ใครติดอยู่ที่สมาธิลมหายใจละเอียดจนดับสนิทบ้างครับ

ผมนั่งสมาธิแบบอานาปานสติ กำหนดดูลมหายใจ เข้า ออก ภาวนาพุทธ โธ เมื่อจิตสงบ ความรู้สึกจิตดำดิ่งในสมาธิ จิตจะละคำภาวนาไปเอง อยู่กับสติกำหนดรู้ลมหาย ใจเข้าออก สักพักลมหายใจจะละเอียด แผ่วเบา จนดับสนิท ร่างกายไม่หายใจอีกต่อไปเป็นแบบนี้ได้ประมาณ 1-2 ชม. (ผมลองทดสอบตอนไม่ได้นั่งสมาธิ กั้นลมหายใจดู ได้เต็มที่ไม่เกิน 1-2 นาที ร่างกายต้องรีบหายใจนำลมเข้าไป)
เมื่อลมหายใจดับสนิท จิตสงบมากๆ บางครั้งเกิดดวงสว่างจ้า บางครั้งมืดสนิท บางครั้งลอยเวิ้ง ว้าง กลางจักรวาลนิ่ง สงบ กว้างใหญ่ไพศาล (จิตนะครับไม่ใช่กาย)
ท่านผู้ปฏิบัติ มีวิธีใดให้ผ่านขั้นนี้ เพื่อความก้าวหน้าของสมาธิครับ
ปล. ผมเป็นวิศวกรไม่ใช่นักบวช ตอนนี้นั่งสมาธิได้เต็มที่แค่วันละ 2 ชม. ขอถามนักปฏิบัติไม่เอาตามตำรานะครับ เพราะการปฏิบัติกับคนอ่านตำรา มันเห็นไม่เหมือนปฏิบัติเองครับ ขอบคุณครับ

 

เห็นได้แค่ตอนนั่ง ทำเป็น คาบเวลา เห็นไม่จริงหรอก

ถึงจะเห็นจริง เขาจะถือว่า มันยังหลอก เพราะ ออกจาก คาบการปฏิบัติ
มันไม่เห็น มันอันตรธานหายไป

สภาวะ ลมหายใจหายไป ของอานาปานสติ จะหายไปได้ตลอดเวลา
แม้น ยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม ทำ พูด คิด ประชุม ขับรถ รบ ฯลฯ


ส่วน ลมหายชนิดขี้ครอก ขี้ทูตกุดถัง สมาธินอกศาสนา อันนั้น ว่ากันไป
คนเขาสรรเสริญ ในแง่ที่ว่า ดีกว่าไป จ้องจับเป็ด

 

คุณเอกวีร์มาตอบอีกแล้ว ขอบคุณครับ 5555

 

ถ้า สนใจ วิธีผ่าน เพราะ กำหนดรู้ว่า นั่นไม่ใช่ทาง

ก็ นั่นไง ปัญญาอันยิ่งเอง ยกอยู่ ก็อนุโลม ตามปัญญาไปเลย จิฮับ

กำหนดรู้ไปตรงๆ นั่นแหละว่า " นั่นไม่ใช่ทาง "

เสร็จแล้ว ทำอย่างไร ก็ปฏิบัตอย่างเดิม ซ้ำๆ ทำให้มากๆ พร้อม
ทั้งกำหนดรู้ว่า " ไม่ใช่ทาง "

ธรรมย่อมทนต่อการพิสูจน์ ธรรมย่อมเปิดเผยแน่ๆหากยังเพียร !!!

 

พอเข้าใจ จะไม่เลือก นะฮับว่า

ปฏิบัติเป็นคาบ หรือ ปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้

เพราะ ทั้งสอง มันก็แค่ ปฏิปทา เท่านั้น แล้วมันใช้ได้หมด
อย่าเลือก อย่างเร่ง อย่าผ่อน ทำให้สมำเสมอ ทั้งสองอย่าง


แล้วค่อยว่ากันต่อว่า จะยก สัมมาสมาธิ ได้หรือไม่ได้

 

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง

อานาปานสติ ส่วนมากที่ หาพบได้จาก ปัจจุบัน จะเป็น สมาธิฤาษี นอกศาสนา

อานาปานสติ ของ พุทธศาสนา จะเป็น สมาธิที่ปราศจากสมุทัย ตั้งแต่ เริ่ม
ต้น คือ จิตสงัดจากราคะ จึงเป็นจิตที่เคล้าเคลียร หรือ เป็นจิตที่เป็นเหตุให้
เกิด ปฐมฌาณ

อานาปานสติ ของ ฤาษี จะหมายๆ ปฐมฌาณ แล้วก็ งุดหัว งุดอุโมง เจาะช่องว่าง
ทำสภาวะให้มันเกิด แล้วส่งจิตออกไปจมดิ่งกับสิ่งนั้น [ กลับออกมา งง ทำได้แล้วโว้ย แต่ แล้วไงต่อ ... ]

ซึ่งเกิดไหม มันก็เกิดเหมือนกัน แต่มันจะ เจือ สมุทัย ปฏิบัติเท่าไหร่ ก็ผิด

แต่ หากใช้ " ปัญญาอันยิ่ง " กำหนดรู้ลงไปว่า "ไม่ใช่" แล้ว ทำสมาธิฤาษี
ไปนั่นแหละ มันจะ อ้อมโลก อ้อมไปพรหมโลก อ้อมไปอรูปพรหมก่อน
แล้วจึง....อ้าว !! เห้ย ผิดทาง พอจำนน สมุทัยตัวที่เป็นเนื้อติดฟัน
มันอาจจะเผยตัวให้เห็น ดังนั้น มันก็พอทำได้ ไม่ใช่ทำไม่ได้

เพียงแต่ว่า หมั่นฟังธรรม ใช้ปัญญาอันยิ่ง พิจารณาเสียหน่อย

จิตปราศจากราคะสัญญา ไม่หมายจะเอาอะไร นั่นคือ จิต ที่เป็นเหตุ
ให้เกิด ปฐมฌาณ เรื่อยไปตามลำดับ พร้อมด้วย ธรรมเอก (แลอยู่)
ตามตำรา เป๊ะ เลย!!!

นั่นแหละ ของจริง

ส่วนที่ พวกปฏิบัติแล้วอ้างว่า ผลของตนจริง นั่น ธรรมสันตี !! เป็นส่วนใหญ่

 

ถ้ายังชอบ อานาปานสติ ไม่ใช่ กสิณครอบอานาปานสติ

ก็แนะนำ มหาสติปัฏฐาสูตร ( ซึ่ง จะนำด้วย อานาปานสติ บรรพะ )

ถ้า อ่านแล้ว พออนุโลม พอแยกแยะได้ว่า กสิณ กับ อานาปานสติ มัน
ต่างกันตรง เจือสมุทัย กับ ไม่เจือสมุทัยเพราะมีการงานซักฟอก
บางประการตั้งแต่เริ่มต้น

ก็ให้อ่าน สัญญา10 อีกบท เพื่อเน้นลงไปว่า อานาปานสติ เป็น กองสัญญา
ไม่ใช่กองกายสังขารเพ่งลม แต่เป็น การตามรู้สัญญาการระลึกได้ในอาการ
ของลมเกิดแล้วดับ(เห็นสัญญาเกิดดับ)

กำหนด อานาปานสติ ถูกหลักพระพุทธศาสนา ลมหายใจแรกที่ระลึกได้
ก็ ลมหายไปจากจิตเรียบร้อยแล้ว หายใจทางผิวหนังก็อาศัยระลึกพ้นไป
อีก ไม่หายใจเลยเดินไปร้อยก้าวยังได้เลย ถ้า สงัดจากกามสัญญา ยังแล
อยู่ ไม่ตกจากกรรมฐาน นี่ยังไม่ขึ้น ปฐมฌาณเลยนะ จิตยังไม่เป็น มหัคต เลย

อานาปานสติ หากยังไม่ถึง ปล่อยจิตด้วย อย่ารีบร้อน เห็นว่า อานาปานสติเต็มรอบ

 

พี่ครับ ทำไงให้ร่างกาย หายไปอ่ะครับ

เวลาลมเราละเอียด

 

เป็นขั้นสูงของแบบอานาปานสติแล้วครับ เทียบโดยฌานก็เป็นฌาน4 ต่อต้นฌาน5
(อยู่กับสติกำหนดรู้ลมหาย ใจเข้าออก สักพักลมหายใจจะละเอียด แผ่วเบา จนดับสนิท ร่างกายไม่หายใจอีกต่อไปเป็นแบบนี้ได้ประมาณ 1-2 ชม) ตรงนี้เต็มฌาน4
(บางครั้งลอยเวิ้ง ว้าง กลางจักรวาลนิ่ง สงบ กว้างใหญ่ไพศาล) ตรงนี้ต้นฌาน5
ไปได้แค่นี้ก็ดีมากแล้วครับ

 

รวมจิต เป็นอารมภ์เดียว ที่ตรงนี้ ให้ได้ก่อน
ลมหายใจนั้นจับไม่ได้แล้ว คงไม่สามารถใช้ ลมหายใจรวมจิตได้

ใช้อย่างอื่น รวมจิต ตามที่ถนัด
แต่ถ้ายังรวมไม่ได้ ก็นั่งแบบนี้ ไปเรื่อยๆ แหละ

เมื่อวันนึง รวมจิตได้แล้ว ไม่ต้องรีบเผ่นไปไหน
ฝึกทรงฌาน ไปเรื่อยๆ เป็นปีๆ อย่างต่ำ 3 ปี
ไม่ต้องเคร่ง ไม่ต้องเร่งรีบ สม่ำเสมอ แบบนี้ ใช้ได้ แล้ว ... แค่นี้ ชีวิตก็เป็นสุขแล้ว พาครอบครัวเป็นสุขไปด้วย


พระสงฆ์บางท่าน ใช้เวลากับตรงนี้ ถึง 30-40 ปี ... ดังนั้น ไม่ต้องรีบร้อน

ท่านถามเรื่องฌาน4 นี้หลายครั้งหลายกระทู้ ถ้าท่านเจอคำตอบที่ ถูกต้อง ท่านผ่านสภาวะตรงนี้ไปนานแล้ว !!!
เคยกระซิบบอกแล้ว ว่า ประเด็นไม่ใช่ลมหายใจ!!! มันเป็นปิติในฌาน2 ...

ลอยเวิ้งว้าง เคว้งคว้าง นี่ ก็ปิติ อีก ในฌาน2 อีก!!! .. ที่ท่านเล่าอาการมาทั้งหมด ปิติ ในฌาน 2 ทั้งน้านนนน เลยยย

ถ้าไปบอกเป็นฌาน 5 6 7 8 9... ยิ่งไปกันใหญ่ .... สรุป ชาตินี้ไม่ต้องไปไหนกันแล้ว สำคัญ ฌาน2 เป็น ซุปเปอร์ฌาน กันอยู่ตรงนี้แหละ

 

เชยระเบิด ระเบ้อ

ท่าน บาซูซู เยซูซูคิดซะมาก คร้าบ ขออนุญาติกราบเรียนให้ท่านแซบว่า

เจ้าของกระทู้ เอาคำถาม ไปถาม พระป่า ท่านหนึ่ง

พระท่านนั้นเทศนาไปหลายจบ หลายวรรค หลายตอน เพื่อตะล่อม ฌ1 2 3 4 5 6 7 8 9
เน้นว่ากล่าวไปถึง 9 ซ้ายขวา อบรมให้จิตเข้าที่เข้าทาง [ ดังนั้น พวกบอกว่า 4 ต่อ 5 ควบครึ่งลูกบวก 10 นี่ ต้องตีลังกาแล้วหละ ]

พอจิตเข้าที่เข้าทาง ท่านสรุปเปรี้ยง ว่างเปล่า(จากมรรคผลนิพพาน) ไร้สาระ

เสร็จแล้ว แก้กรรมฐานให้ทำสมาธินี่แหละ แต่ ........

ดังนั้น ไอ้ที่มาแย๊บว่า ให้ทำไปเหอะ 30-40 ปี เนี่ยะ

ต้องวัดใจกันหน่อยหละว่า จะไปทางไหน NGO หรือ SaNGOb

 

ไอ้นี่ ก็ พวกชอบ จินตนาการ ไปเรื่อยเปื่อย พาคนลงเหว ไปกับมัน

ธรรม มีขั้นตอนของเขา เป็นไปตามวิถีจิต ของแต่ละบุคคล

ถ้าไม่ฉลาดในวาระจิตผู้อื่น ควรสงบเหงืิอกไว้ อย่าไปขยับมัน สร้างบาปให้ตนเองเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นทุกวันเลย

 

อดทนสู้หน่อย ฮับ ท่านเจ้าของกระทู้

จะไปทางไหน

จะกลับไป คว้าเอาทางเดิม อารมณ์เดิมๆ ที่ สำคัญว่าตนมี ตนได้

แล้ว มาโพสเพื่อให้ พวก มารหัวโขน มันเข้ามา
เย้ายวน ให้หิวอารมณ์พอใจในกาลก่อนๆ จะได้จับหมับ ทำตามๆกันไป

เลือกเอานะฮับ

 

อ่านดีๆ จิฮับ

ผมบอกว่า เจ้าของกระทู้ เขียนจดหมายไปถาม พระป่า แล้ว

พระท่าน เทศนาตอบแล้ว แล้วก็โพสคำตอบ ไว้ในเว็บ เรียบร้อย

" ว่างเปล่า " นี่เป็นชื่อ หัวข้อคำตอบ ที่เน้น หนักกว่านี้
เราไม่โพส เจ้าของกระทู้เขาก็รับทราบ แต่....

มันยังหิว มันยังโหย

ผมขัดหรือเปล่า อ่านดีๆ ก็ไม่ได้ขัด บอกให้ทำ ซ้ำๆ ขัดตรงไหน

เพียงแต่ ทั้งพระ และ ผม พยายาม ดึงรั้งไว้ ให้พิจารณา ด้วยปัญญาประกอบ

เอาปัญญาเข้าประกอบ ไม่ใช่ คิดเปรียบเทียบอย่างหิวอารมณ์พาไป

ทีนี้ คน NGO ไม่ฉลาดในธรรม อ้าง " รู้วาระจิตคนอื่น " แต่ดันใส่
เกือกพาไปเคารพ บาซูซู เยซูๆคิดซะมาก อ้างว่ารู้ นิพพาน ฮิวววววส์

 

อ้อ บอกก่อง

สำหรับ คนทำฌาณเป็นจริงๆ เขาจะให้ ต่อยอดจาก "....." บางอย่าง

ทีนี้เราจะแนะนำเฉพาะ คนที่มี สติแก่กล้า หาก สติอินทรีย์อ่อน เราจะ
ให้ตัดตรงไปทางอื่น

ดังนั้น พวกคิดเปรียบเทียบ จับอารมณ์ความคิดไปกระเดียด เราจะถีบเปรี้ยง
เลย ว่าว่างเปล่าจากมรรคผล ไร้สาระ ต่อให้บรรยาย ฌ8 ก็เถอะ

เราจะรู้เลยว่า พวกไหน พวกคิดเอา ด้นเด้าเดาเอา จาก ปิติ ดันให้มะงุม
มะงาหราต่อ ทั้งที่ จุดต่อยอดเขาจะ เน้นไปที่ "...." ตรงนั้น ให้เอามา
เล่นให้ชำนาญ แล้วมันจะ แน่น เป็นลำดับลำดา โดยไม่ต้องคิด แต่เห็น
มันเป็นไปตาม ปัจจัยการ โดยลำดับลำดา ตามอำนาจอารมณ์บัญญัติที่เขาอ้างว่าเขาใช้

 

อีกนัยหนึ่ง

คนที่เกิดมา พร้อมความชำนาญในฌาณ เขาจะไม่เกิดมา มะงุมมะงาหรา

หากเกิดมาแล้ว มามะงุมมะงาหรา ไม่รู้เหตุ ไม่รู้ผล ...ซึ่ง ฝึกมาไหม ก็
คงจะฝึกมา แสนอสงไขยกับอักหลายกัป แต่ มันยังไม่พอไง พอไม่พอ
มันพร่องด้วยความหิว ก็จะ คว้าโน้นคว้านี้ มาปะผุ อะไรแบบนี้ ต้องเบรคกันทางเทคนิค

ไม่พอแล้วไงต่อ .....

ก็มาทางตรงเถอะ อะไรทำนองนี้ แต่ถ้าจะไปทางเดิม จะอ้างว่าชำนาญ
ถูกแซะเข้าไป มันต้อง ระลึกได้ ว่าจะไปทางไหน

ดังนั้น เขาวัดกำลังใจ ฮับ ขาดตัวนี้ ไปไหนหันรีหันขวาง เที่ยวถาม
คนอื่น เสร็จ บาซูซู(ชื่อปีศาจในศาสนาบางศาสนา) หมดแหละ

 

กราบขออนุญาตครูบาอาจารย์และท่านผู้ทรงความรู้ครับ สมาธิเท่าที่เจ้าของกระทู้ว่ามาก็พอที่จะละสังโยชน์3ประการได้แล้วนะครับ มันก็น่าหลงไหลอยู่นะครับความสุขสงบที่ได้จากฌานสมาธิ ก่อนอื่นต้องทราบก่อนครับว่าทำไมตัวเองต้องทำสมาธิ ทำเพื่ออะไร จะเอาอะไรจากสมาธิ ง่ายๆหน่อยก็ย้อนกลับไปตีความหมายของคำว่า ศีล พิจารณาย้อนหน้าย้อนหลังจนไม่สงสัยในศีล เพราะศีลเป็นพื้นฐานของทุกอย่าง พิจารณาจนคิดว่าถ้าจะต้องทำผิดศีลขอตายดีกว่าเท่านี้ก็ใช้ได้ครับ ศีลดีสมาธิก็ดี นั่งไม่ต้องนานก็ได้ครับแค่รู้ลมเข้าออกเวลาที่เราไม่ได้นอนแค่นั้นพอครับที่กล่าวมานี้ผมทำมาแล้วได้ผลพอสมควรถ้าไม่ถูกจริตขออภัยด้วยครับ

 

ขอโอกาสนะครับ
1.ผ่อนลมหายใจให้เบาลงอีก
2.อย่า อยาก ให้กายหาย ทำใจให้เป็นกลางๆไว้ ทำไปเรื่อยๆ ถ้าจะถึง มันถึงเองแหละ