ญาณทิพย์

ญาณทิพย์​

โดย สายทิพย์

ประสบการณ์เร้นลับทางจิต ซึ่งเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอาจเกิดขึ้นกับผู้ที่มีสัมผัสพิเศษบางคน ผู้มีประสบการณ์ทางจิตหลายท่านเคยมีสัมผัสที่เรียกว่า "ซิกเซ้นส์" โดยไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมถึงรู้และมองเห็นอะไรล่วงหน้า ทำไมถึงสัมผัสกับคลื่นวิญญาณในต่างภพภูมิได้ เรื่องนี้ผู้รู้หลายท่านให้คำตอบตรงกันว่า เป็นเพราะบุคคลผู้นี้มี "ของเก่า" หรือของเดิม ซึ่งเป็น "ญาณทิพย์" อันเกิดจากบุญบารมีที่เคยปฏิบัติทางด้านศีล สมาธิ และภาวนามาแต่อดีตชาติ


คุณช่อแก้ว ช่วยบำรุง ผู้อำนวยการบริหารท่านหนึ่งของบริษัทพรูเด็นชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีประสบการณ์พิเศษ ในเรื่องของซิกเซ้นส์มาตั้งแต่วัยเด็ก เธอมักรู้และเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ได้ล่วงหน้า หรือได้ยินคำสนทนาของผู้อื่นทั้งๆที่อยู่ไกลกัน และที่สำคัญเธอมักสัมผัสกับ "วิญญาณ" หรือ "เห็นผี" ในรูปแบบต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่จำความได้ และยังคงต่อเนื่องจนปัจจุบัน


"คือเรื่องนี้มันมีติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆน่ะค่ะ เริ่มเห็นครั้งแรกที่จำความได้ประมาณ 4-5 ขวบ ตั้งแต่พี่เรียนชั้นประถม จำได้ว่าตอนนั้นไปเรียนหนังสือก็เห็นผีริมโรงเรียน มันเป็นโครงกระดูก มีน้ำเหลืองเฟอะๆ เละๆ เห็นครั้งแรกกลัวมาก นอนไม่หลับ เสร็จแล้วก็เห็นอะไรแปลกๆมาเรื่อยๆ ตอนนั้นคุณพ่อ คุณแม่ก็คิดว่าเราเพ้อเจ้อ และก็ตอนที่กลัวมากคือที่บ้านเนี่ยมีสวน

เวลากลางคืนจะต้องมาเฝ้าทุเรียนหล่น เฝ้าค้างคาวไม่ให้กินเงาะ ก็ไปทำกระท่อมเล็กๆในสวน คอยชักกระดึงหรือที่ทางใต้เขาเรียก 'โหลกโค่ก' ตอนนอนน่ะเห็นหมดเลย เห็นวิญญาณ เห็นผีมาเดินแซ่กๆๆ ลืมตาก็ยังเห็น ปากโบ๋ๆ หนังเฟอะๆ ตาแดงเป็นไฟก็มี พวกนี้เป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่แถวนั้น หรืออย่าง ' ผีกระสือ' ก็เคยเห็นนะคะ สมัยก่อนกระสือมันไม่มีไส้นะ มันเป็นดวงไฟ พี่จำได้ว่ามียายคนนึงชื่อว่า 'ยายไพ' บ้านยายไพจะอยู่ใกล้ๆบ้านคุณปู่พี่ แล้วกลางวันแกจะหลับทั้งวันเลย พอกลางคืนแกก็จะออกมาจากร่าง เป็นดวงไฟ แล้วสมัยก่อนมันจะมีหนังตะลุง หนังกลางแปลง พี่ก็จะเห็นดวงไฟลอยออกมาจากบ้านยายไพ ดวงไฟดวงนี้มันจะกลมๆเท่าบาตรพระได้ พอเห็นก็นึกว่าหิ่งห้อย แต่แหม! ตัวใหญ่นะ ตอนนั้นก็มีพี่สาว มีเพื่อนที่ไปด้วย แล้วดวงไฟนี้มันก็ไปเลียผ้าถุงคนที่คลอดลูกใหม่ๆ เหม็นน้ำคาวปลา สมัยโบราณมันไม่มีผ้าอนามัย

เขาใช้ผ้าเตี่ยว เสร็จแล้วมันก็กลับเข้าไปในบ้านยายไพ หลังจากนั้นพี่ก็เห็นอีกคือเห็นผีที่อยู่ในทุ่งนา ที่รู้เพราะแม่เคยบอกว่าผีจะไม่มีตัวตน หน้ามันจะไม่เหมือนคน หน้าตาน่ากลัว ตาโบ๋ๆ 'ผีต้นตาล' ก็เคยเห็น เห็นเป็นตัวยาวๆ มีหัวสูงเท่าต้นตาล ตอนนั้นไม่รู้ว่าคือ 'เปรต' ตอนหลังถึงรู้"
การมองเห็น "วิญญาณ" ด้วยตาเนื้อของคุณช่อแก้ว สร้างความประหลาดใจให้กับคนใกล้ชิดในวัยเด็กอยู่ไม่น้อย และนับวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นคือรู้แม้กระทั่งว่า ใครกำลังทำอะไร ที่ไหน หรือรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า

"คือสมัยก่อนนาฬิกาไม่มี เขาใช้มองชายคาเงาบ้านว่าเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ วันนึงจู่ๆพี่ก็พูดขึ้นว่า 'เดี๋ยวคืนนี้พ่อจะกลับมานะ' คือคุณพ่อพี่เป็นตำรวจชายแดน แม่ก็บอก 'รู้ได้ยังไง' แล้วคืนนั้นพ่อก็กลับมาจากชายแดนจริงๆ สิ่งที่พูดหลายๆเรื่องมันเป็นจริงหมด คนก็เริ่ม เอ๊ะ! มันยังไง แล้วยังรู้เรื่องคนจะตายด้วย รู้ล่วงหน้าว่าเอ๊ย...ลุงคนนี้เดี๋ยวจะตายนะ ก็เห็นลุงคนนี้ตายจริงๆ ที่สำคัญคือรู้เรื่องของคุณอา น้องของคุณพ่อ ขณะที่พี่อยู่ในสวนกำลังขึ้นต้นมังคุด

ก็เห็นภาพของคุณอากำลังทะเลาะกับผู้หญิงที่บ้านเขา หูได้ยินตลอดแล้วรู้ว่าเดี๋ยวคุณอากินยาตายแน่เลย ก็รีบวิ่งไปเห็นจริงๆ คุณอากำลังทะเลาะกับแฟน และกำลังกินยาตายต่อหน้า ชักดิ้นน้ำลายฟูมปาก ปากคอนี่ไหม้หมดเลย ตอนนั้นโรงพยาบาลก็อยู่ไกลมากแล้วก็มีอีกเหตุการณ์นึงที่น้องเขาตกน้ำ ตอนนั้นน้ำท่วมชุมพรก็เห็นภาพว่าน้องจะตก ก็รีบวิ่งมา น้องกำลังตกน้ำจริงๆ มันเป็นภาพขึ้นมาในนิมิต เห็นจากตาเปล่า แต่ว่าตอนนั้นมันยังไม่ค่อยชัดเจนเหมือนตอนหลัง"


ปาฏิหาริย์ในเรื่องเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในวัยเด็กของคุณช่อแก้ว ส่วนหนึ่งเธอเชื่อว่าเกิดขึ้นจากวาจาศักดิ์สิทธิ์ของ "หลวงพ่อคล้าย" เกจิชื่อดังทางใต้ที่คุณแม่เคยพาไปให้ท่านเจิมยันต์ตรงหน้าผากให้ และท่านได้ให้พรให้เธอ "เป็นคนพิเศษที่ไม่เหมือนใคร"
และนอกจากนี้จาก "ประสบการณ์เฉียดตาย" เมื่อครั้งยังเยาว์เหตุการณ์นั้นทำให้เธอได้พบกับ "ภพภูมิ" หนึ่งในภาวะที่จวนเจียนจะไป ซึ่งเมื่อผ่านพ้นมาได้ กลับยิ่งเพิ่มเหตุมหัศจรรย์ให้กับชีวิตคุณช่อแก้วมากยิ่งขึ้น"สมัยนั้นพี่เรียนหนังสือที่หลังสวน จ.ชุมพร ที่วัดบางลำพู เรียนอยู่ชั้น ป.4 นักเรียนทั้งหมดมี 11 คน ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 9 คน พี่อายุประมาณ 10 ขวบ แต่ตัวเล็กกว่าเพื่อนก็ไม่ถูกกับเพื่อนที่ตัวโตกว่าที่อยู่หัวแถว ไม่รู้อาฆาตอะไรกัน

บ้านก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ วันนั้นสอบเสร็จจะจบ ป.4 แล้ว เพื่อนคนนี้ก็มาชวนไปว่ายน้ำ เราก็ไปนั่งเรือเล่นที่ท่าน้ำวัดบางลำพู พอนั่งปุ๊บเพื่อนก็ผลักเรือออกไปกลางน้ำ น้ำกำลังเชี่ยวกรากมาก เป็นเดือน 12 เรือมันก็เลยคว่ำ เสร็จแล้วเขาก็ยังเอาไม้ยาวๆมาตี พี่ก็ขึ้นไม่ได้แล้วก็ว่ายน้ำไม่เก่งด้วย ก็เลยจมขึ้นจมลงตั้งหลายเที่ยวก็ยังไม่มีใครมาช่วย พี่ก็จมลงไปแต่ความรู้สึกขณะอยู่ใต้บาดาลมันเหมือนพี่เดินลงไปเฉยๆ เดินลงไปๆ พี่ได้เห็นพญานาค ที่นั่นมีถ้ำและมีวังอยู่ใต้น้ำ พญานาคที่เห็น 2 ตัว ใหญ่มากมีเกล็ด ตามลำตัว และภายในถ้ำก็มีสมบัติเป็นแก้ว แหวน เงินทองเยอะแยะ แล้วเขาชวนอยู่แต่พี่บอกว่า 'อยู่ไม่ได้หรอก ยังเป็นห่วงคุณแม่' แล้วก็บอกเขาว่าจะกลับแล้วนะ ซึ่งช่วงเวลานั้นคุณลุงมาพอดีมาช่วยพี่ตอนที่หมดสติ คุณลุงเอาตัวขึ้นมาตอนนั้น

เขาบอกว่าตัวเขียวหมดแล้ว เพราะลงไปประมาณ 3 ชั่วโมง จนเขาบอกว่าตายแล้วเพราะกว่าจะไปตามคุณลุงบ้านนอกเราไม่มีจักรยาน ไม่มีโทรศัพท์ คุณลุงจับขึ้นมาก็เล็บเขียว ตัวเขียวหมด ทรายอยู่ในจมูกเต็มเลย เขาก็เอามาพาดบ่ากระแทกๆ วิ่งรอบวัดจนสำรอกน้ำและทรายออกมา พอฟื้นขึ้นมาพี่ก็จะจำเรื่องราวตรงนี้ได้จนป่านนี้ และหลังจากนั้นก็จะยิ่งเห็นอะไรแปลกๆ มากขึ้น ชัดเจนขึ้น"
"ยิ่งเวลาไปวัดหรือไปงานศพก็จะเห็นวิญญาณ แล้วจะรู้ว่าเขาจะได้ไปเกิดหรือเขาต้องทรมาน

แล้วถ้าเราอยากจะรู้เรื่องเขา เราไปเพ่งที่ศพก็จะสื่อได้คือเขาจะมาบอกเล่ากับพี่เอง หรือบางงานก็จะเห็นยมทูตมารอเลย มีอยู่ศพนึงคนนี้โดนยิงตาย พี่ก็ได้เห็นยมทูตตัวใหญ่มากมารอเก็บวิญญาณคนๆนี้ในงานศพของเขา วิญญาณเขาก็ยังมาสื่อกับพี่ว่าความจริงเขายังไม่อยากตาย ยังห่วงลูก เขายังไม่อยากไป และเขายังบอกหมดว่าใครยิงเขาตาย ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน เพียงแต่เราบอกใครไม่ได้ และในเรื่องที่เห็นผี บางทีก็เห็นเป็นรูปร่าง บางทีก็เลือนราง บางทีก็ได้เห็นความทุกข์ทรมานของเขา อย่างไปที่ฝังศพของคนจีนบางคนก็ยังอยู่ตรงนั้น ทั้งร่างและวิญญาณ และก็เคยเห็นบางคนไปไหว้ฮวงซุ้ยเฉยๆ มีแต่ดินกับโครงกระดูกไม่มีวิญญาณเพราะเขาไปแล้ว ซึ่งการตายแล้วไปไหนแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะไปเกิด โดยอาจเป็นสัตว์หรือเป็นมนุษย์"







ที่มา : นิตยสารหญิงไทย
ฉบับที่ 737 ปีที่ 31 ปักษ์หลัง

 

ญาณทิพย์ (ต่อ)​

โดย สายทิพย์


ฉบับที่แล้วได้เขียนถึง "สำผัสที่ 6" ที่เกิดขึ้นในช่วงวัยเด็กของ คุณช่อแก้ว ช่วยบำรุง ผู้อำนวยการบริหารของบริษัทพรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นเรื่องน่าพิศวงของคนที่เมื่อครั้งที่ยังเด็กยังไม่เคยฝึกฝนจิตทางด้านสมาธิใดๆเลย แต่กลับมี "ญาณรู้" ขึ้นมาเฉยๆ และแม้ต่อมาจะได้เริ่มฝึกจิตทางสมาธิบ้าง แต่ก็ยังไม่จริงจังนัก จนในภายหลังเมื่อชีวิตครอบครัวของเธอพบกับความร้าวฉานครั้งยิ่งใหญ่ "ทุกข์" จนถึงขนาดคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ตาย จนต้องหาหนทางดับทุกข์ คุณช่อแก้วเริ่มเห็นแสงสว่างจากแสงธรรมที่สาดส่อง ทำให้หาทางออกของชีวิตจนพบวิถีแห่งธรรมจากการชี้แนะของเพื่อนสนิทในครั้งนั้น นอกจากจะทำให้คุณช่อแก้ว หูตาสว่างไสวขึ้นแล้ว "ญาณทิพย์" ของเธอก็ยิ่งบรรเจิดมากขึ้นตามลำดับ

"พี่เริ่มฝึกจิตด้านสมาธิจริงจัง เมื่อตอนมีลูกคนเล็ก คนที่ 4 ตอนนั้นพบกับเรื่องที่สุดสุดของชีวิตเลยอยากจะตัดวิบาก คือ ไม่มีจะกิน ไม่มีเงิน ลูกก็ยังเล็กไม่รู้จะพึ่งใคร แล้วยังมีอาการเหมือนกับว่าเดินไม่ได้ ปวดเข่า ผอม เหมือนคนไม่มีวิญญาณ เพราะมันสูญเสียสิ่งที่เรารัก มันล้มเหลวทุกอย่างในครอบครัว ก็เลยคิดว่าต้องนั่งสมาธิเพื่อปลอบใจตัวเอง เราจะตายไม่ได้ และเคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้งนะคะแต่ไม่ตาย เคยกินยานอนหลับเยอะมากเกือบ 40 เม็ดจนหลับไม่ตื่น เคยนอนกลางถนนให้รถสิบล้อทับ ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงลูกเลย คิดแต่ว่าฉันไม่อยากอยู่แล้ว ทำไมต้องเป็นเราทุกอย่าง ยังเคยเปิดน้ำร้อนแช่ในอ่างน้ำให้มันพองตายไปเลย ก็ไม่ตาย และเคยเดินตั้งแต่พระโขนงถึงปิ่นเกล้า เดินไปเรื่อยๆ เหมือนคน...ไม่มีที่ปรึกษา ไม่มีที่พึ่ง แต่ก็มาคิดได้ว่าเขาคงทดสอบเรา

ช่วงเวลานั้นก็มีเพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้พี่หัดนั่งสมาธิให้เก่งๆ เขาจับพี่ขังไว้บนยอดตึก เขาว่าไม่ไหวแล้วเธอต้องสติแตกแน่ๆ เขาให้พี่สวดมนต์ ถือศีล ก็สวดจนสว่าง สวดแล้วสวดอีกเดือนกว่า เขาให้เราตัดให้หมด ถ้าไม่มีลูกน่ะไม่มีใครเลยเขาจะอยู่กันได้มั้ย เขาเป็นคนดีมากคอยส่งข้าวส่งน้ำ และเอาสตางค์มาให้ลูกพี่กิน พี่ปฏิบัติอยู่เดือนครึ่งจนเห็นวิญญาณมานั่งล้อมรอบ เขามาฟังสวดมนต์ มาร่วมอนุโมทนากับเรา และช่วงเวลานั้นเองทำให้พี่ได้รู้แจ้งเห็นจริงว่า ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ทุกอย่างมันไม่เที่ยง สิ่งที่เกิดมันคือ "วิบากกรรม" ของเราเอง เราทุกข์ เพราะความรักเราไม่สมหวัง ทุกข์ที่เราต้องดูแลลูกๆ เองทั้ง 4 คน เพียงลำพัง ทุกข์จากความไม่มี ทุกข์จากสุขภาพเราด้วย เลยรู้รสของความเจ็บปวดทรมาน สิ่งที่ทรมานคือ 'จิต'

"คนเรานะถ้าจิตว่าง จิตใสมันก็โปร่ง คนมีโมโหโทโส โลภะก็เกิดจากจิต เพราะฉะนั้นทำอย่างไรให้จิตใสเป็นแก้ว จิตว่าง จิตปล่อยวาง ก็ต้องใช้ศีล สมาธิ ธรรมะเนี่ยมาล้างตรงนี้มันทำให้เราเห็นเรื่องของความไม่เที่ยงในชีวิต อะไรจะเกิดก็ช่าง ปัญหาทุกอย่างมันแก้ได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องแก้อย่างมีสติ"

เพราะเส้นทางชีวิตที่ผ่านมา พบแต่เรื่องราวอันเป็นทุกข์จากปัญหาต่างๆ ซึ่งมากมายแทบจะเอาตัวไม่รอด ถ้าหากไม่ได้พบ "เส้นทางสายธรรม" ชีวิตเธอจะเป็นอย่างไรต่อไปคงยากที่จะเดา นี่เอง ประโยชน์ของ "สมาธิ" ความสงบจากการปฏิบัติธรรม เมื่อจิตว่าง "ปัญญา" ก็จะเกิด จะได้คิดทบทวนไตร่ตรองจนรู้ถึงสาเหตุแห่งทุกข์ แล้วจึงใช้ "สติ" ค่อยๆหาหนทางแก้ไข เขาถึงว่าคนเราจะทุกข์หรือจะสุขล้วนขึ้นอยู่ที่ใจหรือ "จิต" ของเรานี่เอง คุณช่อแก้วเมื่อได้เริ่มปฏิบัติธรรม เริ่มฝึกจิตในหลายๆแนว เธอยังได้พบ "ความลับแห่งจิต" อีกว่า มีความมหัศจรรย์แค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อได้ฝึก "มโนมยิทธิ" ซึ่งทำให้เธอสามารถถอดกายทิพย์ไปเยือนภพภูมิอื่น หรือสามารถย้อนดูอดีตชาติของตัวเธอเองได้

"พี่ฝึกมโนมยิทธิในสมัยที่ 'หลวงพ่อฤาษีลิงดำ' ยังอยู่ และครั้งแรกที่ได้ไปพบหลวงพ่อก็น้ำตาไหลแอบปลื้มปีติ ยังมีภาพที่ถ่ายหลวงพ่อไว้แล้วล้างออกมากลายเป็นองค์พระพุทธเจ้าซ้อนกับองค์หลวงพ่อ ซึ่งแปลกมาก พี่ยังเก็บภาพไว้ และถ้าเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ฝึกถอดกายทิพย์ครั้งแรก คือ จะเห็นตัวเราลอยขึ้นจากร่างแยกออกมาเลย แล้วเราก็ใช้ร่างที่แยกออกมาสวดมนต์ ทำสมาธิ กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พี่เคยถอดกายทิพย์ขึ้นไปชั้นบน เขาเรียกว่า 'สวรรค์' เลยชั้นดุสิตแต่ไม่ทราบว่าชั้นเท่าไหร่ เป็นทิพย์วิมาน ทุกคนแต่งตัวเหมือนกันหมด สวยมาก เห็นราชรถเหมือนเรื่องรามเกียรติ์ เห็นเทวดาสวมสร้อยสังวาลทับทรวง ทรงชฎาแหลม จำได้ติดตาเลย

รถก็เป็นแก้วลอยอยู่บนเมฆ นางฟ้าก็แต่งกายด้วยผ้าดิ้นทอง แล้วจะกินอะไรแค่นึกก็อิ่ม ก็เลยลองกินกับเขาบ้าง นึกอะไรก็อิ่มหมดเลยอยากจะได้อะไรก็เป็นทิพย์หมด และเห็นวิมานสวยงาม ทุกคนล่องลอยได้เหมือนเดินบนอากาศ นึกจะกินอาหาร อาหารก็มา เล่าแล้วเหมือนเพ้อเจ้อนะคะ ส่วนอดีตชาติก็เคยนั่งและแยกกายออกไปย้อนดูว่าเมื่อก่อนเคยเป็นอะไร แต่เรื่องนี้ขอพูดในสิ่งที่ดีนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าอวดตัว คือเห็นตัวเองเคยเป็นภิกษุณีที่เคยบวชในพุทธศาสนาสมัยพระพุทธเจ้า และเคยเป็นคนโบราณมาหลายยุคสมัย อย่างในสมัยรัชกาลที่ 5"

ด้วย "ญาณพิเศษ" ที่มีติดตัวมาแต่อดีตชาตินี้เองที่ทำให้คุณช่อแก้ว เกิดมาพร้อมกับมี "จิตรู้" ที่รู้ เห็น และได้ยินในทุกสิ่งที่ต้องการจะทราบ จาก "ญาณทิพย์" ที่มีอยู่ เมื่อได้สัมผัสจนประจักษ์แก่ใจแล้วในหลายๆโอกาสเธอยังสามารถใช้วิญาณของเธอช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน หรือช่วยชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาชีวิตให้ใครหลายๆคนได้

"ที่ชี้แนะคนอื่นได้ เพราะพี่ผ่านทุกข์ ผ่านร้อน ผ่านหนาว ความสูญเสียความไม่มีผ่านมาหมดแล้ว และสิ่งที่พี่แนะนำให้คนอื่นแก้ไขปัญหาของเขามันมาจาก 'ญาณทิพย์' ที่ผ่านมาทางเราเหมือนกับเป็นสื่อที่อีกภพนึงให้มาช่วย เราสามารถรู้อดีต รู้ปัจจุบันที่เขาทำอะไร คิดอะไร ซึ่งก็เป็นผลที่เราปฏิบัติสมาธิบวกกับ 'ของเก่า' ของเราด้วย และการที่เราต้องมาช่วยคนแก้ไขเรื่องที่เขาประสบปัญหาไม่ใช่เป็นการขวางกรรมหรือไปตัดกรรมเขานะคะ ตรงนี้เท่ากับเราช่วยชีวิตเขาให้พ้นเรื่องกรรมในอดีตที่เขาทำมา

ทุกวันนี้ชีวิตพี่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ความทุกข์และเรื่องร้ายแรงที่เคยผ่านเข้ามา ก็คลายลงด้วย 'สมาธิ' และการที่ได้ถือศีล ภาวนามาหลายสิบปีนี่ก็ทำให้เห็นความไม่เที่ยงของชีวิต ความสูญเสีย ความไม่มี ความเหนื่อยยาก ความจน ความรวยได้ผ่านมาหมดแล้ว ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้ เลือกเป็นลูกของแม่คนนี้ ของพ่อคนนี้ไม่ได้ แต่เราเลือกทางเดินชีวิตที่ดีได้ โดยใช้เหตุผลกับสติ ชีวิตพี่เดินสายกลางคือมีสติและรอบคอบอย่าไปยึดติดอะไรให้มาก แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด สังคมปัจจุบันน่ะ บางคนใส่ชุดขาวแต่จิตใจไม่ขาว เพราะกิเลส เพราะฉะนั้นผ้านอกกายที่ห่มเรา มันไม่ได้ช่วยให้เราสวยเหมือน 'จิต' ที่ถูกชำระล้างจากการปฏิบัติได้"

คุณช่อแก้วในปัจจุบันนี้นอกจากเธอจะมีงานประจำคือเป็นผู้อำนวยการบริหาร ของบริษัทพรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต แล้วเธอยังมีความสามารถในการพยากรณ์ด้วย "ไพ่ยิปซี" ซึ่งแม่นยำอีกด้วย หากสนใจจะติดต่อกับเธอติดต่อได้ที่ 0-1296-5934 0-6537-9839




ที่มา : นิตยสารหญิงไทย
ฉบับที่ 738 ปีที่ 31 ปักษ์แรก