ขายพระเก๊ หลอกลวงติดคุกนะครับ

เจ้าของหนังสือ ขายพระเก๊ ศาลสั่งจำคุก2ปี - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
อุทาหรณ์คนขายพระเก๊ ศาลอาญาสั่งจำคุกเจ้าของนิตยสารพระเครื่องดัง "โพธิ์เพชร" ให้เช่าพระเก๊นับ 10 องค์ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท พิพากษาลงโทษฐานฉ้อโกงจำคุก 2 ปีปรับ 1 หมื่น รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง และได้เช่าพระคืนแล้วจึงให้รอลงอาญา...

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 710 ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2281/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ฟ้องนายจงชัย จงจินตนาการ เจ้าของนิตยสารพระเครื่องโพธิ์เพชร เป็นจำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 49 จำเลยเป็นเจ้าของนิตยสารพระเครื่องโพธิ์เพชรรายเดือน และรับฝากซื้อฝากขายพระเครื่องต่างๆ หลอกลวงประชาชนทั่วไปด้วยการโฆษณาแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนทั่วไป โดยจำเลยจัดให้มีการเช่าซื้อ วัตถุมงคลพระเครื่อง พระบูชา พร้อมออกใบรับประกันว่าพระแท้ทุกองค์ อันเป็นการหลอกลวงให้ประชาชนทั่วไปที่อ่านนิตยสารพระเครื่องโพธิ์เพชรของจำเลย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรายหนึ่งหลงเชื่อ และจ่ายเงินเช่าซื้อพระเครื่องวัตถุมงคลจากจำเลย จำนวนนับ 10 องค์ รวมมูลค่าทั้งสิ้นจำนวน 2,233,400 บาท ทั้งที่เป็นพระปลอม เหตุเกิดที่แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยให้การรับสารภาพ ในระหว่างการพิจารณาคดี จำเลยได้เช่าซื้อพระเครื่องและวัตถุมงคลทั้งหมดคืน จากผู้เสียหายเป็นจำนวน 2,233,400 บาท พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงด้วยการแสดงความข้อความอันเป็นเท็จต่อ ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 1 ปี ปรับ 5,000 บาท ระหว่างการพิจารณาจำเลยได้เช่าซื้อคืนพระเครื่องจากผู้เสียหายแล้ว ประกอบกับจำเลยไม่เคยได้รับโทษทางอาญามาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี.
เตือนก่อนวายวอด สำหรับผู้ขายพระปลอม (ของเก๊ )
อ่านซักนิดจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับท่าน...กฏหมายการดำเนินคดีผู้ขาย """ พระปลอม """ ........
............มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่ สาม หรือทำให้ผู้ ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 342 ถ้าในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำ
(1) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ
(2) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอก ลวง
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา 342 อนุมาตราหนึ่ง อนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท ......
มาตรา 348 ความผิดในหมวดนี้ นอกจากความผิดตามมาตรา 343 เป็นความผิดอันยอมความได้
ข้อหาฉ้อโกง จำนวนเงินไม่ใช่สาระสำคัญ (ตัวบท...โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือ บุคคลที่สาม) 500 - 1000 บาท ก็แจ้งความได้ถ้ายังอยู่ในอายุความ 3 เดือนนับแต่รู้ว่าถูก หลอกและรู้ตัวผู้กระทำความผิด ขอให้เข้าองค์ประกอบความผิด...มี
1.คนร้าย ( ตัวบทบอกว่า .. ผู้ใด )
2.มีการหลอกลวง ( ตัวบทบอกว่า .. โดยทุจริต หลอกลวง ) ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง
3.ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน จะเป็นเงินหรือสิ่งของ อะไรก็ได้ หรืออื่นๆ ตามตัวบท
4.มีผู้เสียหาย หรือผู้ถูกหลอก
นำหลักฐานการถูกหลอกเท่าที่มีได้แจ้งความที่ท้องที่ที่เกิดเหตุ เช่น เราดูอินเทอร์เน็ตที่บ้าน โอนเงิน เข้าธนาคารใกล้ที่บ้าน ก็ไปแจ้งความที่โรงพักใกล้ๆบ้าน นั้นแหละครับ ยิ่งถ้าผู้ใด (คนร้าย) ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความ จริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ( ประกาศโฆษณาชวนเชื่อ ) ยิ่งเป็นความผิดยอมความไม่ได้ หลังจากแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัยดังกล่าวมาพบที่สถานีตำรวจ ถ้า ผู้ต้องสงสัยไม่มาพบเจ้าหน้าที่ ก็จะมีเหตุให้ต้องสงสัย ทำให้ขออนุมัติออกหมายจับได้ หมายจับจะมีอายุความ 5 ปี สำหรับติดตามตัวคนร้าย เมื่อใดผู้เสียหายพบตัวก็สามารถชี้และยืนยันให้จับกุมคนร้ายได้ทันที
ดังนั้นถ้าจะเอาผิดผู้ขายพระปลอม ทั้งที่ได้ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก็ตาม สามารถทำได้ครับ มูลค่าความเสียหายไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ทางกฏหมายถือว่าการแจ้งหรือประกาศอันมีลักษณะฉ้อโกงต่อสารธารณชน เข้าข่ายกระทำความผิดแล้วครับ
ทางเวป อยากให้คนปล่อยพระเก๊ทุกคนเข้าใจว่า อย่าเอาความศัรทธาของพุทธศาสนิกชนมาหากิน คนปล่อยพระแท้พระดีมีอยู่ แต่เหลือบไรสังคมที่ปล่อยพระเก๊ทำให้วงการนี้ตกต่ำ ....เงินแท้พระต้องแท้ และ พระแท้ต้องแท้ตลอดไม่ใช่แท้แค่ 7 วันหรือ 30 วัน..........

 

ข้อมูลดีมีประโยชน์ได้ความรู้อีกแล้วครับท่าน ขอบคุณสำหรับข้อมูล ขอรับ พี่มันตรัย

 

เยี่ยมครับ หวังว่าพวกบรรดาเซียนใหญ่บางคน จะได้เกรงกลัวบ้างครับ

 

ปัญหามันอยู่ที่ว่า

ใครจะกล้ามาเป็นพยานชี้ขาดว่า เป็นพระเก้

ยิ่ง พวกขายพระเก้ที่เล่นกันขบวนการ พรรคพวกเยอะ อิทธิพลเยอะ (นักเลงเยอะ) ด้วยแล้ว

ใครจะกล้าบอกศาลว่าเป็นพระเก้

 

เหมือนๆกับคดีฉ้อโกงทั่วๆไปที่เป็นข่าวตามหน้าสื่อต่างๆอยู่ทุกวันนี้และครับ ต้องจัดการขบวนการหลอกลวงนี้ให้หมดครับ ทีออกมาเพ่นพ่านแถวๆนี้จะรู้สึกบ้างมั้ยน้อ คริๆๆ ขอบคุณท่านมันตรัยมากๆๆครับผม.........

 

ถ้าทำได้จริง สังคมพระครื่องคงสะอาดขึ้นเยอะ พ่อค้าพระเก๊ คงได้ถึงคราวสำนึกกันบ้าง
ชาย

 

ทุกวันนี้ยังมีนิตยสารบางเล่ม ยังขายพระเก๊ดูง่ายๆราคาถูกๆ ไม่เกรงกลัวต่อบาป สงสารก็แต่คนที่หลงเชื่อเช่าไป กว่าจะรู้ตัวก็เลยกำหนดการรับประกันแล้ว(สังเกตุนิตยสารพวกนี้การรับประกันไม่นานหรอกครับ)

 

อีกพวกที่ทางการน่าจะจับมาจัดการก็พวกตำราพระเครื่องเก๊นี่แหล่ะครับ
บางเล่มซื่้อมาหลายพัน ศึกษาไปตั้งนาน ตอนดูก็ว่าทะแม่งๆ แต่ก็นึกในใจว่า
สำนักพิมพ์มาตรฐาน คงไม่ทำหนังสือพระเก๊รวมเล่มมาหลอกเราหรอกน่า
แต่พอศึกษาเยอะๆ ไป ถึงได้รู้ว่า นี่มันเก๊ทั้งเล่มเลยนี่หว่า แสบมากๆ ครับ
ชาย

 

พระสมเด็จเหรอครับ 555

 

รวมฮิตเลยครับหนังสือเล่มนั้น มีสารพัดครับ ชื่อ........วิเศษ
อะไรประมาณนี้แหล่ะครับ เฮ่อออออ
ชาย

 

น่าจะมีตัวอย่างอีกน่ะครับ แต่จะบอกว่า จริงๆมีคดีคาศาลอยู่หลายคดีครับ ต้องไปคัดมา ฟังชื่อแล้วจะอึ้ง พวกกระกรุ พระเกจิฯรุ่นเก่าๆราคาแรงๆน่ะครับ พี่ที่เป็นที่ปรึกษาบอกผมมาหลายปีแล้วน่ะครับ เขาเก็บข่าวกันครับ จึงเงียบ

อ่านข้างบน แล้วยังมีข้อสงสัยว่า

๑) โจทย์มีทนายร่วมกับ อัยการหรือไม่ ซึ่งผมว่าน่าจะมี มีค่าใช้จ่ายครับ ปกติ ครบ สาม ศาล ราคาแสนบาทครับ หรือแล้วแต่ตกลงกัน แต่ถ้าไม่มี อันนี้น่าสนใจ แสดงว่า ตำรวจรับแจ้งความและ ดำเนินคดี อัยการสั่งฟ้อง ก่อนมาถึงขั้นตอนนี้ น่าจะมีการ ประนอมกันมาก่อนหน้าแล้ว ดูท่าทีจำเลยที่สารภาพ น่าจะยอมกันก่อนขึ้นศาลซ่ะอีก และเมื่อก่อนขึ้นศาล ยกเว้นว่า ในกรณีนี้ ฉ้อโกงแบบยอมความไม่ได้ เจ้าพนักงานไม่ยอมประนอมด้วย ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้

๒) ต่อเลย ศาลที่ตัดสินเป็นศาลใด ใน สามศาล ถ้าแค่ศาลชั้นต้น ยังอีกยาวครับ และคดีแบบนี้ ยกเว้นไม่อุธรณ์ แต่ถ้ามีการติดคุก ผมว่าอุธรณ์แน่ๆครับ รายงานนี้อาจจะยังไม่ถึงตอนจบ และมาขึ้นศาล ศาลท่านก็อาจจะประนอมครับ เพระาถ้าดำเนินคดี ก็อาจจะมีการติดคุกครับ....แหะๆ

๓) การพิสูจน์เก๊ แท้ ศาลสามารถทำได้ครับ ในต่างประเทศ ศาลสามารถ จ้างผู้เชี่ยวชาญ ได้ สามคน ต่างกรรม ต่างวาระกันมาดูของ โหวตกัน ในต่างประเทศจะเป็นของเก่า แน่นอนค่าใช้จ่าย คนที่แพ้คดีน่ะโดนครับ ศาลไทย ผมไม่เคยได้ยิน แต่น่าจะสามารถทำได้ เพราะการฉ้อโกงไม่ได้มีแค่พระเครื่อง แต่ มีอย่างอื่นได้ พวก ของเก่า เหรียญกษาปณ์ รถยนตร์

ที่อยากจะออกความเห็นคือ เจ้าทุก หรือ โจทย์ ท่านเอาเรื่อง ต้องมีค่ายใช้จ่ายสูงและ เสียเวลาไปๆมาๆ คนธรรมดา กินเงินเดือน ถึงค้าขายก็เถอะ ทำได้ยาก

ผมอยากเสนอให้ผลักดัน องค์กรผู้คุ้มครองผู้บริโภค ที่มีทนายอยู๋ในองค์กร ถูกโกงก็นำไปแจ้ง ถ้าทนายขององค์กรดูว่ามีน้ำหนักก็ เจรจากับ คนที่ถูกกล่าวหา ถ้าไม่ตกลงก็แจ้งความ ทางอาญา และฟ้องแพ่ง เลย เมื่อคดีถึงที่สุด อาจจะมี เปอร์เซนต์ ของการฟ้องทางแพ่งมาเลี้ยงดูองค์กรครับ และ องค์กร นี้เป็นองค์กร กลาง ซึ่งน่าจะสนับสนุน ด้วยเงินจากรัฐ และ มีทนายอาสาครับ

จะเป็นจริงได้มากเลยครับ

และผู้ที่ขายพระเครื่อง น่าจะเหมือนขายของเก่า ต้องไปขึ้นทะเบียน ขอมีใบอนุญาตครับ เคยรณรงค์เรื่องนี้แล้ว อย่าน้อยมีอะไรคุม และ เก็บภาษีได้ ไม่เอาวงการพระเป็นแหล่งฟอกเงิน คนนำมาขายจะได้ไม่ซี้ซั้ว ดูพระไม่เป็นแต่ขายสมเด็จวัดมีระฆังได้ อะไรแบบนั้น เมื่อขึ้นทะเบียน มีใบอนุญาต การติดตามก็ง่ายขึ้น รู้ตัวตน อาจจะคิดหน้าคิดหลังก่อนที่จะโกงเขา

พระคาบลูกคาบดอกที่ดูยาก พระเก๊ ก็จะถูกคัดออกโดยกฎหมาย เพราะมีโทษครับ

พระใหม่ที่ทำ ต้องขึ้นทะเบียนขออนุญาตครับ ซึ่งจะได้อย่างน้อยมีกฎควบคุมได้ชั้นหนึ่งก่อน ส่วนรายละเอียด ก็พัฒนากันไป แต่อย่างน้อยให้มีหลักเกณฑ์ ไม่ใช่ ว่ากันเอง ไม่มีกฎอะไรคุม

ขอบคุณครับ

 

ท่าเป็นดัง พี่พีเสาวภา ว่าได้คงดีไม่น้อย ขอรับ น่ามีหน่อยงานผลักดันแต่ก็อีกละครับคนเสียผลประโยชน์ก็คงเบรคกันยางระเบิดเป็นแน่แท้

 

วงล้อของการพัฒนาต้องหมุน สังคมจึงดีขึ้นเรื่อยๆเพื่อลูกหลานในวันข้างหน้าจะได้ไม่เจอแบบเรา ถ้าทำให้วงการพระมีมาตรฐานได้ วงการพระก็จะเหมือนตลาดหุ้น คนมีเงินนิ่งๆ ไม่เก่งพระมาก ก็สามารถมาลงทุนได้ เพราะมีกฎหมายควบคุม

จะอยู่กันแบบนี้ไปอีก ห้าสิบปี ไม่ปรับปรุงอะไร ก็แบบนี้ครับ

และถ้า---พอใจ---กันอยู่แบบนี้ว่าดีที่สุดแล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไร ก็ต่างคนต่างว่ากันไป ครับ...แหะๆ