หลวงพ่อพวง หลวงพ่อกวย หลวงปู่หมุน ธรรมะหลวงปู่เทพโลกอุดร

ขุนแผน ลพ.ตัด พระคู่ใจชายเมืองเพชร​

​

ลพ.ตัด วัดชายนา เชื่อเถอะว่าในยุคนี้สมัยนี้คนเมืองเพชร น้อยนักที่จะไม่รู้จัก หากวันนี้ท่านไม่ด่วนจากศิษย์ไปก่อนเวลาอันควร ก็คงไม่มีใครปฏิเสธว่าท่านจะเป็นอันดับหนึ่งในเมืองเพชร ในพ.ศ.นี้อย่างแน่นอน ด้วยความที่ท่านเสกพระ สร้างของได้ขลังและศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งยวด วิชาทางมหานิยมของท่านสูงยิ่งอย่างเอกอุ หากกล่าวไปแล้วท่านเป็นพระที่ชอบทางเมตตา ทางมหานิยม มหาเสน่ห์ ท่านว่าเมตตาดีเขารัก เขาไม่เกลียด ไม่อดอยาก ดีกว่าทุกอย่าง คงกระพันก็ดีทางป้องกัน แต่เขามามากๆก็ไม่ไหว น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ มีวันพลาดพลั้งได้ มหาอำนาจดีทางปกครอง หากมีศักดิ์เหนือกว่า คุมผู้น้อยนั้นก็ดีไป แต่เมื่อเขากลัวเกรง เขาจึงหนีหน้าไม่อยากพบเจอ ไม่เหมาะกับคนทั่วไปหรือพ่อค้า แม่ค้า นายหน้า ไม่เหมาะกับทางนี้ แต่เมตตาดีที่สุด เขาเจอเราเขารักเขาเมตตา ถึงจะมาหมายฆ่าเอาชีวิตเห็นหน้าเกิดใจอ่อน เกิดเมตตาไว้ชีวิต ไปไหนก็สบาย ไปไหนมาไหนไม่กลัวเกรง ด้วยไม่มีศัตรูคู่อาฆาตหมายปองร้าย เรื่องแบบนี้คือข้อดีของเมตตา

ลพ.ตัด ท่านศึกษาทางเมตตาอย่างโดดเด่นและจริงจัง ท่านดั้นด้นไปทั่วทิศ ทั่วแดน ขึ้นเหนือลงใต้ เสาะหาวิชาความรู้ ท่านชอบศึกษาเพิ่มเติม แล้ววิชาที่ท่านชอบมาก คือเมตตา- มหานิยม ในหมวดเมตตาทุกแบบทุกประเภท แต่ท่านจะไม่ใส่ ไม่พึ่งพาทางเดรัจฉานวิชา พวกเสน่ห์เล่ห์กล น้ำมันพลาย น้ำมันผี ของต่ำท่านไม่ชอบเอามาปะปน โดยส่วนตัว ลพ.ตัดท่านชอบขุนแผน ชอบเป็นพิเศษกับพระพิมพ์ขุนแผน เดิมทีเดียวต้นเรื่องของวิชาขุนแผนนี้ ลพ.ตัด ท่านได้ทราบจากคำเล่าลือว่า มีคณะลิเกอยู่คณะหนึ่ง ในคณะลิเกนี้มีชายพิการหน้าตาขี้ริ้ว ขี้เหล่อยู่นายหนึ่ง ซึ่งนายคนนี้มีความแปลกประหลาดมากว่าใคร หากเมื่อใดที่นายคนนี้เป็นคนร้องออกแขกลิเก คราวไหนคราวนั้น ผู้คนจะมากันเต็ม จนดูอุ่นหนาฝาคั่ง ดูกันจนแน่นลานหน้าโรงลิเก แต่หากคราใดให้คนอื่นออกแขกแทน ผู้คนก็มาธรรมดา แบบมาเรื่อยๆปกติธรรมดา หากเมื่อใดต้องมีการประกบ ประชันกับคณะลิเกอื่นๆ หัวหน้าคณะจะให้ชายพิการคนนี้ออกแขก และทุกครั้งผู้คนจะมามากมายชนะเขาทุกครั้งไป ซึ่งความเป็นจริงคณะลิเกสมัยก่อนเขาก็มีครู มีการใช้ไสยศาสตร์ ใช้อาคมข่มกันอยู่เป็นปกติ แต่ก็แปลกที่มาแพ้ชายพิการทุกครั้ง จนผู้คนล่ำลือโจทก์ขานกันทั่ว ด้วยเหตุนี้เมื่อ ลพ.ตัด ท่านทราบก็รู้เลยว่าชายคนนี้จะต้องมีดี มีอาคมขลังวิชาดี ท่านจึงได้เดินทางมาขอวิชาจากชายพิการหน้าขี้ริ้วคนนี้ ชายพิการได้รับปากถ่ายทอดวิชาเมตตามหานิยมนี้แด่ท่าน โดยเขาเล่าว่าเรียนมาจากพระธุดงค์อีกทีหนึ่ง ท่านเมตตาสงสารเห็นเป็นคนอาภัพ หน้าตาขี้ริ้ว ถูกรังแก ล้อเลียน อับวาสนาไร้คนเมตตาสงสาร พระธุดงค์ท่านจึงได้ถ่ายทอดวิชาทางเมตตาอย่างสูงให้ไว้ เพื่อใช้ติดตัวจะได้อยู่รอดไม่ลำบาก เหตุนี้เป็นต้นเหตุเริ่มของวิชาสายนี้ โดยเมื่อชายพิการรับปากถ่ายทอดให้ ลพ.ตัด โดยท่านรับปากว่าจะบวชและขอตายในผ้าเหลือง เขาจึงยอมสอนถ่ายทอดต่อมา วิชานี้เป็นวิชาของขุนแผน วิชาขุนแผนดีทางมหานิยมอย่างสูง ผู้คนเมตตา ตามตำราว่าไว้ว่า “หากใคร่ขอ แม้นลูกในอกเขายังยกให้ไม่เกี่ยงงอน” นี้เป็นความขลังเด็ดขาดของวิชาขุนแผน

จนต่อมา ลพ.ตัด ท่านดำริสร้างพระขุนแผนเมืองเพชร ของวัดชายนาออกมา เพื่อแจกญาติโยม แจกศิษย์ของท่าน โดยท่านนำเอาวิชาขุนแผนของชายพิการนี้มาเสกลงในพระขุนแผนของท่าน เหมาะกับคนขาดรัก ขาดคู่ครอง พ่อค้า แม่ขาย ผู้เป็นนายหน้าเจรจาพาที ขอซื้อเขาก็ง่าย อยากขายก็คล่อง ลื่นไหลไม่ติดขัด

พระองค์นี้เป็นขุนแผนรุ่น ๒ ของท่านสร้างประมาณปี ๔๖ โดยมากพระขุนแผนชุดนี้จะไม่ค่อยสวย ส่วนมากจมูกจะสึกๆ แต่องค์ที่จะนำมาแบ่งให้นี้ คัดมาแต่สวยๆ สมบูรณ์ทั้งสิ้นและเก็บรักษามานานปี และยิ่งดีวิเศษเป็นเท่าทวีคูณตรงที่พระองค์นี้ ลพ.ตัด ปลุกเสกและจารสีทองด้านหลัง โดยขอแบ่งมาจากศิษย์ของท่านนำออกมาเพื่อเป็นการประกาศเกียรติ์คุณ ลพ.ตัด ผู้สร้างพระขุนแผนเมืองเพชร อีกเพชรเม็ดงามเจิดจรัสแห่งวงการพระเครื่องยุคปัจจุบัน พระชุดนี้อนาคตสดใส เก็บไว้เป็นหนึ่ง ไม่เป็นรองใครในยุคนี้ เก็บเป็นมรดก สืบลูกยันหลาน หรือแขวนคอได้สบายใจ หมดแล้วหมดเลยไม่มีอีก พระสวยจารมือ หายาก สายตรงกว้านเก็บกันแทบหมดวงการ สำหรับพระจารมือเวลานี้ เพราะคำเล่าลือเรื่องมหาเสน่ห์ รับรองเรื่องแท้สากลตามมาตรฐานของวัดชายนา ทั้งลายมือของหลวงพ่อตัดและเนื้อพระหรือ พิมพ์พระ

ให้บูชา 2,200 บาท

 

เหรียญขวัญถุงในพิธีเปิดโลก หลวงปู่ดู่ ปี 32 ​

​

เหรียญขวัญถุงในพิธีเปิดโลกนี้ เหมาะแก่การบูชาไปติดกระเป๋าเป็นเงินต่อเงิน ด้วยการเปิดประตูวาสนาครบสามโลกที่นับร้อยๆปีจะมีวันที่ทำพิธีนี้ได้สักครั้งหนึ่ง โดยทั่วไปในผู้เคารพนับถือ ลป.ดู่แล้ว จะเสาะหาเหรียญนี้มาบูชา แต่ที่สำคัญคือไม่มีของแท้ให้บูชา เหรียญขวัญถุงของหลวงปู่ดู่ พิธีเปิดโลกปี 32 ของดีที่หายาก ตอกโค๊ตวัด และจารกำกับทุกเหรียญ ชนิดเหรียญ 50 สต.

ปิดรายการนี้แล้วครับ

 

รูปหล่อเอกลักษณ์เสมา หลวงพ่อคูณเสาร์ 5 คูณพันล้าน เนื้อนวะ ปี 2537​

​

รูปหล่อเอกลักษณ์เสมา หลวงพ่อคูณเสาร์ 5 คูณพันล้าน วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เนื้อนวะโลหะ จัดสร้างปี 2537

ให้บูชา 1,500 บาท

 

รูปหล่อหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี รุ่นนับประคำ กะไหล่ทอง ​

​

รูปหล่อหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี รุ่นนับประคำ กะไหล่ทอง ก้นตัน สภาพสวย พร้อมกล่องเดิม หลวงพ่ออุตตมะ แห่งวัดวังก์วิเวการาม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทุกชาติทุกภาษา ไม่ว่าจะเป็นชาวไทย พม่า มอญ กะเหรี่ยง ฯลฯ ทั้งนี้นอกจากเพราะหลวงพ่อจะเป็นพระที่เจนจบทั้งในด้านปริยัติ โดยมีเปรียญมอญเป็นประกัน และยังมีอาคมที่กล้าแข็งแล้ว หลวงพ่อยังให้ความเมตตาแก่ทุกผู้คนที่หลั่งไหลมาขอความช่วยเหลือจากท่านอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ว่าจะยากดีมีจน หลวงพ่อจะให้ความเมตตาเสมอเหมือนกัน วัตถุมงคลของท่านจำนวนมากกระจายอยู่ในคอของผู้ศรัทธาทั่วทุกหัวระแหง ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์อย่างมากมาย

ให้บูชา 800 บาท

 

ธรรมจากปากหลวงปู่ใหญ่ ธรรมปฏิบัติบท ๔ ตอน ๒


​

การทำสมาธิได้แล้วไปต่อวิปัสสนาสะดวกดี แต่จะต้องต่อให้ถูก สมาธิต่อกับวิปัสสนา โดยมากจะไม่เข้าใจกัน จึงพูดรวมกันไม่ได้ สมาธิกับวิปัสสนาเกิดการถกเถียงกัน เพราะความไม่เข้าใจ บางคนก็ทำสมาธิตลอดไป เข้าใจว่าการทำสมาธินั้นเป็นการทำวิปัสสนาแล้วคนที่เข้าใจอย่างนี้ก็มี การทำอย่างนี้ก็แสดงว่าวิปัสสนากับสมาธิรวมกัน ปากก็พูดว่ารวมกันไม่ได้ แต่เวลาทำก็ทำรวมกัน ความจริงสมาธิก็อย่างหนึ่ง ส่วนวิปัสสนาก็อย่างหนึ่ง รวมกันไม่ได้ ทำไม่เหมือนกัน มันคนละรูปแบบกัน แต่มันต่อเนื่องกัน การทำสมาธิเพื่อส่งให้ถึงวิปัสสนา ก็หมดหน้าที่ของสมาธิ ต่อไปก็ถึงของวิปัสสนา วิปัสสนาก็จะทำหน้าที่ของ ๆ ตนไปตามลำพัง ไม่เกี่ยวกับสมาธิ มันเป็นการส่งต่อกันเท่านั้น จะว่ารวมกันหรือไม่รวมกันตามแต่จะคิดเอา

การทำสมาธิยังไม่ถึงขั้นสมาธิจริง ๆ มักจะเกิดนิมิตในรูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาให้เห็น เพราะผู้นั้นยังไม่ได้สมาธิอย่างแท้จริง ได้ขณิกบ้าง อุปจารบ้าง มีการขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่เหมือนสมาธิตัวจริง จะไม่มีนิมิตใด ๆ ให้เห็นเลย จิตจะนิ่งเฉย จะมองหรือจะฟังอะไรก็จะเห็นหรือได้ยินในสิ่งนั้น ๆ เฉย ๆ เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยินแล้วก็ดับไป สมาธิที่แท้จริงเป็นอย่างนี้ เห็นได้ยินแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาในจิตใจ ถ้าเข้าสมาธิแล้วยังมีนิมิตอยู่ก็ยังใช้ไม่ได้ จะต้องหาวิธีเข้าแล้วไม่มีนิมิต ถึงจะใช้ได้ สมาธิอย่างนั้นไม่มีญาณ ญาณไม่เกิด แต่ก็ได้สงบบ้างเล็กน้อย เพราะรูปนามยังไม่ดับอย่างแท้จริง ยังมีการปรุงแต่งจิตอยู่ จัดว่าเป็นสมาธิอย่างแท้จริงไม่ได้ นิมิตที่เห็นนั้นแสดงว่าจิตได้รับการปรุงแต่ง จึงมีการเห็นอย่างแบบธรรมดาของโลก การเห็นคนตาย ผีสาง เทวดา พระภูมิ ผีปีศาจ อะไร ๆ เหล่านี้ จิตปรุงแต่งขึ้นมาทั้งนั้น คนที่มีสมาธิไม่มั่นคงก็เป็นเช่นนี้ทุกคน บางคนก็พูดว่าได้รู้จักยมทูตบ้างละ กับคนที่ตายแล้วบ้างละ ตามแต่จะพูด การเห็นอย่างนั้นเป็นการฝันกลางวัน โดยมิได้นอน การทำสมาธิก่อนทำเราตั้งใจจะเห็นอะไรไว้ ก็จะเห็นตามที่ตั้งใจ อีกอย่างการเห็นอย่างนั้น มีสมาธิแค่ไหนก็ไม่รู้ รับรองสมาธิจริงไม่มีนิมิต นิมิตเกิดจากสมมติ สมมติให้เป็นเรื่องอะไรก็ตามใจชอบ คุณธรรมจะมีนิมิตบ้าง สมมติบ้าง สับเปลี่ยนกันไปอยู่ตลอดเวลา

คนที่ทำสมาธิ ตัดความนึกคิดได้หรือยัง ถ้ายังสมาธิไม่มีจะมีแต่ขณิกสมาธิเท่านั้น อุปจารก็ไม่ได้ไม่ถึง แล้วก็คุยว่าเห็นนั้นเห็นนี่ไปตามเรื่อง คนที่ทำสมาธิแล้วพูดว่าสมาธิเฉย ๆ ไม่มีอะไร คนอย่างนั้นเขาไม่รู้ว่านั่นแหละสมาธิละ การได้สมาธิก็จะต้องเกิดความเฉยขึ้น มันถึงจะเป็นสมาธิ ใครทำได้อย่างนี้จะต้องหัดเข้าออกให้คล่องในการเข้าออก อย่าทำแช่อยู่นาน ๆ ไม่เกิดประโยชน์ บางครั้งถึงกับจะให้โทษ อำมะพาตจะกินเพราะเรานั่งนานเกินควร สมาธิมาก วิริยาน้อย มักจะเกิดการเกียจคร้านในการปฏิบัติ ปัญญามาก สัญญาก็น้อยเป็นคู่กัน ฉะนั้นเราควรทำแต่พอดี แต่ควรทำบ่อย ๆ มีการเข้าออกบ่อย การทำวสี วสีแปลว่า ชำนาญในการเข้าออกสมาธิ การทำสมาธิ มิใช่ของง่าย ๆ ทำแล้วก็ไม่รู้ว่าได้แค่ไหน สมาธิ ๓ ดังที่ได้พูดบอกนั้น จะต้องให้ได้อัปนาสมาธิ จึงจะเป็นสมาธิที่แท้จริง ถ้าได้อัปนาสมาธิต่อไปก็จะทำวิปัสสนา

การทำวิปัสสนา ก็จะต้องทำสมาธิก่อนอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งทำวิปัสสนาโดยตรง จะไม่ต้องทำสมาธิก่อน ทำวิปัสสนาพร้อมกันไป ทำสมาธิด้วย ทำวิปัสสนาด้วยพร้อมกันไปเลย โดยมากจะไม่รู้กัน เข้าใจว่าทำวิปัสสนาโดยตรงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว เป็นการทำควบคู่กันไปพร้อมกัน สมาธิด้วยวิปัสสนาด้วย การทำอย่างนี้จะได้แก่การมองรูปนาม หรือมองดูรูปนามเกิดดับ การมองดูรูปนามเกิดดับ เป็นการทำวิปัสสนาอีกอย่างหนึ่ง การทำสมาธิก่อนแล้วมาต่อวิปัสสนา ก็เป็นการทำวิปัสสนาอีกอย่างหนึ่ง มีด้วยกันสองอย่างในการทำวิปัสสนา วิธีการมองดูรูปนามเกิดดับ ก็มองด้วย ขณิกสมาธิ จึงเห็นรูปนามเกิดดับ ถ้าไม่มีสมาธิมองก็จะไม่เห็นรูปนามเกิดดับ การทำแค่นี้ก็ใช้สมาธิแล้ว ไหนพูดว่าวิปัสสนาไม่ใช่สมาธิ ไม่เกี่ยวกับสมาธิ สมาธิใช้ทำวิปัสสนาไม่ได้ คนที่ไม่เคยทำก็ไม่รู้ พูดแล้วลืม เขาไม่รู้ว่าสมาธิเป็นอย่างไร เข้าใจว่า ขณิกสมาธิ คงไม่ใช่สมาธิตามที่เข้าใจกัน ก็สมาธิมี ๓ อย่าง หรือสามชั้น สมาธิชั้นแรกก็ได้แก่ ขณิกสมาธิ ขั้นที่ สองก็ได้แก่อุปจารสมาธิ ขั้นที่สามก็ได้แก่อัปนาสมาธิ สมาธิมีสามชั้นเท่านั้น

การมองดูรูปนามเกิดดับ ก็จะต้องใช้ขณิกสมาธิมองจึงเห็น คนอะไรพูดเองเออเอง ใช้แล้วก็พูดว่าไม่ใช้ ใช้ไม่ได้ สมาธิใช้ทำวิปัสสนาไม่ได้ คนที่เขารู้ฟังแล้วก็ต้องงง เดี๋ยวใช้ได้เดี๋ยวใช้ไม่ได้ การทำวิปัสสนาก่อนที่จะเห็นรูปนามเกิดดับ หรือรูปนามดับ จิตจะต้องเกิดสมาธิด้วยกันทั้งนั้น ถ้าเห็นการเกิดดับ ก็เห็นด้วยสมาธิต่ำ ๆ ถ้ารูปนามดับก็จะเห็นด้วยสมาธิที่สูงขึ้นไป การที่เห็นนิมิตก็จะเห็นสมาธิชั้นกลาง ๆ ทุกสิ่งในการเห็นจะต้องเห็นด้วยสมาธิด้วยกันทั้งนั้น ไม่เลือกว่าเห็นอะไร ก็พูดแล้วว่ามรรค สมาธิ ญาณ เป็นตัวการเข้าไปรู้เห็นในสิ่งต่าง ๆ แม้แต่ความดีความชั่วก็เข้าไปรู้เห็น แล้วก็พูดว่าไม่ใช่สมาธิ สมาธิใช้ไม่ได้ คนอย่างนี้ไม่รู้จริง ไม่เคยทำ ไม่เคยได้จึงไม่รู้

ยังมีต่อ

 

ตะกรุดนาคเกี้ยวโลกันต์ หลวงพ่อเกิด วัดเขาดิน จ.ชัยนาท ขนาด 5 นิ้ว นาคคู่​

​

พระครูอุดมชัยกิจ หรือหลวงพ่อเกิด ปณฺฑิโต วัดเขาดิน พระผู้อยู่ติดดิน แต่เหนือดิน พระผู้อยู่ใต้ฟ้า แต่เหนือฟ้า อยู่กับโลก แต่มิใยดี ในสุขโศกา พระผู้มีจิตแก่กล้า เป็นมหาบูรพาจารย์ที่ปล่อยวาง ธรรมทายาทแห่งหลวงพ่อกบ เขาสาริกา หลวงพ่อโอภาสี แห่งอาศรมบาทมด หล่อหลอมพลังอำนาจเล้นลับแห่งจิตตานุภาพ ในต้นปี 48 นี้ หลวงพ่อเกิด ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคล " รุ่นพุทธบำเพ็ญ 2 " รายได้ทั้งหมดจากวัตถุมงคลของท่านนั้น จะนำไปสร้างกุฏิกรรมฐานบนยอดเขา โดยได้จัดสร้างตระกรุดนาคเกี้ยวโลกันต์ ขนาด 5 นิ้ว นาคคู่ จำนวนสร้าง 108 ดอก ถือว่าเป็นตะกรุดที่เข้มขลังด้วยกฤติยาคม

ตะกรุดนาคเกี้ยวโลกันตร์ เด่นดังในด้านเสน่ห์มหามงคล และมีอุปเท่ห์ในด้านคุ้มครองป้องกันภัย แคล้วคลาด คงกระพัน อันไม่มีขีดจำกัด ดีครอบจักรวาล กันเขี้ยวงา แก้คุณไสยต่างๆ ชนะความตามอธิษฐาน และทิพยะอิทธิฤทธานุภาพ อันไม่มีขีดจำกัด ของสายเตโชกสิน หลวงพ่อท่านว่า เจตนาดี ทำมาดี ตั้งใจเสกให้ ก็เป็นของดีไปทั้งนั้น ไม่ต้องสงสัย ของๆท่านที่ทำไม่มีวันเสื่อม ไอ้ที่เสื่อม คือ จิตของผู้ใช้ต่างหาก

ตะกรุดนาคเกี้ยวโลกันต์เพ้นท์ลายน้ำทองกระนั้นยังไม่พอ อีกทั้งมีความเชื่อกันว่า พญานาค เป็นผู้เฝ้ารักษาทรัพย์สมบัติ อันเป็นทิพยสมบัติทั้งปวง ย่อมจะน้อมนำโชคลาภ วาสนา และความอุดมสมบูรณ์ มาสู่ผู้บูชาตะกรุดอยู่เนืองๆ อีกทั้งความเป็นเจ้าแห่งบาดาล ย่อมยังความสงบสุข ร่มเย็น ให้แก่ผู้ครอบครอง และยังได้นำพระเจ้ารวยทันใจที่กำลังฮือฮาในด้านประสบการณ์ทางโชคลาภที่รวดเร็วทันใจสมชื่อในการนี้ได้อัญเชิญ รูปเคารพองค์ลักษณะของพระเจ้ารวยทันใจเทพเจ้าแห่งโชคลาภ นำมาประดิษฐานใจกลางวงกลมขององค์พระที่เปรียบเสมือนลูกโลก และการขดขอพญานาคทั้ง 2 ที่กำลังเกี้ยวพาราสีกัน นั่นแสดงถึงพลังแห่งความรักความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การหลอมรวมพลังฤทธานุภาพของพระผงนาคเกี้ยวโลกันต์ประทับด้วยพระเจ้ารวยทัน จึงมีคุณแห่งกฤติยาคมรุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ

ด้านหลังนั้นเล่า องค์หลวงพ่อท่านประจุด้วย พระยันต์อิติปิโส ถอดรูปกลบทภุชงค์ซ่อนห่าง ท่านว่าเรื่องแคล้วคลาดก็ดี กำบังตาพรางกายนั้นเป็นเอกอุ อย่าได้สงสัยแม้แต่น้อยนิด ให้ติดใจ หากจะกล่าวถึงคุณวิเศษท่านว่านั่งเล่ากันเป็นคืนก็มิจบ

ตะกรุดเกี้ยวโลกันต์ที่มีพระเจ้ารวยทันใจประทับนี้ก็เอา 2 คูณเข้าเถิด พญานาคทั้ง 2 นี้ เกาะเกี่ยวเลี้ยวรัดประหนึ่งคอยเฝ้าอารักขาปกป้องอยู่นั้น เป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ ร่วมเย็นปลอดภัย ส่วนพระเจ้าทันใจเป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง มั่งมีโชคลาภชนิดไหลมาเทมามิขาดสาย

ให้บูชา 3,000 บาท

 

เหรียญหล่อ เสาร์5 ปี36 หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ เนื้อทองผสม


​

หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ จึงเป็นพระอาจารย์ระดับแนวหน้าที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรที่สุดแห่งยุคอีกองค์หนึ่งทางด้านคงกระพันชาตรี จนได้รับสมญานามจากปวงชนทั้งหลายว่า “เทพเจ้าแห่งความอยู่คง” เมื่อหลวงพ่อเปิ่นได้รับนิมนต์จากชาวบ้าน ให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดบางพระ ชื่อเสียงการ “สักยันต์” ในด้านคงกระพันโด่งดังยิ่งขึ้น และได้รับความเชื่อถือจากลูกศิษย์ลูกหามากมายจนเป็น พระอาจารย์ชั้นนำระดับแนวหน้าที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรที่สุดแห่งจังหวัดนครปฐม

ในสมัยนั้น การสักยันต์ มักจะมีผู้คนกล่าวในแง่ลบสารพัดว่า สกปรกบ้าง เหมือนเป็นนักเลงบ้าง หรือดูเหมือนคนขี้คุกที่เคยต้องโทษบ้าง บางรายถึงกับกล่าวโจมตีว่า การสักเป็นการจารึกชื่อของนักโทษแต่โบราณ แม้แต่นักเขียน (ใหญ่) บางคนยังพูดจาดูหมิ่นใส่หน้าข้าพเจ้า แต่ปัจจุบันนักเขียนท้องถิ่นผู้นั้น กลับไปนิมนต์หลวงพ่อเปิ่นไปงานพิธีพุทธาภิเษกอยู่เสมอ

เหรียญหลวงพ่อเปิ่น รุ่น เสาร์ 5 เสือคู่ ปี 36 เนื้อทองผสม กล่องเดิม ตอกโค๊ดด้านหลังให้บูชา 1,200 บาท

 

พระสมเด็จหลังพระพรหมหลวงปู่เรือง วัดเขาสามยอด ลพบุรี รุ่นรุ่งเรือง 89​

​

พระสมเด็จหลังพระพรหมหลวงปู่เรือง วัดเขาสามยอด ลพบุรี รุ่นรุ่งเรือง 89 ออกวัดสวนบุญพรตภูผาโพธิสัตว์ จ.อุบลราชธานี จัดสร้างปี 2546 ปลุกเสก 1 ไตรมาส

ปิดรายการนี้แล้วครับ

 

หลวงปู่พวง วัดน้ำพุสามัคคี เพชรบูรณ์เหรียญหล่อโบราณรุ่นแรก เนื้อนวะโลหะ​

​

หลวงปู่พวง ศิษย์เอกหลวงพ่อทบ ชนแดน หลวงพ่อเขียน สำนักขุนเณร หลวงพ่ออ้วน ดงขุย พระอภิญญาวาจาสิทธิ์ หลวงปู่พวง เคยดำริไว้ไม่จำเป็นไม่สร้าง ถ้าสร้าง เอาแค่พอสร้างวัดสร้างวาตามสมควร วัตถุมงคลของท่านแต่ละครั้งจึงสร้างออกมาไม่มาก ทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมากของลูกศิษย์และผู้ศรัทธา หลวงปู่พวงเคยบอกเอาไว้ ของๆท่านล้วนมีเจ้าของ ก่อนพศ.2500 หลวงปู่พวงท่านยังไม่สร้างเครื่องรางของขลัง ใครมากราบ ขอของดีท่านหยิบจับอะไรใกล้มือได้เป็นต้องเสกเป่าแล้วยื่นให้ หลวงปู่บอกว่า “ เอ้า เอาไปนี่แหละของดีข้า ” เชื่อหรือไม่ ใบไม้ ก้อนหิน ก้านธูป ใครได้รับไปมีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ รถคว่ำหลายตลบรอดมาได้มีเพียงก้อนหินเสก ของหลวงปู่พวงในคอเท่านั้น ทำไมก้อนหินนี้จึงได้ขลัง หลวงปู่พวงบอกว่าครูฉันสอนแบบนี้เมื่อก่อนหลวงพ่อทบท่านหาอะไรไม่ได้หยิบเอาก้อนหินบ้าง ใบไม้บ้าง ก้านธูปบ้าง เสกเป่าลงอาคมแล้วให้ไปของดีทั้งนั้น จิตดีของก็ดี เมื่อปี 55 หลวงปู่พวงสร้างเหรียญรุ่นแรกเอาไว้ เกิดประสบการณ์กล่าวขวัญไปทั่วเมือง กันปืน กันฟ้า ขวานฟันไม่เป็นไร รถชนไม่เป็นไร ถูกหวย รวยเบอร์ เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ขออะไรได้สมหวัง พอสร้างเหรียญมหาเศรษฐีปี 56 ปรากฏว่า รวยกันทั้งบ้านทั้งเมือง สมปรารถนาถ้วนหน้าเพราะมีเหรียญมหาเศรษฐีติดตัวเพียงเหรียญเดียว หลวงปู่ละมัย สวนสมุนไพรบ้านกล้วย อายุ 140 ปี (ปัจจุบันละสังขารแล้ว) ได้บอกไว้ “ ต่อไปภายหน้าหากว่ากูไม่อยู่ ยังมีพระพวงที่วัดน้ำพุตีนเขารัง แทนกูได้ ” ไม่จำเป็นไม่สร้าง !!! วัตถุมงคลหลวงปู่พวง ถ้าไม่ถึงกาลไม่ถึงวาระจริงๆ ท่านไม่สร้างถ้าสร้างแล้วทำแล้ว ต้องเสกให้ถึงจริงๆให้เป็นของวิเศษจริงๆ พึ่งพาอาศัยได้จริง ยกชีวิต ยกฐานะได้จริง อุปมาดั่ง พลิกฟ้า พลิกดิน ได้จริง ท่านถึงจะสร้าง ท่านว่าถ้าทำแล้วดีกว่าท่อนไม้หน่อยเดียว จะทำทำไม ถ้าทำแล้วช่วยเขาไม่ได้เราจะทำทำไม เสียชื่อครูอาจารย์เรา ที่วัดน้ำพุสามัคคีจึงไม่สร้างพระพร่ำเพรื่อ. วัตถุประสงค์ เพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะทั้งหมดในวัดน้ำพุสามัคคี และ ซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาล เหรียญหล่อโบราณ รุ่นแรก ครั้งนี้ครั้งแรกของการสร้างเหรียญเต็มองค์ หลวงปู่พวง จัดสร้างตามแบบฉบับโบราณเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน ด้านหลังหลวงปู่พวงเมตตาให้ใส่ยันต์เพชรกลับ เพื่อหนุนดวงส่งเสริมป้องกันแคล้วคลาดชาตรีนิรันตรายแก่ผู้ที่ได้นำไปใช้ เหรียญหล่อ รุ่นแรกได้ทำการเททองหล่อในวันเสาร์ ๕ เป็นวันที่แข็งที่สุดเหมาะต่อการหล่อพระเสกพระ ทำให้ยิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นทวีคูณ รวมกับชนวนมวลสารที่หายากมากกว่า ๑,๙๙๙ ชนิดหลอมรวมกันได้ยากนัก หลายอย่างหลอมอย่างไรก็ไม่ละลาย พอเอาน้ำมนต์หลวงปู่พวงราดเข้าไป ละลายหมดไม่เหลือ เมื่อมวลสารเข้ากันได้ยากจึงทำให้แต่ละเหรียญขาดความสวยงามแบบสมัยใหม่ไป แต่งดงามในทางศิลปะและความโบราณเข้ามา หลังจากนั้นหลวงปู่พวง ได้นำมาปลุกเสกเดี่ยวตลอด 10 วัน 10 คืน จากนั้นจึงได้ให้นำออกให้บูชาในวันที่ 1 มกราคม 2557 ต้อนรับปีใหม่พอดิบพอดี หลวงปู่พวงบอกว่า ปลุกเสกเต็มอัตราทำแบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว เหรียญนี้มีดีนอกและดีใน เพราะลงจนหมดทำให้เต็มเปี่ยมแล้ว จำนวนการจัดสร้าง เนื้อนวะสร้าง 999 องค์นี้หมายเลข 90

ปิดรายการนี้แล้วครับ

 

เหรียญหลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ. กระบี่ รุ่นเทพวิษณุ ปี 2537


​

หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ ปีชวด แม่ชื่อต้า พ่อชื่อเพชร ชลสาคร บ้านเกิดอยู่ที่บ้านปากนคร ต.ท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช มีพี่น้อง ๗ คน เมื่ออายุได้ ๕ ขวบ แม่และพ่อซึ่งเคยเป็นพระธุดงค์ที่เก่างทางสมถกรรมฐาน มีวิชาอาคมแก่กล้าได้บังคับให้นั่งสมาธิอยู่เสมอ เมื่ออายุได้ ๖ ขวบก็กำพร้าแม่ นึกอยากจะบวชแต่พ่อไม่อนุญาติเนื่อจากสุขภาพของพ่อไม่ค่อยแข็งแรงจึงต้องรับภาระในการเลี้ยงดูครอบครัว อายุ ๘ ขวบได้เรียนโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์และพุทธศาสตร์ อายุ ๙ ขวบเรียนพระไตรปิฏกทีวัดมหาธาติวรวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และเรียนเพิ่มเติมที่วัดนารีประดิษฐ์อีก

ต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าจากหลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ เกี่ยวกับประวัติของท่านและความเป็นมาของวัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ ซึ่งเรียบเรียงมาจากหนังสือทิพย์ ชุดผู้มีญาณวิเศษ ๑

พออาตมาอายุสิบกว่าปีเรียนวิทยาศาสตร์ เอาทุกรูปแบบคนนับถือกันมากก็ตอนอายุ ๘-๑๐ ขวบนี่เองจับโจรก็เคยจับ ต่อสู้กับอัธพาลมาก็มากมาย สมัยเป็นเด็กเคยทำมาหลายอย่างที่ทำให้คนรู้จัก แต่ทั้งหมดก็ได้มาจากความรู้ที่ได้เรียนมา

รอดตาย ๓ ครั้ง
ช่างที่อาตมาเป็นชาวประมงนั้นอยู่ในระหว่างอายุ ๑๐-๑๘ ปี ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอด คือรับได้อับปางจมลงทะเลถึง ๓ ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกอาตนมรู้ตัวว่าเรือจะต้องจมเพราะว่าลมแรงดูคลื่นก็รู้ มดบ้าง แมลงบ้างบอกเหตุให้ก่อน ในขณะที่อาตมารุ้ว่าเรือต้องจมแน่นั้นบอกเพื่อนก็ไม่เชื่อ อาตมาจึงเอาเชือกมาผูกไว้กับเรือ และกระเป๋าข้าวของบางอย่างก็ต้องผูกให้เรียบร้อยหมด ได้เตรียมทุกอย่างแล้วก็มีธงทุ่นลอยเตรียมไว้พร้อม ทั้งก้อนหินเพื่อที่จะได้ทิ้งเครื่องหมายไว้เมื่อเรือจม จะได้กลับมาเอาของได้ หลังจากนั้นก็เกิดลมแรงคลื่นใหญ่พาเรือจมจริง ๆ พอจะจมอาตมาก็ผูกตัวเองด้วยเชือกไว้กับเรือแล้วก็ผูกให้เพื่อนด้วย เพื่อนก็พลอยรอดตามไปด้วยทั้ง ๓ ครั้ง ครั้งแรกต้องลอยคออยู่กลางทะเล ๕ ชั่วโมง ได้มีเรือมาช่วยชีวิตไว้ ครั้งสองได้กู้เรือขึ้นเองโดยมีเพื่อนอีก ๓ คนช่วยกันวิดน้ำออกจากเรือ ครั้งที่สามต้องลอยคออยู่ในทะเลท่ามกลางพายุใหญ่ทีพัดกระหน่ำรุนแรงตลอดทั้งคืนจึงถึงเที่ยงวันอีกครึ่งวันจึงกู้เรือขึ้นได้เพราะมีเรืออื่นมาช่วย อาตมาไม่ประมาทตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่ไว้ใจเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเสมอ

ให้พรบวชไม่สึก
ต่อมาอาตมาได้ทราบกิตติศัพท์เกี่ยวกับศีลาจารวัตรอันงดงามของ พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ ( วัดพระธาตุน้อย ตำบลช้างกลาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ) หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า หลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ ครั้งนั้นอาตมารู้ข่าวว่าพ่อท่านคล้ายมาที่บ้านเขาธง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อกิจในการสงเคราะห์ญาติโยม อาตมาก็ดีใจเป็นอย่างมาก ได้ตระเตรียมและเรี่ยไรเครื่องบริโภคต่างๆ มีกะปิ ปลา กุ้ง เป็นอันมาก รวบรวมเอาไปถวายท่านให้เป็นทาน เมื่ออาตมาไปถึงก็ได้ถวายของไทยทานแก่ท่าน แล้วขอพร แล้วก็ขอชานหมากมา ซึ่งได้ขอพรจากท่านว่า " หลวงพ่อครับ…ให้พรผมบวชไม่สึกนะ ให้มีธรรมะชั้นสูง " แล้วท่านก็ให้พร และให้ชานหมากมาแจกกัน ปรากฏว่าช่วงระยะไม่ถึงปี ชานหมากนั้นกลับกลายเป็นเหล็ก ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งยังมีความแข็งแกร่งมาก จนสามารถขีดหินเป็นร่องรอยได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง เพราะตามธรรมดาแล้วชานหมากนั้น หากทิ้งไว้นานก็จะแห้งกรอบและอ่อน ไม่น่าจะแข็งและกลายสี กลายสภาพเป็นธาตุเหล็กได้เลย นับว่าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเหนือธรรมชาติอย่างหนึ่ง จากเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้อาตมาศรัทธาหลวงพ่อคล้ายตั้งแต่อายุยังน้อยเรื่อยมา

พ่อตายจึงได้บวช
ต่อมาเมื่ออาตมาอายุได้ ๑๙ ปี พ่อก็ตายไปด้วยโรคเจ็บออด ๆ แอด ๆ มีหลายโรคแทรกซ้อนตามวัยชรา พอปีต่อมาตรงกับ พ.ศ.๒๕๐๐ อาตมาก็ไปเกณฑ์ทหาร แต่ไม่ถูกเกณฑ์ก็ได้โอกาสจะบวชเพราะอายุ ๒๐ ปีแล้ว และประกอบกับพ่อตายตายแล้วจึงมีสิทธิ์จะชวชได้ตามที่พ่อเคยบอกไว้ ก่อนที่อาตมาจได้บวชนั้น หากรู้ว่ามีพระธุดงค์มาก็เข้าไปหาทันทีเพื่อสอบถามเรื่องการเดินธุดงค์และวิธีปฏิบัติ ทั้งยังถามเรื่องของขลัง ถามเรื่องวิธีปัดกวาด ทำให้อาตมาได้ธรรมะและแนววิธีการต่าง ๆ มาและได้จำมาปฎิบัติในภายหลังเมื่อมีโอกาส เมื่อตั้งใจจะบวชแน่นอนแล้วได้ตั้งความคิดไว้ว่า เงินได้เท่าไหร่ก็จ่ายแจกให้หมดไม่เอาความร่ำรวยไว้ มีเรือ ๒๓ ลำ ลูกน้องทั้งหมด ๒๐ คน ได้เท่าไหร่ก็จ่ายแจกคนจนให้อะไรเขาหมดเลยไม่มีเหลืออะไรสักอย่าง เราไม่อยู่เป็นฆราวาสแล้ว ไม่สึกเด็ดขาด อาตมาบวชที่วัดนารีประดิษฐ์ ต.ท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ท่านพระครูกาเดิม วัดบูรณาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูประดิษฐ์สุวรรณวัตร เป็นพระกรรมวาจารย์

พบพระอาจารย์ธัมมธโรภิกขุ
เมื่ออยู่วัดนารีประดิษฐ์ครบ ๗ ปี ตามที่ได้อธิษฐานไว้ก็กราบลาจากวัดนารีประดิษฐ์ไปอยู่วัดท้าวโคตร ซึ่งต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น วัดชายนา ตอนนั้นเป็นสำนักวิปัสนากรรมฐาน พระอาจารย์ใหญ่ผู้ทำการอบรมสั่งสอนสำนักนี้คือ ท่านพระอาจารย์ธัมมธโรภิกขุ (แป้น ชาวเวียง) ในระยะนั้นท่านธัมมธโรเพิ่งจะสร้างวัดร้างชายนาให้สำเร็จเป็นวัดขึ้นมาใหม่ ๆ (ขณะนี้ท่านธัมมธโรมาสร้างวัดไทรงามอันโด่งดังอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี)
ที่สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดท้าวโคตรนี้ ท่านพระอาจารย์ธัมมธโรสอนแบบมหาสติปัฎฐาน๔ สายสุขวิปัสสโกตัดทิ้งเรื่องนิมิตในสมาธิ เรื่องโอภาสแสงสว่าง เรื่องอะไรต่ออะไรที่เป็นวิปัสสนูกิเลสทิ้งหมดเลย ไม่เอาอภิญญาฤทธิ์เดชอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องเอาการเห็นผีสางเทวดา เอามรรคผลนิพพานล้วน ๆ บริสุทธิ์อย่างเดียวเรียกว่าการปฏิบัติแบบ ปัญญาวิมุตติ "ท่านจำเนียรปฎิบัติกรรมฐานมาบ้างแล้วหรือยัง" พระอาจารย์ธัมมธโรถามอาตมาก็กราบเรียนให้ท่านทราบว่าตั้งแต่บวชมา ๗ ปีแล้ว ก็เจริญกรรมฐานมาเรื่อย ทำทั้งแบบสมถวิธีเจือปนกับวิปัสสนา และทำแบบยุบหนอพองหนอ ตามแนววัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ "ท่านจำเนียรมีความรู้ทางด้านไสยศาสตร์บ้างหรือเปล่า?" ท่านอาจารย์ธัมมธโรซักอีก อาตมาก็กราบเรียนให้ท่านทราบตามตรงไม่ปิดบังเลยว่าเคยศึกษาไสยศาสตร์ตั้งแต่อายุ ๖ ขวบเศษ ฝึกนั่งสมาธิเรียนโหราศาสตร์และแพทย์แผนโบราณโดยมีพ่อสอนให้เพราะพ่อเคยเป็นพระธุดงค์ อาตมาเปิดเผยอย่างละเอียดละออหมดทำให้ท่านธัมมธโรภิกขุพอใจมาก แล้วท่านก็เล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่านเป็นฆราวาสหนุ่มก็ไปเรียนวิชาอาคมกับเพื่อนๆ ด้วยเหมือนกัน มีการลงอักขระยันต์ตามเนื้อตัว และเรียกคาถาอาคมต่าง ๆ การสักยันต์ทางหนังเหนียวอยู่ยง เมื่อท่านสักยันต์เสร็จก็มีการลองของกันทันทีสด ๆ ร้อน ๆ ต่อหน้าอาจารย์เลย คือฟันด้วยมีดดาบบ้าง แทงบ้าง มีดแหลมบ้าง เชือดเฉือนด้วยมีด จนกระทั่งอายุ ๑๘ ปีเศษ ได้บวชเป็นสามเณร เมื่อบวชเรียนแล้วก็เลิกทางไสยศาสตร์ หันมาปฎิบัติทางพุทธศาสนา "วิชาทางอาคมไสยเวทย์หนังเหนียว อยู่ยงคงประพัน เป็นวิชาของศาสนาพราหมณ์ ซึ่งขัดขวางการปฎิบัติวิปัสสนา ถ้าท่านจำเนียรจะอยู่ปฎิบัติวิปัสสนาที่สำนักของผมจะต้องปล่อยวางเรื่องไสยเวทย์วิทยาคมให้หมดจึงจะเรียนปฎิบัติปัสสนาได้ผล ท่านจำเนียรเลิกได้ใหมละ? อาตมานั่งคิดอยู่นานเพราะถ้าทิ้งหมดเลยก็แปลว่าเลิกสงเคราะห์ช่วยเหลือศรัทธาญาติโยม คือไสยศาสตร์เป็นวิชที่สงเคราะห์ชาวบ้านได้ตามที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว นั่งคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจกราบเรียนท่านไปว่า "ผมคงเลิกวิชาไสยศาสตร์ไม่ได้ครับท่าน" ท่านพระอาจารย์ธัมมธโรพอใจ ท่านสอนมหาสติปัฎฐาน๔ อธิบายละเอียดมาก มรรค๔ ก็สอนละเอียดลึกซึ้งน่าอัศจรรย์ อาตมาศรัทธามากยกให้ท่านเก่งจริง ๆ อาตมาเรียนทั้งภาควิชาการและการปฎิบัติควบคู่กันไป แต่หนักไปทางปฎิบัติ

ให้บูชา 350 บาท

 

หลวงพ่อคูณ เหรียญหล่อพิมพ์ใบโพธิ์ รุ่นเสาร์๕ คูณทรัพย์แสนล้าน ปี ๒๕๓๙


​

หลวงพ่อคูณ เหรียญหล่อพิมพ์ใบโพธิ์ รุ่นเสาร์๕ คูณทรัพย์แสนล้าน ปี ๒๕๓๙ เนื้อทองแดง พร้อมกล่องเดิม ให้บูชา 400 บาท

 

เหรียญล้อแม๊กซ์ รุ่นแรก หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ รุ่น 70 ปี


​

เหรียญหล่อพิมพ์ล้อแม๊กซ์ รูปเหมือนครึ่งองค์ หลังขวัญถุง จัดสร้างวาระครบอายุ 70 ปี พ.ศ.2535 ซึ่งสร้างก่อนเหรียญล้อแม๊กซ์รุ่นเสาร์ 5 คูณทวีเหลือกินเหลือใช้ ปี 36 ปัจจุบันหายากครับ

ให้บูชา 1,200 บาท

 

ธรรมจากปากหลวงปู่ใหญ่ ธรรมปฏิบัติบท ๔ ตอนจบ


​

ขอให้รู้ไว้ สมาธิจะต้องใช้ในทุกที่ ทุกสถาน จะไม่มีเว้นเลยเพราะสมาธิทำให้เกิดญาณ ญาณเป็นตัวเข้าไปรู้เห็นธรรม พระพุทธเจ้าพูดว่า ผู้ได้สมาธิ เหมือนผู้ที่ขึ้นอยู่ในที่สูง ย่อมรู้เห็นในสิ่งต่าง ๆ ได้ทั่วถึง สมาธิเป็นหัวหน้าธรรมทั้งหลาย การรู้เห็นจะต้องให้จิตเกิดสมาธิก่อน การตั้งใจหรือเจตนา เกิดจากสมาธิ การที่เราทำวิปัสสนาแล้วเห็นรูปนามเกิดดับ จิตเป็นขณิกสมาธิ จึงจะเห็น รูปนามเกิดดับ การที่เราจะเห็นรูปนามดับ จิตก็จะถึงอัปนาสมาธิ จึงจะเห็นรูปนามดับ

การที่จิตจะถึงปรมัตถ์ จิตจะต้องได้อัปนาสมาธิจิตจึงจะเป็นปรมัตถ์ จิตปรมัตถ์ จิตวิสุทธิ จิตถึงอัปนาสมาธิ เป็นจิตอย่างเดียวกัน การรู้ก็จะต้องรู้ทีละอย่าง จะพิจารณาอย่างไหน ก็จะรู้อย่างนั้น ความจริงสิ่งเหล่านี้เกิดพร้อมกัน จิตอย่างนี้ก็มีอารมณ์อย่างหนึ่ง ได้แก่ อารมณ์ที่ไม่สุข ไม่ทุกข์ หรือเฉย ๆ ถ้าใครได้ปรมัตถ์ก็จะต้องรักษาอารมณ์อันนี้ไว้ตลอดไปถึงจะวิปัสสนาได้ จะทิ้งอารมณ์ไม่ได้เลย ถ้าทิ้งอารมณ์ก็จะไม่เห็นธรรมที่เป็นปรมัตถ์ วิปัสสนาก็เสียใช้ไม่ได้ เพราะไม่มีญาณทัศนวิสุทธิ ญาณเกิดจากจิตเป็นปรมัตถ์ จิตวิสุทธิ จิตเป็นมรรค จึงเกิดญาณรู้เห็น

อีกอย่าง ได้แก่การทำกสิณ หรือสมาธิมาก่อนแล้ว ก็จะต้องไปต่อวิปัสสนาในภายหลัง ตำรามีบอก มิใช่เราพูดขึ้นเอง สิ่งเหล่านี้มีหลักฐานยืนยันด้วยกันทั้งนั้น เว้นแต่ใครจะดูเจอ รู้หรือไม่รู้เสียเท่านั้น ถ้าจะพูดบอกว่าเล่มไหน หน้าไหน บรรทัดที่เท่าไรคงไม่ได้ ขอให้หาดูเอาเองเพื่อกันคนขี้เกียจดูตำรา เราพูดใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ เรามิใช่ครูอาจารย์ท่าน จะได้บอกว่าหน้านั้นเล่มนี้ การทำกสิณหรือสมาธิไปต่อวิปัสสนาก็ได้ พูดบอกมาแล้วมากแล้ว จะขอพูดอีกมันจะเกิดการเบื่อหน่าย ถึงจะพูดแล้วแต่ไม่มีคนปฏิบัติมันก็ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าปฏิบัติแล้วขัดข้องละก็ยินดีจะบอกให้ ถ้าจะพูดอธิบายทั้งหมดก็ไม่สามารถที่จะอธิบายให้หมดได้ สุดแท้แต่ใครจะอยากรู้ตรงไหน ต้องการตรงไหน ยินดีจะพูดบอกให้เป็นรายบุคคลไป การปฏิบัติธรรมข้อปลีกย่อยมีแยะ มีตลอดไปด้วย ทุกขั้นทุกตอนไม่เว้น

การทำกสิณ การทำสมาธิ การทำวิปัสสนา สิ่งเหล่านี้มีข้อปลีกย่อยอยู่ด้วยกันทั้งนั้น ตามปริยัติจะไม่มีบอกไว้ จะต้องหาเอาเองด้วยประสบการณ์บ้าง หรือถามไถ่จากท่านผู้รู้มาก่อนบ้าง ได้แก่ ครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติได้มาแล้วอีก เพื่อช่วยเหลือในการปฏิบัติของเราให้ได้ให้ดีขึ้น ตำราอย่าห่าง ดูเฉพาะที่เราต้องการเท่านั้น นอกนั้นเก็บไว้ก่อน เพราะดูในภายหลังได้ ต่อไปจะต้องดูด้วยกันทั้งหมด เมื่อถึงเวลาต้องการ ถ้าเราดูตำราทั้งหมดก็คงจะไม่ได้ปฏิบัติกันในชาตินี้ มันมากเหลือเกิน ความจริงการปฏิบัติก็จะไม่ต้องเอาทั้งหมดก็คงจะได้ เลือกเอาสิ่งที่จำเป็นในการที่จะใช้ในการปฏิบัติเท่านั้นก็พอ

ความเกิดความดับ ตั้งอยู่ที่ ๓ อย่างนี้ พร้อมทั้งความรู้และความเป็นไป ต้องตั้งจิตให้สัมผัสพร้อมกันทั้ง ๓ อย่าง ได้แก่ ตา ใจ ลม ตาได้แก่ วิญญาณธาตุ ใจได้แก่ มโนธาตุ ลมได้แก่ อากาศธาตุ ความเกิดดับแห่งรูปนาม รู้ที่กาย การสัมผัสเข้าออกผ่านกาย จึงมีการเกิดดับแห่งรูปกาย ลมก็สักแต่ว่าธาตุอันหนึ่งที่ผ่านเข้าออกทางกาย ถ้าเราไปกำหนดที่ใจก็จะรู้ว่ามีการเกิดดับอยู่ที่ใจ ใจก็เป็นธาตุอันหนึ่ง ได้แก่ มโนธาตุ เราก็ดำรงจิตไว้ที่มโนธาตุ ทุกสิ่งก็จะรู้ทั้งหมด เรียกว่ารวมมโนธาตุ ดับมโนวิญญาณธาตุเข้าด้วยกัน จัดว่าเป็นธรรมภายใน และภายนอกด้วย จุดสำคัญเราจะต้องรวมมโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุเข้าด้วยการเห็นสิ่งต่าง ๆ มันอยู่ที่ตรงนี้ ส่วนการดับก็จะต้องที่ตรงนี้เพราะว่ามโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุเป็นเหตุด้วย เป็นปัจจัยด้วย จะดับที่ปัจจัยเท่านั้น ทุกสิ่งจะดับหมด การเกิดอยู่ที่มโนวิญญาณธาตุ การดับอยู่ที่มโนธาตุ เราจะต้องใช้ตัวเกิดดับเป็นตัวนำหน้าที่ตามต้องการ ถ้าจะดับเราก็อยู่ที่มโนธาตุ ถ้าจะให้เกิดก็อยู่ที่มโนวิญญาณธาตุ แต่จะต้องให้จิตรู้อากาศธาตุด้วย แปลว่า ๓ อย่างนี้จะต้องรวมกัน อากาศธาตุ มโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุ อากาศธาตุเป็นเครื่องกั้นช่องว่างระหว่างมโนธาตุกับมโนวิญญาณธาตุ ความรู้จึงจะเกิดขึ้นหรือดับ หรือความเป็นไปทั้งภายนอกและภายในของกาย กายก็ได้แก่รูปภายนอก เช่น การรู้ภายในของกาย กายได้แก่รูปภายนอก ส่วนการรู้ทั่วภายในที่มีการเกิดดับ อากาศธาตุเป็นการให้รู้ทั้งเกิดดับแล

จบตอน

 

ขอจองรายการนี้นะครับ โอนเงินแล้วจะแจ้งให้ทราบครับ

 

รับทราบการจอง ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง เฮงๆ รวยๆ ในปีใหม่นี้นะครับ

ขอบคุณครับ

 

ขอทราบราคา
พระผงพุทธหิรัญราช พิมพ์สมเด็จ 
พระสมเด็จเศรษฐีหลวงพ่อชาญณรงค์
ขอบคุณครับ

 

พระพุทโธน้อย คุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ ปี2494 พิมพ์เล็กหน้าตุ๊กตา หลังยันต์พุทโธ ​

​

พระพุทโธน้อย" เป็นพระเครื่องขนาดเล็กที่ท่านสร้างขึ้นและอธิษฐานจิตให้ไว้แก่วัดอาวุธวิกสิตาราม ตำบลบางพลัดนอก ธนบุรี เมื่อปี พ.ศ.2494 เป็นพระพิมพ์แบบครึ่งซีก กรอบทรงสามเหลี่ยม ด้านหน้า องค์พระประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย เหนือฐานบัวสองชั้น พระเกศเป็นมุ่นเมาลี พระนาสิกเป็นสันนูน พระเนตรเป็นเม็ดกลมนูน และพระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมนต์ ส่วนด้านหลัง มีอักขระขอมจารึกเป็นเส้นลึกอ่านว่า "พุทโธ" โดยมีทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก มีทั้งเนื้อดินเผา และเนื้อผงพุทธคุณครับ จำนวนการสร้างรวมทั้งสิ้น 100,000 องค์ (มียันต์พิเศษ จำนวน 3000 องค์)

พระพุทโธน้อย แม้จำนวนสร้างจะมาก แต่ด้วยความศรัทธาในตัวผู้สร้างและพุทธคุณเป็นเลิศปรากฏครบครันทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด เจริญด้วยโภคทรัพย์ และกำจัดโรคร้าย ทำให้ "พระพุทโธน้อย" หมดไปภายในเวลาอันรวดเร็ว

"พระพุทโธน้อย" นับเป็นพระเครื่องเก่าแก่และน่าสะสมมากพิมพ์หนึ่ง ด้วยพุทธคุณที่ปรากฏอย่างสม่ำเสมอแก่ผู้ที่เคารพศรัทธาและกราบไหว้สักการะไม่ขาด ว่ากันว่ามุ่งหวังสิ่งใดก็จะสำเร็จสมความตั้งใจอีกทั้งแคล้วคลาดภยันตรายทั้งปวงครับ

องค์นี้เป็นพระพุทโธน้อยพิมพ์เล็กหม้อหน้าตุ๊กตาสวยคมทุกอย่าง เนื้อดินสวยๆ มี สภาพสวยคมชัดมากๆ หน้าตาอวบอิ่ม หม้อน้ำชัดแจ๋วๆ บัว 8 เม็ดเห็นกันชัดๆ พระคุณแม่สวยๆๆหายาก

ปิดรายการนี้แล้วครับ

 

พระสมเด็จพิมพ์หูบายศรี เสกเดี่ยว ๕ ปี หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน​

​

ตามชีวประวัติของหลวงปู่หมุน ท่านได้รับการประสิทธิ์ประสาทและสำเร็จวิชาการลบผงพุทธคุณ 5 ประการของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โตจากศิษย์สมเด็จฯ นั่นคือหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาคนี่เอง ผงพุทธคุณดังกล่าวหลวงปู่ได้เมตตามอบให้ศิษย์นำมาเป็นมวลสารในการจัดสร้างวัตถุมงคลของท่านด้วย

จากข้อมูลที่มี พระสมเด็จชุดนี้เป็นของเก่าอยู่กับหลวงปู่มานาน ตอนที่หลวงปู่ใกล้จะละสังขารหลวงปู่หมุนบอกให้ลูกศิษย์คนหนึ่งให้ไปนำสมเด็จชุดนี้ออกมาจากกุฎิหลวงปู่ สมเด็จชุดนี้หลวงปู่หมุนปลุกเสกเก็บไว้อยู่ในกุฎินานมาก (เป็นเวลา 5 ปี) พอนำออกมาเลยขอหลวงปู่ตั้งชื่อว่าเป็นมรดกหลวงปู่หมุน หลวงปู่ก็อนุญาตครับ สมเด็จชุดนี้มีเกศาหลวงปู่กระจายอยู่ทั่วไป หลวงปู่เคยบอกว่าสมเด็จชุดนี้เพียบพร้อมทุกด้านครับ

ปิดรายการนี้แล้วครับ

 

โอนเงินเข้าบัญชีให้แล้วนะครับ รายละเอียดแจ้งทาง PM ครับ

 

เหรียญสวยครับ