ช่วยกันเช่าพระของหลวงพ่อฤาษีฯรายได้ทั้งหมดมอบให้ทางเวปเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pattana, 6 กรกฎาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    รายการกระเบื้องเคลือบสมเด็จองค์ปฐมนี้มอบให้คุณ sithiphong ครับ ขอโมทนาในบุญกับทุกท่านที่ได้ร่วมกันประมูลเพื่อช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ server และพระไตรปิฎกด้วยครับ (f)
     
  2. mali

    mali เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +2,326
    [​IMG][​IMG]
    400 ค่ะ
     
  3. chirakit

    chirakit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    721
    ค่าพลัง:
    +2,861
    พระผงพิมพ์นี้ คือพระผงรูปเหมือนหลวงปู่เขียน ธมฺมรกฺขิตฺโต วัดสุขุมาราม จ.พิจิตร ปีพ.ศ. ๒๕๑๖ สิริอายุนับถึงวันมรณภาพนับได้ ๑๐๘ ปี

    [​IMG] [​IMG]
    500 บาท ครับ
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วัดสุขุมาราม จ.พิจิตรนี้หลายๆท่านยังไม่ทราบว่ามีความสำคัญ และเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำยังไง ก็ขอนำมาปะติดต่อให้รับทราบเป็นข้อมูลพื้นฐานกันก่อน หากต้องการทราบในรายละเอียดอื่นๆแล้ว คงต้องรบกวนค้นคว้าลงรายละเอียดลึกลงไป


    [​IMG]

    วัดท่าซุง เป็นเจ้าภาพดำเนินการจัดสร้างพระพุทธรูป
    ปางไสยาสน์ขนาดขององค์พระที่สร้างมีความยาวจากพระเศียร จนถึงปลายพระบาทประมาณ 50 เมตร กว้างประมาณ 10 เมตร และความสูงขององค์พระประมาณ 14 เมตร เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๑ ที่ผ่านมาซึ่งเป็นเทวีฤกษ์

    ตามที่ท่านพระครูสุรินทร์ เจ้าอาวาสวัดสุขุมาราม ท่านได้โปรดเล่าให้ญาติโยมฟัง สรุปความได้ว่า...

    สาเหตุที่ท่านสร้างพระองค์ใหญ่ในครั้งนี้นั้น เนื่องจากว่า เมื่อครั้งที่ท่านยังมีพรรษาแรกๆนั้น ท่านก็มีความตั้งใจว่าจะสร้างพระจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ เพื่อเป็นพุทธบูชาถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ท่านได้ตั้งใจที่จะสร้างจนกระทั่ง ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่สามารถสร้างได้ครบตามจำนวนที่ได้ตั้งใจไว้ ท่านพระครูสุรินทร์ก็เป็นทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง จวบจนอายุท่านก็มากขึ้นทุกวันๆ แต่ก็ยังสร้างพระได้ไม่ครบ ก็กลัวว่าจะตายไปเสียก่อนที่จะสร้างเสร็จ ด้วยความเป็นพระผู้ใหญ่ก็ยิ่งเป็นทุกข์ กลัวว่าจะเสียสัจจะที่ได้ตั้งใจใว้ และเจ็บป่วยบ่อยๆ จนมาวันหนึ่งได้ตัดสินใจไปกราบองค์พระประธาน แล้วก็เริ่มปรารภเรื่องที่ได้ตั้งใจทำแต่ยังทำไม่สำเร็จกับองค์พระประธานวัดสุขุมาราม หลังจากกราบพระแล้ว ก็ได้เจริญกรรมฐานเป็นปกติเช่นทุกวัน ในคืนนั้นเอง...ท่านก็ได้นิมิตเห็นองค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง ท่านได้มาแนะนำให้สร้างพระองค์ใหญ่ ๑ องค์ก็ทดแทนการสร้างพระพุทธรูปทั้ง ๘๔,๐๐๐ องค์ ก็จะเป็นการชดเชยได้ หลังจากนั้นท่านพระครูสุรินทร์ก็ได้นำความมาปรึกษากับหลวงพี่พระครูปลัดอนันต์ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงองค์ปัจจุบัน และงานก่อสร้างทั้งหมดก็ได้เริ่มขึ้นจนปัจจุบันนี้

    เนื่องด้วยแนวปฎิปทาของวัดสุขุมารามคล้ายกันในสายพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คือมีงานสาธารณะประโยชน์ ตลอดจนวัดนี้หลวงพี่พระครูปลัดอนันต์ หลวงพี่โอ ท่านก็ให้ความช่วยเหลืออุปถัมภ์อยู่

    หลวงพี่พระครูปลัดอนันต์ และหลวงพี่โอ เมื่อมีดำริจะสร้างพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อเป็นพุทธานุสติ และเพื่อเป็นนิมิตหมายในการลาพุทธภูมิเข้าสู่พระนิพพานกันในชาตินี้ของท่านที่เคยปรารถนาพระโพธิญาน และได้อธิษฐานขอลาจากพุทธภูมิเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน

    หลวงพี่พระครูปลัดอนันต์ได้เมตตาบอกเล่าในรายละเอียด และความคืบหน้าของโครงการให้ฟังว่า นอกจากจะสร้างองค์พระนอนแล้ว จะสร้างอาคารหลังคาแบบอาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์แบบเมืองทองธานีเพื่อคลุมไม่ให้แสงแดด และสายฝนต้ององค์พระ โดยจะปลูกต้นไม้โดยรอบๆบริเวณ เพื่อสามารถจะใช้เป็นสถานที่ในการปฏิบัติธรรมต่อไป

    หลวงพี่พระครูปลัดอนันต์เล่าว่า ปัจจัยไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะลูกหลานกำลังใจในทานบารมีดีอยู่แล้ว เท่าที่ปรารภบอกกัน ก็มีผู้บริจาคเข้ามาเรื่อยๆ จนมีปัจจัยมากพอ และใกล้เคียงกับราคาขององค์พระแล้ว แต่ที่อยากให้มาช่วยกัน ทุกท่านจะได้มีพุทธานุสติอยู่ในใจ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้สร้างพระนอนที่ใหญ่ที่สุดด้วยตัวเอง เป็นพุทธานุสติไปจนอนุสติสุดท้าย ซึ่งย่อมมีที่ไปในสุคติภูมิเป็นที่สุด

    การสร้างพระนอนในครั้งนี้ ทางวัดยังไม่ได้มีการบอกบุญเป็นทางการ เพียงแต่มีการปรารภกันในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาสายวัดท่าซุง และได้มีการรวบรวมปัจจัยไปถวายที่วัดท่าซุงกันเป็นการภายใน

    บุญสร้างพระนอนขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และบุญสร้างวิหารทาน คือ อาคารที่ใช้คลุมกันแดดและกันฝนแก่องค์พระ จึงเป็นอานิสงค์ที่ใหญ่มากดังที่คุณณัฐพัชร จันทรสูตร ได้บอกบุญนี้ในกระทู้
    ขอเชิญร่วมสร้างพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

    เรื่องราวของลูกศิษย์บันทึกที่เรื่องราวความเป็นมาของท่านพระครูสุรินทร์มีความเกี่ยวข้องกับหลวงพี่โอ (พระครูสมุห์พิชิต) หลวงพี่พระครูปลัดอนันต์ (เจ้าอาวาส วัดท่าซุงในปัจจุบัน) หลวงพี่ประทีป (พระครูใบฎีกาประทีป) และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ได้อย่างไร ตามบันทึกนี้ครับ

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width=750 align=center bgColor=#cccccc border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#006699 height=30><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ลูกศิษย์บันทึก ๑๐ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="26%" bgColor=#eef7ff height=25>คนรู้น้อย</TD><TD width="74%" bgColor=#eef7ff height=25><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="85%">โพสเมื่อ 2005-03-14 20:48:43 </TD><TD width="15%">
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#ffff99><TD vAlign=top width="26%">
    <TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD vAlign=top width="74%"><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD height=20>สวัสดีครับ ท่านที่เคารพ วันนี้ขอเรียนเสนอ เรื่องของท่านพระอาจารย์สุรินทร์ ซึ่งท่านมีความเคารพ หลวงพ่อปาน และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เป็นอันมาก ต่อมาท่านก็นับถือหลวงพ่อฤาษีฯ เป็นครูบาอาจารย์ของท่าน และท่านยังได้นำลูกศิษย์ ไปฝากไว้กับหลวงพ่อ คือหลวงพี่โอ (พระครูสมุห์พิชิต) หลวงพี่นันต์ (พระครูปลัดอนันต์ ท่านเจ้าอาวาส วัดท่าซุงในปัจจุบัน) และหลวงพี่ ประทีป (พระครูใบฎีกาประทีป) ซึ่งท่านก็ยังจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าซุง จนถึงทุกวันนี้ มีเรื่องราวน่าสนใจมาก กระผมต้องกราบขออภัย พระคุณเจ้า ที่นำเรื่องของท่านมาเผยแพร่ โดยมิได้ขออนุญาตโดยตรงจากท่านก่อน และ ขอท่านได้โปรดอนุโมทนา ในธรรมทานนี้ด้วยกันนะครับ (หากท่านจะทราบได้ด้วยวิธีใดๆ) ต่อจากนี้ ก็ขอเรียนเชิญติดตามเรื่องราว ได้เลยครับ ...

    สำนึกในพระคุณ
    พระครูวิจารณ์วิหารกิจ

    ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๐ โยมพ่อ และโยมแม่มาลัย เดินทางไปค้าขายทางเรือที่ จ.อยุธยา โดยนำยาสูบจากอำเภอชุมแสง ไปเร่ขาย ซึ่งขณะนั้นถึงช่วงบ่ายแล้ว ยาสูบนั้นก็ยังขายไม่ได้เลย โยมแม่ได้ทราบกิตติศัพท์ ว่าหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงแวะเรือเพื่อจะไปกราบท่าน ไปถึงทายกบอกไม่ให้เข้า เพราะท่านจำวัดอยู่ โยมแม่ก็เลยพูดสวนไปว่า “หลวงปู่ปานท่านเป็นเสือหรือไง ถึงไม่ยอมให้ฉันเข้า ฉันต้องเข้าให้ได้” ผลสุดท้ายทายกต้องยอมให้โยมแม่มาลัยเข้า หลวงปู่ปานท่านก็ลืมตาขึ้นมาพอดี หลวงปู่ปานท่านก็ทักว่า “ มายังไงละลูก ” โยมกราบเรียนว่า “ดิฉันมาค้าขายยา และขายไม่ได้ จะมาขอของดีจากหลวงปู่” ท่านก็ให้น้ำมนต์ และให้พร ค้าขายดี แล้วท่านก็สั่งว่า
    ปีหน้า หลวงปู่จะไปเยี่ยมลูก ” เมื่อหลวงปู่ปานกล่าวเช่นนี้ โยมแม่ก็กลับมาด้วยความอิ่มใจ และก็ได้รูปท่านมา เป็นรูปศาลา ๓ หน้ามาบูชา แล้วก็ทำบุญกับท่านไปแค่ ๕๐ สตางค์ จากนั้นโยมแม่ก็ถอยเรือกลับมา และขายยาหมดในช่วงบ่ายวันนั้น ก่อนมืดค่ำ

    ครั้นปี พ.ศ. ๒๔๘๑ หลวงปู่ปานก็มรณภาพ ปีถัดมา พ.ศ. ๒๔๘๒ พออายุได้ ๗ ขวบ ข้าพเจ้า และน้องก็เป็นท้องร่วงทั้งสองพี่น้อง โยมแม่ก็ปรึกษากับโยมพ่อ ว่ายาโบราณก็กินเข้าไปหลายขนานแล้วก็ไม่หาย จึงปรึกษากันว่าเราจะทำยังไงกันดี เพราะเราก็ยากจนเข็ญใจ ก็หันหน้าเข้าหารูปหลวงปู่ปาน และจุดธูปบอกว่า ขอให้น้ำมนต์ของหลวงพ่อจงรักษาโรคท้องร่วงของลูกหาย โยมแม่ก็อาราธนาน้ำมนต์จากท่าน แล้วเอามาให้ข้าพเจ้า ๒ พี่น้องดื่ม เมื่อดื่มแล้ว ทั้งพี่ทั้งน้องก็หายจากโรคปวดท้อง และท้องร่วง จากนั้น โยมแม่ก็มีความนับถือหลวงปู่ปานตลอดมา เวลาคนแถวนั้นเจ็บไข้ได้ป่วย โยมแม่ก็ขอบารมีหลวงปู่ปานไปช่วย ตั้งแต่คลอดบุตร หรือถูกผีสางนางไม้เข้าก็ตาม โยมก็จะถูกตามไปรักษาทั้งกลางวัน และกลางคืน ต่อมาโยมพ่อเบื่อก็ลาจากการช่วยรักษาคน โยมแม่ยังไม่เบื่อก็ยังช่วยคนต่อไปเรื่อยๆ

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ข้าพเจ้าออกจากโรงเรียน และพอดีได้รับอุบัติเหตุ โยมแม่จึงบนหลวงปู่ปาน และหลวงปู่จงด้วย ให้ข้าพเจ้าบวชเณร ๑๕ วัน พอบวชเณรครบกำหนด ข้าพเจ้าก็จะสึก โยมแม่ก็จุดธูปยกข้าพเจ้าให้หลวงปู่ปาน บอกว่า ขอให้เณรที่บวชอยู่แล้ว ได้บวชเณรต่อไป ยันถึงการได้บวชเป็นพระภิกษุ เมื่อโยมแม่ทำการอธิษฐานอย่างนั้นแล้ว คงเป็นเพราะบารมีหลวงปู่ปานสิงสู่ใจ ก็ทำให้ข้าพเจ้าบวชเณรติดต่อกันมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ข้าพเจ้าก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ อยู่ที่วัดบางแพรกเหนือ ก่อนเข้าพรรษาก็ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ ซึ่งเขากำลังสร้างกุฏิอยู่ข้างโรงเรียน เมื่อสร้างกุฏิแล้วข้าพเจ้าก็ไปเที่ยวตรงสวนวัดปัจจุบัน แล้วก็ตั้งจิตบอกกล่าวกับหลวงปู่ปานว่า ถ้าได้ที่ดินตรงนี้ จะสร้างวัดถวายบารมีหลวงปู่ปาน พอปี พ.ศ. ๒๕๐๔ หลังบอกบุญเรี่ยไรรวมทั้งทายกทายิกาเขาช่วยกัน ก็ย้ายวัดจากข้างโรงเรียนมาตั้งที่วัดปัจจุบันนี้ แล้วก็ถวายให้เป็นวัดหลวงปู่ปาน ได้นามว่า วัดโพธิ์ประชาราษฎร์ ต่อมาปี ๒๕๐๖ – ๒๕๐๙ ข้าพเจ้าก็อยู่จำพรรษาที่วัดสุขุมารามนี้

    ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ข้าพเจ้าป่วยอยู่โรงพยาบาลสงฆ์ ก็บอกว่าถ้าจะตายก็ไม่ว่า ขอให้ได้เดินทางไปไหว้รูปเหมือน หลวงปู่ปานที่วัดบางนมโค พอดีโยมแม่ลงไปเยี่ยม ต่อมา ๑-๒ วัน หมอให้ออกจากโรงพยาบาล ก็เดินทางจากจังหวัด นนทบุรี มากราบรูปเหมือนหลวงปู่ปาน และได้เจอ หลวงพ่อฉัตร หลวงพ่อเล็ก และทายกวัด หลวงพ่อฉัตร ท่านเป็นพระที่สันโดษ ไม่ห่วงใยอาลัยในชีวิต และก็ฉันองค์เดียว ท่านคุยสนุก ใจดี ยิ้มแย้มดี ท่านเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่ปานนี่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ส่วนตัวท่านเองนั้นก็ไม่ได้ตามไปด้วย ท่านพูดว่าปล่อยคุณอาไป (หลวงพ่อฉัตรท่านเรียกหลวงปู่ว่า คุณอา) หลวงพ่อฉัตรท่านเมตตาเล่าประวัติหลวงปู่ปานให้ฟัง เล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความเก่งของหลวงปู่ปาน ว่าท่านสามารถถอดญาณ ถอดจิต และเล่าถึงญาณพิเศษต่างๆให้ฟัง ก่อนกลับหลวงพ่อฉัตรท่านแจกรูปภาพกระดาษหลวงปู่ปาน เป็นรูปศาลา ๓ หน้า มีภาพหลวงปู่ปานนั่งอยู่กลาง ท่านให้มาเยอะ ให้เอาไปแจก

    ส่วนหลวงพ่อเล็กนั้น ท่านมีปฏิปทาที่พูดน้อยมาก และไม่ค่อยพูด ท่านเป็นพระที่นิ่ง ขณะที่ไปค้างที่วัด ๒-๓ วัน หลวงพ่อเล็ก ป่วยอยู่ ไม่ค่อยลงรับแขก ทายกวัด อยู่ใกล้ๆกับวัด ได้ให้ผ้ายันต์รูปหลวงปู่ปานสีแดงมา ๑ แผ่น ปัจจุบัน ข้าพเจ้าก็ใส่กรอบไว้ และติดไว้ในย่ามเสมอ ข้าพเจ้าไปพักอยู่ที่วัด ๒-๓ วันก็กลับ ครั้นปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ข้าพเจ้าเจอหนังสือคาถา พระปัจเจกพุทธเจ้า ที่หลวงพ่อพิมพ์แจกที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า พอข้าพเจ้าได้หนังสือนั้นมา ก็ออกตามมาหาหลวงพ่อถึงวัด เพราะอยากได้คาถา จึงเดินทางไปที่อำเภอวัดสิงห์ จ.ชัยนาท ก็แวะวัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อในสมัยนั้น มีนามเรียกว่า หลวงพ่อมหาวีระ ท่านจำพรรษาอยู่ที่ วัดปากคลองมะขามเฒ่า ตอนข้าพเจ้าไปหาหลวงพ่อที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ครั้งแรกนั้น ไปถึงหมาก็จะกัด เพราะหลวงพ่อเลี้ยงหมาไว้เยอะ หลวงพ่อออกมาจากห้องพอดี ท่านอยู่ตามสบายของท่าน พอท่านออกมาท่านก็พูดธรรมะแบบแทงใจ คือด่าตรงๆ พอเจอหน้าท่านเท่านั้น พอเริ่มพูดท่านก็ด่ากิเลสออกมาเลย กิเลสข้าพเจ้านะ ท่านคุ้ยกิเลสข้าพเจ้าออกมาให้ดู ข้าพเจ้าไปกับทิดเสริฐ (อี่-แจ๊ว) ท่านรู้หมด ด่าไม่เลี้ยงเลย

    ข้าพเจ้านั่งหน้าแดง ประเสริฐงี้หูแดง บอกเอ้อเก่งมาก ถูกด่าหมดเปลือก นับเป็นเรื่องอัศจรรย์จริงๆ ท่านพูดง่ายๆ สมัยนี้เขาเรียกว่า รู้ใจหมด กิเลสเรามีอยู่ในใจเท่าไร ท่านพูดออกมาจนหมด พูดแล้วไม่มีข้อแก้ตัวได้เลย ท่านพูดอย่างนั้น พูดตรงๆ พูดแบบสอน ข้าพเจ้านั่งหน้าแดง ข้าพเจ้าก็หลบๆ ไม่ค่อยกล้า เพราะกลัว หลวงพ่อท่านรู้ ท่านเก่งมาก เป็นเรื่องอัศจรรย์มากทีเดียว เจออย่างนี้แล้วต้องยอมเลย ก็มีเวลาคุยกับท่านไม่นานนักก็ลากลับ นับตั้งแต่วันนั้น ก็ติดต่อกับท่านมาตลอด จนกระทั่งถึงวันสารท ถวายอาราธนา ให้ท่านเดินทางมาที่วัด สุขุมารามนี้ (ในปี พ.ศ. ๒๕๐๙) ท่านเมตตามาเทศน์ในวันสารทนั้น ในการเทศน์วันนั้น หลวงพ่อเริ่มเทศน์ โดยการบอกศักราชว่า “อิทานิ ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ แปลเป็นภาษาไทยว่า บัดนี้พุทธศักราชล่วงไปแล้วได้สองพันห้า” ท่านก็พูดแค่นี้เองว่า สองพันห้า คือไม่ว่าลงห้าร้อย คือลงแค่สองพันห้า ก็ปรากฏว่า หวยงวดนั้นออก สองห้า ข้างล่าง นี้ก็เป็นบารมีของหลวงพ่อ พระมหาวีระ ถาวโร หรือ หลวงพ่อ พระราชพรหมยาน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หลังจากเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าไปกราบหลวงพ่อ ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ในครั้งแรก ท่านพูดแทงใจข้าพเจ้า โดยพูดล้วงกิเลสที่อยู่ภายในใจข้าพเจ้าออกมาจนหมดสิ้น ข้าพเจ้าก็ยอมสยบท่านเลย และก็มีความเลื่อมใสศรัทธาท่าน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ต่อมาข้าพเจ้าก็เขียนจดหมายไปกราบเรียนท่านแล้ว ก็เปรียบเทียบ ขออภัยว่า ปฏิปทาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้น มีบารมีใกล้เคียงกับหลวงปู่ปาน ประมาณ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ที่เขียนอย่างนี้ เพราะว่าเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่มี ความศรัทธาต่อหลวงพ่ออย่างมาก และก็ไม่เคยเขียนไปที่ไหนมาก่อนเลย นอกจากนี้ ก็ถามเกี่ยวกับการปฏิบัติ และถามเกี่ยวกับคาถา พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วย แล้วหลวงพ่อก็ตอบจดหมายมามีใจความดังต่อไปนี้ ....

    วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
    ๑๔ สิงหาคม ๒๕๐๙
    เรียน ท่านอาจารย์สุรินทร์ ที่รัก
    จดหมายของท่านอาจารย์ ลงวันที่ ๗ สิงหาฯ ผมได้รับแล้ว แต่วันที่ ๑๓ สิงหาฯ รู้สึกว่าจดหมายที่มาหาผมจะใจเย็นไปสักหน่อย ขอบใจที่กรุณาชมมา แต่ต่อไปอย่าใช้คำชมเชยมาเลยครับ เพราะคำชมกับผมทำหนังสือหย่ากันเสียแล้ว ทั้งนี้เป็นเพราะคำชมกับผม ทำหนังสือหย่ากันเสียแล้ว ทั้งนี้เป็นเพราะคำชม หรือ สรรเสริญนี้ มันเคยทรยศเอากับผมมาหลายพันชาติเต็มทีแล้ว ไปเอากับมันด้วยคราวใด มันเป็นดึงลงอบายภูมิทุกคราว คิดไว้ว่าจะไม่ขอคบกับมัน แต่ถ้าใครชม หากผู้นั้นไม่ชอบพอรักใคร่กันจริงแล้ว ผมก็ยิ้มอย่างพยายามยิ้มให้ผู้ชมกันเก้อ หากท่านผู้ชมเป็นคนประเภทกันเองแล้ว ก็บอกตรงๆว่าไม่ชอบให้ใครชม และก็ไม่นิยมนักติ เพราะทั้งสองประการนี้เป็นโลกธรรม เป็นเชื้อสายของอบายภูมิทั้งนั้น เรื่องเอาบารมีไปเทียบกับหลวงพ่อปานด้วยครับ กรุณาอย่ากล่าวอีกเลย เพราะท่านเป็นครูบาอาจารย์ อย่าให้ผมไปวัดรอยเท้าเลย จะหมดดีเสีย เพราะครูอาจารย์นั้น ศิษย์ไม่มีอะไรจะเอาเข้าเปรียบเทียบได้เลย ครูเป็นปุถุชน แต่ศิษย์เป็นพระอรหันต์ ก็ไม่มีศิษย์คนใดที่จะยอมให้ครูมาไหว้ตน มีแต่ตนเองเท่านั้น ที่จะก้มหัวลงแทบเท้าท่านครู ถวายความเคารพ ยกครูไว้เหนือเศียรเกล้า เพราะระลึกอยู่ว่า ความดีที่ตนได้รับมานั้น เป็นความดีที่ครูท่านมอบหมายให้มา

    ยิ่งหลวงพ่อปาน เป็นพุทธภูมิ เป็นพระทรงสมาบัติแปดด้วยแล้ว ผลที่ผมได้นี้ ไม่มีทางเปรียบเทียบได้เลย เพราะผมมีสมาบัติไม่ถึงแปด เรื่องการทรงใดๆจึงแตกต่างกันอย่างเทียบกันไม่ติดเลย พอขโมยท่านมาได้บ้าง เล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ผมก็ยังต้องอาศัยท่านอยู่เสมอ หากมีอะไรขัดข้องเมื่อไร ผมก็ต้องรบกวนท่านทันที เป็นอันว่าผมเป็นศิษย์ที่หลวงพ่อปาน ต้องตามพร่ำสอนอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ท่านมีชีวิตอยู่ และตายไปแล้ว ขอโปรดอย่านำเอาผมไปเปรียบกับหลวงพ่อ ต่อไปนะครับ ที่บอกมานี้ไม่ใช่โกรธ แต่บอกเพื่อกันไว้ระหว่างพวกสมณธรรมด้วยกัน คำติคำชมเป็นของชาวโลกที่ต้องการวัฏฏะ พวกเราหนีวัฏฏะ อย่าเอาของเขามาใช้เลย ไม่เข้าใจอะไรก็ถามมาตรงๆ ดีกว่า ธรรมปฏิบัติของท่าน พอจะได้เรื่องได้ราวบ้างแล้ว แต่อย่าเพิ่งคิดว่าดีเสียก็แล้วกัน คำว่าดีนั้น ถ้ายังไม่บรรลุ อรหัตผลเพียงใดจงอย่าเข้าใจว่าตนดีแล้ว พอแล้วเป็นอันขาด หากหลงผิดจะเป็นเหยื่ออบายภูมิ นิมิตที่บอกมานั้น เป็นนิมิตที่เกิดจากอารมณ์ว่างชั่วขณะ ยังเอาเป็นเนติยังไม่ได้

    อารมณ์ของคุณขณะนี้ เป็นอารมณ์ที่เข้าถึง ขณิกสมาธิ ต่ออุปจารสมาธิ แต่อุปจาระยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่า ใช้ได้ จงอย่าสำคัญผิดในเรื่องการเห็นนิมิตภายนอก จงยึดแต่นิมิตเดิมที่กำหนดไว้เท่านั้น อย่างอื่นแปลกปลอมเข้ามาจงละเสีย นักเจริญสมาธิจงเข้าใจตนเองไว้ว่า เราปฏิบัติเพื่อจิตเป็นสมาธิ เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อการเห็นภาพ จงพยายามรักษาอารมณ์ที่กำหนดไว้เดิมให้คงที่ ระมัดระวังคาถาภาวนาไว้อย่าให้หลง พร้อมทั้งกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกไปพร้อมกัน คือกำหนดเป็น สามฐาน หายใจเข้า ลมกระทบกระพุ้งจมูก อก และท้อง หายใจออก ลมกระทบท้อง อก และปลายจมูก พยายามกำหนดรู้ไว้ตลอดเวลา มันจะหนีจะเผลอบ้างนั้นเป็นของธรรมดา เพราะจิตมันเคยท่องเที่ยว เมื่อเรารู้ตัวว่ามันเที่ยวก็จับมันมาใหม่ แล้วจงใคร่ครวญพิจารณาไปพร้อมๆกับการกำหนดคำภาวนา และลมนั้น ให้รู้ว่าลมที่หายใจเข้า ออกนั้น สั้นหรือยาว หยาบหรือละเอียด คาถาภาวนาเราว่าครบไหม กำหนดรู้ดังนี้ตลอดไป หากกำหนดนิมิตด้วยก็ให้กำหนดไปพร้อมๆกัน เมื่อกำหนดรู้ลมสามฐานได้เมื่อไร จงรู้ตนเองว่า เรามีอารมณ์ใกล้จะถึงปฐมฌานแล้ว

    ต่อไปลมหายใจจะค่อยๆละเอียดลง จะเกิดขนพองสยองเกล้า คือขนลุกซู่ซ่า มีกายโยกโคลง บางรายมีน้ำตาไหล แต่มีใจอิ่มเอิบชื่นบาน ไม่อิ่มไม่เบื่อในการปฏิบัติ มีอารมณ์แนบแน่นชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่อยากเลิกในการปฏิบัติ อย่างนี้เรียกว่าปิติ เป็นการที่อารมณ์จิตเริ่มเข้าอุปจารฌาน จะเห็นภาพแปลกๆ และชัดเจนขึ้น จงอย่าคิดว่าดียังไม่ดี ต่อไปก็จะมีความสุขสดชื่น ไม่ปวดไม่เมื่อย สุขหรรษา อย่างหาอะไรเปรียบเทียบมิได้เลย อารมณ์ก็มีการกำหนดฐาน ลมหายใจเข้าออก ได้ตลอดเวลาทั้งสามฐาน หากมีนิมิตๆก็แจ่มใสคงที่ จะให้สูงต่ำเล็ก..ใหญ่ ก็เป็นไปได้ตามความต้องการ ไม่รำคาญในเสียงที่เข้ามารบกวน มีอารมณ์ทรงอยู่ได้นานกว่าปกติ คือ ๕ หรือ ๑๐ นาที แล้วอารมณ์ก็จะเคลื่อนเข้าสู่อารมณ์เดิม คือคิดเรื่องภายนอก ที่ท่านเรียกว่าตกภวังค์ อย่างนี้ท่านเรียกว่า ปฐมฌาน แต่ตอนก่อนที่จะถึงระดับนี้ จิตจะมีอารมณ์อย่างนี้ก่อน คือ เมื่อภาวนากำหนดอารมณ์ดังกล่าวแล้ว พอมีอารมณ์คล้ายจะเผลอไป ก็เกิดเห็นภาพ ต่อมาเมื่อภาวนากำหนดอารมณ์เพลินอยู่นั้น มีอารมณ์คงที่สบายเพียงขณะเดียว ก็จะเกิดอาการหวิวคล้ายพลัดตกจากที่สูง แล้วอารมณ์ก็เข้าภาวะเดิม ที่ท่านเรียกว่า ตกภวังค์

    คำว่าภวังค์ มีนักปฏิบัติคิดว่าเป็นอารมณ์แน่นนั้นไม่ถูก ภวังค์ เป็นอาการที่จิต พลัดจากอารมณ์ฌาน เข้ามาสู่อารมณ์ปกติตามเดิม คือจิตกลับที่เดิมนั่นเองเรียกว่า ภวังค์ คือเป็นที่อยู่ ภวังค์หรือ ภพมันก็อย่างเดียวกัน ภพแปลว่าที่อยู่ ศัพท์เดิมเขาแปลว่าความมี หรือ ความเป็น ก็เพราะมันมีอยู่ มันเป็นอยู่ในที่นั้น จะเรียกว่าที่อยู่จะผิดได้อย่างไร อาการที่จิตทรงอยู่นั้นเป็นเพราะจิตเข้าสู่อารมณ์ฌาน แต่ทว่ากำลังสมาธิที่จะทรงตัวไว้ได้นั้น มีกำลังอ่อนมาก จึงทรงอยู่ในระดับฌานไม่ได้นาน เพียงขณะเดียวก็พลัดจากฌาน อาการอย่างนี้ นักปฏิบัติใหม่ถ้าพบเข้า เมื่ออารมณ์พลัดแล้ว จะทำจิตให้มีอารมณ์แนบสนิทอย่างนั้นอีกไม่ได้ อารมณ์จะไม่ยอมเป็นอย่างนั้น แต่พอรักษาใจให้สบายได้อยู่ ในระยะต้นๆนี้ จงรักษาไว้ตามแต่กำลังสมาธิ เมื่อได้แล้วก็ค่อยๆทำไปอย่าให้ขาด จงหลีกให้พ้นสังคมจัญไร คือพวกเดียรถีย์ พวกชอบชวนพูดนอกรีดนอกรอย พยายามรักษาอารมณ์ตามที่เคยปฏิบัติมาอย่าให้ขาด พร้อมกันนั้นก็พยายามแผ่เมตตาพรหมวิหารตลอดวัน เพื่อรักษากำลังใจให้ชุ่มชื่น ต่อไปฌานนี้ก็จะมั่นคง

    ฉบับนี้ขอแนะนำมาเท่านี้ เพราะเห็นว่าเมื่ออารมณ์จิตเข้าถึงระดับนั้นแล้ว หากทำถูกก็ไม่ช้า ปฐมฌานก็จะมาถึง พวกที่ปฐมฌานมาไม่ถึงเพราะติดภาพระหว่างทาง ท่านว่าท่านจะพากันมานั้น ผมยินดีต้อนรับ การมาหาผมไม่ต้องมีพิธีรีตอง เพราะพิธีนั้นเป็นเรื่องของวัฏฏะเขา เราเป็นพระมาอย่างไรก็ได้ ขอให้มาอย่างพระ หรือ พุทธศาสนิกก็แล้วกัน ถ้ามาแบบอื่นรับรองไม่ถูก แต่การมานั้นจำเป็นจะต้องกำหนดเวลาเสียแล้วครับ ผมเมื่อบวช หลวงพ่อท่านจะใส่ปรอทมากไปหรืออย่างไรไม่รู้ มันช่างหาเวลาไม่ไคร่ได้จริงๆ ทั้งๆที่เป็นเวลาเข้าพรรษา ก็ต้องจรจัดเสมอ ที่ไปก็เพราะเป็นเขตแดนศิษย์เก่าของหลวงพ่อปาน ต้องทำงานแทนท่านตามที่รับปากไว้ แต่สมัยนี้เอาแผนกเดียว คือสอนสมณธรรมเท่านั้น คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ผมก็อุปโลกให้บำเพ็ญเป็นฌานหมด เพราะเห็นว่าได้ประโยชน์มากกว่าการสงเคราะห์ด้วยวัตถุ พ.ศ.หน้า ทางวัดสะพานที่ตัวเมืองชัยนาท ท่านจะตั้งสำนักสมณธรรมปฏิบัติ จะให้ผมไปคุมอยู่ที่นั่น ก็เลยต้องเขียนแบบปฏิบัติ เขียนก็ไม่ใคร่จบ เพราะมันยุ่งอย่างนี้ กลางวันก็มีแขก วันไหนว่างก็เขียนได้มากหน่อย วันไหนแขกมากก็เอามาเขียนกลางคืน เมื่อถึงเวลาสอนสมณธรรม ก็ต้องละการเขียนไปสอนสมณธรรม เกิดเป็นคนนี่มันยุ่งจริง เบื่อเต็มทีแล้ว เรื่องการมาของคณะของท่าน ผมว่าถ้ามาภายใน เดือน ๙ จะพบกว่า เพราะเดือน ๑๐ ผมต้องจรสายใต้ เกือบไม่มีเวลา บอกคุณวิเชียร และคณะด้วยนะครับว่า หากจะมาให้สะดวก ควรมาภายในเดือน ๙ จะพบได้สะดวก เดือนสิบ ถ้าบังเอิญ ตรงกับวันอยู่ ก็จะได้พบ

    ขอความสุขสมหวัง จงมีแด่ท่านตลอดกาลทุกเมื่อเถิด

    พระมหาวีระ ถาวโร

    ...............................................................................

    คำนึงถึงวาจาของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ที่ท่านเขียนจดหมายตอบข้าพเจ้ามาแล้ว ข้าพเจ้ามีความภาคภูมิใจ ที่หลวงพ่อเป็นครูบาอาจารย์ที่เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาโดยแท้ ถือว่าเมตตาอย่างมากจริงๆ ท่านมีความดีทุกอย่าง ท่านจึงเตือนข้าพเจ้าด้วยมธุรส วาจาภาษิต ดังกล่าวข้างต้น

    ย้อนกลับมาถึงโยมแม่ข้าพเจ้า อยู่มาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ท่านก็ป่วยแล้วก็ตายไปตามอัธยาศัย แต่ว่าก่อนตายท่านบอกว่า ถ้าจะตายก็ไม่ว่า ขอให้ได้กินน้ำมนต์หลวงปู่ปาน คือมีความยึดมั่นถือมั่น แม้การสร้างวัดโพธิ์ ก็อาศัยโยมแม่อาราธนาบารมีหลวงปู่ปาน ทั้งเช้า กลางวัน เย็น ท่านมีความเคารพบารมี หลวงปู่ปานอย่างที่สุด จนกระทั่งครั้งหนึ่งท่านป่วยมาก ป่วยเป็นหัวดาวหัวเดือน ปวดเท้าข้างซ้าย พอวันเพ็ญกลางเดือน ๓ หลวงปู่ปานก็มายืนตรงหัวนอนบอกว่า ปวดมากหรือลูก โยมแม่ก็ตอบว่า ปวด หลวงปู่ปานท่านก็ทำภาพนิมิตให้ดู ท่านยกมือมาที่บ่าข้างขวา แล้วท่านก็บอกว่า ยกจิตมาไว้บ่าข้างขวาซิลูก โยมแม่ก็ทำตามท่าน และภาวนา พุทโธ ปรากฏว่าพอยกจิตมาไว้ข้างขวาแล้ว อาการปวดของหัวดาวหัวเดือน ก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย นี้เป็นอัศจรรย์บารมีหลวงปู่ปาน

    หลังจากนั้น ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ หลวงพ่อพระมหาวีระ ท่านก็ได้โปรดเมตตา มาทำพิธีพุทธาภิเษก ที่วัดสุขุมาราม งานวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถ
    ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงพ่อก็เมตตามางานยกช่อฟ้า
    ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ หลวงพ่อมางานพุทธาภิเษก เป็นครั้งสุดท้าย ที่วัดสุขุมาราม แล้วท่านก็บอกว่า วัตถุมงคลทั้งหมดในพระอุโบสถนี้ เป็นประกายเพชร มีความสว่างรุ่งเรืองมากกว่าวัดโพธิ์สุทธาวาส ที่ทำเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ หลวงพ่อมีความเมตตามาตลอด ในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ข้าพเจ้าได้สร้างกุฏิถวายท่าน และเป็นหนี้ หลวงพ่อบอกว่า คุณไม่ต้องเป็นทุกข์ หลวงพ่อปานท่านจะช่วย เมื่อสร้างกุฏิถวายท่านเสร็จแล้ว ต่อมาท่านก็เมตตาช่วยสร้างพระอุโบสถ มีศาลาการเปรียญไว้ล่าง พระอุโบสถไว้บน ซึ่งก็สิ้นเงินทั้งหมด ๒ ล้าน ๖ แสนบาท อันนี้ก็บารมีของหลวงพ่อที่ข้าพเจ้าไปเกี่ยวข้องด้วย ข้าพเจ้าได้นำเทปธรรมะของหลวงพ่อมาเปิดสอนที่วัดสุขุมาราม และที่วัดโพธิ์ด้วย
    ข้าพเจ้ามีความประทับใจในบารมีหลวงพ่อ ในปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้ส่งพระสมุห์พิชิต (ชื่อปัจจุบัน) ไปรับใช้ท่าน ประมาณปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ๒๕๑๗ ปลายปี ก็นิมนต์พระครูปลัดอนันต์ (ชื่อปัจจุบัน) ไปเป็นลูกศิษย์ท่าน ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นิมนต์พระใบฎีกาประทีป (ชื่อปัจจุบัน) ไปรับใช้ปฏิบัติท่าน โดยหวังว่าต่อไปภายภาคหน้า ท่านทั้ง ๓ องค์ จะได้เป็นกำลังแก่พระศาสนา และปี พ.ศ. ๒๕๒๔ พระครูสมุห์พิชิต และพระครูปลัดอนันต์ ได้เมตตามาเป็นพระคู่สวด ให้แก่พระสมุห์ประจวบ (ชื่อปัจจุบัน) ที่วัดสุขุมาราม ซึ่งปัจจุบันนี้ พระสมุห์ประจวบก็ได้ไปเป็นเจ้าอาวาส อยู่ที่วัดโพธิ์สุทธาวาส ได้ทำการก่อสร้าง นำความรุ่งเรืองมาจนกระทั่งทุกวันนี้ นี้เป็นบุญบารมีของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า บารมีหลวงปู่ปาน และบารมีของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ตอนที่ข้าพเจ้าคิดจะสร้างกุฏิรับรองหลวงพ่อนั้น ท่านบอกไม่ให้สร้าง ส่วนที่วัดโพธิ์สุทธาวาสนั้น ท่านให้สร้าง เรื่องการสร้างกุฏิรับรองท่านนั้น ไม่ได้กราบเรียนให้ท่านทราบ เพียงแต่นึกในใจเท่านั้น ท่านพูดว่า ที่นี่ไม่ต้องสร้าง คุณอย่าไปสร้างที่นี่ ผมไม่มา แล้วท่านก็ไม่เคยมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แต่ว่าท่านมาในนิมิต เมื่อคราวที่ข้าพเจ้าจัดงานทำบุญอายุ ให้เจ้าคณะรองภาค ๔ คือ พระเทพญาณเวที จากวัดมงคลทับคล้อ โดยในวันนั้น ข้าพเจ้านึกน้อยใจว่า ข้าพเจ้าไม่เคยจัดงานทำบุญอายุให้ ครูบาอาจารย์เลยอย่างหลวงปู่ ครูบาธรรมชัย ข้าพเจ้าก็จัดให้ ๓ ปี ๒๕๒๗, ๒๕๒๘, ๒๕๒๙ และท่านเจ้าคณะรองภาค ๔ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๒ ข้าพเจ้าก็นึกน้อยใจตัวเอง ที่ไม่มีบุญที่จะจัดงานให้หลวงพ่อ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ เมื่อถ่ายภาพเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร กำลังสรงน้ำท่านรองภาคอยู่ ก็เห็นภาพนิมิตหลวงพ่อ ปรากฏอยู่ในภาพถ่ายไม่เต็มองค์ นับเป็นความอัศจรรย์ (ดูภาพข้างล่าง (ท่านอาจารย์สุรินทร์ได้ลงภาพ ประกอบด้วย))
    ในที่สุดข้าพเจ้าขอกราบอาราธนาบารมี พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า บารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ในทั่วจักรวาล ให้คุ้มครองปกปักรักษาครูบาอาจารย์ และบรรดาเพื่อนสหธรรมิก อุบาสก อุบาสิกาทุกคน ที่มีใจใฝ่ในทางมรรคผล นิพพาน ขอจงประสบผลสำเร็จ จงทุกประการเทอญ


    ก็เป็นเรื่องราวของทั้งพระ และวัดที่มีความเกี่ยวเนื่องกันมา อันเชื่อมโยงมาถึงวัตถุมงคลพระผงรูปเหมือนหลวงปู่เขียน ธมฺมรกฺขิตฺโต วัดสุขุมาราม จ.พิจิตร ปีพ.ศ. ๒๕๑๖ ว่าทำไมวัดสุขุมารามจึงได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่าน ท่านสงเคราะห์วัดสุขุมารามเป็นกรณีพิเศษ

    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เขียน ธมฺมรกฺขิตฺโต นี้หากสังเกตดีๆบริเวณองค์ท่านจะเป็นผงจุดๆลักษณะคล้ายพระธาตุเสด็จ บริเวณนอกองค์หลวงปู่ไม่ค่อยปรากฎมาก

    [​IMG] [​IMG]
     
  6. ixy

    ixy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +486


    ขอมีส่วนร่วมกับทางเวปด้วยครับ 566บาทครับ
     
  7. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ร่วมกุศลด้วยคน 600 บาทครับ
     
  8. นว

    นว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +2,445
    ขอร่วมทำบุญรายการนี้ครับ
     
  9. กระพี้

    กระพี้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    51,336
    ค่าพลัง:
    +91,383
    อนุโมทนาครับ...อย่างไรแล้วโอนเงินทำบุญเข้าทางเวปพลังจิตแล้วส่งที่อยู่มาทางผมนะครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    กระเบื้องเคลือบทองสมเด็จองค์ปฐม พร้อมขาตั้ง เจ้าของ cotto ทำถวายวัดท่าซุงภายหลังจากที่หลวงพ่อฤาษีฯท่านได้มรณภาพลง ทางวัดได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกหลายครั้ง..

    นำมาให้บูชาโดยวิธีการประมูล รายได้ทั้งหมดมอบให้เวปไซด์พลังจิตดอทคอม เพื่อเป็นค่าบำรุง Server และค่าใช้จ่ายในการจัดทำพระไตรปิฎกฉบับเวป Version

    กำหนดราคาเริ่มต้นที่ ๑ บาท การประมูลไม่มีช่วงราคา แล้วแต่ผู้มีจิตศรัทธาจะร่วมด้วยช่วยกัน เวลาสิ้นสุดการประมูลคือ วันศุกร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ เวลา ๑๕.๐๐ น.ตามเวลาของเวปไซด์ GMT+7 ผู้ที่ประมูลด้วยราคาสูงสุดถือเป็นที่สุด
    <!-- / message --><!-- attachments -->

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]




    </FIELDSET>
    ประมูลรายการ"กระเบื้องเคลือบทองสมเด็จองค์ปฐม" วันนี้เวลา บ่าย ๓ โมงตรงเป็นเวลาสิ้นสุดการประมูล ซึ่งขณะนี้คุณ sithiphong เป็นผู้ที่ประมูลด้วยจำนวน ๗๗๗ บาทซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุด..

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead colSpan=2>29-01-2008 10:33 AM</TD></TR><TR title="โพส 946050" vAlign=top><TD class=alt1 align=middle width=125>sithiphong</TD><TD class=alt2>อ้างอิง:
    ประมูลต่อนะครับ

    777 บาท
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วันนี้(4 กุมภาพันธ์ 2551) เวลา 13.37 น.ผมได้ไปโอนเงินจำนวน 777 บาท ไปที่ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 081-2-47448-7 ชื่อบัญชี นายณัฐพัชร จันทรสูตร เรียบร้อยแล้ว

    และผมได้รับกระเบื้องเคลือบสมเด็จองค์ปฐม จากคุณเพชรแล้วเช่นกัน

    โมทนาบุญกับคุณเพชรและทุกๆท่านด้วยครับ

    .
     
  11. ixy

    ixy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +486

    สาธุ 666บาท ขอรับ
     
  12. นว

    นว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +2,445
    โอนเงินแล้วครับ 150 บาท วันที่ 6/2/51

    ชื่อที่อยู่ แจ้งใน pm ครับ
     
  13. phumiput

    phumiput เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,856
    ค่าพลัง:
    +16,581
    พระรุ่นนี้หลวงพ่อพระราชพรหมยานแห่งวัดท่าซุงเสกจนโบสถ์เป็นประกายพฤกษ์เลยครับสุดยอดมากๆ ท่านว่าหลวงปู่เขียนก็มาร่วมเสกด้วยนะครับ พระที่วัดท่าซุงหลายองค์ก็มีอยู่ครับ
    [​IMG][​IMG]
     
  14. chirakit

    chirakit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    721
    ค่าพลัง:
    +2,861
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เฮียปอ ตำมะลัง [​IMG]

    ร่วมกุศลด้วยคน 600 บาทครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สาธุ 666บาท ขอรับ

    ขอมีส่วนร่วมที่ 709 บาท ครับ

    (deejai) (deejai) (deejai)
    <!-- / message -->
     
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    คนเก่าๆจะทราบกันครับ เฉพาะ"ผงเก่า"ทันยุคหลวงปู่เขียน อีกทั้งเป็นการที่หลวงพ่อฤาษีฯท่านร่วมเสกในปี ๒๕๑๖ อีกต่างหาก ความจริงไม่อยากบอกกันมากกว่านี้เลยครับ เพราะข้อมูลที่ให้นี้ก็มากมายแล้วจริงๆ และยิ่งบอก ก็เหมือนยิ่ง PR ซึ่งไม่มีความจำเป็นเลยครับ อยากให้ได้วัตถุมงคลดีๆไว้บูชากัน ในจำนวนที่ไม่สูงมากนัก แต่ก็แล้วแต่ว่า มีคนเห็นคุณค่านี้มากน้อยเท่าไหร่ และเป็นวาระของคนที่ศรัทธาท่านจริงๆถึงจะได้ไปบูชาเป็นสิริมงคลครับ วัตถุมงคลในวัดท่าซุงที่ท่านทันเสก ล้วนแต่เป็น ๑๖ เท่ากันไปหมดแล้ว วัตถุมงคลต่างวัด ที่ท่านตั้งใจทำให้นั้นก็ยังพอมีอยู่ ต้องพยายามเสาะหากันเองครับ หากต้องการได้ของดี และราคาไม่สูงมากนัก
     
  16. กระพี้

    กระพี้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    51,336
    ค่าพลัง:
    +91,383
    อนุโมทนาครับ..พรุ่งนี้เช้าส่งพระที่ร่วมทำบุญไปให้ครับ
     
  17. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    วันนี้น้องคม (โคโมโด) ได้โทรศัพท์บอกว่า ได้รับตะกรุดที่ยายผีป่าขอบารมีจากปู่ฯ ท่านสร้างให้หนึ่งดอก ยายได้รับกลับมาทำที่ครอบเงินใส่ปลอกพลาสติกใสให้แล้ว ขึ้นคอแล้ว ขอให้ตั้งจิตดังนี้นะคะ

    จุดธูป ๔ ดอกกลางแจ้ง น้อมจิตถึงหลวงปู่ แล้วขอพบท่านในมิตร หรือขอให้ท่านดลให้เราพบ...(อะไรก็ว่าไป ขอโชค ขอความรุ่งเรืองก็ว่าไป ขอเร็วก็ให้บอก ไม่ใช่ขอแต่ไม่บอกเวลาที่เราต้องการความช่วยเหลือนะคะ )

    เป สัก กะ ๆ ๆ (๓ จบ อย่างน้อย )

    แล้วอย่าลืมนะน้องคม ส่งเงินช่วยเว็ยด้วยนะจ๊ะ ไม่งั้นเดี๋ยวเป็นหนี้สงฆ์เน้อ อิอิ ผ่อนระยะยาว อนุโมทนาจ๊ะ
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ใกล้เวลาบ่ายสามโมงอาจจะได้ชนะกันที่ปลายจมูกเพียงบาทเดียวเท่านั้นครับ..^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2008
  19. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    น้อยไปนิดขอ
    800 บาท [​IMG] แล้วกัน
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เขียน ธมฺมรกฺขิตฺโต วัดสุขุมาราม จ.พิจิตร นี้ขอมอบให้เฮียปอครับ..ขอให้ช่วยแจ้งชื่อที่อยู่ ทาง PM ให้ผมด้วยครับ
    [​IMG][​IMG]

    สาธุ..
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...