จับชายสังฆาฏิก็ไม่ถือว่าอยู่ใกล้

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 18 มีนาคม 2012.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,657
    จับชายสังฆาฏิก็ไม่ถือว่าอยู่ใกล้


    [​IMG]


    พระไตรปิฎก ของดี ล้ำค่า และมีความอัศจรรย์อยู่ในนั้นเพียบ!!!

    โดย..อ.ตุ้ย วรธรรม

    แต่แปลกไหม คนไทยไม่ (คิด) อ่าน ค้นคว้า ศึกษา เห็นแต่คนซื้อไปถวายวัด
    ถ้าวัดที่มีพระเณรค้นคว้าจริงจังก็ดีไป (แต่หายากนะ) เป็นอันสมมโนรถของผู้ถวาย แต่ถ้าถวายเข้าวัดแล้วอยู่ในตู้อย่างนั้นทั้งปี (ทั้งชาติ) แล้วไม่มีพระเณรรูปไหนเปิดตู้หยิบจับสักเล่มมาอ่าน ซ้ำปล่อยให้ฝุ่นเขรอะตู้ ก็น่าเศร้าใจแทนเจ้าภาพ
    จึงไม่อยากให้มองพระไตรปิฎกเป็นเรื่องของพระอย่างเดียว ฆราวาสอย่างเราท่านก็สามารถแสวงหาความรู้จากมหาขุมทรัพย์แห่งปัญญานี้ได้ทุกเมื่อ (ไม่สอนใครก็ไว้สอนตัวและลูกหลาน) เพราะคำสอนในพระไตรปิฎกล้วนเป็น “อนุสาสนีปาฏิหาริย์” สามารถเลือกหยิบจับมาใช้ในชีวิตได้อย่างมหัศจรรย์
    ตั้งแต่สัปดาห์นี้ไปผมใคร่ขอนำพระสูตรต่างๆ ในพระไตรปิฎก ซึ่งถือว่าเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ในตัว และถ้าปฏิบัติตามนั้นจะยิ่งเกิดผลดีแก่ผู้นั้น และวันนี้ผมเลือก “สังฆาฏิสูตร” มาประเดิม
    ขอบอกว่าไฮไลต์ของพระสูตรนี้อยู่ที่ ผ้าสังฆาฏิ.... ซึ่งก็แสดงว่าเรื่องนี้ต้องมีเรื่องเกี่ยวกับผ้าสังฆาฏิ (ผ้าที่พระสงฆ์ในปัจจุบันนิยมใช้พาดบนบ่าซ้ายเวลาต้องทำกิจวัตรและสังฆกรรมต่างๆ) มาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
    ไฮไลต์ก็คือ พระพุทธเจ้าตรัสเรียกภิกษุ (รูปไหนก็ได้) ที่แม้จะเดินเข้ามาจับชายสังฆาฏิของพระองค์ แล้วเดินตามหลังพระองค์ต้อยๆ ก็ถือว่าพระรูปนั้นยังอยู่ห่างไกลพระองค์ลิบลับ และพระองค์ก็ทรงอยู่ห่างไกลพระรูปนั้นเหมือนกัน
    แหม...พระพุทธเจ้าตรัสได้แหลมคมมาก แล้วพระแบบไหนล่ะที่พระองค์ทรงหมายถึง?
    ก็พระที่ยังมากไปด้วยความโลภอันไม่มีที่สิ้นสุด (อภิชฌา) ปล่อยใจไปในอำนาจความอยาก (ตัณหา) มากไปด้วย “พยาบาท” มีจิตอาฆาต เทียวโกรธ เทียวแค้นคนอื่น ดับความเร่าร้อนในใจไม่ได้ จิตใจไม่มั่นคง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
    เป็นมิจฉาทิฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม มีความกำหนัดมักมากในกามอย่างแรงกล้า ชอบคิดชั่วร้าย รวมถึงไม่รู้จักสำรวมอินทรีย์ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ของตน
    ถือว่ารูปนั้นยังไม่เห็นธรรม และเมื่อไม่ยังเห็นธรรม ก็ชื่อว่ายังไม่เห็นตถาคต นี่แหละที่ว่าถึงอยู่ใกล้ขนาดจับชายสังฆาฏิก็เหมือนอยู่ไกล
    กลับกัน พระรูปใดที่มีจิตใจที่ไม่ประกอบด้วยอภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฐิ ไม่มีความกำหนัดในกาม ไม่มีความคิดชั่วร้าย มีจิตใจมั่นคง และสำรวมอินทรีย์ แม้จะอยู่ไกลตถาคตเป็นร้อยโยชน์ก็ชื่อว่าอยู่ใกล้ และตถาคตก็อยู่ใกล้รูปนั้น ทั้งนี้เพราะรูปนั้นได้เห็นธรรมแล้ว และเมื่อได้เห็นธรรมจึงได้เห็นตถาคต
    คำว่า เห็น ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการเห็นด้วยตาเนื้อ (มังสจักษุ) หรืออวัยวะ คือ ตาที่เราใช้มองกันอยู่ทุกวันนี้ และไม่ได้หมายถึงการอยู่ร่วมกันทางรูปกาย แต่หมายถึงการเห็นด้วย “ญาณจักษุ” ตาคือปัญญา และการอยู่ร่วมกันด้วยธรรมกายต่างหาก
    พูดถึงพระสูตรนี้ ก็ต้องพูดถึงพระวักกลิเป็นตัวอย่าง
    พระวักกลิเมื่อบวชเข้ามาแล้ว พอได้เห็นพระรูปของพระพุทธเจ้าก็เกิดติดใจอย่างแรง ถ้าพูดกันสมัยนี้ก็คือติดใจในความหล่อของพระพุทธเจ้าชนิดถอนไม่ขึ้น เรื่องคิดที่จะปฏิบัติให้ได้บรรลุมรรคผลเลิกคิดเลย เพราะวันๆ ท่านจะคอยตามข่าวตลอดว่าแต่ละวันพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ไหนบ้าง แล้วท่านก็ต้องตามไปที่นั้น เพื่อแค่ได้มองพระพุทธเจ้า
    การที่ท่านแอบมองพระพุทธเจ้า อย่าเข้าใจว่าเป็นพระกระตุ้งกระติ้ง แต่เป็นลักษณะของการแอบปลื้มอย่างแรง ถ้าเปรียบสมัยนี้ก็เหมือนกับคนที่คลั่งไคล้ดารานักร้องเกาหลีนั่นแหละ ใครที่พลาดโอกาสก็จะเศร้าเสียใจ (หลายคนเป็นอย่างนั้น)
    อาการของท่านหนักจนพระพุทธเจ้าถึงกับใช้วิธีขับไล่หนี จนท่านคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการไปโดดเหวเพราะน้อยใจ แต่วินาทีโดดพระพุทธเจ้าไปปรากฏพระองค์ให้เห็น และท่านก็หยุดเหมือนสวรรค์มาโปรด
    แล้วพระองค์ก็ถือโอกาสเรียกสติท่านกลับมาด้วยการตรัสว่า จะมีประโยชน์อะไรกับการดูกายที่นับวันมีแต่จะเน่าเปื่อย ถ้าอยากดูตถาคตตลอดไปก็ต้องเห็นธรรมก่อน ปรากฏด้วยพุทธวาจาทำให้ท่านมุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรจนได้เห็นธรรม
    เห็นพระพุทธเจ้าตรัสเช่นนี้ ชวนให้นึกถึงลูกๆ ที่อยู่ปรนนิบัติพ่อแม่ ก็อย่าได้ปฏิบัติตัวที่จะทำให้พ่อต้องถึงขั้นเอ่ยปากว่าลูกคนนี้ถึงจะอยู่ใกล้ชิดปรนนิบัติในเรือน (แท้ๆ) แต่ก็เหมือนอยู่กันไกลแสนไกลนะครับ

    ----------
    จับชายสังฆาฏิก็ไม่ถือว่าอยู่ใกล้ - โพสต์ทูเดย์ ข่าวธรรมะ-จิตใจ
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๕

    ๓. สังฆาฏิสูตร
    [๒๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้ภิกษุจับที่ชายสังฆาฏิแล้วพึงเป็นผู้ติดตามไปข้างหลังๆ
    เดินไปตามรอยเท้าของเราอยู่ไซร้ แต่ภิกษุนั้นเป็นผู้มีอภิชฌาเป็นปรกติ มีความกำหนัดแรงกล้า
    ในกามทั้งหลาย มีจิตพยาบาท มีความดำริแห่งใจชั่วร้าย มีสติหลงลืม ไม่รู้สึกตัว มีจิตไม่ตั้ง
    มั่น มีจิตหมุนไปผิด ไม่สำรวมอินทรีย์ โดยที่แท้ ภิกษุนั้นอยู่ห่างไกลเราทีเดียว และเราก็อยู่
    ห่างไกลภิกษุนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุนั้นย่อมไม่เห็นธรรม เมื่อไม่เห็นธรรมย่อม
    ชื่อว่าไม่เห็นเรา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้ภิกษุนั้นพึงอยู่ในที่ประมาณ ๑๐๐โยชน์ไซร้ แต่
    ภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่มีอภิชฌา ไม่มีความกำหนัดอันแรงกล้าในกามทั้งหลาย ไม่มีจิตพยาบาท ไม่มี
    ความดำริแห่งใจชั่วร้าย มีสติมั่น รู้สึกตัวมีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว สำรวมอินทรีย์
    โดยที่แท้ ภิกษุนั้นอยู่ใกล้ชิดเราทีเดียว และเราก็อยู่ใกล้ชิดภิกษุนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร
    เพราะภิกษุนั้นย่อมเห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมย่อมชื่อว่าเห็นเรา ฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...