จะบาปไหม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย D_pat, 30 ตุลาคม 2012.

  1. D_pat

    D_pat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +499
    พอดีชอบทำบุญบริจาคเงินช่วยเหลือตามมูลนิธิต่างๆคะ แล้วก็เลยขอรับบริจาคขวดน้ำพลาสติกจากเพื่อนๆที่ทำงานด้วยกัน แล้วนำไปขายได้เงินมาก็นำไปบริจาคทุกบาททุกสตางค์ แต่ก็ได้เงินจากขายขวดน้ำไม่กี่บามแล้วส่วนตัวเราชอบทำบุญอยู่แล้วก็จะนำเงินที่ขายขวดได้ ครั้งละ30-40บาทมารวมกับเงินบริจาคของตัวเอง และเมื่อบริจาคแล้วเขาก็จะถามว่าจะเอาใบอนุโมทนาบุญไหม แล้วถ้าเราเอาใบอนุโมทนาบุญเพื่อจะได้นำไปลดหย่อนภาษีของตัวเองได้ แบบนี้จะถือว่าบาปไหมคะ
    แต่ยังไม่ได้ขอนะคะ สอบถามขอความคิดเห็นด้วยคะ
     
  2. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    ถ้าตามที่ว่ามา ก็ไม่บาปหรอกครับ อย่าคิดมาก
     
  3. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    *****พิจารณาก่อนเถิดท่านผู้หวังบุญ*****
    .....กรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกรรมกุศล หรือกรรมส่วนอกุศลนั้นเกิดขึ้นและส่งผลด้วยเจตนา
    *****จากในกรณีนี้นั้นอันเราขอแสดงทางไว้ดังนี้ คือ ด้วยจุดประสงค์ของท่านนั้นเป็นผู้ปราถนาดีด้วยหวังในบุญกุศลอันเป็นบุญกุศลที่สะอาด คือ การได้ทรัพย์มาด้วยความบริสุทธิ์แล้วจึงนำมาทำบุญ แต่ก็มีส่วนผลที่เป็นผลพวงจากการทำบุญอันจะส่งผลให้เกิดประโยชน์แก่ตนอันอาจจะเป็นเหตุให้ตนเองนั้นเกิดความขุ่นข้องหมองใจด้วยผลพวงของการกระทำนั่นก็คือใบอนุโมทนาอันเป็นผลต่อการลดหย่อนภาษี.
    *****ทีนี้เราขอถามท่านผู้ใฝ่บุญว่า ขวดพาสติกที่ได้มานั้นท่านได้มาด้วยอย่างใด? คือได้มาด้วยการขอ หรือได้มาด้วยการเก็บจากที่เขาทิ้ง.....หากได้มาด้วยการที่เขาทิ้งแล้วท่านนั้นไปเก็บมาอย่างนี้ก็ถือว่าไม่มีผลอะไรเพราะถือว่าสิ่งของนั้นขาดจากอำนาจของเจ้าของแล้วด้วยเขาทิ้งแล้ว...แต่หากได้มาด้วยการขอ แล้วท่านนั้นได้บอกจุดประสงค์ของการขอหรือไม่? หากท่านนั้นได้บอกจุดประสงค์ของการขอแก่ผู้ที่ท่านนั้นได้ขอมาว่าจะนำสิ่งของนั้นไปขายแล้วจะนำเอาเงินที่ได้มาไปทำบุญ แล้วท่านก็นำสิ่งของที่เขานั้นบริจาคมาหรือให้มาไปขายแล้วนำเงินที่ได้ไปทำบุญอย่างนี้ก็ถือว่าถูกต้องเป็นไปเจตนารมณ์ของผู้บริจาคหรือผู้ที่สละมา ....แต่ปัญหาันั้นไปอยู่ที่ว่าใบอุโมทนาอันจะเป็นผลประโยชน์ต่อท่านเองด้วยการที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ หากด้วยมองผิวเผินแล้วอาจจะเห็นว่าไม่ผิดเพราะเงินทุกบาททุกสตางต์นั้นก็นำไปบริจาคครบถ้วน แต่ผลที่จะตามมาแก่ท่านผู้ใฝ่บุญนั้นก็คือ ดวงจิตของท่านนั้นจะถูกบั่นทอนด้วยจิตที่หวังผลประโยชน์จากการทำบุญโดยไม่รู้ตัวในเริ่มแรก แต่จะเริ่มเกิดความทะยานยากในระยะปลายด้วยการทำบุญเรี่ยไรเพื่อหวังผลซึ่งมันจะสะสมไปเรื่อยๆ ประดุจหยดน้ำที่น้อยนิดเมื่อหยดลงตุ้มใหญ่เรื่อยๆทีละน้อยไม่นานน้ำก็จะเต็มตุ่มฉันท์ใดก็ฉันน์นั้น และที่สำคัญหากมีผู้ใดล่วงรู้ถึงผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำอันเป็นผลที่ได้มาจากใบอนุโมทนา ก็สามารถที่จะเกิดโลกวัชชะได้ คือไม่ผิดทางธรรมแต่ผิดทางโลกชาวมนุษย์จะติเตียนท่าน อาจถึงขั้นเสื่อมศรัทธาในตัวท่าน และถึงขั้นด่าทอท่านให้เสื่อมเสียด้วยเข้าใจว่าท่านนั้นเป็นผู้ใฝ่หาประโยชน์จากของที่เขาบริจาคให้.
    *****ขอยกตัวอย่างอีกเหตุการณ์ที่สามารถเทียบได้กับกรณีของท่านผู้ใฝ่บุญคือ สมมุติว่ามีคนผู้หนึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเขาเป่าประกาศแก่สมาชิกหมู่บ้านว่าเขานั้นตั้งใจที่จะสร้างหอระฆังให้แก่วัดประจำหมู่บ้าน เขาจึงเป่าประกาศรับบริจาคเงินเพื่อร่วมกันทำบุญสร้างหอระฆังนี้โดยตั้งค่าประเมินเป็นวงเงิน1ล้านบาท เมื่อมีสมาชิกในหมู่บ้านและประชาชนหมู่บ้านใกล้เคียงได้ร่วมสมทบทุนจนได้เงินครบตามจำนวนโดยใช้เวลาเรี่ยไรเงินด้วยการบอกบุญเป็นเวลา 3 เดือน แล้วหัวหน้าหมู่บ้านผู้นี้ในระยะเวลา 3 เดือนเขานั้นก็ได้นำเงินเข้าฝากธนาคารอยู่เรื่อยจบจำนวนเงินครบตามที่ต้องการ เขาจึงบอกแก่สมาชิกในหมู่บ้านและเป่าประกาศไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงว่าในขณะนี้เงินที่เราทั้งหลายได้ช่วยกันร่วมบริจาคมาได้ครบตามจำนวนแล้วเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท หัวหน้าหมู่บ้านนั้นจึงเริ่มดำเนินการก่อสร้าง แต่ผลที่เกิดขึ้นตามมาก็คือดอกเบี้ยของเงินที่ได้จากการฝากธนาคารสมมุติว่าร้อยละ 1 บาทต่อ3เดือนก็จะได้ดอกเบี้ยจากการฝากเงินเป็นจำนวน 1 หมื่นบาท ***ท่านผู้ใฝ่บุญ ท่านมีความเห็นว่าเงินจำนวนนี้สมควรที่จะทำอย่างไร?***
    .....เงินที่เป็นผลจากเงินฝากที่เป็นผลมาจากเงินที่เขาทำบุญมานั้นท่านเห็นว่าสมควรจะตกเป็นของใครกัน? นั่นแหละคือสิ่งที่เรานั้นกำลังจะชี้ทางให้แก่ท่าน. หากให้ตกเป็นของผู้ที่นำเงินไปฝากก็ถือว่าเขานั้นมีจิตใจไม่บริสุทธิ์ผลของบุญที่สร้างหอระฆังก็ได้อยู่ แต่ผลของกรรมที่เกิดจากการหวังเงินนั้นก็มีอยู่เช่นเดียวกัน.

    *****เราจึงขอชี้ทางสรุปแก่ท่านผู้ใฝ่บุญนั้นอย่างนี้ว่า เมื่อเราตั้งใจที่จะสร้างบุญบารมีด้วยประการใดแล้ว ขอเรานั้นจงเป็นผู้บริสุทธิ์ในขณะก่อนที่จะสร้าง๑ ในขณะที่สร้าง๑ และหลังจากการสร้างแล้ว๑ ผลบุญกุศลนั้นย่อมไพบูลย์เสมอ . อันเรานั้นขออนุโมทนามาด้วยประการฉะนี้แล.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2012
  4. D_pat

    D_pat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +499
    ขอขอบพระคุณสำหรับความคิดเห็นที่ดีๆคะ การขอรับบริจาคขวดน้ำพลาสติกนี้ได้บอกให้เพื่อนๆและพนักงานให้ทราบทั่วทุกคนคะ ว่าเงินที่ได้จากการที่รับขวดน้ำที่คนเขากินแล้วทิ้งถังขยะไปวันๆ นั้นจะเก็บรวบรวมไว้ที่ตัวดิฉันและจะนำไปขายนำเงินทุกบาททุกสตางค์ไปบริจาคคะ ขอขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ สำหรับคำแนะนำดีๆคะ เป็นประโยชน์อย่างมากคะ
     
  5. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ทำไมไม่แยกทำบุญออกเป็น 2 ส่วน เงินที่เป็นส่วนของเราเองทำบุญก็แยกออกมาส่วนหนึ่ง แล้วก็ขอใบอนุโมทนาก็ได้นี่ครับ

    ส่วนเงินที่ได้จากการนำขวดน้ำไปขาย ก็ไม่ต้องเอามารวม อาจจะไม่ต้องขอใบอนุโมทนา (แต่ถ้าต้องการให้เพื่อนๆที่ทำงานได้รับรู้รับทราบว่า ขวดน้ำต่างๆที่เราขอเขามาได้เอาไปขายและทำบุญแล้ว ก็ขอเป็นใบอนุโมทนาแยกต่างหากก็ได้นี่ครับ)

    ส่วนการนำไปลดภาษี มันก็เป็นสิทธ์ของเรานะครับผมว่า แต่ก็ควรเอาเฉพาะใบอนุโมทนา ในส่วนที่เป็นเงินของเราเองไปลดหย่อนภาษี
     
  6. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    จากตัวอย่างที่ยกมาให้อ่านกัน .. เงินที่เป็นดอกเบี้ย ควรจะนำไปทำบุญด้วย

    แต่ในกรณีของเจ้าของกระทู้ ก็สามารถเอาจำนวนที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ มาทำบุญต่อไป.. ก็จะถือว่าบริสุทธิ์ไหมคะ
     
  7. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    *****พิจารณาก่อนเถิดหนอท่าน ....จากคำกล่าวของท่านผู้สงสัยนั้นที่กล่าวว่า"แต่ในกรณีของเจ้าของกระทู้ ก็สามารถเอาจำนวนที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ มาทำบุญต่อไป.. ก็จะถือว่าบริสุทธิ์ไหมคะ"
    .....จากที่เรานั้นได้แสดงข้างต้นแล้วนั้น จะมีจุดสำคัญให้ท่านทั้งหลายพิจารณานั้นก็มีอยู่ด้วยกัน ๓ จุด แต่สิ่งที่เป็นจุดสำคัญที่เป็นหัวใจของการทำกุศลบุญเลยก็ตรงที่เรานั้นได้กล่าวว่า"*****เราจึงขอชี้ทางสรุปแก่ท่านผู้ใฝ่บุญนั้นอย่างนี้ว่า เมื่อเราตั้งใจที่จะสร้างบุญบารมีด้วยประการใดแล้ว ขอเรานั้นจงเป็นผู้บริสุทธิ์ในขณะก่อนที่จะสร้าง๑ ในขณะที่สร้าง๑ และหลังจากการสร้างแล้ว๑ ผลบุญกุศลนั้นย่อมไพรบูรณ์เสมอ .*****
    .....จากใจความข้างต้นนั้นก็คือ การมีจิตใจที่สะอาดในการสร้างบุญกุศลโดยกระทำตนเองนั้นไม่พัวพันในวัตถุทานที่ได้บริจาคไปแล้ว นั่นก็คือ การเป็นผู้สะอาดในเบื้องต้น สะอาดในท่ามกลาง และสะอาดในท้ายสุด.
    *****การที่ท่านกล่าวว่า เมื่อทำบุญไปแล้วเมื่อเราได้ใบอนุโมทนามาแล้วเราเอาไปลดหย่อนภาษี ก็ให้เราเอาส่วนที่ลดหย่อนภาษีที่ได้กลับไปทำบุญ.....จากกรณีนี้อันเรานั้นพิจารณาเห็นว่าเป็นการซ้ำซ้อนและยุ่งยากจนเกินไป คือเป็นการทำบุญซ้ำซ้อนด้วยตัวเราเองนั้นเป็นผู้ทำให้เกิดความซ้ำซ้อน.
    *****หากเราทั้งหลายจะเป็นผู้ตั้งกองบุญ เมื่อสำเร็จแล้วก็สมควรทำให้จบสิ้นโดยไม่พัวพันแก่ตนเอง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงโลกัชวัชชะ(ชาวโลกติเตียน) .....จากในกรณีนี้เราขอแสดงไว้เพื่อพิจารณาว่า ใบอนุโมทนาขอได้เพื่อเป็นการป้องกันการฉ่อโกงเงินบุญที่เราได้บริจาคไปแล้วด้วยเกรงว่าเขาจะนำเงินที่เราบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ แต่เราก็ไม่สมควรนำใบอนุโมทนามาลดหย่อนภาษีเพื่อประโยชน์ส่วนตนเพื่อให้หลุดพ้นจากความเสื่อมศรัทธาบุญของผู้ล่วงรู้ ทั้งยังจะเป็นการทำให้เรามีจิตใจที่บริสุทธิ์ด้วยตนเองเป็นผู้ไม่มีมลทิน บุญกุศลที่เราได้สร้างไปแล้วนั้นจึงมีอนุภาพแห่งบุญกุศลสูงยิ่งนักแล. ขออนุโมทนา.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  8. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ขออนุญาตแก้ไขคำผิดขอรับ..ท่านเนตรอิศวร..

    ผลบุญกุศลนั้นย่อมไพรบูรณ์เสมอ --->แก้เป็น ผลบุญกุศลนั้นย่อมไพบูลย์เสมอ

    โลกัชวัชชะ(ชาวโลกตริเตียน) --->แก้เป็น โลกวัชชะ (ชาวโลกติเตียน)..
     
  9. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    *****ขอบพระคุณที่แก้ไขให้ครับ ด้วยเรานั้นภาษาไทยก็ไม่ค่อยแข็งแรง ทั้งอาจจะไม่ค่อยได้เขียนบ่อยเพราะส่วนมากจะใช้ภาษพูดนานทีจึงจะใช้ภาษาเขียนขอท่านทั้งหลายโปรดอภัย ตอนเรียนประถมก็โดนครูตีบ่อยครับ ขออภัยท่านทั้งหลายมาด้วยโอกาสนี้*****
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2012
  10. โพธิบัลลัง

    โพธิบัลลัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +21
    เห็นในตอนนี้ก็มีข่าวอยู่เหมือนกันนะที่ทะเลาะกันเรื่องเงินบริจาคสร้างพระ
     

แชร์หน้านี้

Loading...