ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ พุทธศาสนา วัชระยาน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เทพธรรมบาล, 3 สิงหาคม 2012.

  1. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    [​IMG]

    กราบเรียนท่านผู้รู้ผู้สนใจในวัชรยานที่เข้ามากระทู้นี้ทุกท่าน
    เป็นความเข้าใจผิดอย่างมากของเราชาวพุทธในประเทศไทย ด้วยการรับรู้ในสิ่งซึ่งไม่ถูกต้องมาตั้งแต่ยุคการสื่อสารยังเป็นไปด้วยความยากลำบาก ในยุคนั้น คนไทยไม่มีใครรู้จัก วัชรยานเลย มาเริ่มรู้จักวัชรยานก็ด้วย นักปราชญ์ท่านหนึ่งของไทยได้แปลเรื่องราวของพุทธวัชรยานหรือตันตระยานจาก หนังสือฝรั่งเล่นหนึ่งซึ่งแพร่หลายมากในตะวันตกขณะนั้น ผู้เขียนคือ ออสติน แวดเดล ผู้ซึ่งเข้าไปหลบๆซ่อนๆแอบดู การประกอบพิธีของลามะในธิเบต โดยที่ไม่รู้เลยว่า มันมีความเป็นมาอย่างไร มีเหตุผลอย่างไร มีปรัชญาอย่างไร เมื่อเห็นแล้วก็นำมาใช้จิตนาการของตนเอง โดยอนุมานว่า คำว่าตันตระนั้นตรงกลับคำว่าตันตระของฮินดู คงจะไม่มีอะไรแตกต่างกัน แล้วนำมาเขียนเป็นหนังสือขาย แม้แต่ชาวตะวันตกเองก็เชื่อเพราะว่าเขาได้เคยไปธิเบตมา อย่างว่าแต่ชาวไทยซึ่งได้รับรู้เช่นเดียวกันและความกว้างขวางทางการรู้เห็นในขณะนั้นยังน้อยกว่าชาวตะวันตกมาก
    พุทธตันตระ นั้นมีหลักฐานอันยอมรับกันในปัจจุบันว่า มีมาก่อนฮินดูเป็นเวลานาน มีขึ้นและปฏิบัติกันในแวดวงของพระสงฆ์ไม่มากนักหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยว่าพุทธศาสนาเถรวาทในขณะนั้นรุ่งเรืองสูงสุด มีหลักฐานการได้พบคำสอนตันตระของท่านนาครชุนหลายเล่ม (พุทธศตวรรษที่5) ราวๆพุทธศตวรรษที่8-9 พุทธตันตระรุ่งเรืองมาก ในยุคของมหาวิทยาลัยนาลันทา ชาวฮินดูจึงได้นำปรัชญาแห่งตันตระไปใช้และได้ประยุกต์ให้เข้ากลับปรัชญาของตน (ขอให้ท่านไปอ่านหนังสือพุทธศาสนประวัติระหว่าง2500ปีที่ล่วงแล้ว โดยสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย หน้า351--)ด้วยความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม การใช้จิตนาการของเราก็ผิดมาโดยตลอด เมื่อกล่าวถึงพุทธตันตระจิตนาการก็จะนึกถึง เรื่องของ 5 ม ดังที่ท่านทั้งหลายได้กล่าวไว้ กระผมผู้ศึกษาและปฏิบัติพุทธตันตระยานโดยได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากพระลามะจากธิเบต แห่งนิกายณิงมาปะอันเป็นนิกายเก่าแก่ที่สุดของธิเบต ก็ไม่มีคำสอนจากท่านลามะและจากพระคัมภีร์ใดได้จารึกเรื่องเกี่ยวกับ 5 ม .ดังความหมายที่ท่านได้ว่าไว้เลย ขอยกตัวอย่างมุทรา ที่ท่านได้รับรู้ว่าเป็นไปเพื่อกระตุ้นกำหนัดนั้น ผมคัดลอกจากหนังสือเล่มเดิมหน้า359 มาตอบแทน ซึ่งให้ความหมายพื้นๆเท่านั้น ดังนี้ มหามุทราซึ่งเป็นชื่อระบบการทำสมาธิระบบหนึ่งในธิเบต ในลัทธิตันตรในพระพุทธศาสนาแบบอินเดียยุคแรกๆ มหามุทราถูกถือว่าเป็นสตรีเพศอันนิรันดร ดังจะเป็นได้จากคำจำกัดความของ อัทวยวัชร ว่า คำว่า มหากับมุทรา รวมกันเป็นคำว่ามหามุทรา มหามุทราไม่ใช่อะไรสิ่งหนึ่ง แต่พ้นจากการครอบงำของ สิ่งอันมองเห็นได้ มหามุทราส่องแสงเหมือนกันท้องฟ้าอันสงบในเวลาเที่ยงระหว่างฤดูใบไม้ร่วง มหามุทราเป็นเครื่องสนับสนุนความสำเร็จทั้งมวล มหามุทราเป็นเอกภาพแห่งสังสารวัฎฎ์และนิพพาน มหามุทรา คือความกรุณาซึ่งไม่จำกัดอยู่แห่วัตถุสิ่งใด มหามุทราเป็นเอกภาพแห่งควางสุขอันยิ่งใหญ่
    พุทธตันตระกับฮินดูตันคระ แม้จะเรียกเหมือนกันแต่ต่างกันหน้ามือเป็นหลังมือ การซึ่มซับฮินตูตันตระไว้แล้วจนเต็มเปี่ยมเมื่อมาได้ฟังคำว่าตันตระอีกครั้งก็นึกว่าเป็นอย่างเดียวกัน ความรู้พุทธตันตระที่ถูกต้องเพิ่งเริ่มเผยแพร่เข้าสู่ตะวันหลังจากธิเบตแตก หลังปีพ.ศ.2502นี้เอง การรับรู้เรื่องราวของตันตระโดยผ่านมาทางฮินดูอินเดีย สำหรับชาวพุทธก็เหมือนการหันหน้าผิดทิศเสียแล้ว การจะเดินต่อไปให้ถูกทิศจึงเป็นไปไม่ได้
    สำหรับผู้ที่นับถือ 5 มเป็นสรณะนั้น เราจะนับว่าเป็นชาวพุทธหรือ ดังเช่น ผู้ลักลอบนุ่งเหลืองห่มเหลืองในประเทศไทย หมดหนทางในการทำมาหากิน เที่ยวเรี่ยไร เป็นอาชีพเลี้ยงตัว ไม่เคยรู้เรื่องหรือปฏิบัติธรรมเลย แถมทำตัวเสียหายอีก เราจะนับว่าเขาเหล่านั้นเป็นพระสงฆ์ของเราหรือ ถ้านับสุดท้ายก็จะต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ต่อไป
    มหาสิทธะ คือผู้บรรลุในพุทธตันตระยาน ไม่ว่าท่านผู้นั้นจะเป็นสงฆ์หรือไม่ ท่านเป็นโยคี เป็นฤษี ท่านเป็นชาวบ้านธรรมดา แต่เมื่อท่านได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้น จนบรรลุในพุทธตันตระ ท่านก็เป็นมหาสิทธะ มิใช่ผู้ที่ปฏิบัติใน 5 ม แล้วก็เป็นมหาสิทธะ
    มีเรื่องราวอีกมากมายในพุทธตันตระยานที่เราสงสัยอยากรู้ ขอให้เราหาแหล่งที่ให้ความรู้อันถูกต้องต่อเรา ซึ่งก็คือ พระลามะจากธิเบตนั่นเอง
     
  2. สมภารสิน

    สมภารสิน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +57
    จะฮินดูหรือพุทธตันตระ ก็ไม่เกี่ยวกับ5ม.ทั้งนั้น มีแต่คนเข้าใจผิดไปเองและเข้าใจว่า ตันตระในยุคเสื่อมคือคำสอนแท้ๆๆ ของตันตระ แท้จริงแล้วตันตระคืออุบายวิธี คือวิธีปฏิบัติโยคะหรือสมาธิรูปแบบหนึ่ง ซึ่งก็ปฏิบัติกันมาก่อนยุคพระพุทธเจ้านานแล้ว ซึ่งป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อเวลาผ่านไปคนก็จะเข้าใจผิด หรือตีความผิดหรือเสื่อมไป จะศาสนาไหนก็เป็นอย่างงี้ทั้งนั้น แต่ตันตระในยุคแรกๆๆนั้นไม่ใช่การเสพ5ม.แล้วอ้างว่าไม่ยึดเลย แต่เป็นการนำเอา5ม.มาใช้เป็นอุบายในการพิจาณาอย่างแยบคายซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนในขั้นพื้นฐานมาพอสมควร จริงๆ แล้วทั้งกุณฑาลินีโยคะ หฐโยคะ และตันตระโยคะ นั้นเชื่อมโยงกันอยู่ทั้งสามพูดถึงการตื่นขึ้นของกุณฑาลินี เพียงแต่ในวิธีที่ต่างกัน
    และหฐโยคะอันเป็นที่มาของอาสนะที่เราฝึกๆ กันทุกวันนี้ก็มีรากฐานมาจากตันตระโยคะด้วย(ถ้าใครเคยฝึกหรือเรียนโยคะทั้งแบบพุทธแบบฮินดูจริงๆๆโยคะก็คือสมาธิไม่ใช่การดัดตนประหลาดๆๆเพราะถึงจะทำได้แต่ถ้ากายใจไม่ประสานกันจนสงบนิ่งเป็นหนึ่งเดียวกันก็ไม่ถือว่าเป็นโยคะ ) ตันตระนั้นกว้างมาก มันมีทั้งตันตระแบบปลอดภัยคนธรรมดารับได้ ซึ่งบรรลุช้า แต่ได้ผลชัวร์ หรือ ตันตระแบบแผลงๆ พิสดาร อันตราย ได้ผลไม่แน่นอน แต่ถ้าได้ก็จะได้เร็วมาก ถ้าคุณไม่บรรลุคุณก็จะต้องเป็นคนบ้าไป โดยรวมๆ ตันตระเป็นการฝึกฝนตนเอง
    เพื่อให้จิตนั้นกว้างออก และพลังปรานนั้นเป็นอิสระ(expansion of mind, consciousness และ liberation of pranic energy)เป็นการใช้จิตใจเราเป็นเครื่องมือในการบรรลุ เราทุกคนมีอารมณ์ความรู้สึก เช่น ความกลัว
    ประเด็นคือเราจะจัดการกับความกลัวนั้นอย่างไร? ในกรณีตันตระเราจะปลอดปล่อยมันจะเร้ามันไปจนถึงจุดอิ่มตัวจากนั้นมันจะจัดการตัวเองหรือทำลายตัวเองลง เราต้องเข้าสัมพันธ์กับมันตรงๆๆจะไม่พยายามเป็นคนกล้าในความกลัวสุดขีดนั้นเช่น การฝึกกับศพนั่นคือลากศพเข้าไปในคืนเดือนมืด แล้วท่องคาถาเรียกวิญญาณ (ตันตระเขาจะมีน่ะ)แล้วพยายามตั้งจิตให้มั่นอยู่อย่างนั้น ถ้าได้ก็บรรลุเป็นอิสระจากความกลัวในที่นี้ คือ ความกลัวสิ่งที่เรียกว่าความตายหรือเบื้องหลังความตาย ถ้าสัมพันธ์ไม่ได้คุณก็จะบ้าไปเลย ในทิเบตเขาจะเรียกคุณว่าวัชรธร ถ้าคุณผ่านจุดนี้มาได้นี่แค่ตัวอย่างหนึ่ง อันที่จริงตันตระเรียบง่ายยิ่ง เรียบง่ายจนดูบ้า และ มีอีกหลายกรณีนัก กรณีที่มีอคติกันก็คือ กามรมณ์

    นายออสติน แวดเดล ต้องการให้พุทธมหายาน แบบที่เขารู้จักเป็นจุดสูงสุดในแบบที่เรียนรู้มาเพราะแกเป็นผู้ศึกษามหายานคนแรกๆๆในตะวันตกก่อนที่เซนจะเข้าไปเสียอีก นั้นคือเขาเข้าใจพระสูตรมหายานทั้งหลายแต่นั้นยังไม่เพียงพอ เขาต้องมีประสบการณ์ด้วย ทว่าเบื้องหน้าเขามี ภูเขาลูกใหญ่คือตันตระ บดบังอยู่และนั้นคือสิ่งที่เขารับไม่ได้ ดังนั้นเขาจึ่งเขียนว่า นี่คือลัทธิที่นำความเสื่อมมายังพุทธ ยังฮินดุเป็นเรื่องน่ารังเกลียดของ5ม. ทุกวันนี้ชาวตะวันตกและปัญญาชนหัวก้าวหน้าในไทยต่างก็มีความเข้าใจที่ถูกต้องในตันตระแล้วดั้งจะเห็นว่ามีหนังสือพุทธและโยคะแบบฮินดู(ซึ่งก็คือตันตระ)ถูกตีพิมพ์มากที่สุดในบรรดาหนังสือทางจิตวิญญาณทั้งหมด คุณสองเปิดดูเว็ปขายหนังสือออลไลน์หมวดศาสนาในต่างประเทศดูสิ หรือ ลองไปเดินร้านขายหนังสือภาษาอังกฤษในห้างดูแล้วแวะไปหมวดศาสนาไปยืนอ่านยืนดูกว่า70-80เปอร์เซ็นส์ตันตระทั้งนั้น ไม่เอาร้านหนังสือไทยนะครับเพราะนั้นมีแต่หนังสือไสย์แต่อ้างว่าเป็นพุทธทั้งนั้น พูดให้ถูกก็คือส่วนใหญ่เป็นขยะ และชาวพุทธในตะวันตกส่วนใหญ่ก็เป็นวัชรยานเป็นอันดับสองรองจากเซนเท่านั้น(เพราะ เซนเข้าไปก่อนราวๆ40-50ปี) อีกประการก็คือไม่มีการยึดติดระหว่างนิกายพุทธหรือฮินดูในวิถีตันตระ ทั้งฮินดูในอินเดียและพุทธในทิเบตจะปฏิบัติร่วมกันไปมาหาสู่แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเป็นอย่างนี้มานับร้อยนับพันปีแล้ว นี่คือเหตุผลว่าทำไมเมื่อจีนบุกทิเบตชาวทิเบตจึ่ง
    ลี้ภัยไปอินเดียได้ทั้งๆๆที่ในยุคนั้นไม่มีชาติไหน?กล้ารับลามะทิเบตเข้าประเทศตน คุรุในตันตระทั้งแบบพุทธแบบฮินดูก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นสิทธาซึ่งกันและกันอยู่แล้ว (เขาเรียกสิทธาหมดถ้าได้รับการยอมรับว่าบรรลุธรรมขั้นสูงจริง) ความจริงพวกเขาไปพ้นลัทธิ พวกเขาถือว่าอ.คนสำคัญๆๆในอินดู หรือในพุทธต่างก็เป็นโยคีผุ้รู้แจ้งทั้งคู่ มีการนับถือยกย่องกันไปมา


    ถ้าอยากเข้าใจพุทธแบบตันตระให้อ่านอัตชีวประวัติ และ คำสอนของท่านนาโรปะ ฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษของ นาย กุลเทอร์ เป็นปฐมบท ก็จะเข้าใจได้ดีขึ้นว่าตันตระคืออะไร?ลองหาดูตามร้านขายหนังสือออนไลน์ฝรั่งดูฉบับแปลนี้แปลมานานแต่ก็ยังมีการตีพิมพ์แล้วพิมพ์อีก ได้รับการยอมรับว่าเป็นคูมือศึกษาตันตระที่ดีที่สุดเสมอมา

    นมัสเต(แปลว่า ข้าขอกราบคราวะ พุทธิปัญญา ความดีงามทั้งหลายในตัวท่าน)ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...