ขอถามท่านที่ได้ฌานน่ะ ทำไมเวลามีไรกับแฟน.....

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nataphat, 13 ตุลาคม 2014.

  1. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    ขอถามท่านที่ได้ฌานน่ะ(ได้ไม่ได้ไม่เป็นไรพูดงี้คนได้จะไม่ตอบ เอาท่านที่เข้าใจในฌานก็ได้ ที่ครูบาอาจารย์ที่ท่านเข้าใจท่านทำได้บอกมาก็ได้) ขอประสบการณ์ตรงอ้างหลักฐานหน่อยก็ดี ทำไมเวลามีอะไรกับแฟนหรือ ช่วยตัวเอง คือไม่อยากถามเลยแต่ถามหน่อยเหอะขอโทษคับอายเหมือนกัน เออคือทำไมมโนอิทธิหรือฤทธิ์ ทางใจมันเสื่อมๆถึงขั้นดับไปพักหนึ่งเลยไปสักพักก็กลับคืน คือทำไมมันเสื่อม แล้วอารมสมาธิลึกๆระดับฌานสมาบัติ คือเลยอุปจารสมาธิมันเข้าไม่ค่อยได้ อ่าครับคือ มันต้องรวบรวมตบะนานมากๆหลักหลายวันถึงได้ ได้ก็ไม่เท่าเดิม มันคืออ่ารัยพวกคาถาอาคมก็ใช้ไม่ได้พังหมดทำไมๆๆๆ สมัยเด็กๆเรื่องพวกนี้ไม่รู้ อยู่กับโลกแล้วโลกมันนำพา คือเหตุผลคือไรมันถึงเสื่อม แล้วทำไงดีให้มันปกติ แล้วเลิกไงครับ คือจะต้องอยู่แบบไม่มีลูกมีเมียหรอครับ จะว่านิวรณ์ห้า ก็ต้อนเข้าสมาธิ ผมก็ระงับครบแล้ว แต่ไมมันไม่เท่าเดิม แต่ตอนที่ ปล่อยอารม อ่ะอันนี้พอเข้าใจว่ามันเสื่อมได้ไงเพราะแพ้นิวรณ์ แต่อีกตอนเลิกสิจะทำฌานสิ ไมมันทำมะได้อ่า เวรกรรม ไม่น่าเลยกู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ตุลาคม 2014
  2. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,631
    การเข้าสมาธิหรือใช้อภิญญานั้นอยู่ที่ความคล่องตัว และความมั่นใจครับ
    ผมเองก็สังเกตุเหมือนกัน หลังจากที่เราตามใจกิเลสแล้ว กว่าจะทำสมาธิให้ได้เหมือนเดิมก็ต้องใช้เวลานานพอดู และไม่ค่อยจะเหมือนเดิมเท่าไหร่
    ดูเหมือนมันจะขาดความเข้มแข็งไปทีละนิดๆทุกครั้งหลังจากที่ได้ตามใจกิเลสแล้ว

    กรณีนี้เหมือนกับเรื่อง ตาอินเทวดา เลยครับ
    แต่อันนี้เขาคล่องตัวมาก เลยใช้อภิญญาได้ทุกเวลาที่ต้อง แม้จะผิดศีลก็ตาม
    แต่เวลาใช้อภิญญาเขามีศีลครบ เลยใช้ได้ ลองอ่านดูนะครับ

    ตาอินเทวดา

    พระอาจารย์ เล่าเรื่องอภิญญาให้ฟังว่า "ตาอินเทวดา ไปยืมเงินคนนั้นคนนี้มากินเหล้า ยืมแล้วก็ไม่ใช้คืนสักที เจ้าหนี้เจอหน้าก็เข้ามากระชากแขนตาอิน ปรากฏว่าแขนตาอินหลุดติดมือ เจ้าหนี้ก็ตกใจวิ่งหนี ทิ้งแขนตาอินไว้ คนอื่นเห็นตาอินเดินไปเก็บแขน ซึ่งกลายเป็นผ้าขาวม้าพาดบ่า เดินหัวเราะหึๆ ไป

    เรื่องตาอินเทวดามีวีรกรรมเยอะ เห็นชัดๆ เลยว่าเป็น อภิญญาโลกีย์ เพราะว่าแกกินเหล้าเป็นปกติ แบบเดียว อาจารย์ศุข ถึงเวลาก็ไปซื้อเหล้ากิน สั่งเจ๊กซื้อเหล้าชามหนึ่ง นั่งกินกับเพื่อนอยู่ครึ่งค่อนคืน กินจนเมาหัวทิ่มบ่อแล้วก็กลับ เจ๊กก็สงสัยว่าตาอินกินได้อย่างไร เหล้าชามเดียวกินได้ครึ่งค่อนคืน พอไปดูที่ไหนได้ เหล้าในร้านหมดไปเป็นไหเลย..!"

    ถาม : แล้วเขาใช้อภิญญาได้อย่างไรในเมื่อศีลไม่ครบ ?

    ตอบ : ตอนแกใช้อภิญญาศีลครบ ตอนที่แกกินเหล้าแกไม่ได้ใช้ วันดีคืนดีก็บอกชาวบ้านว่า “อยากเห็นเทวดาไหม ?” ชาวบ้านก็บอกอยากเห็น แกก็ให้เอาผ้ามาคนละผืน "เดี๋ยวข้าต่อผ้าแล้วจะขึ้นไปเรียกเทวดามาให้ดู" ชาวบ้านก็เอาผ้ามาคนละผืน ผ้าขาวม้าบ้าง ผ้าดิบบ้าง มัดต่อๆ กัน

    ตาอินแกมัดแล้วตัวแกลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดผ้า แกก็ตะโกนเรียก “เทวดาโว้ย..!” ก็มีเสียงตอบมาว่า "โว้ย..!" ตาอินพูดต่อ “ชาวบ้านเขาอยากเห็น..โผล่มาให้เขาดูหน่อย” โอ้โห..โผล่มาตามกลีบเมฆเต็มเลย ชาวบ้านกำลังดูเพลินๆ ตาอินกระตุกผ้าผลุบ เหมือนกับว่าวหลุดลอยหายไปเลย ชาวบ้านก็ตายละหว่า..ตาอินไปไหน ? แต่ไม่กลัวหรอกว่าตาอินจะเป็นอะไร เพราะว่าแกเก่ง น่าจะขึ้นไปคุยกับเทวดาข้างบนกระมัง ? แต่ที่ไหนได้..เถ้าแก่โรงจำนำเห็นตาอินหอบผ้ามาจำนำเยอะแยะเลย แล้วตาอินก็เอาเงินไปซื้อเหล้ากินต่อ

    ถาม : เป็นเรื่องสมัยไหนครับ ?

    ตอบ : สมัยรัชกาลที่ ๓

    ถาม : สมัยนี้ยังมีอย่างนี้ไหมครับ?

    ตอบ : มี..แต่โผล่มาไม่ค่อยได้หรอก โผล่มาทีไรก็โดนรุมตอมหึ่ง สรุปแล้วผ้าคนละผืนเป็นค่าดู ให้ตาอินจำนำเอาเงินไปกินเหล้า

    ถาม : ตอนใช้อภิญญา อยู่ที่กำลังใจอย่างเดียวเลยหรือครับ?

    ตอบ : อยู่ที่ความมั่นใจของเราและความคล่องตัวของสมาธิ ถ้าหากว่ามีความคล่องตัว มีความมั่นใจ จะใช้อภิญญาเมื่อไรก็ได้

    ถาม : อย่างนี้ก็อยู่ที่ตัวมั่นใจแต่ละคนสิครับ?

    ตอบ : ใช่..ซักซ้อมให้คล่องตัว ไม่อย่างนั้นต้องตั้งหลักกันนาน ถ้าตั้งหลักนานไม่ใช่อภิญญาหรอก อภิญญาไม่ต้องตั้งหลัก แค่คิดก็เป็นแล้ว

    ถาม : (ไม่ได้ยิน)

    ตอบ : ถ้าหากว่าผิดศีลก็เสื่อม หลังจากนั้นเขาก็รวบรวมกำลังใจได้ใหม่ เพราะผิดจนชิน พวกนี้จะหน้าด้าน พอผิดจนชินถึงเวลาก็รู้นี่ ถ้าหากว่าศีลบริสุทธิ์ก็ทำได้ เขาก็ตั้งใจว่าตอนนี้ศีลของเราบริสุทธิ์ ก็ทำได้เดี๋ยวนั้นเลย

    ถาม : (ไม่ได้ยิน)

    ตอบ : อย่างน้อยๆ ช่วงที่เขาทำได้ กำลังใจเขาก็สะอาด แล้วอีกอย่างพวกนี้พอตอนช่วงหลังๆ ก็มาอยู่ในศีลกินในธรรมกันหมด แรกๆ ก็ประเภทร้อนวิชา เฮี้ยนไปอย่างนั้นเอง พอถึงเวลา "ท่าน" ที่ควบคุมอยู่เล่นเอาหนักๆ ก็ต้องเลิกไปเอง

    ถาม : คนสมัยก่อนกับคนสมัยนี้ใครมีอภิญญามากกว่ากัน ?

    ตอบ : สมัยก่อนสภาพจิตของเขาสงบง่ายกว่า สังเกตดูรุ่นปู่ย่าตาทวดของเราสิ อยู่ในศีลกินในธรรม สวดมนต์ไหว้พระ ทำบุญเข้าวัดเข้าวาเป็นประจำ ในเมื่อจิตเย็น สงบ สมาธิก็เกิดได้ง่าย วิสัยเดิมถ้ามีมาในด้านอภิญญาก็จะโผล่มาเอง

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๕
    ที่มา http://palungjit.org

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2014
  3. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    เออ อันนั้นเค้าได้วสีอ่ะผมไม่ได้อ่ะ แล้วผมเลิกตามใจกิเลสไม่ได้อ่าดิทำไงอ่ะ ถามตาอินให้หน่อย ไอ้เหล้าไม่เท่าไรหรอกคนที่เจริญสติขนาดนั้นเค้า กินก็เมาน้อยคือจิตมันเหนือกาย แต่ไอ้กามราคะนี้ มันอีกแบบน่ะท่าน ผมกินน้ำหมักรักษาโรค เมามันก็ไม่เป็นน่ะ ทำไงอ่ามั่นใจหรอ คือ มันขุดอารมในใจที่มันเคยมีอยู่นั้นอ่า มันหายไปเลย อารมนั้นอ่ะคือ ยังไงบอกไม่ถูกคือารมที่มันใช้ มันหายไปจากใจ จะหามาจากไหนนี้คือประเด็น
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เออ จขกท กาม ไม่ใช่กิเลส ตัวขวางสมาธิ ฌาน หรือไงครับ

    เสพกาม ก็ย่อมขวางเป็นธรรมดาครับ พูดอย่างกับว่า เข้าฌานเป็นเปิดปิดไฟ อยากใช้ฌาม ก็เปิดไฟ พอปิดไฟ ก็เสพกาม อย่างนั้นหรอ เหอๆ

    อยากให้มันปรกติ ก็ต้องรักษาใจ จิต ก็คือศีลเป็นปรกติของใจ ครับ

    ทรงอารมณ์แค่ปฐมฌานขึ้นไปตลอดเวลา กิเลส นิวรณ์5 ก็เกิดไม่ได้ครับ

    ที่มันเกิดได้ มีอารมณ์ได้ก็เพราะปล่อยจิต ปล่อยใจ ไม่ดูแล ให้กิเลสเกิดอยากเสพกามเอง

    พอเสพกาม เพราะไม่รักษาใจ เวลาจะปฏิบัติ มันก็ต้องไปตั้งอารมณ์สมาธิใหม่ กว่าสมาธิ นั้นเองคับ



    เคยต้มน้ำไหม กว่าน้ำจะเดือด มันก็ต้องการเวลา ถึงจุดของมัน ครับ

    ไม่ใช่ว่า ตัวเองตั้งน้ำปุบ จะให้น้ำเดือดทันที เพราะเราตั้งน้ำเปิดไฟแล้วนะ


    การที่จะทรงฌานให้ได้ตามใจ มันก็ต้องรักษาใจ ทรงอารมณ์สมาธิฌาน เป็นปรกติตลอดเวลาครับ
    ก็เหมือนกับว่า เรารักษาน้ำให้มีความร้อนอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ปล่อยให้น้ำเย็นนั้นเองครับ

    .
     
  5. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    แล้วงี้ก็ต้องอยู่โสดเลยไหมอ่าครับคือผมคิดไม่ตกมาก ว่าจะทำไงกะชีวิต
     
  6. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ฌานคือสมาธิระดับลึก จิตนิ่งถึงจะเข้าได้
    ทีนี้ ไปช่วยตัวเอง ก่อนจะช่วยได้เนี่ย มันเกิดราคะ
    มันเกิดความหมกมุ่นในกามารมณ์อยู่ก่อนแล้ว
    สมาธิมันเสียอยู่แต่แรกแล้ว
    จิตที่ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะมีราคะ
    นั้นเข้าสมถะได้ยาก แต่เป็นประโยชน์ต่อวิปัสสนา
    การแก้ไขเป็นไปได้ 2 แบบ
    หากเลือกที่จะสนองตัณหาเพื่อให้มันจบๆ ดับอารมณ์ไป
    ก็จะเป็นเพียงชั่วครู่ชั่วคราว ไม่นานราคะก็จะเกิดอีก
    หากแต่ใช้การฝึกดูจิต สติปัฏฐาน อดทนอดกลั้น จนเข้าใจและปล่อยวางได้ ( ซึ่งใช้เวลานานมาก )
    เมื่อนั้น เมื่อจิตที่รู้เท่าทันกามาคุณ 5 รู้เท่าทันราคะ อดทนต่อแรงยั่วยุได้
    เมื่อนั้นปัจจัยให้เสื่อมจากฌานไม่มีอยู่อีกต่อไป

    ความคิดที่สะกัดกั้นฌานอีกอย่างก็คือ การขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เกิดความกังวล ไม่แน่ใจว่าจะเข้าฌานได้
    ราคะเป็นข้าศึกของฌานโดยตรง สมณะจึงต้องตัดราคะทิ้งไปเลย
     
  7. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,631
    ถ้าต้องเข้าฌานให้ได้ตามที่ต้องการทุกเวลา ก็มีแต่ต้องฝึกเข้าฌานออกฌานจนคล่องตัวได้เท่านั้นครับ

    ถ้าอยากจะลดกิเลส ก็ต้องทำความรู้สึกให้ใจเรายอมรับว่าร่างกายนี้มันเลว มันเป็นของสกปรก มันต้องการอะไรเราก็หาให้ แต่มันไม่เคยตามใจเราเลย มีแต่ทำให้ทุกข์ใจอยู่ทุกวัน มันเต็มไปด้วยความทุกข์ ถ้ามันเลวแบบนี้เราก็ไม่ต้องการมันอีก ขอเลิกคบกับร่างกายขัน 5 นี้ตลอดไป ตายเมื่อไหร่ขอไปนิพพาน ทำความรู้สึกแบบนี้บ่อยๆครับ จับเอา อสุภะกรรมฐานและกายานุสติกรรมฐาน เข้ามาพิจารณาคิดให้ใจเรายอมรับความเป็นจริงให้ได้ ทำทุกวันครับ แล้วใจเราจะค่อยๆสะอาดขึ้น สมาธิก็จะมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2014
  8. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    สงสัยต้องเข้าป่าอยู่เมืองคุยกับเพื่อนมันก็ชี้เฮ้ยดูนั้นๆสวยๆ นมๆ งี้เลยคือ อยู่ดีๆไม่มีไรหรอกแรกๆไม่เป็นไรหลังๆ มันไม่ไหว ใจแตก ไรนี้ ไม่เข้าใจทำไมโลกต้องมีผญ
    วิธีนี้รู้อ่า หากแต่ใช้การฝึกดูจิต สติปัฏฐาน อดทนอดกลั้น จนเข้าใจและปล่อยวางได้ ( ซึ่งใช้เวลานานมาก )
    เมื่อนั้น เมื่อจิตที่รู้เท่าทันกามาคุณ 5 รู้เท่าทันราคะ อดทนต่อแรงยั่วยุได้
    เมื่อนั้นปัจจัยให้เสื่อมจากฌานไม่มีอยู่อีกต่อไป แต่อดยากมากเลยถ้ายังอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้อายุผมยัง20นิดๆเองคือ มันอ่ารัยไม่เข้าใจตัวเอง ท่านพูดถูกมาก ต้องการให้ไอ้ความหื่นที่ค้างคาอยู่ในใจมันหายไป ไม่ต้องการให้มีมันทำไรไม่ถนัด แต่มันหายไปสัก7วันมันมาใหม่ เอาแบบอดทนเต็มที่เลย ได้สามเดือน กัวจะไปทำไรคนอื่นเค้าอ่าดิตานี้้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ตุลาคม 2014
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อดีต ส่งผลมาเป็นปัจจุบันในเวลานี้ครับ ปัจจุบันตอนนี้ ก็คือ อนาคต ครับ

    ดังนั้นตัวเองผลเป็นอย่างไรก็คือ อดีตที่ผ่านของตัวเองมานั้นเองครับ


    ถามว่าทำอย่างไรกับชีวิต ผมก็คงให้ไปมองดูตัวเองครับ

    เกิด แก่ เจ็บ ตาย


    ถามตัวเองดูครับ ติดสุข ติดกาม ละงับอารมณ์ กามไม่ได้หรือป่าวครับ
     
  10. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    คือต้องไม่มีครอบครัวหรอครับ คิดหนักผมยังอยากมีอยู่ มีทางอื่นอีกไหม

    ไฟที่มีเชื้อ มันก็มีโอกาสติด ต้องทำลายเชื้อไฟ อย่างงั้นสิน่ะ
     
  11. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ผมไม่ได้มีฌานอะไรที่คุณว่าหรอกนะครับ แต่ขอตอบตามหลักฐานที่พบ
    ก็คือถ้าคุณเสพกาม โดยเฉพาะทางเพศเมื่อไร ไอ่ฤทธิ์อะไรที่ว่า ๆ ที่เคยมีจะเสื่อมทันทีครับ
    ต้องเป็นพรหมจรรย์เท่านั้นครับ ถึงจะมีฤทธิ์แรง ๆ

    มันเหมือนกับว่าเราต้องสะสมตบะให้มันเยอะ ๆ พอมันเยอะจนถึงจุดหนึ่ง ก็จะมีฤทธิ์ที่ว่า
    ที่แล้วแต่ แต่ละคนจะมี ถ้าระหว่างนี้ เราไปเล่นเ..็กสะก่อน ไม่ต้องถึงขั้นสอดใส่ แค่ช่วยตัวเอง
    หรือจิตหมกหมุน ก็ไอ่ตบะที่สะสมมา ก็ต้องเริ่มต้นสะสมใหม่
    เหมือนต้องเริ่มนับ 1 ใหม่เลยนะ!

    เหมือนเราเอาไม้มาเสียดสีให้มันเกิดความร้อน ถ้ามันถึงจุดหนึ่ง มันก็จะเกิดไฟขึ้นมา
    แต่ถ้าเราหยุดกลางคัน พักแค่แปปเดียว ถ้าเราถูใหม่ เราต้องถูใหม่ตั้งแต่ต้น

    ส่วนหลักฐานที่อ้างอิง คือ จากไตรปิฏกบทหนึ่ง (ขอโทษนะ จำชื่อไม่ได้จริง ๆ ใครรู้ก็ยกมาละกัน จำได้คร่าว ๆ นะคับ)

    สมัยหนึ่งมีพระภิกษุรูปหนึ่ง เกิดความกำหนัดกระสันมาก จนแทบอยากสึกเลย
    เมื่อได้พบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ดูก่อน ขึ้นชื่อว่ากามแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
    ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แม้แต่เรา ในอดีตชาติก็เคยประสบภัยจากกามมาแล้ว
    จึงยกเอาชาดกเรื่องหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว อ๊ากกก) เป็นเกี่ยวกับนก หรือหงษ์อะไรนี้แหละ
    แบบว่า เป็นนกบำเพ็ญ อยู่ในป่าหิมพานต์ แล้วพระราชาอยู่ดี ๆ ก็อยากหนุ่มหรือเป็นอมตะอะไรนี้แหละ แล้วก็ลือกันว่าได้กินเนื้อของนกตัวนั้นจะเป็นอมตะ เลยไปตามล่านกตัวนั้น
    ส่วนนกตัวนั้น ก็สวดมนต์กันภัยทุกครั้งตอนเช้า + บำเพ็ญสมาธิด้วย
    จึงทำให้รอดจากบ่วงนายพราน แล้วก็ไม่มีใครจับได้เลย จนกระทั่งพระราชาตาย
    แล้วก็บันทึกกันต่อ ๆ มา จนลูกหลานเหลนโหลน ก็ไปตามไล่จับ แต่ก็ไม่มีใครจับได้
    จนกระทั่งตายกันไป 7 ชั่วโครต!!
    สุดท้าย เหมือนมีนายพรานคนหนึ่งสงสัยว่าทำไม นกตัวนี้ถึงรอดทุกครั้ง เลยไปแอบดู
    ก็เลยเห็นพฤติกรรมนกนี้มีการสวด เขาก็เลยเอานกสาวมาล่อ
    พอเอานกสาวมาล่อเท่านั้นแหละ นกโพธิสัตว์ ถึงขั้นตบะแตกเลย
    พอตบะแตก ทุกอย่างก็ฟุ้งไปหมด สวดอะไรก็ไม่ได้สวด สุดท้ายก็เลยติดบ่วง
    นายพรานจับได้ก็เห็นถึง นกตัวนี้หนีภัยได้ตลอด แต่พอเจอนกสาวกลับติดภัย
    ครั้งแรกในรอบ 7 ชั่วโครต - - ก็วันนี้แหละ สุดท้ายก็ปล่อยไป
    นกนั้นก็เหมือนจะสอนอะไรให้นายพรานสักอย่าง แล้วก็บินไปอยู่ที่เดิม
    แล้วก็บำเพ็ญต่อไป รักษาความเป็นพรหมจรรย์แล้ว พอตายก็ไปเกิดใน พรหมโลก
    นกตัวนั้น ก็คือ พระพุทธเจ้านั้นเอง
    จบชาดกนี้ พระดังกล่าวเหมือนจะไม่สึก แล้วก็ได้อะไรสักอย่าง ไม่แน่ใจว่า อรหันตตผลหรือเปล่า

    อีกเรื่องหนึ่งคือ ฤาษีเหาะได้ เหาะไปมาระหว่างเมืองกับป่าหิมพานต์มาแสดงธรรมให้พระราชา
    มีอยู่วันหนึ่ง บังเอิญเหาะมาตอนที่พระมเหสีกำลังเปลือยอกอยู่ พอเห็นเข้าอย่างจัง
    ฤาษีถึงขั้นฤิทธิ์เสื่อมทันที จากตอนแรกเหาะมา ตอนกลับต้องเดินกลับ
    แล้วก็เพ้อถึงนางทุกวันจนไข้ขึ้น พระราชาเลยถามว่าเป็นอะไร ฤาษีบอกคิดถึงนางคนนั้น
    พระราชาเลยจะยกพระมเหสีให้ ฤาษีดีใจรีบนำมเหสีไปที่เรือน พร้อมกับขนเตียง ขนอะไรเต็มไปหมด ชาวบ้านต่างพากันมอง พากันติเตียน สุดท้ายมเหสีบอก ท่านเป็นพราหมณ์มิใช่หรือ?
    เท่านั้นแหละ ฤาษีก็ได้สติ หลังจากนั้นฤทธิ์ก็กลับมา แล้วก็เหาะไปอยู่ป่าหิมพานต์ บำเพ็ญ ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
    ฤาษีตนนั้น ก็คือพระพุทธเจ้าเช่นกัน

    สรุปคือถ้าจะเอาฤทธิ์แรง ๆ ต้องครองพรหมจรรย์เท่านั้น
    ถ้าหลุดเมื่อไร ฤทธิ์ก็เสื่อมคับ
    ถ้าลองไปดูผู้เฒ่า ผู้แก่ ที่เขามีวิชา มีคาถา เขาจะมีข้อห้ามเยอะมาก
    ห้ามลอดใต้ถุนสูง ที่มีของสกปรก ฯลฯ
    อะไรแบบนี้ ลองไปสืบค้นข้อมูลดูก็ได้คับ



     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ไม่ใช่พระอริยเจ้า อย่าหวังว่าจะทำลายเชื้อไฟ กิเลส ได้หรอกครับ ฝันไปนะ


    ครอบครัว จะมี หรือ ไม่มี ตัวเองเป็นผู้ตัดสินใจเองครับ ไม่เกี่ยวกับครอบครัวหรอกครับ

    แต่มันเกี่ยวกับ กิเลส กาม ในใจตัวเอง ครับ

    .
     
  13. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    เลิกสนใจ เลิกฟุ้งซ่านเรื่องอยากได้ฌาน อยากได้คุณวิเศษ
    ใช้ชีวิตทางโลก ทำตนให้เป็นคนดี ระงับกิเลสให้ได้ตามวาระ ( รักษาศีล 5 )
    แค่นี้ก็พอแล้ว ถามหน่อยว่า จะเอาฌานไปทำไม จะมีเมียหรือจะเอาฌาน มีเมียไม่มีฌาน มีฌานไม่มีเมีย แต่ถ้าสมาธิระดับที่ญาณน่ะมีเมียก็มีได้ เอาไง เลือกๆ จะเอาฌานน่ะ อยากจะเหาะได้เลยหรือ ถ้าจะเอาแค่เห็นผีเห็นกรรม ไม่ต้องไปเคร่งถึงระดับฌานหรอกครับ
     
  14. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    ถามสั้นๆ มีลูกมีเมียได้ม่ะ
     
  15. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    แค่เสียดายน่ะ ความดีทีสะสมมาจะมลายหายไปในฉับพัน แต่ผมทิ้งหน้าที่ไม่ได้คงต้องเลือกเอาสักทางใช้ไหม ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ
     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ลองถามตัวเองนะ แล้วเห็นคนที่ไม่มีลูก ไม่มีเมีย แล้ว จะทรงฌานได้ทุกคนไหมนะ

    มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับครอบครัว หรือ ลูก เมีย หรอกครับ

    แต่มันขึ้นอยู่ที่ ใจ ใจของตัวเองครับ สำเร็จด้วยใจ ครับ


    ตอบให้ก็ได้สั้นๆ ไม่มีลูก ไม่มีเมีย แล้วใจ ตัวเอง ไม่เกิดกิเลส ไม่เกิดกาม ไม่เสพกาม หรือป่าวละครับ
    ละเจอคนที่ไม่เสพกาม แล้ว ทรงฌาน ทรงสมาธิ ได้ทุกคน เป็นทุกคนไหมละครับ
    .
     
  17. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ถ้าคุณน้องปฏิบัติมาก ๆ จนถึงจุด ๆ หนึ่ง
    คุณน้องจะเริ่มปลีกวิเวกจากสังคม และคุณน้องจะคุยคนได้น้อยลงเอง
    อันเนื่องจากธรรมชาติของศีลและการปฏิบัติของคุณน้อง มันแตกต่างกับของเพื่อนมาก
    ทำให้คุณน้องคุยกับใครไม่ค่อยได้ เพราะคุยไปคุยมา ผิดศีลบ้าง คุยเรื่องหยาบบ้าง
    เป็นโทษทั้งตัวเราเอง และกับเพื่อนคุณน้องด้วย เพราะถ้าคุณน้องมีศีลมาก ๆ ศีลสูง ๆ
    ถ้าเพื่อนมันไม่รู้มาแกล้ง ๆ แหย่ ๆ นี้ มันโดนหนักเลยนะ

    สุดท้ายอยู่แบบสันโดษดีที่สุด ปลอดภัยทั้งตัวเองและผู้อื่น จะออกมาพบเฉพาะกิจเท่านั้น
    มันก็จะเป็นในลักษณะทำนองนี้แหละคับ

     
  18. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +2,077
    สมาธิหรือฌานสมาบัติ มันเป็นโรคขี้กลัวคนอยาก มันมักรังเกลียดคนที่อยากได้มันมาเชย
    ชื่น มันเห็นคนที่อยากได้มันแล้วมันหายจ้อยครับ แต่กลับส่งแขกไม่ได้รับเชิญ คุณฟุ้งซ่าน
    เข้ามาแทนครับ น่ากลัวมากเลยนะนี่ความอยาก สมาธิก็เข้าไม่ได้แถมมีคุณฟุ้งซ่านมาเป็น
    พี่เลี้ยงสปอนเซอร์เฮียใหญ่ค่อยติดหนึบเกาะตามเป็นเงาอีก แบบนี้ก็แย่เลย
     
  19. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    อยู่ที่ว่าจะเอาระดับไหน
    ถ้าจะเอาระดับ เบสิค คือ ระดับ ฆราวาส ก็มีได้คับ
    ก็คือ ถือศีล 5 ทำกุศลกรรม 10 แล้วก็อุโบสถศีลต่อเนื่อง
    แล้วก็นั่งสมาธิ สะสมไป

    ถ้าระดับแอดวานส คือ พรหมจรรย์ บรรพชิต
    อันนี้เขาให้วางทุกอย่าง คือถ้ามีก็ต้องวาง แล้วปลีกตัวมาอยู่ในเพศบรรพชิต
    ถ้าไม่มีก็โชคดีไป เพราะไม่มีห่วง

    อยู่ที่ว่าเราจะตั้งเป้าหมายของเราในระดับไหน ถ้ายังอยากเกิดอยู่
    ก็เอาระดับเบสิคให้แน่น ๆ คือถ้าจะได้ไปเกิดใหม่
    ก็ให้มันอยู่ในวงของมนุษย์ สวรรค์ ตระกูลรวย อะไรแบบนี้
    ถ้าจะเอาเลยนิพพานชาตินี้ ก็ไปเลยแอดวาสน วิ่งเส้นบรรพชิตเลย ส่วนได้ไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง

    ก็มาดูว่าตัวเองมีกำลังแค่ไหน พร้อมขนาดไหน ทำตามความพร้อมก็จะดีที่สุด
    จะได้ไม่ต้องทรมานตัวเอง เพราะถ้าไม่พร้อมจะเป็นบรรพชิตแล้วไป
    แทนที่จะได้บุญเยอะ อาจได้บาป เพราะนอกจากจะทำไม่ได้ ก็อาจจะกลายเป็นว่า
    ผิดศีล โน้น นั้น นี้ แล้วยังเป็นการทรมานตัวเอง คือ อยู่ในร่มเงาศาสนาแทนที่จะสงบ
    กับร้อนรุ่มเป็นไฟ เพราะอะไร เพราะว่ามันเกินกำลังเกินไป มันยังไม่พร้อม
    ก็ไปสะสมแต้มของฆราวาสให้ได้เยอะ ๆ ก่อน จนจิตพร้อมจะพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่อไป
    ถึงค่อยข้าม เขาเรียกว่าเดินช้า ๆ แต่ไม่ล้ม ก็จะจบแบบสวยงาม

    อีกอย่าง เรื่องของกาม อย่าไปกดมันมาก กดตามแต่พอสมควร
    เพราะถ้าไปข่มมันมาก
    ระวังเจอมันปล่อยพลังเข้าให้ แล้วจะช๊อคนะ
    ยกตัวอย่าง เช่น...
    เหมือนหมีจำศีล พอมันออกจากถ้ำมา มันก็หิวกระหาย ขั้นรุนแรง!
    คือสัตว์ทุกชนิดในป่า ต้องหลีกทาง
    ก็เหมือนกับการข่มกามของเรา บางทีข่มมากไป พอหลังจากออกจากการข่ม
    มันก็แสดงพลังด้วยการทำให้เรากลายเป็นคนหิวกระหายที่รุนแรงมากกว่าเดิม
    เพราะฉะนั้น ต้องทำตามกำลังของเรา แต่พอดี จนกว่าเราจะชำนาญจริง ๆ


     
  20. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    โลกียฌาน มันมีเสื่อมเป็นธรรมดาครับ ถ้าไม่อยากให้เสื่อมต้องเปลี่ยนโลกียฌานที่มีอยู่ให้เป็นโลกุตตรฌาณ...

    ถ้ายังมีเสื่อมก็ถือว่าดีอย่างหนึ่ง คือเป็นตัวบอกได้ชัดว่าตัวเองยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ไงครับ..ยังมีกิจที่ต้องทำอยู่...โดยเฉพาะในบางครั้งปฏิบัติไปสภาวะจิตที่ละเอียดจะแอบคิดว่าตัวเองอาจหลุดพ้นแล้ว ก็เอาไอ่ตัวนี้หละเป็นตัววัดได้อีกอย่าง...

    บางครั้งต้องมาพิจารณาในเรื่องของสังโยชน์ว่า กามราคะนี่ พระโสดาบันยังมีนะครับ พระโสดาบันยังมีครอบครัวได้ปกติ มาตัดเอาตรงพระอนาคามีครับ....

    สรุปรวมความคือถ้าคุณคิดว่าจะอยู่ในโลกนี้ต่อไปโดยไม่ได้หวังโลกุตตรในชาตินี้ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมีความสนใจว่าจะเสื่อมหรือไม่เสื่อม ขอทำอย่างไรให้ไม่ตกนรกเป็นพอ หรือ ถ้าอย่างดีก็ทรงคุณธรรมของพระโสดาบันเป็นแบบปฏิบัติให้ได้ไว้ก่อนครับ หากยังไม่ได้ ตายไปก็ยังมีเกียรติว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อพระโสดาบันปฏิมรรค ชื่อว่าไม่เสียชาติที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา.........

    สุดท้าย อย่าได้ประมาทว่าตอนนี้อายุยี่สิบนิดๆนะครับ เพราะว่าคุณอาจอยู่ไม่ถึงยี่สิบกลางๆก็เป็นได้..ลองคิดดูว่าถ้าตายวันนี้จะไปไหน..ทำอะไรเสร็จบ้างแล้วหรือยัง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...