ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จสิทธิพระที่นั่งมหาบัลลังก์(ปรารถนาเป็นหนึ่งกุณฑธานเถระ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. ดั่งจันทรา

    ดั่งจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +693
    ขอเล่าประสบการณ์การปฏิบัติพรหมวิหารธรรมบ้างครับ
    - เมตตา กรุณา
    ด้วยความที่ผมเป็นครู ความเมตตากรุณาต่อศิษย์นี่เป็นจรรยาบรรณข้อหนึ่งที่กำหนดไว้
    เวลาปฏิบัติการสอนจริงนี่เจอเด็กทุกประเภท ปัจจุบันผมเป็นครูประจำชั้น ป.๑ มาสามปีแล้ว
    เด็ก ป.๑ ยังไม่ประสีประสาอะไร เงียบๆก็มี ดื้อก็มี บอกไม่ฟังก็มี ฯลฯ แต่ละวันผมก็จะระลึกเสมอ
    ว่าจะให้ความเมตตาเท่าเทียมกัน รัก ดูแล ให้ความรู้ ให้ความอบอุ่นเสมอหน้ากันหมด
    บางครั้งมีออกนอกคำสั่งบ้าง เราก็โมโหแต่ด้วยหลักเมตตาในใจเราก็ยิ้มแทน
    แทนที่เราจะลงโทษเราก็หัวเราะแทน และนำเหตุการณ์นั้นๆมาอบรมสั่งสอนต่อไป
    ผมนั่งอยู่ที่ไหนเด็กๆ ป.๑ จะมารุมตลอด มาถามมาคุยนั่นๆนี่ๆเพราะเขารู้สึกสนิทสนม ไว้ใจ
    จน ผอ. ถามว่าผมมีอะไรดี ทำไมเด็กถึงติด ซึ่งทั้งโรงเรียนไม่มีครูคนไหนที่เด็กติดเหมือนผม
    ผอ.ประทับใจมากมอบหน้าที่ครูประจำชั้น ป.๑ ให้ผมเป็นปีที่ ๓ และปีนี้(๒๕๕๙)ก็จะเข้าปีที่ ๔
    สิ่งที่เห็นได้จากความมีเมตตากรุณาในใจของผมคือ
    - เด็กอ่านหนังสือออกแทบทุกคนในห้อง เพราะผมสอนเสมอกันหมด
    - เด็กมีความสุขในการเรียน มีอะไรจะมาเล่าให้ครูฟังจนเราไม่รู้จะฟังใคร เพราะผมไม่ด่าใคร ไม่เอ็ดใคร
    - ทุกคนถูกผมปลูกฝังความอ่อนโยนในใจโดยไม่รู้ตัว
    - ทุกคนรู้จักนรก เปรต อสุรกาย สัตว์ สวรรค์ พรหม นิพพาน โดยเฉพาะนิพพาน
    ผมจะเน้นตลอด
    - ทุกคนท่องคาถาเรียนเก่งได้ (สหัสสเนตโตฯ)และคาถาอื่นๆที่ผมเห็นสมควร
    - ผมจะสังเกตว่าใครใส่กางเกงเก่า กระโปรงเก่าสั้น ผมก็จะพยายามหามาให้
    - คนที่ยากจนแต่เรียนดี ตั้งใจผมก็พยายามหารางวัลให้เช่น เขียนตามคำบอกฯลฯ
    แล้วก็ให้รางวัลเป็นเงิน เพื่อให้เขาไปซื้อขนม (ร.ร.ผมอยู่ชนบทครับ เด็กยากจนมาก)
    คร่าวๆนะครับ

    - มุทิตา
    ข้อนี้ได้ใช้เรื่อยๆ
    - เมื่อมีคนได้ขั้นเงินเดือนเราก็ยินดีด้วยกับเขา ถือว่าบุญเขามาถึงแล้ว
    - เมื่อมีคนสอบติด เลื่อนขั้น ชนะการประกวดแข่งขันต่างๆ ก็ร่วมยินดีในใจตลอด
    - ผมจะยกจิตไปกราบพระวัดท่าซุงและโมทนาบุญกับทุกคนที่ได้ถวายสังฆทาน
    และบุญอื่นๆโดยตลอดแทบทุกวัน โดยจะทำหลังสวดมนต์เสร็จ
    จะไปที่วิหารสมเด็จองค์ปฐมก่อน กราบท่านแล้วโมทนาบุญที่ทุกคนได้ทำในวิหารท่านในวันนี้
    จากนั้นไปที่หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา กราบและโมทนาบุญทุกอย่าง
    จากนั้นไปที่วิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ กราบและโมทนาบุญทุกอย่าง
    จากนั้นไปที่วิหาร ๑๐๐ เมตร กราบพระพุทธชินราช โมทนาบุญทุกอย่าง
    จากนั้นมากราบพระปัจเจกพุทธเจ้าที่หน้าวิหาร ๑๐๐ เมตร กราบและโมทนาบุญของท่าน รวมทั้งโมทนาบุญกับทุกรูปนามที่ได้เคยถวายทานกับท่านทั้งตอนปกติและตอนออกจากนิโรธสมาบัติ
    จากนั้นเข้าไปกราบสรีระหลวงพ่อฤาษีฯ โมทนาบุญบารมีที่ท่านสั่งสมมาและคุณธรรมที่ท่านได้ท่านถึงแล้ว
    จากนั้นไปที่ท้าวมหาราช ๔ พระองค์ กราบทุกท่านและอินทกะ วชิระ บริวารทั้งหมด
    โมทนาบุญกับทุกท่านที่ส่งผลให้ท่านเป็นเทวดา
    กราบทั้งหมดอีกครั้งจึงกลับมาและอุทิศส่วนกุศล
    - นอกจากนั้นเวลาผมเห็นคนมีรถใหม่ สร้างบ้านใหม่ฯลฯ ผมจะนึกใจใจว่า
    "ข้าพเจ้ายินดีกับท่านด้วยนะที่ได้รถใหม่" ฯลฯ

    - อุเบกขา
    ข้อนี้ส่วนใหญ่ใช้กับตัวเองเวลาป่วยไข้ไม่สบาย จะระลึกถึงอุเบกขาธรรม
    และปลงสังขารว่ามันก็เป็นธรรมดาของมันอย่างนี้แหละ ไม่นานมันก็พัง
    พังเมื่อไรขอไปนิพพานที่เดียวเท่านั้น
    ซึ่งผมเองจะป่วยบ่อยๆ ส่วนใหญ่จะไอ เป็นแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า ๒ สัปดาห์
    ซึ่งช่วงที่เป็นก็จะปลงสังขารตลอด มีใจนิ่ง ไม่กลัวตาย ไม่ทุรนทุรายใดๆ
    เฉยสนิท คิดว่า ตายก็ตายสิ ไหนๆก็ต้องตายอยู่แล้วนี่ ไม่กลัวหรอก
    และอีกกรณีคือเวลามีทุกข์บีบคั้น โดยเฉพาะเงินขาดมือ จะขัดสนมาก
    ไปทัศนศึกษากับเพื่อนครูก็ไปแบบเงินไม่มี บางทีมีติดตัวสองสามร้อย
    ยกตัวอย่างเลยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผอ.พาไปเลี้ยงรับครูใหม่ที่เชียงคาน
    ผมมีเงินติดตัว ๑๘๐ บาท นอนค้าง ๑ คืน ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
    ผมแทบไม่กังวลใดๆ เฉยอย่างเดียว นึกในใจว่าบุญเราทำมาแบบนี้หนอ
    สักวันหนึ่งก็จะพ้นไป นี่ก็เป็นธรรมดาของคนในโลก เราจะทำทานให้ยิ่งกว่านี้
    เราไม่เอาอีกแล้วโลกนี้ มุ่งใจไปนิพพานอย่างเดียว
    ผมนี่เที่ยวด้วยเงิน ๑๘๐ บาทด้วยใจแช่มชื่นปีติ
    ไม่กังวลเพราะใจผมนึกถึงแต่ได้ก้มกราบแทบบาทสมเด็จองค์ปฐมที่วิหารวัดท่าซุง
    ใจผมนึกถึงแต่ว่าได้ก้มกราบสรีระหลวงพ่อฤาษีลิงดำ นึกว่าได้จับเท้าหลวงพ่อมาเหยียบที่หัวผม คนอื่นเดินเลือกซื้อของนั่นนี่ ผมเดินไปภาวนาไป แปลกดีนะ

    ด้วยพรหมวิหารธรรมที่ผมได้ปฏิบัติมาก็ขอแสดงไว้เพียงเท่านี้ครับ เดี๋ยวจะเปลืองพื้นที่มากไป ท่านใดที่ปฏิบัติได้และปฏิบัติได้ยิ่งกว่าผม ผมก็ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ สาธุ...
     
  2. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    เมื่อก่อนผมเป็นคนอารมณ์ร้อนโกรธง่ายครับ ใครพูดอะไรมาไม่ถูกหู มักจะโกรธ เลยใช้เมตตากับอุเบกขามาแก้ไขตัวเอง ซึ่งก็ช่วยได้เยอะ ปัจจุบันอารมณ์เย็นลงเยอะเลยครับ
     
  3. PaChaRah

    PaChaRah Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +63
    สำหรับผมจะใส่บาตรเกือบทุกวันและที่บ้านจะมีกระปุกออมสินเป็นรูปบาตรพระ ผมจะหยอดกระปุกทุกวันใกล้จะเต็มแล้วครับ เต็มเมื่อไรผมจะนำไปถวายที่วัดครับ
     
  4. chaiwatwinij

    chaiwatwinij เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2013
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +233
    สวัสดีครับคุณกร
    ในการทำงานและเป็นหัวหน้าคนต้องอาศัยหลักพรหมวิหาร 4 เข้ามาช่วยในการบริหารงานเพื่อให้วัตถุประสงค์ออกมาสัมฤิทธิ์ผล มีความเมตตาต่อลูกน้องช่วยเหลือตามวาระและโอกาสและตัวเราไม่เดือดร้อน มีความรักให้ลูกน้องเท่าเทียมกัน ไม่ใช้ความรักแบบชู้สาวมีความยินดีเมื่อลูกน้องได้ดีและให้การสนับสนุน ไม่คิดอิจฉาเขา และให้มีอุเบกขาวางเฉยต่อสิ่งที่มากระทบต่อจิต หนักเอาเบาสู้ วางใจเป็นกลาง
     
  5. sos1234

    sos1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2011
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,131
    สำหรับผมส่วนใหญ่จะเป็นอุเบกขาการวางเฉย เมื่อก่อนจะโดนใส่ร้ายตลอด เรียกว่าถ้าเผาได้คงเกรียมไปหมดแล้ว ก็มานั่งคิดดูว่าไปทำอะไรให้เขามั้ย ก็ไม่มี แล้วเราเป็นตามที่เขาว่ามั้ยก็ไม่ใช่ ก็เลยปล่อยเขาว่าไปตามสบาย เราก็ทำใจสบายๆไม่สนใจคำพูดของเขา เอาความจริงเข้าว่า ผลสุดท้ายที่รู้มาคือ แทบจะไม่มีใครอยากคุยด้วย เขาต้องย้ายตัวเองไปนั่งทำงานที่อื่น เพราะทุกคนเอือมระอากับพฤติกรรมของเขา
     
  6. Cajun

    Cajun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +265
    เมื่อกลางปีที่แล้วผมนั่งรถแท็กซี่แล้วได้ฟังรายการ จส 100 ประกาศว่ามีคนขอรถเข็นสำหรับผู้พิการ พอดีที่บ้านมีอยู่ 1 คัน ตั้งใจจะนำไปบริจาค เลยแจ้งเข้าไปในรายการ ต่อมาได้รับการติดต่อกับผู้แจ้งความประสงค์มา และบอกกับพี่เค้าว่าจะไปส่งให้ที่บ้านก็ได้นะ แต่พี่เค้าคงเกรงใจและขอมารับเองที่บ้าน วันที่พี่เค้ามารับนี่ผมไม่อยู่บ้านแต่พี่เค้าโทรเข้ามาขอบคุณและให้พรต่าง ๆ นานา เพราะว่าญาติของพี่เค้าอายุมากแล้วป่วยเป็นมะเร็งต้องไปรับคีโม เดินไม่ค่อยสะดวก รถเข็นคันนี้ได้มาเพราะที่บ้านมีคนป่วยและเราได้รับความเมตตาจากคนแถวบ้านหามาให้ เมื่อมีโอกาสจึงได้ส่งต่อความเมตตาน้้นต่อให้กับผู้อื่นเช่นกัน
     
  7. ปฏิภาณ บดส

    ปฏิภาณ บดส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +132
    ขับมอเตอร์ไซต์กลับบ้านเห็นแมวตัวเล็กนอนอยู่กลางถนนตอนมึดละรีบจอดมอไซลงไปเก็บแมวตัวเล็กเลือดอกจากบอกร้องเสียงเบาๆเหมือนใกล้จะตายรีบพาไปส่งคลีนิคสัตว์ให้หมตรวจสักพัหมอบอกว่าไม่รอดแน่เพราะข้างในทุกส่วนฉีกขาดหมดแล้วสุดท้ายก็ต้องทำใจรอแมวตายเองจะจ่ายเงินหมอบอกไม่ต้อง ต้องขอบอบคุณหมอจริงๆ พรหมวิหาร4 ครบครับ สวดจักรรดิ์ให้แมวช่วยปรับภพภูมิให้แมวเพื่อที่จะได้เกิดเป็นคน
     
  8. sakmalai

    sakmalai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +1,344
    พรหมวิหาร 4 ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานครับ แต่ไม่เต็มร้อยนะครับ บางครั้งมาเต็ม บางครั้งก็หลุด ตามแต่จะนึกได้ ทั้งกับเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง ส่วนใหญ่ก็เป็นการให้ความช่วยเหลือกับทุกคนตามกำลังของเรา ถ้ามีคนได้ดีเราก็ยินดีด้วยความจริงใจ ส่วนอุเบกขา บางครั้งมีคนชื่นชมยินดี หรือบางทีมีคนมาว่าร้าย ก็เฉย ๆ ไม่ได้ติดใจอะไร ทำใจสบาย ๆ
     
  9. ratchaplee

    ratchaplee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +712
    ผมใช้ประจำส่วนมากกับลูกน้อง ในข้อ เมตตา กรุณา เร็วๆนี้ ช่วยลูกน้องเนื่องจากเมียคลอดลูกไม่มีเงินเอาลูกออกจากโรงพยาบาลเนื่องจากเมียมีสัญชาติเขมร หมอต้องให้จ่ายเงินสดเท่านั้น เขามี 2000 ขาดอีก 5000 หาจนทั่วแล้วพ่อแม่เขาก็ไม่มีเนื่องจากเขามีฐานะยากจน เลยมาพึ่งผมผมเลยช่วยไป 5000 เขาก็ยินดีมีความสุขและพ้นจากทุกข์ ส่วนอีกข้อที่ใช้บ่อยสุดอุเบกขา ผมต้องรู้จักวางเฉยและปล่อยวางในสิ่งที่ลูกน้องทำผิด มีลูกน้องเป็นร้อย วันนึงก็มีคนผิดพลาดเรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้าง เลยต้องพึ่งอุเบกขาเป็นที่พึ่งและทำให้ตัวเองแก้ปัญหาต่างๆด้วยเหตุและผลเป็นที่ตั้งทำให้ตัวเองเป็นสุขด้วย
     
  10. PALA 5

    PALA 5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +822
    ทุกวันตอนเย็นให้ข้าวสุนักจรจัด สงสารเค้าคงหิว มานั่งเฝ้ารออยู่หน้าบ้าน เลยหาข้าวหาน้ำให้กิน พอช่วยให้เค้าคลายทุกข์แห่งสังขารได้บ้าง ส่วนตอนดึกก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาไปทั้ง 3 โลกครับ (สวรรค์ มนุษย์ นรก)

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
     
  11. GreenWall

    GreenWall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +387
    วันนึงตอนที่ผมเดินอยู่บนทางเท้าข้างถนน มีผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งมาขอน้ำกิน เขาเล่าว่าตกงานอยู่ ไม่มีเงิน รถเมย์ฟรีสายที่รออยู่ก็ไม่มาซักที
    หิวน้ำมาก พอเห็นผมเดินมาเลยลองขอน้ำกิน ผมก็เลยพาไป 7/11 ใกล้ๆ ผมจะซื้อน้ำขวดใหญ่ให้ เขาก็ไม่เอา
    ผมจะซื้อน้ำขวดเล็กๆให้หลายๆขวด เขาก็ไม่เอา ผมจะซื้อของกินให้เผื่อหิว เขาก็ไม่เอาอีก

    เขาขอน้ำขวดเล็กที่ถูกที่สุดขวดเดียวก็พอ สุดท้ายผมเลยซื้อน้ำให้ขวดนึง พอเขารับไปก็เปิดดื่มแบบกระหายน้ำทันที
    แล้วก็ขอบคุณผมเป็นการใหญ่ ผมเลยให้เงินไปจำนวนหนึ่ง เขาทำท่าจะไม่รับ ผมก็ยัดใส่มือเลย
    เขาก็ทำท่าอึ้งๆแล้วก็รับไว้ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไป

    เหตุการณ์นี้ผมจำได้ไม่ลืมเลย ลองพิจารณาดูเอานะครับ เผื่อจะได้อีกหลายๆแง่มุม
     
  12. mm1150

    mm1150 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +249
    ทุกๆวันผมจะสวดมนต์แล้วก็แผ่เมตตาทุกคืนไปไหนมาไหนเห็นคนทำบุญผมก็อนุโมทนากับคนที่ทำบุญนั้นครับผม
     
  13. knurack

    knurack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    364
    ค่าพลัง:
    +1,202
    ผมได้ใช้พรหมวิหาร 4 ในการทำงานเป็นประจำครับ เนื่องจากผมรับราชการ ต้องใช้เมตตา กรุณาต่อผู้มารับบริการ เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง ส่วนมุทิตาก็ยินดีเมื่อเจ้านาย ลูกน้อง เพื่อน ได้ดี ทำงานสำเร็จ เจริญก้าวหน้า ได้เลื่อนตำแหน่ง ส่วนอุเบกขาก็ทำตัวเป็นกลางไม่เอนเอียงเข้าข้าง ทำหน้าที่ด้วยความถูกต้องเป็นธรรมครับ
     
  14. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,948
    ค่าพลัง:
    +5,647
    อุเบกขา ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ก็ยังทำงานเต็มที่
    ต่อมาก็ได้รับโอกาส ก็ยังคงทำงานเต็มที่
     
  15. Akkra1978

    Akkra1978 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +1,486
    พรหมวิหาร 4 ที่ผมใช้ในการทำงานนะครับ
    เมตตา ผมมีความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับความสุข ทั้งลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน ผมจึงพยายามกระทำเพื่อให้เกิดความสุขนั้น
    กรุณา เมื่อเพื่อนร่วมงานบางคนมีปัญหา ความทุกข์ หรือทำงานผิดพลาด ผมจะให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา หรือตักเตือน
    มุทิตา เมื่อเพื่อนร่วมงานได้เลื่อนตำแหน่ง ผมจะพลอยยินดีไปกับเขา โดยไม่มีการอิจฉาริษยา
    อุเบกขา บางครั้งเมื่อเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องทำงานพลาด โดยที่ผมได้พยายามช่วยเหลือหรือตักเตือนอย่างที่สุดแล้ว แต่ยังคงมีความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นอีก ผมก็จะวางใจเป็นกลาง เพราะถือว่าได้ทำเต็มที่แล้ว และปล่อยให้เขาเป็นผู้รับผลของการกระทำนั้นเอง (แต่ผมก็ยังมีเมตตากับกรุณาอยู่นะครับ)
     
  16. จารุวณณร

    จารุวณณร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +1,207
    เมตตา กรุณา
    ช่วงมาฆบูชาปีนี้ ไปปฏิบัติธรรม 5 วัน แต่ในระหว่างนั้นมีเหตุที่จะต้องออกไปโอนเงินเพื่อทำบุญหล่อพระและบุญทุกอย่าง เมื่อโอนเสร็จแล้ว กำลังขับรถกลับวัด มีผู้หญิงคนหนึ่งมาโบกรถ เพื่อขอค่ารถกลับบ้าน เพราะมาตามหาพี่สาว แต่พี่สาวบอกไม่ให้มา เลยไม่เจอกัน ก็เลยให้ไป
    ช่วงอยู่ที่วัดก็ได้ช่วยเหลือดูแลผู้มาปฏิบัติธรรมเพราะเขาไม่สบายและมาคนเดียว และกำลังมีเรื่องทุกข์ใจอย่างหนักหลายเรื่อง วันที่เขากลับสภาพจิตใจก็ดีขึ้น พอเรากลับมาบ้านเขาก็โทรมาขอยืมเงิน เพื่อไปตามเรื่องบางอย่างที่ต่างจังหวัด
    เรื่องงาน ปกติเวลาติดต่อลูกค้า หากเขาไม่เข้าใจหรือไม่ทราบข้อกำหนดที่เขาต้องทำ ก็จะสอนและอธิบายให้ ซึ่งโดยปกติแล้ว จะไม่ค่อยมีใครมาเสียเวลาสอนในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องรู้

    มุทิตา เมื่อเราเห็นใครทำความดีไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อย ก็จะอนุโมทนากับเขาด้วย

    อุเบกขา
    เมื่อเห็นข่าวไม่ดี เช่นการทำร้ายหรือเรื่องที่ทำให้ผู้ประสบเหตุมีความทุกข์ ก็จะคิดว่านี่คือกฏแห่งกรรมที่แต่ละคนต้องชดใช้ จะไม่พยายามโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เนื่องจากเราไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด แม้กระทั่งเรื่องที่เกิดภายในครอบครัว เราก็จะให้ข้อคิดเห็นไป แต่หากเขาไม่เชื่อ ไม่คิดตามสื่งที่เราบอก เราก็ได้แต่คิดว่า มันเป็นกรรมของแต่ละคน
    หากมีเรื่องกระทบกระทั่งกับคนในบ้าน ก็จะมาคิดว่าเราทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า ย้อนกลับมาดูตัวเองด้วย หากไม่ใช่ที่เรา ก็จะพยายามคิดว่า ช่างมันเถอะ
    หากเรามีเรื่องไม่สบายใจ และแก้ไขอะไรไม่ได้มาก หรือเกิดเจ็บป่วย ไม่สบายกาย ก็จะคิดว่านี่เป็นธรรมดาของโลก ของกายสังขารนี้ ไม่มิใครหนีพ้น
    พยายามคิดและทำไปในแนวทางนี้เสมอ ถึงจะทำไม่ได้ทุกครั้งก็ตาม

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ
     
  17. sutketb

    sutketb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    480
    ค่าพลัง:
    +1,592
    ส่วนใหญ่ชีวิตก็จะไปทำงานแล้วก็กลับบ้าน
    ที่บ้านก็จะมีคนงานเขมรที่อยู่เป็นแคมป์คนงาน (เนื่องจากเจ้าของหมู่บ้านเค้าทำอาชีพรับเหมา) เรื่องเมตตา กรุณา ผมจะเจอประจำเลยเรื่องคนงานรอเบิกตังส์ตอนเลิกงานเพื่อเอาไปซื้อกับข้าวและอาหารรับประทาน วันนั้นหลายชีวิตรอเบิกตังส์จากเฮีย แต่เฮียติดธุระต่างจังหวัดและแต่ละคนก็พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง..ผมเลยอดไม่ได้โทรศัพท์บอกเฮีย แกเลยขอร้องให้ผมสำรองจ่ายไปก่อนเนื่องจากแกมีธุระต่างอำเภอกว่าจะกลับคงดึก..พอบอกคนงานเขมรว่าจะสำรองจ่ายไปก่อนแค่นั้น ทุกคนดีใจใหญ่เลยครับ
    ส่วนเรื่องอุเบกขา..ก็เป็นที่ทำงานที่เจอแต่คนขัดแข้งขัดขา ได้แต่ปล่อยวางนึกในใจ
    ว่าเป็นปัญหาของท่าน ไม่เกี่ยวกับผม
     
  18. พลานุภาพ

    พลานุภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +244
    - เมตตา - กรุณา - มุทิตา - อุเบกขา
    พรหมวิหาร4 นี้ ได้ปฎิบัติอยู่ทุกวัน เพราะการดำเนินชีวิตเราต้องใช้ทุกข้อประกอบกัน แล้วแต่เหตุการณ์ในแต่ละวันที่เราจะได้ใชัข้อใหนมากน้อยกว่ากัน จึงจะทำให้ชีวิตและสังคมมีสุข เช่นการทำงานที่ทำอยู่ที่มีปัญหากับคนหรืองานเราก็วางเฉยกับปัญหาอย่าไปมีปัญหากับงานแล้วหาทางแก้ไขให้ลุล่วง

     
  19. Osue

    Osue เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +199
    ผมก็เป็นคนที่รักดีเหมือนกับทุกท่าน เคยทำกรรมดีกรรมชั่วมา ไม่ด้อยไปกว่ากัน จึงขอน้อมนำพระนิพนธ์ของสมเด็จพระญาณสังวร มาเผยแผ่ เพื่อนำมาใช้เป็นหลักในการปฏิบัติครับ


    พรหมวิหารธรรม (อุเบกขาธรรม)

    O ทำความดีด้วยใจว่างจากกิเลส

    ทำความดีอย่างสบายๆ อย่างมีอุเบกขา คือ ทำใจเป็นกลางวางเฉย ไม่หวังผลอะไรทั้งสิ้น การตั้งความหวังในผลของการทำดีเป็นธรรมดาของสามัญชนทั่วไป ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ก็จะถูกต้องกว่าหากจะไม่ตั้งความหวังเลย

    เมื่อรู้ว่าเป็นความดีก็ทำเต็มความสามารถของสติปัญญา ไม่เดือดร้อนให้เกินความสามารถ ไม่มุ่งหวังให้ฟุ้งซ่าน ไม่ผิดหวังให้เศร้าเสียใจ การทำใจเช่นนี้ไม่ง่าย แต่ก็เป็นสิ่งทำได้ ถ้าทำไม่ได้พระพุทธเจ้าก็จะไม่ทรงสั่งสอนไว้

    O ทำดีด้วยความโลภและหลง จักไม่อาจให้ผลสูงสุด

    การทำดีหรือทำบุญกุศลที่จะส่งผลสูงสุด ต้องเป็นการทำด้วยใจว่างจากกิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง ความผูกพันในผลที่จะได้รับเป็นทั้งความโลภและความหลง ความผูกพันในผลที่จะได้รับเป็นทั้งความโลภและความหลง จึงไม่อาจให้ผลสูงสุดได้

    แม้จะให้ผลตามความจริงที่ว่า ทำดีจักได้ดี แต่เมื่อเป็นความดีที่ระคนด้วยโลภและหลง ก็ย่อมจะได้ผลไม่เท่าที่ควร มีความโลภหลงมาบั่นทอนผลนั้นเสีย

    O ทำดีแล้วต้องได้ดีแน่นอนเสมอไป

    ทำดีไม่ได้ดี ไม่มีอยู่ในความจริง มีอยู่แต่ในความเข้าใจผิดของคนทั้งหลายเท่านั้น ทำดีแล้วต้องได้ดีแน่นอนเสมอไป

    ที่มีเหตุการณ์ต่างๆ นานาปรากฏขึ้น เหมือนทำดีไม่ได้ดีนั้น เป็นเพียงการปรากฏของความสลับซับซ้อนแห่งการให้ผลของกรรมเท่านั้น เพราะกรรมนั้นไม่ได้ให้ผลทันตาทันใจเสมอไป

    แต่ถ้าเป็นเรื่องภายในใจแล้ว กรรมให้ผลทันทีที่ทำแน่นอน เพียงแต่ว่า บางทีผู้ทำไม่สังเกตด้วยความประณีตเพียงพอจึงไม่รู้ไม่เห็น ขอให้สังเกตใจตนให้ดี แล้วจะเห็นว่าทันทีที่ทำกรรมดี ผลจะปรากฏขึ้นในใจเป็นผลดีทันทีทีเดียว


    O ทำกรรมดีแล้วจิตใจจักไม่ร้อนเร่า

    ทำกรรมดีแล้วใจจักไม่ร้อน เพราะไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะได้รับผลไม่ดีต่างๆ

    ความไม่ต้องหวาดวิตกหรือกังวลไปต่างๆ นั้น นั่นแหละเป็นความเย็น เป็นความสงบของใจ เรียกได้ว่าเป็นผลดีที่เกิดจากกรรมดี ซึ่งจะเกิดขึ้นทันตาทันใจทุกครั้งไป เป็นการทำดีที่ได้ดีอย่างบริสุทธิ์แท้จริง

    ส่วนผลปรากฏภายนอกเป็นลาภยศสรรเสริญต่างๆ นั้น มีช้า มีเร็ว มีทันตาทันใจ และไม่ทันตาทันใจ จนเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดกันมากมาย ว่าทำดีไม่ได้ดีบ้าง ทำชั่วได้ดีบ้าง

    O ควรทำดีโดยทำใจให้เป็นกลาง ไม่มุ่งหวังสิ่งใด

    ทำดีได้ดีแน่นอนอยู่แล้ว บรรดาผู้ทำความดีทั้งหลายซาบซึ้งในสัจจะ คือ ความจริงนี้ ดังนี้ก็ไม่น่าจะลำบากนักที่จะเชื่อด้วยว่า ควรทำดีโดยทำใจเป็นกลางวางเฉลยไม่มุ่งหวังอะไรๆ ทั้งนั้น

    การที่ยกมือไหว้พระด้วยใจที่เคารพศรัทธาในพระรัตนตรัยสูงสุดเพียงเท่านี้ ได้ผลดีแก่จิตใจยิ่งกว่าจะยกมือไหว้พร้อมกับอธิษฐานปรารถนาสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปด้วยมากมายหลายสิ่งหลายอย่าง

    หรือการจะบริจาคเงินสร้างวัดวาอาราม ด้วยใจที่มุ่งให้เป็นการบูชาคุณพระรัตนตรัยเพียงเท่านี้ ก็ได้ผลดีแก่จิตใจ ยิ่งกว่าจะปรารถนาวิมานชั้นฟ้า หรือบ้านช่องโอ่อ่าทันตาเห็นในชาตินี้

    หรือการจะสละเวลากำลังกาย กำลังทรัพย์เพื่อช่วยเหลืองานพระศาสนา โดยมุ่งเพื่อผลสำเร็จของงานนั้นจริงๆ เพียงเท่านี้ ก็ได้ผลดีแก่จิตใจยิ่งกว่าปรารถนาจะได้หน้าได้ตาว่าเป็นคนสำคัญ เป็นกำลังใจให้เกิดความสำเร็จ

    หรือการคิดพูดทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยใจที่มุ่งเทิดทูนรักษาอย่างเดียวเช่นนี้ ให้ผลดีแก่จิตใจยิ่งกว่าหวังได้ลาภยศหน้าตาตอบแทน

    O ทำความดีอย่างบริสุทธิ์ สะอาดจริงเถิด

    ทุกวัน เรามีโอกาสทำดีด้วยกันทุกคน ดังนั้นจึงขอให้พยายามตั้งสติให้ดี ใช้ปัญญาให้ควร อย่าโลภ อย่าหลง อย่าทำความดีอย่างมีโลภมีหลง ให้ทำความดีอย่างบริสุทธิ์สะอาดจริงเถิด

    มีวิธีตรวจใจตนเองว่า ทำความดีด้วยใจปราศจากเครื่องเศร้าหมอง คือ กิเลส โลภ โกรธ หลง หรือไม่ ก็คือให้ดูว่าเมื่อทำความดีนั้น ร้อนใจที่จะแย่งใครเขาทำหรือเปล่า กีดกัดใครเขาหรือไม่ ฟุ้งซ่านวุ่นวายกะเก็งผลเลิศในการทำหรือเปล่า ต้องการจะทำทั้งๆ ที่ไม่สามารถจะทำได้ แล้วก็น้อยเนื้อต่ำใจหรือโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทอุปสรรคหรือเปล่า

    ถ้าเป็นคำตอบปฏิเสธทั้งหมดก็นับว่าดี เป็นการทำดีอย่างมีกิเลสห่างไกลจิตใจพอสมควรแล้ว สบายใจ เย็นใจในการทำความดีใดๆ ก็นับว่ามีกิเลสห่างไกลใจในขณะนั้นอย่างน่ายินดียิ่ง จะเป็นเหตุให้ผลอันเกิดจากรรมดีนั้นบริสุทธิ์ สะอาด และสูงส่งจริง

    O ทำให้ไม่มีตัวเราของเราได้...วิเศษสุด

    ไม่มีตัวเราของเราแล้วไม่มีความทุกข์ เพราะไม่ถูกกระทบ ไม่มีอะไรให้ถูกกระทบ
    เหมือนคนไม่มีมือ ก็ไม่เจ็บมือ คนไม่มีขา ก็ไม่เจ็บขา ดังนั้น การทำให้ไม่มีตัวเราของเราได้จึงวิเศษสุด แต่ก็ยากยิ่งนักสำหรับบุถุชนคนสามัญทั้งหลาย ฉะนั้นขอให้มีเพียงเราเล็กๆ มีเราน้อยๆ ก็ยังดี ดีกว่าจะมีเราใหญ่โตมโหฬาร มีของเราเต็มบ้านเต็มเมือง

    เมื่อบุถุชนไม่สามารถทำตัวเราให้หายไปได้ ยังหวงแหนห่วงใยตัวเราอยู่ ของเราจึงยังต้องมีอยู่ด้วย ของเราจะหมดไปก็ต่อเมื่อตัวเราหมดไปเสียก่อน นี้เป็นธรรมดา

    ถ้ายังมีตัวเราของเราอยู่ ยังต้องกระทบกระทั่งอยู่ ยังหวงแหนรักษาตัวเราของเราไว้ ก็ควรอย่างยิ่งที่จะหวงแหนรักษาให้ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องรับโทษทุกข์ของการมีตัวเราของเรามากเกินไปอย่างเดียว แต่มีโอกาสที่จะได้รับคุณรับประโยชน์บ้างจากการมีตัวเราของเรา นั่นก็คือต้องระวังรักษาปฏิบัติต่อตัวเราของเราให้ดี ให้เป็นตัวเราของเราที่ดี

    O ตัวเราที่ดี ต้องมีใจที่อบรมด้วยธรรมอันงาม

    ตัวเราที่ดีนั้น ไม่ใช่เป็นตัวเราที่มีหน้าตาสวยงามอย่างเดียว ไม่ใช่เป็นตัวเราที่ได้รับการตกแต่งด้วยเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้าแพรพรรณอันวิจิตรเท่านั้น

    ตัวเราที่ดีต้องเป็นตัวเราที่ประพฤติปฏิบัติถูกต้องตามทำนองคลองธรรม มีจิตใจที่อบรมด้วยธรรมอันงาม ปรารถนาจะมีตัวเราก็ต้องปฏิบัติต่อตัวเราเช่นนี้จึงจะถูกต้อง จึงจะพอบรรเท่าโทษของการยึดมั่นในตัวเราลงได้บ้าง

    O อุเบกขาธรรม

    “อุเบกขา” เป็นธรรมในธรรมสำคัญหมวดหนึ่ง คือ “พรหมวิหารธรรม”

    มนุษย์ก็ได้ชื่อว่าเป็นพรหม แม้มีธรรมหมวดนี้สมบูรณ์ คือมีพร้อมทั้งเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา

    อุเบกขา หมายถึง การวางใจเป็นกลาง วางเฉย ไม่ยินดียินร้าย จึงไม่หวั่นไหวด้วยความยินดีหรือความยินร้าย หวั่นไหวเพราะความยินดีแม้มากย่อมเป็นเหตุให้ฟุ้ง หวั่นไหวเพราะความยินร้ายแม้มากย่อมเป็นเหตุให้เครียด อุเบกขาจึงเป็นธรรมโอสถเครื่องรักษาโรคทางจิตทั้งสอง คือ โรคฟุ้งและโรคเครียด

    ท่านผู้มีปัญญาเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของธรรมโอสถนี้ จึงสนใจอบรมอุเบกขา เพื่อรักษาใจให้ปราศจากโรค ให้เป็นใจที่สมบูรณ์สุขอย่างแท้จริง

    O โรคทางจิตก็เหมือนโรคทางกาย

    โรคทางจิตก็เหมือนโรคทางกาย ยารักษาโรคทางจิตก็เหมือนยารักษาโรคทางกาย

    ไม่ว่าจะใช้ยาวิเศษขนานใดก็ตาม ก็ต้องใช้ยานั้นให้ได้ขนาดเพียงพอกับอาการของโรค โรคทางกายบางโรคไม่ต้องใช้ยามากและไม่ต้องใช้นาน บางโรคต้องใช้มากและต้องใช้นาน จะใจร้อนใจเร็วให้โรคหายทันใจทุกโรคไม่ได้

    แต่โรคทางใจของคนทั่วไป ปกติต้องใช้ยามากและต้องใช้นานจึงจะใจร้อนใจเร็วให้เห็นผลเป็นความหายขาดจากโรคหัวใจอย่างทันตาทันใจไม่ได้ ต้องใช้ธรรมโอสถให้เพียงพอกับอาการของโรค เช่น โรคเครียดและโรคฟุ้งที่กล่าวแล้วว่า รักษาได้ด้วยธรรมโอสถ คือ อุเบกขา ก็ต้องใช้ธรรมโอสถให้เพียงพอ คือ ใช้ให้มากพอและใช้ให้นานพอ จึงจะหายขาดได้จริง

    O ยอดของพรหมวิหารธรรม

    อุเบกขา เป็นยอดของพรหมวิหารธรรม เมตตา กรุณา เป็นฐาน มุทิตาเป็นตัว

    การจะสร้างยอดโดยไม่สร้างฐานไม่สร้างตัวนั้นก็ก็ทำกันได้ แต่ยอดจะวางอยู่ต่ำเตี้ย ไม่มั่นคง ไม่สูงสง่า ถ้าสร้างฐานสร้างตัวเป็นลำดับขึ้นไปเรียบร้อยแล้วจึงสร้างยอด ยอดก็จะมั่นคง สูงเด่นเป็นสง่า

    O ฐานของพรหมวิหารธรรม

    การอบรมอุเบกขาให้มั่นคง งามพร้อม จึงควรต้องอบรมพรหมวิหารธรรมให้สมบูรณ์

    เริ่มแต่ฐาน คือ เมตตากรุณาเป็นเบื้องต้น มุทิตาเป็นลำดับไป แล้วจึงถึงอุเบกขา เช่นนี้ไม่หมายความว่าจะต้องใช้เวลานานนักหนากว่าจะเริ่มจากฐานขึ้นไปถึงยอด เรื่องของจิตหรือเรื่องของใจเป็นเรื่องพิเศษสุด อำนาจของใจ ความเร็วของใจ ก็เป็นความพิเศษสุดเช่นเดียวกัน

    พรหมวิหารธรรม คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็เป็นเรื่องของใจ จึงมีความพิเศษสุด ผู้มีบุญมีปัญญา มีใจเข้มแข็งมั่นคงด้วยสัจจะ สามารถอบรมพรหมวิหารธรรมตั้งแต่ฐานถึงยอดได้ในเวลารวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องเนิ่นช้า

    สำคัญที่พึงต้องมีศรัทธาตั้งมั่น ว่าพรหมวิหารธรรมนี้มีคุณประโยชน์แก่ชีวิตอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นแล้วสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จักไม่ทรงแสดงไว้ว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่ของพรหม จึงพึงน้อมใจรับปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ในเรื่องการอบรมพรหมวิหารธรรมนี้

    O ความหมายที่แท้จริงของพรหมวิหารธรรม

    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีความหมายที่แท้จริงอย่างไร ศึกษาให้เข้าใจถูกต้องเสียก่อน อย่าให้รู้ผิด เพื่อการปฏิบัติจะได้ไม่ผิด ผลที่ตามมาจะได้ไม่ผิด

    เมื่อศึกษาเข้าใจพรหมวิหารธรรมถูกต้องพอสมควรแล้ว ให้ปฏิบัติให้เกิดมีขึ้นในตนให้ถูกต้อง และจะไม่ต้องใช้เวลานานเลย สำหรับการปฏิบัติอบรมธรรมหมวดนี้หรือหมวดใดก็ตาม

    แม้เชื่อว่าพระพุทธองค์ทรงสอนให้ปฏิบัติพุ่งใจให้ตรงดิ่งลงไปในเมตตา ในกรุณา ในมุทิตา ทุกเวลา ทุกโอกาสที่มีมา ไม่มีข้อแม้ข้อแย้งยกขึ้นเพื่อให้ใจคัดค้านไม่ยอมมีเมตตา ไม่ยอมมีกรุณา ไม่ยอมมีมุทิตา ไม่ว่าต่อผู้ใดทั้งสิ้น

    ไม่ว่าจะเป็นมิตร หรือเป็นศัตรู หรือเลือกคนดีคนชั่ว ทรงสอนให้มีพรหมวิหารเป็นที่อยู่ของใจตลอดเวลา นั่นก็คือไม่ว่าจะพบคนดีหรือคนชั่ว พบมิตร หรือพบศัตรู พบที่ไหน เวลาใด ใจของเราต้องอยู่ในพรหมวิหารธรรมตลอดเวลาสม่ำเสมอ

    O มีความเชื่ออย่างมั่นคง จะได้ผลรวดเร็ว

    การเชื่อพระพุทธเจ้าให้แน่วแน่มั่นคง ยอมเป็นยอมตายได้ เพื่อปฏิบัติตามที่ทรงสอนไว้ เป็นวิธีพิเศษที่จะช่วยให้การใช้ธรรมโอสถรักษาโรคทางใจได้ผลรวดเร็วทันที

    การเชื่อพระพุทธเจ้า แล้วปฏิบัติตามที่ทรงสอนไว้ โดยไม่มีข้อคิดค้านอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่ความงมงาย ไม่ใช่การแสดงความอ่อนแอไม่เป็นตัวของตัวเอง ตรงกันข้าม กลับเป็นความปรีชาฉลาดลึกซึ้งอย่างยากจะหาผู้ทัดเทียมได้

    O โทสะไม่ว่ามากหรือน้อย ดับด้วยอำนาจของเมตตา

    พระพุทธองค์ทรงสอนให้เมตตา ให้กรุณา ก็ให้เมตตา ให้กรุณา อย่างเต็มเปี่ยมทั้งหัวใจ โทสะไม่ว่ามากไม่ว่าน้อยจะดับลงได้ด้วยอำนาจของเมตตาทันที

    ยิ่งทุ่มเทใจเชื่อพระพุทธเจ้า ทำตามพระองค์เต็มสติกำลัง ใจก็จะตั้งอยู่ในความไม่มีโทสะ มีแต่ความสุขสงบเย็นสว่างไสวจนกระทั่งอาจรู้สึกเหมือนไม่มีเมตตา ไม่มีกรุณา ไม่มีมุทิตาในใจตน มีแต่อุเบกขาเท่านั้น

    แต่ความจริงอุเบกขานั้นพร้อมด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา เปรียบดังขึ้นรถด่วนที่วิ่งผ่านสถานีต่างๆ อย่างรวดเร็ว ไม่หยุดสถานีระหว่างทางเลย ไปหยุดต่อเมื่อถึงสถานีปลายทาง ถึงที่หมายได้สมประสงค์ตรงสถานีปลายทางนั้น

    เช่นนี้ไม่หมายความว่ารถไฟไม่ได้วิ่งผ่านสถานีต่างๆ ในระหว่างทาง รถผ่านแต่ละสถานีอย่างรวดเร็วจนยากจะสังเกตรู้ว่าเป็นสถานีใดบ้างเท่านั้น

    การอบรมเมตตา กรุณา มุทิตา ไปจนถึงอุเบกขาด้วยวิธีพิเศษ คือ เชื่อพระพุทธเจ้าให้แน่วแน่มั่นคง ยอมเป็นยอมตาย เพื่อปฏิบัติตามที่ทรงสอนไว้จะได้ผลรวดเร็วดังนี้

    O ผู้มีเมตตา กรุณา และมุทิตา
    จะต้องใช้อุเบกขาแทรกไว้ทุกเวลา

    ผู้ยังไม่บรรลุผลสูงสุดของพรหมวิหารธรรม ยังพยายามตั้งใจอบรมพรหมวิหารธรรมอยู่ ควรต้องรู้ว่า ผู้มีเมตตา กรุณา มุทิตานั้น ควรอย่างยิ่งที่จะต้องใช้อุเบกขาแทรกไว้ทุกเวลา เหมือนเป็นยาดำที่จำเป็นต้องแทรกอยู่ในยาดีแทบทุกขนานไม่เช่นนั้นแล้ว ยาดีที่ขาดยาดำก็จะไม่เป็นยาดีที่สมบูรณ์ และพรหมวิหารธรรมก็จะไม่สมบูรณ์เช่นเดียวกัน

    เมตตาขาดอุเบกขา...ก็ผิด
    กรุณาขาดอุเบกขา...ก็ผิด
    มุทิตาขาดอุเบกขา...ก็ผิด

    เมตตากรุณาที่ผิด ก็เช่นปรารถนาเขาเป็นสุข พยายามช่วยให้เขาพ้นทุกข์เต็มกำลังความสามารถ เมื่อทำไม่ได้ดังความปรารถนาก็เป็นทุกข์ เพราะไม่วางอุเบกขา เช่นนี้แหละผิด

    แต่ถ้าทำเต็มสติปัญญาความสามารถโดยควรแล้ว แม้ไม่เกิดผลดังปรารถนาก็วางอุเบกขาเสียได้ ไม่เร่าร้อนด้วยความปรารถนาต้องการจะให้สมมุ่งหมาย เช่นนี้ก็เป็นเมตตากรุณาที่ไม่ผิด

    มุทิตา ความพลอยยินดีด้วยเช่นกัน มุทิตาที่ผิดก็เช่นไปพลอยยินดีด้วยกับการได้การถึงที่ไม่สมควรทั้งหลาย การได้การถึงที่ผิดที่ไม่ชอบเช่นนั้น ผู้มีมุทิตาที่แท้จริงในพรหมวิหารจะวางใจเป็นกลาง วางเฉยอยู่ได้ด้วยอุเบกขา ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแม้ด้วยมุทิตา

    O ใจที่เป็นอุเบกขา
    ไม่หวั่นไหวไปตามการแสดงออกภายนอก

    ผู้มีอุเบกขาในใจจริงนั้น การแสดงออกภายนอกเหมือนไม่มีอุเบกขาได้ เพราะผู้มีอุเบกขานั้นไม่หมายถึงว่า จะต้องไม่รับรู้ในคุณในโทษของสิ่งภายนอก ผู้มีอุเบกขาย่อมรู้ดีว่าปฏิบัติอย่างไรเป็นคุณ ปฏิบัติอย่างไรเป็นโทษ บางทีการวางเฉยทางกายวาจา เหมือนกับใจที่วางเฉยอยู่ด้วยความสงบ ก็อาจเป็นคุณ แต่บางทีก็อาจเป็นโทษ

    ฉะนั้นเมื่อการวางเฉยภายนอกจะเป็นโทษ ผู้มีพรหมวิหารธรรมข้ออุเบกขาพิจารณาเห็นแล้ว ก็ย่อมต้องแสดงออกตามความเหมาะความควร รักษาไว้อย่างหวงแหนที่สุดเพียงอย่างเดียว คือ ใจที่เป็นอุเบกขา ไม่หวั่นไหววูบวาบขึ้นลงไปตามการแสดงออกภายนอก

    O อุเบกขาที่แท้จริง สร้างความสงบอย่างยิ่งแก่ใจ

    ความสงบอย่างยิ่งของใจ ย่อมมีอยู่ได้เป็นปกติ ด้วยอำนาจของอุเบกขาที่แท้จริงในพรหมวิหาร ผู้มีใจยังไม่เป็นอุเบกขา บางทีก็สามารถแสดงอุเบกขาให้ปรากฏภายนอกได้

    หลายคนเคยพูดว่า “ฉันอุเบกขา” นั่นไม่หมายถึงว่า ผู้พูดมีใจเป็นอุเบกขาในพรหมวิหารธรรม แต่หมายเพียงการกระทำเท่านั้นที่ไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องๆ ไป ความสงบเป็นปกติของใจด้วยอำนาจของอุเบกขาหามีไม่

    O เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ล้วนสำคัญอย่างยิ่ง

    ถ้าจะอบรมพรหมวิหารธรรม ก็อย่าเห็นว่าเมตตากรุณาเท่านั้นสำคัญ มุทิตาและอุเบกขาก็สำคัญอย่างยิ่ง

    ไม่มีเมตตา กรุณา ก็จะมีใจโหดเหี้ยม ไม่มีมุทิตาก็จะมีความอิจฉาริษยา ไม่มีอุเบกขาก็จะไม่รู้จักวางเฉย ไม่รู้จักปล่อยวางยึดมั่นอยู่

    ความโหดเหี้ยม ความอิจฉาริษยา ความยึดมั่นไม่ปล่อยวางย่อมเป็นความไม่สวยไม่งามของจิตใจ ย่อมไม่เป็นที่พึงปรารถนาฉะนั้น เมื่อปรารถนาจะไม่ให้ได้ชื่อว่าเป็นคนโหดเหี้ยม ขี้อิจฉาริษยา หรือไม่ปล่อยวาง ก็ต้องอบรมพรหมวิหารธรรม เพื่อให้จิตพ้นจากสภาพที่ไม่งดงาม ไม่เป็นที่พึงปรารถนาดังกล่าว

    O ผู้ปรารถนาให้ตนเองมีจิตใจสูง มีจิตใจเย็น
    ต้องอบรมพรหมวิหารธรรมให้สมบูรณ์ บริบูรณ์

    ผู้ปรารถนาให้ตนเองมีจิตใจสูง มีจิตใจดี มีจิตใจเย็นสบาย ไม่มีโทสะ ไม่มีพยาบาท ไม่มีอิจฉาริษยา ควรต้องอบรมพรหมวิหารธรรมให้สมบูรณ์บริบูรณ์อย่าได้ว่างเว้น

    โอกาสที่จะแผ่เมตตามีอยู่ทุกเวลา มีสติระวังให้มีอุเบกขาไปพร้อมกันด้วย ก็จะเป็นพรหมวิหารธรรมที่ถูกต้อง สมบูรณ์ บริบูรณ์ ที่จะให้คุณแก่เจ้าตัวเต็มที่ก่อนให้แก่ผู้อื่น
     
  20. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    ส่วนของผมเป็นเรื่องกรุณาและมุทิตาครับ

    ในส่วนของกรุณาหลายๆครั้งที่ผมทำบุญใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสร้างพระหรือวิหารทานใดๆก็ตามผมมักจะอุทิศแผ่ส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย สัมภเวสีและวิญญานเร่ร่อนทั้งหลายและทุกๆท่านที่จะเป็นญาติผมก็ตามไม่ใช่ญาติก็ตามให้มาโมทนาในส่วนกุศลนี้และขอให้ท่านทั้งหลายพ้นจากความทุกข์ทั้งหลาย เรื่องของบุญกุศลกับโลกทิพย์เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ผมเคยมีประสบการณ์จากการปฎิบัติกรรมฐานมโนมยิทธิครับ เคยตั้งจิตอุทิศบุญกุศลทั้งหลายที่ได้เคยกระทำมาแล้วตั้งแต่อดีตชาติจนถึง ณ วินาทีนั้นให้แก่วิญญานท่านหนึ่ง เมื่ออุทิศส่วนกุศลเสร็จ กายทิพย์ของท่านมีความเปลี่ยนแปลงไปในทันที กายทิพย์ท่านสว่างไสวและหายวับไปในแทบจะทันที รู้สึกสุขใจที่ได้ช่วยให้ท่านได้พ้นทุกข์ครับ

    ส่วน มุทิตา คือ การรู้สีกยินดีเมื่อเพื่อนผมได้ดีโดยที่ไม่ได้รู้สึกยินร้ายใดๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...