อยากทำสมาธิ อยากเห็นวิญญาณ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Superwoman1, 8 ธันวาคม 2014.

  1. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    มีคนเคยบอกว่าเรามี sixth sense แต่เราไม่แน่ใจว่าจริงเหรอ เราอยากสัมผัสวิญญาณอยากสื่อสารด้วย อยากทำสมาธิได้นานกว่า 5 นาทีทำไงดี แล้วอะไรจะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเรากำลังอยู่ในสมาธิแล้วคะ ระหว่างอยู่ในสมาธินึกถึงพระพุทธรูปจะจับภาพท่านยังไงดีคะ หลายคำถามไปหน่อย. รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ :boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ธันวาคม 2014
  2. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    จบตั้งแต่เริ่มอยากเห็นแล้วจ้า ต้องละความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดก่อน

    ปลงสังขารจะช่วยได้มาก แล้วก็ขอบารมีพระพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์

    ถ้าทำสมาธิไม่ได้จะไม่เห็นหรือพร่ามัว ถ้ามีสมาธิจะเห็นชัด

    ส่วนการจับภาพพระพุทธรูปให้หลับตามอง ลืมตามอง สลับไปเรื่อยๆจนจำภาพได้

    แล้วหลับตาเห็นภาพพระในสมาธิ จากนั้นก็ฝึกไปตามระดับ


    แนะนำหมวดนี้ ละเอียดดี

    อภิญญา - สมาธิ - PaLungJit.org



    ปล. วิญญาณไม่ได้สวยงามจะดูไปทำไม เจอแต่น่ากลัวๆทั้งนั้น ต้องไปดูสวรรค์แล้วปฏิบัติให้ได้ขึ้นไปอยู่
     
  3. Despel2ado

    Despel2ado Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +72
    ตามที่คุณ naitiw บอกหละครับ เพราะคำว่าอยาก จะทำให้ไม่สำเร็จและไม่ได้ครับ แนะนำตามที่คุณ naitiw อีกละครับ ตามห้องนั้นเลยครับ มีหลายแบบหลายประเภท เลือกฝึกได้ตามใจชอบเลยครับ
     
  4. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    แล้วการที่เค้านั่งสมาธิกันนานๆเค้าทำได้งัยอยากทำได้บ้าง เวลาเราจะนั่งสมาธิ เรามักนึกภาพพระพุทธชินราชซ้อนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ใจนึกพุทโธ หลับตาปี๋เห็นแต่ความมืด นั่งได้ไม่นานกว่าห้านาที ท้อจัง ตอนเช้าเลยใช้วิธีสวดมนต์ระหว่างขับรถ บทสั้นๆปิดท้ายชุมนุมเทวดา. ทั้งหมดนี้จำได้ ระหว่างสวดมนต์ก็ให้ภาพพระไปอยู่ปลายจมูก แป๊บเดียวก็หลุดแระ. กลางคืนกว่าจะถึงบ้านทำงานเสร็จก็คลานแล้ว ก่อนนอนก็สวดมนต์ทุกคืน แต่นอนสวดนะคะเพราะเริ่มปวดหลังแล้ว. อยากทำได้แบบคนอื่นๆ
     
  5. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    ขอบคุณมากๆนะคะทั้งสองท่านที่ช่วยตอบ
     
  6. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ทำทุกวัน
    แค่นั้นแหละ
     
  7. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    การจับภาพพระเป็นการเอาจิตไว้จุดเดียว เมื่อเราเอาจิตไว้จุดเดียวได้นานสมองจะเริ่มคิดน้อยลง เพราะสมองมีหน้าที่ตีความข้อมูลที่เรารับเข้ามา เมื่อมันไม่มีข้อมูลเข้ามันก็จะหยุดตีความ และจะคิดย้อยลงเรื่อยๆ ระหว่างที่เรานึกภาพนิมิต บางครั้งก็อาจจะฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่น เมื่อรู้ตัวว่าคิดฟุ้งซ่านก็แค่มองความคิดให้มันเล่นภาพไปเหมือนดูละคร ผ่านมาแล้วผ่านไป ตอนแรกอาจจะฟุ้งซ่านนานเป็นนาที กว่าจะกลับมาได้ ก็ไม่ต้องท้อใจเพราะมันจะฟุ้งซ่านน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเราจดจ่ออยู่จุดเดียวได้นานๆ จิตเราจะดิ่งเข้าสมาธิได้ลึก แต่ถ้าจะฝึกมโนมยิทธิคงไม่ต้องเข้าสมาธิลึกมาก
     
  8. เวโรจนะ

    เวโรจนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +129
    ......เอ นอนสวดมนต์นี่จะเป็นลักษณะยังไงน้าาา
    นึกภาพไม่ออก อยากเห็น อิอิ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ตาเห็นได้เท่าที่ใจเห็นครับ..แต่เรามักจะเผลอไปความ
    สำคัญกับการ รู้การเห็นภายนอก.จนกระทั่งเผลอลืมไปว่า..
    ภายในนั้นไซร์..คือตัวแปรสำคัญไปสู่การเห็นภายนอกครับ....
    ดั่งคำว่าจิตเราในสภาวะปกติเป็นเช่นใด...
    เราก็จะมองเห็นภายนอกในสภาวะปกติได้เช่นนั้น...
    ใจเราอยู่ระดับใด..ภายในใจเราก็จะดึงดูดภายนอก
    ระดับเดียวกันเข้ามาได้ฉันนั้น...
    การเห็นมีทั้งเห็นจากภายนอก..
    และการเห็นได้จากภายใน..
    ตลอดจนเห็นได้ทั้งจากภายในและภายนอกร่วมกัน..
    และก็จำไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้ายังเห็นอะไรก็ตามเป็นรูป
    เป็นร่างได้.อย่างน้อยจิตก็ยังไม่พ้นสภาวะการปรุงแต่ง
    อย่างน้อยก็สัญญาความจำได้.แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
    อะไรแต่.ไม่ว่าจะเห็นอะไร.ก็อย่าไปให้ความสำคัญมาก
    ถ้ากำลังสติเรายังไม่ทราบได้ทันที..ให้ลืมและเลิกสนใจซะ.
    ไม่งั้นพวกความอยากอยู่ อยากเห็น อยากเข้าใจ ก็จะเป็น
    นามธรรมที่จะมาคอยปกปิดตัวจิตเราโดยที่ไม่รู้ตัวครับ
    แล้วเราก็มาเจริญสติต่อ ต่อไปก็จะเห็นนามธรรมตรงนี้ได้..
    แต่การเห็นนามธรรมได้..ใจเราก็ต้องเข้าใจ
    ในเรื่องนามธรรมเป็นทุนก่อน..

    ฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวันให้มันได้ต่อเนื่อง..
    เพื่อให้ตัวจิต.เค้าคลายออกจากความคิดต่างๆที่มันมาคอยบดบัง
    มาปิดบังจิตดวงนี้ไว้ ไม่ว่าจะความรู้ต่างๆที่ได้รับรู้มาบนโลกใบนี้..
    ไม่ว่าจะเรื่องมานะส่วนตนต่างๆ..เพื่อให้จิตเค้าคลายความคิดตรงนี้.
    ออกจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมต่างๆ
    (พวกสัญญาความจำได้ในอดีตต่างๆที่เรารับรู้มาจาก
    พวกเครื่องรับรู้ต่างๆไม่ว่าจะจากตาหู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    ที่ต่อมามันมาคอยปรุงแต่งร่วมกับจิตเรา
    ให้เรารู้สึกต่างๆนาๆ เช่น ดีใจ เสียใจ
    โกรธ ไม่พอใจ หงุดหงิด ฯลฯ
    บางคนเรียกว่า สัญญา วิญญาน สังขาร และเวทนา)
    พวกนี้ให้ได้ก่อน ซึ่งพวกนี้ล้วนแต่เป็นฝ่ายอารมย์เป็นฝ่ายนามธรรมครับ
    จึงจำเป็นต้องเจริญสติเพื่อที่จะเข้าถึงตรงนี้ได้....
    พอจิตเค้าคลายจากความคิดทางโลกต่างๆแล้วและคลายจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม
    ตรงนี้ได้แล้ว จิตก็จะสามารถเข้าสู่สภาวะที่เริ่มสงบจากการปรุงแต่งต่างๆ..
    และจะเริ่มเข้าสู่สภาวะเป็นกลางได้..และสามารถลงสู่สภาวะจิตว่างได้ตามลำดับ
    เมื่อใดที่จิตเข้าสู่สภาวะจิตว่างได้..ก็จะไม่มีสิ่งใดมายึดติดเกาะกับจิต หรือยึดเกาะ
    ก็จะน้อยมาก.ซึ่งไม่มีผลอะไรต่อสภาวะการรับรุ้ต่างๆ ที่เกิดจากภายในไปสู่ภายนอก
    หรือ ว่างพอที่จะรับรู้สิ่งต่างๆที่มาจากภายนอกได้ของมันเองอัตโนมัติครับ..
    หากว่าเรายังเจริญสติต่อเนื่องจนเห็น
    และเข้าใจฝ่ายนามธรรมต่างๆอย่างที่เล่าให้ฟังมาครับ
    เราอยู่กับร่วมกับสังคม อยู่ร่วมกับชาวโลก อยู่ร่วมกับ
    ธรรมชาติ อยู่ร่วมกับนามธรรมทั้งหลาย..
    ก็ควรต้องแยบยล ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ..
    ปล.ยิ่งเอาสิ่งต่างๆที่นามธรรมเป็นฝ่ายอารมย์ต่างๆที่มันคอย
    ปกปิดตัวจิตเรานี้ออกได้มาก

    และไม่ให้มีได้เท่าไร..เราก็จะยิ่งเห็นได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ
    ในสภาวะลืมตาปกติทั่วๆไปนี้หละครับ..แต่ถ้าอยากเห็นก่อนรู้ก่อน
    แบบพิเศษๆต่างๆที่อยู่ภายใต้บารมีที่เค้าสอนกันก็มี.
    แต่จะให้ดีควรสร้างการเห็นการรับรู้
    ต่างๆให้เกิดจากภายในเราเราเพื่อให้ออกไปสู่ภายนอก
    ไม่ควรไม่รับรู้ ไปดึงสิ่งต่างๆจากภายนอก เข้ามาสู่ภายใน
    ถึงจะพ้นสภาวะต่างๆที่มาปกปิดตัวจิตเราได้อย่างที่เราคาดไม่ถึงครับ..

    ปล.เล่าให้ฟังไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ..
     
  10. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    โดนแซวเลยอ่า
     
  11. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    ----
    ขอบคุณมากเลยค่ะที่ช่วยแนะนำ ฟังดูลึกซึ้งและยาก แต่คงต้องเริ่มต้นการเดินทางพันลี้ด้วยก้าวแรกให้ได้ทุกวันก่อนแม้จะเป็นวันละแค่ห้านาทีก็ตาม
     
  12. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    สมัยเด็กมากๆคุณยายชอบพาเราไปกราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ทำสมาธิ ไปบ่อยมาก เป่ายันต์เกราะเพชรก็ไป เห็นยายสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นประจำ มีชุมนุมเทวดาด้วยยังแซวยายเลยว่ามากันพรึ่บเลยมั้ยนี่ยายเล่นเชิญมาเพียบ... ยายชอบพูดกับพวกหลานอยู่เรื่อยๆว่ายายไม่อยู่บนโลกนี้นานนักหรอก พออายุ 64 ยายป่วยหนักเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ
    แม่เล่าว่าวันหนึ่งในเดือนตุลาคมของปีนั้น คุณยายขอให้แม่ไปหยิบปฏิทินที่แขวนข้างฝาไว้มาให้ยายที่เตียง จากนั้นก็ให้แม่เปิดข้ามเดือนเก่าๆจนถึงเดือนตุลาคม แม่เห็นตัวเลขชุดนึงเขียนด้วยปากกา สีหมึกจืดจางลงด้วยยายเขียนในนั้นมานานแล้วก่อนหน้านี้
    แล้วยายก็ขอให้แม่ไปหยิบหนังสือพิมพ์มาตรวจดูว่าถูกรางวัลอะไรมั้ย แม่ดูเลขท้ายสองตัว ไม่ถูก. สามตัวล่ะ ไม่โดน เหลือบดูรางวัลที่. 1 ป้าดเข้าให้ ใช่เลย
    แม่ถามยายว่าเกิดอะไรขึ้น. ยายตอบว่ายายเห็นตัวเลขชุดนี้มาตั้งนานแล้วและรู้ด้วยว่ามันเป็นตัวเลขที่จะออกวันไหน ตัวเลขมันมาในนิมิตเป็นสีทองๆลอยมาเลยประมาณนี้ แม่บ่นว่าทำไมไม่บอกหนู ยายตอบมันไม่ใช่ของๅเรา. อย่าเสียดายเลย ในวันทึ่ยายเห็นตัวเลข ยายอธิษฐานว่าจะขอนำตัวเลขไปเป็นตัวเช็คว่าการปฏิบัติของยายมาถูกทางรึเปล่าเท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ธันวาคม 2014
  13. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    ต่อมายายก็อาการหนักต้องเข้า icu ลูกๆทุกคนไปผลัดกันเฝ้าไข้ หลานอย่างเราก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง. ต่อมายายโดนเจาะคอแต่ยังสามารถสื่อสารกับแม่ได้ด้วยการนอนเขียนข้อความที่ต้องการสื่อสารผ่านสมุดเล่มเล็กๆเล่มนึง ส่วนใหญ่จะบอกให้แม่เอาเงินยายไปทำสังฆทานให้ ไม่กี่วันต่อมา อาการยายก็เพียบหนักถึงกับต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แม้กระนั้นยายก็ยังทำสมาธิเป็นประจำแม้จะป่วย

    เช้าวันนึง อาการยายดีขึ้นถึงขนาดถอดเครื่องช่วยหายใจได้ (ถ้าจำไม่ผิด แต่ยายยังโดนเจาะคออยู่) จากนั้นยายก็เขียนเล่าให้แม่ทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืนว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 เมษายน 2015
  14. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    เมื่อคืนยายเกือบตกนรก ดีที่หลวงพ่อปานมาช่วยไว้ แม่อ่านแล้วก็คิดว่ายายคงเพ้อจากอาการป่วยหนัก เลยไม่ถามต่อมากมาย พอตกบ่ายแม่ถามพยาบาลว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นบ้างรึเปล่าที่ห้อง icu. พยาบาลตอบว่าไม่มี. แต่เพื่อนพยาบาลอีกคนบอกว่าจะมีก็แต่ช่วงตีสอง ไฟฟ้าดับ ไฟฉุกเฉินที่ห้อง icu มาช้าไปแป๊บนึง (เครื่องช่วยหายใจของยายก็ไม่ทำงานแป๊บนึงด้วยสิ) มียายคนเดียวที่ใช้เครื่องช่วยหายใจที่ว่านี้ในห้องนั้น!
    แม่เล่าให้ยายทราบต่อมาเกี่ยวกับไฟดับ ยายบอกแม่ว่าเมื่อคืนยายประมาทไป เผลอหลับโดยไม่ได้ทำสมาธิ วันนั้นยายบอกให้แม่ไปปล่อยปลาจำนวนนึง แม่ลูกสั่งเสียกันนาน เหมือนใกล้จะเป็นวาระสุดท้ายแล้ว ...บ่ายแก่ๆของวันนั้นอาการยายก็ทรุดหนักลงไปอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ธันวาคม 2014
  15. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    ใกล้ๆบ่ายสี่โมง พระรูปนึงซึ่งเป็นเกลอของยายที่ต่างจังหวัดมาถึงโรงพยาบาล. พวกเราต่างแปลกใจที่ไม่เคยได้บอกข่าวกับพระว่ายายอยู่ที่ไหน ทำไมท่านจึงมาถูกที่ ท่านเข้าไปแตะคุณยายที่เตียงคนไข้พร้อมกล่าวว่า " โยมหมอ....(ชื่อยาย)...ไม่ต้องเกิดอีกต่อไปแล้วนะ" แล้วก็สวดมนต์ ส่วนลูกๆจับมือยายกระซิบบอกพุทโธๆตราบจนยายสิ้นลมหายใจ

    สรุปคือยายฝากฝังกับพระมานานแล้วให้เป็นธุระทำศพให้ยาย ลูกๆไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ที่สำคัญรถเก่าคร่ำคร่าของพระที่โดยสารมากรุงเทพดันเสียกลางทาง พระยังกังวลว่าอาจจะไปหายายไม่ทัน ท่านเล่าว่าซ่อมตั้งนานยังไม่สำเร็จ สักพักฟ้าร้อง ท่านมองเห็นยายบนก้อนเมฆเป็นลางดีเลยบอกลูกศิษย์สตาร์ตรถดูซิ ปรากฏว่าติด จากนั้นก็บึ่งจนมาถึงโรงพยาบาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ธันวาคม 2014
  16. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    อยากทำสมาธิให้ได้ดี

    ต้องเริ่มจากขั้นแรกเบสิคก่อนคือ การสวดมนต์ ครับ
    ลองสวดให้ได้นานอย่างน้อยครั้งละ 1 ชั่วโมง
    หรือไปสวดบทมหาจักพรรดิ 108 จบ โดยนับลูกประคำ

    ทำเช่นนี้บ่อยๆจิตจะทรงตัวได้ดี ทีนี้จะทำสมาธิง่ายขึ้นเยอะ
    แต่ขอบอกว่าทำสมาธิเพื่ออยากเห็นโน่นเห็นนี่...ไม่ใช่ นะครับ
    จะเจอแต่อุปาทานที่จิตเรายึดติดไว้ ปรุงแต่งจนได้รูปนั้นออกมา
    ไม่ใช่ของจริงที่เราอยากจะดู

    ฝึกขั้นพื้นฐานไปก่อน ขั้นต่อไปจะง่าย...
     
  17. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    วันที่เขาเผาศพคุณยาย เราก็ไปช่วยเก็บอัฐิยาย ซึ่งมีความใสเป็นแก้วแบบขวดน้ำอัดลม บางชิ้นเหมือนขวดสไปรท์ เราไม่แน่ใจเรื่องสีเพราะเหตุการณ์มันเนิ่นนานมาแล้ว แต่ที่แน่ๆกระดูกยายไม่เหมือนกระดูก...

    นับแต่วันที่ยายเสียจนถึงวันนี้ แทบไม่ค่อยมีใครฝันเห็นยายแม้จะอยากเห็นมากๆ ยกเว้นแม่ แม่คิดถึงคุณยายมาก แล้วแม่ก็ยังเป็นกังวลเรื่องลูกๆมากว่าคนนี้จะเอ็นท์ติดหมอมั้ย คนนั้นจะเข้าวิศวะได้มั้ย
    แล้วไอ้ลูกคนนั้นจะสอบเข้าเตรียมฯได้มั้ย ลูกคนเล็กจะเป็นงัย แล้วป๊าของฉันจะได้ย้ายเข้ามาจังหวัดใกล้กรุงเทพบ้างมั้ย ยายตอบแม่ในความฝันครั้งนั้นทุกเรื่อง สั้นๆแต่แม่นเป๊ะ เข้าใจว่าครั้งนั้นครั้งเดียวที่แม่ฝันถึงยายและได้พูดคุยกันยาวๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มกราคม 2015
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เรื่องพวกนี้อย่างคุณสามารถสัมผัสได้ไม่อยากครับ. ความสามารถทางการเห็นทางด้าน
    นามธรรมของคุณก็มี. กะแสจิตก็เชื่อมครูบาร์อาจารย์ก็มีคุณอาจพอรู้รู้บ้าง
    . ลักษณะเครื่องรู้แบบภายในก็มีคับ ก็แบบเดียวกับทางท่านที่มาช่วยคุณยายคุณเค้ามีกัน
    นั่นหละคับเพียงแต่ตอนนี้ตรงต่ำแหน่งที่จะออกไปเห็นนามธรรมมันหมุนวนอยู่ใต้ผิวหนังอยู่คับ
    เนื่องจากมันถูกกะแสความคิดจากสมองดึงมันไว้คับ มันเลยหมุนอย่างนั้น ไม่ทะลุผิวหนัง
    ออกไปข้างนอกเพื่อการเห็นทางด้านนามธรรมคับ.
    พอเข้าใจหรือยังไหมคับ ว่าทำไมส่วนตัวถึงแนะนำให้คุณเริ่มที่การเจริญสติ คุณควบคุม
    ความคิดตรงนี้ได้ แยกตรงนี้ได้ จะได้กำลังสติทางธรรรมขึ้นมา.ต่อไปจะนั่งสมาธิ
    จนขี้เกียจจะนั่ง ออกมาผ่านไปชั่วโมงไงรู้สึกเดี๋ยวเดียว ส่วนเรื่องการฝึกต่างๆ
    ของคุณต่อไปมันไม่ยากหรอกคับ มีข้างบนหนุนอยู่คับ
     
  19. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    นึกแล้วก็เสียดายที่ตอนยายมีชีวิตอยู่ เราได้แต่ตามยายไปวัดท่าซุงกะนั่งเป็นเพื่อนยาย แอบดูยายนั่งสมาธิ นั่งเองก็แป๊บเดียว แต่ตอนนั้นเรามันก็เด๊กเด็กเนอะ เสียดาย...พอโตมาหน่อย เราจำได้ว่าไปกราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำกับที่บ้านอยู่เรื่อยๆ ตอนนั้นป๊าเป็นข้าราชการอยู่นครสวรรค์ เวลาพวกเราเด็กๆถอดรองเท้าจะเข้าไปกราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านทักว่าพวกเทวดานางฟ้าตัวน้อยๆมาแล้ว แม่ของฉันน่ะเศรษฐีนีแต่อาตมาน่ะ เศรษฐีหนี้! :)

    มันอาจเป็นแค่คำพูดดีๆคำหนึ่ง แต่เรามองว่านี่คือคำมงคลแก่ชีวิตที่พระผู้ทรงอภิญญากล่าวทักทาย

    ในวันนี้ ทั้งยายทั้งท่านต่างสิ้นไปนานแล้ว แต่เรากลับยังยืนหัวโต หายใจอยู่ไปวันๆ เจ้ากรรมนายเวรก็มีอยู่เยอะ เราก็เบิกบุญอุทิศให้ทุกวัน แม้ชาตินี้เราทำบุญทำทานเยอะ แต่การปฏิบัติกลับไม่มีอะไรถึงไหน สมาธิก็นั่งได้สั้นกุดๆ ที่ชอบสวดชุมนุมเทวดาเพราะรู้สึก connect กับยาย ซึ่งเราเชื่อว่ายายน่าจะอยู่ในภพภูมิที่ดี เลยสวดมั่ง คิดแบบเด็กๆแค่นี้เอง ไม่เข้าท่าเลยเนอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ธันวาคม 2014
  20. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    --------------
    อ่านแล้วก็ร้องไห้ออกมาเลย.
    ที่คุณ nopphakan ตอบมาแม้พิสูจน์ไม่ได้ด้วยตัวเราเองในตอนนี้ แต่มันก็ให้กำลังใจมากมาย. ขอให้ความดีนี้สะท้อนกลับไปให้ท่านด้วยนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...