พัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณ (Life and spiritual development)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sodalith, 19 พฤษภาคม 2015.

  1. sodalith

    sodalith เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,083
    จิตวิญญาณมาเกิดเพื่ออะไร

    จิตวิญญาณก่อนลงมาเกิดในร่างขันธ์
    จะต้องเลือกร่างขันธ์ที่มีคุณสมบัติของกรรมที่คล้ายคลึงกัน

    จิตวิญญาณที่จะมาเกิดในร่างขันธ์
    จะต้องมีแรงกุศลกรรมเป็นตัวนำ
    เหนือกว่าแรงอกุศลกรรม
    เพื่อมาทำความกระจ่างในชีวิต
    ให้เกิดแรงหวี่ยงหลุดพ้นจากอกุศลกรรม
    ที่ยังติดมาและทำให้ต้องมาเกิดอยู่ในวงเวียนแห่งแรงอกุศลกรรม แบบไม่สิ้นสุดสักที

    อกุศลกรรม และผลของอกุศลกรรม
    เป็นช่องทางให้จิตวิญญาณได้มีโอกาสลงมาเกิดในร่างขันธ์
    รับผลและชดใช้กรรม ทำให้ผ่านพ้น

    ระหว่างการชดใช้ผลของอกุศลกรรม
    ก่อให้เกิดความทุกข์
    เมื่อทุกข์เกิด
    ย่อมสะกิดให้จิตวิญญาณได้สำนึกคิด
    หาเหตุผลของทุกข์
    และขวนขวายหาทางออกจากทุกข์
    จนพบความสุขที่แท้จริงได้ในที่สุด
     
  2. sodalith

    sodalith เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,083
    อุปสรรคขัดขวางการเจริญทางจิตวิญญาณ

    1. หลงในสมมุติ
    มนุษย์ยึดติดในสมมุติ อย่างโงหัวไม่ขึ้น
    บัญญัติภาษา ซึ่งเป็นสมมุติ นำมาสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แต่แล้วก็ทะเลาะกัน ขัดแย้งกันด้วยสมมุติที่สร้างขึ้นมา
    การตีกรอบอยู่ในสมมุติของภาษานั้นแหละ
    ทำให้เกิดความล่าช้าในการพัฒนาทางจิตวิญญาณ
    เพราะมัวแต่หาความถูกผิดในภาษาสมมุติ

    ผู้ที่เข้าใจ ในสมมุติภาษา ก็จะไม่ไปยึดติดในสมมุติภาษา
    ขอเพียงเข้าใจในจิตวิญญาณที่กำลังดำเนินไปอย่างถูกต้องก็เพียงพอแล้ว
    ไม่ต้องไปเสียเวลากับการตีความหมายในสมมุติภาษา
    เช่น
    ผู้ฝึกสมาธิ จะได้ญาณหรือฌาน ในระดับ 1,2,3,4
    หรือจะมี5 ก็แล้วแต่
    บางคนมัวแต่ไปท่องว่า
    ญาณ1 มีชื่อว่านั้น
    ญาณ2 มีชื่อว่านี้
    ฯลฯ
    ผู้ปฏิบัติไม่จำเป็นไปท่องจำ
    เกิดท่องจำผิด ถูกปรมาจารย์ทางภาษาสมมุติ ด่าเอาก็มี
    จิตตกไปอีก
    เราปฏิบัติของเราไปให้เกิดสมาธิ
    เมื่อเกิดสมาธิแล้ว. มันจะเป็นไปตามอัตโนมัติของมันเอง
    จะถึงฌานหรือญานไหน. ก็ช่าง
    ไปจำให้วุ่นวายจิตทำไม
    เสียเวลาเปล่าๆ
    ไปถึงเหมือนกัน
    แต่จะต่างกันที่ติดจรวด
    กับไปแบบเฮลิคอปเตอร์ นั่นแหละ

    2.หลงในความรู้ความสามารถที่มีอยู่ในตน
    คือมีอัตตา ว่าตนเป็นผู้รู้ เป็นผู้มีความสามารถ
    ไม่จำเป็นต้องไปรับอะไรใหม่ๆ ที่ขัดแย้งกับความรู้ความสามารถที่ตนมีอยู่แล้ว

    ผู้หลงในความรู้ความสามารถที่มีอยู่ในตนเช่นนี้
    ยากนักที่จะยอมรับ วิทยาการหรือเทคโนโลยี่ใหม่ๆ
    และมักอ้างว่าสิ่งที่เรียนรู้ คือสิ่งที่พุทธเจ้าสอน
    นอกเหนือจากพระพุทธเจ้าสอน ฉันไม่เอาด้วย
    ก็ต้องไปอยู่ในกรอบกติกาของพระบัญญัติ
    ไม่ผิดอะไร ก็ไปเรื่อยๆ แต่จะถึงเมื่อไหร่ไม่รู้

    อย่าลืมว่าพระพุทธองค์ เคยบอกว่า สิ่งที่พระองค์สอนเท่ากับใบไม้ในกำมือเท่านั้น
    แสดงว่าหนทางยังมีอีกมากมาย
    เมื่อยังมีหนทางอีกมากมาย
    แต่ไม่คิดจะเดิน
    ก็สุดแล้วแต่กรรมใครกรรมมัน
     
  3. sodalith

    sodalith เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,083
    การฝึกติดต่อสื่อสารทางจิต

    เมื่อมีการปรับธาตุขันธ์แล้ว
    ก็จะมีการเชื่อมคลื่นพลังงานจากครูธรรมจิตเหนือโลก
    ให้ร่างกายธาตุขันธ์ได้เข้าใจในลักษณะของคลื่นพลังงานดังกล่าว ก่อเกิดความคุ้นเคย เป็นฐานรองรับการเชื่อมพลังงานในอนาคต ที่จำเป็นต้องนำมาช่วยเหลือตนเองและเพื่อนมนุษย์

    การติดต่อสื่อสารทางจิตหลังการปรับธาตุขันธ์และเชื่อมพลังงานฯ จะออกมาในหลายรูปแบบ
    รูปแบบหลักๆ คือการสื่อทางจิต เกิดเป็นภาพขึ้นมาในจิต
    เราจะเห็นตัวอย่างได้จากการสแกนกรรม เป็นต้น

    ในทางการรักษา จะเกิดภาพในจิต ให้เห็นเป็นเส้นแสง
    วิ่งจากจักรวาลเหนือโลก ลงมาสู่จุดที่ต้องการรักษาโดยตรง หรือลงผ่านมายังร่างกายขันธ์5 ของผู้ทำการรักษา ผ่านออกไปทางจักระ6(ตาที่สาม) หรือวิ่งเข้าจักระ7ออกทางนิ้วมือ ไปสู่จุดที่ต้องการรักษา

    เส้นแสงที่ว่า จะมีลักษณะเหมือนเส้นแสงเลเซอร์ ที่เราเห็นขายอยู่ตามท้องตลาด ใช้ชี้จุดที่ต้องการให้เห็น
    หรือเป็นลักษณะท่อลำแสง กว้างใหญ่แล้วแต่จะกำหนด
    พุ่งตรงไปที่จุดต้องการรักษา

    ดังนั้นการจะติดต่อสื่อสารทางจิตได้ดี
    เริ่มต้นผู้ฝึก ต้องฝึกจินตนาการภาพให้เห็นขึ้นมาในจิตก่อน
    การจินตนาการให้เห็นภาพในจิต เชื่อว่าทุกคนทำได้
    เช่น คนที่เคยไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยว แล้วชอบความสวยสดงดงามของธรรมชาติ แบบประทับใจ นึกคิดขึ้นมา
    ครั้งใด ก็เห็นเป็นภาพอยู่ในจิต นั่นแหละครับ
    หรือนึกคิดถึง ลูก/พ่อแม่ /คนรัก เราจะรู้เห็นถึงภาพ
    ของคนที่เรารักได้อย่างชัดเจนแม่นยำ

    ฝึกจินตนาการไว้บ่อยๆ เมื่อถึงคราวมารับการปรับ/การฝึก
    เราจะมีความก้าวหน้าและติดต่อสื่อสารทางจิตกับครูธรรมจิตเหนือโลกได้โดยง่ายดายอย่างคาดไม่ถึง

    การฝึกจินตนาการ เป็นหัวเชื้อ
    เมื่อหัวเชื้อติดไฟแล้ว
    การจินตนาการก็ไม่ต้องนำมาใช้อีก
    หากยังใช้จินตนาการต่อเนื่อง การสื่อสารทางจิต
    จะล้มเหลว เกิดเป็นภาพหลอนแทน
    ต้องทิ้งจินตนาการในท้ายที่สุด
     

แชร์หน้านี้

Loading...