ขอเชิญเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี เพื่อสมทบทุนซื้อที่ดินถวายวัด

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี
เพื่อสมทบทุนซื้อที่ดินถวายวัด
ณ วัดป่าบ้านหาด

ตำบลบ้านเม็ง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น

****************************​

พระอาจารย์สุธรรม พุทธวโร และคณะกรรมการหมู่บ้าน ทายก-ทายิกา บ้านหาด ได้ซื้อที่ดินขยายเขตวัดเพื่อประโยชน์ในทางพุทธศาสนาและรองรับผู้มาแสวงบุญ
จึงขอเชิญชวนท่านทั้งหลายได้ให้การอุปถัมภ์เป็นเจ้าภาพทอดถวายกฐินสามัคคีในครั้งนี้
ขออำนาจพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จงคุ้มครองปกป้องรักษาให้ท่านเป็นสุขทุกเมื่อเทอญ.
กำหนดการ​

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
เวลา 07.30 น. ถวายภัตตาหารเช้า
เวลา 10.00 น. พิธีทอดถวายกฐิน เสร็จพิธี
ประธานกรรมการ
สมาชิกเวบไซท์พลังจิต

รองประธานกรรมการ

.........................

คณะกรรมการ
......................​

​

พระอาจารย์สุธรรม พุทธวโร เป็นพระลูกศิษย์อุปัฏฐากหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนแห่งวัดป่าบ้านตาดเป็นพระที่มีเมตตา เป็นพระนักพัฒนาที่ดำเนินงานตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยในที่ดินของวัด มีการขุดสระขนาดใหญ่ มากกว่า 5 สระ เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำในการปลูกข้าว และปลูกไร่มันสำปะหลัง ในส่วนของนาข้าว ได้ให้ชาวบ้านที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองมาทำโดยแบ่งข้าวคนละครึ่ง ซึ่งข้าวจำนวนหนึ่งพระอาจารย์ได้แบ่งไปทำบุญประทายข้าวเปลือกที่วัดป่าบ้านตาดกับหลวงตามหาบัว อีกส่วนแบ่งขายเป็นรายได้ไว้ใช้จ่ายและบำรุงศาสนสถานภายในวัด ส่วนไร่มันสำปะหลัง พระอาจารย์ได้จ้างชาวบ้านที่ไม่มีงานทำ มารับจ้างทำไร่โดยจ่ายค่าแรงวันละ 200 บาท ซึ่งถือว่าสูงมากในค่าแรงที่จ้างอยู่ในหมู่บ้านแถบนั้น เพื่อมุ่งหวังให้ชาวบ้านมีรายได้ มีงานทำ และได้เรียนรู้ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่ถูกต้อง โดยส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นมาเป็นที่ปรึกษาและช่วยเหลือในงานด้านการเกษตรต่าง ๆ นอกจากนี้พระอาจารย์ยังมีโครงการที่จะทำฟาร์มเลี้ยงหมูจาก CPF โดยให้ชาวบ้านในหมู่บ้านมาทำเพื่อจะได้ให้เขามีรายได้และอาชีพที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และหวังที่จะนำมูลและปัสสาวะของหมูที่เลี้ยงไว้มาทำปุ๋ย เพื่อใช้ในงานเกษตรที่มีอยู่ ซึ่งจากการกราบเรียนถามท่านถึงเหตุผลที่ทำ ท่านบอกว่า “ทำให้ชาวบ้านเค้าดูเป็นตัวอย่าง สำหรับเราไม่เอาอะไรแล้ว ถ้าไม่ห่วงลูกศิษย์ลูกหาหรือชาวบ้าน ไม่ทำให้ลำบากหรอก”

​

พระอาจารย์เป็นพระตัวอย่างที่มุ่งทำงานที่มีเจตนารมณ์ที่ตรงกับโครงการ ” บวร” ที่กลุ่มและคณะเราทำกันอยู่ โดยทำคนเดียวซึ่งแน่นอนว่าก็มีชาวบ้านที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเพราะมองว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่พระอาจารย์เองก็มองว่าถ้าชาวบ้านอยู่ไม่ได้แล้ววัดหรือพระเองจะอยู่ได้ยังไง ทั้งในช่วงที่มีภัยพิบัติหรือเวลาบ้านเมืองปกติดีก็ตาม พระอาจารย์เองก็พยายามมองหาคนที่จะเข้ามาช่วยหรือทำงานด้านนี้อยู่ แต่ผมเองก็ยังไม่กล้าที่จะรับปากท่านเพราะภาระทางโลกยังมากอยู่

​

ปัจจุบันนี้น้ำที่ท่วมอำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่นเริ่มลดระดับลงแล้ว โดยนาข้าวและพืชไร่ของชาวบ้านมากกว่าครึ่งได้รับความเสียหาย แต่นาข้าวของพระอาจารย์ซึ่งมีอยู่มากกว่า 30 ไร่ ไม่ได้รับความเสียหาย และไร่มันสำปะหลัง ที่มีอยู่มากกว่า 3 ล้านต้น ผมจำไม่ได้ว่ากี่ไร่ เสียหายเพียงไร่เดียว นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ถ้าชาวบ้านไม่มีกินในยามลำบาก วัดท่านพึ่งได้แน่นอน และในช่วงนี้พระอาจารย์จะทำกฐินสามัคคี เพื่อซื้อที่ดินเพิ่ม (ซื้อไปแล้วและเป็นหนี้เขาอยู่) รองรับงานด้านการเกษตรและรองรับผู้ที่จะมาปฏิบัติธรรมและแสวงบุญในอนาคต จึงถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะได้มีส่วนร่วมและส่งเสริมพระนักพัฒนาที่ทำงานตามกระแสพระราชดำรัสและตรงกับโครงการ “บวร” ของพวกเรา นอกจากนี้ท่านยังเป็นพระอาจารย์ที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนงานด้านพระบรมสารีริกธาตุ ที่กลุ่มและคณะเราทำกันอยู่ จึงขอเรียนเชิญทุกท่านที่มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคหรือเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีร่วมกัน

กราบโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

ยอดกฐินรวมของทางเวปไซด์,ที่ทำงานผมและยอดซึมซับจากผู้มีจิตศรัทธา 24,050 บาท
ได้ยอดกฐินรวมทั้งสิ้น 286,216 บาท
โมทนาบุญร่วมกันนะครับ

 

ผมหยุดรับวันที่ 19 พ.ย. นี้เท่านั้นนะครับ

เดิมทีผมตั้งใจจะเป็นรับเจ้าภาพคนเดียวแต่ด้วยปัญหาหลายอย่าง
รวมทั้งปัจจัยเองก็จำกัด เกรงจะเป็นการเบียดเบียนตนเองมากเกินไป

หลังจากที่ได้ปรึกษากับพี่เล็ก(อาจารย์คณานันท์) ว่าถ้าจะขอให้ทางกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ
เป็นเจ้าภาพร่วมกันได้ไหม พี่เล็กบอกว่าได้แต่ถ้าจะให้ดีควรให้สมาชิกเวปไซด์พลังจิตเรา
เป็นเจ้าภาพร่วมกันทั้งหมดสมาชิกทุกๆคนจะได้บุญด้วยกันทุกคน
ผมจึงได้โทรไปปรึกษากับพระอาจารย์ท่าน ก็ไม่มีปัญหาอะไร

 

หลายท่านคงสงสัยว่าทำไม ป่านนี้พึ่งจะมาลงกระทู้ รวมทั้งยังไม่พิมพ์ซองกฐินแจก
ทั้งที่งานกฐินจะเริ่มอีกเพียงไม่กี่วันข้างหน้า ผมอยากจะบอกทุกๆท่านว่าเดิมที
พระอาจารย์สุธรรมฯท่านกำหนดงานกฐินครั้งแรกไว้ในวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา
แต่ท่านเป็นห่วงลูกศิษย์อีกหลายๆคนที่จะไม่สะดวก เพราะจะต้องเตรียมทำโรงทาน
และงานกฐินที่วัดป่าบ้านตาดในวันที่ 30 ตุลาฯห่างกันเพียงวันเดียว จึงได้เลื่อนมาเป็นวันที่
21 พฤศจิกายน 2553

ซึ่งเดิมทีโยมอุปัฏฐากท่านหนึ่งที่เป็นเจ้าของโครงการบ้านจัดสรร
ที่อุดรฯและภูเก็ตขอเป็นเจ้าภาพกฐินคนเดียว โดยในเบื้องต้นจะสร้างกุฏิให้ท่านใหม่และ
สร้างถนนลาดยางเข้าวัดให้ท่าน ให้เสร็จก่อนงานกฐิน และแต่ท่านปฏิเสธที่จะให้ลูกศิษย์
คนนี้เป็นเจ้าภาพคนเดียวเพราะท่านไม่ได้ต้องการเงินเพียงอย่างเดียว อยากให้ลูกศิษย์
คนอื่นๆได้ร่วมบุญและสร้างบารมีกับท่านด้วย และท่านไม่อยากให้ลูกศิษย์
หลายๆคนเป็นกังวลในการทำบุญกฐินกับหลวงตาฯที่วัดป่าบ้านตาด และไม่
อยากทำอะไรก่อนหลวงตาฯ ทำอะไรใกล้กับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เกรงจะเป็นการไม่ควร
และไม่ได้กังวลอะไรที่จะไม่ได้เงินหรือเงินไม่พอจ่ายค่าที่ดิน เพราะคนที่พร้อม
จะจ่ายให้ก็พอมีอยู่แต่ท่านก็ไม่อยากรบกวนและอยากให้ลูกศิษย์คนอื่นๆได้ร่วมบุญ
กับท่านด้วย

ส่วนผมเองในเมื่อเป็นธุระและรับปากจะเป็นเจ้าภาพสายหนึ่งให้ท่า่น
ก็พยายามเต็มที่ๆจะกระจายบุญและให้เพื่อนๆสมาชิกได้บุญร่วมกัน
ซึ่งเมื่อสมาชิกส่วนใหญ่เป็นสมาชิกในเวปพลังจิตและเพื่อนๆร่วมงานที่บริษัท
จึงขออนุญาตที่จะไม่พิมพ์ซองแจก ส่งเป็น e-mail และ PM หากันและกระจายบุญร่วมกันดีกว่า

เก็บเงินค่าพิมพ์ซองกฐิน ไปช่วยเป็นเงินพิมพ์หนังสือธรรมมะของหลวงตามหาบัว
ที่ท่านสั่งพิมพ์ไปแล้วกว่า 170,000 บาท ดูความเมตตาของท่านสิครับ
นี่ยังไม่รวมพระบรมฯสมเด็จองค์ปฐมที่ท่านอธิษฐานจิตขอให้ท่านสงเคราะห์
ในทุกด้านโดยเน้นลาภเพื่อสงเคราะห์ลูกศิษย์ลูกหาในยามเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้
และยังมีพระเครื่องที่หลวงตามหาบัวท่านปลุกเสกให้ไว้แจกอีกจำนวนนึง แต่
ท่านคงเกรงว่าจะไม่พอแจกเลยทำหลายๆอย่างไว้แจกลูกศิษย์

 

จริงๆแล้วผมอยากให้ทุกๆท่านที่ร่วมบุญกับพระอาจารย์ได้รับทั้งพระบรมฯสมเด็จองค์
ปฐมและพระเครื่องที่ปลุกเสกโดยหลวงตามหาบัวฯ เพราะน้อยคนนักที่จะได้ เพราะโดย
ส่วนใหญ่จะทราบกันดีว่าหลวงตาไม่ให้ทำเหรียญหรือวัตถุมงคลใดๆ ให้มีแต่พระรัตนตรัย
เท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง แต่ลูกศิษย์ใกล้ชิดหลายๆกลุ่มคงจะรู้และทราบกันดีว่า ถ้าลูกศิษย์องค์
ใดได้จัดทำเพื่อเป็นกำลังใจแก่หมู่คณะแล้วมาให้ท่านสงเคราะห์ท่านก็ทำให้เพื่อเป็นกำลังใจ
และเครื่องยึดเหนี่ยวถึงครูบาอาจารย์

ในเบื้องต้น ถ้าท่านใดทำบุญหนึ่งร้อยบาทขึ้นไป ไม่ว่าท่านจะไปร่วมงานที่วัดด้วยหรือ
ไม่ก็ตามผมจะนำพระบรมฯสมเด็จองค์ปฐมฯ ที่พระอาจารย์ท่านอธิษฐานจิต
มาให้ท่านบูชาเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติ
และเพื่อความคล่องตัวในธุรกิจและหน้าที่การงาน อย่ามองว่าเป็นการขายหรือให้บูชานะครับ
เพราะเป็นสิ่งที่สูงค่ายิ่งอีกสิ่งหนึ่งในสามแดนโลกธาตุนี้ ที่ควรค่าแก่การสักการะบูชา

ผมเองอยากแจกให้ทุกๆท่านด้วยซ้ำไป แต่เกรงจะไม่พอ แต่ถ้าเหลือผมจะปรึกษากับ
พระอาจารย์อีกทีว่าจะขอแจกเป็นกรณีพิเศษให้กับท่านที่อยากได้้ ได้ไหม ส่วนหนังสือ
ผมจะพยายามนำมาให้กับเพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่านที่ร่วมบริจาคและเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
ส่วนพระเครื่องของหลวงตาฯ ผมขอดูจำนวนก่อนนะครับ ว่าพระอาจารย์จะแ่บ่งให้ผมได้
กี่องค์และเหลือจากแจกในงานแล้วเท่าไหร่ ผมจะนำมาแบ่งให้ผู้ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพและ
ร่วมทำบุญฯ โดยขอให้สิทธิ์กับท่านที่บริจาคมากที่สุดก่อนและไล่ตามลำดับลงไปตามสัดส่วน
ถ้ามีอะไรที่ชัดเจนผมจะนำมา update อีกครั้ง

มาร่วมบุญเป็นเจ้าภาพด้วยกันนะครับ

 

ร่วมบุญด้วยครับ

<table border="0" cellpadding="5" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td width="35%">ประเภทการทำรายการ</td> <td>โอนเงินให้บุคคลอื่น</td> </tr> <tr> <td width="35%">สถานะการทำรายการ</td> <td> สำเร็จ </td> </tr> <input name="heading" value="View Account Fund Transfer" type="hidden"> <tr> <td width="35%">หมายเลขอ้างอิง</td> <td>TRTR101105790068</td> </tr> <tr> <td colspan="2"></td> </tr> <tr> <td colspan="2">รายละเอียดการทำรายการ

</td> </tr> <tr> <td width="35%">
</td><td>
</td></tr><tr><td width="35%">เพื่อเข้าบัญชี</td> <td>052-2-59913-1 นายธานี อุปนันท์</td> </tr> <tr> <td width="35%">ชื่อบัญชี</td> <td>ธานี อุปนันท์</td> </tr> <tr> <td width="35%">จำนวนเงิน (บาท)</td> <td>100.00</td> </tr> <tr> <td width="35%">ค่าธรรมเนียม (บาท)</td> <td>0.00</td> </tr> <tr> <td width="35%">วันที่ทำรายการ</td> <td>05/11/2010 05:02:30 PM.</td></tr></tbody></table>

 

รับทราบและกราบโมทนาบุญด้วยครับ

 

งานนี้ได้บุญหลายอย่างครับ เป็นเจ้าภาพกฐินทาน
ธรรมทาน เพราะเงินส่วนหนึ่งพระอาจารย์ต้องนำไปชำระค่าหนังสือธรรมะ
ที่สั่งพิมพ์ไปแล้วทั้งหมดประมาณหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นบาทไว้แจกผู้ร่วมบุญครับ
นอกจากนี้ยังได้บุญจากการซื้อที่ถวายวัด นับเป็นวัตถุทานที่มีอานิสงค์มาก

 

อานิสงส์กฐินทาน........พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

ต่อไปนี้ จะพูดถึงอานิสงส์กฐิน เอาย่อๆนะ อานิสงส์ในการถวายกฐิน หรือว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายถวายสังฆทาน สังฆทานวันนี้เป็นสังฆทานของกฐิน การถวายสังฆทานทุกอย่างมีผลควบกับกฐิน เพราะเป็นวันของกฐิน ความจริงการทอดกฐิน ไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ผ้ากฐินทาน จะรับได้ก็ต่อเมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 หลังจากนั้น จะทอดขนาดไหนก็ตาม จะไม่เป็นกฐิน ฉะนั้น กฐินมีเวลากาลจำกัด

ทีนี้ ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้น การถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่าง เป็นอานิสงส์กฐิน

ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยพระองค์เกิดเป็น"มหาทุคคตะ" ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ" เวลานั้น พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง เป็นทาสของคหบดี เวลานั้น ถอยหลังจากนี้ไป 92 กัป ก็ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า"พระปทุมมุตระ"

วันหนึ่ง มหาทุคคตะ ไปดูงานทอดกฐินเขา เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใด เคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี(แต่ว่ากฐินนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อย จะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

"โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้น จะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า 500 ชาติ"!!!!......

นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือ นางฟ้า จุติแล้วก็เกิดทันที 500 ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติ!!!!

คำว่า"มหาเศรษฐี"นี่ มีเงินตั้งแต่ 80 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "มหาเศรษฐี" ถ้ามีเงินต่ำกว่า 80 โกฏิ แต่ว่าตั้งแต่ 40 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "อนุเศรษฐี"

เมื่อเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี 500 ชาติ !!!

ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นอกจากจะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล้ว บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ย่อมได้!!!.....นั่นก็หมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้!!!!

ฉะนั้น การทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท โปรดทราบถึงอานิสงส์ คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง รวมความว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่ายากจนเข็ญใจ จะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ!!!

สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี 3 อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบัน จัดกฐินเป็น 3 อย่าง คือ (1) จุลกฐิน (2) ปกติกฐิน (3) มหากฐิน กฐิน 3 อย่าง ย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน
คำว่า"จุลกฐิน" เวลานี้แปลงไป คงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้ คำว่า"จุลกฐิน" ก็หมายความว่า เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว คือ ผ้ากฐิน จะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้ สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน!!!.......

 

อานิสงส์แจกธรรมทาน

อานิสงส์จากการพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นวิทยาทาน ได้กุศล 10 ประการคือ
1. ทำบาปไว้ชาติก่อน จะผ่อนผัน
ได้ช่วยกันพิมพ์หนังสือ สื่อความหมาย
2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ไม่หมองกาย
ทั้งโรคร้ายอุบัติภัย ไม่พบพาน
3.แม้ศัตรูคู่แค้น แต่ปางบรรพ์
มาร่วมกันรับกุศล ไม่ล้างผลาญ
4.ทั้งปีศาจภูติผี และหมู่มาร
ไม่ระรานสิงเร้น ให้ห่างไกล
5.ปราศจากสิ่งร้าย สบายจิต
ชั่วชีวิตฝันดี ดวงแจ่มใส
ทั้งราศีมีมงคล ผลถูกใจ
สิ่งเลวไซร้ไม่เข้าฝัน นิรันดร์กาล
6. ตั้งปณิธานแน่วแน่ แผ่ความดี
ครอบครัวมีความสุข สนุกสนาน
มีอายุยั่งยืน ทุกคืนวัน
ไม่โลภโมโทสัน สุขสมบูรณ์
7.การพูดการกระทำ แต่กรรมดี
จะเป็นที่ลือไกล ไม่สิ้นสูญ
ผู้คนเคารพทั่ง และเทิดทูน
บริบูรณ์โชคลาภ รุ่งเรืองแรง
8.มีบริบูรณ์เลิศล้ำ ในทางโลก
ไม่ทุกข์โศกป่วยหาย กายเข้มแข็ง
ยามอำลาโลกไซร้ ได้เปลี่ยนแปลง
เป็นบุรุษกล้าแกร่ง เก่งการงาน
9.เกิดมาดีมีปัญญา สง่างาม
รูปไม่ทรามสมทรง สมคำขาน
บุญกุศลมากมาย เพราะให้ทาน
ไม่พบพานสิ่งชั่ว กลัวบาปกรรม
10.ให้ทุกชีวิตคิดวาง รากฐานไว้
ด้วยดวงใจใฝ่ธรรม นำลูกหลาน
ได้ไปเกิดเป็นคน มีผลงาน
กุศลทานได้พบปะ เทวะเอย

1. ผู้ใดจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ 1 เรื่อง แจกจ่ายทั่วไปกุศลผลบุญนั้นจักสามารถแก้บาปกรรมของชาติก่อนทั้งหมด
2. ผู้ใดจัดพิมพ์หนังสือธรรมะตั้งแต่ 2 เรื่องขึ้นไป แจกจ่ายอย่างกว้างขวาง กุศลผลบุญนั้นจักส่งผลให้ผู้นั้นเจริญด้วย ลาภ ยศ อายุ สุขะ พละ ได้บุตรหลานที่ดี เมื่อละสังขารจักได้จุติเป็นเจ้า (เจ้าพ่อหรือเทวดาชั้นต่ำ) ในโลกมนุษย์
3. ผู้ใดจัดพิมพ์หนังสือธรรมะอย่างต่อเนื่องตลอดไปและแจกจ่ายอย่างกว้างขวาง กุศลผลบุญนั้นจักส่งผลให้ผู้นั้นเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม เพียบพร้อมด้วยลาภ ยศ อายุ สุขะ พละ มีจิตผ่องใส และยังส่งผลถึงบุตรหลานอีก 3 รุ่น ให้เจริญรุ่งเรือง เมื่อละสังขารจักได้จุติเป็นเทพบุตร เทพธิดา ณ แดนสวรรค์

http://www.dhamboon.com/board/index.php?topic=364.0

 

อานิสงส์การถวายที่ดินเพื่อพระพุทธศาสนา

การถวายที่ดินไว้ในบวรพุทธศาสนานั้นนับว่าเป็นการทำบุญในฝ่ายวัตถุทานที่มีอานิสงส์มาก และผู้ที่ทำบุญถวายที่ดินนี้นับว่า เป็นผู้ที่มีความฉลาดและโชคดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเพราะผลทุกอย่างที่จะบังเกิดขึ้นหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็น กุฏิ โบสถ์ วิหาร หรือแม้แต่พระพุทธรูปทุกๆองค์ในวัด ตลอดจนผลแห่งธรรมทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นในศาสนสถานหลังจากที่ได้ซื้อที่ดินถวายนี้ ผู้นั้นจะได้รับผลแห่งกุศลดังกล่าวทั้งหมด เพราะทุกอย่างล้วนปลูกสร้างหรือบังเกิดมีขึ้นได้ก็ด้วยผืนแผ่นดินที่เราได้เป็นผู้สร้างถวาย

โดยเฉพาะเมื่อสถานที่แห่งนั้นได้เป็นสถานที่เป็นเหตุปัจจัยแห่งการสร้างสาธุชน และเป็นเหตุให้บังเกิดพระอริยะบุคคล อันมีพระโสดาบันเป็นต้น ตลอดจนถึงพระอรหันต์เป็นที่สุดแล้วนั้น ผู้ที่มีส่วนร่วมในการซื้อที่ดินถวายในบวรพุทธศาสนาแห่งนั้นก็จักได้รับอานิสงส์ดังกล่าวด้วย ยังจะเป็นบุญหนุนนำทำให้ผู้นั้นเจริญด้วยทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไป หากจักปราถนาพระนิพพานในปัจจุบันชาติ หากผู้นั้นสามารถทำกำลังใจเต็มบริบูรณ์ทั้ง 10 ประการแล้ว การหวังซึ่งพระนิพพานในปัจจุบันชาติก็มิใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้


จึงจักได้ขอกล่าวอานิสงส์ส่วนหนึ่ง อันจะบังเกิดจากการได้ถวายที่ดินเพื่อสร้างวัดหรือสถานที่สำหรับปฎิบัติธรรม ให้สาธุชนทั้งหลายได้มาทำความดี ทั้งการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ดังได้เรียบเรียงมาดังนี้

1. จักได้เกิดในถิ่นที่เป็นปฎิรูปเทส เหมาะแก่การทำความดี สร้างบุญบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป
2. ทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง ไม่มีตกต่ำ
3. มีความรื่นรมย์ทั้งในโลกมนุษย์และเทวโลก
4. ปรารถนาสิ่งใดที่เป็นบุญกุศล ย่อมสำเร็จได้โดยง่าย เป็นอัศจรรย์
5. ได้รูปกายที่สวยงาม เพียบพร้อมบริบูรณ์ด้วย รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ
6. ได้เป็นเทวดาที่มีศักดิ์ยิ่งใหญ่ มีทิพยสมบัติที่รุ่งเรือง ตลอดจนมีทิพยวิมานอันใหญ่โต และมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล
7. มีความสง่างามเป็นที่เคารพนับถือศัรทธาของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
8. มีพร้อมด้วยสุข 3 ประการ เข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้โดยง่ายและมีพระนิพพานเป็นที่ตั้งโดยไม่เนิ่นช้า
9. จะได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นผู้ปกครองแผ่นดินหรือผู้บริหารประเทศ เกิดในภายภาคหน้าจะมีที่ดินเป็นของตนเอง และเป็นที่ดินที่มีทำเลดี เป็นที่ต้องการของคนทั้งหลาย เราจะไม่ต้องเร่ร่อน ไม่อดอยาก
10. ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนแผ่นดินนั้นก็จะเจริญงอกงาม เหมาะแก่การประกอบสัมมาชีพตามปรารถนา เป็นทำเลดีค้าขายก้าวหน้า ปลูกพืชให้ดอกให้ผลงอกงามกว่าที่ใดๆ
11. เป็นกุศลหนุนนำทำให้เกิดการบรรเทากรรม ให้กับผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน ต้องเช่าเขา ถูกเขาโกงที่ หรือเกิดมาชาตินี้ต้องมาอยู่ที่แออัดคับแคบ แย่งกันอยู่ แย่งกันใช้

หมายเหตุ ทั้งนี้ยังมิได้แจกแจงผลบุญที่จะทำให้บังเกิดในสวรรค์ภูมิ และสุขคติภูมิต่างๆนับจำนวนกัปป์ไม่ถ้วน ตลอดจนทิพย์สมบัติอีกมากมาย ซึ่งเป็นผลแห่ง ทั้ง สังฆทาน วิหารทาน และธรรมทาน อันจะบังเกิดขึ้นจากการถวายที่ดินนี้เป็นเหตุอีกนานัปประการ



การทำบุญด้วยการถวายที่ดิน

ผู้ที่ทำบุญด้วยการถวายที่ดินแด่พระสงฆ์ นับว่าเป็นการสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ จะได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นผู้ปกครองแผ่นดินหรือบริหารประเทศ ความที่เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่จึงมีคนพากันยกย่องสรรเสริญจำนวนมาก ในเรื่องของความมั่นคงทางกายและใจ ไม่มีปัญหาอะไรเลยเพราะเป็นผู้ที่หนักแน่น ทำการใดก็เจริญและได้รับการยอมรับอยู่ตลอด จะมีความสุขทั้งชีวิตเลยทีเดียว

http://www.wimuttayaram.org/index.php?option=com_content&view=article&id=52:arnisong&catid=25:wat-events

อานิสงส์ในการซื้อที่ดินถวายวัด โดยแม่ชีมโนรา
ส่ง ผลให้ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนแผ่นดินนั้นก็จะเจริญงอกงามด้วยเพราะอานิสงส์ แห่งการถวายที่ดินให้แก่พุทธศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดภพชาติใดก็จะมีที่ดินเป็นของตัวเอง และเป็นที่ดินที่มีทำเลดี เป็นที่ต้องการของคนทั้งหลาย เราจะไม่ต้องเร่ร่อน ไม่อดอยาก เมื่อจากโลกนี้ไปแล้วจะมีวิมานที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล
แก้กรรม ให้กับผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน ต้องเช่าเขา ถูกเขาโกงที่ หรือเกิดมาชาตินี้ต้องมาอยู่ที่แออัดคับแคบ แย่งกันอยู่ แย่งกันใช้

http://www.maeshemanora.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=380557

 

อานิสงส์ถวายสังฆทาน วิหารทาน และธรรมทาน



ผู้ถาม “หลวงพ่อคะ ถวายสังฆทานให้พระองค์เดียวได้ไหมคะ”

หลวงพ่อ “ได้ แต่พระไปกินองค์เดียว พระองค์นั้นลงนรก นี่เรื่องจริงนะ อย่างฉันรับนี่ฉันรับองค์เดียว แต่ว่าองค์เดียวนี่ถือว่าเป็นผู้แทนคณะสงฆ์นะ อย่าไปกินไปใช้แต่ผู้เดียวนี่ไม่ได้ของเขาย่อมมีอานิสงส์สมบูรณ์แบบ พระองค์เดียวหรือพระ 3 องค์ ถือว่าเป็นผู้แทนสงฆ์ พระ 3 องค์ ก็แบ่งไปใช้แค่ 3 องค์ ไม่ได้ จะต้องไปรวมทั้งคณะ คำว่าสังฆทาน สังฆะ เขาแปลว่า หมู่”

ผู้ถาม “ลูกเป็นคนยากจนมีเงินน้อย อยากจะได้อานิสงส์มาก ๆ จะทำบุญอย่างไรดีคะ”
หลวงพ่อ “คืออานิสงส์จริง ๆ ต้องทำบุญให้มากที่สุดเท่าที่จะพึงทำได้ สมมุติว่าเรามีเงินอยู่ 10 บาท จะไปมาที่นี่เสียค่ารถ 6 บาท กินก๋วยเตี๋ยว 3 บาท ได้ครึ่งชามแล้ว หมดไป 9 บาท เหลือ 1 บาท เขียนที่หน้าซองเลยว่า เงินนี้ถวายสังฆทาน วิหารทาน และธรรมทาน อันนี้อานิสงส์มากเหลือเกิน จำนวนเงินเขาไม่จำกัด เขาจำกัดกำลังใจ ถ้ากำลังใจมุ่งด้านดีนะ


การทำบุญมาก ๆ คำว่า “ทำมาก” หมายความว่า ทำบ่อย ๆ แต่คำว่า “บ่อย” ไม่ต้องทุกวันก็ได้นะ คำว่า “มาก” หมายความว่า ทำเต็มกำลังที่พึงทำ ไม่ใช่ขนเงินมามาก เวลาทำบุญต้องดูก่อนว่า ค่าใช้จ่ายเรามีความจำเป็นเพียงไร ไอ้เงินที่มีความจำเป็นอย่านำมาทำบุญ มันจะเดือดร้อนภายหลัง และให้เหลือส่วนนั้นไว้บ้าง แล้วแบ่งทำบุญพอสมควร

และประการที่ 2 การทำบุญถ้าใช้วัตถุมาก แต่กำลังใจน้อยก็มีอานิสงส์น้อย ถ้าหากใช้วัตถุน้อย กำลังใจมีมากก็มีอานิสงส์มาก อย่างถวายสังฆทานที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทนำมานี่ลงทุนไม่มาก แต่อานิสงส์มหาศาล

ความจริงถ้าจะพูดถึงอานิสงส์กันจริง ๆ ละก็ รู้สึกว่าจะมากกว่าจัดงานที่บ้านหรือที่วัดตั้งเยอะแยะ ทั้งนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าถวายสังฆทานเราทำกันแบบเงียบ ๆ ไม่มีกังวล การบำเพ็ญกุศลแต่ละคราว ถ้ามีกังวลมากอานิสงส์มันก็น้อย เพราะว่าจิตที่เราเข้าสู่กุศล มันห่วงงานอื่นมากกว่า ไม่ตั้งจิตโดยเฉพาะ

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถวายสังฆทานในหมู่ตั้งแต่ 4 รูป ขึ้นไป ตามพระวินัย ท่านเรียกกันว่า คณะสงฆ์ ถ้าต่ำกว่านั้นเป็น คณะบุคคล ถ้าบุคคลเดียวเป็นปาฏิ
ปุคคลิกทาน ทานโดยเฉพาะ ทีนี้การถวายสังหทานแก่พระสงฆ์เป็นหมู่นี้มีอานิสงส์มาก”



͒?Ԋ?ʬ?ǒŠѧ??ҹ ǔ˒÷ҹ ᅐ?Ã?ҹ

 

ร่วมทำบุญกฐินสามัคคี เพื่อสมทบทุนซื้อที่ดินถวายวัดป่าบ้านหาด ตำบลบ้านเม็ง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น และค่าจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ

จำนวน 109 บ โอนให้แล้วนะคะ
อนูโมทนาบุญทั้งหมดทั้งปวง

<table border="0" bordercolor="#ffffff" cellpadding="5" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="top" width="34%">สถานะการทำรายการ</td> <td width="66%"> ธนาคารได้ทำรายการของคุณเรียบร้อยแล้ว </td> </tr> <tr> <td width="34%">หมายเลขอ้างอิง</td> <td width="66%">TRTR101106032447</td> </tr> <tr> <td colspan="2"></td> </tr> <tr> <td colspan="2">รายละเอียดการทำรายการ

</td> </tr> <tr> <td width="34%">จากบัญชี</td> <td width="66%">070-2-83627-1 MS. PANCHAN KONGSIRIRAT</td> </tr> <tr> </tr><tr> <td width="34%">เพื่อเข้าบัญชี</td> <td width="66%">052-2-59913-1 ธานี (กฐินวัดป่าบ้านหาด)</td> </tr> <!-- Adding Account Name UAT defect number 414--> <tr> <td width="34%">ชื่อบัญชี</td> <td width="66%">ธานี อุปนันท์</td> </tr> <!-- /Adding Account Name --> <!-- <tr> <td width="25%">สาขา</td> <td width="75%"> </td> </tr> --> <tr> <td width="34%">จำนวนเงิน (บาท)</td> <td width="66%">109.00</td> </tr> <tr> <td width="34%">วันที่โอนเงิน</td> <td width="66%">06/11/2010</td> </tr> <tr> <td width="34%">บันทึกช่วยจำ</td> <td width="66%">ร่วมทำบุญกฐินวัดป่าบ้านหาด จ.ขอนแก่น</td></tr></tbody></table>

 

อนุโมทนาสาธุบุญทุกๆกองกับทุกๆท่านครับ

 

รับทราบและกราบโมทนาบุญด้วยครับ

 

ขอร่วมกุศลด้วยครับ ๆๆ จะโอนให้ 200 บาท
ก่อน 20/11/53 ครับ

 

"จำนวนเงินเขาไม่จำกัด เขาจำกัดกำลังใจ ถ้ากำลังใจมุ่งด้านดีนะ"

มาเป็นเจ้าภาพกฐินร่วมกันครับ 10,20 บาท ก็ได้ครับ ช่วงนี้เป็นเทศกาล
กฐินแบ่งๆกันทำครับ ทำไม่ต้องเยอะก็ได้ แต่ควรทำบ่อยๆ

พระอาจารย์ท่านก็ไม่ได้เน้นเรื่องจำนวนเงิน อยากเห็นลูกศิษย์หรือผู้มีจิตศรัทธา
ที่มุ่งเห็น ผลที่จะเกิดแก่พระพุทธศาสนาและพุทธศาสนิกชนทั่วไปมากกว่า

ตัวผมเองอยากเห็นเพื่อนสมาชิกเข้ามาดู รับรู้ หรือโมทนาบุญร่วมกันมากกว่าครับ
เพราะถือว่าอย่างไรเสียก็เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ได้อานิสงค์เหมือนกัน

 

ยอดเงินกฐินจนถึงวันนี้ ได้ประมาณ 800 บาท
ว่างๆผมจะทำเป็น excel มา update ให้นะครับ
ในจำนวนนี้มีผู้ประสงค์ไม่ออกนาม 2 ราย
รายหนึ่งบริจาค 50 บาท
ส่วนอีกท่านบริจาค 10 บาท

"10 บาท"

06/11/2010 รายการเงินโอนโดยไม่มีสมุดคู่ฝาก 10.00 ยอดคงเหลือ 428.76 ธนาคารทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ 09497

ผมเห็นครั้งแรกใจผมยิ้ม เกิดปีติ และน้อมนึกถึงคุณยายแก่ๆท่านหนึ่ง
ที่วัดแห่งหนึ่ง ในอดีตผมไม่แน่ใจว่างานกฐินหรืองานบุญอะไร ใครบริจาคแกก็ยกมือท่วมหัว
ใครที่บริจาคมากหน่อยแกแทบน้ำตาไหล เหตุเพราะดีใจแทนเขาเหล่านั้น ที่มีบุญวาสนา
มีเงินทอง ได้ทำบุญตามใจปราถนาที่ผิดกับตัวแก เพราะลำพังเงินที่เขาบริจาคกัน
สามารถเลี้ยงชีวิตแกไปได้เป็นเดือน แต่แกก็ไม่ได้คิดน้อยใจในวาสนา เพราะนึกอยู่
เสมอว่า บุญเราคงไม่ได้ทำ ผลจึงทำให้ชาตินี้เราเกิดมาลำบากและขัดสนเช่นนี้
ดีใจ ไปกับเขาจริงๆ

ท่านผู้นี้ก็เช่นกัน ความจริงท่านจะโมทนาบุญเอาเพียงอย่างเดียวก็ได้
แต่ก็ยังยินดีที่จะเสียสละ ทรัพย์ ร่วมสมทบ บุญกฐินในครั้งนี้
ทานหรือทรัพย์ที่ท่าน เสียสละ ละแล้ว จาคะ ลงแล้ว ชนะแล้วซึ่งความตระหนี่
ในจิตใจ ไม่นิ่งเฉยในบุญที่ควรกระทำ กระทำแล้วซึ่งมรรคในข้อแรก(สัมมาทิฐิ)
อันจะเกิดผลสมบูรณ์ในมรรคข้อต่อๆไป จนถึงอริยมรรคในที่สุด
เพราะผู้คนในปัจจุบันนี้ เห็นชอบ เห็นดี เห็นควรด้วยในประโยชน์
ที่จะเกิดที่จะได้รับต่อส่วนรวม แต่หาคนลงมือทำและเสียสละได้น้อย
ท้ายนี้ผมอยากให้ท่าน pm ชื่อและที่อยู่มาให้ผมด้วยนะครับ รวมถึงท่านอื่นๆที่
ร่วมกันเป็นเจ้าภาพร่วมกัน เมื่อกฐินผ่านพ้น จะขอมอบวัตถุมงคล
ของพระอาจารย์และหนังสือธรรมมะไปให้ทุกๆท่านครับ
เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติ

"ทาน เมื่อให้หรือเสียสละจาคะ สิ่งใดลงไปแล้ว ปราถนาให้ผู้รับ หรือเห็นประโยชน์
ที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้รับแล้ว ใจเราเป็นสุข เกิดความแย้มยิ้ม เต็มตื้น ล้นขึ้นมาในจิตใจ นึกถึงครั้งใด ใจก็เป็นสุข ได้ชื่อว่าท่านผู้นั้นรู้และบรรลุแล้วซึ่งผลแห่งทาน"

กราบโมทนาทุกบุญๆทุกๆดวงจิต ทุกๆกำลังใจ ที่อิ่มแล้ว ล้นแล้วซึ่งผลแห่งทาน

 

วันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปช่วยบริจาคสิ่งของช่วยน้ำท่วมที่ลพบุรี กับทีมงาน พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ
และไปดูงาน "บวร" โดยไปดูงานต้นแบบที่วัดมงคลชัยพัฒนา ที่ในหลวงท่านเมตตา จัดทำ
ให้วัดแห่งนี้เป็นโครงการต้นแบบที่จะทำวัดให้เป็นที่พึ่งของชุมชน โดยมุ่งเน้นโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้คนในชุมชนก่อน โดยให้วัด
เป็นจุดศูนย์กลาง เพราะจะได้ผูกพันและง่ายในการที่จะอบรมจิตใจ ตลอดจน ศีลธรรมมีการปฏิบัติธรรมในที่สุด นอกเหนือจากความรู้ต่างๆที่เจ้าหน้าที่จากกรมวิชาการเกษตรจะถ่ายทอดความรู้ให้

ซึ่งพระอาจารย์เจ้าอาวาส(ขออภัยครับจำชื่อท่านไม่ได้) ได้เมตตารับเป็นที่ปรึกษา และเห็นดีในโครงการบวร ที่กลุ่มเราดำเนินงานกันอยู่ เพื่อให้ชาวบ้านมีที่พึ่ง ทั้งในยามปกติ
และยามเกิดภัยพิบัติ โดยท่านเองก็กำลังทำโครงการดึงญาติโยมเข้าวัดวันอาทิตย์ มีกิจกรรม
และถวายสังฆทาน ซึ่งท้ายที่สุดท่านอยากจะทำเป็นโครงการบวชเนกขัมมะ ในวันศุกร์เย็น
สึกวันอาทิตย์บ่าย เพื่อฝึกกรรมฐาน แต่ยังติดปัญหาเรื่องสถานที่และอาหารที่จะเลี้ยงผู้มาปฏิบัติธรรม
ซึ่งท่านย้ำเป็นครั้งสุดท้าย ว่าสุดท้ายก็ต้อง ฝึกจิตใจ

ซึ่งสมาชิกในกลุ่มต่างก็รู้กัน เพราะครูบาอาจารย์หลายๆท่านก็ พูดเช่นเดียวกัน
หากแม้เราช่วยให้เขารอดพ้นจากภัยพิบัติ จากภัยอันตรายที่จะเกิดในอนาคต
ให้ที่อยู่ ที่กิน ที่นอนแก่เขา แต่ถ้าลูกเมีย ครอบครัวเขาตาย หรือเห็นศพผู้คน
นอนตายเกลื่อน เป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่นศพ ถ้าคนที่ไม่ได้อบรมจิตใจ ฝึกกรรมฐาน
ไม่ยอมรับในกฏของไตรลักษณ์ และอริยสัจ4
เขาเหล่านั้นก็อยู่ไม่ได้ ไม่บ้า ก็ฟั่นเฟือน

ใครที่อยากรู้เรื่องงานของกลุ่มหรือชมรม พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ เข้าไปดูได้ในห้องภัยพิบัติ
นะครับ ทั้งในส่วนงาน "บวร",งานพระธาตุ,งานถวายมหาสังฆทานทุกเดือนที่บ้านสายลม,
งานสอนสมาธิของอาจารย์คณานันท์ ก็อยู่ในห้องนี้เข้าไปอ่านกันได้ครับ

อ่านและศึกษาเพื่อรู้ รู้เพื่อความไม่ประมาท รู้เพื่อความเตรียมพร้อม
พร้อมที่จะต่อสู้และรับมือในสิ่งที่จะเกิด เมื่อสิ่งนั้นเกิดแล้วเราจะไม่ตื่นเต้น
ตื่นกลัวและพร้อมที่จะเผชิญกับมัน

ขอความสุข ความสวัสดีจงมีแก่ทุกท่าน

 

กราบโมทนาบุญด้วยครับ กำลังรวบรวมปัจจัยให้ครับ รอวันที่มีสอนสมาธิที่เมตตาภิรมณ์ครับ

 

การบอกบุญคนอื่นให้ได้เต็มพลานิสงส์(หลวงปู่ครูบาชัยวงศา) ​

คนประเภทหนึ่ง เจตนาเอง ศรัทธาเอง หาทรัพย์ได้ด้วยตนเอง
ไปทำบุญเอง ประเคนเอง นี่ก็จำพวกหนึ่ง ได้บุญเต็ม

อีกพวกหนึ่งอยากทำบุญ รอเขามาบอกก่อนถ้าเขาไม่บอกก็ไม่ไป
รอให้เขามาบอก บังคับให้ไปเมื่อไรก็เมื่อนั้น
ถ้าไปอย่างนั้นได้แก่คนบอกบุญครึ่งหนึ่ง คนไปได้ครึ่งหนึ่ง

อีกพวก บอกก็ไม่ไป ไม่บอกก็ไม่ไป
อย่างนั้นหาผลบุญมิได้ได้เต็มแก่คนบอกเพียงผู้เดียว

ทำบุญด้วยตนเอง สร้างด้วยตนเอง ไม่บอกให้ใครรู้ เราได้บุญโขก็จริง
แต่ไร้ข้าบริวารเพื่อนมิตร อยู่แต่ตนเอง อย่างคนปัจจุบัน เวลาทำบุญไม่ยอมบอกใคร อยู่ด้วยตนเองไม่มีเพื่อน

ถ้าหากเราอยากทำเองจริงหมด ให้ประกาศนะว่า
พี่น้องทั้งหลายทุกคนจงโมทนาในบุญข้าเจ้า ด้วยนะ ใครอยากทำไรเสริมร่วมกะข้าเจ้าก็ทำ
ในที่สุดมาก็ขอโมทนาด้วยกันนะ เราก็เป็นใหญ่มีบริวารมากมายเยี่ยงต๋าป๊ะอิน
(พระอินทร์หมายว่าในอดีตพระอินทร์ทำบุญเดียวแต่ประกาศให้มิตรสหาย
มาร่วมมาโมทนาตายไปเลยได้เป็นเทวราชาเหนือเทพองค์อื่น)

พูดไหนก็ได้นั่น หากเขาไม่ทำไม่เป็นไร เราบอกเขาแล้ว อานิสงส์มันเกิดแล้วเน้อ

ที่มา ธรรมสวนีย์ ครูบาเจ้าชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน

การบอกบุญคนอื่นให้ได้เต็มพลานิสงส์(หลวงปู่ครูบาชัยวงศา)