ขอคำแนะนำครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ptham, 6 พฤษภาคม 2011.

  1. ptham

    ptham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +1,121
    ผมปฏิบัติแบบภาวนาพุทโธครับ หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
    จะใช้วิธีนับว่า พุทโธ1 พุทโธ2 ไปจนถึง 10 แล้วเริ่มนับ 1-10 ใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเราไม่ได้เอาจิตส่งออกไปข้างนอก และัการปฏิบัติของผมก็ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ไปกำหนดนะครับว่าจะต้องนั่งให้ได้นานเท่าไร ถึงเวลามันก็อยากจะถอนออกมาเอง ลืมตาดูนาฬิกาก็จะอยู่ในเวลา20-30นาทีนี่แหละครับ แต่ตามที่ผมได้อ่านตามหนังสือเกี่ยวกับการปฏิบัติมา ในระหว่างนั่งนั้นอาจจะเกิดแสงสีขึ้นหรือถ้านั่งไปได้ถึงระดับหนึ่งลมหายใจเหมือนจะหายไป คำภาวนาก็หายไป แต่สำหรับผมนั้นบางครั้งก็มีความสว่างเกิดขึ้นในจิต ไม่รู้คิดไปเองหรืออย่างไร และเรื่องของลมหายใจก็ไม่ถึงกับหายไป แต่รู้สึกว่ามันละเอียดขึ้นและเบาลงเรื่อยๆ แต่คำภาวนาก็ยังคงอยู่ครับ

    รบกวนผู้รู้ทั้งหลายให้คำแนะนำผมด้วย ว่าการปฏิบัติของผมนั้นถูกต้องหรือไม่ครับ
     
  2. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +333
    ลมมันจะละเอียดขึ้นๆ เบาลงๆ ถูกต้องและ
    คำภาวณาจะแน่นขึ้นๆ นิ่วแน่วในคำภาวณา
    จนที่สุดคำภาวณาจะขาดหาย หยุดลงไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
    เหลือเพียงแต่ลม ก็เอาจิตจับที่ลมสติตามที่ลม ละเอียดลงๆ เบาลงๆ
    จนที่สุด ลมเหมือนจะไม่มีลม ลมหายไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
    นั้นและคือลำดับๆของสมาธิที่ถูกต้อง เรื่องของแสง สี เสียง และอาการทางร่างกายทั้งหมด
    ทิ้งไปเสีย อย่าสนใจ ไม่สำคัญ ให้ดูรู้ลม สติตามรู้ลม รู้คำภาวณา พอแล้ว
     
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มันมีสองทางเลือก ให้พิจารณากระทำ แล้ว สอบสวนจริต ว่าลงให้กับทางไหน

    ข้อแรก ต้องเข้าใจให้ถูกก่อนเรื่องการ ส่งออก

    การบริกรรมพุทโธ ไม่ใช่การไม่ส่งออก แต่เป็นการ ส่งออกของจิต เมื่อบริกรรม
    แล้วนับหนึ่งก็ดี นับสองก็ดี นับเท่าไหร่ก็ดี ไม่นับเลยก็ดี ล้วนแต่เป็นการ ส่งออก
    ทั้งสิ้น อย่าทำความเข้าใจว่า กำลังไม่ส่งออก

    การส่งออกด้วยการบริกรรมนั้น มันต่างจากการส่งออกอื่นๆ เพราะ เรามุ่งส่งออก
    ไปทางเดียว เหมือนการเปิดน้ำแล้วให้น้ำไหลไปในท่อเดียวไปตรงๆ น้ำมีเท่าไหร่
    เวลามันออกจากปลายท่อมันจะแรงมีกำลัง ต่างจากการปล่อยน้ำไปในหลายๆท่อ
    ไหลไปตามนิมิต แสงสี ลมหาย หรือลมไม่หาย ซึ่งถือว่า นั่นส่งออกหลายท่อ
    ไปแล้ว หากจะใช้วิธีบริกรรม ก็ให้กลับมาบริกรรมเพียงท่อเดียว ส่งออกเพียง
    ทางเดียวเท่านั้น จนกว่าจิตจะประจักษ์การดับไปของคำบริกรรมตามความเป็นจริง
    ซึ่งจะพบความแรงและมีกำลังอย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ต้องถามใคร

    แต่หากว่า กระทำการส่งออกทางเดียวไม่ได้ ก็แปลว่า จริตเราไม่ลงให้กับวิธี
    ปฏิบัติแบบนั้น จิตใจอ่อนแอไม่มีอินทรีย์มากพอ ปล่อยให้จิตไคว่คว้า การส่ง
    ออกทางอื่นมาร่วม เช่น ส่งออกไปสำรวจว่าลมหายหรือยัง ส่งออกไปสำรวจลมอยู่
    ตรงไหน ส่งออกไปสำรวจลมว่ากระทบอยู่ที่ใด ส่งออกไปสำรวจว่าลมกลายเป็น
    นิมิต(แสง)หรือยัง ส่งออกไปสำรวจว่าแสงนำนิมิตอื่นยิ่งกว่ามาให้ดูไหม ส่งออกไป
    สำรวจว่านิมิตที่ออกไปรู้นั้นคือเรื่องอะไร ส่งออกไปรู้ว่าตนฝึกเหนือหรือเหมือนคนอื่น
    หรือยัง จะเห็นว่า ไม่ต่างกับคนที่มีเงินในกระเป๋าเท่าไหร่ ก็มุ่งแต่หิวอารมณ์จะต้อง
    การจับจ่ายใช้สอยเพื่อความสุขประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น แล้วย้อนกลับมาว่า เหล่านี้
    คืออาการฝุ้งซ่าน เสียกำลังทั้งสิ้น เมื่อจิตประจักษ์ว่านี่คือทุกข์ จิตจะสังเวชต่อการ
    ส่งออกของจิตแล้วตั้งมั่นขึ้นทีละน้อยๆ ค่อนๆสะสมกำลังเข้ามา จนกลับคืนสู่การส่ง
    ออกเพียงทางเดียว ท่อเดียว ในภายหลัง

    แล้วก็ทำไปอย่างนั้นไม่ตายไม่เลิก ไม่เพียร ไม่พัก
     
  4. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ถูกต้องแล้วครับ หมั่นทำบ่อยๆ แรกๆก้อาจจะต้องพึ่งนาฬิกา แต่หลังจากนั้นผู้ปฏิบัติมักจะไม่ต้องพึ่งนาฬิกา จุดมุ่งหมายของการทำสมาธิคือการทำให้จิตสงบให้จิตรวม เพื่อเกิดปัญญา..........
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ถูกแล้ว แต่เสียอย่างเดียว คือ ยังไม่มั่นใจในผลแห่งความสงบที่ตนเองสัมผัสมัน
    สัมผัส ความสงบตรงๆ ความดับทุกข์ลงไปตรงๆ
    ถ้ามันจะสงสัยขึ้นมา นั่นเป็นเพราะเรายังคลอน เรายังไม่ใช้สติจ่อลงไปในความสงบจน เราเชื่อมั่นใน การกระทำของเรา ที่ทำเอง รู้เอง สงบเอง

    ก็ให้หมั่นเจริญสติ ให้มาก สติที่ระลึกถึงอาการของจิต ว่า จิตรู้สึกอย่างไร มีอารมณ์ปรุงอย่างไร สงบอย่างไร
    แยกให้เป็น สังเกตุธรรมหรือความจริงให้เด่นชัด
     
  6. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    การปฏิบัติที่ถูกต้องนั้นต้องเกิดสติ ทำตัวรู้ให้เกิด รู้ว่าทำอะร หายใจเข้า ออก ก็รู้
    หนักเบาหรือหายไปก็รู้ ผูกจิตให้อยู่ในกาย
     
  7. Tiger Dear's

    Tiger Dear's MY HOMEWORK

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +301
    สมาธิ ฌาน มรรค ผล เป็นเหตุให้หมดเสี้ยนหนาม
    ถ้าได้ ปฐมฌาน แล้ว เสียงก็ไม่เป็นเสี้ยนหนาม
    ถ้าได้ ทุติยฌาน แล้ว วิตกวิจารก็ไม่เป็นเสี้ยนหนาม
    ถ้าได้ ตติยฌาน แล้ว ปีติก็ไม่เป็นเสี้ยนหนาม
    ถ้าได้ จตตุถฌาน แล้ว ลมหายใจก็ไม่เป็นเสี้ยนหนาม
    ถ้าหมดราคะ/โทสะ แล้ว ก็หมดเสี้ยนหนาม
    เมื่อละนิวรณ์ทั้ง ๕ ได้ เสี้ยนหนามของสมาธิก็ไม่มี
     

แชร์หน้านี้

Loading...