การดูหนัง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย รสมน, 1 ธันวาคม 2009.

แท็ก: แก้ไข
  1. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ในชีวิตประจำวันของปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส ไม่ใช่แค่การดูหนังฟังเพลง อ่านนิยาย
    เท่านั้น แม้การดำเนินชีวิต ทุกๆขณะ ตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงหลับไป เริ่มตั้งแต่การอาบ
    น้ำแต่งตัว กินข้าว ขับรถเดินทาง ทำงาน ก็เป็นไปกับอกุศลทั้งนั้น อกุศลชวนะก็
    สะสมไปเรือยๆ เว้นแต่ขณะที่เป็นไปในการกุศล คือ ทาน ศีล และภาวนา ที่เหลือจิตก็
    เป็นไปกับอกุศลทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อเข้าใจตามเป็นจริงแล้ว ไม่ควรประมาทในการเจริญ
    กุศลทุกประการ

    จิตเป็นสภาพธรรมที่สะสม ขณะใดที่เป็นกุศลหรืออกุศลขณะนั้นก็สะสมไปในทางที่ดี
    หรือไม่ดีต่อไป ทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตา มีเหตุปัจจัยก็ได้เห็น ได้ยิน ได้ดูหนัง
    ได้ฟังเพลง ได้ยินธรรม การอบรมปัญญาคือเข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิดแล้ว ว่าความ
    จริงคือเป้นธรรมทั้งหมด อกุศลเกิดขึ้นเป็นธรรม กุศลเกิดขึ้นเป็นธรรม เข้าใจตรงนี้ก่อน
    ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ดังนั้นไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลง ไม่ดูหนังไม่ ฟังเพลงแต่ในขณะนั้น
    ก็มีสิ่งที่ควรรู้ อันดับแรกคือรู้ว่าเป็นไม่ใช่เรา แต่อย่างไรก็ตามเมื่อปัญญาเจริญขึ้นมาก
    ขึ้นก็ย่อมรู้ว่าอะไรควรเว้น อะไรควรเสพ สิ่งที่ควรเว้นคือสิ่งที่ทำให้อกุศลเจริญขึ้น สิ่งที่
    ควรเสพคือสิ่งที่ทำให้กุศลเจริญขึ้น ผู้มีปัญญาจึงเป็นผู้ไม่ประมาทในการเจริญกุศล
    ทุกๆประการและเห็นโทษในสิ่งที่ทำให้อกุศลเจริญขึ้นและไม่ทิ้งการฟังพระธรรม
    นี้เป็นเรื่องความละเอียด...ที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง
    เมื่อสรุปประมวลแล้ว ชวนจิตมี ๕๕ ประเภท
    เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นกริยา
    และ เป็นโลกุตตรวิบากจิต ๔ ประเภทด้วย.

    สำหรับโลกุตตรวิบากจิต ไม่เหมือนอย่างโลกียวิบากจิต
    ถ้าเป็นกุศลขั้นกามาวจรจิต ไม่ได้ให้ผลทันที หลังจากที่กุศลจิตนั้นดับไป
    หรือว่า ถ้าเป็นกุศลที่เป็นขั้นรูปาวจรจิตก็ดี อรูปาวจรจิตก็ดี เมื่อดับไปแล้ว
    บุคคลที่อบรมเจริญความสงบจนกระทั่งฌานจิตเกิดในภูมิที่เป็นมนุษย์...
    จะยังไม่เกิดเป็นพรหมบุคคลในทันที
    แต่ถ้ารูปาวจรกุศลจิตนั้นไม่เสื่อม และเกิดก่อนจะจุติจิต
    จะทำให้ปฏิสนธิจิตของบุคคลนั้น เป็นรูปาวจรวิบากจิต
    และทำให้เกิดในรูปพรหมภูมิ เป็นรูปพรหมบุคคล
    หรือถ้าอรูปาวจรกุศลจิตเกิดก่อนจุติจิต
    ก็จะทำให้บุคคลนั้นเกิดในอรูปพรหมภูมิ เป็นอรูปพรหมบุคคล.

    เพราะฉะนั้น
    กุศลอื่นทั้งหมด...ไม่ได้ให้ผลทันทีที่กุศลนั้นดับไป
    เว้นโลกุตตรกุศลจิต เท่านั้น
    ซึ่งเมื่อโลกุตตรกุศลจิตดับไป...
    โลกุตตรวิบากจิต คือ ผลจิต ต้องเกิดต่อทันที
    โดยมีนิพพานเป็นอารมณ์.

    เพราะฉะนั้น สำหรับโลกุตตรวิบากจิต ๔ ประเภท กระทำชวนกิจ
    เพราะฉะนั้น โลกุตตรวิบากจิต จึงเป็นชวนจิตด้วย
    รวมแล้วก็เป็นชวนจิต ๕๕ ประเภท.

    สำหรับสภาพธรรมที่จะมีกำลัง ที่จะเป็นอธิปติปัจจัยได้
    ต้องเป็นสภาพธรรม คือ จิตและเจตสิกที่มีเหตุเกิดร่วมด้วยอย่างน้อย ๒ เหตุ
    แต่จะไม่เกิดกับอเหตุกจิต ซึ่งไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วย
    และจะไม่เกิดกับโมหมูลจิต ซึ่งมีเหตุเกิดร่วมด้วยเพียงเหตุเดียว.

    สำหรับจิตที่ไม่เกิดร่วมกับเหตุ คือ จิตที่เป็นอเหตุกจิต
    อุปมาว่า เหมือนสาหร่ายที่ลอยไปตามน้ำ
    แต่สำหรับจิตซึ่งมีเหตุเกิดร่วมด้วย...อุปมา เหมือนกับต้นไม้ที่มีรากลึก
    ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดอก เป็นใบ เป็นผล
    ที่จะงอกงามเจริญเติบโตได้ ก็เพราะเหตุว่ามีรากฉันใด
    จิตที่จะมีกำลัง...ก็จะต้องประกอบด้วยเหตุ
    แต่ถ้าไม่ประกอบด้วยเหตุ...ก็อุปมาเหมือนกับสาหร่ายที่ลอยไปในน้ำ
    ไม่มีรากที่จะหยั่งลึก...ที่จะทำให้เกิดงอกงามไพบูลย์ได้ ฉันนั้น.

    เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา กำหนดอิริยาบทย่อย
    ให้ธรรมะเป็นทาน อนุโมทนากับผู้ที่ใส่บาตรตอนเช้าตามถนน
    หนทางหลายสาย และตั้งใจที่จะสวดมนต์ เดินจงกรมนั่งสมาธิ
    กำหนดอิริยาบทย่อย และได้ถวายสมุนไพรเพื่อทำนำปานะให้แก่คนที่รักษาศีล 8
    และได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ได้ถวายช้าวพระพุทธรูป
    ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...