ตะกรุดใบลานแบบไม่ชุบรัก เก่าๆ เดิมๆ หลวงปู่แก้ว วัดพวงมาลัย*0* ครับๆ!!!!!

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย บัวสุวรรณ56, 1 มกราคม 2011.

  1. บัวสุวรรณ56

    บัวสุวรรณ56 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +12
    เปิดตัวหลานคนใหม่หัวใจพระเครื่อง ผมอายุ 12 ปีครับ

    ผมเด็กรุ่นใหม่มีหัวใจพระเครื่องขอฝากตัวกับ คุณลุงทุกๆท่าน ที่เข้ามาเป็นสมาชิกชาวเว็บพลังจิตด้วยคนนะครับ ( อายุผม 12 ปี ครับ ) ผมมีของดีๆจากคุณอาโดยคุณอาได้คัดสรรของแท้ดีมีคุณภาพให้มาเปิดบูชา เพื่อเป็นทุนการศึกษาครับ คุณอา คุณแม่และผมขอรับประกัน พระเครื่อง/เครื่องราง/วัตถุมงคล ต่างๆที่ผมนํามาเสนอบูชาครับ

    โดยรับประกันความพึงพอใจที่จะส่งคืนภายใน 7 วัน ถ้าไม่ชอบหรือไม่พอใจครับ ผมก็จะแจ้งคุณแม่ ให้โอนเงินกลับแก่คุณลุงทุกๆท่านที่รับวัตถุมงคลแล้วไม่ชอบ แต่รับประกันความแท้ของวัตถุมงคลตลอดไป ครับ
    บัญชีที่ผมใช้ในการบูชา สั่งจองต่างๆ เป็นบัญชีคุณแม่ซึ่งได้ให้การดูแลระบบการเงิน ในการบูชานี้ครับ
    ขอฝากคุณลุงทุกท่าน กรุณาชี้แนะ แนะนำ ผมในข้อผิดพลาดด้วยนะครับ
    :cool:
    เลขบัญชีในการบูชาและสั่งจอง

    ชื่อบัญชี กัณชลิกา บัวทอง
    ธนาคารกรุงไทย สาขาศูนย์การฟอร์จูนทาวน์
    เลขบัญชี 7990007304

    เบอร์โทรติดต่อ 085-339-8092 ผมไอซ์ ครับ
    กรุณาโทรสอบถามหลังเลิกเรียนครับคุณลุงทุกๆท่าน 16.00 ถึง 21.00 น.
    โทรมาชี้แนะผมด้วยนะครับคุณลุง

    เบอร์คุณแม่ครับท่านจะดูแลเรื่องการเงินและรับประกันครับมีอะไรก็สอบถามได้ครับ
    083-915-2017

    ชื่อและเลขบัญชีเป็นเลขเดียวกับที่แจ้งไว้ในเว็บมาสเตอร์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2011
  2. บัวสุวรรณ56

    บัวสุวรรณ56 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +12
    ตะกรุดโทน หลวงปู่สุด วัดกาหลง

    หลวงปู่สุด วัดกาหลง อาจารย์ ตี๋ใหญ่ นักฆ่ามหากาฬ

    ตี๋ใหญ่ อาศัยฟ้าแทนมุ้ง อาศัยโรงแรมแทนบ้าน อาศัยร้านอาหารแทนครัว อาศัยโสเภณีแทนเมีย และนี้คือ ตี๋ใหญ่......

    [​IMG]
    “ตี๋ใหญ่” เขาคือ อาชญากรที่ยิ่งใหญ่ของไทยที่ไม่มีใครอีกแล้วที่สร้างปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่อย่างเขากระทั้งกระทรวงมหาดไทยตั้งค่าหัวเขาถึง 50,000 บาท เป็นตำนานของไทยตลอดไป......


    จากเด็กหน้าตี๋สู่การเป็นมหาโจร น้อยคนนักจะรู้ว่า ตี๋ใหญ่มีชื่อเดิมว่า “ประเสริฐ ช่างเขียน” เกิดในครอบครัวชาวจีน ที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ปลายปี พ.ศ. 2495 เป็นลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้อง 6 คน ซึ่งทั้ง 8 ชีวิตอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 103 หมู่ 30 ตำบลดอนไผ่

    ตี๋ใหญ่เป็นคนมีไหวพริบ เฉลียวฉลาด เขามีจุดมุ่งหมายในการดำเนินชีวิต เขาไม่เคยคิดว่าจะเล่าเรียนจบแค่ ป.4
    และด้วยถิ่นกำเหนิดที่บ้านอยู่ริมคลองสะดวกนี้เอง..... จนแทบเรียกได้ว่า “เดินได้ก็ว่ายน้ำเป็น” โดยวิธีเล่นที่ตี๋ใหญ่โปรดปรานมากที่สุดคือการะตัดก้านบัวเป็นหลอดอมเข้าปากเพื่อหายใจในน้ำ กลายเป็นวิธีที่ตี๋ใหญ่ช้ในการหลบหนีตำรวจอีกวิธีหนึ่ง
    แต่ในที่สุด...ชีวิตตี๋ใหญ่ก็มาถึงจุดเปลี่ยน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาถูกกลุ่มนักเลงเจ้าถิ่นย่านเทเวศร์รุมอัดจนยับเยิน เพราะจนตรอกหนีไม่ทัน จนถึงขั้นหามไปหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายอาทิตย์ นี้คือรอยแผลแรกในชีวิต และด้วยแรงแค้นของตี๋ใหญ่ในครั้งนี้....
    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขากลายเป็นคนละคน ตั้งตนเป็นเป็นนักเลงใหญ่ออกไปลบรอยแค้น จากกลุ่มนักเลงเล็กๆ ของตี๋ใหญ่ เริ่มมีการขยับขยาย จากการปราบนักเลงเจ้าถิ่น เริ่มจากย่านมหานาค มาบางขุนพรหม เทเวศร์ สามเสนฯลฯ....ใครที่มีเรื่องกับเขาต้องอัดจนยอมศิโรราบ จนชื่อของตี๋ใหญ่เริ่มเป็นที่รู้จักและเริ่มดังในย่านต่างๆ ดังกล่าวในเวลาต่อมา นั้นทำให้ตี๋ใหญ่มีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นเจ้าของปืนสักกระบอกเพื่อเอาไว้เป็นเครื่องประจำตัว
    ตี๋ใหญ่ได้ปืนมาไม่ยากจากการช่วยเหลือของเพื่อนก็ได้เป็นเจ้าของอาวุธปืน 11 มม. ไว้เป็นเพื่อนตาย และแน่นอนพอนักเลงมีปืนมันก็อยากลองของ ตี๋ใหญ่เริ่มฝึกยิงไม่ว่าเป็นเป้านิ่ง หรือเป้าเคลื่อนไหว ศัตรูคู่อาฆาตของเขาเอง ในไม่ช้าเมื่อตี๋ใหญ่เริ่มเชี่ยวชาญยิงปืนถึงขั้น “แม่นราวจับวาง” เขาเริ่มคิดว่าการเป็นนักเลงคุมซ่องมันไม่พอกิน เลยปรึกษากับเพื่อนเพื่อขอลาเสี่ยปิ่นเพื่อพ้นจากอาณัติไปสู่โลกอิสระที่ท้าทาย แต่....ชีวิตอิสระ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะช่วงนั้นตี๋ใหญ่ขาดเงิน ทำให้ต้องจำใจเป็นลูกวัดที่วัดกาหลงของ “หลวงพ่อสุด” เกจิอาจารย์ชื่อดัง ของจังหวัดสมุทรสาคร เป็นการชั่วคราว

    ด้วยความเป็นหนุ่มกระทงพูดจาคมคาย อ่อนน้อมต่อผู้อาวุโส มีความขยัน และชอบศึกษาพุทธาคม สวดมนต์เก่ง ทำให้พระอาจารย์หลวงพ่อสุดชมชอบตี๋ใหญ่มากๆ จนมอบของขลังหลายอย่าง เช่นเหรียญ “เสือหมอบ” “เสือเผ่น” “ยนต์ตระกร้อ” และ “ตะกรุดโทน” ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นที่ปรารถนาของพวกนิยมชมชอบศาสตร์เร้นลับแขนงนี้



    [​IMG] ปล้น 12 สิงหาคม พ.ศ.2516 ตี๋ใหญ่ในขณะนั้นอายุ 21 ปี และพรรคพวกเข้าไปปล้นครั้งแรกในชีวิต เหยื่อรายแรกคือ “นายอดิศักดิ์ พิษณุวัตร” เป็นเศรษฐีย่อยๆ คนหนึ่งในอำเภอดำเนินฯ ตี๋ใหญ่กวาดเงินสด ทองรูปพรรณ และทรัพย์สินมีค่า รวมมูลค่าหลายแสนบาทอย่างง่ายดาย งานแรกถือว่าปล้นครั้งเดียวเท่านั้นไม่ได้ฆ่า หรือทำลายเจ้าทรัพย์แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ประจำ สภอ. ดำเนินสะดวกในสมัยนั้น ใช้เวลาสืบสวนไม่นานก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของแก๊งค์ตี๋ใหญ่ แต่มันสายเกินไปสำหรับตำรวจ เพราะตี๋ใหญ่ผู้เป็นหัวหน้านั้น รู้ตัวทัน เลยกบดานอย่างเงียบเชียบโดยไร้ร่องรอยเรียบร้อย

    เมื่อมีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งต่อๆ มาแบบช่วยไม่ได้ คราวนี้ตี๋ใหญ่หวังจะพัฒนาปล้นแบบก้าวกระโดด เป้าหมายคือร้านแอนนี่ จิวเวอรี่ ร้านนี้ไม่ธรรมดา เพราะมันตั้งในโรงแรมเอเชีย.....แน่นอนคนเข้าออกเพียบ และวงจรรักษาปลอดภัยเป็นร้อย..... ไม่รู้เพราะอะไรตี๋ใหญ่ถึงเลือกปล้นที่นี้ แต่ตี๋ใหญ่วางแผนอย่างดี เมื่อเวลามาถึงตอนสายปลายปี 2517 ตี๋ใหญ่นำลูกสมุน 5 คน พร้อม “นางบุญปัน แก้วจันทร์ดี” แต่งกายภูมิฐานทำทีไปชมอัญมณีภายในร้าน พอดีโอกาสทั้ง 6 สาวหนุ่มก็ปราดเข้าใช้อาวุธกวาดเงินสดกับเครื่องประดับราคาสูงลงกระเป๋าเอกสารเท่าทีตี๋ใหญ่กำหนดไว้ให้เพียง 5 นาที เมื่อถึงเวลาตี๋ใหญ่ออกคำสั่งให้ถอย ลูกสมุนทั้งหมดรีบหนีไปยังรถเก๋งเช่าตามแผน แต่ระหว่างทางเกิดถูกฝ่ายเจ้าหน้าที่มาขัดขวางทำให้เกิดการดวลปืนยิงสนั่นโรงแรม หนึ่งในกลุ่มโจรได้สาดกระสุนปืนสังหารเจ้าหน้าที่ตาย 1 นาย และสามารถหลบหนีได้
    15 มิถุนายน 2519 ตี๋ใหญ่ประกาศการกลับมาของเขาอีกครั้ง ด้วยการบุกเข้าปล้นบ้านพิชัย โซติวงศ์ ที่อำเภอดำเนินสะดวก กวาดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 200,000 บาท
    15 กันยายน พ.ศ. 2519 บุกเข้าปล้น กทม. เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคือ นางโฉม หมัดปัญญา กวาดทรัพย์สินเงินสด และทองรูปพรรณไปกว่า 300,000 บาท
    ย่างเข้าต้นปี 14 มกราคม 2520 ตี๋ใหญ่ปล้นรถทัวร์ ของพื้นที่ สภ.อ.คลองหลวง และใช้ด้ามปืนตีศีรษะเจ้าทุกข์รายหนึ่งจนเลือดอาบหน้า และจัดการปลดทรัพย์สินผู้โดยสารทั้งหมดอย่างอุกอาจกว่าครึ่งร้อยและหนีไปอย่างลอยนวล

    แต่เงินที่ได้จากการปล้นแต่ละครั้งตี๋ใหญ่มักใช้หมดเพียงไม่กี่วัน นอกจากการนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวแล้ว ตี๋ใหญ่มักใช้เงินหมดไปกับสองสิ่งคือ “ผู้หญิง” และ “การพนัน” โดยเฉพาะ ไฮโล ตี๋ใหญ่ชอบมันเป็นพิเศษ เข้าบ่อนแต่ละครั้งหมดเงินเป็นหมื่น (ในขณะนั้นราคาทองคำมีราคาแค่พันบาทเท่านั้น) ทำให้ตี๋ใหญ่ใช้เงินหมดไปอย่างรวดเร็วปานหว่านหรือพิมพ์เองได้ ทำให้ตี๋ใหญ่ต้องออกไปปล้นแล้วปล้นอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ
    5 สิงหาคม พ.ศ.2520 ตี๋ใหญ่และลูกน้อง 6 คน บุกไปปล้นร้านทองวิชชุภัณฑ์ กทม.กวาดทองรูปพรรณไปเป็นมูลค่า 1,000,000 บาท

    13 ธันวาคม 2520 ตี๋ใหญ่ร่วมกับพรรคพวก บุกปล้นธนาคารกรุงเทพ สาขาสมุทรสาคร ใช้อาวุธปืนจี้ผู้จัดการกับพนักงานขึ้นไปรวมที่ชั้นสอง จากนั้นกลุ่มโจรก็กวาดเงินจากเซฟนับล้านใส่ถุง และยิงปืนใส่นายทินกร พงษ์พานิช ยามธนาคารที่ตัดสินใจกระโดนชั้นสองแจ้งความตำรวจหนึ่งนัด กลุ่มดาวโจรรีบผงะจากเซฟหอบเงินออกจากธนาคารไปขึ้นสามล้อเครื่องบิดหนีไปทางวัดศรีเมือง แล้วสละรถไปลงเรือหนีไปทางแม่น้ำท่าจีนมุ่งสู่ อ.กระทุ่มแบน ท่ามกลางตำรวจนับร้อยที่มากับเรือหางยาวกวดตามติดๆ และดวลปืนสนั่นที่ท่าน้ำท่าจีนราวกับหนังไทยไม่มีผิด การปะทะกันครั้งนี้ส่งผลให้ จ.ส.ต.อนันต์ เกตุนุ่ม และ พล.บุญลือ ประจักษุ ถูกยิงตายคาที ส่วนสมุนตี๋ใหญ่สมุนตี๋ใหญ่ก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อภายหลังคือ ดนัย หรือ เหล็ง แซ่เอี๊ยะ และอีกคน นายสำอาง สารภีสามล้อ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับและสารภาพหมดเปลือก

    นอกจากนั้นยังรวมทั้งอีกหลายคดีปล้นฆ่า ที่เกิดขึ้นหลายจังหวัด บางครั้งเจ้าทุกข์ก็ถูกทำลายสาหัสปานตาย เนื่องจากต่อสู้ขัดขวาง สื่อมวลชนต่างลงข่าวการปล้นของตี๋ใหญ่อย่างต่อเนื่อง......
    จนตี๋ใหญ่กลายเป็นจอมโจรดังทั่วฟ้าเมืองไทย


    แน่นอนมีเหรอว่ากรมตำรวจจะอยู่เฉย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมี พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ นายกฯถึงกับประกาศก้องว่า จะให้ค่าหัว ตี๋ใหญ่เป็นมากถึง 50,000 บาท กับใครก็ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย ซึ่งนั้นทำให้ตี๋ใหญ่กลายเป็นโจรที่มีค่าหัวสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา(จำนวนเงินถือว่ามากในขณะนั้น)
    เมื่อเงินหมดตี๋ใหญ่ก็ไปตามหาลูกน้องด้วยตนเอง เพื่อร่วมการปล้นหาเงินครั้งใหม่ต่อไป

    แน่นอน เงินของเขาส่วนใหญ่ก็หมดไปกับ ผู้หญิง ไฮโล อย่างไม่อั้น ต่อมา ตี๋ใหญ่ ได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการปล้น มาเป็นนักฆ่า ความจริง งานรับจ้างฆ่า หรือมือปืน เป็นงานที่ตี๋ใหญ่ไม่อยากทำนัก แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะตอนนี้ตำรวจตามล่าเขาแทบพลิกแผ่นดิน อีกทั้งเงินหมด และไม่มีงานไหนอีกแล้วที่ง่ายกว่านี้ เสี่ยงน้อยกว่าแต่ได้เงินเยอะ ซึ่งว่ากันว่าช่วงเวลานี้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ถูกมือปืนนิรนามยิงตาย

    11 กันยายน 2520 เจ้าหน้าที่ตำรวจทำ การจับตายเสือจุ่ม(ประจวบ คล้ายมณี) ที่ห้องแถวไม้ 2 ชั้น เลขที่ 63 เขตดุสิต

    ต่อมา นายหมู แซ่เตียว น้องชายตี๋ใหญ่ผู้เดินตามรอยพี่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงหลายนัดและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

    24 กันยายน นายประชา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมจับในขณะครองผ้าเป็นภิกษุฉันภัตตาหารอยู่ นั้นทำให้สมุนของตี๋ใหญ่เริ่มลดน้อยลง ทำให้ตอนนี้บัญชีสมุนตี๋ใหญ่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการตัวเหลือเพียง นายอนันต์(ลูกกรอก ทองเลิศ), นายจรูญ(แป๊ะ ตระกูลดี), นายอเนก(ตุ้ย ศิริวงศ์) และหัวหน้าใหญ่ตี๋ใหญ่เท่านั้นที่ยังคงรอดจากเงื่อมมือกฎหมายอยู่ในขณะนี้

    11 มีนาคม พ.ศ.2522 เกือบเป็นวันอวสานของตี๋ใหญ่ เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าเขากบดานอยู่ที่บ้านพักภารโรง ของโรงเรียนวัดเขมาฯ ในอำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนของเขา กำลังของเจ้าหน้าที่กว่า 50 นายเข้าล้อมไว้ตั้งแต่ตอนหัวค่ำจนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยในเวลาใกล้สว่าง ที่ถึงเวลาลงมือเข้าจับกุม ในสมัยนั้น รอบๆ โรงเรียน ยังเป็นสวนผลไม้รายล้อม เมื่อตี๋ใหญ่และลูกสมุนสองคนรู้ตัวว่าตำรวจกำลังล้อมเขา แต่ก็ไม่มอบตัว และยังคงเตรียมตัวอยู่ในบ้านเตรียมหลบหนี


    [​IMG]
    ขณะเดียวกันตำรวจเริ่มรอเปิดศึก เพราะการล้อมจับกุมนั้น ชาวบ้านแถวนี้ไม่รู้เรื่อง ทำให้เด็กๆ นักเรียนหลายคนเริ่มทยอยกันมาในโรงเรียน ตำรวจเกรงว่าท่าไม่จัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ มีหวังมีผู้เคราะห์ร้ายโดนลูกหลงหลายราย

    จากนั้นตี๋ใหญ่เริ่มเห็นโอกาส พวกโจรใช้จังหวะนั้นเสี่ยงตายผ่าวงล้อมของตำรวจหนีไปได้ อย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ตำรวจหลายนายเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน ตี๋ใหญ่เลือกวิ่งหนีไปทางถนนใหญ่ ซึ่งตอนนั้นชาวบ้านกำลังคับคั้งเต็มสองฝั่งถนน ซึ่งทำให้ตำรวจไม่ยิงต่อสู้เพราะอาจถูกชาวบ้านได้ จากนั้น จอมโจรก็วิ่งซิกแซกหลบกระสุนปืนที่ซัลโวใส่ราวห่าฝนหนีไปป่าละเมาะเบื้องหน้า ระหว่างชุลมุน ในขณะที่เจ้าหน้าที่สนใจตี๋ใหญ่ สองสมุนแว่บไปซ่อนหลังบ้าน แต่ก็ไม่พ้นสายตาตำรวจ สองโจรถูกตำรวจรวบตัวไว้ได้

    แต่อนิจจา....ตี๋ใหญ่หายตัวไปแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้ยิ่งทำให้ชื่อของตี๋ใหญ่โด่งดังไปอีก จนมีเสียงเล่าลื่อกันว่าตี๋ใหญ่มีอาคม เป็นโจรจอมขมังเวทย์ มีคาถากำบังหายตัวได้ จึงทำให้หลุดรอดจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งความจริงแล้วเหตุการณ์ครั้งนี้ตี๋ใหญ่แทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะเขาต้องซ่อนตัวในใต้น้ำหลายชั่วโมง โดยอาศัยความรู้สมัยเด็กดำเนินสะดวกใช้ก้านมะละกอเป็นท่อหายใจ นอนซ่อนอยู่ใต้น้ำ
    เอกลักษณ์ที่สำคัญและน่าจดจำของตี๋ใหญ่ คือ เขาจะสวมเสื้อลายสก็อต กางเกงยีนต์ลีวายส์ รองเท้าผ้าใบสีขาว สวมแว่นตาเรย์แบนด์ ผูกนาฬิกาโรเล็กซ์ และสูบบุหรี่กรองทิพย์ ในขณะปล้น แว่นตาดำเรย์แบนด์ เขาใส่เพื่ออำพรางใบหน้า และปกปิดไฝเม็ดใหญ่ระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ส่วนนาฬิกานั้นเขาใส่เพื่อปิดรอยแผลที่ครั้งหนึ่งเคยโดนกระสุนปืนยิงถากไปเมื่อตอนปล้นเชียงใหม่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2517 และชอบส่งเสียงขู่เวลาปล้นด้วยน้ำเสียงที่น่าหวาดกลัวทำให้เจ้าทุกข์ไม่กล้าคิดต่อสู้ป้องกันตัว

    5 ตุลาคม พ.ศ.2517 ตี๋ใหญ่วางแผนใหญ่ครั้งแรก ด้วยการบุกเข้าไปปล้นร้านทองชื่อดัง แสงเจริญ ที่ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกันว่า เขากวาดทองคำรูปพรรณไปได้ มีมูลค่ากว่า หนึ่งล้านบาท และนี้คือการปล้นข้ามถิ่นครั้งแรกของเขา

    18 ธันวาคม พ.ศ.2517 ตี๋ใหญ่และพรรคพวกบุกเข้าปล้นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ของนายฮุยกวง แซ่โค้ง ปากซอยนพมาศ ถนนจริญสนิทวงศ์ ท้องที่สน.ภาษีเจริญ ได้เงินและของมีค่าไปจำนวนไม่น้อยอีกเช่นกัน ตี๋ใหญ่กบดานเงียบ แน่นอนในช่วงเวลานั้น เขาเป็นอาญชากรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในท้องที่หลายจังหวัดต้องการตัวอย่างยิ่ง แหล่งกบดานของเขา กล่าวว่า เป็นอพารต์เม้นท์แห่งหนึ่ง แถวอนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ... เช้าขึ้นเขาจะแต่งตัวผูกเน็คไท ถือกือกระเป๋าเจมส์บอนด์ ใส่แว่นเรย์แบนด์ออกจากที่พักทุกเช้า เย็นค่ำจะกลับมาตามปกติ เสมือนคนทำงานทั่วไป ตี๋ใหญ่เป็นจอมโจรที่ฉลาดผิดสามัญโจรทั่วไป ไม่มีลูกน้องคนไหนล่วงรู้เลยว่า เขากบดาน หรือมีที่นอนที่ไหน ตี๋ใหญ่ มักจะอยู่ไม่เป็นที่ ต้องคอยหลบหนีตลอด เวลาจะไปพบลูกน้องก็จะไปพบเองว่า และเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินใจไปปล้นที่ไหน เขาจะเป็นคนไปดูลาดเลา วางแผน กะเวลา ด้วยตนเองตามลำพังคนเดียว นัดกับลูกน้อง จะไม่กำหนดเวลาที่แน่นอน ไปช้าบ้าง ไปเร็วบ้าง หรือไม่ไปเลย รวมทั้งหากจะไปปล้นที่ไหน ตี๋ใหญ่จะบอกและระดมสมัครพรรคพวก ก่อนหน้าในเวลาล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมง จากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เขาหนีรอดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาได้เป็นเวลาหลายปี เพราะตี๋ใหญ่ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น.....นอกจากตนเอง

    ขนาดเวลานอน เขายังใช้วิธี จุดธูปแล้วมัดด้วยหนังสติ๊กผูกติดไว้ระหว่างหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ เวลาที่ธูปไหม้จนเกือบหมดดอก เขาจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาสำรวจตรวจตรารอบๆ ที่พัก หากไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เขาจะนอนหลับต่อและใช้วิธีแบบเดียวกันนั้นตลอดคืน แม้จะระวังตัวรอบครอบแค่ไหนก็ตาม แต่แล้วในที่สุด ตี๋ใหญ่ก็ถูกจับ มันเป็นการถูกจับ ครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิตของนักฆ่ามหากาฬคนนี้

    ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายจับเป็น ตี๋ใหญ่อหังการคะนองศึก กันยายน พ.ศ. 2518 เหมือนฟ้าจะบันดาลดล ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบเสาะแกะรอยตี๋ใหญ่ ตามหมายจับหลายใบในหลายทองที่ อยู่เอาเป็นเอาตายอยู่นั้น สายสืบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขต สน.ภาษีเจริญก็โทรบอกมาว่า พบตี๋ใหญ่กับสมุนกำลังซ่อมสุมกำลังกันอยู่ในบ้านเช่าหลังหนึ่งในสวนแถวบางพลัด....ถนนเจริญสนิทวงศ์....เท่านั้นเอง กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็กรูกันเข้าไปล้อมจับ และมันง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ ตี๋ใหญ่ยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุม จับเป็นครั้งแรกในชีวิต มันง่ายดายเสียงยิ่งกว่าอะไร เหมือนกับว่านี้ไม่ใช้ตี๋ใหญ๋ตัวจริง ที่ก่อคดีปล้นฆ่าสะท้านเมืองมานับไม่ถ้วน หนังสือพิมพ์พากันเสนอข่าวนี้อย่างเกรียวกราว เพราะตลอดในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา กว่า 10 คดีที่ตี๋ใหญ่ก่อขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย หลาย สน.ไม่สามารถแกะรอย หรือดมกลิ่นไปถึงตัวเขาได้เลย แต่แล้วจู่ๆ ตี๋ใหญ่ตัวจริงก็ถูกใส่กุญแจมือจนได้ จนมันง่ายดายเหลือเชื่อ

    การถูกจับกุมครั้งนี้ มีการขยายผลออกไปมากมาย และแน่นอน ตี๋ใหญ่ถูกถ่ายภาพ ทำประวัติ และพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นครั้งแรก ....หลายคดีที่เขาก่อขึ้นในหลายจังหวัดถูกผนวกรวมกันเข้ามา ด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยคิดคร่าวๆ แล้ว ความผิดของตี๋ใหญ่นั้นถึงขั้นประหารชีวิตแน่นอนไม่ก็จำคุกตลอดชั่วชีวิต จากห้องขังที่ สน.ภาษีเจริญ ตี๋ใหญ่ถูกฝากขังต่อที่เรือนจำลาดยาว อยู่อีกหลายวัน ประสบการณ์ครั้งแรกในคุกลาดยาวนี่เอง มันฝังใจตี๋ใหญ่สุดยากแค้น มันทำให้แค้นและการกระทำที่ได้รับจากคนคุกด้วยกัน ตี๋ใหญ่สุดแค้นใจและประกาศต่อพรรคพวกของเขาต่อมาว่า....เขาจะไม่ยอมถูกจับอีกต่อไป

    และวันที่ตี๋ใหญ่ประกาศก็มาถึง 11 ตุลาคม พ.ศ.2518 ตี๋ใหญ่ต้องออกเดินทางจากกรุงเทพฯ พร้อมนายเอก สมุนคู่ใจ ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ตามคำสั่งของศาลเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขออายัดตัวมาในคดีที่เขาบุกเข้าไปปล้นร้านทองแสงเจริญเชียงใหม่ การเดินทางครั้งนี้ใช้รถไฟเป็นพาหนะ มีพลตำรวจทวนและตำรวจเสงี่ยมควบคุมตัวไปบนโบกี้รถไฟชั้น 3 ตี๋ใหญ่กับสมุนถูกตีตรวน ใส่กุญแจมืออย่างแน่นหนาเพื่อป้องปกกันการหลบหนีอย่างเต็มที่ ระหว่างเดินทางตี๋ใหญ่ได้ขอเข้าห้องน้ำและกระโดดรถไฟหน้าต่างห้องน้ำหนีไป จึงทำให้ตี๋ใหญ่ กลายเป็นโจรจอมขมังเวทย์ มีคาถาอาคมกำบังหายตัวได้ จึงทำให้หลุดรอดจากการจับกุมของทางการได้ และนั้นเป็น

    จุดเริ่มต้นของโจรโหดจอมขมังเวย์ในเวลาต่อมา!!


    วันที่ 29 เมษายน 2522 เวลา 13.10 น. ที่ร้านทองแม่บุ้งกี่ เลขที่ 986/39 ในตลาดมหาชัย ถนนสุขาภิบาล จ.สมุทรสาคร กำลังเปิดร้านตอนเที่ยง ในร้านประกอบด้วยนายสมัคร วรานุภาพ อายุ 53 ปี เจ้าของร้านกำลังคุยกับนายสมาน วรานุภาพ อายุ 50 ปี น้องชายพร้อมนางปราณี ภรรยาวัย 39 ปี นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน ถัดมาเป็นนายสุธีลูกชายของนายสมัครอายุ 19 ปีรวมกับลูกๆ ของนายสมานมี นายธีระธรกับ ด.ช.สาธิต อายุ 15 ปี รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้หลังร้านมี นางสาวจิราภรณ์ บุตรสาวของนายสมัครนั่งทำงานบ้านอยู่กับนางคำปัน คำมา อายุ 17 ปี สาวใช้

    ทันใดนั้น มีชายหนุ่มสองคน แต่งกายด้วยชุดทหารพราน กับชุดกากี ถือปืนกล เอ็ม.16 บุกเข้าร้านทองแหกปากให้ทุกคนในร้านห้ามขยับเขยื้อน นายสมัครตกใจในเหตุการณ์ทีค่เกิดขึ้น เขารีบหนีหลังร้าน แต่ไม่ทัน เพราะคนร้ายกราดยิงนายสมัครด้วยปืนเอ็ม.16 กระสุนถูกบริเวณหน้าผาก หน้าอกเบื้องซ้ายและหน้าท้องขาดใจตายคาที่ นอกจากนั้นกระสุนลูกหลงยังไปถูกนายสุธีที่ก้านคอกระสุนฝังใน นางปราณีโดนกลางหลัง นางสาวจิราภรณ์ที่อยู่ด้านหลังโดนกระสุนที่สะบักขวาทะลุปอด นางสาวคำปันโดนขาขวา นอกนั้นสามารถหลบลูกหลงอย่างหวุดหวิด จากนั้นคนร้ายรีบใช้ปืนยิงกราดตู้โชว์แล้วใช้พานท้ายปืนทุบตู้กระจกให้แตกละเอียด แล้วเก็บกวาดทองนากนานาชนิดใส่เป้สีเขียวแบบทหาร 2 ใบที่เตรียมมา ที่หน้าร้านมีคนร้ายสองคนดูต้นทางและคอยคุ้มกันจนเสร็จภารกิจ ทั้งหมดวิ่งไปทางท่าน้ำเทศบาล พอดีเวลานั้น จ.ส.ต.พลเทพ พลจันทร์ อายุ 42 ปี ตำรวจประจำตู้ยามสถานีรถไฟเกิดได้ยินเสียงปืนดังกึกก้องจึงออกไปดูว่าอะไรเกิดขึ้น และถูกคนร้ายยิงปืนใส่ด้วยปืนเอ็ม.16 จนตายคาตู้ยาม

    จากนั้น พลฯ แนบ ดวงสงฆ์ ตำรวจจราจร สภ.อ.สมุทรสาคร ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นเหตุการณ์และเกิดการต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายและยิงโดนคนในกลุ่ม ล้มฟุตไปหนึ่งคนล้มเลือดกระฉูด ทว่า เหล่าคนร้ายไม่ยอมทอดทิ้งให้เพื่อนตายอย่างหมาข้างถนน พวกโจรยังอุตสาห์ประคองเพื่อนที่บาดเจ็บหนีไปอย่างทุลักทุเล ขณะเดียวกันก็ได้ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าเป็นการข่มขู่ชาวบ้านและตำรวจเป็นระยะ ระยะ จากนั้นก็หนีมาที่ท่าน้ำของเทศบาลและหนีโดยทางเรือหางยาวขนาด 2 ตอนติดเครื่องกระหึ่มมุ่งหน้า อ.กระทุ่มแบน และก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

    เย็นวันเดียวกันมีการพบศพคนร้ายที่พลฯ แนบ ดวงสงฆ์ ยิงในขณะหลบหนีที่ สวนริมคลองตัน ในบ้านเลขที่ 74 ม.4 คลองตัน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร นี้เองตำรวจเริ่มรู้ซึ้งแล้วว่าตอนนี้ตี๋ใหญ่กลายเป็นบุคคลอันตรายระดับชาติเสียแล้ว เพราะมันกลายเป็นสัญลักษณ์ของพวกโจร เป็นทั้งคนผลิตพวกโจรสายต่างๆ ออกมาเย้ยกฎหมายมาอย่างมากมายหลายก๊ก หลายเหล่า ถ้าปล่อยนานๆ เข้าโดยไม่ทำอะไร มีหวังประเทศไทยกลายเป็นแหล่งซ่อมสุมชุมโจรเป็นแน่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องวางแผนทำอะไรสักอย่าง

    อะไรที่มีประสิทธิภาพ สามารถปราบตี๋ใหญ่ได้อย่างอยู่หมัด ตี๋ใหญ่ ในตอนนั้นรู้ตัวดีว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดใหญ่ทิ้งภาระอื่นๆ เพื่อมาตามจับเขาโดยเฉพาะ เขาเริ่มยิ่งระมัดระวังตัวเป็นทวีคูณ ลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้น ตี๋ใหญ่เคยปรารภว่า เขาอาจจะต้องตายเพราะคนใกล้ชิดคนใดคนหนึ่ง

    มีข่าวลือ ข่าวอ้างว่า ขณะตี๋ใหญ่อยู่ระหว่างหลบหนี ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน นายทวีป เสือคล้ำ ได้ขโมยตะกรุดโทนของพระอาจารย์สุดแห่งวัดกาหลงมอบให้ตี๋ใหญ่ ไม่รู้เพราะสาเหตุใดที่ทำให้นายทวีปต้องเสี่ยงขโมย อาจเป็นเพราะอาจทำให้ตี๋ใหญ่ขาดมนต์คาถาอาคม หรือตำรวจสั่งให้ทำเพราะคาดว่าถ้าตี๋ใหญ่ทำตะกรุดหายเขาต้องมาวัดกาหลงแน่ ซึ่งที่นั้นเหมาะสำหรับการล้อมจับตี๋ใหญ่อย่างยิ่ง (บางแห่งบอกว่าเขาได้ลืมตะกรุดโทนและเขี้ยวเสือที่รับจากหลวงพ่อสุดมา อยู่ในซ่องมหาชัย แต่ค้นหาอย่างไรก็ไม่เจอ จึงต้องบากหน้ามาที่วัดกาหลง)

    แน่นอนไปตามที่คาดเมื่อตะกรุดหาย ตี๋ใหญ่จำต้องเดินทางไปวัดกาหลง เพื่อไปขอตะกรุดอันใหม่จากหลวงพ่อสุดอีกครั้ง

    จุดจบของตี๋ใหญ่!!

    26 กุมภาพันธ์ 2524 ณ นากุ้ง ลึกเข้าไปที่วัดกาหลง เขตจังหวัดสมุทรสาคร ตี๋ใหญ่และสมุนสามคนขับรถปิกอัพมาสด้าสีขาวหมายเลขทะเบียน ม 0063 ขนาด 1200 ซีซี. สมุทรสาคร ขับไปทางวัดกาหลงเพื่อมาหาพระอาจารย์หลวงพ่อสุด แห่งวัดกาหลง แต่ไม่พบตัว ขณะที่เดินทางกลับ รถของตี๋ใหญ่มาถึงซอยวัดธรรม เขาก็พบด่านตำรวจและตำรวจรายล้อม ตำรวจโบกมือให้รถหยุด แต่ดาวโจรเลือดมังกรใช้กระสุนปืน 11 ม.ม. ยิงใส่ และใช้รถแหกด่านจ้าละหวั่น จากนั้น รถตี๋ใหญ่ก็พุ่งวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนถึงบริเวณที่ตำรวจวางแผนซุ่ม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ใช้อาวุธปืนนานาชนิดยิ่งใส่รถส่ายไปส่ายมาจนลูกน้องที่นั่งอยู่ด่านหลังต้องหนีลงจากรถวิ่งหนีไปป่าละเมาะสองข้างทาง เพราะขื่นอยู่ต้องตายตามลูกพี่แน่นอน หลังจากนั้นประชาชนอย่างเราก็ไม่ทราบแล้วละครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตี๋ใหญ่?
    ตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่ากันว่า ณ เวลานั้นเองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประกบไล่ตามรถที่ตี๋ใหญ่ขับอย่างกระชั้นชิด ตี๋ใหญ่รู้ตัวแล้วว่า ตอนนี้ตำรวจไล่ล่าตามติดมาและตัดสินใจสู้ ดีกว่าถูกจับไปขังที่คุกนรกนั้น จากนั้นเสียงระเบิด ห่ากระสุน จากปลายกระบอกปืน ของผู้ไล่ล่า และผู้ถูกล่า ดังกึกก้องกัมปนาท สนั่นหวั่นไหว สะท้านสะเทือน เลื่อนสั่น พอฝุ่นจาง เสียงปืนสงบ ปรากฏร่างของตี๋ใหญ่เขานั่งที่คนขับ เขานอนสงบนิ่ง คราบเลือดแดงฉาดเปรื้อนเปรอะ เขาสวมยีนส์ เสื้อลายสก็อตสีน้ำเงิน จากการสำรวจตามร่างกาย ตี๋ใหญ่โดนกระสุนทะลุทะลวงเข้าที่โหนกแก้มซ้าย 2 นัด กกหูขวา 1 นัด ไหล่ซ้ายและราวนมซ้ายอย่างละ 1 นัดรวมทั้งที่รักแร้ซ้าย และต้นคอ เขาเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ

    แน่นอนเหตุการณ์นี้เป็นคำออกจากของ พล.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธ์ ผบ.ช.น. กับ พล.ต.ท. สุขุมวาท ผบ.ช.ภ. 1 ได้ร่วมกันแถลงข่าวทั้งหมดว่าตี๋ใหญ่ตายเพราะตำรวจยิง แต่ก็มีเสียงเล่าอ้างอีก ว่าตี๋ใหญ่อาจตายเพราะลูกน้องหักหลัง โดยสมุนสามคนอาจฆ่าตี๋ใหญ่ก่อนที่จะหนี เพราะกลัวตำรวจตามจับเพราะลูกพี่ตามหนีพร้อมสามคนมีหวังโดนจับพร้อมกันหมดแน่ จึงน่าจะทิ้งไว้สักคนเป็นตัวล่อถ่วงเวลาตำรวจ ซึ่งคนนั้นคงไม่มีใครเกินตี๋ใหญ่คนที่ตำรวจต้องการตจัวมากที่สุดนั้นเอง หรือไม่ก็ไม่ก็มีความแค้นกับตี๋ใหญ่อยู่ก่อนแล้วเพราะเงินจากการปล้นที่สมุทรสาครที่ผ่านมาไม่ลงตัวทำให้แตกแยกกันในแก๊ง

    ภายหลังจากการเสียชีวิตแล้ว ยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า ตี๋ใหญ่แท้จริงยังไม่ตาย
    บ้างก็ลือกันว่าตี๋ใหญ่ได้หนีไปอยู่สหรัฐอเมริกา บ้างก็เชื่อว่าที่ตี๋ใหญ่เสียท่าแก่ตำรวจ เพราะได้หลบไปซ่อนอยู่ใต้ผ้าถุง อาคมในตัวจึงเสื่อม

    ตะกรุดโทน หลวงพ่อสุด หลวงพ่อลงมือจารด้วยตัวเอง เป็นการจารทีละตัวและท่องคาถากำกับแล้วปรุกเสกครั้งแล้วครั้งเล่า สำหรับตะกรุดโทนที่ตี๋ใหญ่ใช้นั้นหลวงพ่อสุดใช้เวลาปลุกเสกเป็นพิเศษถึง 3 ไตรมาส และตะกรุดโทนนี้เองที่ทำให้ตี๋ใหญ่คงกระพันชาตรี

    นอกจากตะกรุดโทนแล้วยังมียันต์ตะกร้ออีกด้วย หลวงพ่อสุด ศิริทฺโร มรณภาพในปี 2526 ภายหลังจากตี๋ใหญ่ถูกสังหาญไปแล้ว 2 ปีรวมศิริอายุได้ 81 ปี ตำนานของขลังของท่านกลายเป็นที่กล่าวขลังของคนชอบคาถาอาคมอย่างไม่รู้จบ หนึ่งในตำนานจอมโจมขมังเวท

    ตะกรุดโทน 4 นิ้ว เขียนมือหลวงพ่อ เนื้อทองฝาบาท หลวงปู่สุด วัดกาหลง

    บูชาที่ 2100 บาท
    ชมรูปครับ โทรมาคุยกับผมบางนะครับ ขอบพระคุณ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2011
  3. โอ๋ชัยนาท

    โอ๋ชัยนาท Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +36
    ขอบคุณครับน้องชาย อายุเท่าๆลูกพี่ ลูกพี่ 16 แล้วครับ ดีครับ หารายได้ตั้งแต่เด็ก เดี๋ยวถ้าพี่สนใจอะไร จะบอกเน้อ
     
  4. บัวสุวรรณ56

    บัวสุวรรณ56 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบพระคุณครับ คุณลุง ผมจะพยายามศึกษาในวัตถุมงคลที่ผมนําเสนอ ครับ

    อย่างไรก็ขอความกรุณา คุณลุงโอ๋ชัยนาท ช่วยแนะนํา ประสบการณ์ต่างๆให้ด้วยนะครับ

    ขอบพระคุณครับ
     
  5. บัวสุวรรณ56

    บัวสุวรรณ56 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +12
    เปิดประมูล มีดหมอหลวงพ่อบุญมี ครับคุณลุงทุกๆท่าน

    หลวงพ่อบุญมี อิสโร วัดเขาสมอคอน
    พระครูอาทรสิกขกิจ (หลวงพ่อบุญมี อิสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี เดิมชื่อ บุญมี จันทร์แจ่ม เกิดที่บ้านเขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๒ (ตรงแรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ปีกุน) บิดาชื่อ ผู้ใหญ่ต้น มารดาชื่อ นางทองม้วน มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๖ คน หลวงพ่อบุญมีเป็นบุตรคนที่ ๒ ปฐมวัย บิดาและมารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือและอักขระขอมกับ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง วัดเขาสมอคอน ซึ่งเป็นสำนักศึกษาพระปริยัติธรรม

    ต่อมา หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ได้บวชให้เป็นสามเณร และให้อยู่รับใช้อย่างใกล้ชิด โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาการต่างๆ รวมทั้งได้ติดตามหลวงพ่อออกธุดงค์ เพื่อแสวงหาความสงบ และเจริญสมาธิอยู่เป็นประจำ

    หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อบุญมี ได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสมอคอน เพื่อปฏิบัติกิจตามหน้าที่ของศิษย์ ที่มีต่อพระอาจารย์ คือ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ด้วยความเคารพยิ่ง ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัติและปฏิปทาจากหลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋งไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

    หลวงพ่อบุญมี บวชได้ ๕ พรรษา หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ก็ได้มรณภาพลง หลวงพ่อบุญมี จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา หลังจากนั้น หลวงพ่อบุญมี ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ เพิ่มเติมกับ หลวงพ่อสาย วัดเสือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน และยังได้ไปศึกษากับหลวงพ่ออุปัชฌาย์วัดบาง ซึ่งเป็นศิษย์ผู้พี่ จากนั้นได้ศึกษาเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อแขก วัดหนองมนต์ ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของท่าน

    ส่วนอาจารย์ที่เป็นสายฆราวาส หลวงพ่อบุญมีได้ศึกษากับ ผู้ใหญ่บุญรอด จันทร์แจ่ม ซึ่งเป็นพี่ชายของท่านเอง เรื่องของ วัตถุมงคลหลวงพ่อบุญมี ท่านได้สร้างเอาไว้หลายอย่าง ซึ่งล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้น คนที่มีอยู่มักจะหวงแหนกันมาก จึงไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก นอกจากลูกศิษย์สายตรงของหลวงพ่อเท่านั้น

    วัตถุมงคลในยุคแรกๆ คือ มีดหมอ หลวงพ่อได้เรียนวิชานี้จาก หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง โดยตรง (คนละสายกับของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ) หลวงพ่อบุญมีได้สร้างมีดหมอมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๐ เนื่องจากชาวบ้านแถววัดถูกผีเข้าบ่อยๆ ญาติจึงพามาหาหลวงพ่อ รักษาด้วยการรดน้ำมนต์ ซึ่งก็หายกลับไปทุกคน

    ต่อมามีคนเป็นกันบ่อย หลวงพ่อบุญมี จึงได้ทำมีดหมอขึ้นมาเพื่อแจกชาวบ้าน ไว้ใช้ป้องกันภูติผีปิศาจ และสัตว์ร้ายต่างๆ เมื่อชาวบ้านนำไปใช้ได้ผลดี จึงได้บอกกล่าว ปากต่อปาก ทำให้มีดหมอของท่านมีกิตติคุณเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายออกไป

    เปิดประมูลเริ่มต้นที่ 1350 บาท

    เพิ่มขึ้นครั้งละเท่าไรก็ได้ครับคุณลุง
    ปิดประมูลวันที่ 05 ม.ค 54 เวลา 20.30 น.

    ขอบพระคุณคุณลุงมากครับ <!-- google_ad_section_end -->โทรมาคุยแนะนำผมบ้างนะครับ


    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2011
  6. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851

    สวัสดีครับ หลานไอซ์ อาพลังชาตรี 13 ขอให้หลานไอซ์ประสบความสำเร็จดั่งตั้งใจนะครับ

    ไม่ยากครับหลานจำชื่อหลวงพ่อท่านและวัดหลวงพ่อไปก่อน เรื่องดูเป็นไม่เป็นนั้นค่อยเรียนรู้ไป คุณอาของหลานที่ให้หลานเอาวัตถุมงคลมาออกบูชานั้นท่านคัดมาดีแล้วเหล่ะครับ อาพลังชาตรีแนะนำให้จำชื่อพระและวัดไปก่อน

    หลานไอซ์ทำให้ตัวอาพลังชาตรีนึกถึงตัวอาตอนเด็กๆที่เริ่มเล่นพระ ตอนนั้นอาเรียนอยู่ ป.7 เทียบเท่าตอนนี้ก็ ม.1 ครับ สนุกมากๆเพื่อนๆเอาพระมาให้ดูที่โรงเรียน เหมือนเราเป็นอาจารย์เลยตอบเพื่อนได้และสอนให้เขาดูแบบงูๆปลาๆสนุกมากครับ

    มีสิ่งใดที่สงสัยถามอาได้นะครับ อาพลังชาตรี13 ยินดีชี้แนะให้คำแนะนำครับ



    0827893576 อาเล็ก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2011
  7. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851

    อาพลังชาตรี13 ขอเปิดรายการให้ที่ 1413 บาทครับ
     
  8. Sikkha

    Sikkha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    556
    ค่าพลัง:
    +421
    มีดหมอหลวงพ่อบุญมี
    เพิ่ม650บาท
     
  9. บัวสุวรรณ56

    บัวสุวรรณ56 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบพระคุณคุณอาทุกท่านครับสำหรับกำลังใจผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ:VO
     
  10. บัวสุวรรณ56

    บัวสุวรรณ56 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +12
    เชิญโทรมาคุยกับผมได้นะครับ 08-5339-8092 ผม ไอซ์ครับ
     
  11. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ได้รับข้อความ แล้วครับ จริงแล้วไม่ต้องขออนุญาติอาหรอกตามสบายเลย ดีเสียอีกลุงๆท่านอื่นจะได้มีของดีๆให้บูชากันมากๆครับ พอดีช่วงนี้อาไม่สบายปวดหลัง เลยไม่ได้เปิดโทร ถ้าคุณแม่เอามาแล้วก็ลงเลยครับอารวมประมูลด้วย หวัดดีจ้า
     
  12. OJET'S

    OJET'S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +483
    ร่วมประมูลมีดหมอที่ 2222 ครับ ; ]
     
  13. OJET'S

    OJET'S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +483
    รอคำตัดสินจาก จขกท ครับ ... นึกว่าพี่เล็กจะเข้ามาประมูลด้วยกันซะอีก ; ]
     
  14. Pongpat86

    Pongpat86 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,430
    ค่าพลัง:
    +4,732
    สวัสดีครับสมาชอกใหม่

    ผมก็อายุ 15 ครับ
     
  15. บัวสุวรรณ56

    บัวสุวรรณ56 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอขอบพระคุณ คุณอาที่ร่วมประมูลครับ ผมขอปิดประมูลมีดหมอหลวงพ่อบุญมี
    ผู้ชนะประมูลคือ คุณอาOJET'S เป็นผู้ประมูลได้ครับ ผมขอที่อยู่ในการจัดส่ง
    ด้วยครับ เลขที่บัญชี 7990007304 ธนาคารกรุงไทย คุณกัณชลิกา บัวทอง
    เมื่อโอนแล้วกรุณาโทรบอกด้วยครับ 085-3398092 ผมไอซ์ครับ
     
  16. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    จะเป็นรายการต่อไปครับ ขำๆดีครับ หลานไอซ์ ต้องส่งข้อความมาขออนุญาติด้วย


    มีสิ่งใดที่สงสัยถามอาได้นะครับ อาพลังชาตรี13 ยินดีชี้แนะให้คำแนะนำครับ


    0827893576 อาเล็ก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2011
  17. OJET'S

    OJET'S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +483
    โอเค ... พรุ่งนี้โอนให้นะครับ
    ต้องบวกค่าจัดส่งเพิ่มเติมจาก 2222 อีกรึเปล่าครับ

    ยังไงจะแวะมาชมอีกครับ ... พี่เล็กชอบใจเลย เจอหลานคอเดียวกัน ; ]
     
  18. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ชอบครับคุณ OJET'S ทำให้คิดถึงตัวเองตอน ป.7 ที่มีพี่ชายเป็นพี่เลี้ยงให้คงจะพอๆกันหลานไอซ์ กระมังตอนนั้นซื้อหนังสือพระมาอ่านพี่ชายให้จำชื่อพระกับวัดให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ชอบมากๆมีเพื่อนมากเพราะเราเก่งกว่าเขา ข้อสำคัญได้พระดีๆให้พี่ชายมากจริงๆ (ปั้นเราเป็นสะพาน 55555555)
     
  19. OJET'S

    OJET'S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +483
    โอนเรียบร้อย 2272 พร้อมค่าส่ง ผ่านทาง k mobile วันนี้บ่ายสาม

    ที่อยู่ส่งให้ทาง pm นะครับ หลาน

    ขอบคุณครับ ; ]
     
  20. OJET'S

    OJET'S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +483
    โอนเรียบร้อยครับ 2272 ทาง k mobile วันนี้บ่ายสาม

    ที่อยู่ตาม pm นะครับ หลาน

    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...