ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    เคยเห็นรูปผู้ใหญ่รุ่นคุณปู่ ตอนไปวัด
    ท่านแต่งกายสุภาพ สำรวมน่าเลื่อมใสมากครับ
    ท่านเกิด พ.ศ 2450 สิ้นบุญตอนปี 2542 ครับผมม
     
  2. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ซำบายดีครับผม
    ชุ่มฉ่ำแท้เด้อ้าย
    ฝนตกทั้งคืนครับที่ชัยภูมิบ้านผม
    รักษาสุขภาพนำเด้อครับอ้าย
     
  3. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...ต่อจากเมื่อวาน(เรื่องของมองโกล)....
    .....................................
    .........ทุ่งสเตปป์..ที่กว้างใหญ่ร่วม..ครึ่งประเทศสหรัฐอมริกา..นั้น..เกือบทั้งหมด
    ..โล่งเตียน..มีแต่หญ้าสั้นๆ..ขึ้นมา...ลมแรง..โดยตลอด..หน้าหนาว..ครึ่งปี..
    ..หิมะตกหนัก..และ..หิมะมาพร้อมกับลม..ที่แตกต่างจากยุโรป...ดังนั้น..
    ความหนาว..จึงทวีคูณ...ม้าพวกนี้..ต้องยืนโดยปราศจากชายคาโต้กับความ
    ยะเยือกสุดขั้ว...คุ้ยลงไปในหิมะที่หนาเป็นฟุต..หาหญ้ากิน...การที่ต้องเดิน
    ลุยหิมะ..ครึ่งค่อนปี..ตั้งแต่มันตัวเล็กๆ..ทำให้มันมีกล้ามเนื้อและ..เอ็นที่แข็ง
    แกร่ง..เหนือม้าใด..แถม..หน้าร้อน..มันจะวิ่งร่าเริง..ไปเป็นสี่สิบห้าไมล์..
    แบบควบเต็มเหยีด..ของมันเองไปกับ..ฝูง.....เนื่องจากภูมิประเทศที่โล่ง..
    ไม่มีอุปสรรคมาขวาง..จึงสร้างสรรค์ให้มันมีปอดที่ใหญ่มาก..สิ่งเหล่านี้..
    บ่มชีวิตพวกมัน..มาร่วมหมื่นปี..ทำให้ยีนส์ของมันพัฒนาจนถึงที่สุด..และลงตัว
    .....พวกมองโกล..ก็จะใช้วิธีต้อน..และ..คล้อง..เลือกเอาตัวที่ลักษณะโดดเด่น
    ในฝูง...เอามาเป็นม้า..ประจำตัว.......
    .....ส่วนม้ายุโรปนั้น..สูงใหญ่จริงแต่อ่อนแอ..ด้อยกว่า..ม้ามองโกลแบบ
    เทียบไม่ได้..(ฝรั่งเอง..ยังต้องยอมรับ)...แถม..ม้านั้น..ก็ไม่ได้เลี้ยงแบบ
    ปล่อยธรรมชาติ..อย่างมองโกล..แค่เลี้ยงอยู่ในคอกกว้างๆ..ซึ่งมันเทียบไม่ได้
    กับทุ่งเสตปป์....
    .....ดังนั้น..คงไม่ต้องบอกว่า..คุณภาพ..ทหารม้าฝรั่ง..กับ..ทหารม้ามองโกล
    จะต่างกัน..ขนาดไหน...
    ............มองโกลจึงรักม้าของเขามาก...ทหารม้าหนักนี้..ไม่ได้มี..ม้าสำรอง
    แบบทหารม้าเบา..เขาจำเป็นต้องป้องกันม้าของเขาเต็มที่..เนื่องจากสภาวะ
    รบประชิด..และ..ตลุมบอน..มันยากที่จะมาดูแลม้าสำรอง.....
    ......แต่มองโกลนั้น..รักแค่ม้าตัวเองนะครับ...เพราะเขาถือว่า..ม้าศัตรู..คือ
    เครื่องมือ..การรบ..ดังนั้นพวกเขา..ไม่พะวงเลย..ที่จะฆ่าม้าศัตรู...โดยเฉพาะ
    ม้าอัศวินหุ้มเกราะ..นั้นคือ..ขาของอัศวินดีๆนี่เอง...
    ....เมื่อฆ่าม้า..ก็เหมือนตัดขาอัศวิน...เนื่องจาก..อัศวินนั้น..เดินเองก็แทบจะไม่
    ได้..เรื่องวิ่งนี่..ไม่ต้องพูดเลย..หมดสิทธิ์..อย่าเอา..ความทรงจำในหนังฝรั่ง
    มาโยง...เรื่องจริงคือ..แค่ขึ้นม้านี่..ไม่มีสิทธิ์ขึ้นเอง..ต้องใช้เครื่องช่วยชักรอก
    ..หรือไม่ต้องใช้ผู้รับใช้อัศวิน(SQUIRE)...๒ คนเป้นอย่างน้อย..เอาเจ้านาย
    ขึ้นม้า....
    .............ต่อพรุ่งนี้...........
     
  4. pardy

    pardy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,084
    ค่าพลัง:
    +2,703
    มาลงทะเบียนเรียนต่อค๊าบบ
     
  5. pardy

    pardy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,084
    ค่าพลัง:
    +2,703
    พอกดส่งข้อความปุ๊บ เห็นข้อความพี่ modpong เด้งขึ้นมาก่อนหน้าแป๊ปเดียว อิอิ สงสัยผมลืมรีเฟรช
     
  6. เขมทัต

    เขมทัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    623
    ค่าพลัง:
    +2,252
    อ่านเรื่องมองโกลอา แล้วมันส์ติดพัน ไปเสิร์ชหาสารคดี เจงกิสข่าน ในยูทูบมาดู

    แค่ดูเอาเพลินครับ เพราะดูจะต่างจากข้อเท็จจริงที่อาเล่ามาก (หมายถึงพวกองค์ประกอบภาพ ความสมจริงนะครับ ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง) โดยเฉพาะเรื่องธนู

    แต่ที่ตรงกันไม่ผิดเพี้ยนคือเรื่องความรักม้าครับ

    ในหนังมีคำพูดว่า "ชาวมองโกลถ้าไม่มีม้า ก็ไม่ใช่ชาวมองโกล"
     
  7. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...................................
    ...แน่นอน..หลานเขม..อาเขียน..จากการประมวลข้อมูลทุกด้าน..ตั้งแต่สมัยหอสมุดแห่งชาติ..มาจนถึง..ยุคอินเทอร์เนต..ร่วม ๓๐ ปี..แล้ว..เอามามิกซ์
    รวมกัน..และ..เขียนเป็นสำนวนตัวเอง...
    ...เรื่องข้อมูลในยุคนั้น..มันจะมาจากทั้ง..จีน..จากแขก..แขกอาหรับ..และ..ฝรั่ง..ที่เขาบันทึกเหตุการณ์..ในยุคนั้น..เข้ามาประกอบด้วย..ดังนั้น..
    มันย่อมมี..หลายอย่างที่ไม่ตรงกัน..แต่อาจะประเมินเอา..ทำความเข้าใจ..และ..คัดเลือก..เป็นรูปแบบตัวเอง...ก็แล้วแต่จะชอบแบบไหน..
     
  8. ธรรมจักร

    ธรรมจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,151
    คิดตามอ่านตลอดครับ...
     
  9. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933

    ......................
    ..หวัดดี.....Orkarรุ่น๑...pardy..พลศิริน้องรัก..หลานเขม..และ..ธรรมจักร
    ..........................
    ..ต่อจากตอนที่แล้ว...
    ...........................
    .........กำเนิด..เริ่มต้นผมว่า..น่าจะมาจากการพูดคุยเรื่องทั่วไปกัน..ระหว่าง
    ฆาราวาส..กับ..พระ..เวลาไปทำบุญ...พระก็คงถามว่า..มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไรบ้าง
    ..หรือไม่ก็..ชาวบ้านเอง..ก็..ไม่รู้จะปลดปล่อย..ความทุกข์กับใคร..ก็ปล่อย
    กับ..พระนี่แหละ..เพราะยังไงก็รับได้ทุกข์เรื่องอยู่แล้ว..ยกเว้นเรื่องในมุ้ง...
    .......พระที่ร่ำเรียนวิชามา..มีฌานสมาบัติสูง..ก็คงเห็นทุกข์ก็คงพยายาม
    จะช่วย..ซึ่งสมัยโน้น..น่าจะได้จากพระธุดงค์..มากกว่า..พระที่วัดด้วยซ้ำ...
    ..เพราะ..ยุคโน้น..พระธุดงค์จะมากกว่า..แล้วพระธุดงค์ก็เป็นธรรมดาต้องมีวิชาติดตัว
    .......ยกตัวอย่าง..ที่บ้านผีกวน..นอนแทบไม่ได้...ท่านก็ไม่ต้องไปที่บ้าน..
    ..ก็คิดทำยันต์ไปติดบ้าน..ให้คุ้มครอง..ชาวบ้าน..ก็ไม่มีผ้าอะไร..นอกจาก
    ผ้าเช็ดน้ำหมาก..ถ้า..มันเขรอะมาก..ก็กลับไปบ้าน..เลือกเอาผืนที่ยังไม่ใช้
    มา..แค่นี้..ก็สำเร็จ..การเขียน..ก็ไม่ยาก..ก็เอาเศษถ่าน..ชิ้นเล็กๆ..มาจาร
    เป็น..ยันต์..หรือ..คาถา..ปลุกเสกก็..เสร็จแล้ว..(สมัยโบราณ..ไม่มีดินสอ
    นะครับ..ไม่มีกระดาษมีแต่..กระดานชนวน..)....ก็เอาไปติดที่บ้าน..ตามประสงค์
    ...มีโจรมาลักควาย..หรือ..มีขโมยชุมต้องการปกป้อง..ตัวเอง..ก็ได้แบบ
    เดียวกัน...ก็ม้วนใส่ชายพก(โจงกเบน)ไว้....
    ....ต้องไปออกศึก..สงครามก็...เอามาผูกไว้ที่คอ..หรือ..ม้วนให้เรียวๆ..แล้ว
    ก็..มัดไว้ที่ต้นแขน...ยันต์ที่ลงก็แน่นอน..ต้องออกแนว..คงกะพันมหาอุตม์..
    ....สมัยโบราณนั้น..ตามที่เข้าใจ..ผู้หญิงนี่..แทบจะหาของขลังติดตัว..ไว้
    ป้องกันตัว..แทบไม่ได้..เห็นจะมีก็แต่..ปลัดขิก..อย่างเดียว....
    ....ความจริง..ผ้าอีกอย่างที่นำมาใช้เป็น..ผ้ายันต์..หรือ..ผ้าประเจียดกัน
    ..ในสมัยโบราณนั้น..ก็คือ...เศษของสบงพระ..ที่เก่าขาดไม่ใช้แล้ว...ซึ่ง
    แบบนี้..ตัว..หลวงพ่อเอง..จะเป็นผู้ทำให้...
    .............
    .....ข้อดี...ของผ้ายันต์..หรือ..ผ้าประเจียด..นั้น..สามารถ..เขียนยันต์..
    ..ตัวนะ..หรือ..คาถาได้ทุกประเภท....และ..ยันต์บางประเภทนั้น...
    ก็จะเป็น..ยันต์ที่ประดิษฐ์ไว้..สำหรับ..บ้านเรือนโดยเฉพาะ....
    ...เช่น...ยันต์กันไฟ..(ยันต์นกคุ้ม)......
    ............ยันต์ปิดหัวเสา...ยันต์ตัวนี้..เขาจะปิดไว้บน..หัวเสาเอก..หลัง
    จาก..ทำพิธียกเสาเอกแล้ว..ก่อนจะทำการก่อสร้างส่วนอื่นก่อน..ผมเองเคย
    เห็นของจริง..มาแล้ว.....
    .....เป็นต้น.....

    ...........ต่ออตนหน้า.......
     
  10. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    สวัสดีครับคุณอา มาติดตามอ่านสาระดีๆทั้งสองเรื่องเลยครับ
     
  11. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805
    ติดตามอ่านอย่างต่อเนื่องครับ หุหุหุ
     
  12. เด็กบ่อผุด

    เด็กบ่อผุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2014
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +12,680
    มาขานชื่อครับครู:cool:
     
  13. split

    split เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +582
    รอติดตามตอนต่อไปครับ
     
  14. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...ต่อจากเมื่อวาน...(เรื่องของมองโกล)...
    ......................
    ..........เมื่อสมัยที่ผมไปเรียนที่ยุโรป..เมื่อเกือบสามสิบปี..มาแล้วนั้น...
    ..ผมได้เดินทางตามลายแทงของ..อาจารย์ที่สนิทกับผมมาก..ท่านเป็นโปรเฟสเซอร์
    ..และ..เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแหล่งน้ำระดับนานาชาติ..แกเป็นคนฮอลแลนด์..
    ที่สำคัญ..คือ..คอเดียวกัน..แกชอบประวัติส่าสตร์โบราณคดี...ผมขอให้แกแนะนำ
    สถานที่ๆ..ผมน่าจะไป..ในสวิส..(๑ ในหลายประเทศในยุโรป..ที่ผมจะไปเที่ยว
    หลังเรียนจบ..ก่อนกลับไทย)
    ....ผมนะเดินทางคนเดียวครับ..แบกกระเป๋าใบเดียว..และสมัยโน้นนะ..อินเตอร์
    เนต..ยังไม่มี..ไม่มีไอเดียเลย..ว่าเมืองไหนมันมีอะไร..น่าเที่ยว...
    ..แต่อาจารย์ผม..รู้ว่า..ผมชอบแบบนี้..แกก็ไม่ได้บอกตรงๆ..แกบอกว่า..มีอยู่
    เมืองนึง..ในสวิส..น่าจะไป..เพราะมีปราสาทสมัยกลาง..(สมัยอัศวินใส่เกราะ)..
    อยู่..ต้องเข้าใจนะครับว่า..สวิสนั้น..ก็มีปราสาทเหมือนกัน..แต่ไม่มากอย่าง
    ฝรั่งเศษ...แต่ปราสาทสมัยกลางนั้น..ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่....ปราสาทนั้นอยู่ที่
    ..เมืองTHUN..(..แกใจดี..แกจะลาก..ลายแทงว่า..ไปเที่ยวที่นี่..ก่อน...
    ..แล้ว..ต่อไปนี่..แล้วต่อไปนี่่..ผมติดหนี้บุญคุณแกเยอะ...)
    คนเคยไปเที่ยวสวิส..คงงง..ครับ..ผมว่า..ในสมัยนั้น..คนไทย
    ที่เคยไปเที่ยว..นั้น..คงน้อยมากๆ...ต่อให้สมัยนี้..น้อยคนจะรู้จัก...
    ...ผมก็เดินทางตามลายแทงอาจารย์ไป...แต่ก็หวังอะไรมากไม่ได้..เพราะ...
    ถ้าตอน..ผมไป..มันเกิดซ่อมบูรณะ..ผมก็ซวยเลย.......
    .......แต่ผมโชคดี..เป็นโชคสองสามชั้น...เพราะวันที่..ผมไปถึง..ดันไปตรงกับ
    วันเฉลิมฉลองของเมืองพอดี...คือ..นอกจาก..จะได้ดูปราสาท..ได้ดูงาน..คล้ายๆ
    งานวัดบ้านเรา..และ..มีเดินพาเหรด..ชาวบ้านแต่งตัวแบบดั้งเดิม..มาเดินพาเหรด
    กัน...พอผมดูจนเต็มอิ่มแล้ว..ผมก็ไปที่ปราสาท..เป็นปราสาทที่ไม่ใหญ่ครับ...
    ..แต่เก่าแก่มาก..สภาพดี..สร้างด้วยหินตัดเป็นแท่งๆเอามาประกอบกัน...
    ..พอผมเดินเข้าประตู..ผมก็ควักกระเป๋า..เพื่อจะจ่ายค่าเข้าชม..ปกติจะเข้าดูอะไร
    ก็ต้องเสียเงินเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว(แม้แต่ในไทย)...แล้วค่าชมแบบนี้ในสวิสละ
    ก็แพง..อย่าบอกใคร..ผมเห็นป้ายแล้วว่า..ราคาเท่าไหร่..ก็ควักตังให้เจ้าหน้าที่..
    ..ปรากฎว่า..เจ้าหน้าที่อมยิ้ม..ส่ายหน้าและโบกมือ...เขาคงขำผม..เพราะหน้าตา
    แบบกะเหรี่ยงนี่..มันชัดเจนว่า..เป็นนักท่องเที่ยว...คงไม่รู้เรื่อง..เขาบอกผมว่า..
    วันนี้..เป็นวันหยุดเฉลิมฉลองเมือง..เข้าชมฟรี..ทั้งวัน...ก็เป้นอันว่า..ประหยัดไป
    ได้เยอะ..บรรยากาศสุดยอด..เพราะมันคล้ายๆที่เราเห็นในหนังยุคอัศวิน..ที่พระเอก
    ..เข้าไปตามหา..นางเอก..ที่ถูกขังไว้ในปราสาท..คือ..เดินซอกแซก..ไปตามห้อง
    ต่างๆ..ขึ้นบันไดหินแคบๆ..ดูห้องขังนักโทษ..แบบที่มีโซ่ยึดไว้กับกำแพง..ที่ปลายโซ่
    มีปลอกรัดข้อมือ..ผมเองรู้สึกและสำนึกถึงอาจารย์ผม..ถึงว่าแกย้ำบอกว่า..ต้องไปให้ได้.....

    .......... switzerland-castles-6.jpg

    [​IMG]

    [​IMG]
    .....นี่แหละครับ..ปราสาทเมืองTHUN..หรือ..THUN CASTLE..สร้างสมัย
    คริสตศตวรรษที่ ๑๒(..ภาพล่างด้านขวามือ..ที่เห็น
    เป็น..น้ำ..นี่..ไม่ใช่แม่น้ำหรือ..ลำคลองนะครับ..เป็นทะเลสาบ..ชื่อเดียวกับเมือง (THUN LAKE)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2014
  15. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    สวัสดีครับคุณอา...มาติดตามอ่านบทความดีๆทั้งสองเรื่องครับผม
     
  16. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....................
    หวัดดี...เฉียวฟงหลานรัก..April..แกงส้ม..และ..เด็กบ่อผุด
    ....................
    ..ต่อจากตอนที่แล้ว..
    ....................
    ........ผมว่า..น่าจะมีวัสดุอีกอย่าง..ที่อาจเอาไปใช้ลงยันต์ได้..
    ..นั่นคือ.."แผ่นหนัง"...เพราะสมัยเก่าขนาดนั้น..พวกกระจง..กวาง..ก็มีกัน
    เกลื่อน..วัว..ที่เลี้ยงก็คงมีสิทธิ...เพราะหาง่าย..ขึงให้เรียบๆ..แบบหนังกลอง
    ขูดขนให้เรียบร้อย..ก็เอามาลงสบาย..วิธีลง..หลวงพ่อก็ไม่ต้องยุ่งยาก..อะไร
    ..ก็แค่เอา..เหล็กแหลม..มาเขียนอักขระ..ชักยันต์...พอทำเสร็จ..ก็เอาถ่านที่
    ตำเป็นผงละเอียด...ลูบลงให้ทั่ว..แค่นี้..ยันต์..อักขระก็แจ่มชัด..ไม่หลุดไปไหน
    ..เพราะผงถ่านฝังลงไปในร่องที่ขูด..วิธีนี้..ก็คือ..วิธีเดียวกับ..พระจารคำสวด..
    คำเทศน์..หรือ..แม้กระทั่งพระไตรปิฏก..ลงในใบลาน..ในสมัยโบราณเช่นกัน..
    .......แล้วอาจมีคำถามว่า..แล้วทำไม..เขาไม่เอา..ใบลาน..มาใช้บ้าง...
    ..คือ..ต้องเข้าใจว่า..ใบลานนั้นแคบ..กว้างไม่เกิน ๓ นิ้ว..แต่ยันต์ที่ใช้ลง
    ผ้าประเจียด..นั้น..ส่วนใหญ่..จะมีรายละเอียดมาก..ต้องมีขนาดใหญ่..
    ...ไม่ใช่แบบเดี๋ยวนี้..ให้ลูกศิษย์เขียน..เขียนมันตัวเล็กแค่ไหนก็ได้..แล้ว
    หลวงพ่อมาเสกกันทีหลัง....สมัยก่อนนะ..ไม่มีแว่นนะครับ..คนแก่..ส่วนใหญ่
    ก็เป็นธรรมชาติสายตายาว..ก็จะเขียนอะไรใหญ่ๆ....
    ....แต่สำหรับยันต์หรือ..คาถาที่จะลงใบลานได้..นะมีอยู่แล้ว..แต่ใช้แล้วต้อง
    ม้วน...แล้วผมจะพูดถึง..เพราะเป็นเครื่องลางอีกแบบ....
    ....ข้อดีอีกอย่าง...เราสามารถ..เอายันต์ที่มีคุณวิเศษ..หลายๆทาง..มารวมกัน
    ในผืนเดียวกันได้...ก็แค่ทอฝ้าย..ให้มันผืนใหญ่ขึ้น..ชาวบ้านยุคนั้นผมว่า..
    ทอผ้าใช้กันเอง..ซะเป็นส่วนใหญ่....
    .....สมัยก่อนโน้น..คนโบราณมีวิธี..รักษา..ลวดลาย.. ที่ขียนลงบนผืนผ้า...
    อย่างง่ายๆก็คือ...เอาผ้า..หรือ..นุ่น..ไปชุบไขสัตว์..ให้ชุ่ม..แล้วค่อยๆมาลูบ..ลงบนผิว
    ผ้า..ด้านที่เขียน...แล้วทิ้งไว้..ปล่อยให้มันค่อยๆแห้งไปเอง...แค่นี้..ก็ไม่ต้อง
    กลัว..รอยที่เขียนจะหาย..แม้จะเอามือลูบ..หรือ..เปียกน้ำ..
    ...เพราะ..ไขที่แห้งมันหุ้มผงถ่านหรือสี..อัดฝังเข้าไปในเนื้อฝ้าย..น้ำธรรมดา
    ก็ไม่สามารถ..ล้างไขออกไปได้......เพียงแต่ผมว่า..
    มันคงหืนๆ..อยู่หลายปีเลย..แต่สำหรับยุคโน้น..ไม่น่าแปลกอะไร

    .........ต่อตอนหน้า.............



     
  17. เด็กบ่อผุด

    เด็กบ่อผุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2014
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +12,680
    อ่านไปตั้งคำถามไปเลื่อนบรรทัดลงมา อ้าวคำตอบอยู่บรรทัดถัดไปนี้เอง
    5555 หายสงสัยเลยครับพี่
     
  18. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,274
    สวิส เมืองในฝันที่อยากไปท่องเที่ยวของผมเลยครับ...
     
  19. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    รายงานตัวครับผม
    คุยกันถึงเรื่องลงยันต์นี่ นึกภาพตามออกเลยครับ
    เจอพระมหายันต์บางยันเข้าไป เช่นยันต์โสฬสมหามงคล
    ลงแผ่นโลหะขนาดแค่ 4 *4 นี่ กลุ้มไปหลายวันเชียวครับ
    เล็งแล้วเล็งอีก กว่าจะได้ ปวดตา ปวดข้อ กันไปหลายรอบเลยครับ
    รอติดตามตอนต่อไปครับผม
     
  20. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....................
    ..ต่อจากเมื่อวาน(เรื่องของมองโกล)
    ...................
    ......ความจริงแล้ว..ไม่ต้องแปลกใจที่คนไทย..หรือ..แม้แต่คนเอเซีย..น้อยคนที่จะรู้จัก
    ..แม้ในปัจจุบัน..เพราะจริงๆแล้ว..เมื่อ..ไม่ได้อยู่ในการโปรโมทการท่องเที่ยว...
    ..ไม่ได้อยู่ใน..สถานที่ท่องเที่ยวหลัก..แต่เมื่อผมกลับมาเมืองไทยแล้ว..ปรากฏว่าใน
    ทะเลสาบทุน..นี้..สถานที่ท่องเที่ยวหลัก..กลับเป็นปราสาทอีกแห่ง..อยู่กันไม่มาก..
    ..และสวยงามกว่า....ผมกลับมาคิดว่า..ที่อาจารย์ผมให้มาที่นี่..เพราะแกรู้ใจผมว่า..
    ผมไม่ได้เน้น..เรื่องสวยงาม..แต่ผมเน้นเรื่องประวัติศาสตร์...
    ..ที่นี่..ข้างในค่อนข้างทึม..มาก...ในใจเดิมก็คิดเหมือนกันว่า..แล้วใครมันจะมาเที่ยววะ
    ....แต่เพราะวัตถุประสงค์..ก็คือ..มันเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ของเมือง..ในยุคกลาง..
    ..เขาต้องการให้..คนสวิสกันเอง..มาเที่ยวกันมากกว่า....เพราะ
    ......ภายในปราสาทที่เป็น..ไฮไลท์ทำให้ผมโยงเรื่องของมองโกล..มาที่นี่ก็คือ...
    ...อุปกรณ์..การรบของ..อัศวินในยุคกลางนั่นเอง...ผมได้เห็นก็ตื่นตาตื่นใจเลย....
    ...เพราะ..ไอ้ที่เห็น..ในหนังอัศวินขี่ม้า..มีอยู่ที่นี่..หลากหลาย..ถึงแม้ไม่ครบ..แต่
    ไอ้ที่หลักๆ..ก็จะมี..ทั้ง..ดาบ..โล่ห์..ขวาน..ทวน..หอก(ที่มีขวาน..ติดอยู่ด้วย)...
    ..ลูกตุ้มหนาม...เครื่องแต่งกายอัศวิน..แน่นอน..สิ่งที่ผมจะกล่าวถึงนั้นคือ...
    ........."ชุดเกราะอัศวิน"...มี..หลายชุด..หลายตัวครับ..ผมเอารูปจากเน็ตส่วนนึง
    มาให้ดูที่เขาแสดงไว้..แต่อย่างงี้..จะเอาเล่าทำหอกอะไรวะ..คนที่ไปเที่ยวฝรั่งเศษ
    ..อังกฤษ..เขาก็เห็นกันทั้งนั้น....แต่ไม่เหมือนผมหรอกครับ..เพราะ...
    ......ผม..จับมันมาแล้ว..และ..เป็นเกราะในยุคนั้นจริงๆ(..อย่าเอาเกราะในหนังฝรั่ง
    มาเทียบ..นะครับ..เพราะถ้าคุณคุ้นกับสารคดีเบื้องหลัง..การสร้างหนังจะทราบว่า..
    ..เกราะที่..ดูเขรอะ..นั้น..เขาสร้างขึ้นมาเพื่อการแสดง..เกราะโซ่ที่ใส่ข้างใน..ก็เป็น
    อลูมิเนียม..ย้อมสีให้เหมือนเหล็ก...เกราะแผ่นบางเรื่อง..ก็ใช้อลูมิเนียมย้อมสีเหมือนกัน..
    ..บางเรื่องเป็นเหล็ก..แต่แผ่นเหล็กนั้น..บางกว่าของจริง.........
    .....เหตุผล..ก็เพื่อให้..นักแสดงนั้นคล่องตัวในการแสดง..และ..ไม่เหนื่อยมาก..
    ..เพราะ..นักแสดง..ไม่ใช่..นักรบจริงๆ..ลองใช้ของจริงทั้งชุด..ผมรับประกันว่า..
    ..เดินไม่ถึงสิบก้าว..ก็ล้มแน่นอน..)..เกราะที่ผมได้จับนี้(ไม่ใช่อันที่เอามาลง)..เป็น
    ..เกราะทีประกอบ..ครบชุด..หัวจรดตีน..แล้วก็มีร่องรอยการถูก..ฟัน..และ..ตี..เพราะ
    ..ผิวมีรอยครูด..และยุบ..หลายแห่งทั้งที่หัว..และ..ลำตัว
    และไม่มันแวววาวอะไร..ออกด้านๆ...ไอ้เกราะอันนี้..มันยืนอยู่อีกมุม..เหมือนมีอัศวิน
    มายืนอยู่จริง..เพราะเอามือกุมด้ามดาบไว้หน้าลำตัว..และปลายดาบปักอยู่ที่พื้นนะหว่าง
    ปลายเท้าทั้งสองข้าง...มันอยู่ในตำแหน่งที่อับมุมมอง..ผมก็ถ่ายรูปมา..แต่ในที่นี้เขา
    ห้ามใช้แฟลช..รูปมันเลยค่อนข้างมืด..รูปใช้ฟิลม์ครับ..และ..สีมันก็ออกแดงไปหมด
    ..ก็เลยไม่ได้เอามาให้ดู..เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งดี(ของผม)..และไม่มีเชือกกั้น..
    ...วันนี้..คนแทบไม่มีเพราะ..เข้าไปร่วมงานฉลองเมืองกัน..ก็เลยเข้าทาง..ยามเดินไป
    มา..แบบตามพิพิธภัณฑ์ทั่วไปก็ไม่มี..มีแค่ด้านล่างที่เดียว...
    ........หลังจากเหลียวซ้าย..แลขวา..ซักพัก..ฟังเสียงว่า..ไม่มีคนแน่..ก็เลยเอื้อมมือ
    เข้าไปจับ....

    ................ 100_2447.jpg

    ...ภาพนี้..ก็..เป็นชุดเกราะ..ที่ตั้งแสดงอยู่ที่นั่น..แต่จากเกราะนั้น..แสดงว่า..ต้องเป็น
    อัศวิน..ระดับ..ดยุ้ค(DUKE)..บารอน(BARON)..แน่..คือ..ระดับเจ้าของปราสาท..
    ..เจ้าเมือง..เพราะมีลวดลาย..สวยงาม..และ..เกราะประณีตมาก..ต่างจาก..ตัวที่
    ผมจับเยอะ..เพราะไอ้ตัวนั้นแต่งตัวครบชุด..ในรูปนี้ที่ขาดไปคือ..เกราะที่ขา..และ..รองเท้า...ไอ้ตัวที่ผมจับ..มันอัศวินชั้นล่างลงมา..และ..รบจริง...

    .......ต่อตอนหน้า....
     

แชร์หน้านี้

Loading...