ด่วน..ปรอทกรอล้านนา

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย wasan112, 11 กุมภาพันธ์ 2016.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    ชื่อบัญชี นาย วสันต์ ปิงสอน เลขที่บัญชี 5130066332 ธนาคาร กรุงไทย สาขา ลอง โทร.0819517866


    ปรอทกรอล้านนา หรือ ทางเหนือเรียกกว่า "หน่วยบะป่อย"นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องรางล้านนาที่ถือได้ว่าเป็นยอดเครื่อง รางทรงค่าหายาก หนึ่งวัดจะมีอยู่ลูกเดียวคือฝังไว้ที่ใต้ฐานพระอุโบสถขนาดมีหลายขนาดทั้ง เล็กและใหญ่ ลูกเล็กมักจะเรียกกันว่า “ปรอทกรอตัวผู้ “ ลูกใหญ่มักจะเรียกกันว่า “ปรอทกรอตัวเมีย”

    วัตถุประสงค์ของการสร้าง ปรอทกรอของล้านนาในสมัยโบราณนั้นก็คือการสร้างขึ้นเพื่อใช้ป้องกันสิ่งชั่ว ร้ายและสิ่งอัปมงคลทั้งปวง รวมถึงโจรผู้ร้ายที่คิดจะมาโขมยของในวัดเมื่อมีโขมยหรือสิ่งผิดปกติเข้ามา ปรอทกรอก็จะส่งเสียงดังหรือ ที่เรียกกันว่า “ปรอทกรอวิ่ง”

    ภายในลูก ปรอทกรอนั้นว่ากันว่าเป็นของวิเศษกายสิทธิ์จำพวกเหล็กไหล หรือปรอทเรียก หรือ ปรอทสำเร็จ ที่พระอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมได้เอาเป็นส่วนผสมของลูกกลมเล็กๆด้านในปรอทกรอ โดยนำเอามาหุงและหล่อเป็นลูกปรอทกายสิทธิ์ ฉนั้นเวลาเขย่าปรอทกรอจะมีเสียงคล้ายมีกริ่งอยู่ข้างในปรอทกรอนั่นก็คือลูก กลมเล็กๆที่ว่านี่เอง

    สำหรับที่ค้นพบปรอทกรอนั้นส่วนมากจะพบในดินที่ เป็นเคยเป็นบริเวณวัดเก่า หรือ ที่คนทางเหนือล้านนาเรียกว่า วัดร้าง หรือ วัดห่าง นั่นเอง

    บ้างจะพบโดยบังเอิญจากการขุดพบหรือจากการขุดที่ถมที่ ในสถานที่เคยเป็นวัดร้างมาก่อน บางท่านก็ได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากปู่ย่าตายาย

    เคย มีคนผ่าดูข้างในปรากฏว่ามีความซับซ้อนมากคล้ายหวีที่ใช้หวีผม สับเข้าหากันเวลาเขย่า และมีลูกกลมๆเป็นของวิเศษอยู่ภายใน ประเภทเหล็กไหลเป็นลูกกลมที่มีหลายเลี่ยม เรื่องความหายาก วัดในสมัยก่อนจะมีฝังไว้ที่ใต้อุโบสถทุกวัดแต่หนึ่งวัดจะมีฝังไว้เพียงลูก เดียวเท่านั้น

    วิธีการใช้ : ใช้ห้อยคอหรือ พกพาติดตัว(ไม่ควรต่ำกว่าระดับเอว) ใส่พานบูชา หรือ บรรจุบนหัวเสาเรือน



    อา ณุภาพ : คนสมัยก่อนเชื่อกันว่าปรอทกรอจะนำความร่มเย็นเป็นสุขมาให้ และป้องกันสิ่งอัปมงคลทั้งปวง เตือนเมื่อมีภัย บูชาไว้เป็นสิริมงคลให้ลาภ และคุ้มกันบ้านเรือนและผู้อาศัย
    ปรอทกรอ ยอดเครื่องรางทนสิทธิ์ที่สุดยอด หนึ่งวัดฝังไว้ลูกเดียว ชิ้นนี้พบที่กรุวัดราชบูรณะ อยุธยา ถือได้ว่าเป็นกรุพระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสยาม บรรจุอยูในโถดินในสมัยนั้น "ปรอทกรอ" ของทนสิทธิ์ลี้ลับ อายูเกือบ 1000 ปี (ลูกนี้เป็นตัวเมียหายากมาก)เสียงดังไพรเราะมากและลูกใหญ่มากด้วย ส่วนมากจะพบเห็นแต่ตัวผู้ และลูกเล็กๆลูกนี้ผิวปรอทจะมีแร่นาคค่อนข้างมากผิวออกเป็นนาคครับ
    "ปรอทกรอ" เป็นของดีที่วัดหนึ่งวัดจะมีอยู่ลูกเดียวอยู่ในอุโบสถ ขนาดมีหลายขนาดตามวรรณะชนชั้นครับ
    วัตถุ ประสงค์ในการครอบครอง ก็เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายและสิ่ง อัปมงคลทั้งปวงคุณไสย ลมเพลมพัด ที่เข้ามา รวมทั้งโจรผู้ร้าย เมื่อเขามาปรอทก็จะส่งเสียงดังขึ้นมาเอง เพื่อเตือนภัยให้เราทราบถึงเหตุภัยนั้น
    ภายในลูกปรอทกรอนั้นว่ากันว่า เป็นของวิเศษที่พระเถระอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมได้บรรจุปราณอันนำไปสู่กสิณ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนของกลไกลี้ลับภายในและปิดปรอทกรอโดยการเล่นแร่แปล ธาตุ โดยนำเอามาหุงและหล่อเป็นลูกปรอทกรอ โดยวิทยาศาสตร์สมัยนี้ยังไม่สามารถพิสูทธิ์ได้ว่าโบราณนั้นทำปรอทกรอได้ อย่างไร "ปรอทกรอ" เป็นยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการทำสงครามสมัยโบราณ มีไว้ให้สำหรับผู้นำทับระดับแม่ทัพ และแม่ทัพจะมอบหมายให้นายกองเป็นผู้ใช้ เวลานอนจะเอาปรอทกรอวางไว้บนดินแล้วนอนเอาหูแนบปรอทกรอไว้ ข้าศึกขี่ม้าหรือช้างเข้ามาใกล้ ปรอทกรอจะสั่นได้ยินเสียง จะได้รู้ตัวก่อน ส่วนแม่ทัพนั้นก็จะมีไว้ที่หัวนอนเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายและสิ่งอัปมงคล ทั้งปวงคุณไสย ลมเพลมพัด ที่จะเข้ามาถึงตัว ให้รู้ล่วงหน้า
    คนสมัยก่อน ว่ากันว่าถ้าใครได้มีปรอทกรอเก็บไว้จะนำความร่มเย็นเป็นสุขมาให้ผู้ที่ครอบ ครอง และป้องกันสิ่งอัปมงคลทั้งปวง (เตือนเมื่อมีภัย)
    เรื่องความหายากนั้น "ปรอทกรอตัวเมียจะหายากสุดๆ) วัดในสมัยก่อนจะมีฝังไว้ที่ใต้อุโบสถหรือในอุโบสถ ทุกวัดแต่หนึ่งวัด มีลูกเดียวครับ

    เปิดให้บูชา 6999 บาทลูกนี้เป็นทองสำริดหาของแท้ยากมากครับ ลูกนี้ขนาด 3 ซม.

    DSCF8573.JPG DSCF8577.JPG

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2016
  2. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณพี่ suthamma ครับ
     
  3. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    พระยอดขุนพลกรุสันธาตุพะเยา

    พระยอดขุนพลพะเยา
    พระยอด ขุนพลพะเยา นับเป็นพระที่งดงามมาก ซึ่งสามารถถือได้ว่าเป็นพระเจ้าตนหลวงองค์จำลอง เฉกเช่นพระเนื้อชิน พระเนื้อดินพิมพ์พระชินราชใบเสมา กรุวัดพระพุทธชินราช หรือที่ชาวบ้านชาวเมืองนิยมเรียกว่า “วัดใหญ่” ตลอดจนกรุอื่นๆ ที่ฝากกรุ ที่จำลองมาจากองค์พระพุทธชินราชเช่นกัน

    สืบเนื่องจากน้ำท่วมองค์พระ เจ้าตนหลวง เมื่อ ปี พ.ศ.2516 ทำ ให้องค์พระเจ้าตนหลวงได้รับความเสียหายอย่างมาก องค์พระเจ้าตนหลวงเอียง ฐานและสะโพกด้านขวาองค์พระแตกร้าว แล้วในครั้งที่ทำการบูรณะ ใน ปี พ.ศ.2519 ชาวบ้าน เณร ได้ขนก้อนปูนองค์พระเจ้าตนหลวงที่แตกร้าวไปกองไว้ที่ด้านหลัง จึงได้พบพระยอดขุนพลไปประมาณ 20 องค์ จวบจนถึงปี พ.ศ.2535 ก็ได้มีการพบอีกครั้งหนึ่งโดยทหารและชาวบ้านที่ไปช่วยขนก้อนเศษปูนองค์พระ ที่ชำรุดไปไว้ที่ข้างกำแพงวัด ได้พระยอดขุนพลอีก 20 องค์ ทั้งสภาพที่สมบูรณ์และชำรุดเสียหายอีกบ้างจำนวนหนึ่ง ปัจจุบันนี้กองเศษปูนนี้ถูกทุบหาจนละเอียดหมดแล้ว จากการที่พบพระยอดขุนพลพะเยานั้น ได้พบหลายพิมพ์ และแต่ละพิมพ์ก็จะพบในกรุต่างๆ ทั่วพะเยาเช่นกัน แต่ครั้นเมื่อมีการนำพระพิมพ์เดียวกัน แต่ต่างกันที่กรุมาพิจารณาเทียบเคียงดูจะสังเกตเห็นความแตกต่างจากสภาพดิน กรุ เนื้อพระ ซึ่งมีผู้สันทัดกรณีมากมายได้พิจารณาวิเคราะห์ จนได้ข้อสันนิษฐานไว้ให้พิจารณากันว่า

    ในการที่สร้างองค์พระเจ้าตน หลวงนั้น น่าจะมีการชักชวนชาวบ้านชาวเมือง เจ้าสังเถรทั้งหลาย อุบาสก อุบาสิกาของวัดในเมืองพะเยาและเมืองบริวาร ให้นำดินของวัดตนมาช่วยสร้างองค์พระเจ้าตนหลวง โดยนำดินมาปั้นอิฐ และนำดินมากดพิมพ์พระยอดขุนพล หากเมื่อมาพิจารณากันแล้วในการสร้างองค์พระที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ก็น่าที่จะมีการคัดองค์พระยอดขุนพลที่สวยงาม ทั้งแบบพิมพ์และเนื้อดิน วิธีการนวดดิน ตลอดจนวิธีการเผา จะต้องเป็นช่างที่ชำนาญที่สุดในยุคสมัย ส่วนที่เหลือคงจัด มอบให้นำกลับไปที่ถิ่นฐานวัดของตัวเองหรือใส่พระเจดีย์พระธาตุต่อไป
    แม่ พิมพ์ที่ใช้กดพระยอดขุนพล มีการสร้างหลายแม่พิมพ์ ซึ่งมีลวดลายแตกต่างกัน เพื่อความรวดเร็วในการสร้างพระยอดขุนพลเพื่อนำไปใส่ในองค์พระเจ้าตนหลวงและ ฐานพระ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหมื่นๆ องค์ ซึ่งในหนังสือขอมลาวได้มีบันทึกไว้ ซึ่งนัยว่าน่าจะเกี่ยวข้องกันกับพระเจ้าตนหลวง คือมีชื่อว่า พระมหาพุทธพิมพ์ ซึ่งมีความหมายในตัวชื่อได้สองอย่าง พระพุทธพิมพ์ที่ยิ่งใหญ่ หรือ พระที่มีพระพิมพ์มากมาย

    จาก การกล่าวอ้างข้างต้น น่าจะมีส่วนใกล้เคียงหรือถูกต้องบ้างหากพิจารณากันด้วยหลักของเหตุและผล จากการที่ได้พบองค์พระยอดขุนพลในส่วนของกรุพระเจ้าตนหลวงนั้น การสร้างพระยอดขุนพลในยุคนั้นน่าที่จะสร้างพร้อมกับองค์พระเจ้าตนหลวง ด้วยใช้กรรมวิธีนำพระยอดขุนพลติดที่องค์พระเจ้าตนหลวงแล้วโบกปูนทับไว้ หรือหากคิกให้สนุกๆ เข้ายุคสมัยปัจจุบัน ยอดขุนพลพะเยาคงใช้ช่างหลวงฝีมือเยี่ยมสร้างและใส่ไว้ในองค์พระเรียบร้อย แล้ว ในวันที่เฉลิมฉลองมีผู้คนมากมายมาร่วม นำดินของแต่ละแห่งหนมา แล้วกดดินลงพิมพ์พระนำกลับท้องถิ่นตัวเอง เหมือนปัจจุบันไปวัดไหนๆ ก็มีของแจกกลับมาเหมือนกัน (คิดสนุกๆ นะ แต่ก็อาจมีมูลเหตุก็ได้ น่าพิสูจน์นะ) ทีนี้ลองมาพิจารณากันดูสิว่าพระยอดขุนพลพะเยาที่พบในแต่ละกรุนั้น มีข้อพอสังเกตุหรือข้อแตกต่างกันอย่างไร แต่ลักษณะต่างๆ นั้นคือจุดบ่งบอกธรรมชาติของแต่ละกรุเท่านั้น ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดบ้างก็ไม่ถือเป็นข้อยุติคงต้องหาและศึกษากันต่อๆ ไป

    กรุองค์พระเจ้าตนหลวง
    พระ คมชัด สวยงามประณีต เนื้อพระดินเผาจะละเอียด ผ่านการนวดเนื้อดิน จนดินดากที่นวดเดิมเป็นสองสี คือ สีแดงและสีขาว จะถูกนวดจนเป็นสีเดียวกัน เนื้อพระเป็นเนื้อแดงหรือเนื้อดำ ไม่มีเนื้อสองสี หรือ เนื้อผ่านดำ คราบกรุ จะเป็นปูนที่ใช้โบกเป็นเนื้อพระอย่างเดียว ไม่มีคราบดินเหมือนกรุอื่นๆ

    กรุสันธาตุ

    ส่วน ใหญ่การนวดเนื้อดินไม่มาก เนื้อจะเป็นสองสี สีแดงมีกระแสสีขาว หรือ เนื้อขาวมีกระแสสีแดง จะมีคราบกรุเป็นดินโคลนสีเทาอ่อน และมีราดำคลุมผิวพระ

    กรุสันต้นแหน

    · เนื้อพระสีขาวสะอาด เนื้อละเอียดแบบชามกระเบื้อง คราบกรุจะออกสีเหลืองปนเทาอ่อน

    กรุเวียงกาหลง

    · เนื้อดินจะเป็นสีขาวนวล ขาวอมเหลือง จะมีดินคราบกรุสีเทาเข้ม

    กรุเวียงห้าว

    ส่วนใหญ่เนื้อดินผ่านดำ คือ เป็นเนื้อแดง แต่มีรอยผ่านดำเป็นแห่งๆ ส่วนมากจะเป็นด้านหลัง

    กรุเวียงลอ

    · เนื้อดินจะมีสีขาวนวล ขาวอมเหลือง คราบกรุจะออกสีเทาอ่อน อ่อนกว่าคราบกรุเวียงกาหลง

    พระ ยอดขุนพล พิมพ์เดียวกันต่างกรุที่พบ อาจมีลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อย การตัดขอบองค์พระ การกดเนื้อหนาบาง ผิวเปิดเนื้อพรุน การเผาเนื้อดิน พระมีหน้ามีตา หรือเส้นสังฆาฏิไม่เหมือนกันหรือตื้น พระยอดขุนพลพะเยาเป็นพระที่มีศิลปะงดงามเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง และถ้าจะเรียกให้ถูกให้ควร น่าที่จะเรียกว่า พระเจ้าตนหลวงปรกโพธิ์ พระเจ้าตนหลวงซุ้มเสมา พระเจ้าตนหลวงปรกโพธิ์มีนกปลา ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังนิยมเรียกกันดังเดิมอยู่ ซึ่งสามารถแยกออกได้หลายๆ พิมพ์ ซึ่งในแต่ละแบบพิมพ์นั้นก็นิยมหาสะสมโดยมีความประสงค์ที่แตกต่างกันไป พิมพ์ที่พบมากที่สุดตอนนี้คงต้องยกให้พิมพ์ปรกโพธิ์ รองมาเป็นพิมพ์หอกฉัตรนักสะสมรุ่นก่อนๆ ได้ให้ข้อคิดที่ดีไว้ว่า พิมพ์หอกฉัตร เป็นพระนักรบ พิมพ์ปรกโพธิ์เป็นพระร่มเย็น พิมพ์เสมาเป็นพิมพ์ข้าหลวงข้าราชการจะชื่นชอบ พิมพ์ซุ้มเถาวัลย์ ด้านเมตตา ค้าขายดี พิมพ์ปรกโพธิ์มีนกมีปลาให้ถือว่าร่มเย็นอุดมสมบูรณ์ ก็แล้วแต่ผู้นิยมจะเลือกสะสมกันอย่างไร ก็สุดความปรารถนาเถิด

    พระยอด ขุนพลพะเยา พิมพ์ปรกโพธิ์ นก-ปลา เป็น พระเนื้อดินละเอียด มีหลายสี มีลักษณะโดดเด่นแตกต่างจากพระที่อื่นๆ และน่าที่จะนับเป็นพิมพ์ที่สามารถอ่านถึงประวัติศาสตร์ได้ ถึงความอุดมสมบูรณ์ในยุคสมัยนั้น กรุที่พบพระมีที่กรุสันธาตุ กรุธาตุนกแซว กรุเวียงห้าว กรุเวียงลอ กรุเวียงกาหลง เป็นพะรเครื่องที่นิยมกันมาก ค่านิยมชมชอบเปลี่ยนมือเจ้าของก็ว่ากันที่หลายหมื่น ก็ขึ้นอยู่ตามสภาพความสวยงาม

    พระยอดขุนพลพะเยา พิมพ์หอก-ฉัตรพระ พิมพ์นี้เมื่อมีการนำเปรียบเทียบกับพระยอดขุนพลพิมพ์หอกฉัตรของกรุบ้านปิน จ.แพร่ และกรุต้นลำไย จ.เชียงใหม่ ของพะเยาจะมีขนาดโดยทั่วไปเล็กกว่า และพบส่วนสำคัญที่สุดที่พบของกรุพะเยาคือลายร่มฉัตรจะเป็นเม็ดจุด ปางนั่งสมาธิ ส่วนแหล่งอื่นจะเป็นปางมารวิชัย ลายร่มฉัตรเป็นก้านขีดเส้น ส่วนพระยอดขุนพลพะเยานั้น ยังได้พบว่ามีหลากหลายพิมพ์ คือ พิมพ์หอกซ้าย ด้ามฉัตรบั้งหรือด้ามฉัตรเรียบ มีฐานขีดหรือฐานก้างปลาเม็ดห้าจุดพิมพ์หอกขวา ด้ามฉัตรบั้งหรือด้ามฉัตรเรียบ มีฐานตาราง ฐานเตี้ยและฐานสำเภาสถาน ที่พบจะมีกรุพระเจ้าตนหลวง กรุสันธาตุ กรุบริเวณธาตุนกแซว กรุเวียงห้าว กรุเวียงลอ กรุสันต้นแหน ส่วนราคาเช่าบูชากันในหมู่นักนิยม ราคาสูงสุดต้องยกให้กรุองค์พระเจ้าตนหลวงสภาพสวยสมบูรณ์ก็ว่ากันหมื่นแก่จัด ทีเดียว รองมาก็เป็นกรุสันธาตุและอื่นๆ แล้วแต่สภาพ พระพิมพ์นี้ถือได้ว่าเป็นพิมพ์ที่นิยมสะสมกันมากที่สุดพิมพ์หนึ่ง

    เปิดให้บูชา 3999 บาทองค์นี้มีซ่อมเดิม

    DSCF8568.JPG DSCF8566.JPG

     
  4. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    พระซุ้มกอพะเยา

    พระซุ้มกอพะเยา ที่เรียกว่าพระผีผอมเป็นคำที่ติดปากจากชาวบ้าน ข้างๆริมกว๊าน ที่ขุดพบจากกรุกลางกว๊านพะเยาหรือ วัดติโลกอารามในปัจจุบัน ตอนที่ขุดพบองค์พระขึ้นมาพระมีองค์เล็กและพิมพ์ทรงคล้ายกับพระเจ้าตนหลวงคือ อกจะใหญ่เอ็วจะเล็ก ชาวบ้านที่ไม่รู้จักศิลปะเห็นเอวท่านเล็ก ก็เลยเรียกว่าพระผีผอมครับ องค์นี้สวยมากครับ เป็นพระที่หายากมากแทบจะเป็นพระในตำนานแล้วครับ ปัจจุบันแม้แต่ในพะเยาเอง ก็แทบจะหาของแท้ไม่มีเลยครับ

    เปิดราคา 1999 บาทมีซ่อมเดิมๆครับ
    DSCF8563.JPG DSCF8564.JPG

     
  5. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    พระชูชกหลวงพ่อสาครพิมพ์เล็ก

    พระชูชกหลวงพ่อสาครพิมพ์เล็ก
    เปิดให้บูชา 999 บาทมีผงพลายกุมาร

    DSCF8600.JPG DSCF8601.JPG


     
  6. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    พระขุนแผนไข่ผ่า หลวงพ่อนิด วัดทับมา ผสมผงพรายกุมาร (หลวงปู่ทิมปลุกเสก)

    หนึ่งเดียวใน 2000 องค์หลวงพ่อนิดจารมือ สังเกตุยันต์ด้านหลังตัวแรกบนสุดซ้ายมือเกิดจากการปั๊มหมึกไม่ได้จารมือ

    พระขุนแผนไข่ผ่า หลวงพ่อนิด วัดทับมา ผสมผงพรายกุมาร (หลวงปู่ทิมปลุกเสก)
    หลวงพ่อนิด วัดทับมา ท่านเป็นศิษย์น้องของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ครับ (พระอุปัชฌาย์เดียวกัน) ซึ่งท่านก็เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่ได้รับความเคารพจากคนในพื้นที่

    พระขุนแผนไข่ผ่าพิมพ์นี้คุณชินพร สุขสถิตย์ได้นำแม่พิมพ์เดิมที่ใช้สร้างพระขุนแผนไข่ผ่าเนื้อดำ มาถวายเป็นแม่พิมพ์ให้กับหลวงพ่อนิด และได้นำผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม มาผสมเป็นมวลสารหลักผสมผสานกับผงวิเศษต่าง ๆ ซึ่งสร้างเพียง 2,000 องค์และมีเนื้อขาวเท่านั้น และคุณชินพรได้ไปขอผงพรายกุมารมาจากหลวงปู่ทิม และเอามาสร้างพระขุนแผนพรายกุมารขึ้น ซึ่งหลวงพ่อนิด ได้นำพระชุดนี้มาแจกในงานแซยิด 84 ปีของท่านในปี 2517

    คนพื้นที่เล่าเรื่องพระชุดนี้ให้ฟังว่า เมื่อตอนที่กดพิมพ์พระครบ 2,000 องค์แล้ว คุณชินพรตั้งใจจะนำพระชุดนี้ไปให้หลวงปู่ทิม ปลุกเสกเป็นปฐมฤกษ์ (เอาฤกษ์ เอาชัย) พอไปกราบเรียนหลวงปู่ทิม ท่านก็ว่า ท่านนิดก็ทำได้เช่นกัน แต่พอคุณชินพรเรียนว่ามีผงพรายกุมารของท่านเป็นมวลสารหลัก หลวงปู่ทิมท่านจึงยอมปลุกเสกเป็นปฐมฤกษ์ให้ และหลวงปู่ทิมบอกว่า ใส่ผงเยอะมาก ไม่ต้องมากขนาดนี้ก็ได้ หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกให้นานถึง 7 วัน หลวงปู่ทิมปลุกเสกมาเต็มที่แล้ว จึงบอกให้เอาไปให้หลวงพ่อนิดปลุกเสกต่ออีก 1 พรรษา

    หลังจากที่หลวงปู่ทิม ปลุกเสกเป็นปฐมฤกษ์ให้เสร็จแล้ว คุณชินพร ได้นำพระชุดนี้ไปถวายให้ หลวงพ่อนิด ที่วัดทับมา พอหลวงพ่อนิดได้ท่านหยิบพระขึ้นมาหนึ่งองค์ แล้วพูดว่า ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ครบหมดแล้ว แต่ไม่เป็นไรจะเพิ่มโชคลาภให้ แต่ท่านก็ได้นำพระชุดนี้มาปลุกเสกต่ออีก 1 พรรษาเต็มๆ


    สรุปแล้วพระชุดนี้น่าจะถือได้ว่าเป็นขุนแผนของหลวงปู่ทิมก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะใส่ผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมแบบเข้มข้นแล้ว หลวงปู่ทิมท่านยังได้ปลุกเสกให้อีก 7 วันจนเสร็จสมบูรณ์ แต่พระชุดนี้ไปออกในนามหลวงพ่อนิด วัดทับมา และหลวงพ่อนิดท่านก็ปลุกเสกเพิ่มอีก 1 พรรษาก่อนนำออกแจกจ่าย แบบนี้แล้วพระชุดนี้ย่อมไม่มีอะไรต่างจากขุนแผนพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม

    โทรถาม หรือ pm มาครับ องค์นี้พิเศษหลวงพ่อนิดจารเองมีองค์เดียวที่มียันต์แบบนี้หายากมากๆ

    DSCF8604.JPG DSCF8603.JPG


     
  7. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    พระผงกระดูกผีวัดโพธิ์

    ปิดแล้วครับ

    พระปิดตาผงอัฐิ' 'พระอาจารย์หนู' วัดโพธิ์ท่าเตียน


    พระปิดตาเนื้อผงอัฐิ วัดโพธิ์ท่าเตียน เป็นพระเครื่องที่ผู้นำไปใช้บูชาติดตัวแล้ว ต่างมีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมามากมาย ในด้านประสบการณ์ต่างๆ พระรุ่นนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ครั้งสงครามอินโดจีน ช่วงปี ๒๔๘๐ กว่าๆ อันเป็นสงครามระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่มีอาณานิคมอยู่ในอินโดจีน

    ยุคนั้นทำให้เราได้รู้จักพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมขลังมากมาย รวมทั้งวัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างขึ้นมาเพื่อแจกให้ทหารที่ออกรบ
    พอเสร็จสงครามอินโดจีน ก็เข้าสู่ยุคของสงครามโลกครั้งที่ ๒ ช่วงนั้นก็มีพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่าน ได้สร้างวัตถุมงคลออกมาด้วย เนื่องจากประเทศไทยได้ทำสัญญาเป็นมิตรกับญี่ปุ่น อยู่กับฝ่ายอักษะ ประเทศไทยจึงมีทหารญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานทัพเต็มไปหมด ทำให้เราต้องทำสงครามกับฝ่ายพันธมิตรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้สถานที่สำคัญหลายแห่ง ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ และเป็นที่ตั้งของกองทัพญี่ปุ่น ถูกเครื่องบินของฝ่ายพันธมิตรทิ้งระเบิดระลอกแล้วระลอกเล่า
    การทิ้งระเบิดครั้งนั้น เป็นการทิ้งแบบปูพรม โดยที่เครื่องบินได้บินสูงๆ เมื่อทิ้งระเบิดลงมาจึงทำให้เกิดการพลาดเป้าหมาย ไปถูกบ้านเรือนของประชาชนเป็นประจำ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บพิการเป็นจำนวนมาก
    พระเกจิอาจารย์หลายท่าน จึงได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นมาแจกจ่ายแก่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และประชาชน ไว้ป้องกันอันตราย เป็นขวัญและกำลังใจ
    เมื่อราวปี ๒๔๘๕ พระอาจารย์หนู วัดโพธิ์ ท่าเตียน (หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลราม) เป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้สร้างพระเครื่องขึ้นมาในครั้งนั้นด้วย เป็นการสร้างโดยตัวท่านเอง แบบเงียบๆ ค่อยเป็นค่อยไป คือ พระปิดตาเนื้อผงอัฐิ
    พระอาจารย์หนู เป็นพระเกจิอาจารย์จาก จ.สุรินทร์ มีเชื้อสายเป็นชาวเขมร ท่านมีวิชาอาคมแก่กล้า และเชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์มาก แม้อายุจะไม่มากนัก แต่ความรู้ความสามารถทางคาถาอาคมมีสูง จนมีผู้คนเคารพนับถือกันอย่างกว้างขวาง
    ท่านชอบเลี้ยง ว่าน ไว้ที่กุฎิของท่านหลายชนิด นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้ทางแพทย์แผนโบราณ จึงมีชาวบ้านไปขอความอนุเคราะห์ให้ท่านรักษาโรคภัยไข้เจ็บอยู่เสมอ บ้างก็ไปขอวัตถุมงคล หรือให้ท่านรดน้ำมนต์
    เนื่องจากพระอาจารย์หนู มีความชำนาญในวิชาอาคม และไสยศาสตร์มาก การสร้างพระเครื่องของท่าน จึงทำแบบพิสดาร ผิดไปจากการสร้างพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ทั่วๆ ไป
    กล่าวคือ ท่านได้นำเอา อัฐิ หรือ ขี้เถ้ากระดูกของคนตาย มาสร้างเป็นองค์พระปิดตา ผสมกับผงพุทธคุณ, ผงอิทธิเจ และว่านอาถรรพ์ต่างๆ
    การที่ท่านนำเอาขี้เถ้ากระดูกของคนตายมาสร้างพระเครื่อง เป็นเหตุผลของตัวท่านเอง เนื่องจากขี้เถ้ากระดูกของคนตายนี้ ตามหลักของวิชาไสยศาสตร์ ถือว่าเป็นวัสดุอาถรรพณ์ชนิดหนึ่ง
    แต่การที่จะเอาขี้เถ้ากระดูกของคนตายมาสร้างวัตถุมงคล จะต้องเป็นคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้า ถึงจะทำได้ เพราะของแบบนี้ ย่อมมีแรงอาถรรพณ์อยู่ในตัว
    ขี้เถ้ากระดูกผี ที่พระอาจารย์หนูนำมาสร้างพระเครื่องนั้น ไม่ได้จำเพาะว่า จะต้องเป็นขี้เถ้ากระดูกของคนที่ตายโหง หรือตายวันเสาร์เผาวันอังคาร แต่ประการใด ขอให้เป็นขี้เถ้าของกระดูกคนที่ตายแบบไหนก็ใช้ได้
    สมัยนั้น ชาวบ้านนิยมเผาคนตายตามเชิงตะกอน ช่วงสงครามมีคนตายกันมาก ขี้เถ้ากระดูกของคนตายจึงสามารถหาได้ง่าย
    แต่ก่อนที่จะเอาขี้เถ้ากระดูกคนตายมาใช้สร้างพระเครื่อง ท่านจะทำพิธีพลีกรรมก่อนทุกครั้ง ตามวิชาที่ได้เรียนมา
    พระผงขี้เถ้ากระดูกคนตาย ที่พระอาจารย์หนูสร้างขึ้นนั้น ท่านได้เอา ว่านโพง มาบดให้ละเอียดผสมเข้าไปด้วย
    ว่านชนิดนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านกระสือ เชื่อกันว่า เป็นว่านที่มีอาถรรพ์ และมีอิทธิฤทธิ์มาก มักขึ้นอยู่ตามป่าลึก หากสัตว์พลัดหลงเข้าไปในบริเวณที่มีว่านชนิดนี้ขึ้นอยู่ อาจถูกว่านดูดเลือดกินจนตายก็ได้
    ว่านโพงหรือว่านกระสือนี้ อาจารย์ไสยศาสตร์ที่มีวิชาอาคมขลัง มักจะชอบเลี้ยงเพื่อไว้เฝ้าบ้าน การเลี้ยงว่านชนิดนี้ เลี้ยงยากกว่าว่านชนิดอื่นๆ
    อย่างไรก็ตาม แม้มวลสารที่พระอาจารย์หนูนำมาใช้ในการสร้างพระปิดตา ดูจะเฮี้ยนๆ น่ากลัว แต่ท่านได้ทำพิธีพลีกรรมถูกต้องตามตำราทุกประการ จึงทำให้ผู้ที่นำพระไปใช้ กลับได้รับคุณอย่างเดียว เรื่องโทษยังไม่เคยปรากฏ และผลที่ได้กลับแปลก คือ แรง และ เร็ว กว่าวัตถุมงคลชนิดอื่นๆ หลายเท่า
    พุทธคุณจะแรงและเร็ว คล้ายๆ กับเครื่องรางของขลัง ผู้นำมาใช้อธิษฐานขอสิ่งใด มักจะสมหวังเสมอ และหากสมหวังดั่งใจแล้ว ก็ควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าของเถ้ากระดูกนั้นด้วย
    สำหรับประสบการณ์ที่เล่าขานกันนั้น เป็นที่ประจักษ์แก่ทั้งทหารไทย และทหารญี่ปุ่น จนมีคำเรียกติดปากกันในยุคนั้นว่า ทหารผี เพราะมีคนเห็นว่า ทหารไทยโดนยิงจนล้มแล้ว กลับลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ ทั้งๆ ที่น่าจะตาย แต่ไม่ตาย เพราะหนังเหนียว ทรหดอดทนมาก
    พระปิดตาผงกระดูกผี นี้เมื่อบูชาแล้วจะเด่นมากในด้านความปลอดภัย ป้องกันภัยดี เวลาเดินทางไปไหน มาไหน ทั้งๆ ที่ไปคนเดียว แต่มีคนกลับมองเห็นว่า เหมือนมีคนเดินตามกันมาหลายคน
    บางคนนั่งรถไปธุระ พอลงจากรถ มักจะมีคนถามว่า...คนที่มาด้วยไปไหนแล้ว...อย่างนี้ก็มี ส่วนประสบการณ์ด้านอื่นๆ เช่น การเสี่ยงโชค นักเสี่ยงโชคมักจะมีความรู้สึกว่า มีคนคอยมาดลจิต ให้ได้รับโชคนั้นๆ แต่มีข้อแม้ว่า หากใครได้โชคมาพอประมาณแล้ว ก็ควรจะเลิก อย่าโลภมาก เพราะอาจจะหมดตัวก็ได้
    คนที่ชอบของแรงๆ พุทธคุณเด่นชัดเร็วๆ ต้องบูชาพระปิดตาสำนักนี้ รับรองว่า แขวนเดี่ยวจะปรากฏประสบการณ์อย่างชัดเจนมาก มีครบสูตร ไม่ว่าจะคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม
    ปัจจุบัน พระปิดตาผงกระดูกผี ของ พระอาจารย์หนู ที่เล่นหากันนั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่ตัวจริง ตัวจริงต้องกดพิมพ์ได้ลึกแบบที่เห็นนี้ ผิวพรรณ ความเก่า มวลสารเก่าเพียบ ดูเข้มขลัง นับเป็นพระปิดตาที่น่าสนใจพิมพ์หนึ่ง ราคาค่านิยมยังไม่แพงจนเกินไปนัก องค์นี้พระติดลึกเต็มๆ สภาพสวยแชมป์ระดับนี้ ปัจจุบันไม่ใช่จะหาได้ง่ายนัก


    เปิดให้บูชา 1999 บาทสวยหายากพิมพ์นี้


    DSCF8595.JPG DSCF8596.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2016
  8. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    ลูกอมผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม

    ลูกอมผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม

    เปิดให้บูชา 3999 บาทเลี่ยมเดิม
    DSCF8605.JPG DSCF8606.JPG




     
  9. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    ลูกอมอันดับหนึ่งแดนล้านนา ครูบาสิงห์แก้ว

    ปิดแล้ว


    "ลูกอมกันผีรุ่น 1 ครูบาสิงห์แก้ว แห่งวัดปากกอง อ.สารภี จ.เชียงใหม่"

    เนื้อคลุกรักเขียวครก(นิยม) เนื้อเดียวกับที่ใช้พอกตะปูเสกพอกผง ขนาดผ่าศูนย์กลาง 1.7 cm. ลูกอมรุ่นแรกเนื้อคลุกรักนี้จะมีเอกลักษณ์นอกจากเนื้อแล้วใต้ฐานจะแบนด้าน หนึ่ง (เพราะท่านปั้นแล้ววางบนกระดานไม้ขณะที่ลูกอมยังไม่แห้ง)

    ลูกอมที่ครูบาสิงห์แก้วสร้างขึ้นมานั้น ล้วนผิถีผิถันละเอียดอ่อนทุกขั้นตอน ท่านสร้างเอง ปั้นเอง เสกเดี่ยวและได้นำเข้าร่วมพิธีทุกครั้งที่ท่านได้รับนิมนต์ไปเข้าร่วมพิธี ปลุกเสกตามที่ต่างๆ ท่านจะเก็บไว้ในน้ำต้น

    พุทธคุณลูกอมกันผีของท่านครูบาสิงห์แก้ว หรือ ครูบาปากกอง ลูกอมของท่านล้วนมีประสบการณ์มากมายนักในเรื่องกันผี ไล่ผี และปราบผีฉมังนัก นอกจากนี้ยังครอบคลุมไปถึงเรื่องการป้องกันคุณไสย ใช้กันแก้คุณไสย และยังเมตตามหานิยมสูง ตลอดจนใช้ทำน้ำมนต์ดื่มกิน ประพรม ขับไล่สิ่งอัปมงคลต่างๆ ใช้ห้อยคอ พกติดตัว ติดบ้านเรือน หรือติดไว้กับรถ เวลาเดินทางไปไหนจะรู้สึกอุ่นใจ พุทธคุณนั้นต่างเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป

    คาถาที่ใช้กำกับลูกอมเพื่อทำน้ำมนต์ มีอยู่ว่า "ปะ ระ มัท ย๊ะ ทัด สะ นะ" ให้เน้นคำว่า"ย๊ะ" ดังๆ ผีได้ยินผีกลัว แล้วให้นึกถึงบารมีหลวงพ่อเป็นที่สุด

    :: ขอขอบคุณข้อมูล จาก ลุงหมอวิจารณ์ เมืองลือ ศิษย์เอกฆราวาส และ คุณหนึ่ง ธรรมสิริ ::
    :: และขอบคุณข้อมูล ในคอลัมม์เปิดตำนานเครื่องรางล้านนา ของพี่เชน เชียงใหม่ ณ ที่นี้ด้วยครับ ::


    เปิดให้บูชา 4999 บาทหายาก


    DSCF8339.JPG DSCF8340.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2016
  10. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    เหรียญพระพุทธชินราช หลังสมเด็จพระนเรศวร (จักรพรรดิ์ ปี 36)

    เหรียญพระพุทธชินราช หลังสมเด็จพระนเรศวร (จักรพรรดิ์ ปี 36)
    เหรียญพระพุทธชินราช หลังสมเด็จพระนเรศวร (จักรพรรดิ์ ปี 36)พิธีมหาพุทธาภิเษก 19 ตุลาคม 2536 ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดพิษณุโลก พิธีใหญ่น่าเก็บสะสมครับ

    เปิดให้บูชา 699 บาทกะไหล่ทอง
    DSCF8619.JPG DSCF8620.JPG


     
  11. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    เหรียญเจริญพรล่าง หลังยันต์เกราะเพชร หลวงปู่หงษ์

    ปิดแล้ว

    เหรียญเจริญพรล่าง หลังยันต์เกราะเพชร หลวงปู่หงส์

    หรียญเจริญพร ปี2556 เป็นพระที่สร้างปลุกเสกเป็นรุ่นสุดท้ายก่อนที่หลวงปู่หงษ์ท่านจะมรณะภาพ เหรียญเจริญพรนี้ถึงเป็นพระสร้างใหม่แต่ประสบการณ์ดีมากลูกศิษย์สายตรงหลายๆท่านต่างหาไว้บูชาติดตัว ตอนนี้ยังหากันได้ในราคาหลักร้อย รีบหาไว้บูชาติดตัวเถิดพระเครื่อง เครื่องรางของขลังที่หลวงปู่หงษ์สร้างขึ้นใครนำไปบูชาติดตัวล้วนแต่ประสบการณ์ดี เสริมดวงชะตาชีวิต หนุนดวงดียิ่งนัก บางท่านถึงกับรวยทรัพย์รับโชคกันหลักล้านมาแล้วครับ
    เปิดให้บูชา 799 บาท
    DSCF8616.JPG DSCF8618.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2016
  12. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    พระซุ้มกอพะเยากรุผีผอบ

    ประวัติ.jpg DSCF8615.JPG DSCF8614.JPG

    สนใจสอบถาม pm มาได้ครับองค์นี้สวยสมบูรณ์ระดับแชมป์
     
  13. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    ยันต์จารมือครูบาอินโตทำให้เฉพาะลูกศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้น

    ยันต์ได้ตกทอดมาเป็นของลูกศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้นที่ครูบาอินโตจะจารให้สร้างพร้อมเหรียญปี08
    ครูบาอินโตจารเองหายากมากที่ผ่านมายังไม่เคยเจอเลย


    พระครูภาวนาธิคุณ หรือหลวงพ่อครูบาอินโต คันธะวังโส
    นับเป็นพระเถราจารย์ที่ชาวพะเยาให้ความเคารพนับถือเป็นพิเศษ ดังจะเห็นได้จากการออกเหรียญรุ่นแรกที่สร้างเมือง ปี พ.ศ.2508 นั้น นับเป็นเหรียญที่มีการกล่าวเล่าลือถึงความขลังศักดิ์สิทธิ์และความเป็นสิรม งคลของผู้ได้ครอบครองบูชา กระทั่งมีความต้องการและแสวงหาของผู้คนทั่วไปอยู่ทุกวันนี้
    ประวัติวัดบุญยืน ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา
    วัดบุญยืน เดิมชื่อ วัดสร้อยคำ สร้างเมื่อ พ.ศ.2410 ปีมะแม จ.ศ.2649 ร.ศ.126 วัด สร้อยคำตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัดบุญยืนในปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันที่ดินของวัดสร้อยคำ ได้กลายเป็นที่ดินของชาวบ้านไปหมดแล้ว ต่อมาทางวัดบุญยืนโดยมีเจ้าอาวาสและคณะศรัทธา ได้พร้อมกันย้ายวัดมาตั้งอยู่ที่ใหม่เมื่อ ปี พ.ศ.2450 โดยเอาที่ดินของวัดสร้อยคำเดิมแลกเปลี่ยนกับที่ดินของ พ่ออุ้ยตื้อ เบิกบาน และเนื่องจากที่ดินของวัดยังคับแคบ ทางวัดจึงได้ขยายที่ดินให้กว้างออกไปโดยได้ซื้อที่ดินของชาวบ้านเพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 3 ไร่ 1 งาน โฉนดเลขที่ 91 เป็นจำนวนเงิน 7 แถบหรือรูปีย์(เงินแถบเป็นเงินที่ใช้สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1-2) และได้เปลี่ยนชื่อวัดจากวัดสร้อยคำ มาเป็น วัดศรีบุญยืน และได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็นวัดบุญยืน มาจนปัจจุบันนี้ วัดบุญยืน มีอาณาเขตที่ล้อมรอบด้วยทางสาธารณะประโยชน์ โดยภายในวัดมีอาคารและเสนาสนะ ประกอบด้วย อุโบสถ 1 หลัง วิหารพระพุทธชินราชจำลอง 1 หลัง ศาลาการเปรียญ 1 หลัง มณฑปที่ประดิษฐานรูปเหมือนครูบาอินโต 1 หลัง พระธาตุเจดีย์ 1 องค์ กุฏิสงฆ์ 6 หลัง จำนวน 17 ห้อง โรงครัว 1 ห้อง หอระฆัง 2 หลัง
    ทำเนียบลำดับเจ้าอาวาสวัดบุญยืน
    1. เจ้าอธิการอินตา พ.ศ.2459-2470 2.พระอธิการสาม พ.ศ.2472-2478 3.เจ้าอธิการคัมภีร์พ.ศ.2478-2492 4.เจ้าอธิการธัมชัย พ.ศ.2492-2496 5.พระครูภาวนาธิคุณ(ครูบาอินโต)พ.ศ.2498-2520 6.พระอธิการประเสริฐ พ.ศ.2522-2523 7.พระสมคิด พ.ศ.2525-2530 8.พระสุธี วรปัญโญ พ.ศ.2530-2536 9.พระอธิการจำรัส จันทะวังโส พ.ศ.2536-ปัจจุบัน พระครูภาวนาธิคุณ หลวงพ่อครูบาอินโต คันธะวังโส อดีตเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ได้ถือกำเนิดในตระกูล ยาเจริญ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2439 ตรงกับวันแรม 12 ค่ำ เดือน 3 ปีวอก เป็นบุตรคนที่ 3 ของคุณพ่อหนานตา คุณแม่บัวคำ ยาเจริญ แห่งบ้านต๊ำเหล่า ต.สันนกกก อ.พะเยา จ.เชียงราย เดิมชื่อบุญมี ยาเจริญ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาด้วยกัน 8 คน คือ 1.นางปั่น 2.นายโป้ 3.เด็กชายบุญมี(ครูบาอินโต) 4.นางแก้ว 5.นายวงศ์ ยาเจริญ 6.นางคำยวง 7.นายมูล ยาเจริญ 8.นางแสงหล้า สุวรรณ ครอบครัวของคุณพ่อหนานตา คุณแม่บัวคำ ยาเจริญ เป็นครอบครัวใหญ่มีพี่น้องอยู่ด้วยกันหลายคน ทุกๆ คนต่างอยู่ด้วยกันด้วยความรักใคร่ ปรองดองและผูกพัน นอกจากนี้ยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ญาติมิตรและเพื่อนบ้านอยู่เสมอครอบครัว ของคุณพ่อหนานตา จึงเป็นที่รักและนับถือของทุกคนในหมู่บ้าน ชีวิตเด็กชายบุญมี ยาเจริญ เป็นเด็กที่มีสัมมาคารวะอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่มีนิสัยเกเรก้าวร้าว ชอบทำบุญสุนทาน ไม่ชอบรังแกสัตว์ ว่านอนสอนง่าย มีน้ำใจต่อเพื่อนๆ จึงเป็นที่เอ็นดูรักใคร่ของผู้ใหญ่ มักติดตามคุณพ่อหนานตา คุณแม่บัวคำ ไปวัดทำบุญใส่บาตรอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เด็กชายบุญมี เป็นเด็กที่มีจิตใจอ่อนโยนเมื่อเด็กชายบุญมี ยาเจริญ มีอายุได้ 10 ปี ผู้เป็นบิดาจึงได้พาไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของพระอธิการอภิชัย ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส ได้เรียนหนังสือพื้นเมือง อักษรพื้นเมืองหรือตัวหนังสือเมือง จนคล่องแคล่วชำนาญ ในสมัยนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ การเรียนหนังสือจะต้องใช้ตะเกียงส่องสว่าง เด็กชายบุญมี มีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและอุปัฏฐากรับใช้เจ้าอาวาสด้วยความเต็มใจ ขยันหมั่นเพียรทำความสะอาดวัดวาอารามมินิ่งดูดาย เมื่อเด็กชายบุญมีมีอายุได้ 12 ปี ก็ได้รับการบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2451 และได้รับฉายาว่า “อินตะ หรือ อินโต” นับตั้งแต่บรรพชาเป็นสามเณร ก็ถูกเรียกว่าสามเณรอินโต ตั้งแต่นั้นมา สามเณรอินโต ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยแบบพื้นเมือง ทั้งท่องสูตรสวดมนต์เจ็ดตำนานและสิบสองตำนานอย่างคล่องแคล่ว ในบางครั้งก็ท่องจำโดยให้เจ้าอาวาสเขียนลงบนแผ่นกระดานใช้ดินสอพองเขียน อักษรอักขระการท่องสูตรมนต์ต่างๆ ต้องท่องกันเป็นกลุ่ม โดยใช้แสงไฟจากตะเกียงและแสงเทียน สามเณรอินโตมีความจำแม่นยำดี มีปัญญาฉลาดไหวพริบดี โดยเฉพาะมีความสนใจในการเทศน์มหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์ต่างๆ เช่น กัณฑ์ชูชก กัณฑ์มหาราช ซึ่งการเทศน์ทั้งสองกัณฑ์หาผู้เทศน์เสมอท่านยาก ด้วยท่านนี้มีน้ำเสียงกังวานไพเราะและท่วงทำนองที่สนุกสนาน ท่านจึงเป็นที่ชื่นชอบของคณะศรัทธาเพราะในสมัยก่อนนิยมการฟังเทศน์มหาชาติ อย่างมาก เมื่อสามเณรอินโต มีอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดต๊ำเหล่า ต.ต๊ำ อ.พะเยา จ.เชียงราย โดยมีพระอภิวงศ์ อภิวังโส วัดต๋อมใต้เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการปัญโญ วัดต๊ำม่อน เป็นพระกรรมวาจารย์ พระชัยลังกา วัดต๋อมดง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2459 เวลา 11.00 น. ได้รับฉายาว่า คันธะวังโส พระอินโต คันธะวังโส ภิกษุหนุ่มที่มีความสนใจและใส่ใจต่อการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะเบื้องต้นท่านมิได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทย รู้แต่หนังสือพื้นเมืองอย่างเดียว จึงต้องการที่จะเรียนหนังสือไทย ปี พ.ศ.2460 พระอินโต ได้ไปศึกษาเล่าเรียนหนังสอไทยที่วัดศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.ลำปาง กระทั่งพอมีความรู้อ่านออกเขียนได้ ปี พ.ศ.2461 ท่านได้ไปศึกษาต่อที่เชียงใหม่ โดยไปจำพรรษาที่วัดป่าป่อง จ.เชียงใหม่ นานถึง 8 พรรษา จนมีความรู้ทางภาษาไทยดีและสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2468 เรียน จบการศึกษาแล้ว ได้กลับมาอยู่ภูมิลำเนาเดิม โดยได้เป็นเจ้าอาวาสวัดต๊ำเหล่า พอดีตำแหน่งเจ้าคณะหมวดต๊ำว่างลง ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะหมวด(เจ้าคณะตำบล) ในปีนั้น ปี พ.ศ.2475 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ควบคุมการบวชบรรพชาอุปสมบท 3 ตำบล คือ ตำบลต๊ำ ตำบลใหม่ ตำบลแม่ปีม เพราะพระอุปัชฌาย์มีน้อย จึงแบ่งงานให้อุปัชฌาย์ควบคุมการบรรพชาเป็นสายๆ ปี พ.ศ.2481 ท่าน ได้ย้ายมาพำนักอยู่วัดบุญยืนครั้งคราว เพราะสะดวกใกล้ชิดกับพุทธศาสนิกชนผู้มาติดต่อการปกครองของคณะสงฆ์อำเภอพะเยา มีความผันแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดจากพระครูโสภิตจริยากร เจ้าคณะอำเภอพะเยาได้ลาสิกขาบท พระอธิการชื่น วัดราชคฤห์รักษาการหน้าที่แทนในฐานะผู้ใกล้ชิด แต่มิได้เป็นพระคณาธิการแต่อย่างใด เพราะพระป้อม(บุญเลิศ)พระคณาธิการ วัดศรีอุโมงค์คำเป็นเจ้าคณะหมวด พระครูสุทธิสารเวที เจ้าคณะจังหวัดเชียงรายไม่มีความเต็มใจที่จะแต่งตั้งท่านทั้งสอง มาทำหน้าที่เป็นเจ้าคณะอำเภอพะเยาคนใหม่เพราะคุณสมบัติไม่สมบูรณ์ แต่เจ้าคณะจังหวัดเชียงรายมีความต้องการที่จะแต่งตั้งท่านพระครูพินิตธรรม ประภาส(สว่าง โพธิ์ย้อย) ครูสอนพระปริยัติธรรมที่ย้ายมาจากอำเภอป่าซาง จ.ลำพูน เป็นเจ้าคณะอำเภอพะเยาแต่เมื่อขอมติจากทางคณะสงฆ์อำเภอพะเยา ก็ไม่เห็นชอบด้วย จึงเกิดความสับสนวุ่นวาย ขณะนั้นทางคณะสงฆ์ก็มีมติพ้องตรงกันว่า ครูบาอินโต คันธะวังโส ที่มีคุณสมบัติครบสมบูรณ์เป็นพระผู้ใหญ่เป็นที่รู้จักและศรัทธาเลื่อมใสของ ประชาชน จึงได้เสนอครูบาอินโต เป็นเจ้าคณะอำเภอพะเยา ตัวท่านเองก็ไม่อยากที่จะรับตำแหน่งนี้ แต่ถูกคณะสงฆ์ข้อร้องและมีมติแต่งตั้งเป็นเอกฉันท์ จึงจำต้องรับภาระตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพะเยาแต่โดยดีในปี พ.ศ.2483 ท่าน ได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ ณ วัดบุญยืนเป็นต้นมาจนกระทั่งมรณภาพ ขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพะเยาอยู่นั้น ท่านได้เป็นกำลังสำคัญของคณะสงฆ์อย่างดี เป็นที่เคารพเลื่อมใสของพระภิกษุสามเณร พ่อค้า ข้าราชการ และประชาชนทั่วไป ด้วยท่านมีความโอบอ้อมอารีย์เผื่อแผ่ยิ่งนักครูบาอินโต คันธวังโส ดำรงค์ตำแหน่งหน้าที่เจ้าคณะอำเภอพะเยาได้ไม่นานก็ลาออก เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2493 ต่อ มาเจ้าคณะตำบลเวียงว่างลง แต่หาภิกษุที่สมควรเหมาะสมกับตำแหน่งไม่ได้ คณะสงฆ์อำเภอพะเยาจึงมีมติเลือกท่านให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเวียงอีกครั้ง ท่านถึงกับกล่าวว่า “เฮ้อ...เฮานี้เตเฮือนแล้วมาแป๋งตูบ” คือท่านเคยได้รับตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอมาแล้ว กลับมาได้รับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลอีก เท่ากับรื้อตึกมาปลูกเป็นกระต๊อบ คิดแล้วน่าสงสารท่าน แต่ตัวท่านเองก็ไม่ยินดียินร้ายอะไร กลับอนุโมทนารับภาระไว้ท่านได้ส่งเสริมการศึกษาให้แก่พระภิกษุสามเณร ลูกศิษย์ให้ได้รับการศึกษาทางนักธรรมบาลี จนกระทั่งลูกศิษย์หลายหลายคนสอบได้ถึงเปรียญ และส่งเสริมการศึกษาฝ่ายสามัญ จนได้รับตำแหน่งหน้าที่ทางราชการก็มากมาย นับว่าท่านได้ส่งเสริมความรู้ทุกด้านแก่ลูกศิษย์เป็นอย่างดีครูบาอินโต คันธวังโส ท่านยังเป็นนักปฏิบัติ ท่านเคยเดินธุดงค์รูปเดียวถึงประเทศพม่า ถึงเมืองย่างกุ้ง ทางทิศเหนือจรดถึงรัฐเชียงตุง เลยไปถึงประเทศลาว กัมพูชา ท่านเดินธุดงค์มาหมด ด้านพุทธเวทย์ ท่านมีคาถาอาคมต่างๆ นับว่าท่านก็เอกอุทีเดียว สามารถท่องมนตราต่างๆ ได้ทั้งเล่ม ทั้งจากปั๊บสาและคัมภีร์ใบลาน ทั้งยังได้ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยยาสมุนไพรให้กับญาติโยมที่มาขอรับ รักษา และได้สร้างเหรียญยันต์ของท่านให้ลูกศิษย์ลูกหาได้สักการบูชา นำรายได้ไปสร้างสาธารณะประโยชน์มากมาย คาถาอาคมของท่านนับว่าศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนถึงบารมีในตัวท่าน ได้ปกปักรักษาคุ้มครองลูกศิษย์ให้อยู่รอดปลอดภัย เจริญด้วยเมตตายิ่งนัก อีกทั้งยังสามารถป้องกันอุบัติภัยภยันตรายต่างๆ รวมทั้งภูตผีปีศาจร้ายได้อย่างดี วันหนึ่งๆ จะมีสาธุชนหลั่งไหลไปกราบขอพึ่งบารมีท่านมากมายมิได้ขาด ซึ่งท่านก็เต็มใจให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง แม้บางครั้งท่านอาพาธก็ไม่เคยบ่นต่อว่าลูกศิษย์ที่มากราบขอความเมตตาจากท่าน เสนาสนะที่ครูบาอินโตสร้างในพุทธศาสนา ท่านได้ช่วยพัฒนาสร้างพระธาตุขึ้นที่วัดต๊ำเหล่า วัดเดิมที่ท่านได้บวชอุปสมบทที่นั่น เพื่อเป็นที่เคารพสักการบูชาของศรัทธา เป็นพระธาตุแก้ววิเศษที่พ่อหนานเต็ม ใจลา ได้มาจากลูกแตงโมซึ่งไม่เน่าเปื่อย จึงได้นำมาให้ครูบาอินโตดูท่านจึงผ่าแตงโมออก ก็พบพระธาตุแก้ววิเศษอยู่ข้างในเป็นเหตุอัศจรรย์ยิ่งนัก พ่อหนานเต็ม ใจลา จึงได้มอบพระธาตุแก้ววิเศษถวายครูบาอินโต กระทั่งครูบาอินโตได้ทำการก่อสร้างพระธาตุขึ้น จึงได้นำพระธาตุแก้ววิเศษบรรจุไว้ พร้อมทั้งวัตถุมงคลและแก้วแหวนเงินทองต่างๆ ต่อมาทางวัดต๊ำเหล่าได้จัดให้มีพิธีสรงน้ำพระธาตุทุกปี ในเดือน 7 เป็ง ตั้งแต่นั้นมา นอก จากนี้ ครูบาอินโต ยังได้สร้างหอธรรมเพื่อเก็บรวบรวมคัมภีร์ปั๊บสาและใบลานไว้ ยามท่านมาวัดต๊ำเหล่า ก็จะพักที่หอธรรมนี้เสมอ สร้างกุฎิสงฆ์ขนาดใหญ่ ไว้ให้พระภิกษุสามเณรได้อยู่อาศัยและเป็นที่รับรองสาธุชนที่มาทำบุญ ได้ผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตประจำโบสถ์วัดต๊ำเหล่า ท่านได้จัดงานใหญ่ 3 วัน 3 คืน มีพุทธศาสนิกชนมาร่วมพิธีมากมาย ท่านเองได้นั่งหนักตลอดงานพร้อมทั้งอาราธนาอัญเชิญพระพุทธรูปสิงห์หนึ่ง สิงห์สอง สิงห์สาม มาจากน้ำอิง ต่อมาได้อาราธนาพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ นี้ ไปประดิษฐานที่วัดต๊ำนกกก วัดต๊ำป่าลาน และวัดต๊ำเหล่า และได้สร้างศาลาการเปรียญวัดต๊ำเหล่า สร้างพระธาตุโป่งขาม สร้างโรงเรียนบ้านต๊ำเหล่า สร้างพระธาตุวัดป่าแดงบุนนาค บริจาคพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง 9 นิ้ว ให้แก่โรงเรียนพะเยาพิทยาคม และได้ร่วมกับนายจันทร์ ยาดี สร้างวัดกาดถี ซ่อมแซมพระประธานวัดปันเจิง สร้างกำแพงวัดต๊ำเหล่า สร้างเสนาสนะในวัดบุญยืน สร้างศาลาบาตรวัดต๊ำเหล่า ช่วยบูรณะวัดร่องไผ่ วัดต๊ำดอนมูล วัดต๊ำน้ำล้อม วัดต๊ำนกกก วัดต๊ำป่าลาน วัดต๊ำพระแล วัดทุ่มท่า วัดห้วยเคียน วัดโป่งขามและตัดถนนจากป่าช้าไปถึงวัดป่าแดงบุนนาค สร้างถนนบ้านห้วยเคียนมาบ้านต๊ำนกกก โดยท่านนั่งหนักเป็นประธานก่อสร้างจนแล้วเสร็จครูบาอินโต ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์ชั้นสัญญาบัตรที่ พระครูภาวนาธิคุณ เมื่อ ปี พ.ศ.2516 ยัง ความปลาบปลื้มให้แก่ลูกศิษย์ลูกหาและสาธุชนเป็นอันมาก ต่อมาท่านเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะเรื่อยมา มีโรคประจำตัวหลายโรคแต่ที่มีอาการหนักมากคือ โรครูมาติซั่ม คือมีอาการปวดบวมตามข้อมือข้อเท้าและมีอาการมึนเมาเวียนศีรษะ ทั้งนี้แพทย์วินิจฉัยโรคมาว่า ท่านเป็นโรคตกเลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้ เนื่องจากฉันยาแก้ปวดข้อติดต่อกันมานาน อีกทั้งยังปวดหลัง ปวดเอวและปวดเมื่อยตามข้อต่างๆ รวมทั้งโรคแทรกซ้อนอีกมาก ประกอบกับตัวท่านเองก็ชราภาพมากแล้ว ลูกศิษย์ได้นำท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพะเยา-เชียงรายประชานุเคราะห์ แต่อาการป่วยของท่านเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ ก่อนที่ท่านจะมรณภาพด้วยอาการสงบ ณ วัดบุญยืน เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2520 เวลา 06.45 น. ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของคณาญาติ ศิษยานุศิษย์ กรรมการศรัทธา สิริรวมอายุได้ 82 ปี พรรษาที่ 62 สรีระ ร่างกายของท่านได้บรรจุอยู่บนปราสาทนกหัสดีลิงค์ ที่ประดับตกแต่งอย่างประณีตวิจิตรบรรจงงดงาม สมกับเป็นมหาเถระผู้ยังประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนา เพื่อรับพระราชทานเพลิงศพ ณ ข่วงลานหน้าวัดพระเจ้าตนหลวงอย่างสมเกียรติ เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2521 ครูบาอินโต คันธะวังโส ล่วงลับดับขันธ์ เหลือแต่คุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ไพศาลของท่าน ที่จารึกอยู่ในใจของศรัทธาญาติโยม ยากที่จะลืมเลือนได้ พระมหาเถระนักพัฒนาผู้มีศีลาจารวัตรงดงาม ค้ำจุนผดุงศาสนา พุทธบุตรของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง นาม “ครูบาอินโต คันธะวังโส” ท่านพระ ครูภาวนาธิคุณ ได้ทำนุบำรุงสถานที่ต่างๆ มากมาย กระทั่งสถานที่ศึกษาเล่าเรียนแล้ว ท่านยังจัดสร้างวัตถุมงคลและพระเครื่องพระบูชา เหรียญบูชา รูปหล่อ พระผง พระยอดขุนพล พระรอด ตะกรุด ผ้ายันต์ ฯลฯ และวัตถุมงคลของท่านล้วนแล้วมีประสบการณ์สูงแทบทั้งสิ้น เด่นด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรีเป็นที่นิยมของชาวเมืองเหนือและพุทธศาสนิกชนมากมาย ผู้ที่คอบครองมักจะหวงแหนไม่ค่อยออกมาให้ชมให้เห็นกันเท่าไรนัก

    หมายเหตุ
    เหรียญ รุ่นแรก ปี ๒๕๐๘ มีการสร้างขึ้นมาหลายบล็อก ครูบาอินโต ได้ปลูกเสกพร้อมกันทั้งหมดในมณฑลพิธีเดียวกัน ส่วนเหรียญบล็อกสามขีดมีมาก จึงตกค้างที่วัดเป็นเวลานานหลายปี ครูบาอินโต ท่านจึงเมตตาปลูกเสกให้ตลอดจนเหรียญหมดไปจากวัด ถือว่าเหรียญสามขีดปลุกเสกนานที่สุด นอกจากเหรียญข้างต้นแล้วครูบาอินโต ท่านยังสร้างวัตถุมงคลอื่นๆ ไว้ตลอด พระผงครูบาอินโตโพธิ์พันต้น พิมพ์เล็บมือ เนื้อขาว และเนื้อดำ พระผงเกศาครูบาอินโต พิมพ์สี่เหลี่ยม หลังยันต์ เนื้อขาว และเนื้อดำ พระยอดขุนพลครูบาอินโต หลังยันต์ เนื้อดินผสมว่าน ๑๐๘ มีหลายพิมพ์ หลายสี พระรอดครูบาอินโต เนื้อดิน พระคงครูบาอินโต เนื้อดิน ตะกรุด, ผ้ายันต์วัตถุมงคลของท่านแต่ละรุ่นสร้างไม่มาก หายาก เกือบทุกรุ่น แต่ละรุ่นล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้น มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมา ใครมีไว้บูชามีแต่โชคดี ชีวิตเจริญรุ่งเรือง ทรัพย์สินเพิ่มพูนมากมาย แคล้วคลาดจากอุบัติภัยทั้งหลาย อธิฐาน ขอสิ่งใด ได้สมดั่งใจปรารถนา สมควรมีไว้บูชา
    ขอขอบคุณร้าน พยาวพระเครื่อง http://www.phayaoamulet.com/ ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล


    เปิดให้บูชา 2999 บาทเชื่อว่ามีชิ้นเดียวแค่ตะกรุดก็มีประสบการณ์มากมายและราคาก็แรงครับ


    DSCF8622.JPG DSCF8623.JPG
     
  14. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    เหรียญไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น

    เหรียญไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น

    เปิดให้บูชา 499 บาท
    DSCF8656.JPG DSCF8657.JPG

     
  15. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    พระรูปเหมือนหลวงพ่อแดง

    พระรูปเหมือนหลวงพ่อแดง วัดห้วยฉลองราษฏร์ จ.อุตรดิตถ์. พระผงรูปเหมือนนี้หลวงพ่อจัดสร้างจากผงพญาไก่แก้ว หลวงพ่อบอกว่าเด่นด้านโชคลาภ วาสนาบารมียิ่งนัก
    หลวงปู่แดง ดวงเศรษฐี วัดห้วยฉลองราษฎร์บำรุง
    เจ้าตำรับวิชา 'พญาไก่แก้ว' ดัก เงินดักทอง หลวงปู่แดง ดวงเศรษฐี หรือ หลวงปู่แดง สิริภทฺโท แห่งวัดห้วยฉลองราษฎร์บำรุง หมู่ที่ 2 บ้านห้วยฉลอง ต.ถ้ำฉลอง อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองอุตรดิตถ์ เป็นศิษย์เอกของ หลวงพ่อไซร์ วัดช่องลม ซึ่งในหมู่พระเกจิอาจารย์ด้วยกันยกย่องท่านว่า เป็นผู้มีวิชาอาคมแกร่งกล้า ทั้งด้านไสยเวทที่ใช้ร่วมกับสมุนไพร ด้านแคล้วคลาด ด้านเมตตามหานิยมดูดวง ผูกดวง


    ประวัติหลวงปู่แดง สิริภัทโท วัดห้วยฉลองราษฎร์บำรุง

    ท่าน เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2459 ปีมะโรง ที่บ้านนาตารอด ต.หาดงิ้ว อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายพลอยและนางบาง เพ็ชรสวัสดิ์ เป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวนพี่น้อง 7 คน ช่วงอายุได้ 12 ขวบ บิดา-มารดาได้พาไปบวชเณรกับหลวงพ่อฮวบ เจ้าอาวาสวัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน ช่วงที่บวชเณรอยู่นั้น ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและศึกษาตำราเรียนสมุนไพรจากใบลาน พร้อมทั้งศึกษาคาถาบาลี เลขยันต์จากหลวงพ่อฮวบ เป็นเวลา 4 ปี ก็ได้สึกออกมาช่วยเหลือพ่อแม่ทำงาน

    กระทั่ง อายุครบ 20 ปี จึงได้อุปสมบท โดยมีหลวงพ่อไซร์ ติสฺสโร เจ้าอาวาสวัดช่องลม (วัดหนองเหี้ย) ต.แสนตอ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เป็นพระครูอุปัชฌาย์ จากนั้นได้ศึกษาวิชาไสยเวท วิชาอาคมด้านแคล้วคลาด ผูกดวง ดูดวง พร้อมทั้งเรียนภาษาบาลีและตำรายาสมุนไพรเพิ่มเติมอย่างตั้งใจจนสำเร็จ และเรียนจนกระทั่งจบนักธรรมตรี บวชเรียนอยู่ได้นานเกือบ 8 ปี จึงสึกออกมาและมีครอบครัว รวมระยะเวลาที่เล่าเรียนอยู่กับหลวงพ่อฮวบและหลวงพ่อไซร์นานถึง 13 ปี

    เมื่อ มีครอบครัวแล้วก็ได้นำวิชาที่เล่าเรียนมาประกอบอาชีพเป็นหมอสมุนไพร รักษาโรคทั่วไปและโรคร้ายให้กับชาวบ้าน โดยเฉพาะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ ที่ใครเป็นแล้วมักจะรักษาไม่หาย แต่เมื่อมาถึงหมอแดง โรคร้ายดังกล่าวจะหายไปทันที เพราะเชื่อกันว่าได้นำตัวยาสมุนไพรชนิดหนึ่งมาต้มพร้อมกับเป่ามนต์ไสยเวทไป ด้วย ระหว่างที่เป่ามนต์ไสยเวทก็ได้ระลึกนึกถึงพระพุทธชินราช ซึ่งเป็นพระครูบาอาจารย์ใหญ่ประจำมณฑลภาคเหนือ ในระหว่างที่เคี่ยวตัวยาทำให้ได้ยาที่สมบูรณ์แบบ จนได้รับฉายาว่า “พ่อเลี้ยงแดง” มีชื่อเสียงโด่งดังไปในหมู่บ้านและดังไปไกลทั่วทุกสารทิศในภาคเหนือ พ่อเลี้ยงแดงอยู่กับครอบครัวจนมีบุตร-ธิดารวมกัน 4 คน ช่วงเวลาเช้าและเย็นมักจะหาเวลาเข้าวัดสม่ำเสมอเพื่อปฏิบัติธรรม ถือศีลภาวนา หรือแม้แต่อยู่ที่บ้านก็หาเวลานั่งสมาธิและปฏิบัติธรรมมิได้ขาด จนคนในหมู่บ้านเลือกให้เป็นมัคนายกวัด ในช่วงมีพิธีงานบวช งานบุญก็จะเรียกหาใช้ให้เป็นผู้นำทางด้านศาสนพิธี ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ นำสวดมนต์เช้า สวดมนต์เย็น และนำสวดในพิธีต่าง ๆ ที่สำคัญทางศาสนา

    กระทั่ง อายุได้ 73 ปี บุตร-ธิดา ได้โตจนมีครอบครัวสามารถหาเลี้ยงดูแลตนเองได้แล้ว ไม่น่าเป็นห่วงอะไรอีกต่อไป จึงได้บวชเป็นพระภิกษุอีกครั้ง โดยมี หลวงพ่อฟัก ภูริปัญโญ หรือ พระครูนิกรธรรมรักษ์ เจ้าอาวาสวัดหาดงิ้ว ต.หาดงิ้ว อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เป็นพระครูอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์วิเชียร เจ้าอาวาสวัดเกาะเรไร และ พระอธิการอารมณ์ เจ้าอาวาสวัดช่องลม ต.แสนตอ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เป็นพระคู่สวดกรรมวาจาจารย์-อนุสาวนาจารย์ หลังจากบวชแล้วได้มาอยู่ที่พัก สงฆ์ห้วยฉลอง บ้านห้วยฉลอง หมู่ที่ 2 ต.ถ้ำฉลอง อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ โดยมีญาติโยมร่วมกันสร้างกุฏิมุงหลังคาสังกะสีให้จำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียว พร้อมทั้งสร้างโรงอบยาสมุนไพร เพื่อรักษาโรคด้วยไสยเวทให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน ทั้งได้นำวิชาความรู้ด้านอาคมแคล้วคลาด เมตตามหานิยม ผูกดวง ดูดวง ตามที่ได้เล่าเรียนมาช่วยเหลือชาวบ้าน

    วัตถุมงคลหลวงปู่แดง สิริภทฺโท วัดห้วยฉลองราษฎร์บำรุง
    ท่าน ได้นำความรู้ที่ได้ศึกษามาจากหลวงพ่อไซร้ มาสร้างตะกรุดลูกปืนเสือสมิง ด้วยวิธีจัดสร้างอย่างพิสดารปิดทับด้วยทองเปลว สร้างสมเด็จพญาไก่แก้ว ลงคาถาไก่แก้ว ซึ่งเด่นทางเมตตามหานิยมและโชคลาภ ญาติโยมได้ร่วมกันทำบุญจากวัตถุมงคลของท่านและได้นำปัจจัยมาทำนุบำรุงจนยก ฐานะขึ้นเป็นวัด

    เปิดให้บูชา 999 บาทสร้างน้อยมากประสบการณ์มากมาย
    DSCF8661.JPG DSCF8662.JPG
     
  16. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    รูปหล่อหลวงพ่อแพ

    รูปหล่อหลวงพ่อแพ

    เปิดให้บูชา 399 บาท
    DSCF8658.JPG DSCF8659.JPG DSCF8660.JPG
     
  17. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +161
    รูปหล่อหลวงพ่อทบ วัด ชนแดน รุ่นปลอดภัย ออกวัดภูเขาทอง

    รูปหล่อหลวงพ่อทบ วัด ชนแดน รุ่นปลอดภัย ออกวัดภูเขาทอง

    เปิดให้บูชา 399 บาท
    DSCF8655.JPG DSCF8653.JPG DSCF8654.JPG


     
  18. คุณต้า

    คุณต้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2014
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +406

    ยังอยู่ไหมครับ ยังอยู่ขอจองครับ:cool:
     
  19. hinojanlan

    hinojanlan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2013
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +27
    ขอราคาขุนแผนไข่ผ่า วัดทับมาครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...