" ปอบ " คืออะไร ? อาถรรพ์ ความเชื่อ เรื่องผี!!

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย กาลีนะ, 27 เมษายน 2013.

  1. aoirata

    aoirata Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +91
    ขอถามหน่อยนะคะ ท่านระมิงค์และท่านนพฯ การโดนเจาะท้ายทอย
    คือ การที่มีพลังงานบางอย่างพุ่งเป็นลำใส่ตรงท้ายทอยเรารึปล่าวคะ
    แล้วดูเหมือนว่า พลังที่มานั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างค่ะ
    ทำให้ยายเลิกเป็นร่างทรง ของอารักษ์ประจำหมู่บ้านได้ โดยครูของยาย
    พยายามเชิญวิญญาณเข้าร่างยาย แต่วิญญาณนั้นไปเข้าร่างครูแทน
    เพราะเข้าร่างยายไม่ได้อีก โดยก่อนยายจะไปหาครู เราได้ใช้นิ้วเขียนอะไรไม่รู้
    ตรงหลังยายน่ะค่ะ แบบรู้ตัวทุกอย่างนะคะ บอกว่าผีจะเข้าร่างยายไม่ได้อีก
    ยายแก่แล้ว เลิกทรงเจ้าเข้าผี ให้เข้าวัดปฏิบัติธรรมได้แล้ว ยายก็เลิกเป็นร่างทรงได้
    ตั้งแต่นั้นมา ไม่ต้องไปเต้นไปฟ้อนผีอีก ทั้งๆที่มีความเชื่อว่า ถ้าร่างไม่ตาย ผีจะไม่ไปจากร่าง

    จากนั้นมา คนที่รู้จัก ถ้าจะไปรับขันทรง จะดึงเข้าวัดอย่างเดียว ห้ามรับขันเด็ดขาด
    ห้ามครอบครู ลงทอง ทำพิธีไสยศาสตร์ เข้าวัดสายหลวงปู่มั่นอย่างเดียวเลยค่ะ
    แต่พลังงานเหล่านั้น ไม่ได้หายไปไหนนะคะ ยังรู้สึกได้ตลอด

    แบบนี้เรียกว่า โดนเจาะท้ายทอย รึปล่าวคะ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ที่เป็นลำแสงคล้ายท่อ.เป็นแท่งๆ ต้องดูด้วยครับว่า ต่อมไพเนียลแกน
    ของเราระเบิดด้วยหรือเปล่าครับ เคยเห็นการระเบิดเหมือนอาวุธนิวเคลียร์ไหมเอ่ย
    คล้ายๆกันครับแต่มุมการเห็นจะเหมือนเรามองจากข้างบนครับ
    ถ้าต่อมไพเนียลแกนระเบิดครับ ก็จะกลายเป็น Lucy ครับ ๕๕๕.
    และจะเสียการควบคุมร่างกายไปชั่วขณะหนึ่ง
    และจะถูกกระแสภายนอกทำให้ตัวเองเคลื่อนไหวร่างกายได้
    อัตโนมัติโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยครับ..คือไปอยู่ต่อหน้ารูปปั้นเทพองค์ไหน
    ท่าทางลีลาก็ออกเองอัตโนมัติรวมทั้งพูดภาษาแปลกๆได้.
    แต่ว่าก็รู้เรื่องของเค้านะครับ.และจะมีความสามารถในการเขียนเส้นสาย
    และแปลความหมายออกด้วยครับ.รวมทั้งความรู้สึกรับรู้ทางนามธรรม
    ที่เร็วปานจรวด..
    ..และก่อนหน้าที่จะโดนเจาะหรือระเบิดแบบที่เล่านั้นจะมีองค์ประกอบ
    อีกอย่างคือ จิตจะถูกโน้มน้าวให้ระลึกสัญญาในอดีตชาติเรื่องอะไรก็ตาม
    ที่ทำให้จิตเศร้าหมองหรืออยู่ภวังค์ร่วมด้วยครับ..ที่เล่ามานี้เป็นกรณีที่
    โดนเจาะท้ายทอยแบบที่เคยเขียนๆให้ฟังก่อนหน้านี้ครับ....
    ไม่เหมือนกรณีการที่ต่อมไพเนียลแกนระเบิด..แบบที่มีผู้คอยควบคุม
    เฉพาะที่ทำการเคลียร์เรื่องของพลังงานที่ไม่ดีต่างๆให้กับเรา..เพื่อเริ่มต้น
    ที่จะดำเนินชีวิตสร้างพฤติกรรมใหม่ๆในการดำรงชีวิตไปในทางที่ดี
    เรียกง่ายๆว่า อะไรที่ทำผ่านมาที่มีเกี่ยวกับพลังงานไม่ดีในอดีต
    ส่วนมากจะเป็นเรื่องที่ทำอกุศลแรงๆในชาตินี้ไว้ด้วยครับ..และ
    ถือว่า ณ เวลานั้นคือการเริ่มใหม่ที่ศูนย์.ถ้าเริ่มต้นดีก็ดีไปครับ.
    ถ้ายังใช้ชีวิตประมาทก็จะหนักกว่าเดิม.เพราะเหมือนๆการให้สัญญา
    ว่าเราจะกลับตัวกลับใจอะไรประมาณนี้เกี่ยวกับเรื่องที่เราเคยทำไม่ดี
    ในอดีตนั่นหละครับ..
    แต่คนที่จะทำอย่างนี้ได้.ซึ่งไม่ใช่ผมนะครับที่ทำได้ และก็ไม่เคยทำนะครับ..
    เคยถามๆคนที่ทำได้เหมือนกันครับ เค้าบอกว่า แกล้งกันหรือเปล่าคุณนพ.
    ๕๕๕ ส่วนที่คุณติง พูดๆ นั่นเป็น ป๋า มิงค์ แซวเล่นเฉยๆนะครับ ๕๕๕...
    ไม่มีอะไรครับ...อืมๆๆ คนทำแบบนี้ได้คุณพอรู้จักเป่าน้อ ๕๕๕

    ส่วนอีกกรณีล่าสุดลองพิจารณาดูนะครับ.เอ๊ๆของใครหว๋าา
    .เป็นกรณีที่เป็นคล้ายๆแท่ง
    ลำแสงหลายๆแท่งที่ตรงๆแล้วมันก็ยาวๆมองเผินๆเลยเหมือนๆกับเป็นท่อ
    อะไรแบบนี้เป็นกรณีเฉพาะ ที่ถ้าเกิดแบบนี้ขึ้นแล้ว มันจะทำให้เกิดแนว
    ของ ๑.เส้นเกี่ยวกับพลังงานที่มาจากแนวกระดูกสันหลังตั้งแต่ช่วงต่ำกว่าก้น
    กับ
    ๒.แนวเส้นพลังงานเกี่ยวกับสัมผัสต่างๆที่มาจากท้อง และรวมกับพลังงานด้านเมตตา
    ตรงช่วงหน้าอกวิ่งขึ้นตรงไปยังกระโหลกศรีษะด้านหน้าไปเชื่อมครูบาร์
    อาจารย์ข้างบน
    .โดยดึงเอาความ
    สามารถในการมองเห็นนามธรรมรวมขึ้นไปด้วย.ก็จะกลายเป็นว่าจิตดวงนี้จะมี
    กระแสทั้งเรื่องการเชื่อมครูบาร์อาจารย์และเรื่องพลังงานควบคู่กันไป..ซะอิ้งเอ่ย
    ยย
    ปกติทั่วๆไปแบบนี้มักจะเกิดการระเบิดแบบคล้ายๆ
    นิวเคลียร์ลูกเล็ก แต่ว่าเล็กๆก็พอกับฟ้าผ่านะครับ.
    จะเกิดขึ้นก่อนหน้านั่นมาก่อนหลายๆครั้ง..ถ้าผ่านด่านทางด้านจิตใจได้
    ถึงจะเกิดเป็นแบบลำแสงแบบที่คุณ เล่าให้ฟังมานั่นหละครับ..
    ปล.คุ้นๆไหมครับ ว่ากรณีล่าสุดที่เล่าให้ฟังเป็นกระแสจิตของใครครับ ๕๕๕๕
    เพราะฉนั้นจึงไม่ต้องสงสัยอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้ไงครับ
     
  3. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรื่องเจาะท้ายทอยผมทำไม่เป็นนะครับ
    แต่ถ้าตบท้ายทอยนี่สามารถทำได้ครับ
    พายุสามารถมารับการทดลองตบท้ายทอยได้เลย
    อาการแปลกๆจะหายไป...อิอิอิ...
    พายุกำลังดัดแปลงเก้าอี้สวดมนต์ไปใช้นั่งเล่นเกม/เล่นป๊อกเด้งและดัมมี่...ยอดมากเลยนะ...ซาบซึ้งใจจัง...แอบบีบน้ำตาเล็กน้อย...
     
  4. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    คือ ท่านป๋ามิงค์

    มุ่งมั่น อยากให้ คนท่าดีทีเหลว อย่างข้าน้อย เป็นคนที่ดี (กว่าแมว)
    และท่าทาง จะมีบุญญาธิการ (มากกว่าแมว (ตามตำนานโม้ว่า ตอน เค้าเกิด มีดาวไถทั้ง ๗ มาเรียงตัวกัน เป็นเหตุให้ ไถตังค์บิดามารดาฯ ))

    หลังจาก พยายามอบรมแบบ ทางตรง และทางอ้อม แล้ว
    ก็พบว่า

    มีความเจริญลง อย่างต่อเนื่อง

    แกจึง หวังใจ ว่า สไตล์ ท่านป๋านพ หากได้ ฟาด ทุบ เจาะ กะโหลก แถว จะไพเนียลแกรนด์ก็ตาม
    รึ เมดัลลาออฟลองกาตา ก็ตาม รึต่อม ฮิปโปทาลามัส ก็ตาม

    อาจกระตุ้นจิตสำนึกที่หลับไหล ให้กลายเป็นคนดี ขึ้นก็ได้(ไม่มากก็น้อย)น่ะค่ะ

    แกว่า แม้นส่งผี มาหลอก พายุ ยามค่ำคืน พายุก็ไม่อาจ ตื่นมาดู ผีหลอก ได้
    อาจปล่อยให้ ผีเป็นบ้าแต่ผู้เดียวได้ ค่ะ


    ขอบคุณ ท่านอาจารย์


    หลังจากที่ นินทา ท่าน นพกานต์ บ้าง (ทุกๆวัน ๕๕๕๕๕)
    กะคนที่ คุณก็รู้ว่าใคร (ว่า ดี เท่ โง้น งี้ งั้น )

    ทำให้ เกรงใจ ท่านนพ เล็กน้อยค่ะ
    แต่ ก็อ่าน ที่ท่านนพ โพสน์เป็นส่วนใหญ่นะคะ

    (รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ตาม วาสนาค่ะ)

     
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    พายุ เป็นเด็กฉลาด มิใช่น้อย...
    อ่านพระไตรปิฎกมาก็พอสมควร...
    แต่ก็ไม่เข้าใจที่คุณนพฯ อธิบายเรื่องสติ และแนวทางเดินสู่ปัญญา...
    ครั้นจะไปโพสในบอร์ดอภิญญา ก็เกรงจะโดนหาว่าโง่ บุญน้อย ด้อยวาสนา...
    เพื่อเป็นการไม่ให้เสียโอกาสในหลุมดำ
    ดังนั้นจึงคิดว่าผมจะปุจฉา...ในเรื่องที่พายุสงสัย...เพื่อให้คุณนพฯ วิสัจฉนา ให้หายข้องใจ...

    1. สติทางธรรม...ต่างจากสติทางโลก อย่างไร?
    2. สติ กับ สัมปชัญญะ ต่างกันอย่างไร?
    3. ในมหาสติปัฎฐานสูตร บทแรก กายากาเยนุปัสสี พึงพิจารณาเห็นกายในกายอยู่เนืองๆ...คำว่า กายในกาย หมายความว่าอย่างไร?
    4. จิต คือ อะไร ?
    5. ทำยังไงถึงจะเห็นจิต ตนเอง
    6. เมื่อเห็นแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่านั่นคือจิต ไม่ใช่นึกคิด คาดเดา หรือ จิตนาการไปเองว่านั่นคือจิต มีวิธีทดสอบอย่างไรว่า นั่นคือ จิต

    เอาเท่านี้ก่อนนะ...มากไปเดี๋ยวพายุ จะมึนในคำตอบ...วันหน้าแม่กาลีนะก็จะต้องได้ดำเนินไปตามวิถีทางนี้นี่แหละ...ดังนั้น วันนี้ต้องศึกษาเอาไว้สักหน่อยนึงนะ...

    ปล. อันนี้วิวทิวทัศน์ ที่ทำงานของ พายุ...เมื่อวานเอารูปเจ้าตัวมาลง ในฐานะนางแบบเก้าอี้สวดมนต์ แต่นางแบบกลัวคนเห็นหน้าแล้วส่งผีตามไปหลอก...
    จึงบอกให้ลงแต่เฉพาะภาพนี้เท่านั้น...
    เพื่อว่าคุณนพฯจะถอดจิตไปเยี่ยมเยียนที่ทำงานนู๋พายุบ้าง...ไปตบกระโหลก...เอ๊ย..ไปเจาะกระโหลก ให้มีความสามารถพิเศษที่มากกว่าแมว...นิดนึง...

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2015
  6. aoirata

    aoirata Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +91
    ขอบคุณนักๆเจ้า ท่านนพฯ แต่ข้าเจ้าเป็นผู้ด้อยปัญญา บ่ใช่ผู้รู้แต่อย่างใด
    ย่อมไม่ทราบว่าเป็นกระแสจิตของผู้ใด เพราะพลังที่เจาะท้ายทอย กับพลังเมตตากลางอก
    เป็นพลังงานคนละอย่างค่ะ กลัวจะเป็นการเข้าข้างตัวเอง

    ที่กลัวที่สุดก็คือ เกรงว่าจะถูกอสุรกายมาหลอกเอาน่ะค่ะ เพราะเคยไปวัดแขกกับพิพิธภัณฑ์
    พระพิฆเนศร ที่เค้าทำพิธีแบบฮินดูกัน แล้วรู้สึกไม่สบายใจอย่างหนัก ปวดหัวด้วยค่ะ
    มันรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ที่ๆเราควรมา ไม่ใช่ และ ไม่ใช่ ไม่เคยกลับไปอีกเลยค่ะ

    คิดได้สองแง่ คือ 1.เราคงมีผีมาแอบแฝง ถึงได้ไม่ชอบเทวสถาน
    2.คิดแบบเข้าข้างตัวเอง ที่เหล่านั้น มีแนวคิดแบบมิจฉาทิษฐิ ไม่เคารพในพระพุทธเจ้า
    จิตข้างในก็เลยต่อต้าน ไม่ใช่ผีหรือ อสุรกายใดๆ อันนี้เข้าข้างตัวเองว่า กระแสพลังงานที่ส่งมา
    หาเรา เป็นพลังงานฝ่ายดีค่ะ

    ท่านนพฯมีความสามารถพิเศษ ตรวจสอบให้ด้วยได้ไหมคะ พร้อมที่จะยอมรับความจริง
    และหาหนทางแก้ไขค่ะ
     
  7. Empire triumph

    Empire triumph Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอความอนุเคราะห์จากท่านที่มีตาที่สาม และท่านผู้รู้ทั้งหลาย ช่วยวงกลมหรือทำเครื่องหมายให้ทราบต่ำแหน่งของผู้ที่มาเยือนได้ไหมครับ ผมทั้งพลิกทั้งตะแคง ซูมเข้า-ออก ก็ไม่เห็นแขกไม่ได้รับเชิญเลยครับ เพราะทั้งนี้ตัวเองไม่ได้มีอะไร แต่ก็อยากเห็นสิ่งผิดปรกติครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    อ่านคำถาม และติดตามท่านระมิงค์ และท่านนพมานาน พอดีมีข้อสงสัยใคร่อยากถาม ท่านระมิงค์ ในเรื่อง สายปราบ ....สำหรับหลายๆท่านที่คงความดี ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม (ออกแนวหนังยุทธภพที่มักมีพรรคจอมยุทธ์ที่ช่วยเหลือยุทธจักรหลายๆพรรค บางพรรคก็ดีทั้งหน้าหลัง บางพรรคก็ดีต่อหน้าลับหลังอีกแบบ บางพรรคก็เร้นกายพบเจอยาก )ไม่ทราบว่า หลังความตาย ท่านๆเหล่านั้น ได้รับสิทธิ์ไปที่ไหนได้บ้างคะ ?

    ปล.สืบเนื่องจาก ข้อสงสัยที่ท่านระมิงค์ได้พิมพ์เอาไว้ในโพสก่อนหน้าค่ะ จึงเป็นที่มาของยุทธจักรนี้ 555 (อารมณ์แนว ชาวบ้านอยากรู้)

    ปล.พึ่งอ่านเจอคำถามปุจฉา โพสบน โหๆเป็นคำถามทีมีประโยชน์มากค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 กุมภาพันธ์ 2015
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    โอ้ยยย จิเปงลม..เข้ามาอ่านคำถามตั้งแต่เมื่อคืนแล้วหละครับ..เห็นแล้วง่วงเลย
    ว่าไปห้องในรูปถ่ายเหมือนๆคนหายตัวได้นั่งทำงานอยู่เลยครับ..
    ดูแล้วไม่น่าแวะไปเยี่ยมเท่าไร
    .เด่วพวกที่นั่งง่องๆแง๋งๆ แถวประตูโดยเฉพาะพวกแม่นางมีแก้ม
    หน้ากลมใส่หมวกแบบที่มียื่นๆมาปิดหูทั้งหลายจิตามผมกลับบ้าน
    ไหนจะพวกชายแต่งตัวยังกะพวกมองโกอีก..๕๕๕

    ส่วนคุณ aoirata ไม่ต้องห่วงครับ..
    ปกติถ้าจิตมีกระแสเทียบเท่าภูมิอสูรกายหรือโดนอสูรกายแฝง.
    โดยธรรมชาติจะไม่คุยกับผมดีๆแน่นอนครับ .พวกนี้มันจะหาเรื่อง
    กวนๆอะไรซักอย่างนั่นหละครับและก็จะพยายามสร้างภาพว่า
    ตนเองบรรลุธรรมจริงๆพวกนี้จะคิดว่าตัวเองบรรลุธรรมระดับสูงด้วยครับ
    แล้วก็จะมาหาเรื่องว่าๆทับถมด้วยครับ.
    บางคนที่กวนๆบาทามากๆ.ที่ไม่คุยด้วยไม่ใช่อะไรนะครับ..
    เพราะผมจับได้ว่ากระแสจิตเค้าตอนนี้กำลังวิปลาสครับ.
    เลยไม่อยากสนทนาด้วยครับ...

    ..ยิ่งพวกโดนแทรกจะยิ่งกลัวครับ..ถ้าเจอตัวกันสบตายังไม่กล้าเลยครับ
    พวกนั้นเค้าจะดลใจให้ห่างๆผมไปเลยครับ.เพราะพอจะมีความสามารถดึงพวกนั้น
    ออกได้ไงครับ ต้องแอบเนียนๆไปวันพระครับสำหรับพวกนี้.
    แล้วก็ดึงออกเลย.เคยทำมาแล้วนะครับเลยพูดให้ฟัง.กับพวกที่อยากมี
    สัมผัสพิเศษแบบทางลัดที่ไม่สร้างด้วยตัวเองทั้งหลายนั่นหละครับ..

    .แต่แม้ว่าจะดึงออกได้ก็ไม่หมดนะครับ ในส่วนที่เค้าทำเวร
    ทำกรรมร่วมกันมายังไงๆก็ยังต้องอยู่ครับ..พวกนี้ที่เหลือเป็น
    เรื่องของเวลาครับ ที่จะรักษาได้.เพราะพวกนี้จะมองไม่เห็น
    กิริยาทางจิต ไม่เห็นฐานของจิต และไม่เห็นขณะที่จิตกำลังก่อตัวครับ
    แม้ว่าสัมผัสทางนามธรรมจะยังคงอยู่.นี่คือข้อเสีย
    ของคนที่ถูกเจาะครับ..ที่จะเป็นตัวขวางไม่ให้เค้าเดินปัญญาลดละกิเลส
    ได้จริงๆในชาตินี้ครับ.
    แต่ถ้าปกติแล้วส่วนตัวไม่เคยไปวุ่นวายหรือไปหาเรื่องพวกนี้ก่อนนะครับ
    ประเด็นนี้เล่าให้ฟังก่อน.
    .
    ส่วนคำถามป๋า เด่วขอไปช่วยงานสาธารณะก่อนจะกลับ
    มาเล่าให้ฟังครับ
     
  10. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515


    หมายถึง ผีใส่หมวก ตัวนี้รึป่าวคะ

    บ้านคุณท่านนพ อยู่ไหนคะ จะตามไปรื้อตู้เย็น หาขนม กินนน เคี๊ยกๆๆๆ

    แล้วมีผีจริงๆรึคะ เป็นผีประจำ ออฟฟิส
    รึว่า เป็นญาติ ๆ ของน้องช่างภาพ รึคะ
    รึว่า เป็นญาติ หรือเจ้าหนี้ ข้าน้อย (ที่ตามหลอกหลอนมานาน แต่อนิจจา อุปมาดั่งฉายหนังกลางแปลงให้คุณหูหนวกตาบอดดู ไม่รู้เห็นด้วยเนอะ)

    ขอท่านนพ ช่วยแจกแจงมาให้แจ้ง
    หาไม่แล้ว ข้าน้อยผู้กลัวผี พอๆกับเจ้าหนี้ จะสะเทือนใจนะคะ
     
  11. aoirata

    aoirata Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +91
    ขอบพระคุณท่านนพฯมากๆค่ะ รออ่านคำตอบในส่วนคำถามของท่านระมิงค์อยู่นะคะ
     
  12. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เรื่องราวสนทนาสนุกดีครับ..ได้ความรู้หลากหลาย

    ขอชื่นชมและแอบนิยมอยู่ในใจ
     
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ป๋า มาได้ไงเนี่ย...
    โห...ตื่นเต้นนะเนี่ย...
    กระทู้นี้จะลุกเป็นไฟในอีกไม่ช้า...
    ด้วยได้ป๋า toplus99 มาร่วมวงเสวนา ประดับ บารมีกระทู้...

    :cool::cool::cool:
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เปล่า คนละตัว ตัวในรูปไม่มีแก้ม..ที่ง่องๆแง๋งๆ ญ มีแก้มถ้าเทียบหน้า
    ตาอายุซักยี่สิบต้นๆ ชายก็ประมาณ ๓๐ และชายหน้าจะยาว
    คมลงมาแต่ว่าดูมีเหลี่ยมเหล็กน้อย..พวกนี้เป็นพันธมิตรเน้อ.มาทาง
    สายพลังงานด้วยเน้อ..และ ณ ตอนนี้.มีพวกป้องกัน มีฝ่ายฤิทธิ์ มีฝ่ายพลังจิต.แต่ว่ายัง
    ตอนนี้ยังกำลังไม่สูง.มีแบบหน้าตากวนบาทาก็มีตนนี้จะเสยผมขึ้น
    บนแล้วทำทรงผมคล้ายๆใส่เจล..
    ..ส่วนที่บ้าน หมาดุเน้อ.คนก็ดุนะ ๕๕๕
    .ส่วนคำว่าผี น่าจะเป็น คำสมมุติที่คนเค้า
    เอาไว้เรียกดวงจิตที่ปรากฏกายได้คล้ายๆคน
    ที่มีถิ่นอาศัยระดับเดียวกับโลกของเรานะ..
    ถ้าไม่ปรากฏกายไม่เหมือน หรือว่าสวยกว่ามักจะเรียกอย่างอื่น..

    อูยยยยปกติแล้วเรื่องแบบนี้ ป๋า มิงค์จะมีความรู้มากกว่านะครับ.แถมทรัพย์
    แสงก็ยังดีกว่าด้วย. งั้นขอเล่าให้อีกรูปแบบหนึ่ง เป็นเชิงยกตัวอย่าง
    และขอให้วางสิ่งที่เคยรู้มาก่อนหน้าไว้ก่อนนะครับ..คงไม่ตอบให้
    เป็นข้อๆ.แต่จะเขียนเป็นเชิงเล่าให้ฟัง พยายามจะให้ครบทุกประเด็น
    ที่ถามครับ..
    แต่ตามกมลสันดานขอย้อนอดีตให้อ่านเป็นบทนำไปก่อนเล็กน้อย
    เพื่อปรับความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนนะครับ...

    ปกติแล้วจิตคืออะไรในความเข้าใจก็คือจิตนั่นหละครับ เป็นพลังงานอย่างหนึ่ง..เป็นนามธรรม
    มีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถเก็บสัญญาความจำได้
    ไม่จำกัดถ้าหากว่าได้เข้าไปอาศัยร่วมกับธาตุ ๔ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์
    หรือสัตว์ต่างๆ ก็จะกลายเป็นที่เราเรียกว่า ร่างกาย รูปร่าง
    ซึ่งจะมี เวทนา สัญญา วิญญาน สังขาร ร่วมด้วย
    ..หรือไม่ว่าจะมีแต่ตัวจิตกับพลังงานหนุน(พูดง่ายๆก็คือมีแต่เวทนาและสัญญา)
    ไม่มีวิญญาน และสังขาร แต่เรามักเรียกกันว่า ผี เรียกว่า
    วิญญานบ้าง ตามภาษาสมมุติเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ส่วนวิญญานจริง
    แปลว่าเครื่องรับรู้.สังขางก็การปรุงแต่ง ประมาณนี้เนาะ
    แต่เราจะเข้าใจกันว่าผลของเวทนานั้นก็คือบุญและบาปนั่นเองครับ
    จึงส่งผลให้ไปเป็นโน้นเป็นนี่ในแบบนามธรรมทั้งหลายนั่นหละครับ..
    และก็ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีกี่ชาติก็ตาม.ก็จะมีสัญญากับเวทนาตรงนี้
    เป็นองค์ประกอบหลักๆถ้ามีแต่ดวงจิตนะครับ..

    .และสามารถที่จะพัฒนาทำอะไรๆได้มากมายเกินกว่าที่วิทยา
    ศาสตร์จะตามทันได้ เช่นการที่มีเครื่องรู้พิเศษมากมายก็คือการที่ดวง
    จิตมีความสามารถในการขยายสัญญาจากตัวจิตออกไปเชื่อมกับ
    แหล่งองค์ความรู้อื่นๆซึ่งก็เป็นดวงจิตที่มีสัญญาเช่นกัน.เรียกว่าสัญญา
    เชื่อมกับสัญญา.ที่นี้การรู้นั้นๆก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวจิตมีความชำนาญ มีความ
    ละเอียดในการเชื่อมสัญญานั่นๆจากดวงจิตอื่นๆได้มากน้อยเท่าไร..
    เราจึงค้นพบว่า ในบางตำราที่มีการเชื่อมสัญญาองค์ความรู้ วิชาต่างๆ
    เอาไว้นั้น.บางคนเพียงเอามือไปวางแล้วใช้หลักการเชื่อมนี้ ก็จะค้นพบ
    วิธีการต่างๆและเทคนิคโดยไม่จำเป็นต้องเปิดอ่านก็มีครับ..ส่วนตัวเคย
    เห็นหนังสือแบบนี้นะครับของรุ่นน้องคนหนึ่งครับ..แต่สำหรับท่านเดิน
    มาทางสายพุทธฯที่เน้น ศีล สมาธิปัญญา บางท่านก็มีความสามารถ
    ในการเข้าถึงแบบนี้ได้เช่นกัน.เพียงแต่เปิดหน้าปก อ่านคำนำก็จะ
    เข้าใจประเด็นหลักๆขององค์ความรู้รวมทั้งหมดในหนังสือได้ครับ..
    ประเด็นนี้เด่วเอาไว้วันหนึ่งจะพาไปพิสูจน์ให้ดูครับ..เสียดายว่าองค์
    ความรู้ต่างๆทางโลกยังๆไงก็ต้องอาศัยการท่องจำ การวิเคราะห์.
    ไม่งั้นถ้าเข้าถึงได้แบบการเชื่อมป่านนี้พวกที่ทำได้คงเป็นดอกเตอร์
    กันได้ง่ายๆ ๕๕๕๕..

    แต่เราจะพูดกันวันนี้ไม่ใช่เรื่องความสามารถพิเศษทางจิตตรงนี้
    ไม่ใช่เรื่องที่จิตสามารถทำอะไรได้บ้าง..แต่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง
    กับดวงจิตที่จะเป็นฐานทำให้จิตดวงนั้นๆ หรือดวงไหน ไม่ต้องมา
    เวียนว่ายตายเกิดในเขตคลื่นพลังงานกลุ่มหนึ่ง หรือที่เราเรียกกัน
    ง่ายๆว่า ไตรภพนั้นเองครับ..บางคนก็รู้จักในชื่อ นรก สวรรค์อะไร
    ก็แล้วแต่จะเรียกครับ..แต่เนื่องด้วยเอกลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่ง
    ของจิต ที่จะมีเวทนาและสัญญาตรงนี้นี่หละครับ ที่ทำให้มันยัง
    วนเวียนในกลุ่มของคลื่นพลังงานหรือเขตไตรภพอยู่ครับ..
    บางท่านก็ว่า เพราะอวิชชา เพราะความไม่รู้ เพราะว่าเรายังไม่ฉลาด
    เราก็เลยยังต้องมาเกิด.แต่โดยความรู้รวม มันก็เป็นสัญญาความจำได้
    อย่างหนึ่งเป็นนามธรรมที่อยู่ในตัวจิตนั่นหละครับ..และตัวหนึ่งที่ยัง
    มีก็คือเวทนา ที่เราเข้าใจว่าบุญหรือบาปนั่นหละครับ แม้จะมีความ
    สามารถตัดสัญญาได้แล้วก็ตาม แต่หากยังมีบุญอยู่ ยังไงจิตก็จะยัง
    ต้องไปเสวยเวทนาตรงนี้ที่เป็นฝ่ายดีหรือฝ่ายบุญอยู่ครับ.
    หลายคนอาจได้ยินคำที่ให้เข้าใจง่ายๆก็คือการเสวยกองบุญกองกุศล
    นั่นหละครับ.เพราะสุดท้ายๆจริงๆจิตจะไม่เวียนว่ายตายเกิดหรือไม่ติด
    ในกลุ่มคลื่นพลังงานไตรภพได้.ก็จะต้องไม่เอาเวทนาใดๆทั้งสิ้น
    หรือแม้แต่ตัวจิตเองก็ต้องวางการเกิดด้วย ก็คือเห็นว่าการมีเวทนา
    มีสัญญามันเป็นยังเป็นทุกข์อยู่ เป็นสาเหตุที่ทำให้ยังเวียนว่ายตาย
    เกิดอยู่ครับ..แต่ ณ ปัจจุบันนี้เรามาเข้าถึงตรงนี้ได้อย่างไร
    แม้ว่าจะรู้ในมุมที่แตกต่างกันแต่ก็มีเป้าหมายและปลายทางเดียวกัน
    คือการไม่ต้องกลับมาเกิดนั่นหละครับ..แต่เนื่องด้วยดวงจิตที่มัน
    อยู่กับเรา ณ ปัจจุบันนี้ มันไม่รู้ว่า มันเคยไปอาศัยอยู่ร่วมกับธาตุ ๔
    อื่นๆไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปเท่าไรแล้ว และก็ไม่รู้ว่า มันเคยมีแต่ดวงจิต
    ที่ประกอบด้วยเวทนาและสัญญา มาแล้วกี่ภพกี่ชาติครับ..
    เป็นที่มาของความชำนาญ ความชอบทางด้านต่างๆ ที่แตกต่างกัน
    ของแต่ละบุคคล ตลอดจนลักษณะนิสัยต่างๆ เราเรียกกันง่ายๆว่าจริต
    ที่แตกต่างๆกันนั้นหละครับ..เป็นเหตุให้มีการก่อกำเนิดกรรมฐาน
    ที่สามารถทำให้เข้าสู่เส้นทางที่ไม่ต้องกลับมาเกิดได้ที่เรารู้จักกัน
    ก็ประมาณ ๔๐ กองนั้นหละครับ..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราทราบเราเริ่มรู้
    เรื่องแบบนี้กันได้อย่างไรหละครับ..

    ก็นับตั้งแต่โลกใบนี้ได้กำเนิดมหาบรุษผู้ที่ที่ได้รับ
    การยอมรับและเคารพจากทุกภพภูมิ หรือเราเรียกกันว่าผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ
    .จนมิสามารถคาดเดาถึงความสามารถได้
    .ขนาดอยู่ในป่าทึบยังรู้ได้ว่า
    มีดวงอาทิตย์ ๗ ดวงปัจจุบันนี้วิทยาศาสตร์ค้นพบแค่ว่ามี ๔ ดวง.
    และมีเครื่องรู้มากมายจนแม้กระทั่งต่อให้พระสาวก
    ระดับปฏิสัมภิทาญานมากมายความสามารถก็มิอาจหยั่งถึง.
    บรุษที่แม้กระทั่งครูบาร์อาจารย์ผู้ที่ชำนาญด้าน
    ฌานสมาบัติยังยกให้มหาบรุษผู้นี้เป็นครูบาร์อาจารย์ของท่าน
    ซึ่งมหาบรุษท่านนี้ได้ค้นพบสิ่งที่สำคัญ
    มากต่อมวลมนุษย์ชาติเลยก็ว่าได้ นั่นคือท่านได้ค้นพบเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
    และค้นพบหนทางดับทุกข์นั่นเอง..ในลำดับต่อมาจึงกลายภาคตัวหนังสือ
    ต่างๆที่เราเคยได้ยินมา ณ ปัจจุบันนี้.ซึ่งก็ได้มีการบันทึกไว้โดยหลายๆกลุ่ม
    ที่ล้วนแล้วแต่ขึ้นชื่อว่า มีความสามารถระดับปฏิสัมภิทาญานขึ้นไปทั้งนั้น.
    และในบันทึกก็ยังเป็นหลายสายในการปฏิบัติ
    ไม่ว่าจะเป็นสายแบบผู้เป็นเลิศก็อย่างหนึ่ง
    สายพระโพธิสัตว์ก็อย่างหนึ่ง สายอื่นๆก็มี.
    ซึ่งน้อยคนที่จะรู้ต้องนี้.จึงเป็นเหตุที่มาของการ
    ทะเลาะเบาะแว้งนั้นเอง..ซึ่งก็ได้มีการ
    แปลและเขียนบันทึกไปไม่รู้กี่รอบ.แล้วก็มาทางเรือ
    ส่วนมาเทียบท่านี่ไหน ไม่ทราบเหมือนกันครับ ๕๕๕๕.

    .และในวันที่ท่านจะเสด็จปรินิพพานนั้น
    ท่านก็ได้บอกว่า ต่อไปธรรมคำสอนก็เปรียบเสมือนท่าน
    ดังเหมือนคำว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา.และเอากันจริงๆ
    เราๆจะไม่รู้จักหรอกครับ คำว่า ฌาน ๑ ๒ ๓ ๔ อะไรนั่น
    ถ้าหากว่า ในวันที่ผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ
    ท่านเสด็จปรินิพพาน ผู้เป็นเลิศทางทิยพ์จักขุ
    ท่านไม่ตามดู ผู้เป็นเลิศในขณะนั้น..
    .และด้วยจริตของบุคคลที่เข้าไปอ่านตำรา มีพื้นฐานที่ผ่านมาของ
    ดวงจิตแตกต่างกันออกไป บางก็เรียกว่ามีการสะสมบารมีมาแตกต่างกัน
    เอาจริงๆก็คือการสะสมสัญญาต่างๆที่มีในดวงจิตนั่นหละครับ.
    ด้วยฐานที่แตกต่างกันอย่างนี้.หากพลั้งเผลอไปตีความด้วยฐานความคิด
    ของตนเอง..เราจึงพบว่า จึงมีการการตัดสินว่านี้ใช่นี้ไม่ใช่่ ชี้ชัด
    ว่านี้ผิดนี้ถูก มีการแยกแยะ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เป็นต้นเหตุให้เกิดการ
    ทะเลาะเบาะแวงกันจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ณ ปัจจุบันครับ..
    เพราะฉนั้น.เพื่อไม่ให้ดวงจิตของเรามันเผลอเข้าไปยึดตรงนี้.
    เผลอไปสร้างสัญญาความจำได้ตัวใหม่ จากการอ่านตำรา จากการ
    ได้ยิน ได้ฟังมา.แล้วเผลอไปพลาดพลั้งตีความตามความเข้าใจ
    ของตนเองไปหนุนย้ำเข้าไปอีก..
    ทั้งที่ความสามารถของตนไม่ถึงขั้นระดับปฏิสัมภิทาญานแล้วนั้น.
    จึงจำเป็นที่เราจะต้องมาสร้างผู้รู้ตัวใหม่ ก็คือ สติทางธรรม นั้นเอง..
    เป็นเหตุที่มา ของการที่จะตอบคำถาม ป๋ามิงค์ และที่มาของเรื่องที่จะเล่าให้ฟังตอนต่อไปครับ..

    ปล.นี่แค่คำนำครับ...เด่วต่อตอนต่อไป..และขอตอบให้เสร็จ
    ก่อนนะครับ อย่าพึ่งถามก่อน.. ๕๕๕๕..
     
  15. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เข้ามาได้โดยมี User Name แล้วก็จำ Password เก่าได้
    จากนั้น ก็ใช้นิ้วจิ้มๆบนแป้นคีย์บอร์ดตามอักษรที่ต้องการ... ครับ

    =====+++++====
    มีปัญหาอะไรข้องใจอีกมั๊ยครับป๋ามิงค์

    เรื่องราวเก่าๆ ผมเองก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว...

    ผมกำลัง..พยายามเอาตัวรอดอยู่...อย่าใส่ใจมาก
    เดินทางกันต่อไปครับ

    เข้ามาแอบอ่านเป็นช่วงๆ...สบายๆครับตามอัธยาศัย
    ไม่ต้องเกรงใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2015
  16. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    เพิ่งบ่นกับคุณป๋าระมิงค์ว่าคิดถึง ท่านอ.toplus99ปุ๊บก็มาเจอในกระทู้นี้^^
    แอบตามอ่านอยู่ห่างๆอย่าห่วงๆ
    คือห่วงตัวเอง ที่ตามไม่ค่อยจะทันอ่ะนะ
    มีแต่ห่วงพุงนี่..ล้ำหน้าไปไกล ^_^
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    คร๊อกกกฟี้ๆๆๆๆ ขยี้ตาเสร็จแหละ มาต่อกันครับ...
    อย่าลืมนะครับ ทิ้งความรู้เดิมๆไว้ก่อนนะครับ.
    และก็อ้างอิงมาเพื่อเป็นแนวทางในการตอบครับ....
    มีตุ๊กตาอย่างหนึ่ง บอกเอาไว้ก่อน ยังไม่ต้องเข้าใจอะไร
    ตอนนี้..เด่ววันหนึ่งหากปฏิบัติจนสามารถเข้าถึงได้
    จะทราบได้เองว่าเป็นอย่างที่ตั้งตุ๊กตาเอาไว้ให้หรือไม่
    และจะเข้าใจในเรื่อง นามธรรมต่างๆได้เองอัตโนมัติครับ...
    โจทย์คือ ให้ตัดร่างกายนี้ทิ้งออกไปเลย..ตอนนี้ที่เหลือคือ

    ๑.ดวงจิต ๒.ความคิดที่เกิดจากดวงจิต ๓.ความคิดที่เกิดจาก
    ขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม หรือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    เป็นฝ่ายอารมย์ เป็นนามธรรมหรือเรียกอีกอย่างว่า
    ความคิดที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจคิค
    ไม่เลือกเวลา สถานที่ บ้างก็บอกว่าคือวิบากกรรมเก่า.
    บางก็ว่าเป็นกองสังขาร อะไรก็แล้วแต่จะเรียก.ฯลฯ
    และให้เข้าใจเอาไว้ว่า ทั้ง ๓ ส่วนนี้
    เป็นคนละตัว ไม่ใช่ตัวเดียวกันครับ

    และมีเอกลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้..
    ๑.ดวงจิต..
    แยกเป็นกิริยา ๑.๑ คือสามารถที่จะรวมเป็นดวงกลมๆได้
    ๑.๒ สามารถหมุนๆเป็นก้อนก่อนที่จะรวมเป็นดวงกลมๆได้
    ๑.๓ สามารถหมุนๆเป็นเกลียวคล้ายคลื่นพายุทอร์นาโด
    ก่อนที่จะหมุนเป็น ๑.๒ ได้...
    และ ๑.๔ สามารถผุดขึ้นมาเป็นแท่งได้ก่อนที่จะหมุนเป็นเกลียวๆ
    เหมือนข้อที่ ๑.๓
    ๑.๕ สามารถที่จะกระเพื่อมได้ คล้ายคลื่นทะเลซัดเข้าหาชายฝั่ง.
    หรือคล้ายๆเงาใสๆสะท้อนบนผิวถนนพอเราขับรถเข้าไปใกล้ก็หายไป
    หรือเหมือนพยับแดด..
    ๑.๖ คือหน้าตาเป็นยังไงวะ..อยู่ตรงไหนว๊าาาา ๕๕๕๕
    และจิตก็มีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ เป็นธาตุรู้
    ปล.๑ ข้อที่ ๑.๓ และ ๑.๔ ในบุคคลผู้สูงอายุจะไม่มีตรงนี้
    หรือบุคคลที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ประเภทพรุ้งนี้ต้อง
    หาเงินใช้หนี้ ๑๐ ล้านบาทแล้วนอนหลับได้ปกติ.บุคคลประเภท
    นี้จะไม่พบกิริยาของจิตในข้อดังกล่าวครับ..
    อีกประเภทก็คือ กลุ่มที่เคยโดยเจาะทางท้ายทอยแบบยัดพวกภูติ
    พวกอสูรกายมาก่อนก็จะไม่มีเหมือนกันครับ..


    ๒. ความคิดที่เกิดจากดวงจิต...มีลักษณะดังนี้
    ๒.๑ แหล่งกำเนิดอยู่ตรงที่จิต..อยู่ร่วมกันกับตัวจิต..
    ๒.๒ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตามแต่ที่จะนึกคิด..เช่น คิดว่า
    ก้อนหินนี้สวย หรือ จะคิดว่าก้อนหินก้อนเดียวกันนี้ไม่สวยก็ได้..
    หรือไม่ใช่ก้อนหินก็ได้ เป็นฟอสซิลก็ได้
    หรือชอบก็ได้ ไม่ชอบก็ได้ ดำก็ได้น้ำตาลก็ได้ เล็กก็ได้ไม่เล็กก็ได้ ฯลฯ
    ๒.๓ สามารถเพิ่มกำลังในตัวเองได้ ถ้าคิดแต่เรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา
    และถ้าคิดมากๆ จนมีกำลังมากในระดับหนึ่งจะเกิดเป็นพลังงานจนกระทั่ง
    ทำลายระบบสมอง จนกลายเป็นคนวิกลจริตได้..
    ๒.๔ สามารถคิดปรุงแต่งร่วมกับสมอง จนสามารถสร้างเป็นภาพขึ้นมาได้
    และถ้าแยกตรงนี้ไม่ได้..ต่อไปก็จะเกิดการวิกลจริตได้.
    เพราะกำลังในการคิดสร้างเป็นภาพมันมีกำลังมาก
    จนทำลายระบบสมองได้..
    ๒.๕ สามารถดึงความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจที่เป็นฝ่ายอารมย์
    ให้เข้ามาร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถเกิดเป็นอารมย์ต่างๆได้
    ไม่ว่า รัก โลภ โกรธ หลง และส่งผลต่อร่างกายไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง..
    ๒.๖ สามารถที่จะแยกมันออกจากตัวจิตได้..จากการเจริญสติ ด้วยการ
    สร้าง''ผู้รู้ตัวใหม่'' ก็คือ ''สติทางธรรม" เด่วว่ากันตอนต่อไป..
    ๒.๗ มีเอกลักษณ์ในการดีดตัวเองออกจากดวงจิตได้..ถ้าสติทางธรรม
    หรือ''ผู้รู้ตัวใหม่''สามารถเห็นมันได้ทันตั้งแต่ตอนที่มันกำลังจะเกิด
    หรือกำลังจะผุดขึ้นมาจากดวงจิต ซึ่งตรงนี้เป็นข้อแตกต่างที่ สติทางโลก
    ไม่สามารถทำได้..เพราะสติทางโลก ยังต้องอาศัยดวงจิตกับความคิด
    ที่เกิดจากตัวจิตร่วมกันนั่นเอง..


    ตัวที่ ๓..ความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม ตรงนี้ขอให้อ่านก่อน
    ถ้าหากปฏิบัติยังไม่ถึงจริงๆจะไม่มีทางเข้าใจได้เลย..และถ้าหากยังไม่เห็น
    ความคิดตัวนี้ อย่าไปให้ความสำคัญในถึงเรื่องวิปัสสนา
    .อย่าพึ่งรีบด่วนสรุปกิริยาอะไรต่างๆ .
    เพราะเราจะไม่ทันตอนทีความคิดตัวนี้มันรวมกับ
    ดวงจิตซึ่งเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของมัน
    และไม่ทันตอนที่มันรวม
    กับความคิดที่เกิดจากจิต ซึงก็เป็นความสามารถของมันอย่างหนึ่ง.
    และเราจะเข้าใจไปเองว่าเรารู้ เราเข้าใจ..เราก็เลยจะคิดว่าเรารู้ เราเห็น
    ซึ่งเป็นอันตรายมาก มันจะทำให้เรากลายเป็นคนหลงตัวเอง คิดว่า
    ความคิดของเราถูกต้อง คิดว่าตัวเราเองบรรลุโน้นบรรลุนี้..ทั้งๆที่
    ไม่มีความเข้าใจในเรื่องนามธรรม สัมผัสนามธรรมไม่ได้ ไม่มีความ
    สามารถพิเศษทางจิตใดๆเพิ่มขึ้น ไม่มีการรับรู้ใดๆทางนามธรรม
    เพิ่มขึ้น..ตลอดจนเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
    ก็จะไม่ทันกิเลสตัวต่างๆ ไม่ว่ารัก โลภ โกรธ หลง..ตลอดจน
    กลายเป็นคนยึดมั่นถือมั่นในความคิดตัวเอง อยากได้รับการยอมรับ
    จากสังคมโดยไม่รู้ตัว..ทั้งๆที่ไม่มีอย่างนี้ กระแสจิตไม่เชื่อมข้างบน
    พูดๆง่ายๆตายไปสูงสุดคือคน..แต่ส่วนมากจะลงข้างล่าง มันก็จะยัง
    ทำให้เราคิดว่า เราบรรลุโน้น บรรลุนี้ได้ เพราะฉนั้นอ่านก่อน
    และพึงระมัดระวังให้ดีๆด้วยครับ.....

    ซึ่งมันจะมีเอกลักษณ์พิเศษคือ ต้องเจอถึงจะเข้าใจ
    ต้องปฏิบัตให้เข้าถึงเราถึงจะรับรู้ตรงนี้ได้นะครับ.
    ๓.๑ ขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ เราบังคับมันไม่ให้ขึ้นมาก็ยาก..
    ๓.๒ ถ้ามันขึ้นมาแล้วเป็นเรื่องอะไรก็ตาม มันก็จะขึ้นเป็นเรื่องนั้นๆ
    วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น..เช่น 1234 มันก็จะ 1234,1234 ฯฯฯฯ
    ๓.๓ และต่อให้เราพยายามจะคิดไปเปลี่ยนมัน เราก็จะเปลี่ยนแปลง
    มันไม่ได้ เช่น มันขึ้นมา 1234 ให้คิดเปลี่ยนแทบตายว่า 4321
    แต่มันก็จะยังเป็น 1234 และก็ 1234
    ปฏิบัติจนเข้าถึงได้จะเข้าใจเองว่าจริงหรือไม่
    ๓.๔ แต่มันสามารถถูกตามดู ตามรู้ ตามทำความเข้าใจได้..ถ้าเรามี
    สติทางธรรมหรือผู้รู้ตัวใหม่ แต่การตามดู ตามทำความเข้าใจได้นั้น
    ตัวจิตจะต้องมีความเป็นกลาง คือไม่กระเพื่อมเหมือนใน ข้อ ๑.๕
    คือไม่มีความคิดที่เกิดจากจิต ไม่มีฝ่ายอารมย์มาปรุงร่วม.และการตาม
    ดูนั้นจะต้องทำ ณ ปัจจุบันเท่านั้น..
    ความเป็นกลางตรงนี้ก็แล้วแต่แนวทางการปฏิบัติ บางก็ใช้สมาธิก่อน
    แล้วก็กลับที่มั่น บางก็ว่าให้จิตตั้งมั่นอะไรก็แล้วจะเรียก ฯลฯ ประเด็นคือ
    จิตไม่มีความคิด ไม่มีอารมย์มาร่วมนั่นเอง..
    ๓.๕ ถ้าสามารถทำ ๓.๔ ได้ก็จะเกิดเป็นปัญญาตัวหนึ่งขึ้นมาได้
    ก็คือ ปัญญาทางธรรม เป็นปัญญาที่สามารถทำให้ ลด ละ คลายกิเลส
    ในดวงจิตออกจากดวงจิตได้จริงๆ...ระดับปัญญาทางธรรมก็ขึ้น
    อยู่กับความสามารถในการตามทำความเข้าใจตรงนี้..ซึ่ง ณ ตอนนี้
    ผู้เขียนที่อธิบายให้อ่านแบบนี้ ยังถือว่าอยู่ในระหยาบ(ห่มเหลืองที่สอน
    ที่ดูแลเรื่องภพภูมิท่านบอกมา ซึ่งก็จริงอย่างที่ท่านว่า ๕๕๕๕)
    ๓.๖ การตามทำความเข้าใจ ขันธ์ ๕ นามธรรมตรงนี้ได้ ทะลุทะลวง
    ก็จะเป็นการรอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในอวิชชา แล้วแต่จะเรียกนั่นหละครับ

    ่ ปล ๓. ถ้าผ่าน ๓.๖ ได้ ก็จะเป็นขั้นของการไม่ยึดทั้งบุญทั้งปาบ การกระทำ
    อะไรก็ตามต่อไปจะเป็นเพียงกิริยา แม้แต่ตัวจิตเองก็ต้องวาง ตัวสติ
    ตัวปัญญาเองก็ต้องวาง ถึงจะมีโอกาสไม่ต้องกลับมาเกิดอีก
    ไม่งั้นจะต้องไปติดในกองบุญกองกุศลอีก
    กลับมาเกิดเหมือนเดิม ๕๕๕ พูดแล้วอารมย์เสีย....

    ปล.ใน #Rep นี้ไม่จำเป็นต้องเข้าใจตอนนี้..แต่ถ้าพอจับหลักสังเกตุได้
    จะเริ่มทำให้มีความเข้าใจนามธรรมมากขึ้น ถ้าแยกตรงนี้ได้ เข้าใจตรงนี้ได้
    กรรมฐานไม่ว่ากองไหนๆมันก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
    แต่การตามทำความเข้าใจในขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมได้
    จนตัวจิตสามารถเข้าสู่ความว่างได้ในสภาวะลืมตาปกติ
    ในชีวิตประจำวันได้ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ
    สังคมได้อย่างปกตินั้น
    โดยไม่ต้องใช้สมาธิข่ม
    หรือใช้กำลังจิตในการบังคับ
    ตัวใครตัวมันนะครับ เพราะผู้เขียนก็
    ทุลักทะเลอยู่ครับ...๕๕๕๕๕๕
    วันนี้ขอจบเท่านี้ก่อน เด่วพรุ้งนี้มาเขียนวิธีการสร้าง.
    ."ผู้รู้ตัวใหม่"ครับ

    ราตรีสวัสดิ์ก่อนครับคืนนี้
     
  18. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แวะมาขำณัฐวุฒิ เอ้ย นพการ 555

    ไม่ค่อยพูดเหรอจ๊ะ แต่ชอบระบายโดยการเขียนใช่มั้ย

    รูปหล่อ เรียบร้อย น่ารัก ไม่เห็นดุเลยนะ

    แหมอยากเห็นตัวเป็นๆซักครั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2015
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    @raming2555 ท่านราม ไม่เรียกหมิงนะคะ
    เชี่ยวชาญกสิณไฟหรือคะ เล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานบ้างซิคะ
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อือหือ ๕๕๕
    ..สวัสดีครับ jarujun มาถึงก็ ฮา เลยเนาะ....
    ให้ลองสังเกตุดูเวลาหลังจากที่ข้อความนี้พิมพ์ลงไปเนาะ..
    ลองดูนะว่ารู้สึกอะไรบ้างนะ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...