"การกลายพันธุ์จนสูญสิ้นความศักดิสิทธิ์" ก่อเกิดจากพลังงานเก่าที่สะสมอยู่ภายใน

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 11 กรกฎาคม 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สิ่งที่ท่านควรเข้าใจควบคู่กับกระบวนการวิวัฒนาการ คือ "การกลายพันธุ์" ซึ่งเป็นที่เราไม่ได้พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นแก่ท่านทั้งหลาย หาก "กระบวนการวิวัฒนาการจากภายในโดยใช้สังขารเดียว" ที่เราได้เสนอแก่ท่าน สัมฤทธิ์ผล ก็จะไม่เกิด "การกลายพันธุ์" ขึ้น ซึ่งมีผลเสียต่อท่านและผู้อื่นอย่างมาก อนึ่ง การกลายพันธุ์นี้ ก่อให้เกิดมนุษย์ที่ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม อันเป็นผลจากพลังงานเก่าของโลกที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากใต้พื้นพิภพ เป็นพลังงานด้านลบ พลังงานมืดดำ พลังงานปีศาจ และพลังงานที่เต็มไปด้วยกิเลส ดังนั้น เราจึงต้องแจ้งเตือนแก่ท่านเรื่อง "การกลายพันธุ์ของมนุษย์" ที่จะทำให้ท่านแตกต่างไปจากที่ควรจะเป็น คือ ท่านควรจะวิวัฒนาการเป็น "อัศวินใสหุ้มเกราะ" ทว่า กระบวนการกลายพันธุ์กลับทำให้ท่านกลายสภาพเป็นอย่างอื่น เช่น ปีศาจร้ายในร่างของมนุษย์ และค่อยๆ สูญเสียความศักดิสิทธิ์ไปทีละน้อย สูญเสียความสว่างไปทีละน้อย ความมืดดำค่อยๆ กลืนกินจากภายในแล้วทับถมจนไม่อาจเยียวยาได้ นี่คือ "สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังจากกระบวนการปลดปล่อย" ที่เกิดจากพลังงานเก่าของโลกถูกปลดปล่อยออกมา และพลังงานเหล่านั้นอาจครอบงำผู้คนที่ไม่สามารถ "ชำระล้างพลังงานเก่า" เหล่านั้นได้ ดังนั้น เราจึงต้องหาวิธีเตือนท่านถึงอันตรายของการกลายพันธุ์นี้ โดยจะค่อยๆ อธิบายต่อไป
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สิ่งแรกที่ท่านควรเข้าใจคือ จักรวาลสร้างให้ท่านเป็นสิ่งศักดิสิทธิ์อย่างหนึ่ง


    จักรวาลไม่ได้ต้องการให้ท่านอยู่อย่างต่ำต้อยเลย ตรงกันข้ามจักรวาลต้องการสร้าง
    ให้ท่านเป็นสิ่งศักดิสิทธิ์เช่นเดียวกับสิ่งศักดิสิทธิ์อื่นๆ ในจักรวาล แต่การที่ท่านจะไป
    สู่ผลลัพธ์นั้นได้ ท่านจำเป็นต้อง "ศรัทธาในสิ่งศักดิสิทธิ์ต้นแบบ" เสียก่อน เมื่อท่าน
    มีต้นแบบแล้ว ท่านจึงมีแนวทางในการดำเนินไปได้ และจักรวาลก็มีต้นแบบที่ดีไว้ให้
    ท่านมากมาย ท่านสามารถเลือกได้ตามที่ท่านปรารถนา ผ่านเรื่องราวเล่าขาน อยู่ใน
    ศาสนา, ลัทธิ, นิกาย, คัมภีร์ธรรมต่างๆ ฯลฯ ท่านสามารถเดินตามแนวทางเหล่านั้น
    ได้ไม่ยากเลย ตามแต่ท่านจะศรัทธา และผลลัพธ์สุดท้ายที่จักรวาลต้องการคือ ไม่ได้
    ต้องการให้ท่านกับสิ่งศักดิสิทธิ์แตกต่างหรือแบ่งแยกกันแต่ต้องการให้ท่านหลอมรวม
    เป็นหนึ่งเดียวกันกับสิ่งศักดิสิทธิ์, ไม่แตกต่างกัน, ไม่แบ่งแยกกัน และแน่นอนว่าการ
    ดำเนินไปสู่จุดมุ่งหมายนั้นยากและลำบากเพียงใด เราและท่านล้วนรู้ดี ดังนั้น บางคน
    จึงเลือกที่จะเดินทางอย่างง่ายและเป็นไปได้มากที่สุดก่อน คือ เดินตามรอยทางของ
    สิ่งศักดิสิทธิ์ที่ไม่สูงเกินไป ไม่ยิ่งใหญ่เกินไป และตนพอเอื้อมถึงได้ นั่นคือ วิธีจะช่วย
    ให้ท่านเดินได้อย่างปลอดภัยที่สุดเพราะการก้าวสู่ "ความเป็นหนึ่งเดียวกันกับสิ่งศักดิ
    สิทธิ์" ได้นั้นท่านจะต้องได้รับการทดสอบมากมายจาก "สิ่งตรงข้าม" ที่คอยกีดขวาง
    ระหว่าง "ท่านและสิ่งศักดิสิทธิ์" อยู่ตลอดเวลา และหากท่านพลาดพลั้งไป ท่านอาจ
    กลายสภาพเป็น "มนุษย์กลายพันธุ์" ได้ในที่สุด และที่คือจุดอันตรายที่เราจะมาเตือน
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    กระบวนการ "กลายพันธุ์" ขวางกระบวนการวิวัฒนาการของท่านได้


    กระบวนการ "กลายพันธุ์" คือ "แบบทดสอบ" ที่สำคัญมากที่จักรวาลส่งให้แก่
    ท่านทั้งหลาย หากท่านสามารถผ่านการทดสอบได้ ท่านจึงจะทราบว่ากระบวน
    การวิวัฒนาการอย่างถูกต้องนั้น เป็นอย่างไร และแน่นอนว่าผลลัพธ์ไม่อาจจะ
    เทียบเคียงได้กับสิ่งที่อยู่บนโลกทั้งหลาย เพราะสิ่งที่อยู่บนโลกทั้งหลายก็ล้วน
    "ถูกพลังงานเก่าครอบงำ" ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคล, ตำราคัมภีร์ หรือองค์กร
    ใดๆ ก็อาจถูกพลังงานเก่าของโลกครอบงำหรือไม่ก็ได้ซึ่งท่านไม่อาจทราบได้
    ดังนั้น การใช้สิ่งที่อยู่บนโลกอ้างอิงนั้น ท่านจะเป็นที่จะต้องใช้อย่างระมัดระวัง
    และมีวิจารณญาณอย่างมาก เราจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะให้ท่านได้เชื่อมต่อให้
    ตรงยัง "แหล่งต้นกำเนิด" ของสิ่งนั้นๆ เช่น เรื่องราวของพระพรหม ท่านจะไม่
    อาจเข้าใจได้อย่างถ่องแท้เพียงแค่การอ่านตำราอันเกี่ยวข้องกับพระพรหม แต่
    หากท่านสามารถเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับพระพรหมได้ ท่านก็จะได้รับข้อมูล
    โดยตรงที่เชื่อมโยงผ่านพระพรหมไม่ถูกบิดเบือนด้วยสิ่งใดๆ บนโลกมนุษย์นั้น
    และท้ายที่สุด เมื่อท่าน "เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งศักดิสิทธิ์นั้นๆ แล้ว" ท่านก็ไม่ต่าง
    กับสิ่งศักดิสิทธิ์นั้น เช่น ท่านอาจพยายามเป็นหนึ่งเดียวกับพระอรหันต์ ถ้าท่าน
    สามารถทำได้สำเร็จ ท่านก็เป็นเช่นนั้นด้วย ไม่ต่างกัน และท่านสามารถทำกิจ
    เดียวกับสิ่งศักดิสิทธิ์นั้นได้ โดยไม่ต้องผ่าน "สิ่งใดๆ บนโลกนี้อีกต่อไป" เช่น
    การถ่ายทอดธรรมของพระอรหันต์ที่ไม่ต้องผ่านการอ้างอิง, อ่านตำรา เป็นต้น
    ทว่า หากมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทว่ามันกลายเป็น "การกลายพันธุ์" เสียก่อนละ?
    ท่านก็จะไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งนั้นๆ ได้แต่ท่านจะกลายพันธุ์เป็นสิ่งอื่น
    แทน นี่คือ "จุดที่เราต้องลงมาเตือนท่าน" เพื่อให้ท่านระวังไว้ และไม่ประมาท
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สิ่งที่ดูเหมือนจริงอาจกลายพันธุ์ สิ่งที่ดูเหมือนปลอมอาจเป็นของจริง?


    นี่คือ จุดที่ท่านต้องระวังอีกจุดหนึ่ง และไม่ประมาทในการพิจารณาจนเกินไป
    คือ บางครั้งของจริงอาจดูเหมือนของปลอม และของปลอมอาจดูเหมือนกับ
    ของจริง หรือก็คือ "การกลายพันธุ์อาจทำให้ท่านเชื่อว่าท่านสัมฤทธิ์ผลแล้ว"
    แต่นั่น "ไม่ใช่เลย" เป็นเพียงการกลายพันธุ์เท่านั้น อนึ่ง การกลายพันธุ์นี้ จะ
    เกิดขึ้นอย่าง "แนบเนียน" และ "ดูเหมือนจริงน่าเชื่อถือมาก" ตรงกันข้ามใน
    กระบวนการวิวัฒนาการที่สัมฤทธิ์ผล อาจให้ผลเป็น "ดูแตกต่างราวกับกลาย
    พันธุ์" มากก็ได้ สิ่งนี้ ท่านไม่อาจแยกแยะได้อย่างชัดเจน ไม่อาจระบุได้เลย
    จนกว่าท่านจะกลายเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ถ้าท่านกลายพันธุ์ไปแล้ว ก็
    จะเชื่อว่าท่านที่กลายพันธุ์ไปแล้วทั้งหลายคือ "ผู้สำเร็จจริง" แต่หากท่านได้
    สำเร็จผลของวิวัฒนาการจากภายในนี้จริง ท่านก็จะดูผู้อื่นที่สำเร็จผลเช่นกัน
    ได้ด้วย กล่าวคือถ้าท่านยังไม่ก้าวเข้าสู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ท่านย่อมมองไม่ออกว่า
    "อะไรจริง อะไรเท็จ" แต่เมื่อใดที่ท่านก้าวเข้าสู่ "ของเท็จ" ท่านนั้นจะเชื่อว่า
    "มันเป็นของจริง" ในขณะที่ผู้ใดก้าวเข้าสู่ "ของจริง" ก็จะเห็นสิ่งนั้นเป็นของ
    จริงด้วยเช่นกัน ดังนั้น สองฝ่ายที่แตกต่างกันนี้ ต่างก็เชื่อว่าตนนี้เป็นของจริง
    ด้วยกันทั้งสิ้น โดยผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสองฝั่งนั้น ไม่อาจจะล่วงรู้ความจริงได้เลย
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ความศักดิสิทธิ์ที่เกิดจากพลังงานจักรวาลและพลังงานเก่าของโลก


    ไม่ว่าจะเป็นพลังงานเก่าจากโลก หรือพลังงานจักรวาล ก็ล้วนก่อให้เกิดสิ่ง
    ที่เรียกว่า "ความศักดิสิทธิ์" ได้ทั้งนั้นต่างกันเพียงว่าเป็นความศักดิสิทธิ์ใน
    แบบใด "แบบจักรวาลยอมรับ" หรือ "แบบชาวโลกยอมรับ" ดังนั้นชาวโลก
    จึงไม่อาจทราบได้อย่างแน่ชัดว่าอะไรที่เป็นสิ่งศักดิสิทธิ์ของจักรวาล และ
    อะไรที่เป็นสิ่งศักดิสิทธิ์ของโลก (ที่พลังงานเก่าของโลกจัดสรรขึ้น) ทำให้
    ท่านที่เลือกนับถือสิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งสองแบบ มีวิธีการดำเนินไปที่แตกต่างกัน
    อย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ ผู้ใดที่นับถือสิ่งศักดิสิทธิ์ของโลก ก็จะวนเวียนติดอยู่
    ในโลกใบนี้ ส่วนผู้ใดนับถือสิ่งศักดิสิทธิ์ของจักรวาล ก็จะหลุดพ้นจากโลกนี้
    ได้ และกลับคืนสู่ "แหล่งกำเนิด" ของตนในจักรวาลได้ (ในทางเต๋าเรียกว่า
    "พลังฟ้า-พลังดิน" คือ พลังงานมีสองส่วนสำคัญ คือ พลังงานที่มาจากใต้
    ดินหรือมาจากโลกใบนี้ และพลังงานที่มาจากฟ้าหรือจักรวาล นั่นเอง) และ
    หากท่านยึดติดโลก, ยึดติดผืนแผ่นดิน มากเกินไป แน่นอนว่าท่านกำลังจะ
    ได้รับ "พลังงานเก่าของโลก" นี้อยู่ ซึ่งเป็นพลังงานภาคพื้นดิน ท่านก็อาจ
    จะกลายเป็น "สิ่งศักดิสิทธิ์ของโลก" ที่ชาวโลกต่างนับถือกันก็ได้ แต่หาก
    ท่านได้รับพลังงานจากจักรวาล ท่านก็อาจจะกลายเป็น "สิ่งศักดิสิทธิ์ของ
    จักรวาล" ซึ่งชาวโลกอาจไม่นับถือ, ไม่รู้จัก, ไม่เห็นค่า เลยก็ได้ ทว่า เมื่อ
    พิจารณาในหมู่ชาวโลกที่เข้าสู่อาณาจักรแห่งจักรวาลแล้ว (ไม่ยึดติดโลก)
    พวกเขาล้วนเข้าใจและยอมรับนับถือในสิ่งศักดิสิทธิ์ของจักรวาล มากกว่า
    สิ่งศักดิสิทธิ์ของโลกเสียอีก เพราะเขาได้เข้าใจถึงความแตกต่างของพลัง
    ทั้งสองแบบนี้อย่างชัดเจนแล้วนั่นเอง ดังนั้น การถูกครอบงำโดยพลังงาน
    เก่าของโลก จึงทำให้สูญเสียความศักดิสิทธิ์ในฐานะของจักรวาลไป และ
    การได้รับพลังงานจักรวาลอาจทำให้สูญเสียความศักดิสิทธิ์ในทางโลกไป
    สองอย่างนี้ ท่านควรทำความเข้าใจให้กระจ่าง และเลือกทางเดินท่านเอง
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เพื่อให้ท่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น เราจะไม่กล่าวให้สับสนว่า "สิ่งศักดิสิทธิ์ของจักรวาล" หรือ "สิ่งศักดิสิทธิ์ของโลก" มากนัก แต่เราจะขอกล่าวในนัยยะของจักรวาลไปเลย คือ สิ่งศักดิสิทธิ์ของจักรวาล ในที่นี้เรานับเป็น "สิ่งศักดิสิทธิ์ที่แท้จริง" และ "สิ่งศักดิสิทธิ์ของโลก" นั้น เราขอเรียกว่าเป็น "ผลลัพธ์จากการกลายพันธุ์" อันเกิดจากพลังงานเก่าของโลกเข้าครอบงำ ในมุมมองของชาวโลกทั่วไปแล้ว พวกเขาอาจยอมรับนับถือสิ่งศักดิสิทธิ์ของโลกมาก เช่น การยอมรับนับถือดาราดัง ถึงขนาดสร้างหุ้นจำลองแทน แล้วกราบไหว้บูชากัน แต่ในสายตาของจักรวาลแล้ว มองว่านี่คือ "การกลายพันธุ์" ก่อให้เกิดสิ่งที่นำพาผู้คนไปสู่ความหลงโลกและยึดมั่นถือมั่นโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งท่านทั้งหลายล้วนจะต้องพบเจอทั้งในรูปของวัตถุสิ่งของที่จับต้องได้แต่ไม่มีชีวิต, ในรูปของพลังงานทิพย์ที่ตาเปล่ามองไม่เห็น, และในรูปของตัวบุคคลที่มีชีวิตจับต้องได้ ฯลฯ ท่านล้วนต้องได้พบกับสิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งสองแบบ ซึ่งแน่นอนว่าท่านจะต้อง "ยอมรับนับถือสิ่งศักดิสิทธิ์ของโลก" ได้อย่างง่ายดาย จนกว่าท่านจะหลุดพ้นโลกอย่างแท้จริง ท่านจึงจะเข้าใจในสิ่งศักดิสิทธิ์ของจักรวาล และยอมรับนับถือสิ่งศักดิสิทธิ์ของจักรวาล ทั้งนี้ เราจะไม่ขอกล่าวแก่ท่านว่าสิ่งใดหรืออะไรที่เป็นสิ่งศักดิสิทธิ์ของจักรวาลหรือของโลก สิ่งนี้จะเป็น "แบบทดสอบ" ให้แก่ท่านทั้งหลาย ได้สอบให้ผ่านกันให้ได้ในท้ายที่สุด สำหรับวันนี้ขอจบการสื่อสารเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ...
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จบการสื่อสารจากจักรวาล


    ๑๑ ก.ค. ๒๐๑๑
    รับสื่อสารโดย "อพอลโล่"
     
  8. kongsin

    kongsin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +71
    ยังไงก็บอกเป็นแนวทางให้คิดหน่อยนะครับ
     
  9. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    พล่ามไปเรื่อย มีแต่แนวคิด แต่ไร้วิธีปฏิบัติ

    บ้าพลังจักรวาล !

    ที่เคยถาม ว่า กิเลส 5 ข้อ จะเอาไปใช้ยังไงให้เกิดคุณประโยชน์
    ยังไม่ตอบเลย ผ่านมาแล้วเป็นเดือน ตกลง หาคำตอบได้หรือยัง
    หรือ จักรวาลไม่มีคำตอบให้ หรือ จนปัญญาคิดไม่ออก

    จะเป็นผู้นำแนวคิดทั้งทีดันมาตายน้ำตื่นดิ้นไม่ออกเลยไม่กล้าตอบ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2011
  10. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214

    ผมช่วยตอบให้แทนได้ครับ แต่คุณตอบผมมาก่อนได้มั้ย ว่าคำตอบที่ผมจะให้คุณ

    คุณจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์จริงๆหรือเปล่า ?
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ในกระบวนการชำระล้างหรือการรับกรรมอย่างชาญฉลาด
    กิเลสเป็นแรงขับดัน แรงหนุน ให้คนยอมไปรับกรรมโดยดี
    เช่น กามนำพาคนไปหลงรักกันและได้เสียเป็นคู่ครองกัน
    และเพราะเหตุนี้เอง ทำให้คนสองคนได้ชำระกรรมกันได้
    กระบวนการเหล่านี้เป็นไปตามเหตุปัจจัยโดยธรรม หากไม่
    มีเหตุปัจจัยเหล่านี้ปรุงประกอบ กระบวนการก็ไม่ดำเนินไป
    สมมุติ คนไม่มีกามเลย เขาจะไม่เอาคู่ครอง ถามว่า แล้ว
    เขาจะหลุดพ้นได้ไหม? คำตอบคือ "ไม่ได้หรอก" เพราะ
    เขายังชำระกรรมกันไม่หมด (เขายังชำระล้างไม่หมดสิ้น)
    ดังนั้น กิเลสก็มีหน้าที่ของมัน เพียงแต่ผู้ที่มีกิเลสในขณะ
    กำลังสติปัญญาอ่อนกว่าโสดาบันนั้น จะชำระกรรมไปใน
    ขณะเดียวกัน ก็ "พลั้งเผลอ" ก่อกรรมเพิ่มเติมเข้าไปด้วย
    แต่สำหรับผู้สำเร็จโสดาบันขึ้นไปแล้ว กิเลสขับดันให้รับ
    กรรมแต่โดยดีคือ พอดี มีขอบเขต ไม่สืบภพเกิน ๗ ชาติ


    ส่วนประโยชน์ทางโลกย่อมเกิดขึ้นด้วยอำนาจของกิเลส
    อยู่แล้ว อย่างที่ท่านเห็น "โลกนี้ก็เจริญด้วยอำนาจกิเลส"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กรกฎาคม 2011
  12. น้ำใบเตย

    น้ำใบเตย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +20
    อนุโมธนา ทู๊วว ค่ะ ^^
     
  13. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    ตอบไม่ตรงประเด็น แถออกข้างๆคู
    กิเลศ 5 ข้อ ในทางพุทธศาสนา (ศีล 5)
    ที่ให้ลดให้ละวางนั้น แต่คุณบอกว่าของคุณให้มีกิเลสได้

    เลยถามง่ายๆ แค่ 5 ข้อว่า

    1. ปาณาติบาต ถือศีลโดยเว้นจากการเบียดเบียนชีวิต
    คนมีกิเสลชอบฆ่าสัตว์ เบียดเบียนชีวิต
    หากแต่คุณให้มีกิเสลได้ จะเอากิเสล ข้อนี้ไปใช้เกิดประโยชน์ผลอันใด

    2. อทินนาทาน ถือศีลโดยเว้นจากการเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้
    คนมีกิเลสชอบลักโขมย เอาของคนอื่นที่เขาไม่ได้ให้
    หากแต่คุณให้มีกิเสลได้ จะเอากิเสล ข้อนี้ไปใช้เกิดประโยชน์ผลอันใด

    3. กาเมสุมิจฉาจาร ถือศีลโดยเว้นจากการประพฤติไม่เหมาะสมทางเพศ
    คนมีกิเลสชอบเล่นชู้เมียชาวบ้าน ลูกเขาเมียใครไม่เว้น
    หากแต่คุณให้มีกิเสลได้ จะเอากิเสล ข้อนี้ไปใช้เกิดประโยชน์ผลอันใด

    4. มุสาวาท ถือศีลโดยเว้นจากการกล่าวเท็จ
    คนมีกิเลสชอบพูดโกหกไปเรื่อย
    หากแต่คุณให้มีกิเสลได้ จะเอากิเสล ข้อนี้ไปใช้เกิดประโยชน์ผลอันใด

    5. สุราเมรยมัชปมาทัฏฐาน ถือศีลโดยละเว้นการบริโภคสุรายาเมาอันเป็นที่ตั้ง
    แห่งความประทาท
    คนมีกิเสลชอบกินเหล้า
    หากแต่คุณให้มีกิเสลได้ จะเอากิเสล ข้อนี้ไปใช้เกิดประโยชน์ผลอันใด

    ถามชัดๆ ง่ายๆ 5 ข้อ ไม่ต้องไปไกลถึงจักรวาล
    หากแนวทางของศาสนาพุทธ คุณปฏิเสท แล้วแนวทางของคุณจะดีกว่าอย่างไร หากคุณ ตอบได้ั้เจนทั้ง 5 ข้อ จะมีคนศรัทธาคุณเยอะมาก เพราะ กิเสล 5 ข้อนี้ คนละเว้นยากมาก ของคุณให้มีได้ งั้นแสดงประโยชน์ให้ทราบด้วย เพื่อประโยชน์ของผู้คน

    หากตอบคำถามง่ายๆแค่ 5 ข้อนี้ไม่ได้ ก็ เลิกพ่นความคิดห่ามๆออกมาได้แล้ว อย่าหลอกลวงผู้อื่นต่อไป คุณจะได้บาปไปเปล่าๆ อย่า FAKE
    คุณก็รู้ตัวคุณว่า คุณไปลอกเขามา Post คุณแน่ใจหรือที่จะเป็นผู้นำพาผู้คน
    บิดเบือนคำสอนของศาสนา ไปเรื่อยแบบนี้ สุดท้ายคุณจะพา ตัวเองและผู้คนหลงทาง แล้วคุณสามารรับผิดชอบ ชีวิตและจิตใจ ของผู้คนเหล่านั้นได้หรือ เลิกทำบาปได้แล้วครับ
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    คนที่กลัวบาป, กลัวกรรม, กลัวกิเลส เพราะอะไร?


    มนุษย์ยุคหินผู้ล้าหลัง ยังไม่รู้จักไฟ ไม่กล้าเข้าใกล้ไฟเพราะอะไร?
    คำตอบก็ง่ายมาก "เพราะความไม่รู้" (อวิชชา) ความไม่รู้จักไฟ,
    ไม่รู้จักกิเลส, ไม่รู้จักกรรม, ไม่รู้จักบาป ฯลฯ ไม่รู้แจ้งแทงตลอด
    ในสิ่งเหล่านี้จึงไป "คิดปรุงแต่ง" สร้างสรรค์มรรควิธีต่างๆ ให้เป็น
    ทางหลุดพ้น, ทางหนีกรรม, ทางเลี่ยงกรรม, ทางข่มกิเลส ฯลฯ


    คนเราถ้ารู้แจ้งแทงตลอด เหมือนรู้จักไฟโดยถ่องแท้แล้ว ย่อมไม่กลัวไฟ
    ยกตัวอย่างเช่น คนที่ไม่รู้จักการฆ่าสัตว์ เห็นสัตว์ฆ่ากันเป็นทอดๆ ก็สงสาร
    แล้วอาจทำสิ่งที่ผิดธรรมชาติ ห้ามสัตว์ฆ่ากัน ทั้งที่สัตว์เหล่านั้น ธรรมชาติ
    สร้างสรรค์ให้มาเกิดในรูปนามอย่างนั้น เพื่อชำระกรรมกันอย่างนั้นอยู่แล้ว
    โดยธรรมชาติเองอยู่แล้ว คนที่เข้าใจ ไม่ได้ไปร่วมฆ่าด้วย และไม่ได้จะทำ
    การช่วยให้สัตว์พ้นจากการถูกฆ่าอีกด้วย แต่วางเฉยด้วย "ปัญญาที่แจ้งชัด"
     
  15. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571


    อ่ะ เกือบได้มา 1 ข้อแล้ว แต่ก็ยังไม่ตอบว่า จะเอากิเลสตัวนี้ไปใช้ได้อย่างไร ถามถึงการนำกิเลสตัวนี้ไปใช้ ไม่ได้ถามว่า จะฆ่าสัตว์หรือไม่ฆ่า

    แนวทางของคุณมัน ตัน อย่างชัดเจนจึงไม่สามารถตอบแบบตรงๆได้
    คงได้แต่ แสดงแนวความคิดอ้อมๆไป แถ ต่อไป

    ทางพุทธ ตรงๆเลยว่า กิเสลตัวนี้ ให้ ลด ละ เลิก





    ยังเหลือ อีก 4 ข้อนะครับ เอาตรงๆ อย่าแถ ถ้าไม่ไหวก็เลิกไปซะ บาปเปล่าๆ ยิ่งแถยิ่งเอาพุทธมาตะแบง เอาพุทธมาบิดเบือน ยิ่งได้บาป คุณเองก็รู้อยู่

    หลอกคนอื่นได้ หลอกจิตใต้สำนึกตัวเองไม่ได้

    ยังไงก็ สะสมบาปไว้มากๆแล้วไปแลกรางวัลในนรก นะครับ
    ... เพื่อนมนุษย์ ที่สุดจะเยียวยา
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    คำตอบ บางครั้งก็ไม่จำเป็น


    ถ้าเราพาเขามาใกล้คำตอบขนาดนี้แล้ว
    ต่อไป เขาก็จะได้ "คำตอบของเขาเอง"
    การไปตอบคำตอบสำเร็จรูปไปทุกอย่าง
    ก็อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด ก็ได้


    อีกประการ การให้คำตอบกับคนที่ไม่มี
    ปัญญาแจ้งด้วยตนเอง เขาก็อาจนำไป
    ใช้โดยการไม่มีปัญญาที่แท้จริงของตน
    เช่น อ้างคำตอบของเรา เพื่อไปฆ่าคน
    บางคน แล้วเอาเราไปพัวพันกรรมด้วย
    อันนี้ มันก็ไม่ควรตอบ ...




     
  17. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571



    หมดปัญญาจะแถ แล้วว่างั้น
    คุณตอบไม่ได้หรอก ยังไงก็ตอบไม่ได้ ผมรู้อยู่แต่ลองถามไปงั้นๆ

    เพราะ ศาสนา คือ ศาสนา
    เพราะ พุทธ คือ พุทธ

    แต่ คุณมัน FAKE
    ไปเอาแนวความคิดของ ญี่ปุ่นมา ดันแปลงเอาแนวทางศาสนามาดัดแปลง

    ไปไม่รอดหรอกครับ



    วันหลัง อย่าเอาพุทธไปบิดเบือน ได้บาปเปล่าๆ นะครับ
     
  18. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ลัทธิญี่ปุ่นแล้วยังไง
    คุณไม่ได้เป็นนายก
    ห้ามผมไม่ได้หรอก
     
  19. qwerty-ii66

    qwerty-ii66 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +9
    อ่ะ ไปกันใหญ่เชียว
     
  20. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    เกี่ยวอะไรกับนายก ไม่เข้าใจจริงๆ

    ผมจะเอาอำนาจอะไรไปห้ามคุณ

    แค่แจ้งให้ทราบ บอกกล่าว ชี้แนะ

    คุณจะสะสมบาป ไว้ใช้ในนรก ก็เรื่องของคุณ

    ผมก็เข้ามาสกัด FAKE ของคุณ ไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ คุณยัง พ่นความคิดห่ามๆ บ่อนทำลาย ศาสนา นำพาเยาวชน หลงทาง


    ศาสดวย ท้วยจักรวาล .....


     

แชร์หน้านี้

Loading...