ข้อความจากต่างมิติ - ข้อความชุด Morning messages จาก The Team

"ข้อความที่ 15: ประตูมิติแห่งเอกภพ"


(credit the picture from internet)

ประตูมิติมีอยู่ในทุกๆรูปร่างรูปทรงและมีอยู่ในทุกๆระดับของความตระหนักรู้, ประตูมิติมีอยู่ในทุกๆกรอบของกาลเวลา และมีอยู่ในทุกๆมิติ ประตูมิติมีทั้งที่ปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัด และที่ไม่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด หรือที่ซุกซ่อนอยู่ หรือที่เป็นความลับ

ประตูมิติจะช่วยให้สามารถเข้าไปในส่วนอื่นๆของอวกาศได้ หรือเข้าไปในสภาวะอื่นๆของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ได้, ประตูมิติจะช่วยให้สามารถเข้าไปในโลกแห่งความเป็นจริงอื่นๆ หรือโฮโลแกรม/โฮโลเกมอื่นๆได้

โครงข่ายพลังงานหรือแมทตริกซ์ที่ถักทอกันขึ้นมาเป็นสนามพลังงานของดาวเคราะห์โลกของพวกคุณนั้น มีการเชื่อมประสานอยู่กับประตูมิติเหล่านี้

ในร่างกายของมนุษย์เองก็มีประตูมิติอยู่มากมาย ซึ่งพวกคุณเรียกประตูมิติเหล่านี้ว่า “จักระ” ซึ่งโดยอาศัยประตูมิติที่อยู่ในร่างกายของพวกคุณเหล่านี้เอง ที่ข้อมูลข่าวสารและพลังงานต่างๆจะสามารถเข้ามาสู่ร่างกายของพวกคุณได้ ประตูมิติเหล่านี้พวกมันจะมีการเปิดและปิดคล้ายๆกันกับวิธีการเปิดและปิดของเลนส์ของกล้องถ่ายรูป

ประตูมิติ หรือจักระเหล่านี้คือจุดเชื่อมต่อของพวกคุณกับดวงดาวต่างๆ พวกมันคือตัวรับสัญญาณคลื่นความถี่จากดาวเคราะห์ต่างๆ, และจากดวงจันทร์ และจากดวงดาวต่างๆ และพวกมันก็ยังทำหน้าที่รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของการสนทนามาจากมนุษย์โลกคนอื่นๆอีกด้วย

เพราะว่าทุกๆครั้งที่มนุษย์สองคนมาเจอกัน ประตูมิติหรือจักระของพวกเขา ก็จะแชร์ข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน ในระดับที่ละเอียดอ่อนจนเจ้าตัวอาจจะไม่สามารถรับรู้ได้ ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับมนุษย์โลกทุกๆคน ในทุกๆสถานที่ และตลอดเวลา

และส่วนที่ทำหน้าเป็นลิงค์ หรือเป็นจุดเชื่อมต่อของพวกคุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกับพลังงานชีวิตเองก็คือจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของหัวใจของพวกคุณเอง หรือคือสนามพลังงานของหัวใจของพวกคุณเองนั่นเอง

หัวใจของพวกคุณคือประตูมิติที่เชื่อมต่อพวกคุณกับดวงดาวทั้งหลาย หัวใจของพวกคุณคือทางเข้าไปสู่ความตระหนักรู้ในทุกๆระดับ และคือทางเข้าไปสู่ความอยู่ดีมีสุขด้วย หัวใจของพวกคุณคือส่วนที่สามารถคิดได้/รู้สึกได้/และรู้ได้ของพวกคุณเอง ในฐานะที่พวกคุณเป็นมนุษย์แห่งดวงดาวหลากมิติ

หัวใจของพวกคุณคือทางเข้า-ออกเอกภพของพวกคุณเองแต่ละคน มันคือที่สถิตย์อยู่ของตัวตนที่แท้จริงของพวกคุณเองที่พิเศษเฉพาะไม่เหมือนใคร และด้วยการเปิดขึ้นมาของหัวใจนี้ อย่างมีสติสัมปชัญญะ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักนี้ ก็จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปิดเผยตัวเองออกมา แล้วความลึกลับซับซ้อนทั้งหมดก็จะถูกเฉลยออกมา

..The Team..
..............................................................
Source: Morning Messages
..............................................................

 

"ข้อความที่ 16: นักเล่นแร่แปรธาตุผู้เก่งกาจ"


(credit the picture from internet)

ร่างกายเนื้อของมนุษย์ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่อย่างมีสมดุล และอย่างสอดประสานกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่เมื่อใดที่ความสมดุลนี้ถูกรบกวน เพราะความเชื่อที่ผิดๆที่ถูกปลูกฝังมา, หรือเพราะความคิดที่คุ้นเคย
หรือเพราะอารมณ์ที่เคยชิน หรือเพราะรับประทานอาหารที่เป็นพิษเป็นภัยเข้าไปแล้วหละก็ มันก็จะไปทำให้เกิดความไม่สบายขึ้นมาภายในร่างกายเนื้อของมนุษย์คนนั้นเอง

ซึ่งความไม่สบายนี้ หรือความไม่สอดประสานกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้ หรือการขาดสมดุลนี้ เป็นผลพวงมาจากหลายๆสาเหตุที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน

การขาดสมดุลนี้จะมีให้เห็นอยู่ในส่วนต่างๆที่มีความเสี่ยง อันเนื่องมาจากธรรมเนียมปฏิบัติผิดๆ หรือความเชื่อที่ผิดๆของครอบครัวหรือของสังคม หรือจากพิษภัยที่อยู่ภายในจิตใจของคนผู้นั้นเอง ในขณะนั้นๆ

แต่อย่างไรก็ตาม มันก็จะเกิดขึ้นโดยเริ่มต้นมาจากข้างในเสมอ ดังนั้น จงมองดู และค้นหาให้เจอว่าพวกคุณจะสามารถทำให้พิษภัยเหล่านี้มันลดน้อยลง หรือหมดไปได้อย่างไรบ้าง

ซึ่งก็ได้แก่ขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าๆ, หรืออารมณ์ที่เป็นพิษเป็นภัยทั้งหลายที่ตัวเองมีอยู่, หรือความเชื่อที่ผิดๆที่เป็นพิษเป็นภัยทั้งหลายที่เกี่ยวกับการมีข้อจำกัดที่อยู่ภายในจิตใต้สำนึกของพวกคุณเอง, หรืออาหารที่เป็นพิษเป็นภัยที่พวกคุณรับประทานกันเข้าไป เป็นต้น

เพราะว่านี่แหละคืองานให้บริการของพวกคุณ ที่พวกคุณมาที่นี่เพื่อมาทำกันหละ ซึ่งก็คือการมาชำระล้างสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปนั่นเอง

(ปล.คำว่า “ความเชื่อเกี่ยวกับการมีข้อจำกัด” ที่ว่านี้..ก็อย่างเช่น การเชื่อว่าตัวเองไม่สามารถทำหรือเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้ เป็นต้น ซึ่งเป็นการตีกรอบและขีดข้อจำกัดให้กับตัวเองโดยใช่เหตุ ทั้งๆที่โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว มนุษย์อาจจะสามารถทำหรือเป็นสิ่งนั้นหรืออย่างนั้นได้อยู่แล้วโดยไม่ไปขัดแย้งอะไรกับกฎ หรือสัจธรรม หรือความจริงในระดับจักรวาลเลย – ผู้แปล)

ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องรักตัวเองด้วยหัวใจที่อ่อนโยนและอย่างมีสติสัมปชัญญะ แล้วปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากข้อจำกัดทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นเสีย

ดังนั้น พวกเราจึงอยากขอแนะนำว่า ให้พวกคุณและคนอื่นๆ หมั่นร้องขอความช่วยเหลือ และการสนับสนุนจากพวกเรา เพื่อให้ช่วยเยียวยารักษาพวกคุณ และนำพาความสมดุลกลับคืนมาสู่พวกคุณ

พวกเราขอเชิญพวกคุณให้เข้ามาอยู่ในหัวใจของตัวเอง แล้วนำเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ขาดสมดุล หรือเป็นพิษเป็นภัย หรือเป็นข้อจำกัด เข้ามาไว้ในหัวใจของตัวเอง แล้วทำการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของพวกมันไปให้หมดเสีย (โดยใช้คลื่นความสั่นสะเทือนของความรักแบบไม่มีเงื่อนไข, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดี เป็นต้น – ผู้แปล) เพราะว่าพวกคุณคือนักเล่นแร่แปรธาตุผู้เก่งกาจตัวจริงอยู่แล้ว

และพวกเราก็รู้ว่าเมื่อใดก็ตามที่พวกคุณตัดสินใจ เลือกที่จะใช้ความตระหนักรู้ของดวงดาวอันนี้แล้ว และเลือกที่จะใช้เครื่องมือสำหรับการเปลี่ยนรูปแบบอันน่าพิศวงที่พวกคุณมีกันอยู่แล้วนี้ พวกคุณก็จะส่องแสงสว่างเจิดจ้า ดุจดวงดาวที่เจิดจรัสอยู่ในกาแล็กซี่โน่นเลยทีเดียว

..The Team..
...............................................................
Source: Morning Messages
...............................................................

 

"ข้อความที่ 17: จงตามไปเก็บเอาความสุข-ความเบิกบานของพวกคุณกลับคืนมา"



(credit the picture from internet)

พวกเราอยากจะขอให้พวกคุณทำความรู้สึกถึงความสุข-ความเบิกบาน และขอให้ยินดีต้อนรับความสุข-ความเบิกบานอันนั้นด้วย

จงตรวจตราดูความรู้สึกแห่งความสุข-ความเบิกบานอันนั้นว่า..เมื่อใดที่พวกคุณรู้สึกเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข-ความเบิกบาน? สภาวะอะไรที่ทำให้พวกคุณรู้สึกถึงความสุข-ความเบิกบาน? สถานการณ์ไหนที่ทำให้พวกคุณรู้สึกถึงความสุข-ความเบิกบาน?

พวกเราขอเชิญชวนพวกคุณให้มาฝึกฝน การอยู่ในความตระหนักรู้ของความสุข-ความเบิกบานนี้ ให้มาอยู่ในคลื่นความสั่นสะเทือน, ความรู้สึก
และอารมณ์ของความสุข-ความเบิกบานนี้ แล้วสารเคมีในร่างกายเนื้อของพวกคุณก็จะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อพวกคุณนำพาเอาความตระหนักรู้แห่งความสุข-ความเบิกบานนี้ เข้ามาสู่ทุกชั่วขณะของการดำรงอยู่ของตัวเอง

แล้วเมื่อเวลาผ่านไป พวกคุณก็จะเข้าใจว่าความสุข-ความเบิกบานคือสภาวะตามธรรมชาติของการมีชีวิตอยู่

มันคือคลื่นความสั่นสะเทือนที่จะเป็นหนทางนำพาพวกคุณ ให้หลุดออกมาจากโครงข่ายพลังงานของจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก มันคือบันได หรือคือเชือก หรือคือเสื้อชูชีพของพวกคุณ

ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่พวกคุณเรียนรู้ที่จะรับรู้ และรู้สึก และมีประสบการณ์กับความสุข-ความเบิกบานนี้แล้ว โดยการยินยอมให้มันกลายมาเป็นคลื่นความสั่นสะเทือนหลักในชีวิตของตัวเองแล้ว พวกคุณก็จะเป็นอิสระ

และเมื่อใดที่พวกคุณคงอยู่ในระดับความสั่นสะเทือนของความสุข-ความเบิกบาน มากกว่าอยู่ในคลื่นความสั่นสะเทือนของอารมณ์อื่นๆแล้ว พวกคุณก็จะมีพลังอำนาจในการสร้างสรรค์อย่างมากมายทันที เพราะว่าพวกคุณได้ไปอยู่ในกระแสพลังงานของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว

พวกเราอยากจะกระตุ้นให้พวกคุณ ลองนึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่พวกคุณถูกบอกถูกสอนว่า “ห้ามแสดงความสุข-ความเบิกบานออกมา” ดูซิ ว่า..มันคือเมื่อไรกัน ที่พวกคุณ ได้ปิดประตูสู่ความสุข-ความเบิกบานของตัวเองไป?

ว่ามันคือเมื่อไรกัน ที่เหตุการณ์แห่งความเจ็บปวดทางอารมณ์อันนั้นได้ทำให้พวกคุณหยุดสั่นสะเทือนด้วยความสุข-ความเบิกบาน/ความรู้สึกซาบซึ้งใจ/ความรู้สึกชื่นชมยินดี/และความรู้สึกรักไป แล้วหันมาสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความสั่นสะเทือนที่ต่ำๆ และหนาแน่นทึบตันของความกลัว, ของการถูกปฏิเสธ และของความโกรธแทน

จงนึกย้อนกลับไป..แล้วไปนำพาเอาความทรงจำของอารมณ์ความรู้สึกที่มีระดับความสั่นสะเทือนสูงๆเหล่านั้นกลับคืนมาเสีย จงนึกย้อนกลับไป..แล้วไปตามเก็บเอาความสุข-ความเบิกบานของพวกคุณกลับคืนมาเสีย ให้เหมือนกับการเล่นเกมซ่อนหาไข่ทองคำอะไรแบบนั้นแหละ

..The Team..
...............................................................
Source: Morning Messages
..............................................................

 

"ข้อความที่ 18: พรมวิเศษ"


(credit the picture from internet)

เมื่อใดก็ตามที่พวกคุณดำรงอยู่ภายในคลื่นความสั่นสะเทือนที่สูงๆของความสุข-ความเบิกบาน และความรู้สึกซาบซึ้งใจล้วนๆแล้ว คลื่นความสั่นสะเทือนอันนี้ก็จะกลายไปเป็นพรมวิเศษ และเกราะป้องกันให้กับพวกคุณ แล้วมันก็จะนำพาพวกคุณบินผ่านลมพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายไปได้ และบินข้ามคลื่นความสั่นสะเทือนของกรอบกาลเวลาต่างๆและโลกแห่งความเป็นจริงๆต่างๆไปได้

เพราะฉะนั้นแล้ว จงกลับเข้าไปอยู่ภายในหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณเอง ให้บ่อยครั้งที่สุดเท่าที่พวกคุณจะสามารถทำได้ แล้วจากนั้นก็จงยินยอมให้ความรักอันศักดิ์สิทธิ์ของจักรวาลแผ่ซ่านออกมาจากหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ
เพื่อหลั่งไหลไปสู่ทุกผู้ทุกนาม

พวกคุณคือคนๆหนึ่งที่ถือความรักอันศักดิ์สิทธิ์นี้เอาไว้อยู่ เช่นเดียวกันกับมนุษย์โลกทุกๆคน และกุญแจสำคัญก็คือ การจดจำพลังอำนาจนี้ให้ได้
และจดจำเป้าประสงค์นี้ให้ได้ในขณะที่พวกคุณยังอยู่ในร่างกายเนื้อนี้

และกุญแจสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการเปิดหัวใจของตัวเองเอาไว้เสมอ เพื่อให้ความรักอันศักดิ์สิทธิ์นี้ไหลผ่านเข้ามา และไหลผ่านออกไปได้ตลอดเวลา

ความอยู่ดีมีสุขของช่องว่างภายในหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณเอง และการดูแลเอาใจใส่ช่องว่างภายในหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณเอง คือสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งคลื่นความสั่นสะเทือนที่จะนำมาใช้เพื่อการนี้ก็คือคลื่นความถี่ของความสุข-ความเบิกบาน และความรู้สึกซาบซึ้งใจ

นี่คือข้อความที่พวกเราตอกย้ำกับพวกคุณอยู่บ่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะว่ามันเป็นข้อความที่แท้จริงเพียงข้อความเดียว ที่พวกเราตั้งใจจะบอกกับพวกคุณจริงๆ

และเพราะว่าพวกคุณ และคนอื่นๆทุกๆคน คือรูปธรรมชีวิตที่ประกอบขึ้นมาจากคลื่นความสั่นสะเทือนล้วนๆ เพราะฉะนั้นแล้ว จงหมั่นยกระดับคลื่นความสั่นสะเทือนของตัวเองให้สูงขึ้นอยู่เสมอๆ

จงร้องเพลง, จงเต้นรำ, จงรัก, จงให้อภัย, จงเคารพและให้เกียรติ, จงยอมรับและขอบคุณ, จงชื่นชม, และจงซาบซึ้งใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าพวกคุณ และต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณได้ประสบพบเจอ และต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณรู้สึกหรือมองเห็น ด้วยความจริงใจ

เพราะว่าคลื่นความถี่และความสั่นสะเทือนของอารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้ คือไม้เท้ากายสิทธิ์ของพวกคุณ ที่พวกคุณจะสามารถใช้เพื่อเปลี่ยนรูปแบบของคลื่นความถี่และความสั่นสะเทือนที่ไม่ดีไม่งามทั้งหลายได้

..The Team..
................................................................
Source: Morning Messages
...............................................................

 

"ข้อความที่ 19: ความสุข-ความเบิกบานคือน้ำอมฤตชนิดหนึ่ง"


(credit the picture from internet)

“ความสุข-ความเบิกบาน” (joy) คือคลื่นความสั่นสะเทือนระดับสูงชนิดหนึ่ง ซึ่งมันจะสามารถเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในสนามพลังงานของพวกคุณได้อย่างราบรื่นและง่ายดายทั่วทั้งร่างกายเนื้อของพวกคุณ

ส่วน “ความรู้สึกซาบซึ้งใจ” (gratitude) นั้น ก็เป็นคลื่นความสั่นสะเทือนระดับสูงชนิดหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน มันคือน้ำอมฤตชนิดหนึ่ง เพราะว่ามันจะสามารถยกระดับความสั่นสะเทือนของพวกคุณให้สูงขึ้นได้ และทุกๆองค์ประกอบของระบบกายและจิตของพวกคุณจะอยู่ในสภาวะผ่อนคลายเมื่อพวกคุณอยู่ในความรู้สึกซาบซึ้งใจนี้

ส่วน “ความรู้สึกชื่นชมยินดี” (appreciation) นั้น ก็เป็นคลื่นความสั่นสะเทือนระดับสูงอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อใดที่พวกคุณยินยอมให้ความรู้สึกชื่นชมยินดีนี้แผ่ซ่านออกมาจากหัวใจของตัวเองแล้ว เมื่อนั้น..ก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังทำงานร่วมกับพลังงานแห่งการเปลี่ยนรูปแบบอยู่

และ “ความรัก” (love) นั้น ก็เป็นคลื่นความสั่นสะเทือนระดับสูงอีกชนิดหนึ่ง แต่ว่า “ความรัก” นั้น คือพลังงานแก่นแท้อันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณเอง

ขอให้พวกคุณนึกย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ชีวิตในอดีต ที่ทำให้พวกคุณมัวหมองไปด้วยความรู้สึกผิด (guilt) หรือ ด้วยความรู้สึกเสียใจ (regret) ดูสักครู่

แล้วจากนั้นก็ให้นึกจินตนาการสร้างภาพผลลัพธ์แบบใหม่ขึ้นมา ภายในใจของตัวเอง โดยให้ลองนึกจินตนาการไปว่าในสถานการณ์ดังกล่าวนั้น พวกคุณได้พูด หรือ ได้กระทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากเมื่อครั้งกระโน้นแทน ซึ่งคำพูดหรือการกระทำที่ว่านี้ เป็นคำพูดหรือการกระทำที่มีความรัก-ความเมตตามากขึ้นกว่าเดิม หรือมีสติสัมปชัญญะมากขึ้นกว่าเดิม

แล้วจากนั้น ก็จงยินยอมให้ตัวเองรู้สึกถึง หรือรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกอันใหม่ที่เกิดขึ้นตามมาจากผลของคำพูดหรือการกระทำใหม่ดังกล่าวนี้ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นอารมณ์ความรู้สึกแห่งความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดี ชนิดใดชนิดหนึ่งก็ได้

จงหมั่นฝึกฝนวิธีการใช้จินตนาการนี้ต่อไป จนกว่าประสบการณ์เจ็บช้ำในอดีตของพวกคุณจะหมดพลังอำนาจของมันลงไป

มนุษย์โลกแต่ละคนคือผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่ออารมณ์ความรู้สึกทั้งหลาย ที่ตัวเองส่งเข้าไปในสนามพลังงานของคนทั้งโลก

ดังนั้น คำถามที่พวกคุณจะต้องถามตัวเองอยู่เสมอก็คือ “อารมณ์ความรู้สึกที่ฉันกำลังมีอยู่ในขณะนี้ มันจะไปเพิ่มพลังงานแห่งความกลัว, ความโกรธ, และความไร้ซึ่งพลังอำนาจให้กับพลังงานที่สะสมอยู่ภายในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวฉันเอง และของคนทั้งโลกหรือไม่ หรือว่ามันจะไปช่วยทำให้ระดับความสั่นสะเทือนของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวฉันเองและของคนทั้งโลกสูงขึ้นกันแน่?”

ซึ่งถ้าพบว่ามันจะไม่ไปช่วยยกระดับความสั่นสะเทือนของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของใครแล้วหละก็ ก็จงทำทุกวิถีทางเท่าที่พวกคุณจะสามารถทำได้ เพื่อให้อารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นของพวกคุณเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเสีย

..The Team..
..............................................................
Source: Morning Messages
..............................................................

 

"ข้อความที่ 20: งานรับใช้โลก"


(credit the picture from internet)

อารมณ์ความรู้สึกถูกออกแบบมาเพื่อให้มาเป็นเครื่องชี้วัดให้กับพวกคุณ เพื่อให้พวกคุณรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ตัวเองเริ่มออกนอกลู่นอกทางแล้ว

ดังนั้นเมื่อใดที่พวกคุณรู้สึกกลัวขึ้นมาหละก็ มันจะมีประโยชน์มากที่จะพูดออกมาว่า “ตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกกลัวอยู่” ซึ่งพวกคุณไม่จำเป็นจะต้องรู้เลยว่าความรู้สึกเหล่านั้นมันมาจากไหน หรือว่ามันหมายความว่าอย่างไร

ให้พวกคุณเพียงแค่ "รับรู้" ถึงการมีอยู่ของพวกมันเท่านั้นก็พอ เพราะว่าเมื่อใดที่พวกมันถูกรับรู้แล้ว พวกมันก็จะสลายไป แล้วพวกมันก็จะไม่มาสะสมอยู่ในระบบของพวกคุณ

และทุกๆครั้งที่พวกคุณสามารถเปลี่ยนรูปแบบเก่าๆของพลังงานแห่งความกลัวหรือพลังงานแห่งการดิ้นรนต่อสู้ไปได้แล้ว พวกคุณก็จะยกระดับความสั่นสะเทือนของพลังงานของแมทตริกซ์ของโลกที่กำลังมีปัญหาอยู่นี้ให้สูงขึ้นตามไปด้วย และพวกคุณก็จะยกระดับความสั่นสะเทือนของตัวเองให้สูงขึ้นตามไปด้วย

และทุกๆครั้งที่พวกคุณสามารถยกระดับการตอบสนองด้านอารมณ์ของตัวเอง ต่อสถานการณ์ต่างๆ จากเดิมที่เคยตอบสนองด้วยความกลัวหรือด้วยการตัดสินชี้ถูกผิด ให้เปลี่ยนมาเป็นการตอบสนองด้วยความรัก, ความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และการยอมรับ แทนได้แล้ว ก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังทำหน้าที่ของตัวเองในการรับใช้โลกใบนี้อยู่

และทุกๆครั้งที่พวกคุณไปรวมตัวกับคนอื่นๆที่ตื่นรู้ขึ้นมาสู่ความเป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติได้แล้วเหมือนๆกัน นั่นก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังทำให้พลังอำนาจของงานรับใช้โลกของพวกคุณเข้มแข็งมากขึ้นอยู่

ของขวัญที่ร่างกายเนื้อของพวกคุณจะสามารถมอบให้กับส่วนรวมได้ ก็คือของขวัญแห่งการมีระดับคลื่นความถี่ที่บริสุทธิ์ ของระดับความสั่นสะเทือนที่สูงๆ ซึ่งคลื่นความถี่อันบริสุทธิ์ที่มีระดับความสั่นสะเทือนที่สูงๆนี้ จะมีอยู่ในความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้ง, และความรู้สึกชื่นชมยินดี

ดังนั้น จงอย่าลืมที่จะอยู่ในคลื่นความถี่เหล่านี้ให้ได้มากที่สุด และอย่าลืมที่จะกลับเข้าไปอยู่ในคลื่นความถี่เหล่านี้ให้ได้บ่อยครั้งมากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะว่าทุกๆชั่วขณะคือโอกาสแห่งการยกระดับคลื่นความสั่นสะเทือนของโลกที่ผิดปกติมานานแล้ว เพราะการหมักหมมของคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งความขาดแคลน, ความกลัว, ความโกรธ, การตัดสินชี้ถูกผิด และความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าให้สูงขึ้น

The Team
...........................................................
Source: Morning Messages
...........................................................

 

"ข้อความที่ 21: จงเปล่งประกายความเป็นดาวของพวกคุณออกมา"


(credit the picture from internet)

เพราะว่าตอนนี้กำลังมีพลังงานจากเอกภพหลั่งไหลเข้ามาเอิบอาบจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของมนุษย์โลกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอยู่ ดังนั้น จึงกำลังทำให้มนุษย์โลกเริ่มตื่นขึ้นมาจากการหลับอย่างไร้สติมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว

ดังนั้น จากเดิมที่เคยเย็นชาและไม่รับรู้และไม่ยอมรับอะไรมาก่อน ก็เลยกลายมาเป็นว่าเริ่มมีประกายแสงแห่งการรู้จักตัวเองและรับรู้ในพลังอำนาจของตัวเองขึ้นมาแล้ว

ดังนั้นในตอนนี้จึงกำลังมีผู้คนที่กริ้วกราดที่เพิ่งตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล และเริ่มออกมาต่อต้านสภาวะที่ไม่ถูกไม่ต้อง ที่ตัวเองกำลังอาศัยอยู่นั้นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ซึ่งพวกคุณก็สามารถที่จะมองเห็นและรับรู้ถึงความไม่สงบ, การประท้วง และความโกรธแค้นที่กำลังลุกลามไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ได้

ดังนั้นงานรับใช้ของพวกคุณ และงานรับใช้ของมนุษย์แห่งดวงดาวหลากมิติทุกผู้ทุกนาม ที่ตื่นขึ้นมาแล้ว และตระหนักรู้แล้วก็คือ การคงอยู่ในคลื่นความสั่นสะเทือนอันบริสุทธิ์ของความรัก, ความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดีให้ได้อย่างแน่วแน่และมั่นคงมากที่สุด

เพราะว่าคลื่นความถี่และความสั่นสะเทือนระดับสูงอันบริสุทธิ์เหล่านี้ จะไปทำหน้าที่เป็นรากฐานและเป็นสมอเรือให้กับกระบวนทัศน์ใหม่ของโลกใบนี้ ในขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปและกำลังเคลื่อนขึ้นไปสู่มิติที่สูงกว่าเรื่อยๆอยู่นี้

ทั้งตัวพวกคุณเองและคนอื่นๆต่างก็มีพลังงานที่หนาแน่นทึบตันของตัวเองอยู่ ที่จะต้องจัดการเปลี่ยนรูปแบบพวกมันและยกระดับพวกมันให้สูงขึ้นอยู่ด้วย และในขณะเดียวกันพวกคุณก็จะต้องคงอยู่ในคลื่นความถี่ของความสั่นสะเทือนระดับสูงอันบริสุทธิ์เอาไว้ให้ได้ตลอดเวลาอีกด้วย เพื่อเหนี่ยวนำให้คนอื่นๆสั่นสะเทือนตามไปด้วย

ดังนั้นจงยินยอมให้ตัวเองหัวเราะ, เล่นสนุก, ร่าเริง-สดใส, และอยู่ในศูนย์กลางหัวใจของตัวเอง และจงรู้สึกประทับใจในเกมที่น่าพิศวงอันนี้ด้วย

จงจำไว้ว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกคุณนั้นใหญ่โตพอๆกับดวงดาวเลยทีเดียว และร่างกายเนื้ออันนี้และชีวิตๆนี้ของพวกคุณ ก็เป็นแค่เพียงภาพสะท้อนส่วนเล็กๆส่วนหนึ่ง ของความยิ่งใหญ่อลังการณ์ทั้งหมดของพวกคุณเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นแล้ว จงยินยอมให้และจงเชื้อเชิญให้ความเป็นดาวเต็มดวงของพวกคุณเอง เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าอกมา แล้วสาดส่องเข้ามาสู่ชีวิตของพวกคุณให้ได้ด้วย

The Team
...........................................................
Source: Morning Messages
...........................................................

 

"ข้อความที่ 22: ชีวิตคืองานภายใน"


(credit the picture from internet)

อาการไม่สบอารมณ์อย่างที่พวกคุณเรียกกันนั้น ปกติแล้วมันก็จะมาจาก “สิ่งที่เกิดขึ้นจริง” มันไม่ตรงกับสิ่งที่พวกคุณ “คาดหวังเอาไว้” ซึ่งโดยปกติแล้วมันก็จะเกี่ยวข้องกับการทำงานของโปรแกรมทางความคิดเก่าๆบางโปรแกรม และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้ว พวกคุณก็จะมองออกมาแต่ข้างนอกตัวเอง เพื่อหาเหตุผลและเพื่อหาความพึงพอใจ เพราะว่าภาพของสิ่งที่พวกคุณต้องการในชีวิตนั้น กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกคุณนั้น มันไม่ตรงกัน

แต่จงจำไว้ว่า “นี่คือมายาการ” และจงจำไว้ว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากภายในก่อนทั้งสิ้น แล้วจากนั้นจึงค่อยถูกฉายออกมาสู่ภายนอกทีหลัง”

ดังนั้นกุญแจสำคัญก็คือการกลับเข้าไปมองดู “ภายในของตัวเอง” แล้วดูซิว่าสภาวะภายในของพวกคุณนั้น มันยังมีความคาดหวังอะไรที่ยังไม่ถูกเติมเต็มอยู่บ้าง

ชีวิตคืองานภายในเสมอมา และพวกคุณก็คือกุญแจสำคัญเสมอมาด้วย เพราะว่าพวกคุณคือผู้สร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาเอง, คือผู้สังเกตการณ์เอง, คือผู้ที่รักเอง และก็คือผู้ที่จะถูกรักเองด้วย

ดังนั้น จงสุภาพอ่อนโยนกับตัวเองให้มาก และจงกลับเข้าไปอยู่ใน “ช่องว่างภายในของตัวเอง” ซึ่งเป็นที่ๆพวกคุณจะเคารพและให้เกียรติความสุข-ความเบิกบาน และความรู้สึกซาบซึ้งใจของตัวเอง ซึ่งความรู้สึกเหล่านั้นคือความสั่นสะเทือน, คือบันไดหินที่พวกคุณจะสามารถใช้ก้าวขึ้นไป เพื่อให้ตัวเองไปอยู่เหนือความรู้สึกที่ไม่สบอารมณ์เหล่านั้นได้

ในช่วงเวลานี้มันเป็นการง่ายมากที่พวกคุณจะตกลงไปติดอยู่ในโครงข่ายพลังงานของจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก เพราะว่าช่วงเวลานี้มันกำลังมีความวุ่นวายโกลาหลและความทุกข์ทรมานเกิดขึ้นอยู่มากมาย และในทุกหนทุกแห่งบนโลกใบนี้

ดังนั้น บนเส้นทางเดินของพวกคุณที่เต็มไปด้วยภาพและการรับรู้เกี่ยวกับความตาย, ความหายนะ, การสูญเสีย, และความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในโครงข่ายพลังงานร่วมของคนทั้งโลกแบบนี้ มันจึงสามารถที่จะกลายเป็นเส้นทางที่เปราะบางด้านอารมณ์ได้

ดังนั้น หน้าที่ของพวกคุณและของมนุษย์แห่งดวงดาวหลากมิติทุกๆคนก็คือการเหนี่ยวรั้งเอาคลื่นความสั่นสะเทือนที่แข็งแกร่งของความรัก, ความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดี ให้มาอยู่บนโลกให้ได้ ส่วนอารมณ์อื่นๆนั้น (อารมณ์ด้านลบ – ผู้แปล) อย่าไปใส่ใจ เพราะว่าพวกมันมีแต่จะไปเพิ่มความเจ็บปวดให้กับสนามพลังงานร่วมของคนทั้งโลกเท่านั้นเอง

The Team
...........................................................
Source: Morning Messages
...........................................................

 

"ข้อความที่ 23: ประตูมิติที่ไร้กาลเวลา"


(credit the picture from internet)

ลองจินตนาการถึงนักกายกรรมไต่เชือกดูสิ ทุกๆก้าวที่พวกเขาเหยียบย่างไปพวกเขาจะต้อง “มีสติอยู่ในปัจจุบันขณะ” เท่านั้น เพราะว่าถ้าพวกเขาเผลอไปคิดถึงก้าวข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึงหละก็ พวกเขาก็จะเสียสมาธิ แล้วก็จะเสียสมดุลได้

ดังนั้น เมื่อพวกเขาประคองสติเอาไว้ให้อยู่แต่กับปัจจุบันขณะเท่านั้น และทุ่มเทพลังงานทั้งหมดเพื่อจดจ่ออยู่แต่กับก้าวที่กำลังเหยียบย่างลงไปอยู่นั้นเท่านั้น และจดจ่ออยู่แต่กับงานที่กำลังทำอยู่ในชั่วขณะนั้นๆเท่านั้น จึงทำให้พวกเขาสามารถเดินไต่เส้นเชือกไปได้โดยตลอดรอดฝั่ง

เมื่อใดที่พวกคุณดำรงอยู่ในปัจจุบันขณะแล้ว พวกคุณก็จะ “มีตัวตนอยู่ในตัวเอง” มากขึ้นกว่าเดิม และก็จะสามารถได้ยินเสียงนำทางชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

ศิลปินผู้ที่กำลังวาดภาพและกำลังจดจ่ออย่างเต็มที่อยู่กับงานของตัวเอง จนลืมกาลเวลาไปเสียสิ้นนั้น คือผู้ที่กำลังทำการสร้างสรรค์งานศิลป์ของตัวเองขึ้นมาจาก “ชั่วขณะแห่งปัจจุบันขณะ” อยู่ เพราะว่าเมื่อใดที่พวกคุณรักษาการจดจ่อให้อยู่แต่กับปัจจุบันขณะแล้วหละก็ พวกคุณก็จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่องและอย่างราบรื่นและง่ายดาย

อันที่จริงแล้วพวกคุณก็กำลังสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพวกคุณจะกำลังสร้างสรรค์จากอดีต หรือจากปัจจุบันขณะนี้เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าพวกคุณกำลังสร้างสรรค์ขึ้นมาจากอดีตอยู่หละก็ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณสร้างสรรค์ขึ้นมา ก็จะอบอวนไปด้วยความทรงจำ, ความรู้สึก, ความเสียใจ, และความเชื่อในอดีตของพวกคุณเองทั้งสิ้น

แต่ว่า..ถ้าพวกคุณเรียนรู้ที่จะสร้างสรรค์ขึ้นมาแบบสดๆจากปัจจุบันขณะแล้วหละก็ มันก็จะเหมือนกับการที่พวกคุณวาดภาพลงไปบนผืนผ้าใบใหม่ๆนั่นเอง แต่ถ้าพวกคุณยังคงติดอยู่ในอดีตพวกคุณก็จะสร้างสรรค์ขึ้นมาแต่จากอดีตเท่านั้น และถ้าพวกคุณเอาแต่ส่งความตระหนักรู้ของตัวเองเข้าไปในอนาคต นั่นก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังสร้างสรรค์ขึ้นมาจากอดีตอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

และเมื่อใดที่พวกคุณฝึกฝนทักษะนี้จนเกิดความชำนาญแล้ว ในกิจกรรมของพวกคุณ และในเกมแห่งมายาการหรือในโฮโลเกมนี้ของพวกคุณ พวกคุณก็จะได้ตระหนักรู้ว่าทุกๆชั่วขณะแห่งปัจจุบันขณะนั้น คือประตูมิติบานหนึ่ง มันคือประตูมิติที่ไร้กาลเวลา

The Team
.............................................................
Source: Morning Messages
.............................................................

 

"ข้อความที่ 24: จุดยืนทางพลังงาน"


(credit the picture from internet)

มันมีสภาวะทางอารมณ์และสภาวะจิตใจบางอย่าง ที่พวกเราอยากจะขอเชิญพวกคุณให้มาดำรงอยู่ ซึ่งเมื่อใดที่พวกคุณนำเอาความตระหนักรู้ของตัวเองเข้ามาอยู่ใน “ปัจจุบันขณะ” แล้ว และเมื่อพวกคุณวางจุดยืนทางพลังงานของตัวเองเอาไว้ในจุดที่มีความสั่นสะเทือนสูงๆแล้ว มันก็จะไม่สำคัญเลยว่าพวกคุณจะกำลังทำอะไรอยู่ หรือกำลังทำอยู่กับใคร

เพราะว่ากุญแจสำคัญก็คือการดำรงอยู่ในชั่วขณะนั้นๆ และเอิบอาบชั่วขณะนั้นๆด้วยความสุข-ความเบิกบาน, ความรู้สึกซาบซึ้งใจ และความรู้สึกชื่นชมยินดีของพวกคุณเองลงไป แล้วมันก็จะมีกระแสการไหลอย่างต่อเนื่อง, ราบรื่นและง่ายดาย

ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ว่าพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่มันอยู่ที่ว่าในแต่ละชั่วขณะนั้นๆพวกคุณกำลังทำมันอย่างไรอยู่ต่างหาก

มายาการของความขัดสน, ความตึง, และความเครียด คือคลื่นความถี่ระดับต่ำ และสภาวะทางจิตเหล่านี้ก็จะสั่นสะเทือนอยู่หรือแผ่พลังงานอยู่แต่ในมิติที่ 3 นี้เท่านั้น เพราะว่าพวกมันคือส่วนหนึ่งของแมทตริกซ์แห่งการกักขังอันนี้

ตอนนี้มนุษย์โลกหลายคนเริ่มตระหนักรู้แล้วว่าพวกเขาคือรูปธรรมชีวิตหลากมิติ ที่กำลังเล่นอยู่ในเกมแห่งภาพลวงตาหรือโฮโลเกมอันนี้อยู่ บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ซึ่งเกมกระดานแห่งโฮโลเกมอันนี้ มันบีบบังคับให้พวกเขาต้องอยู่ในมายาการของการมีข้อจำกัดหลายๆอย่าง

และมายาการแห่งการมีข้อจำกัดเหล่านี้ ก็แข็งแกร่งมากซะด้วยสิ มิหนำซ้ำมันยังถูกป้องกันและเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี และก็ได้รับการสนับสนุน และได้รับการส่งเสริมให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยสื่อสารมวลชนของพวกคุณ, โดยเหล่าผู้นำของพวกคุณ และโดยกระบวนทัศน์เก่าๆของมิติที่ 3 แห่งนี้อีกด้วย

แต่ว่าในช่วงเวลานี้มันกำลังมีวิวัฒนาการบางอย่างเกิดขึ้นอยู่ ซึ่งเป็นวิวัฒนาการที่จะเกิดขึ้นภายในหัวใจและภายในจิตใจของมวลหมู่มนุษยชาติทั้งมวลที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งวิวัฒนาการทางด้านจิตสำนึกของมนุษย์โลกในครั้งนี้ จะทำให้มนุษย์โลกตระหนักรู้ถึง “ความจริง” เกี่ยวกับตัวเองว่าตัวเองคือ “ผู้ที่ไร้ข้อจำกัด”และจะทำให้มนุษย์โลกแต่ละคนตระหนักรู้ถึงชีวิตที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติของตัวเองอีกด้วย

The Team
.............................................................
Source: Morning Messages
.............................................................

 

"ข้อความที่ 25: มายาการแห่งการมีข้อจำกัด"


(credit the picture from internet)

มันมีพลังอำนาจของเวทมนต์และปาฏิหาริย์อยู่อย่างหนึ่ง ที่กำลังรอคอยให้มนุษย์แห่งดวงดาวทุกๆคนนำเอาไปใช้อยู่ ดังนั้นใครก็ตามที่รู้จักเรียนรู้ที่จะขับขี่คลื่นพลังงานที่กำลังสร้าง “ปัจจุบันขณะ” ทั้งหมดนี้ขึ้นมาอยู่ ก็จะสามารถนำเอาพวกมันไปใช้ประโยชน์ได้ เพราะมันเป็นทักษะอย่างหนึ่ง และก็เป็นเกมๆหนึ่งด้วย

เพราะฉะนั้นแล้ว จงฝึกฝนทักษะนี้นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยในระหว่างที่พวกคุณกำลังทำกิจการงานในชีวิตประจำวันของตัวเองตามปกติอยู่นั้น ให้ดึงเอาพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์จากเบื้องบนเข้ามาไว้ในปัจจุบันขณะนั้นๆของตัวเองด้วย

ให้ฝึกฝนการกลับเข้าไปมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอย่างเต็มที่อยู่ตลอดเวลา ให้ฝึกฝนการเลิกคิดฟุ้งซ่าน ที่กำลังขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆของพวกคุณอยู่โดยไม่รู้ตัว ให้ฝึกฝนการมีสติรู้อยู่ในปัจจุบันขณะอย่างเต็มที่ให้ได้ตลอดเวลา

ซึ่งจุดเริ่มต้นที่จะนำเอาสติรู้ไปจดจ่อไว้ก็คือ “ณ.ศูนย์กลางหัวใจของพวกคุณเอง” เพราะว่าเมื่อใดที่พวกคุณจดจ่อสติของตัวเองเอาไว้ในหัวใจของตัวเองแล้ว พวกคุณก็จะอยู่ใน “ปัจจุบันขณะ” เองโดยธรรมชาติ

จิตใจของพวกคุณมักจะชอบเที่ยวไปในอดีตและอนาคตอยู่เสมอๆ ดังนั้น มันจึงคือจิตใจของพวกคุณเองนั่นแหละที่ชอบแอบหนีไปเล่นเกมที่เรียกว่า “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า...” และ “ถ้าตอนนั้น...” (เช่นฉันทำอย่างโน้นอย่างนี้ เป็นต้น ซึ่งบ่งบอกถึงการหวนกลับไปคิดถึงอดีต – ผู้แปล) อยู่เรื่อยๆ ซึ่งมันคือเกมแห่งความเสียใจและความเสียดายย้อนหลัง และมันก็คือจิตใจของพวกคุณเองอีกนั่นแหละที่สนุกเพลิดเพลินกับความกลัว และ ความเกลียดชัง

ดังนั้น สิ่งที่กักขังมนุษย์แห่งดวงดาวหลากมิติแต่ละคนเอาไว้ ให้ติดอยู่แต่ในมายาการของการมีข้อจำกัดนี้ก็คือ โปรแกรมของจิตใจของพวกคุณเองนั่นแหละ

ดังนั้นการนำเอาตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณเองเข้ามาใส่ไว้ใน “ปัจจุบันขณะ” อย่างเต็มที่ จึงคืองานรับใช้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและดีที่สุดของพวกคุณ ที่พวกคุณจะสามารถทำเพื่อส่วนรวมได้ และการนำเอาจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ทั้งหมดของตัวเองเข้ามาใส่ไว้ในแต่ละชั่วขณะของปัจจุบันขณะนั้น ก็จะทำให้พวกคุณเอิบอาบอยู่ในความสุข-ความเบิกบาน และความรู้สึกซาบซึ้งใจได้

แล้วจากนั้นความสุข-ความเบิกบาน และความรู้สึกซาบซึ้งใจนี้ ก็จะผุดลอยขึ้นมาจากหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณเอง แล้วแผ่กระจายออกไปสู่ทุกผู้ทุกนานต่อไป

แล้วจากนั้นทุกๆกิจกรรมที่พวกคุณกระทำ, และทุกๆสิ่งที่พวกคุณประสบพบเจอก็จะถูกยกระดับความสั่นสะเทือนให้สูงขึ้นไปสู่ระดับความสั่นสะเทือนของความรักและแสงสว่างต่อไป แล้วจากนั้นพวกคุณก็จะเริ่มมีชีวิตอยู่แต่ในปัจจุบันขณะนี้เท่านั้น ซึ่งมันเป็นประตูมิติอันศักดิ์สิทธิ์และน่าพิศวงบานหนึ่ง

The Team
.............................................................
Source: www.morningmessages.com
............................................................

 

"ข้อความที่ 26: การเปลี่ยนแปลงระดับโลก"


(credit the picture from internet)

ตอนนี้มนุษย์โลกกำลังตื่นรู้ขึ้นมาสู่ความเป็นจริงที่ว่า พวกเขาไม่ใช่แค่ร่างกายเนื้อของตัวเองเท่านั้นแล้ว และพวกเขาก็เริ่มรู้แล้วว่าพวกเขาไม่ได้ถูกจำกัดให้อยู่แต่ในกาลเวลา อย่างที่พวกเขาเคยเชื่ออีกแล้ว พวกเขาเริ่มรู้แล้วว่าพวกเขาคือผู้ที่ไร้ขีดจำกัด เพราะว่ามนุษย์โลกกำลังตื่นขึ้นมาสู่ความเป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติ ที่ยิ่งใหญ่อลังการของตัวเองอยู่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “พระจิตของพระเจ้า”

มิติที่ 3 แห่งนี้ และโลกแห่งความเป็นจริงโลกนี้ มันจะมีข้อจำกัดของมันอยู่ ดังนั้น ทักษะและความสามารถต่างๆของพวกคุณจึงได้ถูกบั่นทอนลงเรื่อยๆ เพื่อให้พวกคุณสามารถเข้ามาอยู่ร่างกายเนื้อของตัวเองได้

(เพราะว่าตัวตนที่แท้จริงของเรา หรือจิตวิญญาณของเรามีขนาดใหญ่โตมาก ใหญ่พอๆกับดาวฤกษ์เลยทีเดียว ดังนั้น การที่จะให้มวลพลังงานที่มีขนาดใหญ่ขนาดนั้น เข้ามาอยู่ในร่างกายเนื้อที่มีขนาดเล็กกระจ้อยร่อยขนาดนี้ได้ และรวมถึงเพื่อให้เข้ามาอยู่ในมิติที่หนาแน่นทึบตันขนาดนี้ได้ จึงจำเป็นจะต้องกรองเอาหรือตัดทอนเอาสิ่งต่างๆที่มีคลื่นความถี่สูงๆออกไปมากมาย จนเกือบจะไม่เหลืออะไรเลย

เปรียบเสมือนการส่องแสงสว่างสีขาวผ่านแท่งปริซึ่มแท่งหนึ่ง ซึ่งก็จะได้สีต่างๆแตกกระจายออกมามากมาย และตัวตนของเราที่อยู่บนโลกใบนี้ ก็เปรียบเสมือนเป็นแค่แถบสีใดสีหนึ่งที่แตกกระจายออกมาจากลำแสงสีขาว ที่เปรียบเสมือนจิตวิญญาณของเราเท่านั้น – ผู้แปล)

ก่อนหน้านี้สิ่งที่พวกคุณเคยสนใจและจอจ่ออยู่ ก็คือประสบการณ์ชีวิตทางกายภาพของตัวเองเท่านั้น ส่วนประสบการณ์ด้านอื่นๆทั้งหมด พวกคุณได้ผลักเอาไปไว้ในฉากหลัง แต่ตอนนี้รหัสของพวกคุณได้ถูกกระตุ้นให้เริ่มทำงานขึ้นมาแล้ว ดังนั้น พวกคุณจึงเริ่มที่จะก้าวออกมาทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว ในภาระกิจอันศักดิ์สิทธิ์แห่งการเลื่อนระดับขึ้นของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของมนุษยชาติในครั้งนี้

ในตอนนี้โลกทั้งโลกของพวกคุณกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ เพราะว่ากำลังมีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆที่สามารถหลุดพ้นออกมาจากตาข่ายแห่งความกลัว, การแบ่งแยก และการถูกบงการได้แล้ว แล้วมุ่งหน้าไปสู่การมีสภาวะจิตใจและประสบการณ์ของการเป็นผู้ที่มีสติรู้ และตื่นรู้แล้ว ซึ่งเป็นสภาวะของการได้เป็นเจ้าของพลังอำนาจของตัวเองอย่างแท้จริง และเป็นสภาวะที่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองอย่างแท้จริง ในฐานะที่ทุกๆคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวมทั้งหมด ซึ่งก็คือพระเจ้านั่นเอง

พวกเขากำลังตื่นขึ้นมาอยู่ ตื่นขึ้นมาสู่การรับรู้ว่าพวกเขาคือรูปธรรมชีวิตหลากมิติ ตื่นขึ้นมาสู่การยอมรับในบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ที่มีต่อกระบวนการเปลี่ยนรูปแบบระดับโลก และระดับกาแล็กซี่ในครั้งนี้

ซึ่งสิ่งๆนี้จะประสบผลสำเร็จลงได้ ก็ด้วยการตระหนักรู้ในพลังอำนาจของพวกเขาเอง ซึ่งก็คือการตระหนักรู้ว่าทุกๆความคิด, คำพูด และการกระทำของพวกเขาเอง จะไปส่งผลกระทบต่อส่วนรวมด้วยเสมอ

The Team
.............................................................
Source: Morning Messages
.............................................................

 

"ข้อความที่ 27: สถานที่แห่งการเรียนรู้"


(credit the picture from internet)

ในแต่ละชั่วขณะมนุษย์โลกมีโอกาสที่จะเข้าถึงโลกแห่งความเป็นจริงที่เป็นไปได้ ซึ่งมีอยู่อย่างมากมายได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะต้องตัดสินใจเลือกว่าจะทำเช่นนั้นหรือไม่เท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นแล้วจงมอบโอกาสให้กับตัวเองในการรับรู้ว่า ในทุกๆการตัดสินใจของพวกคุณจะทำให้พวกคุณได้ผลลัพท์ที่เป็นทางเลือกต่างๆออกมามากมายก่ายกอง ซึ่งโลกแห่งความเป็นจริงแต่ละโลกนั้นมันก็คู่ควรแก่การมีประสบการณ์ด้วยกันทั้งสิ้นด้วย มันเป็นเพราะข้อจำกัดในความคิดของพวกคุณเท่านั้นเองที่ทำให้พวกคุณคิดว่าอันนั้นต้องดีกว่าอันนี้

พวกคุณคือรูปธรรมชีวิตที่มี “ความตรงข้ามกัน” (contrast) อยู่อย่างมากมาย เพราะว่าดาวเคราะห์โลกดวงนี้ คือ “สถานที่ในการเรียนรู้” เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน (opposites) ของพวกคุณนั่นเอง

(หมายเหตุ: คำว่า “สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน” นี้ ก็เช่น ความดี – ความชั่ว, ผิด – ถูก, รวย-จน อะไรแบบนี้เป็นต้น – ผู้แปล)

ดังนั้น เป้าหมายของพวกคุณก็คือ การมองให้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันเหล่านี้ แล้วโอบกอดพวกมันเอาไว้ทั้งคู่ โดยไม่ไปตัดสินชี้ถูกผิดพวกมัน หรือไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลย

เพราะว่าการไปตัดสินชี้ถูกผิดพวกมันนั้น ก็ยิ่งจะไปทำให้พลังงานของมันมีความสมบูรณ์แข็งแรงอยู่ต่อไปอีกเรื่อยๆ ซึ่งก็จะกลายเป็นว่าพวกคุณกำลัง “ทำศึกทั้งภายในและภายนอกอยู่” ในขณะเดียวกัน

“การตัดสินชี้ถูกผิด” (Judging) จะทำให้พวกคุณติดแหง็กอยู่ในความขัดแย้งอย่างดิ้นไม่หลุด มันจะทำให้จิตใจของพวกคุณหาความสงบสุขไม่ได้เลย เพราะว่าความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกคุณเรียนรู้ที่จะโอบกอดเอา หรือยินยอมให้สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในสนามพลังงานแห่งการเปลี่ยนรูปแบบอันน่าอัศจรรย์ ที่อยู่ภายในความตระหนักรู้ของหัวใจของพวกคุณเองได้ทั้งคู่เท่านั้น

พวกเราอยากจะเสนอเครื่องมืออย่างหนึ่งให้แก่พวกคุณ ซึ่งก็คือการคอยเตือนตัวเองเบาๆว่า “อย่าไปเข้มงวดกับตัวเองและกับผู้อื่นมากนัก”

คือเมื่อใดที่พวกคุณสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาวะหรืออยู่ในความคิดแห่งการตัดสินชี้ถูกผิดอยู่หละก็ ก็ให้ค่อยๆปล่อยให้จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเองลอยขึ้นไปสู่ข้างบน เพื่อให้ไปอยู่เหนือความเป็นขั้วที่อยู่ตรงข้ามกันเหล่านั้น จนกว่าพวกคุณจะสามารถมองเห็นได้ว่าพวกมันก็คือด้านที่เป็น “หน้ามือและหลังมือ” ของมือข้างเดียวกันนั่นเอง

จงมองให้เห็นว่าพวกมันต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมๆเดียวกันที่กำลังรันอยู่เท่านั้นเอง จงเข้าไปในหัวใจของตัวเอง และจงนำเอาสิ่งที่ขัดแย้งกันเหล่านั้น หรือสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันเหล่านั้น เข้าไปไว้ในนั้นด้วย แล้วปล่อยให้พลังงานของหัวใจของพวกคุณเปลี่ยนรูปแบบพลังงานของความขัดแย้งนั้นให้หมดไป

The Team
.............................................................
Source: Morning Messages
.............................................................

 

"ข้อความที่ 28: แมทตริกซ์ของจักรวาล"


(credit the picture from internet)

พวกเราสังเกตเห็นว่ามนุษย์โลกช่างมีความเชี่ยวชาญในการสร้างความวุ่นวายขึ้นมาให้กับตัวเองเหลือเกิน และพวกเราก็ประหลาดใจจริงๆเลยว่าทำไมมนุษย์โลกส่วนใหญ่จึงทุ่มเทเวลา, พลังงาน และการจดจ่อของตัวเองไปกับสิ่งเหล่านั้นหรือเรื่องเหล่านั้น

โลกแห่งความเป็นจริงนี้ คือโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ และเป้าหมายของพวกคุณสำหรับการมาอยู่ที่นี่ก็คือ การเข้าใจ, การจัดการ และการเปลี่ยนรูปแบบของพลังงานที่หนาแน่นทึบตันและมีข้อจำกัดเหล่านี้ให้มันดีขึ้น และก็คือการนำเอาจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเองเข้าไปใส่ไว้ในทุกสิ่งทุกอย่าง

ดังนั้น “สัจธรรมขั้นสูงสุด” ตามความเป็นจริงจริงๆก็คือ ไม่ว่ามนุษย์โลกจะกำลังทำกิจกรรมใดๆอยู่ก็ตามมนุษย์โลกก็มีโอกาสอย่างเหลือล้น ที่จะนำเอาจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ และการดำรงอยู่ที่บริสุทธิ์ที่สุดของตัวเอง เข้าไปเอิบอาบกิจกรรมเหล่านั้นเอาไว้เสมอ

ซึ่งกุญแจสำคัญของคำกล่าวข้างต้นนี้ก็คือ “จิตสำนึก/ความตระหนักรู้และการดำรงอยู่ที่บริสุทธิ์ที่สุด” (purest consciousness and presence)

มนุษย์โลกส่วนใหญ่มีนิสัยที่ชอบติดอยู่ในความคิดของตัวเอง พวกเขายินยอมให้ความคิดของตัวเองเป็นฝ่ายครอบงำและชักพาไปได้ทั้งวันโดยอิสระ และพวกเขายินยอมให้ความคิดของตัวเองเป็นฝ่ายครอบงำกระแสพลังงานที่กำลังหลั่งไหลผ่านร่างกายเนื้อของตัวเองไปอยู่ได้ด้วย

และโดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่ตระหนักรู้ถึงพลังอำนาจที่ตัวเองมีอยู่เลย ว่าสามารถที่จะยกระดับและเปลี่ยนแปลงกิจกรรมใดๆที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นได้ด้วย เพราะว่าพวกเขาจะรีบทำกิจกรรมหนึ่งๆให้เสร็จๆไปเพื่อที่จะได้ไปทำกิจกรรมอื่นๆต่อไปเท่านั้นเอง เหมือนหุ่นยนตร์ที่ทำงานซ้ำๆซากๆอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีความรู้สึกใดๆ หรือมีการเชื่อมต่อใดๆกับหัวใจของตัวเองเลย

ดังนั้นมันจึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องช่วยให้พวกคุณตระหนักรู้กันจริงๆและชัดๆกันซะทีว่า ไม่ว่าในชีวิตประจำวันของพวกคุณ พวกคุณจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม มันก็จะไปส่งผลกระทบต่อแมทตริกซ์ของจักรวาลทั้งจักรวาลด้วยเสมอ พวกเราของย้ำนะว่า “ไม่ว่าพวกคุณจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม”

ตัวอย่างเช่น งานเอาขยะไปทิ้งเป็นต้น ซึ่งงานทางโลกชนิดนี้ก็สามารถที่จะทำให้กลายไปเป็น “ชั่วขณะแห่งการเปลี่ยนรูปแบบอันศักดิ์สิทธิ์” สำหรับพวกคุณเอง และสำหรับโครงข่ายพลังงานของดาวเคราะห์โลกได้ด้วย ถ้าพวกคุณนำเอาความศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองเข้าไปใส่ไว้ในชั่วขณะนั้นๆและกิจกรรมนั้นๆอย่างเต็มที่

พวกคุณสามารถที่จะเอิบอาบขยะด้วยแสงสว่างของตัวเองได้ จนทำให้ไม่ว่ามันจะไปที่ไหนต่อก็ตาม มันก็จะช่วยยกระดับความสั่นสะเทือนของพลังงานของทุกสิ่งทุกอย่างที่แวดล้อมมันอยู่ และของทุกๆคนที่มาสัมผัสมันให้สูงขึ้นได้ด้วย

The Team
............................................................
Source: Morning Messages
...........................................................

 

"ข้อความที่ 29: ทุกๆมิติมีอยู่แล้วเสมอ"


(credit the picture from internet)

ชีวิตที่อยู่ในรูปแบบของมนุษย์โลกนี้ เป็นแค่เพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของชีวิตทั้งหมดที่วกคุณมีอยู่เท่านั้นเองนะ และเพราะความที่ว่าพวกคุณเอาแต่จดจ่ออยู่กับชีวิตทางกายภาพนี้และมิตินี้เท่านั้น ดังนั้น พวกคุณก็เลยรู้สึกไปเองว่านี่แหละคือทั้งหมดที่มันมีอยู่หละ

แต่ถึงแม้ว่ามันจะทำให้พวกคุณรู้สึกว่ามันเป็นจริงเป็นจังและดูสมจริงสมจังมากแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็เป็นแค่ทัศนมิติส่วนหนึ่งของความเป็นตัวตนหลากมิติของพวกคุณเองเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์และของรูปธรรมชีวิตทุกๆชีวิต

มิติแต่ละมิตินั้น ล้วนมีอยู่และพร้อมที่จะให้พวกคุณได้เข้าถึงอยู่แล้วทุกเมื่อ ซึ่งแต่ละมิติก็จะสั่นสะเทือนอยู่ด้วยคลื่นความถี่ของตัวมันเองซึ่งแตกต่างกันไป และถ้าเมื่อใดที่มนุษย์โลกเริ่มตระหนักรู้ถึงพวกมันมากขึ้นเรื่อยๆแล้วหละก็ โลกแห่งความเป็นจริงอื่นๆหรือมิติอื่นๆเหล่านั้น ก็จะยิ่งปรากฎออกมาให้มนุษย์ได้รับรู้มากขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

บรรดาผู้รู้และนักปราชญ์ของพวกคุณทุกคน ต่างก็เคยพูดถึงความสามารถของมนุษย์ในการเปลี่ยนสภาวะแห่งความตระหนักรู้ จากสภาวะหนึ่งไปสู่อีกสภาวะหนึ่งได้เอาไว้ให้แล้ว พวกเขาได้เสนอคำแนะนำเอาไว้ให้แล้ว เช่นโดยการสวดมนต์, โดยการทำสมาธิ, และโดยการอดอาหาร เป็นต้น

ส่วนเหล่าชามานและผู้ศึกษาศาสตร์ลี้ลับทั้งหลายก็ได้เสนอแนะวิธีการใช้สมุนไพรเปลี่ยนจิตใจ (เช่นกัญชา และ Ayahuasca เป็นต้น – ผู้แปล) และพิธีกรรมเต้นรำและตีกลองต่างๆเพื่อทำให้จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณเปลี่ยนแปลงไป

ซึ่งคำแนะนำและเทคนิกทั้งหมดนี้ ล้วนมีไว้เพื่อจุดประสงค์ที่สำคัญเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือเพื่อเปลี่ยนระดับความตระหนักรู้ของพวกคุณ เพื่อให้พวกคุณเข้าใจว่า โลกที่พวกคุณกำลังมองเห็นกันอยู่นี้ อันที่จริงแล้วมันเป็นแค่เพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของโลกทั้งหมดทั้งมวลที่มันมีอยู่เท่านั้นเอง

จงจำไว้ว่า “พวกคุณคือจิตสำนึก/ความตระหนักรู้” และก็เป็น “ส่วนหนึ่งของพระจิตของพระเจ้า” ด้วย พวกคุณคือรูปธรรมชีวิตหลากมิติโดยธรรมชาติ และโดยศักยภาพอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าความเป็นหลากมิติของพวกคุณนี้ จะปรากฎออกมาอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าระบบความเชื่อของพวกคุณเป็นอย่างไร และระดับความตระหนักรู้ของพวกคุณอยู่ในระดับไหน และพวกคุณเปิดใจสู่ความเป็นไปได้ทั้งมวลหรือไม่ เป็นสำคัญ

The Team
............................................................
Source: Morning Messages
...........................................................

 

"ข้อความที่ 30: โลกแห่งความเป็นจริงอันหลากหลาย"


(credit the picture from internet)

ในฐานะที่พวกคุณเป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติ ดังนั้นพวกคุณจึงกำลังปฏิบัติการอยู่ในหลากหลายระดับ และหลากหลายมิติไปพร้อมๆกันหมดในเวลาเดียวกันและตลอดเวลา

และที่พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อที่จะมากระตุ้นเตือนให้พวกคุณสามารถจดจำและยอมรับโลกแห่งความเป็นจริงอันหลากหลายเหล่านี้ให้ได้ ซึ่งก็เป็นที่ๆพวกคุณมีตัวตนอยู่ในนั้นตลอดเวลาด้วยเช่นเดียวกัน

ชีวิตส่วนที่เป็นมนุษย์โลกของพวกคุณในทุกวันนี้ เป็นแค่เพียงเศษเสี้ยวเล็กๆส่วนหนึ่งของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆทั้งหมดในแมทตริกซ์ที่มิติเหล่านั้นดำรงอยู่เท่านั้นเอง

ลองจินตนาการดูสิว่ามนุษย์โลกแต่ละคนก็เหมือนกับวิทยุเครื่องหนึ่งนั่นแหละ ที่แต่ละสถานีหรือแต่ละคลื่นความถี่ก็จะมีเพลงแต่ละประเภทของมันเองอยู่ แต่มนุษย์โลกส่วนใหญ่กลับไม่เคยหมุนหน้าปัดวิทยุของตัวเองเพื่อไปค้นหาสัญญาณอื่นๆหรือสถานีอื่นๆเลย ดังนั้นการจดจ่อของพวกเขาจึงจำกัดอยู่แค่คลื่นความถี่ที่มีอยู่แล้วเท่านั้น หรือจำกัดอยู่แค่ข้อมูลข่าวสารที่คลื่นความถี่นั้นๆนำเสนอมาให้เท่านั้น

แต่สำหรับผู้ที่ตระหนักรู้ถึงความเป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติของตัวเองแล้ว ก็จะสามารถหมุนหน้าปัดวิทยุของตัวเองจากสถานีหนึ่งไปยังอีกสถานีหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรับคลื่นสัญญาณ หรือสิ่งเร้า และข้อมูลข่าวสารได้มากกว่า และจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกเขาจึงมีขอบเขตที่กว้างขวางกว่าด้วย

อีกครั้งหนึ่ง พวกเราขอเชิญพวกคุณให้ลองขยายขอบเขตความตระหนักรู้ของตัวเองออกไปดู เพื่อให้ครอบคลุมความเป็นหลากมิติของตัวเองให้มากที่สุด ซึ่งพวกคุณจะพบว่ามันง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มากเลย เพราะว่าพวกคุณก็ทำแบบนี้อยู่บ่อยๆอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ให้พยายามจดจำช่วงเวลาที่พวกคุณเปลี่ยนความตระหนักรู้ไปแล้วให้ได้เท่านั้นเอง

The Team
............................................................
Source: Morning Messages
............................................................

 

"ข้อความที่ 31: เล่นกับกาลเวลา"


(credit the picture from internet)

กาลเวลาเป็นสิ่งที่ถูกถักทอขึ้นมาชนิดหนึ่งสำหรับเล่นเกมบนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณนี้ มันคือม่านพรางอย่างหนึ่ง ที่บดบังพวกคุณเอาไว้ให้อยู่แต่ในมายาการแห่งนี้

ดังนั้น มันจึงจะเป็นการฉลาดกว่าที่จะรู้ว่ากาลเวลา คือสิ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่อะไรบางอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้เท่านั้น

ลองจินตนาการถึงทางเลื่อนขนาดใหญ่เหมือนกับที่มีอยู่ในสนามบินของพวกคุณดูสิ ซึ่งสมมุติว่ามันคือกาลเวลา แล้วพวกคุณก็ก้าวขึ้นมาพร้อมกับมีความเชื่อเรื่องกาลเวลาอยู่ แล้วมันก็พาพวกคุณเลื่อนไปข้างหน้า หรือก็คือพวกคุณเลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกับมันนั่นเอง

คราวนี้..ลองขยายมโนทัศน์ของพวกคุณออกไปอีกสิ ให้มองเห็นสนามบินทั้งสนามบินเลย และให้ครอบคลุมไปจนถึงลานจอดเครื่องบินทั้งลานเลย ให้มองเห็นเครื่องบินที่กำลังบินขึ้น-บินลงอยู่ทั้งหมดเลย ซึ่งตอนนี้พวกคุณก็จะเห็นว่าทางเลื่อนเมื่อกี้นี้เป็นแค่เพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของสนามบินทั้งสนามนี้เท่านั้นเอง

กาลเวลาก็เหมือนกับทางเลื่อนนี้นั่นแหละ ที่เป็นแค่ส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของจักรวาลทั้งจักรวาลนี้จริงๆ

พวกเราขอเชิญพวกคุณให้มาลองเล่นกับกาลเวลาดู โดยลองยืดมันออกไปดูแล้วม้วนมันกลับเข้ามา ดูซิว่าพวกคุณจะสามารถคว้าอะไรได้บ้างไหม ลองก้าวออกไปนอกกาลเวลาดู แล้วก็ก้าวกลับเข้ามาใหม่ แต่จงระมัดระวังความเชื่อของตัวเองเกี่ยวกับกาลเวลาให้ดีด้วย และให้พยายามขยายขอบเขตความเชื่อของตัวเองออกไปเรื่อยๆจนออกไปนอกขอบเขตของกาลเวลาโน่นเลย

จงสุภาพอ่อนโยนกับตัวเอง และจงอย่าลืมคำสำคัญของการหัวเราะด้วย จงฝึกฝนหัวเราะให้บ่อยๆ และจงหัวเราะให้มากๆ จงทำให้กาลเวลาของพวกคุณเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

The Team
..........................................................
Source: Morning Messages
.........................................................

 

"ข้อความที่ 32: การกระพริบเกิด-ดับ"


(credit the picture from internet)

โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณกำลังกระพริบเกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าสมองของมนุษย์ถูกออกแบบมาให้สามารถรับรู้ได้แต่เฉพาะจังหวะที่มันกระพริบ “เกิด” เท่านั้น แต่ว่าในทันใดนั้น อย่างรวดเร็ว มันก็จะกระพริบ “ดับ” ไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในจังหวะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสูญสลายไปจนหมดสิ้น

แต่ว่า..เพราะความที่สมองของพวกคุณสามารถรับรู้ได้แต่เฉพาะชั่วขณะที่มันกระพริบ “เกิด” เท่านั้น ดังนั้นมันก็เลยนำเอาชั่วขณะของการกระพริบ “เกิด” ทั้งหมดมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน และเพราะฉะนั้น พวกคุณจึงรับรู้ว่าหรือรู้สึกว่า โลกแห่งความเป็นจริงของตัวเองมีลักษณะต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ว่ามันคือมายาการอย่างหนึ่ง เพราะว่ามันคือการสรรสร้างของเกมแห่งภาพมายาการสามมิติ (the hologame creation) เท่านั้นเอง

ตัวอย่างของปรากฎการณ์นี้ก็เช่น ภาพยนตร์ของพวกคุณเอง ซึ่งมันไม่ใช่ภาพเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องกันแต่อย่างใดเลย แต่ว่ามันคือเฟรมของภาพถ่ายจำนวนมากของอริยาบทต่างๆที่ถูกนำมาเรียงต่อๆกันตามลำดับ แล้วฉายออกมาอย่างต่อเนื่องกันทีละภาพๆด้วยความเร็วสูง แล้วสมองของมนุษย์ก็ทำการเชื่อมต่อเฟรมเหล่านี้เข้าด้วยกัน จนเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องกันไปโดยไม่ขาดสาย

ชั่วขณะที่มันกระพริบ “ดับ” ไปนั้น มันคือ “ช่องว่าง” ซึ่งเป็นที่ๆสรรพสิ่งทั้งปวงถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา และมันก็คือที่ๆ “จิตวิญญาณสูงสุด” ของพวกคุณเองสถิตย์อยู่ และภายใน “ช่องว่าง” นี้ มันก็คือที่ๆสิ่งที่ดูเหมือนว่าคือปาฏิหาริย์ทั้งหลายถูกสร้างขึ้นมา และมันก็คือที่ๆปรากฎการณ์ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ (synchronicity) ทั้งหลายบังเกิดขึ้น และมันก็คือที่ๆความมหัศจรรย์ และเวทมนต์ทั้งหลายของโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้ก่อตัวขึ้นมา

และ ณ.”ช่องว่าง” แห่งนี้ มันก็คือที่ๆพวกเราอยากจะขอเชิญพวกคุณ ให้เข้าไปเยี่ยมเยียนอย่างมีสติสัมปชัญญะหละ ซึ่งพวกคุณจะสามารถทำเช่นนั้นได้ ก็โดยการเปลี่ยนระดับการรับรู้ของตัวเอง หรือเปลี่ยนระดับการจดจ่อของตัวเอง จากการจดจ่ออยู่แต่กับโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพในชีวิตประจำวันของตัวเองที่ดูเหมือนว่าจะดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องนี้ ให้ขยายขอบเขตออกไปสู่ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังโอบอุ้มโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณเอาไว้อยู่นี้แทน

ซึ่งการเปลี่ยนระดับการจดจ่อดังกล่าวนี้ สามารถทำได้โดยการทำสมาธิ เพื่อหยุดความคิดเกี่ยวกับเรื่องภายนอกของตัวเองลง ซึ่งการทำเช่นนี้ก็คือการตามรู้ลมหายใจของตัวเองไป จนไปถึงประตูทางเข้าของความหยุดนิ่งแห่งนั้นนั่นเอง

The Team
..................................................
Source: Morning Messages
...................................................

 

"ข้อความที่ 33: การปั้นแต่งและการแกะสลักพลังงาน"


(credit the picture from internet)

การมองเห็นว่าสิ่งต่างๆยังคงดำรงอยู่เหมือนเดิมตลอดเวลานั้นคือภาพลวงตา เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา และในแต่ละชั่วขณะที่อุบัติขึ้นมา ก็จะเป็นชั่วขณะที่สดใหม่เสมอ และก็พร้อมที่จะถูก “ประทับตรา” อยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

ซึ่งคำว่าประทับตรานี้ก็หมายถึง การที่นิสัยเก่าๆและความเชื่ออย่างแรงกล้าของพวกคุณไปบอกกับ “พลังงานสดใหม่” อันนี้..ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม..ว่า..อะไรคือสิ่งที่พวกคุณคาดหวังเอาไว้ในโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณเอง

เพราะว่ามนุษย์โลกแต่ละคนกำลังสร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงของตัวเอง หรืออาจจะเรียกว่าสร้างสรรค์มายาการของโลกแห่งความเป็นจริงของตัวเองขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาในทุกๆชั่วขณะและอย่างขมักเขม้นอยู่แล้ว เพื่อใช้เป็นที่ดำรงชีวิตของตัวเอง และเพื่อที่จะเชื่อว่ามันมีอยู่จริง

แต่แนวความคิดที่ว่าพวกคุณกำลังสร้างสรรค์สภาวะแวดล้อมของตัวเองขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดเวลา และ ทุกๆชั่วขณะแบบนี้นั้น ก็อาจจะทำให้พวกคุณรู้สึกสับสนและค่อนข้างที่จะรับไม่ได้ก็ได้ และแน่นอนว่ามันยังไปท้าทายความเชื่อเดิมของพวกคุณที่อยากจะรู้สึกสบายๆกับความไม่เปลี่ยนแปลงมากกว่าด้วย

และแนวความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติแห่งความเป็นจริงอันนี้ ก็ทำให้พวกคุณเกิดความขัดแย้งขึ้นภายใน ระหว่างสิ่งที่พวกคุณคิดว่า ตัวเองรู้ดีแล้วเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงของตัวเอง กับสิ่งที่เป็นสัจธรรมระดับเอกภพจริงๆด้วย

แต่วิชาควอนตั้มฟิสิกส์ก็กำลังนำเสนอความรู้-ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติให้แก่พวกคุณอยู่ และวิชาควอนตั้มฟิสิกส์ก็กำลังแสดงให้พวกคุณเห็นอยู่ว่าพลังงานสามารถที่จะเป็นได้ทั้งอนุภาคและคลื่น เพราะว่าพลังงานนั้นจะถูก “ประทับตรา” โดยความคิดของพวกคุณเอง ไม่ว่าพวกคุณจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

แต่ละชั่วขณะคือชั่วขณะที่สดใหม่ ที่อาจจะพูดได้ว่ามันกำลังรอคอยให้พวกคุณสั่งการพวกมันอยู่

มีชาวโลกหลายคนที่กำลังตื่นรู้ขึ้นมาสู่ความตระหนักรู้ที่ว่า พวกเขาเป็นอะไรที่มากกว่าที่ตัวเองเคยคิดว่าตัวเองเป็นแล้ว เพราะว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเขาคือรูปธรรมชีวิตหลากมิติ พวกเขารู้แล้วว่าโลกแห่งความเป็นจริงนี้คือความคิดชนิดหนึ่ง, และคืออนุภาคชนิดหนึ่ง และก็คือคลื่นชนิดหนึ่งด้วย

รูปธรรมชีวิตเหล่านี้กำลังเริ่มที่จะขับขี่พลังงานด้วยวิธีการใหม่แล้ว พวกเขากำลังเริ่มที่จะปั้นแต่งพลังงานและแกะสลักมัน ด้วยจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

The Team
............................................................
Source: Morning Messages
............................................................