ชีวิต (เพียบ) แอ้ ท้อแต่ไม่ถอย "กรรณิกา ธรรมเกษร"

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>ชีวิต (เพียบ) แอ้ ท้อแต่ไม่ถอย "กรรณิกา ธรรมเกษร"
</TD></TR><TR><TD height=4 vAlign=top></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER></CENTER>


10 ปีก่อนหน้านี้ ถ้าใครไม่รู้จัก "แอ้" กรรณิกา ธรรมเกษร อดีตพิธีกรหญิงชื่อดังคับฟ้า จากรายการ "โต้คารมมัธยมศึกษา" หรือ "ทีวีวาที" นับว่าเชยระเบิด!! จากความสามารถอันโดดเด่นบวกกับคารมคมกริบส่งผลให้ชื่อของ กรรณิกา ธรรมเกษร ขึ้นทำเนียบพิธีกรปากกล้ามากความสามารถ ที่หนุ่มสาวผู้พิสมัยงานโทรทัศน์ในสมัยนั้นต่างเห็นพ้องต้องกันว่านี่ล่ะ "ไอดอล" ที่พวกเขาอยากเอาทั้งเยี่ยงและอย่าง

เมื่อมีเกิดย่อมมีดับ...ท่ามกลางกระแสชื่นชมยินดี สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อประเทศไทยโดนพิษไอเอ็มเอฟระบาด ในปี 2540 ทุกธุรกิจได้รับผลกระทบถ้วนหน้า พิธีกรฝีปากกล้าคนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้น ทั้งธุรกิจเสียหาย ซ้ำด้วยเรื่องร้ายๆ ต่างเดินขบวนเข้ามาถาโถม วันนี้อดีตพิธีกรชื่อดังเปิดโอกาสเล่าให้ "คม ชัด ลึก" ที่อาคารภาษร ย่าน........อย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม <CENTER></CENTER>


"ขณะที่ไอเอ็มเอฟกำลังแผลงอิทธิฤทธิ์อยู่นั้น รายการของบริษัทค่อยๆ ทยอยปิดตัวลง ลูกน้องหลายสิบคนก็ต้องย้ายออกเพื่อความอยู่รอด บวกกับอาคารภาษรโปรดักชั่นก็เพิ่งจะสร้างเสร็จ แต่กลับไม่มีลูกค้ามาเช่า บริษัทจึงขาดรายได้ แม้จะประกาศให้เช่าหรือขายก็ไม่มีใครสนใจ ช่วงนั้นเครียดมาก เพราะมีหมายศาลส่งถึงทุกวัน" เจ๊แอ้เปิดอก

ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป แม้จะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ในเมื่อเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น "แอ้" เล่าว่า เอาสมบัติที่มีอยู่ออกมากองตรงหน้าแล้วตัดสินใจขายทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ที่ดิน แก้วแหวนเงินทอง เพียงเพื่อจะเอาเงินไปใช้หนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอ

แล้วก็เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย เมื่ออดีตเจ้าแม่โต้คารมฯ ได้รับเอาลูกศิษย์รายหนึ่งเข้ามาช่วยงาน เพราะคิดว่าเขาต้องการช่วยเหลืออย่างจริงใจ
<CENTER></CENTER>


"ในจังหวะที่ธุรกิจกำลังถดถอย มีคนคนหนึ่งเขาเรียกตัวเองว่าลูกศิษ์ เพราะเคยเข้าค่ายสู่เส้นทางนักพูดมืออาชีพ เดินเข้ามาหาพร้อมกับบอก ว่าจะมาช่วยเหลือเรา ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เห็นว่าเขาพยายามเข้ามาหาเราหลายครั้งมากจนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ จึงได้เริ่มทำค่ายภาษรสู่เส้นทางมืออาชีพอีกครั้ง

แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น เพราะแทนที่เขาจะตั้งใจทำงานอย่างจริงจังและจริงใจ แต่กลับไปแอบรับงานทำเองโดยใช้ชื่อบริษัท ทั้งที่เราผู้ซึ่งเป็นเจ้าของไม่เคยรู้เรื่องเลย จนวันหนึ่งเมื่อความจริงเริ่มปรากฏ สุดท้ายเขาก็ได้ทั้งเงินและพนักงานของเรา ซึ่งมีเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนไปจนหมดสิ้น" กรรณิกาเล่าถึงความเจ็บช้ำในอดีต

เมื่อผิดหวังในเชิงธุรกิจ หญิงเหล็กอย่างกรรณิกาบอกกับตัวเองว่า เวทีสื่อมวลชนคงไม่ใช่พื้นที่สำหรับเธอแล้ว แต่พื้นที่เวทีการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องลอง เพราะมั่นใจในศักยภาพของตนเอง

สุดท้ายการเมืองเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร โดยเฉพาะในเรื่องผลประโยชน์ และเธอก็ยังเป็นน้องใหม่เกินไป จึงไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเท่าที่ควร ว่าที่นักการเมืองหญิง ได้ใบเหลืองโดยไม่ได้ตั้งใจ ท้ายที่สุดเธอจำต้องค่อยๆ ใส่เกียร์ถอยหลังออกมา และบอกถึงเรื่องนี้เพียงสั้นๆ ว่า..."ไม่เอาแล้วการเมือง" !!

อาการชอกช้ำใจจากการเมืองยังไม่ทันเลือนราง เข้าทำนองความวัวยังไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นาน คนรู้ใจซึ่งคบหากันมานานนับสิบปี ด้วยหวังจะได้ฝากผีฝากไข้ในยามเฒ่ายามแก่ กลับหนีหายอย่างไม่ไยดีซะนี่

และดูเหมือนคลื่นลมแห่งความล่มสลายยังคงสนุกสนานกับการพัดกระหน่ำ เมื่อเธอเกิดอาการปวดหลังเนื่องจากโรคเนื้องอกที่กระดูกสันหลังจนต้องเข้ารับการตรวจและรักษานอนใช้บริการหมอ 30 บาท นานนับปี ถึงทุกวันนี้จะผ่านพ้นมาได้ ก็ต้องดูแลตามขั้นตอนของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ไหนจะปัญหาของบริษัทที่จะต้องแก้ไข ไหนจะโดนลูกศิษย์ที่กลายมาเป็นน้องผู้หักหลัง ยังมีเรื่องการเมือง ไม่นับรวมปัญหาหัวใจ ปัญหาสุขภาพกาย กรรณิกายอมรับว่า เคยอับจนหนทางถึงขั้นเกือบฆ่าตัวตาย!!

"ปกติตัวเองมักจะขึ้นไปเดินเล่นบนชั้นดาดฟ้าของตึก เพราะชอบมองท้องฟ้า ชอบมองพระจันทร์ แต่วันนั้นขณะที่อยู่คนเดียวกลับเลือกก้มหน้าลงมองด้านล่าง แล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันช่างมืดมนเหมือนชีวิตตนเอง จนนึกอยากกระโดดลงมา โชคดีที่อีกมุมหนึ่งในหัวใจหวนคิดเกรงใจคนที่อยู่ข้างหลังจะต้องแบกรับปัญหาแทน จึงหันหน้ากลับไปเงยมองฟ้าซะ"

แล้วชีวิตมืดแปดด้านของกรรณิกาก็เริ่มเห็นทางสว่าง เมื่อมีโอกาสได้พบกับ คุณแม่สิริ กรินชัย แห่งยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย

"คุณแม่สิริท่านแนะนำให้ฝึกนั่งวิปัสสนากรรมฐานด้วยการนุ่งขาวห่มขาว ทั้งที่ไม่เคยทราบมาก่อนว่า วิปัสสนา คืออะไร จนเมื่อได้ทดลองปฏิบัติ จึงประจักษ์ เมื่อเวลาที่เราอยู่นิ่งๆ ให้โอกาสตัวเองได้คิดย้อนกลับไปกลับมาด้วยมุมมองในแง่บวก จึงได้คำตอบว่า เราไม่ควรมีความคิดซ้ำเติมตัวเอง ก็จะค่อยๆ เห็นต้นตอของปัญหา จากนั้นก็ต้องค่อยๆ มองให้เข้าไปลึกๆ แล้วสุดท้ายเราก็จะหาวิธีทำตามขั้นตอนต่อไปเรื่อยๆ"

หนทางที่ผ่านมาไม่ว่าจะมืดมิดสักกี่ด้าน หากวันนี้และวันข้างหน้า กรรณิกาบอกว่าเธอได้ธรรมะช่วยนำทางก็สว่างเกินพอแล้ว!!...


.............

ล้อมกรอบ

กรรณิกา ธรรมเกษร เริ่มชีวิตการทำงานบนจอแก้วครั้งแรกกับช่อง 4 บางขุนพรหม จากนั้นมาเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ ผู้ประกาศข่าว และเล่นละคร ให้แก่ทางช่อง 3 ต่อด้วยการข้ามวิกมาร่วมงานกับ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ในบริษัท แปซิฟิก โดยทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าวทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นผู้จัดรายการโต้วาที รายการทีวีวาที ทางช่อง 5 และอีกหลายๆ รายการจนได้รับความนิยมจากผู้ชมทุกเพศทุกวัย แต่งงานกับสามีคนแรกมีลูกด้วยกัน 2 คน ต่อมาเลิกร้างกัน ขณะที่ลูกคนแรกอายุได้ 7 ขวบ ปัจจุบันลูกชายคนโตเป็นนายแพทย์ ส่วนคนเล็กเป็นพนักงานบริษัท

</TD></TR></TBODY></TABLE>


ขอขอบคุณข้อมูลจาก.........
http://www.komchadluek.net/2008/08/06/x_lady_i001_214627.php?news_id=214627

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top rowSpan=2 width=110></TD><TD vAlign=top width=198>กรรณิกา ธรรมเกษร จากชีวิตที่ประสบความสำเร็จสูงสุด จนต่ำสุด</TD></TR><TR><TD vAlign=bottom align=left>ชม: ช่วง Talk 1 - ช่วง Talk 2


http://www.johjai1991.com/vdo.php?id=51&s=1

</TD></TR></TBODY></TABLE>