ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. zetaboo

    zetaboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +503
    ภัยพิบัติจะมาในคราวที่เราเผลอทุกครั้ง
    เจ้ากรรมและนายเวรรอเวลามาทวงคืน "กรรม" ที่มนุษย์ได้ก่อไว้
    พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ว่า
    " ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงอยู่โดยความไม่ประมาทเถิด"
    นั่นเอง พระองค์ทางสอนให้เรา "นิ่ง" และ "มีสติ" ตลอดเวลา

     
  2. zetaboo

    zetaboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +503
    <table id="post634909" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">30-07-2007, 10:47 PM <!-- / status icon and date --> </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #9 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> vanco <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_634909", true); </script>
    ทีม ตรวจทานพระไตรปิฏก
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:13 AM
    วันที่สมัคร: Feb 2007
    ข้อความ: 7,096 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 27,014 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 38,838 ครั้ง ใน 6,793 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 4590 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_634909" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- message -->
    ไฟบรรลัยกัลป์
    <table ,="" border="0" bordercolor="#000080" cellpadding="2" width="98%"><tbody><tr> <td style="line-height: 100%;" bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="12%">ผู้ถาม</td> <td style="line-height: 100%;" bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="88%"> "หลวงพ่อคะ ที่ว่ามีไฟบรรลัยกัลป์จะเกิดอย่างไรคะ....?" </td> </tr> <tr> <td style="line-height: 100%;" valign="top" width="12%">
    </td> <td style="line-height: 100%;" valign="top" width="88%">
    "ที่ว่าจะมีไฟบรรลัยกัลป์มา เพราะว่าคนมีจิตบาปมาก ศีล ๕ ทำไม่ค่อยจะครบ เช่นปาณาติบาตเป็นต้น อายุมันจะน้อยลงทุกที จนกระทั่งอายุถึง ๑๐ ปี เป็นอายุขัย ตอนนี้เกิดมิคสัญญี ไม่มีการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน จะรบราฆ่าฟันกันมากพระอาทิตย์ท่านรำคาญเต็มที่ โผล่มาทีละ ๒ ดวง ๓ ดวง ๔ ดวง ตายหมด ทีนี้ถึง ๗ ดวง น้ำในมหาสมุทรก็แห้ง ต้นไม้แห้งกรอบจัด ผลที่สุดเป็นไฟลุก ไฟไม่ได้ไหม้มาจากไหน อาศัยน้ำแห้ง ต้นไม้แห้งกรอบเต็มที่ ความร้อนหนัก ก็เกิดไฟลุกขึ้นก็ล้างกันเสียทีหนึ่ง
    ความจริงเรื่องรู้เลยตาย หรือรู้ก่อนเกิดนี้ ฉันเองก็ไม่ใคร่อยากจะพุด และไม่อยากจะเชื่อถือนัก เพราะดูแล้วมันเลยธงไม่น้อยเลย แต่มาอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง คนเขียนเขียนเรื่องรู้เลยตายและรู้ก่อนเกิดไว้มากมาย เช่น รู้ว่าเมื่อสิ้นศาสนานี้แล้ว ไฟบรรลัยกัลป์จะไหม้ถึงภควพรหม ดูเรื่องมันมากมายนัก ฉันสงสัยไม่หายว่าไฟอะไรจะดันไปไหม้แต่เทวดาและพรหม ดูมันพิลึกพิลั่นมากมายเกินพอดี
    เมื่ออารมณ์สงสัยเกิดขึ้น ฉันก็อดที่จะอยากรู้ตามความเป็นจริงไม่ได้ ในที่สุดคืนวันหนึ่ง ฉันนั่งคุมกรรมฐานอยู่ความสงสัยเรื่องรู้เลยธงเกิดขึ้นมาขวางจิต จึงถามท่านผู้รู้ที่เป็นสัพพัญญวิสัย ท่านทรงพยากรณ์ให้ทราบดังนี้
    หลังจากกึ่งพุทธกาลไปแล้ว ๔,๐๐๐ ปี จะมีไฟล้างโลกล้างแต่โลกมนุษย์เท่านั้น ไม่ลุกลามไปถึงเทวดา
    ท่านบอกว่ามันเริ่มความเร่าร้อนตั้งแต่ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี แล้วจากนั้นไปพวกอธรรมเกิดมาก มีอำนาจวาสนามาก ทำให้ความสงบสุขไม่มี เพราะพวกอธรรม เป็นพวกเห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม
    โลกจะร้างไม่มีต้นหญ้ากอไม้ แม้แต่น้ำในมหาสมุทรก็ไม่มีไปครบ ๑,๐๐๐ ปี
    หลังจากนั้นแล้วจะมีฝนใหญ่ตกลงในมนุษยโลกแม่น้ำและมหาสมุทรจะเต็มไปด้วยน้ำ พื้นโลกจะชุ่มชื่น ต้นหญ้าต้นไม้ จะเริ่มงอกงามขึ้นเป็นลำดับ จนโลกทั้งโลกกลายเป็นป่าไม้
    หลังจากโลกที่เขียวชอุ่มไปด้วยต้นหญ้าใบไม้นั้นทิ้งระยะนาน ๑ หมื่นปี สัตว์โลกเริ่มเกิดสัตว์และคนที่มาเกิดยุคต้นนั้นไม่ได้อาศัยบิดามารดาเป็นแดนเกิด มาเกิดแบบโอปปาติกะ คือ มาเกิดด้วยอำนาจกรรม คือเป็นตัวตนขึ้น
    จะยังไม่มีพระอาทิตย์พระจันทร์ส่องแสง มีแสงสว่างเกิดจากอำนาจบุญของแต่ละบุคคล คือมีแสงสว่างออกจากตัวเองเป็นสำคัญ
    เรื่องอาหารนั้น ในระยะแรกยังไม่ต้องการอาหาร มีความอิ่มด้วยธรรมปีติ เพราะแต่ละคนที่มาเกิด ล้วนแล้วแต่มาจากเทวดาหรือพรหมทั้งนั้น ไม่มีสัตว์นรกหรือเปรตเจือปน โลกจึงเต็มไปด้วยความสุข หาความทุกข์ไม่ได้ นอกจากกฎธรรมดา คือความเสื่อมของสังขาร
    เรื่องการทะเลาะยื้อแย่งไม่มี คนทุกคนเป็นคนสวยหมด มีผิวขาวเหลือง เนื้อละเอียดทั้งหญิงและชาย มีแต่คนรวย ไม่มีใคนจน มีแต่คนใจบุญ ไม่มีใครใจบาป
    เมื่อโลกมีมนุษย์และสัตว์บริบูรณ์ มีดวงจันทร์ มีดวงอาทิตย์ ระยะเวลานับแต่มีสัตว์โลก เกิดในโลก เวลาล่วงมาได้ล้านปี
    คนสมัยนั้นมีอายุครองตนเองได้ ๔ หมื่นปี เป็นอายุขัย ท่านว่าตอนนั้น พระศรีอาริย์จะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า
    เขตที่ท่านลงมาตรัส สมัยปัจจุบันเรียกว่า เขตเมืองพม่า
    พูดถึงไฟบรรลัยกัลป์แล้วน่ากลัวจริงๆ นะ แต่ถ้าคนชั่วมีมาก ก็ควรล้างกันเสียที"

    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="12%">
    </td> <td bgcolor="#ffa87d" valign="top" width="88%"> หลวงพ่อได้เล่าเรื่อง "โลกเกิด" ให้ฟังว่า </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="12%">
    </td> <td valign="top" width="88%">
    "ในวาระแรกได้ทูลถามถึงประวัติการตั้งโลก ท่านตรัสว่า "เป็นเรื่อง อจินไตย ไม่ควรคิด รู้แล้วก็ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ ไร้เหตุผลในการบรรลุ ฉันบอกได้ แต่บอกแล้วเอาอะไรเป็นส่วนที่จะบรรลุมรรคผลไม่ได้ จะรู้ไปให้หนักสมองทำไม"
    ต่อมาได้ถามถึงมนุษย์ที่เริ่มเกิดเป็นอันดับแรกว่า ใครเป็นคนบันดาลให้มนุษย์เกิด พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์แล้วตรัสว่า
    "นี่เธอจะคลั่งพระเจ้ากับเขาแล้วซิ ใครที่ไหนจะมาสร้างถ้ามีผู้สร้างมนุษย์แล้ว เจ้าคนที่สร้างโลกสร้างมนุษย์นั้นมันเกิดมาจากอะไร จึงมาสร้างโลกสร้างมนุษย์ได้
    มนุษย์ไม่มีใครสร้าง ร่างกายของสัตว์และมนุษย์เกิดจากอณูน้อยๆ ที่รวมตัวกันเข้า
    วิญญาณนั้นเป็นธาตุอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่า วิญญาณธาตุ มีการเกิดขึ้นได้และไม่มีการสลายตัว คำว่าวิญญาณในที่นี้ หมายถึง จิต เป็นธาตุเศษ ที่เกิดจากการรวมตัวของ อนูพิเศษ ที่มีความรู้ ความเคลื่อนไหวรวดเร็ว เธออย่ารู้มากกว่านี้เลย ไม่มีอะไรเป็นคุณพูดไปก็ไร้ประโยชน์"

    คัดลอกจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษเล่ม ๒ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    -------------------------------------------------------
    อ่านแล้วน่ากลัวครับ
    ขอให้ประเทศไทยและคนไทย
    ผ่านพ้นภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นด้วยเถิด

    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table>
     
  3. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866
    ภาพเครื่องบินน่าจะเป็นสุสานเครื่องบินสมัยสหรัฐทำสัญญาลดอาวุธกับสหภาพโซเวียตนานหลายปีแล้วครับ
     
  4. rin5297

    rin5297 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +569
    เป็นเครื่องบินที่รอปลดประจำการและนำออกจำหน่ายให้มิตรประเทศเป็นแบบมือสองประเทศไทยเคยซื้อเอฟ16 มือสองมา 1 ฝูงครับเป็นเทคโนโลยีระดับ 3 ของด้านการบินปัจจุบันเทคโนโลยีด้านการบินและการรบของเครื่องบินรบอยู่ที่ระดับ 4.5-5 ครับ
     
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860


    โห.....ไม่มีโกแถวบ้านเราไปรับซื้อของเก่ามาชำแหละขายบ้างหรือ ครับ

    B-52 เนี่ย ใหญ่ดีน่ะ เอาปีกออกแล้วทำบ้านอยู่อาศัย ให้สมาชิกพลังจิตพิชิตภัยพิบัติมาอยู่ดีกว่า.....อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    เซ็งลี้ ซะเลย น่ะซิ ;)
     
  6. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860

    เทคโนโลยีของเครื่องบินขับไล่ปัจจุบันก้าวหน้าไปเร็วมาก

    ความสำเร็จในภาระกิจหรือการแพ้ชนะกันในเกมส์เวหาพิฆาต เกิดจากเทคโนโลยีของการใช้ Avionic ครับ[​IMG]

    พูดง่ายๆสมัยนี้เครื่องบินขับไม่มีการมายิงกันแบบเห็นตัวแล้ว (Dog Fight)
    เค้าสอยกันตั้งแต่ระยะ 50 ก.ม. ยังไม่เห็นตัวกันเลย[​IMG]

    ส่วนเครื่อง F-16 มือสอง 3rd Generation ที่ประเทศสารขัณฑ์ไปซื้อมาให้เปลืองงบประมาณเล่นๆ น่ะ ให้เอาไว้รบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วกัน นะครับ[​IMG]

    ม่ายงั้นแนะนำเอาไว้ไปโชว์งานวันเด็ก หรือให้ลูกชายลากเล่นก่อนวัยเรียนก็ดี น่ะครับ;)

    (deejai) (deejai) (deejai) (deejai) (deejai)
     
  7. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    สร้างกระทู้เครื่องบินเลยดีมั้ยครับ อิอิ
     
  8. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบพระคุณทุกท่านมากค่ะ ที่ช่วยมาไขข้อข้องใจให้
     
  9. ปทุมารียา

    ปทุมารียา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +363
    [​IMG]
    หวัดนกโผล่นครสวรรค์ ผวจ.ประกาศพื้นที่สีแดง


    [​IMG]
    เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 ม.ค. นายพิษณุ เสนาวิน นายอำเภอชุมแสง จ.นครสวรรค์ เดินทางไปตรวจสอบที่ฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ “ศรีไพรฟาร์ม” ของนายไพศาล แก้วมณีฉาย อายุ 48 ปี เลขที่ 30/2 หมู่ 3 ต.พิกุล อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ หลังได้รับรายงานว่ามีการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก พบว่าเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 23 ไร่ มีโรงเรือนทั้งหมด 4 โรง ลักษณะโรงเรือนแบบปิด รอบโรงเรือนมีบ่อเลี้ยงปลา โดยมีเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอชุมแสง กำลังพ่นยาฆ่าเชื้อภายในฟาร์มไก่และรอบพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดนก ขณะเดียวกัน สอบถามนายไพศาล เจ้าของฟาร์มให้รายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.50 รับลูกไก่ทั้งหมดจำนวน 59,680 ตัว มาจากบริษัทโกลเด้นไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสหฟาร์ม มาเลี้ยง ต่อมาระหว่างวันที่ 17-21 ม.ค. 51 ที่ผ่านมาพบว่าไก่ในฟาร์มทยอยล้มตายจำนวน 1,057 ตัว จึงได้ประสานนายชัยณงค์ ปาจริยวัฒน์ ปศุสัตว์อำเภอชุมแสง นำซากไก่ไปตรวจสอบที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ ภาคเหนือตอนล่าง จ.พิษณุโลก ผลการตรวจพบว่ามีการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ทางฟาร์มร่วมกับปศุสัตว์อำเภอทำลายไก่ที่เหลือภายในโรงเรือนที่ 2 จำนวน 9,915 ตัว เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ด้วยวิธีปิดระบบไฟฟ้าภายในโรงเรือนทำให้ไก่ขาดอากาศและตาย จากนั้นนำซากไปขุดหลุมฝังกลบภายในพื้นที่ของฟาร์ม
    นายพิษณุ เสนาวิน นายอำเภอชุมแสง กล่าวว่าสำหรับไก่ที่เหลืออีก 3 โรงเรือน จำนวน 49,000 ตัว ทางฟาร์มร่วมกับปศุสัตว์อำเภอจะทำลายในช่วงเย็นวันที่ 24 ม.ค. นี้ โดยประสาน อบต.พิกุล นำรถแบ็กโฮมาขุดหลุมฝังกลบ พร้อมกันนี้ได้ส่งคนงาน 10 คน และชาวบ้านข้างเคียงอีก 3 คน ไปตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเฝ้าระวังการระบาดของโรคในรัศมี 5 กม. เป็นที่น่าสังเกตว่าผลการตรวจพบว่าไก่ในฟาร์มติดเชื้อไข้หวัดนก แต่ไก่นอกฟาร์มไม่ติดเชื้อ เป็นที่คาดการณ์กันว่าพาหะนำโรคน่าจะมีเพียง 2 ทาง คือนกปากห่างที่เข้ามาหากินบริเวณใกล้ฟาร์มกับคนงานในฟาร์มเข้าออกแล้วนำเชื้อมาติด ล่าสุดนายกวี กิตติสถาพร ผวจ.นครสวรรค์ ประกาศให้เป็นพื้นที่สีแดง เป็นเขตโรคระบาดสัตว์ปีก ห้ามไม่ให้เคลื่อนย้ายโดยพลการ
    ต่อมาวันเดียวกัน นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เดินทางลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก โดยนายศักดิ์ชัยเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครสวรรค์ ได้รายงานว่า ตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกในฟาร์มไก่เนื้อศรีไพรฟาร์มของนายไพศาล แก้วมณีฉาย เชื้อไข้หวัดนกที่พบเป็นเชื้อชนิด H5 ซึ่งตรวจด้วยวิธี Real time RT PCR จึงได้ประกาศให้มีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค และห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกในพื้นที่รัศมี 5 กม. รอบจุดเกิดโรค ประกอบด้วยพื้นที่ 35 หมู่บ้าน 5 ตำบล 1 อำเภอ ที่มีจำนวนสัตว์ปีกทั้งสิ้น 182,240 ตัว เกษตรกร 413 ราย นอกจากนี้ได้สุ่มเก็บตัวอย่าง (cloacal swab) ในโรงเรือนที่เหลือของฟาร์ม และหมู่บ้านในรัศมี 5 กม.รอบจุดเกิดโรค หมู่บ้านละ 20 ตัวอย่าง พร้อม ทั้งเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปยังจุดอื่น
    ทางด้านนายธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ตรวจสอบสาเหตุของการพบเชื้อไข้หวัดนกที่ จ.นครสวรรค์แล้ว แม้จะเป็นโรงเรือนระบบปิดก็ไม่สามารถป้องกันเชื้อไข้หวัดนกได้ 100% เพราะคนเลี้ยงอาจจะมีเชื้อติดมาจากที่อื่นแล้วนำเชื้อเข้าไปในโรงเรือน คาดว่าเชื้อจะไม่แพร่กระจายเพราะจุดอื่นยังไม่มีรายงานว่าพบเชื้อไข้หวัดนกแต่อย่างใด สำหรับการเจรจากับทางญี่ปุ่นให้นำเข้าไก่สดแช่แข็งนั้น เมื่อมีการพบเชื้อจะต้องชะงักไป คงต้องรอดูท่าทีของทางญี่ปุ่นอีกครั้ง
    นายปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการบริษัท สหฟาร์ม จำกัด กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการสอบสวนหาที่มาที่ไปอย่างจริงจังว่าพบเชื้อไข้หวัดนกในครั้งนี้ได้ อย่างไร เป็นเรื่องที่น่าประหลาดที่ประกาศพบเชื้อไข้หวัดนกในวันที่ 23 ม.ค. 2551 ครบ 4 ปีพอดีที่รัฐบาลประกาศพบเชื้อไข้หวัดนกในประเทศไทยครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2547 เหมือนมีใครจงใจที่อยากแสดงให้เห็นว่าเชื้อไข้หวัดนกอยู่คู่ประเทศไทยไปตลอด เรื่องนี้มีผลประโยชน์ ด้านการค้าเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะขณะที่ไทยกำลังเจรจาที่จะให้ญี่ปุ่นนำเข้าไก่สดแช่แข็งมีความคืบหน้าไปมาก ก็มีการประกาศพบเชื้อไข้หวัดนกขึ้นมาอีก ผลประโยชน์จะไปตกกับกลุ่มที่ส่งออกไก่แปรรูป เพราะหากญี่ปุ่นอนุญาตให้นำเข้าไก่สดแช่แข็งซึ่งมีราคาถูกกว่าไก่แปรรูปก็จะมีคำสั่งซื้อน้อยลง ปัจจุบันมีการส่งออกไก่สดแช่แข็งไปเวียดนามและมาเลเซียได้ แต่หลัง จากมีการประกาศพบเชื้อ ก็ไม่แน่ใจว่าทั้งสองประเทศจะพิจารณาอย่างไร เรื่องการประกาศพบเชื้อไข้หวัดนกในประเทศ ควรที่จะมีการตรวจสอบกันอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยก่อน และควรให้นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประกาศเพียงผู้เดียว ไม่เช่นนั้นอาจจะมีความไม่ โปร่งใสเกิดขึ้นได้
    ด้าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า พื้นที่ จ.นครสวรรค์ เคยเป็นพื้นที่เสี่ยงมาก่อน การพบเชื้อไข้หวัดนก เอช 5 เอ็น 1 ในฟาร์มไก่ขนาดใหญ่ในครั้งนี้จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังการติดเชื้อในคนอย่างเข้มงวด ป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ ในวันที่ 24 ม.ค. นี้ ได้สั่งการให้ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว สำนักงานควบคุมโรคเขต 8 ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ค้นหาผู้ สัมผัสไก่ในฟาร์มทุกคนแล้ว เบื้องต้นยังไม่พบผู้สัมผัสไก่ในฟาร์มมีอาการป่วย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 14 วัน หากมีอาการผิดปกติให้ ส่งตัวไปรักษาใน รพ.ทันที ขณะนี้ รพ.ทุกแห่งมีความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยทั้งยาต้านไวรัสและห้องแยกปลอดเชื้อ
    นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบผู้สัมผัสไก่ในฟาร์มและโรงเชือดมีอาการป่วย ขณะนี้แม้เชื้อจะยังไม่กลายพันธุ์ ไม่ติดต่อจากคนสู่คน แต่ต้องระวังอย่างเต็มที่ไม่ให้มีการติดต่อจากสัตว์สู่คน สำหรับในช่วงเดือนนี้ กำลังเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ประชาชนที่ต้องซื้อเป็ด ไก่ ควรสังเกตสัญลักษณ์สติกเกอร์ของกรมปศุสัตว์ หรือหากซื้อตามตลาดสด ควรเลือกซื้อไก่ที่มีสีขาวอมเหลืองทั่วทั้งตัว หากมีจุดคล้ำ หรือจ้ำๆ โดยเฉพาะส่วนหัว หงอน และรอบคอ แสดงว่าไก่อาจเป็นโรค หรืออาจติดเชื้อหวัดนก ส่วนการรับประทานควรปรุงอาหารให้สุกเพราะความร้อนสามารถฆ่าเชื้อหวัดนกได้
    ที่มาจากหนังสือพิมพ์ [​IMG]


    ---------------------------------------------------------------------

    2-3 วันที่ผ่านมานี้ ระหว่างทางที่เดินเห็นนกนอนตาย 2-3 ตัว ค่ะ ไม่ทราบว่า เป็นไข้หวัดนกหรือเปล่า ....... ยังไง ก็คงต้องเฝ้าระวังกัน

    อ่านตรงที่เขาบอกว่า ปิดระบบไฟฟ้า ทำให้ไก่ขาดอากาศ แล้วตาย
    ก็ยังเป็นห่วงว่า ไม่รู้จะเป็นการสร้างเวรกรรมกันต่อหรือเปล่า แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนะคะ หากนึกถึงสภาพที่คนเราต้องขาดอากาศหายใจ แล้วตาย ก็คงจะเป็นภาพที่ทรมานทีีเดยว

    ยังไง ก็คงต้องทำความดี สะสมบุญกันเยอะๆ ทาน ศีล ภาวนา อย่าได้ประมาทในการใช้ชีวิต พึงระลึกถึงความตายทุกขณะจิต ค่ะ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มกราคม 2008
  10. ปทุมารียา

    ปทุมารียา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +363
    ลุงคนเชียงใหม่ <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 09:50 PM



    มีโอกาสได้ทราบข่าวจากกลุ่มพุทธบุตร ว่า
    หลานพระคุณลุงเดินทางไปกราบนมัสการพระคุณลุงกับพระอาจารย์โสณะที่
    จีนตอนใต้ครับ

    ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังเตรียมความพร้อมกันครับ
    ถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น ในพื้นที่ขณะนี้เกิดกลุ่มพลังของภูต อสูร
    เปรต อสุรกาย ที่อยู่ในส่วนที่มึดดำอีกมิตหนึ่งเข้ามาในมิติ
    ของกลุ่มที่สัมภเวสี หรือมิติที่ติดหรือเหลื่อมกับของชาวมนุษย์มากที่สุด
    จำนวนมาก และอย่างต่อเนื่อง
    คนที่สามารถแยกร่างจิตได้จะสัมผัสได้เกือบทุกคนครับ
    ยิ่งในช่วงนี้ส่วนตัวผมเองและหลานพระคุณลุงสัมผัสได้
    กับกระแสจิตแผ่เมตตาและการเตือนสัตว์โลก
    ของพระอาจารย์สุขุม สุขุโม ที่สัมผัสได้
    เป็นเหมือนพลุจุดขึ้นท่ามกลางความมึดในช่วงนี้


    "ฝากบอกพวกเราได้ ระมัดระวังเตรียมความพร้อมทั้งกายจิต
    เท่าที่จะกระทำได้ ในช่วงเปลี่ยนปี (หมายถึงปีไทย เมษายน )
    แม้หลายท่านจะพยายามช่วยกันอยู่แต่เพื่อความไม่ประมาท
    ขอให้ช่วยกันตักเตือน ให้พวกเราได้เตรียมตัวกันด้วยเร่งกระทำดีและสะสมอาหารยา น้ำ เครื่องนุ่งห่ม
    ให้เพียงพอให้ได้อย่างน้อย 10 วันที่ต้องอยู่ในบ้านไม่ออกไปใหน

    ขอคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้คุ้มครองทุกท่านด้วยครับ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มกราคม 2008
  11. zetaboo

    zetaboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +503
    อากาศวิปริต “ฝนตก-หนาวจัด” ชาวกาฬสินธุ์กว่า 3 แสนขาดผ้าห่ม <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">27 มกราคม 2551 13:00 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="right" height="1" valign="bottom" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="bottom">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="bottom" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> <td> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" height="1" valign="middle" width="165">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> กาฬสินธุ์ - อากาศวิปริตฝนตก-หนาวจัด คุกคามชาวกาฬสินธุ์กว่า 300,000 คน ขาดแคลนเครื่องห่มกันหนาว วอนทางจังหวัดเร่งช่วยเหลือ ขณะที่ยังพบว่ามีประชาชนล้มป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 500 ราย

    วันนี้ (27 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานว่า จากการติดตามสภาพอากาศที่หนาวเย็นจนวิปริตที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งทุกพื้นที่ราษฎรกำลังทนทุกข์ทรมานจากภัยหนาวเนื่องจากเกิดฝนตกจนทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง พบว่าราษฎรส่วนใหญ่ต้องออกมานั่งผิงไฟไล่ความหนาวเย็น

    โดยเฉพาะใน อ.คำม่วง อ.สมเด็จ อ.นาคู อ.กุฉินารายณ์ อ.เขาวง อ.สามชัย ที่บ้านเรือนอยู่ติดกับเทือกเขาภูพานอากาศจะเย็นจัดในช่วงกลางคืน และช่วงเช้า ส่งผลให้หลายครอบครัวที่ประสบภัยหนาวเกิดล้มป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจและโรคท้องร่วงเนื่องจากหลายครอบครัวได้หันไปเปิบพิศดารในหลายเมนูที่เป็นการรับประทานของสดๆ ไม่ว่าจะเป็นลาบเป็ดใส่เลือด ลาบเลือด ปิ้งหนูนา

    นายบุญใส ก้อนดินจี่ แกนนำผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) อำเภอคำม่วง กล่าวว่า ผลจากการที่ทางจังหวัดได้พยายามจัดหาเครื่องห่มกันหนาวเข้าช่วยเหลือขณะนี้ยังพบว่าประชาชนยังมีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากที่ผ่านมาทางอำเภอได้ทำการแจกจ่ายด้วยวิธีการเฉลี่ยให้กับราษฎร ในบางหมู่บ้านที่เป็นบ้านใหญ่ก็จะได้รับผ้าห่มมากกว่าบ้านเล็ก แต่ในเรื่องความเดือดร้อนด้วยความที่เป็นคนจน โดยเฉพาะในอำเภอคำม่วง เท่าที่ได้สอบถามไปยังพี่น้องก็พบว่ายังคงมีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก

    เฉพาะที่ได้ทำการส่งรายชื่อขอเพิ่มเติมในกลุ่ม ผรท.ก็มีมากกว่า 5,000 ผืน แล้ว จึงต้องการให้ทางจังหวัด เร่งจัดหาเครื่องห่มกันหนาวให้ด้วย

    ด้าน นพ.พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การบริโภคของสดๆ เป็นวัฒนธรรมของอีสานที่นิยมรับประทานอาหารจำพวกนี้อยู่แล้ว ดังนั้นในการรับประทานอาหารที่บอกว่าเป็นยาชูกำลังหรือคลายหนาวจึงเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่น

    ดังนั้น ขอเตือนว่าการบริโภคอาหารที่ไม่สะอาดจะทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพในระบบทางเดินอาหาร แต่เนื่องจากในช่วงนี้สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ได้ส่งผลให้มีประชาชนล้มป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่เฉลี่ยเข้ารับการรักษายังโรงพยาบาลชุมชนทั้ง 13 แห่ง เฉลี่ยถึงวันละ 500 ราย

    ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่จะสามารถต่อสู้กับภัยหนาวก็คือ การสวมเสื้อผ้าและห่มผ้าห่มที่จะทำให้ร่างกายอบอุ่น หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้ปลอดภัยจากโรคฤดูหนาวนี้

    ขณะที่ นายประชา จิตสุทธิผล ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นประกอบกับมีฝนตกลงมาในพื้นที่ยังเป็นปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนผู้ยากไร้ ซึ่งจากผลการสำรวจจาก 18 อำเภอ พบว่ามีราษฎรต้องการเครื่องห่มกันหนาวอีกกว่า 300,000 คน ซึ่งในขณะนี้ทางจังหวัดได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยังส่วนกลางแล้ว ที่ยังคงต้องรอให้มีการอนุมัติเพื่อดำเนินการช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามสำหรับราษฎรที่ผิงไฟไล่ความหนาวก็ขอให้ระมัดระวังปัญหาการเกิดอัคคีภัยด้วย

    นายสุพจน์ ปั้นทรัพย์ หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาอำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ แจ้งว่า ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาทุกพื้นที่ของจังหวัดกาฬสินธุ์โดยเฉพาะในเขตเทือกเขาภูพาน อุณหภูมิได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 14-15 องศา

    ทั้งนี้ เกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เกิดฝนหลงฤดูตกลงมาซึ่งทำให้สภาพอากาศโดยทั่วไปจะมีความหนาวเย็น จากอิทธิพลความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และคาดว่าจะหนาวยาวนานตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์นี้จึงขอเตือนให้ประชาชนจัดหาเครื่องห่มกันหนาวเพื่อป้องกันสุขภาพที่จะเกิดขึ้นจากโรคฤดูหนาวในช่วงนี้ด้วย</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ยุคพระเจ้าจักรพรรดิ์(พระศรีอาริย์)

    [​IMG]

    เมื่อคนเราพูดถึงยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์นั้น ส่วนมากมักจะมองไม่ออกว่าคนในยุคพระเจ้าจักรพรรดิ์ จะมีสภาพความเป็นอยู่กันอย่างไร ผมจึงขออนุญาตนำเรื่องสภาพความเป็นอยู่ของคนสมัยของพระเจ้าจักรพรรดิ์สังขะ ซึ่งเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ในยุคของพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปคือพระศรีอาริยเมตไตรย มาเปรียบเทียบเพื่อให้มองภาพออกว่า ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์(พระศรีอาริย์) หรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่า "ยุคชาวศิวิไลซ์" ของเราในเวลาข้างหน้านี้จะมีสภาพความเป็นอยู่แตกต่างจากปัจจุบันนี้อย่างไร

    คัมภีร์อนาคตวงศ์

    พระอุปติสสะสารีบุตร ผู้มีปัญญามาก ผู้แนะนำสัตว์โลก ผู้เป็นเจ้าแห่งกองทัพธรรม เป็นนักปราชญ์ เข้าไปเฝ้าพระผู้นำของชาวโลก แล้วกราบทูลข้อกังขาของตน ปรารภพระพุทธเจ้าองค์ที่จะอุบัติในอนาคตว่า พระพุทธเจ้าผู้หาอะไรกั้นบังไม่ได้เช่นกับพระองค์ เป็นนักปราชญ์ จะพึงเป็นเช่นไร? ข้าพระองค์ประสงค์เพื่อจะฟังเรื่องนั้น โดยพิสดารทีเดียว ขอพระองค์ผู้มีพระจักษุจงตรัสบอก ฯ

    พระผู้มีพระภาคเจ้าสดับถ้อยคำของพระเถระแล้ว ได้ตรัสคำนี้ว่า

    ไม่มีใครอาจเพื่อจะกล่าวทุกอย่างโดยพิสดารทีเดียว ถึงกองบุญอันนับไม่ถ้วน และเกียรติอันยิ่งใหญ่ของพระอชิตะ(พระศรีอาริยเมตไตรย)ได้ เราจะกล่าวโดยส่วนเดียวเท่านั้น สารีบุตร เธอจงฟังเราเถิด

    ในภัทรกัปป์นี้ เมื่อหนึ่งโกฏิปียังไม่มาถึง จักมีสมเด็จพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระอริยเมตไตรย ผู้สูงสุดกว่ามนุษย์ทั้งหลาย พระองค์จักเป็นผู้มีบุญใหญ่ มีปัญญามาก มีญาณยิ่งใหญ่ มีเกียรติยศมากมาย มีพลังมาก มีเรี่ยวแรงมาก มีพระจักษุ จักอุบัติขึ้น

    พระชินเจ้าพระองค์นั้น จักทรงมีการไปอันยิ่งใหญ่ ทรงมีสติสมบูรณ์ ทรงมีปัญญาดี มีการสดับมาก มีธรรมทั้งปวง ถึงการนับ รู้ เห็น สัมผัสดี ถูกต้อง ลูบคลำ จักอุบัติขึ้น

    ในกาลนั้น จักมีเมืองหลวงชื่อว่าเกตุมดี ยาว ๑๒ โยชน์ กว้าง ๗ โยชน์
    แน่นหนาไปด้วยผู้คนชายหญิง วิจิตรงามไปด้วยปราสาทต่างๆ มีแต่สัตว์ผู้บริสุทธิ์ท่องเที่ยวไปมา ที่ใครๆ จะเอาชนะไม่ได้ มีธรรมรักษา ฯ

    จักมีพระราชาทรงพระนามว่า สังขะ มีกองทัพและพาหนะไม่สิ้นสุด สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ (มีจักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว ดวงแก้ว นางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว) เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ผู้มีพลังมาก

    พระองค์จักเป็นผู้มีฤทธิ์ มีเกียรติยศ และพรั่งพร้อมด้วยสิ่งน่าใคร่ทั้งปวง พระองค์จักพร่ำสอนธรรมให้ถึงแดนเกษม อันย่ำยีข้าศึก (คือกิเลส) ได้ โดยธรรม ฯ

    ปราสาทที่สร้างดีในที่นั้น จักเป็นเช่นกับวิมานทิพย์ ผุดขึ้นด้วยบุญกรรม งามวิจิตรไปด้วยแก้วต่างชนิด แวดล้อมด้วยราวบันได แบ่งเป็นชั้นสวยงามน่าภิรมย์ใจ อร่ามรุ่งเรือง มีประกายสูงขึ้น ประเสริฐที่สุด ยากที่จะดูทั่วถึง ทำให้เสียดลูกตา

    ปราสาทสร้างด้วยแก้ว เป็นไปแล้วเพื่อพระเจ้ามหาปนาทะ พระราชาชื่อว่าสังขะ จักรับสั่งให้สร้างตึกนั้นขึ้น แล้วประทับอยู่ (ภายใน) ฯ

    อนึ่ง ในเมืองนั้นจักมีถนนสายต่างๆ ในที่นั้นๆ จักมีสระบัวโบกขรณี ขุดสร้างอย่างดีมีท่าน้ำสวยงาม น่ารื่นรมย์ใจ

    สระนั้นมีน้ำใสยิ่งนัก สะอาดหมดจด จืดสนิท มีกลิ่นหอมฟุ้ง มีท่าฝั่งน้ำราบเสมอ มีน้ำเอ่อล้น และมีทรายปูพรม

    สระนั้นจะพึงเดียรดาษไปด้วยดอกบัวหลวงและดอกบัวเขียว มีคนเข้าไปได้ทุกฤดูกาล มีแถวต้นตาล ๗ แถว มีกำแพงเรืองแสงถึง ๗ สี

    สระนั้นจะพึงสร้างด้วยแก้ว อยู่แวดล้อมในพระนคร ฯ เมืองเกตุมดีจะพึงเป็นเมืองหลวงชื่อว่า กุสาวดี ในกาลนั้น ฯ

    ที่ประตูเมืองทั้ง ๔ ด้าน จักมีต้นกัลปพฤกษ์ สีเขียว สีเหลือง สีแดงและสีขาว อร่ามรุ่งเรือง จักบังเกิดมีผ้าทิพย์ เครื่องประดับทิพย์ และเครื่องใช้เครื่องสอยทุกอย่าง จะห้อยละย้าในที่นั้น ฯ

    แต่นั้น ตรงท่ามกลางพระนคร จักมีศาลาจตุรมุขสี่หลัง จักมีต้นกัลปพฤกษ์ บังเกิดขึ้นเองด้วยบุญกรรม ฯ

    ที่ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งหลาย จักมีผ้าฝ้ายผ้าไหม ผ้าเปลือกไม้ และผ้าอุทุมพร ห้อยละย้าบังเกิดขึ้นเองด้วยบุญกรรม

    ที่ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งหลาย จักมีเครื่องดนตรีทำเสียงด้วยมือ มีตะโพน มีกลองยาวและมีกลองรำมะนา ห้อยบังเกิดขึ้นเองด้วยบุญกรรม ฯ

    ที่ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งหลาย จักมีกำไลมือ มีกำไลแขน มีเครื่องประดับคอ สร้างด้วยแก้ว ห้อยบังเกิดขึ้นเองด้วยบุญกรรม ฯ

    ที่ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งหลาย จักมีเครื่องกระโจมหน้า (เครื่องคลุมหน้า) มีเครื่องประดับหน้าผาก มีเครื่องประดับต้นแขน มีสายรัดเอวแก้วมณี ห้อยบังเกิดขึ้นเองด้วยบุญกรรม ฯ

    ที่ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งหลาย จักมีผ้าอาภรณ์และผ้าประดับทุกอย่างหลายหลากอื่นๆ และต่างชนิดกัน ห้อยบังเกิดขึ้นเองด้วยบุญกรรม ฯ

    ด้วยบุญกรรมของสัตว์ผู้เกิดมา ชาวมนุษย์ย่อมจะบริโภคข้าวสาลีที่ผุดขึ้นเอง เป็นเม็ดข้าวสาร ไม่มีรำ ไม่มีแกลบ ขาวบริสุทธิ์ หอมดี สุกเองโดยไม่ต้องหุงต้ม ฯ

    เครื่องตวงวัด ๑๖ ที่ชื่ออัมพนะ พึงเท่ากับ ๒ พัน ๒ ร้อย ๗ๆ เกวียน (๒,๒๗๐) ฯ

    อนึ่ง ข้าวที่เกิดขึ้นเองในพืชเมล็ดหนึ่ง จะเรียกว่าเป็นข้าวสาร ๒ ทะนาน ด้วยบุญกรรมของสัตว์ผู้เกิด

    แม้ในคราวนั้น นรชนผู้อยู่ในเมืองเกตุมดี ในแว่นแคว้นของพระเจ้าสังขะ จักเป็นผู้ใส่หุ้มเกราะและกำไลสรวมต้นแขน

    เขาจักมีความดำริในใจถึงพร้อมแล้ว มีใบหน้าผ่องใส มีเครื่องประดับหูใหญ่ มีเนื้อตัวทาไล้ด้วยไม้จันทน์เหลือง ใส่เสื้อผ้าดีเลิศที่นำมาจากแคว้นกาสี

    พวกเขาจักมั่งมีมากมาย มีทรัพย์สินมีเครื่องประโคมให้ตื่นขึ้นด้วย เสียงพิณและกังสดาล มีทั้งกายและใจสุขสบายอย่างเดียวเป็นนิจ ฯ

    ชมพูทวีปจักมีรัศมีหมื่นโยชน์ ไม่มีหนาม ไม่มีป่าชัฏ ราบเสมอ มีหญ้าแพรกขึ้นเขียวขจี ฯ

    จักมีโรคเพียง ๓ อย่างคือ โรคปรารถนา(หิวอาหาร), โรคไม่ได้กิน(เบื่ออาหาร), โรคแก่เฒ่า ผู้หญิงมีอายุ ๕๐๐ ปี จึงจักมีการแต่งงานกัน

    ผู้คนจักมีใจสมัครสมาน มีถ้อยคำอ่อนหวาน ไม่ทะเลาะกันเป็นนิจ ฯ เถาวัลย์ คุ้มไม้และต้นไม้ จักเต็มพร้อมไปด้วยผลไม้และดอกไม้

    จักมีตฤณชาติ (หญ้า) สูง ๔ นิ้ว อ่อนนิ่ม เช่นกับสำลี จักมีฝนตกสม่ำเสมอ มีลมพัดอ่อนๆ ไม่หนาวนัก ไม่ร้อนนัก

    ในกาลทุกเมื่อ จักมีความถึงพร้อมแห่งฤดู จักมีตระพังและแม่น้ำไม่ตกพร่อง ฯ ณ ที่ภาคพื้นนั้นๆ จักมีทรายขาวสะอาด ไม่เป็นก้อนหยาบ เช่นกับไข่มุกที่เรี่ยรายทั่วไป มีประมาณเท่าถั่วแปบและถั่วเขียว ฯ

    จักมีที่รื่นรมย์ใจ ดุจดังสวนที่ตกแต่งแล้ว ฯ จักมีหมู่บ้านและนิคมตั้งอยู่เรียงรายกันไป ในที่นั้นๆ ติดต่อกัน

    จักมีหมู่บ้าน และนิคมหนาใหญ่ แม่ไก่บินไม่ตกจากหลังคา ดุจดังป่าไม้ออ้และไม้ไผ่ ดูจะไม่มีช่องว่างเหลือ จักมีพวกมนุษย์อยู่คับคั่ง

    จักมีพ่อค้าต่างเมืองทั่วไปหลั่งไหลไปมา พรั่งพร้อมด้วยผู้คนชายหญิง มั่งคั่ง กว้างขวาง เกษม ปราศจากเสนียด ไร้อันตราย ฯ

    ผู้คน จักมีความยินดีทุกเมื่อ จักมีการละเล่นทุกเมื่อ จักพรั่งพร้อมด้วยสุขอย่างเดียว จักท่องเที่ยวไปในงานนักษัตรฤกษ์ มีใจยินดีร่าเริงเบิกบานทั่ว ฯ

    จักมีข้าวและมีน้ำมาก จักมีอาหารมาก จักมีเนื้อและน้ำดื่มมากมาย ชมพูทวีปจักน่ารื่นรมย์ใจ ดุจดังอาลกมันทา (ชื่อเมืองของท้าวเวสสุวรรณ) ของเหล่าเทวดา หรือดุจดั่งเมืองหลวงที่ไพศาลของพวกชาวกุรุ ฯ

    พระอริยเมตไตรยผู้มีชื่อว่า อชิตะ จักเป็นผู้ล้ำเลิศกว่ามนุษย์ทั้งหลาย พระองค์จักเป็นผู้ทรงถึงพร้อมด้วยอนุพยัญชนะ (๘๐) จักทรงมีลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ

    พระองค์จักทรงมีผิวพรรณดั่งทองคำ ทรงมีธุลีไปปราศแล้ว ทรงมีแสงสว่างสวยงาม ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง ทรงถึงความเลิศด้วยเกียรติยศ ทรงมีมิ่งขวัญ จักทรงมีพระรูปงดงามยิ่ง ทรงน่ายลนัก

    พระองค์จักทรงมีอานุภาพมาก ไม่มีใครเทียมเท่า จักเกิดในตระกูลพราหมณ์ ฯ จักเป็นผู้มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก ผู้ยิ่งใหญ่และสูงเด่นในตระกูล ผู้อันใครโจมตีไม่ได้ด้วยการกล่าวถึงชาติ จักเกิดในตระกูลพราหมณ์ ฯ

    ปราสาทที่สร้างด้วยแก้ว (สี่หลัง) คือ ปราสาทสิริวัฑฒะปราสาทวัฑฒมานะ ปราสาทสิทธัตถะ และปราสาทจันทกะ จักอุบัติขึ้นแล้วเพื่อประโยชน์แก่พระอชิตะ ฯ

    พระอชิตะ จักมีนางสนมเป็นหญิงสาว เพรียบพร้อมไปด้วยร่างกายทุกส่วน ประดับด้วยอาภรณ์ทุกอย่าง มีรูปร่างขนาดใหญ่ กลางและเล็ก

    จักมีหญิงสาวจำนวน ๑ แสนคน ไม่ขาดไม่พร่อง แต่งตัวอย่างสวย ฯ พระองค์จักทรงมีนางยอดนารีมเหสีเอก ทรงพระนามว่าจันทมุขี และจักทรงมีพระราชโอรสทรงพระนามว่า พรหมวัทธน์ ฯ

    พระอชิตะจักเพรียบพร้อมด้วยความยินดี บันเทิงรื่นรมย์ใจอยู่ในความสุขมากมาย พระองค์จักเสวยเกียรติยศทั้งปวง ดุจพระอินทร์เสวยอยู่ในสวนนันทะวันฉะนั้น

    พระองค์จักอยู่ครองเรือน เป็นเวลา ๘ พันปี ในกาลบางคราว พระองค์จักเสด็จประพาสสวนอุทยาน เพื่อความเพลิดเพลินใจ

    นี้คือสภาพธรรมดาของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย พระองค์ทรงเป็นนักปราชญ์ ครั้นเห็นโทษในกามทั้งหลายและเห็นนิมิต ๔ ประการ อันจะทำให้ความยินดีในกามหมดสิ้นไป

    คือเพราะเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตายที่สิ้นอายุขัย และบรรพชิตผู้มีความสุข พระองค์จึงทรงเอ็นดูสรรพสัตว์

    พระองค์เกิดเบื่อหน่ายในความยินดีทางกาม ไม่เยื่อใยในความสุขมากมาย พระองค์ได้ตัดสินพระทัยออกผนวช เสาะแสวงหาสิ่งที่ให้ถึงความสงบอันยอดเยี่ยม ฯ

    พระชินเจ้านั้น จักเป็นพระผู้อุดมกว่าบุรุษทั้งหลาย บำเพ็ญความเพียรตลอด ๗ วัน แล้วจักออกผนวชล่องลอยไปพร้อมปราสาทนั่นแล ฯ

    พระองค์จักมีมิตร อำมาตย์ ญาติสาโลหิต เสนา ๔ เหล่าและบริษัท ๔ จำพวก
    ครั้นเมื่อ พระอริยเมตไตรยเสด็จออกผนวชแล้ว จักมีพราหมณ์ผู้บรรลุพระเวทจำนวน ๘๔,๐๐๐ ออกบวช (ตาม) ในกาลนั้น ฯ

    แม้สองพี่น้องเหล่านั้น ผู้ชื่อว่าอิสิทัตตะและปุราณะ พร้อมบริวารอีก ๘๔,๐๐๐ ก็จักออกบวช (ตาม) ในกาลนั้น ฯ

    คู่แห่งบุรุษ ผู้มีปัญญามิอาจนับได้ ผู้ชื่อว่าชาติมัตต์และวิชัย จักเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระพุทธเจ้า โดยมีบริวารร่วมอีก ๘๔,๐๐๐ คน ฯ

    คฤหบดีผู้ชื่อว่าสุทธิกะ และอุบาสิกาผู้ชื่อว่าสุธนา จักเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระพุทธเจ้า โดยมีบริวารร่วมอีก ๘๔,๐๐๐ คน ฯ

    อุบาสกผู้ชื่อว่าสังขะ และอุบาสิกาผู้ชื่อว่าสังขา จักเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระพุทธเจ้า โดยมีบริวารร่วมอีก ๘๔,๐๐๐ คน ฯ

    คฤหบดีผู้ชื่อว่าสุธน และชายผู้ปรากฏชื่อว่าสุทัตต์ จักเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระพุทธเจ้า โดยมีบริวารร่วมอีก ๘๔,๐๐๐ คน ฯ

    หญิงผู้ชื่อว่า ยสวดี และหญิงผู้ปรากฏชื่อว่านางวิสาขา เป็นผู้อยู่เบื้องหน้าผู้คนชายหญิงจำนวน ๘๔,๐๐๐ คน (จักเข้าไปเฝ้าเช่นกัน) ฯ

    ในเพราะการตามสั่งสอนพระอริยเมตไตรย ชาวเมืองอื่นๆ และชาวชนบทจำนวนมากจากประเทศนั้น พร้อมทั้งกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์และศูทร จำนวนมิใช่น้อย จักออกบวชเนกขัมมะ ฯ

    ในกาลนั้น คนจำนวนมาก ผู้มีเชื้อชาติต่างๆ มุ่งหน้าเฉพาะต่อเนกขัมมะ จักออกบวชตามพระอริยเมตไตรย ฯ

    อนึ่ง ในวันที่พระอริยเมตไตรย นักปราชญ์เจ้าออกบวชภิเนษกรมณ์นั้นนั่นเอง พระองค์จักเข้าไปสู่ข่วงต้นไม้พระศรีมหาโพธิ์ ฯ

    ในที่แห่งพระผู้องอาจอันใครๆ ให้พ่ายแพ้มิได้ พระองค์จักทรงมีพระเกียรติยศยิ่งใหญ่ นั่งคู้บัลลังก์ตรัสรู้บนบัลลังก์ตรัสรู้อันสูงสุด ฯ

    พระชินเจ้านั้น จักเสด็จไปสู่สวนอันประเสริฐ ที่ชื่อว่าไม้กากะทิง ที่มีดอกไม้บาน แล้วจักยังกงล้อแห่งธรรมอันประเสริฐให้หมุนไปอย่างนี้

    คือ (๑) ทุกข์ (๒) การเกิดแห่งทุกข์ (สมุทัย) (๓) การก้าวล่วงทุกข์ (นิโรธ) และ (๔) อริยมรรคมีองค์แปด อันมีปกติให้ถึงความดับทุกข์

    ในกาลนั้น ในเมื่อพระโลกนาถทรงหมุนกงล้อแห่งพระธรรม จักมีบริษัทพวกมนุษย์ โดยรอบถึง ๑๐๐ โยชน์ ฯ

    จากนั้น หมู่ทวยเทพจำนวนมากยิ่ง จักเข้าไปเฝ้าพระชินเจ้าในที่นั้น ในกาลนั้น พระองค์จักปลดเปลื้องสัตว์จำนวนพันโกฏิให้พ้นจากเครื่องผูกมัด ฯ

    ในกาลนั้น พระเจ้าสังขะ จักมอบถวายปราสาทที่สร้างด้วยแก้ว แด่พระสงฆ์ผู้มีพระชินเจ้าเป็นประมุข ยิ่งขึ้นกว่านั้นอีก

    พระองค์ยังได้ทรงให้มหาทาน แก่คนกำพร้า คนเดินทางไกลและคนวณิพก พระองค์จักทรงกระตือรือร้น เสด็จเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระพุทธเจ้า พร้อมเป็นอันเดียวกับพระราชเทวี

    ด้วยอานุภาพของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าสังขะผู้ทรงมีกองทัพและพาหนะไม่สิ้นสุด จักเข้าไปเฝ้าพระชินเจ้ากับด้วยบริวาร ๙ หมื่นโกฏิ ฯ

    ในกาลนั้น สมเด็จพระสัมพุทธเจ้า จักทรงตีกลองแห่งธรรมอันประเสริฐและอุดม อันมีเสียงดังก้องแห่งมะโหรทึกอันอมตะ ประกาศอริยสัจสี่ ฯ

    ฝูงชนผู้ติดตามพระราชา ๙ หมื่นโกฏิทั้งปวงหมดนั้นไม่เหลือ จักบวชเป็นเอหิภิกขุ ฯ

    จากนั้น ทั้งทวยเทพ และมนุษย์ จักเข้าไปเฝ้าพระโลกนาถ ไต่ถามปัญหากะพระชินเจ้า ปรารภความเป็นอรหันต์อันประเสริฐ ฯ

    พระชินเจ้าพึงพยากรณ์แก่ทวยเทพและมนุษย์ พร้อมด้วยสัตว์ ๘ หมื่นโกฏิ ด้วยการบรรลุถึงอรหันต์อันประเสริฐ จะพึงมีการบรรลุครั้งที่ ๓ ฯ

    จักมีการมาพร้อมกันครั้งแรกของพระขีณาสพ ผู้ปราศจากมลทิน ผู้มีจิตสงบ ผู้มีใจมั่นคง จำนวน ๑ แสนโกฏิ ฯ

    เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอยู่จำตลอดพรรษาหนึ่งแล้ว ในวันปวารณา ที่รู้จักกันอย่างดียิ่ง พระชินเจ้าจักปวารณาพร้อมด้วยพระภิกษุจำนวน ๙ หมื่นโกฏิ ฯ

    อนึ่ง ในกาลที่พระมุนี เสด็จปลีกวิเวก ที่เงื้อมผาทองผาเงิน ณ ภูเขาหิมพานต์และภูเขาคันธมาทน์

    พระองค์จักทรงเล่นกีฬาฌาน กับด้วยพระภิกษุขีณาสพ ผู้ปราศจากมลทิน ผู้มีจิตสงบ ผู้มีใจมั่นคง จำนวน ๘ หมื่นโกฏิ ฯ

    พระภิกษุจำนวน ๑ แสนโกฏิ ผู้ทรงอภิญญาหก ผู้มีฤทธิ์มาก จักแวดล้อมพระโลกนาถ ผู้ชื่อว่าอริยเมตไตรยนั้น ในกาลทุกเมื่อ

    พระภิกษุเหล่านั้น จักเป็นผู้ฉลาดในปฏิสัมภิทา เป็นผู้เฉียบแหลมในหลักนิรุกติศาสตร์ เป็นผู้สดับมาก เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งธรรม เป็นผู้คงแก่เรียน เป็นผู้ยังสงฆ์ให้งาม

    พระภิกษุเหล่านั้น จักเป็นผู้ฝึกฝนดี เป็นผู้เสงี่ยม เป็นนักปราชญ์ จักแวดล้อมพระชินเจ้านั้น ฯ พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ จักประทับอยู่หน้าพระภิกษุผู้ประเสริฐผู้มั่นคงเหล่านั้น จักเป็นผู้ข้ามพ้นแล้วกับพระภิกษุผู้ข้ามพ้นแล้ว จักมาสู่สันติกับด้วยพระภิกษุผู้มีใจสงบ

    พระมหามุนีอริยเมตไตรย ผู้สูงสุดกว่ามนุษย์ทั้งหลาย ทรงปวารณาพร้อมกับหมู่สาวกแล้ว จักเป็นผู้อนุเคราห์และประกอบด้วยพระกรุณาธิคุณ

    พระชินเจ้าจักทรงยกขึ้นซึ่งสัตว์จำนวนมาก ยังมนุษย์โลกพร้อมกับเทวโลกให้ถึงพระนิพพาน จักเที่ยวไปจาริกไปสู่หมู่บ้านนิคมและเมืองหลวง ฯ

    พระองค์จักทรงตีกลองแห่งธรรม ทรงเป่าสังข์แห่งธรรม ทรงประกาศการบูชาธรรม จักเป็นผู้ยกขึ้นซึ่งธงชัยแห่งธรรม

    พระองค์จักบันลือเสียงสิงหนาท หมุนกงล้ออันอุดมให้ดำเนินไปยังผู้คนชายหญิงให้ดื่มกินน้ำคือ สัจจะอันมีรสเลิศ

    พระชินเจ้า จักยังมหาชนผู้มีที่พึ่งและไร้ที่พึ่งให้ตรัสรู้ เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์ จักท่องเที่ยวจาริกไปเพื่อบุคคลที่สทควรแก่การตรัสรู้ได้ ฯ

    พระชินเจ้าผู้มีพระจักษุ จักยังบางคนให้ตั้งอยู่ในสรณคมน์ บางคนในปัญจศีล บางคนในกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ

    พระองค์จักประทานความเป็นสมณะและผลอันสูงสุด ๔ ประการแก่คนบางคน จักประทานปฏิสัมภิทาในธรรม อันไม่มีสิ่งใดเสมอแก่บางคน ฯ

    พระชินเจ้าผู้มีพระจักษุ จักประทานสมบัติอันประเสริฐ ๘ ประการ แก่คนบางคน จักประทานวิชชา ๓ และอภิญญา ๖ แก่คนบางคน ฯ

    พระชินเจ้านั้น จักทรงพร่ำสอนหมู่ชน ด้วยธรรมเป็นเครื่องประกอบนั้น ในกาลนั้น คำสั่งสอนของพระชินเจ้าอริยเมตไตรยจักกว้างขวางพิสดาร ฯ

    พระมุนีนั้น ครั้นเห็นชนที่สมควรแก่การตรัสรู้ได้แม้ในที่แสนโยชน์แล้ว จักเสด็จเข้าไปหาชั่วขณะหนึ่งแล้ว จักยังเขาให้ตรัสรู้ได้ ฯ

    ในกาลนั้น พระอริยเมตไตรย จะพึงมีมารดาชื่อว่านางพรหมวดี จะพึงมีบิดาชื่อว่าสุพราหมา ผู้เป็นอำมาตย์บอกธรรมของพระเจ้าสังขะ ฯ

    พระอโสกและพระพราหมเทพจักเป็นอัครสาวก บุคคลผู้อุปัฏฐาก ผู้ชื่อว่าสีหะ จักเข้าเฝ้าอุปัฏฐากพระชินเจ้าพระองค์นั้น ฯ

    พระนางปทุมและพระนางสุมน จักเป็นอัครสาวิกา นายสุมนและนายสังข์ จักเป็นนายอุปัฏฐากผู้เลิศ

    นางยสวดีและนางสังข์ จักเป็นหญิงอุปัฏฐากผู้เลิศ ฯ ต้นไม้กากะทิงจักเป็นต้นไม้ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ฯ

    ต้นไม้นั้นจะมีลำต้นสูง ๑๒๐ ศอก มีกิ่ง ๒๐๐ กิ่ง และมีปลายคดสั่นไหวไปมา ย่อมงามดุจดังปีกนกยูง ฯ

    ต้นไม้นั้นจะพึงมีปลายลำไม้ผลิดอกบานงามติดต่อกัน มีกลิ่นหอมฟุ้ง ประกอบด้วยกลิ่นจากสรวงสวรรค์ ดอกที่บานเต็มที่แล้วจะพึงมีประมาณเท่ากงล้อ มีละอองเต็มทะนานหนึ่ง

    ต้นกากะทิงนั้นจะส่งกลิ่นหอมตามลมและทวนลม สิ้นหนทาง ๑๐ โยชน์ จักโปรยลงยิ่งซึ่งดอกทั้งหลายโดยรอบช่วงต้นไม้ตรัสรู้ ฯ

    ชาวชนบทมาถึงที่นั้นแล้ว สูดกลิ่นหอมอันล้ำเลิศ จักเปล่งออกซึ่งคำอันบุคคลพึงกล่าว พวกเขาจักรื่นเริงเพราะกลิ่นหอมนั้น

    กลิ่นหอมของดอกไม้ทั้งหลายที่ใครๆ ไม่พึงคิด ย่อมฟุ้งขจรไปด้วยพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้คงที่ พระองค์นั้นเป็นความสุข ฯ

    พระชินเจ้าพระองค์นั้น จะพึงมีพระวรกายสูง ๘๘ ศอกโดยส่วนกว้าง พระศาสดาพระองค์นั้นจะพึงมีอกกว้าง ๒๕ ศอก ฯ

    พระพุทธเจ้าผู้ฤาษี จักทรงมีพระเนตรกว้าง มีหน่วยตาหนา มีนัยน์ตาใส ไม่กระพริบตลอดวันและคืน มีตาเนื้อมองเห็นวัตถุน้อยใหญ่

    พระองค์จะพึงมองเห็นสิ่งที่ไม่มีอะไรขวางกั้น เป็นระยะทาง ๑๒ โยชน์โดยรอบ พระองค์จักมีแสงสว่างแผ่ซ่านออกถึง ๒๕ โยชน์ ฯ

    พระชินเจ้าพระองค์นั้น ย่อมจะงามดั่งลำแสงของสายฟ้า หรือดุจดังต้นเทียน ย่อมรุ่งเรืองผุดผ่องเช่นกับของมีค่าคือแก้ว ดุจดั่งพระอาทิตย์ ฯ

    พระองค์จะมีรัศมี อันเกิดจากลักษณะ (๓๒ ประการ) และอนุพยัญชนะ (๘๐ ประการ) ปรากฏประจำพระวรกายทุกเมื่อ รัศมีต่างๆ ชนิดกันหลายแสนจะพุ่งออกมา ฯ

    ทุกๆ ย่างก้าวพระบาท จะมีดอกบัวหลวงบานดีแล้ว ผุดขึ้นรองรับ มีใบขนาด ๓๐ ศอก เสมอเท่ากันทุกใบ มีกลีบ ๒๕ กลีบ

    จะพึงมีเกษรยาวประมาณ ๒๐ ศอก ฝักบัวจะพึงยาวประมาณ ๑๖ ศอก ในระหว่างบัวแดงจะมีบัวหลวงที่มีละอองเรณูสีแดงเข้มหล่อเลี้ยง ฯ

    เหล่าทวยเทพชั้นกามาวจร จักเนรมิตสิ่งมีค่าทั้งหลาย พญานาคและพญาครุฑในกาลนั้น จักประดับสิ่งที่มีค่าเหล่านั้น

    จักมีสิ่งที่มีค่าสร้างด้วยทองคำ ๘ สิ่ง และสร้างด้วยเงิน ๘ สิ่ง จักมีสิ่งที่มีค่าสร้างด้วยแก้วมณี ๘ สิ่ง และสร้างด้วยแก้วประพาฬ ๘ สิ่ง ฯ

    ธงมากมายหลายร้อยที่มีลวดลายด้วยแก้วหลายอย่าง ประดับด้วยดอกไม้ที่ธง จักห้อยปลิวไสว ฯ

    จักมีเพดาน ประดับด้วยพวงแก้วมณีและไข่มุกดุจพระจันทร์ จักมีข่ายแห่งกระดึงมากมาย เป็นแก้วเกิดเองอย่างดีอยู่รายรอบ ฯ

    ดอกไม้ต่างๆ จักมีกลิ่นหอมฟุ้งและประกอบด้วยกลิ่นที่หอมแผ่กระจายไป และจักมีฝุ่นชนิดต่างๆ หลายชนิด อันมีอยู่ในโลกสวรรค์และโลกมนุษย์ ฯ

    ผ้าต่างๆ ลายวิจิตร งดงามด้วยสี ๕ สี ที่น่าเลื่อมใสยิ่งในพระพุทธศาสนา จักปลิวไสวไปรอบๆ ฯ

    ณ ที่นั้น จักมีซุ้มประตูสลักจากของมีค่าคือแก้ว สูงพันศอก น่าทัศนา น่ารื่นรมย์ใจ ไม่คับแคบ ตั้งเด่นงามดี

    พระรัศมี จะปรากฏงดงาม กว้างขางโดยประการทั้งปวง พระพุทธเจ้าจักเสด็จนำหน้าหมู่พระภิกษุ อยู่ในท่ามกลางรัศมีเหล่านั้น

    ดุจปาริสัชพรหมประทับอยู่ระหว่างบริษัทของตน (และ) พระอินทร์ ในระหว่างวิมาน (ของตน) พระรัศมีย่อมเคลื่อนไปเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไป พระรัศมีจักคงอยู่เมื่อพระองค์ประทับยืน

    เมื่อพระศาสดาประทับนั่ง และเสด็จไสยาสน์พร้อมบริษัท พระรัศมีจักทรงสภาพเช่นนั้นเสมอ (คือ) จักมีรัศมีทรงกลดกั้น ตลอดอิริยาบททั้ง ๔ เป็นนิจตลอดกาล ฯ

    จักมีการบูชาอย่างใดอย่างหนึ่ง อันมีในสรวงสวรรค์และโลกมนุษย์ จักมีสิ่งมหัศจรรย์หลายชนิดตลอดกาล

    มหาชนผู้มีเชื้อชาติต่างๆ เห็นพระอริยเมตไตรย ผู้ได้รับการบูชาอย่างยิ่ง ผู้มีความอัศจรรย์พระองค์นั้น ด้วยเดชแห่งบุญไม่สิ้นสุดแล้ว พร้อมบุตรภริยาจักถึงศาสดาเป็นที่พึ่งทุกลมหายใจเข้าออก ฯ

    เหล่าชนผู้ฟังพระพุทธพจน์ของพระมุนีแล้วประพฤติพรหมจรรย์ จักข้ามพ้นสงสาร อันเป็นอาณาจักรแห่งมัจจุราช ที่ใครข้ามพ้นได้แสนยาก ฯ

    ในกาลนั้น เหล่าคฤหัสถ์จำนวนมาก จักช่วยขัดกงล้อแห่งธรรมให้หมดจดด้วยบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ และสุจริต ๓ อย่าง

    ฝูงชนจำนวนมาก ชำระตนให้บริสุทธิ์ด้วยการบรรลุธรรมนั่นแล โดยความเอื้อเฟื้อ ประพฤติธรรมตามสมควรแก่ธรรมแล้วจะพึงไปสู่สวรรค์

    ไม่มีใครๆ สามารถพรรณนาถึงพระเกียรติยศว่ามีประมาณเท่านี้โดยทุกประการได้ เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ชาวประชาจักมีความสุขอย่างยิ่งเป็นนิจ

    พวกมนุษย์จักมีเกียรติยศยิ่งใหญ่ เพรียบพร้อมด้วยความสุขและมีอายุวรรณะพละ หรือไม่ก็จักมีทิพย์สมบัติ (ในภายหลัง) ฯ

    พวกเขาจักเสวยสุขตลอดกาลที่น่าใคร่ เท่าที่ปรารถนาตลอดยาวนาน ถึงสิ้นอายุขัยในภายหลัง จักมีแต่สุขอย่างแน่นอนดับชีพไป

    ในกาลนั้น พวกเขาจักมีอายุ ๘ หมื่นปี พระอริยเมตไตรยเจ้านั้นดำรงค์พระชนม์อยู่ตราบเท่าเวลานั้น จักให้ฝูงชนจำนวนมากข้ามพ้นฝั่ง (แห่งวัฏสงสาร) ฯ

    พระองค์จักช่วยให้สัตว์ที่มีใจบ่มสุกเต็มที่ได้ตรัสรู้โดยประการทั้งปวง แล้วจักหร่ำสอนทางสวรรค์และทางนรกแก่สัตว์ที่เหลือ ผู้ยังไม่เห็นสัจธรรม

    ด้วยแท้ พระองค์จักตั้งดวงประทีปแห่งธรรม สำเภาธรรม แว่นส่องธรรมและโอสถธรรม ในดินแดนของสัตว์ทั้งหลาย โดยเคารพต่อไป

    พระชินเจ้าพระองค์นั้น จักรุ่งเรืองกับด้วยหมู่แห่งสาวก ผู้สำเร็จกิจแล้ว ผู้มั่นคง จักดับขันธ์ปรินิพพานไป ดั่งกองเพลิงที่โพลงขึ้นแล้วดับมอดไป ฯ

    เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว คำสั่งสอนของพระองค์นั้นจักดำรงอยู่ถึง ๑ แสน ๘ หมื่นปี ต่อจากนั้นไปคำสั่งสอนจักอันตรธานหายไปจากโลก อย่างน่าสะพึงกลัว ฯ

    อย่างนี้ล่ะ สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ดำรงอยู่ชั่วคราว สั้นนัก ต้องแตกดับไป คร่ำคร่า และหาแก่นสารมิได้

    สังขารทั้งหลาย ว่างสูญ เสมอด้วยกำมือเปล่า เป็นที่บ่นเพ้อของคนพาล ใครๆ จักมีอำนาจเหนือในสังขารนั้นไม่ได้ แม้ผู้มีฤทธิ์ก็ไม่มีอำนาจเหนือสังขารนั้น

    บัณฑิตรู้ตามความเป็นจริงอย่างนี้แล้ว พึงเบื่อหน่ายในสิ่งยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง ฯ บุรุษผู้รู้ทั่ว หาได้ยาก ย่อมไม่เกิดในที่ทั่วไป บุรุษผู้นักปราชญ์นั้นเกิดในตระกูใด ตระกูลนั้นย่อมประสบความสุข ฯ

    เพราะเหตุนั้น เพื่อปรารถนาพบพระอริยเมตไตรยพุทธเจ้า ขอท่านทั้งหลายผู้มีใจสดุ้งกลัว จงกระทำความเพียรให้ดี ให้ตั้งมั่นในธรรมวินัยนี้ ฯ

    ชนทั้งหลาย เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ผู้ประกอบกรรมดีไว้แล้ว ดำรงชีวิตอยู่ไม่เลินเล่อ จะเป็นภิกษุก็ด ภิกษุณีก็ดี อุบาสกก็ด อุบาสิกาก็ดี

    ชนเหล่านั้นพร้อมกับฝูงเทวดา ถวายพุทธสักการะอย่างมาก (และ) ทำการบูชาอันยิ่งโอฬารแล้ว จะพบพระภัทรสมิติ (พระผู้เป็นที่รวมแห่งความดี คือพระอริยเมตไตรย) ในกาลนั้น ฯ

    ขอท่านทั้งหลายจงประพฤติพรหมจรรย์ จงให้ทานตามสมควร จงเข้าจำอุโบสถศีล และจงเจริญเมตตาภาวนาให้ดีเถิด ฯ

    ขอท่านทั้งหลาย จงยินดีความไม่ประมาทในบุญกริยาวัตถุทั้งหลายตลอดกาล ฯ ท่านทั้งหลายประกอบกุศลในพระธรรมวินัยนี้นี่แหละ แล้วจักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ ดังนี้ ฯ

    คัมภีร์อนาคตวงศ์ ว่าด้วยพระอริยเมตไตรย
    จบแล้ว ฯ

    จากหนังสือ อนาคตวํส
    คัมภีร์อนาคตวงศ์ พระอริยเมตไตรย
    แปลโดย พระมหาชนะ ธมฺมธโช ป.ธ.๙
    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?p=551288

    หมายเหตุ

    มหาปุโรหิตผู้ใหญ่ของพระเจ้าสังขะจักรพรรดิ์นั้น เป็นมหาพราหมณ์ประกอบไปด้วยอิสสริยะยศเป็นอันมาก(สมัยนั้นตระกูลของพราหมณ์เป็นใหญ่กว่าตระกูลของกษัตริย์) หาผู้เปรียบเสมอมิได้ มีนามชื่อว่าสุตพราหมณ์ นางพราหมณีผู้เป็นภรรยานั้นมีนามว่า นางพราหมณีวดี ฯ ในกาลนั้น สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า รับอาราธนานิมนต์แห่งฝูงเทพดาทั้งหลาย ก็จุติลงมาจากดุสิตสวรรค์เทวโลก ลงมาถือเอาปฏิสนธิในครรภ์แห่งนางพราหมณวดีภรรยาแห่งมหาปุโรหิตพราหมณ์ผู้ใหญ่ในวันบัณณสีอุโบสถ เพ็ญเดือน ๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เวลาปัจจุสสมัยใกล้รุ่ง พร้อมด้วยอัศจรรย์ทั้งหลาย ๑๒ ประการ

    ทีนี้ขอย้อนกลับมาถึงยุค ๑๐ ที่ว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านเรียกว่าชาวศิวิไลซ์ แต่เท่าที่เคยฟังเคยอ่านเห็นนั้น บางทีก็เรียกศรีวิไล คำพยากรณ์ที่ว่าเป็นของกรุงศรีอยุธยา ท่านเรียก ชาววิไล ซึ่งก็คล้ายๆกัน ชาวศิวิไลซ์ หรือ ศรีวิไล หรือวิไล นี้ คนสมัยเก่าท่านว่า คือ ยุคพระศรีอาริย์ (มาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ยังไม่ได้มาเป็นพระพุทธเจ้า) ซึ่งส่วนมากจำกันต่อๆ มาเพียงข้อสำคัญไม่กี่ประการ อันถือกันว่าเป็นความสุขที่สุดของมนุษย์ คือ สมัยพระศรีอาริย์นั้นจะมีต้นกัลปพฤกษ์เกิดขึ้น ๔ มุมเมือง ชาวเมืองไม่ต้องทำงานทำการอะไรให้เหนื่อยยาก ใครอยากได้อะไรก็ไปขอเอาที่ต้นกัลปพฤกษ์

    ดังนั้นคำทำนายยุค ๑๐ ที่ว่าเป็นยุคชาวศิวิไล ไทยมหารัฐ จักรพรรดิราช จึงหมายถึงยุคเดียวกัน ช่วงเวลาเดียวกัน ที่ประเทศไทยจะได้เป็นรัฐอันดับหนึ่งของโลก เพราะมีพระเจ้าจักรพรรดิ์ (มีแก้ววิเศษ ๗ ประการ) บังเกิดขึ้นที่ประเทศไทย และพระเจ้าจักรพรรดิ์พระองค์นี้จะทรงปกครองคนทั้งโลกให้ร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีการรบราฆ่าฟันกันอีกต่อไป ด้วยพระบุญญาภินิหารของพระองค์นั่นเอง

    คัดลอกบางส่วนจากพุทธตำนาน พระเจ้าเลียบโลก กัณฑ์ที่ 9

    ในกาลครั้งนั้นคนทั้งหลายก็จะได้เห็นเทวดา พระอินทร์ พระพรหมทุกองค์ เพราะเทวดาเหล่านั้นได้มาอุสสาราชาภิเษกพ่อค้าข้าวสาร ซึ่งเป็นลูกช่างหูก ซึ่งเป็นพระยาธรรมิกราชนั้นแล เมื่อผู้มีบุญได้เป็นพระยาธรรมิกราชแล้ว ต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ทั้งหลาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2008
  13. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ตอนนี้อนุมัติซื้อเตรื่องบินขับไล่ ถ้าจำไม่ผิดเรียก กริพพิน 1,900 ล้านบาท ยานเกราะ 4,000 ล้านบาท ปืนไรเฟิลจู่โจม 200 ล้านบาท แต่เสื้อเกราะแจกทหารตำรวจ กลับต้องรับบริจาคจากประชาชนซื้อ แปลกดี
     
  14. avatan

    avatan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +365
    ผวาดาวเทียมสหรัฐจ่อโหม่งโลก

    28 มกราคม 2551 กองบรรณาธิการ
    เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐเผย ดาวเทียมจารกรรมขนาดใหญ่ของสหรัฐสูญเสียพลังงานและหลุดจากการควบคุม คาดว่าจะพุ่งชนโลกภายในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมนี้


    <DD>หวั่นชิ้นส่วนที่ประกอบด้วยสสารอันตรายตกถึงโลก สหรัฐยังไม่ชี้ชัดจะใช้มิสไซล์ยิงทำลายหรือไม่

    <DD>บรรดาเจ้าหน้าที่ซึ่งเปิดเผยโดยขอสงวนนาม เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้จัดอยู่ในชั้นความลับ กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า ดาวเทียมขนาดใหญ่ดวงนี้สูญเสียพลังงานและแรงขับเคลื่อนจนไม่สามารถควบคุมได้ และอาจจะมีส่วนประกอบที่เป็นสารอันตรายอยู่ด้วย โดยยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ดาวเทียมจารกรรมดวงนี้สูญเสียพลังงานมานานเท่าใดแล้ว หรือว่าตอนนี้มีสภาพเป็นอย่างไร


    <DD>กอร์ดอน จอห์นโดร โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ แถลงกับผู้สื่อข่าวภายหลังข้อมูลนี้เล็ดลอดออกมาว่า บรรดาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่ และว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ มีดาวเทียมหลายดวงที่หลุดจากวงโคจรและตกมาสู่โลกโดยไม่ได้สร้างอันตรายใดๆ สหรัฐกำลังมองหาทางเลือกที่เป็นไปได้เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดจากดาวเทียมดวงนี้


    <DD>โฆษกผู้นี้ไม่ยอมให้ทัศนะว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าสหรัฐจะใช้ขีปนาวุธยิงทำลายดาวเทียมดวงนี้ เขากล่าวเพียงว่า ช่วงเวลานี้ยังไม่เหมาะที่จะกล่าวถึงทางเลือกใดเป็นการเฉพาะ


    <DD>เจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐบาลสหรัฐรายหนึ่งเปิดเผยว่า บรรดาสมาชิกสภาคองเกรสและประเทศอื่นๆ ยังไม่ได้รับแจ้งถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น


    <DD>ตามข้อมูลลับที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเผยนั้น ดาวเทียมดวงนี้ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งเป็นของเหลวใสมีกลิ่นคล้ายแอมโมเนีย และเป็นสารเคมีพิษที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่สัมผัส


    <DD>จอห์น ไพค์ ผู้อำนวยการองค์กรค้นคว้าวิจัยด้านกลาโหม GlobalSecurity.org กล่าวว่า การปล่อยให้ดาวเทียมตกสู่โลกโดยปราศจากการควบคุมนั้น เสี่ยงกับการที่ความลับของสหรัฐจะถูกเปิดเผย โดยปกติแล้วดาวเทียมจารกรรมพวกนี้มักจะถูกบังคับให้ตกลงไปในมหาสมุทร เพื่อไม่ให้ใครหรือชาติใดพบเจอ


    <DD>ผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมและข่าวกรองรายนี้กล่าวด้วยว่า การใช้มิสไซล์ยิงดาวเทียมดวงนี้ก็ใช่ว่าจะขจัดอันตรายได้ เนื่องจากเศษซากของดาวเทียมอาจกลับสู่ชั้นบรรยากาศและเผาไหม้ หรืออาจมีบางส่วนตกสู่พื้นโลก เขาประเมินด้วยว่า ดาวเทียมดวงนี้มีน้ำหนักประมาณ 9,072 กิโลกรัม และมีขนาดพอๆ กับรถบัสโดยสารขนาดเล็ก


    <DD>เขาบอกว่า ดาวเทียมดวงนี้อาจมีเศษชิ้นส่วนมากกว่ากระสวยอวกาศโคลัมเบีย ที่ระเบิดขณะบินกลับสู่โลกเมื่อปี 2546 ถึง 10 เท่า และมีความเป็นไปได้ที่ดาวเทียมดวงนี้อาจจะหมดอายุการใช้งานมา 1 ปีแล้ว แต่เพิ่งจะถึงคราวกลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศโลกในตอนนี้


    <DD>ขณะที่ เจฟฟรีย์ ริเชลสัน ผู้เชี่ยวชาญอีกรายจากองค์กรหอจดหมายเหตุความมั่นคงแห่งชาติ บอกว่า ดาวเทียมดวงนี้น่าจะเป็นดาวเทียมถ่ายภาพสอดแนม ซึ่งมักจะใช้รวบรวมข้อมูลภาพถ่ายทางอวกาศเกี่ยวกับรัฐบาลปรปักษ์หรือกลุ่มก่อการร้าย รวมทั้งจุดก่อสร้างโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์หรือค่ายฝึก


    </DD>องค์การนาซาเคยบังคับให้สถานีอวกาศ "สกายแล็บ" ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด น้ำหนักถึง 78 ตัน ตกสู่วงโคจรเมื่อปี 2522 โดยชิ้นส่วนกระจัดกระจายลงสู่มหาสมุทรอินเดียและพื้นที่ฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียโดยไม่ก่ออันตรายใดๆ ในปี 2543 นาซายังเคยใช้จรวดบังคับให้หอสังเกตการณ์คอมป์ตันแกมมาเรย์ ขนาด 17 ตัน ตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิก.



    http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=28/Jan/2551&news_id=153735&cat_id=800
     
  15. koh55559

    koh55559 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +542

    ความจริงคือเป็นเครืองบินที่กำลังสแตนบาย อยู่ใกล้กับอิหร่านครับ ใช้การได้ทุกเมื่อ ทีเข้าใจว่าสุสานเครื่องบินเข้าใจผิดแล้วครับ
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    น้ำ...จะทำให้โลกสมบูรณ์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ชายหญิง ****

    พ่อ... ผู้ให้กำเนิด
    แม่.... ผู้คุมการกำเนิด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860

    อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ:d

    กริฟฟิน น่ะ 19,000 ล้าน น่ะครับ/ฝูง ...เพ่ ตกศูนย์ไปตัวนึง น่ะ เจ้าของขาดทุนแย่เลย.....หุๆๆๆๆๆ
    จะไปซื้อ F-18 ไอ้กันบอกไม่ขายให้รัฐบาลเผด็จการ เลยต้องไปซื้อสวีเดน งัย
    ไม่รู้น่ะ ว่าต่อไปจะเป็นงัยบ้าง นักบินไปวัดดวงกันเอง

    แต่ที่แน่ๆ ผบ. ไปรับทรัพย์กันเรียบร้อยแล้วที่ดูไบ งัย

    ยานเกราะเบาต้องถามว่า รุ่นนี้ที่ไหน ในโลกเค้าใช้กันบ้าง ซื้อของ Eastern Block ต้องทำใจ แต่ก็ระวังเรื่องอะไหล่ให้ดีๆแล้วกัน อย่าบอกว่าใช้แค่ 10 ปี แล้วจะเอาไปปลูกสะระแหน่ ตามกองพลทั่วไป.....อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    เรื่องปืนไรเฟิลประจำกาย ฉายไปหนนึงแล้ว ไม่ฉายซ้ำ[​IMG]

    เสื้อเกราะอย่าไปใช้เลยครับ กันระเบิดไม่ได้ แนะนำให้หาหลวงปู่หลวงพ่อที่นับถือไปแขวนดีกว่า เพราะถึงฆาตแล้วยังงัยก็ตาย ถ้ากลัวก็ไม่ต้องลงไปซิ

    ของพวกนี้ยิ่งซื้อมาก คนซื้อยิ่งอ้วน คนเอาไปใช้ก็ยังเสี่ยงเท่าเดิม น่ะ

    แต่ระวังลุงหมักมาเช็คบิลก็แล้วกัน วันนั้นก็ตัวใครตัวมัน น่ะซิ[​IMG]
     
  19. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860

    เตรียมทนายฝีมือดีไว้แล้วกัน ครับ[​IMG]

    ตกใส่บ้านใครถือว่าถูกหวยครั้งใหญ่ (ถ้ารอดมาได้ ไม่บาดเจ็บ)
    เพราะไปฟ้องรัฐบาลเมกา กำไรจมหูเลย น่ะ [​IMG]

    เรื่องแบบนี้มีคนรวยมาแล้ว น่ะ ทำเป็นเล่นไป.....อิๆๆๆๆๆๆๆ [​IMG]
     
  20. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860


    ดูจากการจอดและรุ่นของเครื่องบิน ยืนยันว่าจอดไว้เตรียมจำหน่ายออก ครับ [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...