ไอ้ดำมันเห็นอะไร

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ตอนนั้นครอบครัวของผมทำการค้าที่ต่างจังหวัด มีคุณป้าคนหนึ่งวัย 40 กว่า (สมมุติชื่อจิต) มาทำธุรกิจกับพ่อแม่ของผมประจำ แกคุ้นเคยสนิทสนมกับพวกเรามาก

และด้วยที่แกมาบ้านของผมประจำ ทำให้สุนัขซึ่งผมเลี้ยงไว้ 1 ตัว ชื่อไอ้ดำ มันไม่เคยเห่าป้าจิตเลย เพราะมันคุ้นกับแกดี

แต่บ่ายวันหนึ่งป้าจิตแกมาบ้านผม แล้วต้องตกใจมาก เพราะไอ้ดำมันเห่าป้าจิตแบบประหลาด เห่าคำรามเหมือนเห็นแกเป็นคนแปลกหน้า เห่าตั้งนานจนเราต้องห้ามมัน ต้องจับมันหนีไปที่อื่น ป้าจิตแกหน้าเหรอเลย

ป้าจิตแกคุยสักพักก็กลับพร้อมรับเงินที่ขายของให้แม่ผมไปด้วย เป็นเงินมากโขทีเดียว

พอเช้าวันต่อมาทางบ้านผมก็ทราบข่าวร้ายว่าป้าจิตถูกยิงตาย ถูกฆ่าชิงทรัพย์ ตายพร้อมคนขับรถ เพราะแกมีคนขับรถส่วนตัวมาด้วย หลังจากเดินทางออกจากบ้านของผมแค่ 2 ชั่วโมง

น่าแปลกมากตรงที่ว่าไอ้ดำมันเห็นอะไร ถึงเห่าป้าจิตแบบนั้น ทั้งที่ก่อนหน้ามันไม่เคยเห่าแกเลย

ใครพอให้คำตอบได้บ้างครับ เป็นปริศนาที่คนเห็นเหตุการณ์ต่างสงสัยกันมา 30 กว่าปี

 

สุนัขมีความสามารถพิเศษที่มองเห็นภาพอีกมิติหนึ่งได้ เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่มี มนุษย์ต้องฝึกจนได้จักขุทิพย์ มนุษย์ธรรมดาจึงค่อยมี หรือที่มีจักขุก็ไม่บอก ที่ไม่มีก็กลับบอกว่ามี แต่ก็มีเพียงระดับอริยบุคคลเท่านั้นที่มองเห็น สุนัขแม้เป็นเดรัจฉานก็สามารถเห็น เหมือนมีพรวิเศษจากเบื้องบน แต่กรรมวิบากทำให้เขาต้องเป็นสุนัข เขาพูดไม่ได้ จึงได้แต่เห่าหอน อยากบอกเราว่าเขาเห็นอะไร ก็พูดไม่ได้ น่าสงสาร ร่างป้าคนนี้คงถึงเวลาหมดอายุขัยแล้ว จึงมีทั้งเจ้ากรรมนายเวร พญามัจจุราช หรืออะไรสักอย่างที่รอจะนำดวงจิต ไปตามวาระกรรมของเขาค่ะ

 

เมื่อหลายปีก่อน...
ที่หน้าบ้านพักครู...หมาที่บ้านท่านผอ.จำนวน ๔-๕ ตัว ต่างส่งเสียงหอนอย่างโหยหวน
และยืนหันหน้าเข้าหากันเป็นวงกลม
ยกขาหน้าขึ้นตะกุยอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็นด้วยท่าทางดีอกดีใจ
....
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ครูที่โรงเรียนก็ได้รับข่าวว่าคุณนายของท่านผอ. เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล

 

หมาสามารถรู้วันตายของเจ้าของได้แน่นอนครับ เรื่องหมารับรู้โรคมีเยอะน่ะครับ

ธรรมชาติของน้องหมาจะมีประสาทสัมผัสมากกว่าคนถึง 10,000 – 100,000 เท่า โดยระบบการได้รับกลิ่นของน้องหมาจะซึมซับโมเลกุลของสารเคมี ความชื้น ไอระเหยที่ล่องลอยอยู่ในอากศผ่านเนื้อเยื่อภายในจมูก และส่งข้อมูลไปยังสมอง ประกอบกับการที่น้องหมามีความผูกพันกับคนมากกว่า 100,000 ปี จึงมีการรับรู้กลิ่นกาย เหงื่อ ลมหายใจ ฮอร์โมนต่างๆ ของคนติดอยู่ในสายเลือด ดังนั้นเมื่อเกิดกลิ่นที่ผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายของเจ้านายผู้เลี้ยงพวกเขามาตั้งแต่เล็ก จึงสามารถรู้ได้ถึงความผิดปกติ ส่งสัญญาณเตือนเจ้านายเพื่อเป็นการทำหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง ระวังภัยตามสัญชาตญาณของน้องหมาค่ะ

นอกจากนี้การดำเนินชีวิตของน้องหมาร่วมกับคนตั้งแต่เก่าก่อนจนถึงปัจจุบัน จะอยู่อาศัยแบบพึ่งพากันและกัน คนเป็นผู้ทำหน้าที่ให้อาหาร ให้ที่อยู่อาศัย น้องหมามีหน้าที่คอยเตือนภัยเป็นการทดแทนบุญคุณ เฝ้าไร่นา ไล่ล่าสัตว์ที่เข้ามากัดกินผลผลิต ซึ่งการดมกลิ่นโรคต่างๆ ของน้องหมาเป็นการเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอด เมื่อต้องไล่นก ไล่สัตว์ออกจากไร่ พวกเขาจะสามารถจับกลิ่นโรคที่ติดมากับเหยื่อ และไม่กัดกิน เพื่อปกป้องตนเอง เมื่อพวกเขาได้กลิ่นโรคจากเจ้านายก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงความผิดปกตินั่นเองค่ะ




น้องหมามีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อรับรู้กลิ่นโรค


Dogilike.com :: ไขข้อสงสัย ... ทำไมน้องหมาถึงดมกลิ่นโรคในมนุษย์ได้?


มีงานกรณีศึกษาและงานวิจัยหลายชิ้นได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการรับรู้กลิ่นมะเร็งและเบาหวานจากผู้ป่วยโดยระบุว่า เซลล์มะเร็ง เบาหวาน อาการลมชัก หรือโรคอื่นๆ จะทิ้งร่องรอยทางชีวภาพ แบคทีเรีย ความผิดปกติของฮอร์โมน หรือ สารเคมีในร่างกาย ออกมาพร้อมกับกลิ่นลมหายใจ ปัสสาวะ และเหงื่อ ซึ่งน้องหมาจะสามารถตรวจจับกลิ่นโรคมะเร็งได้จากกลิ่นลมหายใจของผู้ป่วย โดยเฉพาะมะเร็งปอดและมะเร็งทรวงอกได้อย่างแม่นยำถึง 80 – 99 เปอร์เซ็นต์ แม้จะเป็นมะเร็งที่เพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้นก็ตาม (ลมหายใจจะไม่ได้มีแค่อากาศเท่านั้น แต่มีความชื้นไอระเหยต่างๆ ออกมาด้วย) ส่วนผู้ที่เป็นเบาหวานน้องหมาจะสามารถจตรวจจับความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้จากกลิ่นปัสสาวะ และ กลิ่นเหงื่อนั่นเองค่ะ

ด้านพฤติกรรมของน้องหมาเมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติของผู้เลี้ยงก็จะแสดงออกแตกต่างกันไป บางตัวเห่า ร้อง กระโดด เอาจมูกดุนๆ หรือ ตะกุยบริเวณที่พวกเขาได้กลิ่นมะเร็ง ถึงแม้จะเป็นในระยะเริ่มต้น หลายครั้งที่น้องหมาสามารถรับรู้ได้ก่อนที่เครื่องมือทางการแพทย์จะตรวจพบเสียอีกค่ะ สำหรับน้องหมาที่ได้กลิ่นระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานลดลง พวกเขาจะดมๆ ร่างกาย เลียเหงื่อบนใบหน้า ร้อง หรือเห่า ซึ่งเป็นการเตือนภัยล่วงหน้าให้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานก่อนที่จะเกิดอาการสั่น หมดสติ ช็อค โคม่า จนเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม น้องหมาบางตัวอาจจะแสดงพฤติกรรมเช่นนั้นเป็นปกติ ผู้เลี้ยงควรสังเกตว่ามีการแสดงออกที่รุนแรง หรือ ผิดไปจากปกติหรือไม่ค่ะ




งานวิจัยและกรณีศึกษาเกี่ยวกับน้องหมาดมกลิ่นโรค


Dogilike.com :: ไขข้อสงสัย ... ทำไมน้องหมาถึงดมกลิ่นโรคในมนุษย์ได้?


ส่วนใหญ่แล้ว งานวิจัยและกรณีศึกษาการดมกลิ่นหาโรคของน้องหมาส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การตรวจหาโรคมะเร็งและเบาหวาน เนื่องจากเป็นภัยเงียบที่กว่าจะรู้ว่ามีตรวจเชคได้ยากหากเชื้อยังไม่แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย หรือเกิดอาการช็อคหมดสติได้โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งการตรวจพบได้เร็วจะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตจากโรคร้ายมากขึ้นค่ะ

งานวิจัยของศูนย์สุนัขใช้งานมหาวิทยาลัยเพนซิเวเนีย (University of Pennsylvania's Working Dog Center) สหรัฐอเมริกา ได้มีการนำตัวอย่างลมหายใจทั้งหมด 220 ตัวอย่าง เป็นกลิ่นลมหายใจของผู้ที่มีเชื้อมะเร็ง กับ ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงดี ให้น้องหมาพันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ด 2 ตัว ลาบราดอร์ 1 ตัว และ ออสเตรเลียน เชฟเพิร์ด อีก 1 ตัวซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีประสาทการดมกลิ่นที่ดี และได้รับการฝึกให้ดมกลิ่นมาแล้ว นั่งลงตรงหน้าตัวอย่างที่มีกลิ่นมะเร็ง ซึ่งน้องหมาสามารถระบุได้แม่นยำถึง 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับตัวอย่างที่มีกลิ่นมะเร็ง และ 93 เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่างที่ไม่มีเชื้อมะเร็ง นั่นแสดงว่า มีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่น้องหมาดมพลาด เผลอนั่งลงหน้ากลิ่นลมหายใจของผู้ที่มีสุขภาพดี

ส่วนกรณีศึกษาเกี่ยวกับการตรวจหาโรคเบาหวานที่ทางมหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) และ มหาวิทยาลัยดันดี (University of Dundee) สหราชอาณาจักรได้ทำการทดลองร่วมกัน ได้มีการเลือกสัมภาษณ์อาสาสมัคร 17 คนที่เป็นโรคเบาหวาน และเลี้ยงน้องหมาซึ่งได้รับการฝึกดมกลิ่นตรวจวัดค่าน้ำตาลในเลือดมาแล้วซึ่งผลจากการให้สัมภาษณ์ของอาสาสมัครต่างกล่าวว่า น้องหมาของพวกเขาจะตื่นตัว ดมกลิ่นลมหายใจ กลิ่นเหงื่อ เลียใบหน้า เห่า ให้สัญญาณเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของเหล่าอาสาสมัครลดลง ภายหลังได้มีการตรวจเชคพบว่าพวกเขามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจริง การช่วยเหลือของน้องหมาให้พวกเขาได้รู้ตัว ป้องกันตัวได้ทันก่อนที่จะหมดสติ เกิดอาการช็อกถึงขั้นโคม่าได้ทันท่วงที

บทความโดย : Dogilike.com

แต่ไอ้เรื่องฆ่าชิงทรัพย์ มันหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้อ่ะครับ

 

เป็นไปได้ไหมครับ ว่าไอ้ดำเห็น...
1.วิญญาณร้ายตามมา หรือ
2.เจ้ากรรมนายเวร หรือ
3.ยมทูต หรือ
อื่นๆ ไม่ทราบเหมือนกันครับ

 

อีกภพมีจริง ขอให้หมั่นทำความดีไว้นะครับ

 

ก็หมาเห็นคนมันไม่มีหัวนะ มันจะเห่าแปลกตรงไหน ขนาดหมาที่เราเลี้ยงลองไม่ส่งเสียงใส่หน้ากาก เดินเข้าบ้านสิ มันก็เห่าแบบนี้ทุกราย และรายนี้ สิ่งที่มันเห็นก็คนมันไม่มีหัวก็ไม่รู้ว่าเป็นใครจะให้ไม่เห่าได้อย่างไร

 

อาจจะไม่มีเงาหัวค่ะ คนใกล้ตายถึงที่ เงาหัวหายค่ะ ญาติคนหนึ่งก่อนตายไม่มีเงาหัวอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำอยู่ดีๆก็นั่งตายไปเลยค่ะ

 

หมาที่บ้านเราฉลาดมาก ต่อให้ใส่หน้ากากอะไร หรือแผ่นมากส์หน้าก็เถิด พร้อมถือไม้ด้วย มันยังยืนกระดิกหางอยู่ได้ แต่เฉพาะฉันคนเดียว มันจำเม่น แต่ถ้าคนอื่นในบ้านมันก็เห่า

 

เอาว่าเล่าแบบกลางๆเนาะ ก็ฟังหูไว้หูแล้วกันนะครับ..
คือที่เขียนๆกันมามีโอกาสเป็นได้หมดครับ.ถือว่าไม่มีผิดไม่มีถูก
.เพราะว่าเราไม่ใช่น้องหมาคงจะไปรู้เรื่องกว่ามันก็คงจะแปลก๕๕๕.
พวกเรื่องความสามารถต่างๆเกินมนุษย์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์คงให้คำตอบได้
โดยเฉพาะความสามารถเรื่องกลิ่น.แต่ที่จะขอเสริมข้อความที่นำมาลงก็คือ
เรื่องของสีที่มันมองเห็นจากแววตา จะเป็นสีออกโทนขาวดำเท่านั้น พูดง่ายๆ
ว่ามันไม่ได้มองเห็นเป็นสีสันเหมือนเราๆ..และมันก็ยังมีความสามารถในการจำเสียง
ได้ด้วย.เราจะสังเกตุได้ถ้ามันได้ยินเสียงรถเราแม้ว่ามันจะยังไม่เห็นเรา น้องหมาก็จะเห่า
ก่อน ถ้าเราสังเกตุตอนที่มันได้ยินเสียงมันจะยังไม่แสดงอาการดีใจอะไรมาก.
จากนั้นมันก็จะพยายามวิ่งไปดูก่อน การที่มันวิ่งมาดูนอกจากจะเป็นการยืนยัน
ว่าเป็นตัวเราแล้วในเรื่องของกลิ่น ก็จะเป็นการยืนยันในเรื่องรูปร่างของเรา.ซึ่งองค์
ประกอบเรื่องกลิ่นกับรูปร่างของเราที่มันเห็นเป็นขาวดำ จึงทำให้มันมั่นใจได้ว่า
เป็นเรา มันก็เลยแสดงอาการดีใจที่มากกว่าปกตินั่นเองครับ.นี้แบบทั่วๆไปนะครับ
ยกเว้นว่าเราจะนั่งรถอีกคันมันอาจจะเห่าก่อน เพราะมันยังจะไม่แน่ใจว่าเป็นเรา
พอได้กลิ่นเรา ได้เห็นเราก็จะเหมือนๆทั่วๆไป..
นี่ทีพูดแบบในเชิงเรื่องของพลังงานน้องหมาจะมีความพิเศษอย่างหนึ่งของคลื่นสมอง
ในการเชื่อมพลังงานคลื่นความถี่ภายนอก
ร่วมกับสายตาการมองเห็นที่เหนือมนุษย์ทั่วๆไปอยู่ ๒ แบบหลักๆ
คือ ๑.แบบมีกำลัง
และ ๒.แบบมีกำลังไม่มาก
และเชื่อมกับแหล่ง
พลังานตรงตำแหน่งร่างกาย ๒ จุดคือ
๑.กลางกระโหลกศีรษะ
และ ๒.คือท้ายทอย..
ที่นี้จุดที่ ๑.ตรงกลางกระโหลกศรีษะซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นระดับพลังงาน
ที่ค่อนข้างมีกำลังถ้ามันเชื่อมตรงจุดนี้ได้ก่อน พลังงานในศีรษะมันจะหมุนวนไป
ยังจุดที่ไม่มีกำลังร่วมด้วย.. และโดยปกติเวลามันเชื่อมกับจุดนี้
ท้องของมันจะมีพลังงานในท้องทำให้ท้องหมุนแต่ว่าจะไม่ส่งผลกับระบบหายใจ
ของมันมากคือหัวใจยังเต้นปกติมันเลยไม่ตื่นเต้น หรือกลัวหรือรู้สึกเป็นอันตราย.
จึงเป็นเหตุที่มันอาจจะมีการเห่าบ้างเล็กน้อยและต่อจากนั้นก็จะเปลี่ยน
เป็นการหอนแทน....
และจุดที่ ๒ ถ้ามันเริ่มต้นเชื่อมตรงท้ายทอยก่อนกับแหล่งพลังงานที่มีกำลังไม่มาก.
แต่การเชื่อมตรงจุดนี้มันจะสัมผัสได้ไวมาก
จะมีพลังงานหมุนในท้องของมัน และส่งผลกับระบบหายใจของมันมาก
หัวใจของมันจะเต้นเร็วมากกว่าปกติ
ทำให้มันรู้สึกว่าตื่นเต้น กลัว
กรณีนี้จะมีพลังงานตีไปข้างบนเช่นกันแต่ว่าจะไม่เปิดออก.
บางทีมันจึงรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจ แต่จะก็เห่าไว้ก่อน บางครั้งก็เห่าแล้วถอยหลัง
พร้อมกับกระดิกหางไปด้วย
บางทีก็ลดหางลงไปด้วยประมาณนี้..
...
อืมเป็นไงครับ ถ้าอ่านจบแล้วเข้าใจ ก็จะพอคาดคะเน
คำตอบได้เองครับ.ว่าน้องหมาเห็นอะไรครับ..
ให้คิดเล่นๆว่า คนจะเจอยมทูตจะมาตอน
ที่เราตายแบบไหน. ท่านพ่อพยายามจะเสียเวลา
เวลารับดวงจิตดวงวิญญานที่ความเลวทั่วๆไปหรือไม่
ไม่งั้นท่านจะมียมทูตไว้ทำอะไร..ถ้าจะมาหลักๆมี ๒
กรณีคือ บุคคลที่สามารถสามารถกลับใจแล้วสร้างความดีได้
กับบุคคลที่กำลังสร้างความดีอยู่แล้วพลาดหลงทาง..
กับดวงวิญญานบางดวงพวกที่ปรามาสพระอริยะเจ้า
ปรามาสพระมหาโพธิสัตว์นั่นหละครับท่านถึงจะมารับเอง..
..เจ้ากรรมนายเวรมาตอนไหนครับ..เงาศีรษะหายหรือเรา
เรียกง่ายๆว่าไม่มีเงาหัวบางคนอาจจะสามารถมองเห็นได้
คือจิตธาตุขาดความสมดุลในการสร้างของกายละเอียด
ในระดับที่คงอยู่ในความเป็นมนุษย์ได้.ในความหมายคือ
โดยปกติเราเชื่อว่า ถ้ายังเป็นมนุษย์กายละเอียดพื้นฐาน
ที่มันซ้อนอยู่ในกายเราโดยมีจิตคอยควบคุมตามกำลังบุญ
อย่างน้อยจะต้องเป็นกายมนุษย์คล้ายๆกับร่างกายจริงๆของเรา.
ถ้าที่แขนหรือขามันหายไป แม้ว่าเราจะมีร่างกายแต่ก็จะไม่สามารถ
เคลื่อนไหวหรือใช้งานได้..แต่ถ้ามันขาดที่ส่วนศีรษะในความ
หมายก็คือเรากำลังจะสิ้นสุดการเป็นมนุษย์.เพราะฉนั้นถ้า
เราเห็นใครก็ตามที่มีเหตุแบบไม่มีเงาหัว ให้คาดคะเนไว้ก่อน
ได้เลยว่าจะต้องสิ้นสุดความเป็นมนุษย์ต่ำลงไปครับ..
ปล.ถือว่าอ่านไว้เล่นๆแล้วกันครับ..ไม่มีอะไรหรอกครับ.

 

ตามคุณ nopphakan บอก ยมทูตจะมาตอนที่ก้ำกึ่งอยู่ระหว่างจะไปดีกับชั่วใช่ไหมครับ (เผื่อจะเปลี่ยนใจได้ตอนท้าย) กับ บาปหนัก (ยังไงก็ต้องไปนรก)

ของหนังผีไทยชอบมีฉาก ตอนอวสานที่พวกผีร้ายถูกพวกยมทูติมารุม ลากเอาตัวไป อิๆ ของจริงไม่รู้เป็นยังไงนะครับ แต่ที่เคยอ่านประวัติหลวงปู่จันทร์ เขมิโย ที่นครพนม มียมทูตมาตามตัวเณรที่วัด บอกว่า เณรหนีนรกมาเกิด ต้องเอากลับไป เรื่องนั้นก็ถือว่าเป็นหน้าที่เหมือนตำรวจ ตามผู้ร้ายแหกคุกครับ หลวงปู่จันทร์ต่อรองก็ไม่เป็นผล เพราะยมทูติก็เหมือนเจ้าหน้าที่ทำตามกฎแห่งกรรมครับ

 

หน้าที่ยมทูตตามที่เข้าใจถูกแล้วคับ
มีบ้างที่จับผิด เช่นคุณย่าหง่อมผม ตายไป๒ชั่วโมง
ดีว่าสมัยก่อนไม่มีการฉีดยาเหมือนสมัยนี้หลังจากเสียชีวิต
เลยมีโอกาศอยู่ทำบุญได้อีก ๒๐ ปี
ส่วนท่านพ่อพญายมฯนั้น
ที่จะมาในกรณีที่บุคคลนั้นจะสามารถสร้างบารมี สร้าง
ความดีต่อได้ และมักจะเป็นบุคคลที่เข้าถึงสมาธิระดับสูงได้
มีความสามารถทางจิตดีด้วยครับ
ในห้องผีๆก็มีครับ คนที่ชอบเล่าประสบการณ์ทางภพภูมิ
เป็นตอนๆแล้วก็ชวนคนทำบุญด้วย บุคลิกอาจเหมือนศิลปินร็อคเล็กน้อย
แต่ตอนนี้เงียบๆไป
อีกคนหนึ่งตั้งกระทู้อยู่ในห้องกฎแห่งกรรม กระทู้เกี่ยว
กับท่านพ่อพญายมนี่หละครับ โดยปกติถ้าเราเป็นนักปฎิบัติ
ที่พอจะสามารถท่องเที่ยวแบบพิเศษได้ หรือพอสัมผัสภพภูมิได้
มักจะต้องได้พบได้เจอ
เป็นปกติครับ ขึ้นอยู่จะเจอแบบไหน แต่ประเภทปฎิบัติมานาน
เจอแต่ระดับเดิมๆ เจอแต่ระดับสูงๆ ให้มองสิ่งที่ตนเห็นด้วยกำลังสติทางธรรม
ที่สร้างจากการเจริญสติให้นานที่สุดครับ
อาจจะทำให้ได้พบความจริง จะได้ไม่เสียเวลา
ในการพัฒนายกระดับจิตตัวเองครับ
ปล.เล่าให้ฟังเล่นๆครับและส่วนตัวไม่ได้เป็น
เหมือนอย่าง ๒ ท่านที่ได้กล่าวถึงครับ

 

คุณ nopphakan รบกวนช่วยไปตอบ คำถามเรื่อง
พ่อผมในกระทู้ข้างล่างหน่อยครับ คนฝันเห็นพ่อใส่ชุดขาว ผมดำไม่ขาวเหมือนในรูป
ที่ชี้ให้คนฝันเห็นดู