉันไม่รับรอง เนื่องจากการได้ทิพยจักขุญาณนั้น เห็นเพียงภาพ ไม่สามารถท่องไปในสถานที่นั้นได้ อีกประการหนึ่งการใช้ทิพยจักขุญาณนั้น หากเทวดาไม่ต้องการให้เห็นก็ไม่สามารถเห็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทิพยจักขุญาณ ขอเล่าเรื่องราวเหล่าพญานาคที่ไปจุติ ณ.สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีต่อค่ะ ..
    "ครั้งแรกที่เห็นรัศมีกายของเทพบุตรจากเคลื่อนภพมาจากนาคพิภพแล้ว รู้สึกแปลกใจว่า เหตุใดท่านจึงยอมที่จะเป็นบริวารคอยติดตามตนเอง เพราะเห็นอานุภาพของท่านปรากฏอัศจรรย์มาก จึงได้เรียนถามท่านเหล่านั้น ท่านสงเคราะห์ให้เห็นภาพอดีตที่ผ่านมา...พร้อมเรื่องราวว่า ....


    ย้อนไปในสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสี เมื่อ ๙๑ กัปที่ผ่านมา ท่านโภคะนาคราช มีพระโอรสและพระธิดาทั้งหมด ๘ องค์ คือ

    องค์โต ชื่อ ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์ ปัจจุบันอยู่ชั้นดุสิต

    องค์ที่ ๒ - ท่านศศิมาณวิกา เพิ่งเกิดเป็นมนุษย์ อายุประมาณ ๕ ขวบกว่า

    องค์ที่ ๓ - ท่านอัครนาคราช -(คุณ suwat.su) เกิดเป็นมนุษย์นานแล้ว

    องค์ที่ ๔ ท่านตติมาณวิกา เกิดเป็นมนุษย์นานแล้ว(ก่อนหน้าท่านตติมาณวิกา ท่านโภคนาคราชมีพระธิดาคั่น ๑ องค์ แต่เกิดเพียงวันเดียว แล้วจุติ)

    องค์ที่ ๕ -ท่านปัญจมาณวิกา เกิดเป็นมนุษย์

    องค์ที่ ๖ –ท่านสัตยาสิทธิ์นาคราช-เป็นเทพบุตรอยู่ชั้นดุสิต

    องค์ที่ ๗ - ท่านสัตตมาณวิกา เกิดเป็นมนุษย์

    องค์ที่ ๘ - ปุญญมาณวิกา หรือรักขมาณวิกา-เกิดเป็นมนุษย๋


    พญาโภคนาคราชยังอยู่ที่เมืองนามมาว่า “สัตตรัตนมณี” ปัจจุบันเป็นเมืองบาดาลอาณาเขตอยู่กลางแม่น้ำโขง ฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือ และครอบคลุมถึงฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผู้ดูแลสมบัติจักรพรรดิ ใช้บำรุงพระพุทธศาสนาของสมเด็จพระพุทธศากยมุนีโคดมพุทธเจ้าให้ครบ ๕๐๐๐ ปี เพื่อมอบให้ผู้จะมาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในยุคพระศรีอาริยเมตไตรย


    ท่านอุปปมะเทพบุตรให้เห็นภาพพร้อมเสียงต่อไปว่า..

    “พญาโภคนาคราชนั้น ปกครองเมืองสัตตรัตนมณีด้วยความสงบสุขตลอดมา ท่านปกครองบ้านเมือง คล้ายพ่อปกครองลูก เมื่อธิดาองค์สุดท้ายของท่านมาจุติ ด้วยความงามของนาง เป็นที่เลื่องลือไปไกล ทำให้บรรดากษัตริย์เมืองต่าง ๆ ปรารถนาจะได้นางมาเป็นคู่ครอง แต่นางก็ไม่ได้ปรารถนาการมีคู่ เนื่องจากนางต้องการประพฤติพรหมจรรย์

    จนกระทั่ง มีกษัตริย์นาคราช ตระกูลสีดำ นามว่า อัครนินทร์นาคราช ซึ่งมีพระมเหสีอยู่ก่อนแล้ว ปรารถนาจะได้ปุญญมาณวิกามาเป็นพระมเหสีองค์ที่ ๒ จึงส่งสาส์นมาให้พญาโภคนาคราช หลังจากพญาโภคนาคราชได้สอบถามนางแล้ว นางกล่าวว่า.."

    "ท่านพ่อก็ทราบว่า ลูกมิปรารถนาชายใดเป็นคู่ ยิ่งชายนั้น มีคู่อยู่ก่อนแล้ว ธรรมดาสตรีนั้น ย่อมมีความหึงหวง และริษยากัน การที่ลูกต้องไปอยู่ต่างเมือง ใครจะรับรองความปลอดภัยให้แก่ลูก ว่าลูกจะมีความสุข"

    พญาโภคนาคราชได้ฟังดังนั้น จึงได้ส่งสาส์นปฏิเสธการสู่ขอครั้งนั้น และได้คืนเครื่องบรรณาการณ์ต่าง ๆ คืนไป ทำให้พญาอัคคนินทร์นาคราชทรงพิโรธ จึงได้ส่งสาส์นมาท้ารบอีกที่หนึ่ง เพื่อไม่ต้องการให้ชาวเมืองทั้งสองฝ่ายล้มตาย

    หากพญาอัคคนินทร์นาคราช ทรงรบชนะ จะต้องยกพระธิดาปุญญมาณวิกาให้แก่พระองค์

    เมื่อเหล่าทหารหาญนาคทั้งหลายได้ไปร่วมรบ โดยในเมืองสัตตรัตนมณีนั้น มีแต่ผู้หญิง เด็ก และคนชรา(หมายถึงเหล่านาคทั้งหลาย) โดยมีพระมเหสี และพระธิดาทั้ง ๕ รวมทั้งปุญญมาณวิกาอยู่ด้วย

    ปุญญมาณวิกานั้น มีองครักษ์ซ้าย-ขวา คือ อุสเรนทร์นาคราช และปทมนาคราช เป็นผู้ดูแล เมื่อมีภัย ทั้งสองท่านก็ได้ออกรบไปด้วย คราวนั้นกระผม(ท่านอุปปะมะเทวบุตร) ได้นำทัพซ้ายไปรบ ส่วนท่านอัคคีตาปะนำทัพขวาไปรบ

    เหตุแห่งนางนาคกัลยาตนหนึ่ง นามว่า ปิ่นมณี มาจากตระกูลสีดำ ซึ่งเป็นคู่หมั้นของอุสเรนทร์นาคราช ได้เกิดหึงหวงคู่หมั่นของนาง คิดว่า คู่หมั่นนางไปหลงรักปุญญมาณวิกา เกิดคิดคบกับพญาครุฑด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพื่อให้ครุฑสอนมนตราเสน่หาให้แก่นาง จึงได้นำข่าวไปบอกแก่พวกครุฑ

    ทำให้ฝ่ายครุฑได้ทราบข่าว จึงยกทัพมาโจมตีเมืองสัตตรัตนมณี หวังจะให้เมืองพินาศไป ขณะนั้นเจ้าหญิงปุณณมาณวิกา ทราบว่า กองทัพครุฑ กำลังเข้าใกล้เมือง จึงได้รวบรวมกำลังพลนาคที่มีอยู่ทั้งหมด ป้องกันเมืองไว้

    เจ้าหญิงปุณณมาณวิกาพิจารณาดูแล้วว่า หากรบกัน พวกนางจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แก่พวกครุฑอย่างแน่นอน อีกทั้งอาจจะต้องสูญเสียเมืองไป นางจึงให้พระมารดา และพี่นางทั้ง ๔ อพยพเหล่านาคที่เหลือไปซ่อนยังที่ปลอดภัย

    ส่วนตัวนางได้อธิษฐานขยายกายให้ใหญ่โตป้องกันเมืองไว้ ดังนั้น เมื่อเหล่าครุฑบินมาโจมตี ก็จะถูกแต่ร่างของปุณณมาณวิกาแต่เพียงผู้เดียว และอดทนต่อความเจ็บปวด เมื่อเห็นว่า พระพี่นางทั้ง ๔ ได้อพยพคนไปจนหมดจึงได้คลายฤทธิ์


    ขณะนั้น เหล่าแม่ทัพ และพญานาคที่ไปออกรบได้กลับมาได้ทันเวลา เจ้าหญิงได้รับการบอบช้ำเป็นอย่างมาก จึงมีชีวิตอยู่ได้เพียง ๗ วัน(เวลาของนาคพิภพ) ก็ขาดใจตาย

    ทำให้ท่านโภคะนาคราช พระมเหสี และชาวเมืองอยู่ในความเศร้าโศก และนางได้สมญานามใหม่ว่า “รักขมาณวิกา” มีความหมายว่า หญิงผู้ปกป้องเหล่านาคให้พ้นภัย จากนั้นเป็นต้นมา

    ด้วยเหตุนี้ เจ้าหญิงรักขมาณวิกาจึงเป็นที่รักของพญานาคในเมืองนั้น เหล่าแม่ทัพทั้งหลาย ได้ตั้งสัจจ์ปฏิญาณที่จะติดตามนาง เพื่อช่วยเหลือนางสร้างบารมีจนกว่าจะสำเร็จตามความปรารถนาต่อไป

    หลังจากเจ้าหญิงได้จุติ ท่านพญาโภคะนาคราชได้สั่งการให้พระโอรสองค์โต คือ ท่านอัคคีตาปะ ออกตามหาพระธิดา ทราบว่านางได้ไปจุติเป็นธิดาแห่งอนุเศรษฐีในเมืองใกล้เคียงนั้นเอง
    เมื่อทราบเหตุแล้ว ก็ได้อนุโมทนาบุญกับเทพบุตรใหม่ทุก ๆ องค์ และรู้สึกซาบซึ้งในความจงรักภักดีของท่านเหล่านั้นมาก หลังจากนั้นมักจะขึ้นมาที่สวรรค์ชั้น ๖ เป็นประจำ
    __________________________


    หมายเหตุ การเคลื่อนภพของท่านโภคนาคราชนั้น เป็นระยะเวลาเร็วกว่าปกติ เนื่องจากได้ส่งบุญให้ท่านอย่างต่อเนื่อง อีกประการในปัจจุบัน มีผู้ทรงอภิญญา แต่ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ใช้วิชาเรียกทรัพย์จากน้ำขึ้นมา เพื่อกิจต่าง ๆ โดยไม่เป็นไปโดยธรรม ท่านพญาโภคนาคราชไม่ได้อยู่ในภาคปราบ จึงเคลื่อนภพไปชั้นดุสิต

    และท่านพญาอัสดรนาคราช และสหธรรมิกราช รวม ๔๙ องค์ ได้รับคัดเลือกให้ขึ้นมาทำหน้าที่แทน ทำให้ดวงแก้วพระปัจเจกพุทธเจ้าก่อนยุคพระพุทธวิปัสสี ขึ้นชุดหลัง ๆ ครั้งละ ๔๙ ดวง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2014
  17. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์..

    ขอย้อนหลังก่อนที่จะได้พบท่านโภคะนาคราชนั้น เห็นภาพเทพบุตรรูปงามองค์หนึ่ง เป็นประจำ กายสีขาวอมชมพู เกล้าผมมีชฎาทรงกลมครอบ แต่งกายชุดสีขาว มีสังวาล เป็นเพชรไม่มีสีอื่นปน

    ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตาก็จะเห็นท่านองค์นี้เคียงข้างเสมอ จนคิดว่า ตนเองอาจจะเป็นโรคอุปทาน เคยถามเพื่อนนักปฏิบัติด้วยกัน ก็ไม่เคยมีใครมีประสบการณ์เช่นนี้ เมื่อเห็นจึงไม่สนใจ

    เหตุการณ์หนึ่งที่ท่านได้สงเคราะห์เรื่องทางโลก คือ การตัดสินใจซื้อบ้านในกรุงเทพ หลังจากดิฉันได้กลับมาจากกัมพูชาในช่วงแรกได้อาศัยอยู่กับญาติไม่ได้ซื้อบ้านเป็นของตนเอง ต่อมาคิดว่า จะซื้อบ้านได้ไปดูหลาย ๆ ที่แต่ก็ติดสินใจไม่ได้

    จนท่านได้มาปรากฏให้ไปซื้อบ้านที่อยู่ปัจจุบัน พร้อมบอกวันมัดจำ ท่านบอกเพียงว่า ต่อไปบ้านหลังนี้จะได้เป็นที่ให้คนมาทำบุญและปฏิบัติธรรม

    ต่อมาเมื่อได้เริ่มฝึกแนวมโนมยิทธิ จะมีความแตกต่างกันตรงที่ สามารถเห็นภาพ และรับรู้ด้วยจิต และถึงแม้ไม่เห็นภาพ แต่จะสามารถแยกเสียงได้ว่า เสียงที่รับรู้เป็นเสียงท่านใด เป็นเทพบุตร หรือเทพธิดา

    เมื่อได้ไปภพบาดาล บริเวณที่เป็นท้องพระโรงของเมือง จึงจะเห็นท่านเทพบุตรองค์นั้น อยู่ด้านซ้ายมือของท่านโภคะนาคราช จึงได้สอบถามทราบว่า ท่านคือ ท่านอัคคีตาปะ พระโอรสองค์โต และเป็นผู้สอนสรรพวิชาแก่น้อง ๆ อีก ๗ องค์

    ท่านโภคะนาคราชได้ให้เป็นผู้ติดตามหาการมาจุติในชาตินี้ของตัวดิฉันเอง (เรื่องนี้จะมีมูลคล้าย ๆ กับอีกหลายท่านที่มักจะฝันเห็นพญานาค หรือเทวดาแบบซ้ำซาก)

    ในชาติที่เคยเป็นพระธิดาองค์เล็กของท่านโภคะนั้น หลังจากเคลื่อนจากภพนาค ได้จุติเป็นมนุษย์ ท่านอัคคีตาปะได้รับมอบหมายจากท่านโภคะนาคราชให้เป็นผู้ติดตามหาว่า ไปจุติที่ใด ชาตินั้นได้เกิดเป็นธิดาอนุเศรษฐีเมืองหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากทางเข้าออกแห่งนาคพิภพนั้น

    ดังนั้น เมื่อท่านอัคคีตาปะได้พบแล้ว จึงได้แสดงตนให้รักขมาณวิกาทราบ ได้เชิญให้ไปงานถวายภัตตาหาร ๗ วันแด่องค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านพญาภุชงค์นาคราช ที่เมืองบาดาล เป็นเหตุให้มีการให้คำสัญญาดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

    ท่านอัคคีตาปะ ทรงปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณ และได้รับการพยากรณ์แล้วจากสมเด็จพระพุทธวิปัสสี และพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ มาแล้ว

    หลังจากที่พบท่านที่นาคพิภพไม่นาน ภายหลังท่านได้เคลื่อนภพไปจุติที่สวรรค์ชั้นดุสิต และเคยได้รับการอาราธนาจากท่านท้าวสักกะเทวราชที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ณ. ธรรมศาลาชื่อว่า "สุธรรมาเทวสภา"

    เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๑ ท่านอัคคีตาปะได้สอนการแผ่เมตตา โดยเริ่มระลึกถึงบุญที่เราทำจนจิตสงบสบาย (หากฟุ้งซ่านให้ภาวนาพุท-โธ ก่อน)

    จากนั้น ค่อย ๆ กลั่นใจให้รู้สึกเย็น และกำหนดภาพไอเย็น ๆ แผ่ภายในกายของเราก่อน จากนั้นค่อย ๆ แผ่ความเย็นไปโดยรอบ เป็น ๓๖๐ องศา ค่อย ๆ กระจายความเย็นขยายใจให้กว้างออกไปเรื่อย ๆ ครอบบ้านเรา ขยายไปเป็นตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค ประเทศ ขยายไปทั่วทวีป และขยายทั่งโลก จนกระทั่งสุดขอบจักรวาล ให้ทั่วจักรวาลรู้สึกถึงกระแสเมตตานี้เรียกว่า “มหัคคเจโตฯ”
    หากเราต้องการอธิษฐานเรื่องใด ขอให้น้อมนำกระแสเมตตานี้ ย้อนกลับมาเข้ากลางกาย จากนั้นรวมบุญอธิษฐานในสิ่งที่ต้องการ แต่ขอให้เป็นอธิษฐานในสิ่งที่ดีนะคะ จะสำเร็จตามความปรารถนาทุกประการค่ะ
    ________________________________________


    หลังจากที่ได้ไปอุทิศบุญให้ทั้ง ๒ สถานที่ คือ นาคพิภพ และชั้นปรนิมมิตวสวัตดี เป็นเวลาหลายเดือน ต่อมาวันหนึ่ง ตรงกับวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ ปกติพี่มักจะตั้งจิตไปฟังธรรมที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ วันนั้นจึงถือโอกาสไปอาราธนาเทพบุตรใหม่ เทพบุตรเทพธิดาทั้งหลายจากชั้นปรนิมฯ เพื่อฟังธรรมที่ศาลาสุธรรมา หรือธรรมสภาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    ครั้งนั้น มีพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ลักษณะท่านงามสง่า ตามแบบลักษณะมหาบุรุษ แต่งกายสีขาว เป็นประกาย ดวงตาดำสนิทคล้ายเนตรกวาง เกศทรงดอกบัวตูม หากเราเป ท่านนั่งแท่นบัลลังก์ กล่าวธรรมเทศนา ด้วยน้ำเสียงไพเราะจับใจว่า...


    “ท่านทั้งหลาย การที่เกิดมาเป็นเทวดานั้น เกิดจากบุญของแต่ละท่านทำมา แต่จะเห็นได้ว่า เทวดาแต่ละเหล่าก็ไม่เหมือนกัน ทิพยสมบัติ และรัศมีกายก็ต่างกัน

    จะเห็นได้ว่า ผู้เป็นเทวดาด้วยผลจากทานอย่างหนึ่ง ผู้เป็นเทวดาด้วยผลจากการรักษาศีลก็อย่างหนึ่ง และพวกที่เกิดจากกำลังฌานสมาบัติก็อย่างหนึ่ง

    ดังนั้น ขอท่านทั้งหลาย จงอย่าประมาท หมั่นรักษาอุโบสถศีลในวันพระ การถืออุโบสถศีลของเทวดา รวมถึงการงดใช้ฤทธิ์ เข้าฌานสมาบัติเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน”


    จากนั้นเราก็เคลื่อนไปที่สวรรค์ชั้น ๖ ก่อนจะกลับ มีเทพบุตรใหม่จากภพนาคได้ถามว่า “พระแม่เจ้า ขออภัย พวกเราไม่เข้าใจเทศนาวันนี้ อุโบสถศีล คืออะไร พะยะคะ”

    เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เดิมทีก็รู้สึกงง ๆ เล็กน้อย แปลกใจว่า ทำไมเทวดาท่านไม่รู้จักอุโบสถศีล จึงขอบารมีพระถามท่าน จึงทราบว่า..

    “ก่อนท่านเหล่านี้ไปเกิดในภพนาค ท่านไม่ได้นับถือพุทธศาสนา เกิดนอกบุญเขต หรือนอกเขตพุทธศาสนา ได้นับถือพญานาคเป็นเทพเจ้า จึงได้เกิดในภพนาค”


    จึงได้น้อมจิตอธิบายเรื่อง ศีล ๕ และอุโบสถศีลให้ท่านเหล่านั้นฟัง พร้อมเล่าถึงอานิสงส์แห่งการถืออุโบสถศีล เมื่อเทพบุตรใหม่ได้ฟังจบ ต่างก็ปลื้มปิติยินดี ทำให้รัศมีกายสว่างไสวมากกว่าเดิม จึงได้กล่าวกับท่านเหล่านั้นว่า...

    “ท่านทั้งหลาย เว้นแต่กิจที่ท่านท้าวสักกะเทวราชมอบหมายให้ทำแล้ว ขอให้ท่านมาช่วยเราในกิจที่เราทำ เพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไปนะ หากท่านต้องการสิ่งใดขอให้บอกเรา ๆ จะอุทิศบุญนั้น ๆ แก่ท่านทั้งหลาย”

    เทพบุตรและเทพธิดาทั้งหลายได้ต่างโมทนาสาธุการ จากนั้นจึงขอลาท่าน ออกจากสมาธิ และแผ่เมตตาแก่เหล่าเทวดาทั้งหลาย....

    ผลบุญใดที่ได้จากธรรมทานครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่ท่านพญานาคราชทั้งหลายที่มีความเนื่องด้วยข้าพเจ้ามาแต่อดีต โดยมีท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านสุนันโท ท่านโภคะนาคราช ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์ ท่านนิมารตีเทวี ท่านปทมะนาคราช ท่านอุสเรนทร์นาคราช ท่านนาคะนาคราช ท่านนาคานาคีทั้งหลายที่ไม่ได้กล่าวนามมาก็ดี

    ตลอดทั้งเทพบุตร เทพธิดาทั้งหลายสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี โดยมีท่านอุปะมะเทพบุตร ท่านนรสีห์ ท่านเปธะกาเทพธิดา ท่านภูมะเทพบุตร เป็นต้น ขอให้มีส่วนในกุศลผลบุญครั้งนี้ทุกประการเทอญ....สาธุ
     
  18. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..กราบท่านปู่ฤาษีบรมครูแห่งนาคพิภพ..

    ขอย้อนถึงประมาณต้นปี ๒๕๕๑ ในช่วงนั้น ได้ร่วมเดินทางไปอัญเชิญเพชรพญานาคกับชมรมวัชรธาตุหลายครั้ง ก่อนอัญเชิญทุกครั้งได้มีการบวงสรวงพระฤาษีบรมครูแห่งชาวนาคทั้งหลาย ซึ่งจะเป็นรูปปั้นพระฤาษีชรา มีหนวดสีขาวยาว ผิวสีขาวอมชมพู
    การบวงสรวงต่าง ๆ ได้รับคำแนะนำจากท่านผู้มีประสบการณ์ในการอัญเชิญเพชรพญานาคที่สืบต่อ ๆ กันมา โดยถวายผลไม้ ๙ อย่าง และดอกไม้ของหอม น้ำเปล่า เป็นต้น
    เมื่อกลับจากการอัญเชิญเพชรพญานาคทุกครั้ง จะนั่งสมาธิน้อมถวายบุญแก่ท่านปู่ฤาษีบรมครูแห่งนาคพิภพ และอุทิศแก่พญานาคทั้งหลายที่ท่านเมตตาสงเคราะห์มอบเพชรพญานาค หรือลูกแก้วพญานาค (ช่วงนั้นยังไม่รู้จักแก้วจักรพรรดิ)

    อยู่มาวันหนึ่งประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๑ อาราธนาพระคาถามณีมนตรา มหาจักรพรรดิ เป็นองค์ภาวนา (หมายถึง การภาวนาพระคาถาไปเรื่อย ๆ จนบเข้าฌาน) ปรากฏแรงโน้มถ่วงบางอย่าง คล้ายถูกดูดเข้าไปในวังวน และสมาธิจิตก็ดับไป

    จากนั้นก็ไปปรากฏต่อหน้าพระฤาษีองค์หนึ่ง ผิวพรรณสีขาวอมชมพู ดูแล้วอายุประมาณ ๓๕-๔๐ ท่านดูยังหนุ่มและสง่างามมาก ผมขาว หนวดยาวสีขาวโพลน แปลกว่า ชุดของท่านไม่ใช่ชุดลายเสือ แต่เป็นสีออกเขียว ๆ ดำ ๆ เหมือนจีวรพระเก่า ๆ

    จึงก้มลงกราบท่าน ขณะที่กราบนั้น เกิดแสงสว่างเป็นระยะ ๆ จากนั้นจิตก็ถอยออกจากสมาธิทันที เมื่อออกจากสมาธิ ก็เกิดความคิดว่า

    “เราเองเป็นมนุษย์ยังทานเนื้อสัตว์ จะพบท่านปู่ฤาษีได้อย่างไร คราวหน้าถ้ากำหนดจิตไปกราบท่าน เราต้องทานเจดีกว่า”
    ต่อมาวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ภาวนาพระคาถามณีมนตราเช่นเดิม ภาวนาไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ เหมือนจิตดิ่งลงไป รู้สึกหูอื้อ แล้วก็เกิดแสงสว่าง และตนเองก็ไปปรากฏหน้าถ้ำใต้น้ำแห่งหนึ่ง กำลังจะถอยกลับ ได้ยินเสียงออกจากถ้ำว่า

    “เข้ามาซิลูก ๆ” จึงกำหนดในใจว่า

    “หากเป็นเรื่องจริง ขอให้เห็นภาพแบบตาเนื้อ และขอให้เห็นเฉพาะสิ่งที่เป็นไป เพื่อการเจริญในธรรม”

    ต่อมาได้ยินเสียงเดิมว่า “ให้หมั่นบำเพ็ญธรรมต่อไปนะ ถือศีลให้บริสุทธิ์ยิ่งไป เรื่องกินเจนั้น ความจริงไม่เป็นไร กลิ่นศีลของลูกหอมอยู่แล้ว ให้ตัดเรื่องกังวลให้หมด”

    จากนั้น จึงเห็นท่านปู่นั่งบนแท่นหินในถ้ำแห่งนั้น ตั้งจิตกราบเรียนถามไปว่า “ท่านปู่ฤาษี ใช่หรือไม่เจ้าค่ะ” ท่านตอบกลับมาว่า
    “ใช่”
    และท่านยังกล่าวต่อไปว่า...

    “หากต้องการขอพรจากหลวงปู่ให้จุดธูป ๙ ดอก ดอกไม้สีขาว ๙ ดอก ดีที่สุดคือดอกบัวไม่ต้องพับ แล้วอธิษฐานจิตตามต้องการ”


    จึงตั้งจิตกราบขอขมาท่านปู่ฤาษีฯ และกราบลาท่านปู่ ต่อมาก็ได้มาพบท่านอีกเพียงครั้งเดียว ท่านได้สอนมนต์บทหนึ่งให้ คือมนต์ปรับธาตุ ให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง

    คาถาปรับธาตุ เพื่อทรงอิทธิบาท ๔

    นะโม ๓ จบ

    อุอะมะ พุทธะชีวิตัง สะระณฺง คัจฉามิ..

    วิธีอาราธนาคาถานี้..

    ๑. ให้เจริญภาวนาแบบอานาปานสติก่อน จะภาวนาคาถาอะไรก็ ได้ เป็นพุท-โธ หรืออื่น ๆ ตามความถนัด

    ๒.เมื่อจิตสงบดีแล้ว ให้ภาวนาคาถาปรับธาตุนี้ เป็นลักษณหมุนตามเข็มนาฬิกา ภาวนาไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องจับลมหายใจ ธาตุในร่างกายจะเริ่มดีขึ้น

    ๓.ผู้ใดมีบุญเนื่องกับท่านจะสามารถติดต่อกับท่านได้ และท่านจะต่อวิชาเฉพาะของบุคคลนั้นให้ค่ะ


    กุศลผลบุญใดที่ได้จากการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ขอน้อมถวายแด่ท่านปู่ฤาษีบรมครู ที่อยู่ปากทางเข้าแห่งนาคพิภพ และท่านพญานาคราชทั้งหลายที่สงเคราะห์ให้พบเหตุอัศจรรย์ต่าง ๆ

    ************************

    บทสรุป

    จากนั้นมาท่านพญาโภคนาคราชได้นำดวงแก้วบรมจักรพรรดิมาให้ ๒ ดวงในนิมิต ดิฉันใช้เวลาประมาณ ๗-๘ เดือนในการติดตามหาดวงแก้วบรมจักรพรรดิของจริง จนกระทั่งต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จึงได้ดวงแก้วคู่แรกคือ

    [​IMG]

    ดวงแก้วศุภมงคล-ดวงแก้วจงกลมณีกานต์ ต่อมาก็มีดวงแก้วรัตนโชติชัชวาลย์-ดวงแก้ววิศาลอภัยมณี (สองดวงด้านบนจากภาพ) และต่อมาท่านได้ให้นำดวงแก้วบรมจักรพรรดิออกประมูล เพื่อสร้างบุญในพระพุทธศาสนาในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๓

    ต่อมาปลายปี ๒๕๕๓ ท่านโภคนาคราชได้บอกว่า "การนำดวงแก้วออกประมูล เพื่อให้รวบรวมหมู่คณะที่เคยสร้างบุญร่วมกันในอดีต ตั้งแต่ก่อนสมัยพระพุทธวิปัสสีฯ ลูกจะค่อย ๆ รู้เรื่องราวต่าง ๆ เป็นการรวมพี่น้องด้วย พี่ชายคนที่ ๓ ของลูกได้หลุดจากหมู่คณะไปหลายชาติ ชาตินี้ต้องหาให้พบ โดยนำดวงแก้วเป็นตัวสื่อ เพราะชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่ลูกจะได้พบพ่อ พ่ออยากให้ลูกทำกิจนี้ให้สำเร็จ"

    ต่อมาได้ทราบภายหลังว่า หลวงปู่ฤาษีที่พบเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๑ คือ หลวงปู่ฤาษีเกษรีนั่นเอง ต่อมาท่านได้แนะนำให้รู้จักหลวงปู่ฤาษีอัสดง หลวงปู่ฤาษีอัสรินทร์ หลวงปู่สัจจฤาษี ภายหลังท่านให้จัดไหว้ครูทุกปี ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ เป็นต้นมา

    เมื่อปี ๒๕๕๔ ท่านโภคนาคราช ท่านได้มาบอกว่า...

    "ลูกจะต้องสร้างพระชำระหนี้สงฆ์เป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปจะไม่สร้างอีก เพื่อช่วยปิดอบายและชำระหนี้แก่หมู่คณะที่เคยร่วมสร้างบุญกันมาแต่กาลก่อน โดยองค์พระเป็นพระพุทธรูปสีขาว สร้างด้วยหินธรรมชาติ

    เมื่อใดที่ปรากฏเพชรพญานาคสีฟ้าขึ้นมา เป็นสัญลักษณ์ว่า ปีนั้นจะต้องสร้างพระให้เสร็จ"


    จากนั้นต่อมา ท่านก็เคลื่อนภพไปยังสวรรค์ชั้นดุสิต ดิฉันได้รอมานานหลายปี แต่ไม่เคยปรากฏเพชรพญานาคสีฟ้าขนาดใหญ่ขึ้นมาแต่อย่างใด

    จนกระทั่งต้นปี ๒๕๕๗ ได้ปรากฏเพชรพญานาคสีฟ้าขึ้นมา สมเด็จพระพุทธวิปัสสีได้ตรัสว่า..

    "อุณาโลมของพระองค์นี้ ให้ใช้เป็นพลอยธรรมชาติไม่ให้ใช้ของปลอม เพราะจะเป็นพระพุทธรูปที่มีเทพบุตรเทพธิดามาสักการะบูชา"

    สำหรับอุณาโลมนี้ คุณ Phuya ขอเป็นเจ้าภาพในสร้าง โดยคุณ NamfonBaanfa เป็นผู้จัดหาพลอยคือ เพทายสีฟ้าอ่อน เมื่อจัดทำสำเร็จแล้ว

    ต่อมาเริ่มเข้าพรรษาปีนี้(๒๕๕๗) ได้มีธุระติดต่อเรื่องบางอย่างกับวัดป่าดอนธาตุ จ.อุดรธานี จึงได้สอบถามทราบว่า วัดดอนธาตุไม่มีเจ้าภาพจองกฐิน จึงได้ไปติดต่อช่างแกะพระพุทธรูปแถบจังหวัดนครราชสีมา

    หลังจากได้โอนเงินมัดจำหินทรายขาวไว้บางส่วนตั้งแต่ต้นปี ตอนนั้นยังไม่ทราบว่า จะนำองค์พระไปประดิษฐานที่ใด จนกระทั่งครูบาอาจารย์ให้เลือก ๓ วัด หนึ่งในนั้น คือ วัดป่าดอนธาตุ

    ดิฉันจึงติดต่อช่างแกะพระพุทธรูปอีกครั้ง ทราบว่า ใช้เวลาอย่างน้อย ๒ เดือนในการแกะองค์พระและสามารถทำได้ทันกฐินปีนี้ ดิฉันจึงตกลงให้ช่างดำเนินการต่อ

    จากนั้นได้โทรไปจองกฐิน ทุกอย่างดำเนินการอย่างรวดเร็ว ดังที่ทุกท่านได้ทราบมาค่ะ ทั้งหมดเป็นที่มาของภารกิจในการสร้างพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติค่ะ


    ขอให้ทุกท่านเจริญธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2014
  19. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ขอแสดงความยินดีกับคุณสุวัฒน์ด้วยค่ะ ที่ได้ดูแลดวงแก้วของท่านโภคะฯ ต่อไปนะคะ


    อ่านเรื่องราวในอดีตแล้วนึกถึงกระทู้พญานาคที่พี่น้ำใสเป็นปุโรหิตของเมืองค่ะ
    ตอนนั้นตาลไม่ได้มาทางธรรมเลย กำลังนั่งเสิร์ชหาข้อมูลอะไรบางอย่างในกูเกิ้ล
    จำได้ว่าไม่ได้หาอะไรที่เกี่ยวกับพญานาคเลยค่ะ แต่ทำไมกระทู้พญานาคขึ้นก็ไม่ทราบ
    ตาลกดเข้าไปอ่านและติดตามจนกระทั่งต่อมาก็ทราบว่าตนเองเคยเกิดในยุคสมัยนั้นด้วย
    ยินดีด้วยนะคะพี่ที่ได้พบกับพระเชษฐาองค์ที่สาม อิอิ ครอบครัวพร้อมหน้าค่ะ
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณสุวัฒน์อีกครั้งด้วยค่ะ
     
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ยอดปัจจัยในการสร้างองค์พระ ฐานพระ และศาลาประดิษฐานพระ..ณ. ๒๕ กย. ๕๗

    [​IMG]

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...