ตามกระเเสความเเรงครับ ขุนเเผนสามพราย หลวงพ่อโสตวัดเขาหินโค้ง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย สันติภาพ999, 29 กันยายน 2013.

  1. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    พระยอดธง กรุวัดพลับ เป็นพระยอดธง พิมพ์ปราค์มารวิชัยเลี่ยมทอง พร้อมใช้ ครับพระยอดธง พระเจ้าตาก กรุวัดพลับบางกะจะ

    ใน แต่ละพื้นที่หรือแต่ละจังหวัด ล้วนแต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมทั้งมักจะมีการสร้างพระเครื่อง ศิลปะและเอกลักษณ์ของแต่ละเมืองไว้เป็นพุทธานุสรณ์ ส่วนด้านชาย ฝั่งทะเลตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดจันทบุรี ดินแดนที่อุดมไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร แหล่งกำเนิดพลอยที่โด่งดังไปทั่วโลก และเป็นเมืองสำคัญที่มี บันทึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของชาติไทย มีพระเครื่องอันโด่งดังประจำจังหวัด ที่รู้จักกันดีในนาม "พระยอดธง พระเจ้าตาก วัดพลับบางกะจะ"

    พระยอดธง วัดพลับบางกะจะ มีที่มาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การกู้ชาติของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งที่เสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 พระยาวชิรปราการ (พระเจ้าตาก) ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกรวม 500 คน ตีฝ่าทัพพม่าออกไปทางด้านทิศตะวันออก ยกทัพลงไปถึงเมืองจันทบุรี แต่พระยาจันทบุรี ไม่ยอมอ่อนน้อม กลับปิดประตูเมืองสั่งทหารป้องกันอย่างเข้มแข็ง แต่ภายหลังจึงสามารถตีเมืองจันทบุรีได้

    ณ ต.บางกะจะ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี อันเป็นบริเวณที่พระยาตาก ซ่องสุมรี้พลต่อเรือรบ ปัจจุบันยังปรากฏหลักฐานป้อมค่ายต่างๆ ใต้บริเวณดังกล่าว เป็นที่ตั้งวัดสำคัญ เรียกกันว่า วัดพลับ กล่าวกันว่า เป็นวัดที่พระยาตาก ได้สร้างพระเจดีย์และบรรจุพระเครื่องชนิดหนึ่งไว้เป็นพุทธานุสรณ์ ในการรบที่ได้รับชัยชนะ พระเครื่องดังกล่าว นิยมเรียกว่า "พระยอดธงพระเจ้าตาก"

    ทั้งนี้ พระยอดธงพระเจ้าตาก เป็นพระหล่อแบบโบราณ พุทธลักษณะองค์พระเป็นแบบลอยองค์ประทับนั่ง ไม่มีอาสนะหรือฐาน มีทั้งแบบปางมารวิชัยและปางสมาธิ ที่ใต้องค์พระจะปรากฏเดือย ลักษณะเป็นแท่งกลมยื่นออกมาพอประมาณ

    รายละเอียดขององค์พระ ไม่ค่อยมีความประณีตงดงามนัก พระเนตร (ตา) พระนาสิก (จมูก) ไม่ค่อยติดชัดเจน พอเห็นเลือนรางเท่านั้น ส่วนพระโอษฐ์เป็นเหมือนรอยเส้นเว้าลึกลงไปในเนื้อ

    ในด้าน เนื้อหา ของพระยอดธงพระ เจ้าตาก เป็นพระที่สร้างด้วยเนื้อชินเงิน แต่ส่วนมากผิวพระจะเกิดสนิมขุมกัด กร่อน มีรอยร้าวระเบิดแตกปริ สนิมจัดที่เรียกกันว่า สนิมตีนกา พระยอดธงวัดพลับ เป็นสุดยอดพระเครื่อง วัตถุมงคล ใครมีไว้ในครอบครองจะมีโชคลาภ เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ภยันตราย

    สำหรับ พระยอดธงวัดพลับ รุ่นเก่า เรียกว่า รุ่นพระยาตาก จัดสร้าง 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก ส่วนเนื้อองค์พระยอดธง วัดพลับบางกะจะ มี 5 ชนิด คือ 1.เนื้อทองคำ 2.เนื้อทองดอกบวบ 3.เนื้อเงิน 4.เนื้อสามกษัตริย์ 5.เนื้อชินระเบิด

    นับเป็นพระเครื่อง ที่น่าภาคภูมิใจ ของจังหวัดจันทบุรีอีกพิมพ์หนึ่ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6569.jpg
      IMG_6569.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.7 KB
      เปิดดู:
      7,871
    • IMG_6572.jpg
      IMG_6572.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.7 KB
      เปิดดู:
      4,016
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2016
  2. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    เหรียญเสือวัว เนื้อนวะ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6679.jpg
      IMG_6679.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.5 KB
      เปิดดู:
      503
    • IMG_6678.jpg
      IMG_6678.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.5 KB
      เปิดดู:
      309
    • IMG_6672.jpg
      IMG_6672.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.4 KB
      เปิดดู:
      516
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มีนาคม 2014
  3. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    เหรียญเสือย่อง หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จันทบุรี

    ปี 2537 เนื้อเงิน สภาพสวยเดิม หายากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8188.jpg
      IMG_8188.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.6 KB
      เปิดดู:
      279
    • IMG_8189.jpg
      IMG_8189.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.8 KB
      เปิดดู:
      221
  4. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    เหรียญเนื้อเงินหลวงปู่สมชาย กรอบเงิน ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8190.jpg
      IMG_8190.jpg
      ขนาดไฟล์:
      101.7 KB
      เปิดดู:
      190
    • IMG_8191.jpg
      IMG_8191.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.1 KB
      เปิดดู:
      241
  5. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    เหรียญห่วงเชื่อม หลวงปู่บัว มี2เหรียญครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. tit srion

    tit srion เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    416
    ค่าพลัง:
    +919
    ขอราคายอดธงและเสือวัวครับ
     
  7. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    พระยอดธงวัดพลับ ออกไปเเล้วครับ เหรียญเสือวัวปิด 29000 ครับ
     
  8. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสิน ปี2539 ออกวัดเขาตานก เนื้อเงิน ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8239.jpg
      IMG_8239.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.6 KB
      เปิดดู:
      607
    • IMG_8240.jpg
      IMG_8240.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.2 KB
      เปิดดู:
      394
  9. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    +++เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสิน ปี2539 ออกวัดเขาตานก เนื้อฝาบาต ร สภาพสวยมาก หายากแล้วครับ พร้อมกรอบเงินครับ +++
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8241.jpg
      IMG_8241.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.6 KB
      เปิดดู:
      566
    • IMG_8242.jpg
      IMG_8242.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.2 KB
      เปิดดู:
      401
  10. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    หลวงพ่อลี พิมพ์ใบโพธิ์ปีกใหญ่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_9924.jpg
      IMG_9924.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.6 KB
      เปิดดู:
      303
    • IMG_9923.jpg
      IMG_9923.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.4 KB
      เปิดดู:
      189
  11. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    อิทธิคุณ อิทธิฤทธิ์
    ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม วัดสันติธรรมคีรี (เขาหินโค่ง) ต.คลองพลู อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี
    ผ้ายันต์แดง " นะวิเศษ ๑๐๘ "
    โดย...ฤทธานุภาพ
    เปิดประเด็นใหม่ ให้ได้ศึกษาเรียนรู้กันในเชิงวิชาการที่เป็นไปในทางพระอภิญญาญาณปัญญาวิถีในองค์พระเกจิคณาจารย์ยุคใหม่ที่สามารถสัมผัสจับต้องได้ สามารถพิสูจน์สูตรได้ตามแบบอย่างสมการเลขคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์กลศาสตร์ คำนวณตามตัวเลข เพราะว่า ตัวเลขมักไม่โกหกโป้ปดหลอกลวงผู้คน ในครั้งนี้ได้หยิบยกนำเสนอเนื้อหาบางส่วนที่จะนำไปจัดพิมพ์เป็นหนังสือเล่มเล็กที่นิยมเรียกกันในตลาดหนังสือว่า หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ค และ เข้าข่ายหนังสือที่กำลังไปรับกระแสความนิยมกันในปัจจุบันนี้ที่จัดพิมพ์ขึ้นมาแบบมี วัตถุมงคลแนบแถมมาพร้อมกัน
    วัตถุมงคลที่นำมา เปิดประเด็น ให้ได้ศึกษาเรียนรู้กันในเชิงวิชาการนั้นครั้งนี้ คือ ผ้ายันต์แดง " นะวิเศษ ๑๐๘ " หรือ ผ้ายันต์ พูนทรัพย์มหาลาภ จัดสร้างขึ้นในนามของ หลวงพ่อโสต สิริธมฺโม วัดสันติธรรมคีรี (เขาหินโค่ง) บ้านชำตาเรือง ต.คลองพลู อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี พระเกจิคณาจารย์ที่กำลังมีชื่อเสียงเป็นที่ทราบกันดีของ ท่านผู้นิยมสะสมพระเครื่องฯ ในพื้นที่ภาคตะวันออก และ ในส่วนกลาง อีกทั้งกำลังเป็นที่จับตามองของ นักเล่นพระเครื่องฯ ชาวต่างชาติ เช่น
    ชาวสิงคโปร์ ชาวมาเลเซีย ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเนื้อหาสาระที่เราหยิบยกมานำเยสอให้ได้ศึกษาเรียนรู้กันในบางส่วนที่เป็นหลักการทางด้านศาสตร์สายวิชามีประมาณกัน ดังนี้
    ในการศึกษาเรียนรู้ในทาง ศาสตร์พุทธาคม ศาสตร์พุทธเวท ได้กล่าวอ้างอิงถึง พระปัญจมหาคัมภีร์ หรือ พระคัมภีร์ ๕ เล่ม ที่่เป็นหลักวิชาการในสายพระอภิญญาญาณ ได้แก่ พระคัมภีร์ปถมัง พระคัมภีร์อิทธิเจ พระคัมภีร์ตรีนิสิงเห พระคัมภีร์พระพุทธคุณ พระคัมภีร์มหาราช นี่เป็นพระคัมภีร์ที่ อาจารย์เทพ สาริกบุตร ซึ่งถือเป็นปรมาจารย์ในยุคกึ่งพระพุทธกาลได้เป็นผู้พรรณนากล่าวถึง และ ได้รวบรวมรจนาเพื่อเผยแพร่ขยายนัยความหมายออกไปอย่างกว้างขวาง แต่ความเป็นจริงแล้วในทางศาสตร์พุทธาคม ศาสตร์พุทธาเวท ปรากฏพระคัมภีร์อีกเป็นจำนวนมากมายแตกแขนงให้ได้ศึกษาเล่าเรียนกัน
    อาจารย์เทพ สาริกบุตร ได้การร้อยกรองคัดเลือกจัดหมวดหมู่สายวิชา หรือ การชำระคัดแยกพระคัมภีร์ต่างๆ เพื่อให้เป็นการง่ายที่จะศึกษาเรียนรู้วิชาของ สำนักวัดสุทัศนเทพวราราม ได้ดำเนินการในสมัย พระมงคลราชมุนี (สนธิ์ ยติธโร) การดำเนินการนั้นเกิดขึ้นหลังจากการสิ้นพระชนม์ชีพของ องค์สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งในครั้งนั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม จนฺทสิริ) ทรงเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินกิจธุระชำระคัดแยกสายวิชาในแต่ละ พระคัมภีร์ทั้ง ๕ เล่ม ออกเป็นปฐมบรรพบท จำนวน ๖ เล่ม ดังนี้
    ๑. พระคัมภีร์ หัวใจ ๑๐๘ กล่าวถึง พระคาถาหัวใจ ๑๐๘ บท
    ๒. พระคัมภีร์ พุทธมนต์โอสถ กล่าวถึง พระคาถาบทต่างๆ
    ๓. พระคัมภีร์ ประชุมมหายันต์ กล่าวถึง องค์ยันต์ต่างๆ
    ๔. พระคัมภีร์ นะ ๑๐๘ กล่าวถึง นะ ต่างๆ ทั้ง ๑๐๘ นะ
    ๕. พระคัมภีร์ วิชาอาถรรพ์ กล่าวถึง ศาสตร์ที่เป็นวิชาเร้นลับต่างๆ
    ๖. พระคัมภีร์ วิชาคงกระพันชาตรี กล่าวถึง ศาสตร์ที่เป็นวิชาของลูกผู้ชายชาตรีที่ต้องเรียนรู้ติดตัวไว้
    พระปัญจมหาคัมภีร์ หรือ พระคัมภีร์ทั้ง ๕ เล่ม ที่มีต้นศาสตร์สายวิชามาจาก สำนักวัดสุทัศนเทพวราราม ในปัจจุบันนี้เป็นการรวบรวมแบบเป็นวิชาการของ อาจารย์เทพ สาริกบุตร ประกอบรวมเข้ากับ พระคัมภีร์ในสำนักวัดประดู่ทรงธรรม บางตำราเป็น วัดประดู่โรงธรรม เมืองกรุงเก่า พระนครศรีอยุธยา พระคัมภีร์ในสายวิชาครูเก่าลุ่มแม่น้ำป่าสัก เมืองท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา ได้ยึดเป็นแบบแผนมาจนถึงปัจจุบันนี้ ตามเนื้อหาสาระรายละเอียดในพระปัญจมหาคัมภีร์ กล่าวโดยสังเขป ดังนี้
    พระคัมภีร์ปถมัง กล่าวถึงจุดกำเนิดของสรรพสิ่งที่มีชีวิตที่เล็กที่สุด คือ พินธุ ก่อนที่จะเกิดเป็นอักขระ นะ จัดแบ่งเป็น ๘ ปริเฉท หรือ ๘ ปริวรรค กับอีก ๑ เกร็ด บางตำรากล่าวรวมกันเป็น ๙ ปริเฉท หรือ ๙ ปริวรรค คือ นะ ทั้ง ๑๐๘ หรือ นะวิเศษ๑๐๘ ถือเป็นหัวใจสำคัญของความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายการเรียกสูตรลงอักขระตัว นะ เสียก่อนที่จะการลงสูตรลบผง แม่บท แม่ธาตุ ตั้งแต่ นะโมพุทธายะ ลบเป็น มะอะอุ ลบเป็น องค์พระควัมปติ ตามลำดับจนถึง มหาสูญ นิพพานสูญ เป็นโลกุตตรธรรม นิพพานัง ปรมัง สุขัง คือ ความดับสิ้นซึ่งกิเลส ตัณหา ด้วยพระนิพพานเป็นความสุขอย่างยิ่งไม่มีความสุขใดจะเทียบเท่า ส่วนที่สำคัญอีกประการหนึ่งในพระคัมภีร์ปถมังที่ได้แสดงไว้ในเรื่อง มหาธาตุทั้ง ๔ คือ ปฐวีธาตุอาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องในทางอิทธิฤทธิ ด้วยการแสดงอาการที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ทางธรรมดาของเหล่าสรรพสัตว์สิ่งมีชีวิต จึงต้องศึกษาอย่างละเอียดที่เจาะลึกลงไปในทางพระสมถกรรมฐาน หรือ เป็นไปในทางพระวิปัสสนาสญาณวิถี พระวิปัสสนากรรมฐาน อันเป็นแนวทางแห่งปัญญาบารมี
    พระคัมภีร์ปถมัง ได้จัดแบ่งออกเป็น ๘ ปริวรรค ๑ เกร็ด ขออนุญาตอธิบายขยายนัยความหมายโดยพิสดารไว้อย่างกว้างขวางให้ได้ศึกษาเรียนรู้ ดังนี้
    ปริวรรค ๑ บาทฐานรองรับในการศึกษาเรียนรู้ พรรณนาถึง พระคาถาเสกพินธุ ทัณฑะ เภททะ อังกุ สิระ พระคาถาสำหรับนมัสการ นะโมพุทธายะ พระคาถาสำหรับเสก และ นมัสการมะอะอุ พระคาถาสำหรับนมัสการพระควัมบดี พระคาถาสำหรับนมัสการอุณาโลม พระคาถาสำหรับนมัสการสูญ
    ปริวรรค ๒ พระคาถาสำหรับนมัสการอุทัยองการ
    ปริวรรค ๓ พระคาถาสำหรับนมัสการอุอะมะ พระคาถาสำหรับนมัสการอุนวอุณณาโลมนิสสัยองการ
    ปริวรรค ๔ พระคาถาสำหรับนมัสการอุมหาองการ
    ปริวรรค ๕ พระคาถาสำหรับนมัสการองค์ไวยองการ พระคาถาสำหรับนมัสการองค์มหาไวยองการ
    ปริวรรค ๖ พระคาถาสำหรับนมัสการอุภัยองการ พระคาถาสำหรับนมัสการมหาอุภัยองการ
    ปริวรรค ๗ พระคาถาสำหรับนมัสการองค์สมัยองการ พระคาถาสำหรับนมัสการมหาสมัยองการ
    ปริวรรค ๘ พระคาถาสำหรับนมัสการพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ พระคาถาสำหรับนมัสการอุนวอุณณาโลม พระคาถาสำหรับนมัสการนิพพานสูญ
    ปริวรรค ๙ หรือ พระคัมภีร์ปถมังเกร็ด
    หากจะให้พรรณนาอธิบายขยายความใน ปริวรรค ๙ หรือ พระคัมภีร์ปถมังเกร็ด จะเป็นเรื่องที่ผู้คนโดยทั่วไปนินทาว่าร้ายน่าเบื่อหน่ายก่ายกอดพระคัมภีร์หลับใหลกันเสีย แต่ในครั้งนี้จะแสดงถึงศาสตร์สายวิชา " นะวิเศษ ๑๐๘ " ให้ได้ศึกษาเรียนรู้แบบเด็ดยอดใบอ่อนมาให้ขบเคี้ยวบดละเอียดตามแบบอย่าง ครูบาอาจารย์เจ้าทั้งหลาย ได้สืบต่อถ่ายทอดมาถึงปัจจุบันนี้
    ผู้ที่ศึกษาเล่าเรียนใน " นะวิเศษ ๑๐๘ " ต้องถือว่า เป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านพระอักขระขอมดีแล้ว ครูบาอาจารย์เจ้า ให้พึงกระทำการนมสิการศึกษาเรียนรู้ในเรื่อง " นะวิเศษ ๑๐๘ " ด้วยมีนัยความหมายแตกต่างออกไปจากหลักการ ขีดลากเส้นสายลายยันต์ หรือ การชักยันต์ ซึ่งมีนัยความหมายแห่งรูปลักษณ์แห่งองค์ยันต์ กำเนิดขององค์ยันต์เสียก่อนว่ามีนัยความหมายอย่างใด เป็นบาทฐานรองรับการศึกษาเรียนรู้อันที่จะเกิดประโยชน์อย่างสูง หรือ อย่างเต็มที่ องค์ประกอบหลักขององค์ยันต์ที่เป็นรูปลักษณ์ที่พบเห็นกันโดยทั่วไปตามแบบอย่างโบราณนั้น ประกอบขึ้นจากจุดเล็กๆ ที่เรียกกันว่า พินธุ ซึ่งถือว่าเป็นกำเนิดของมวลหมู่สรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง เช่นเดียวกัน นัยความของ " นะวิเศษ ๑๐๘ " แต่นับความหมายของเส้นสายลายยันต์ หมายถึง " สายรกพระพุทธเจ้า " ก่อร่างโครงสร้างให้เกิดเป็น กระดูก หรือ อัฏฐิ คือ อัฏฐิ ยันตัง สันตัง วิกรึง คะเร ฯ ถือเป็นแม่สูตรในการชักยันต์ จึงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาเรียนรู้ที่แตกต่างในศาสตร์สายวิชากันอย่างเด่นชัด
    โดยความหมายพื้นฐานเบื้องต้นที่มาแห่งองค์ยันต์เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วถึงที่มาของความหมายแทนคุณของสิ่งใดในคติธรรมทางความเชื่อของ " พราหมณ์ " ที่เป็นจุดกำเนิด หรือ รากเหง้าแห่งศาสตร์วิชาของไสยศาสตร์ ไสยเวทในศาสนาฮินดูที่นับถือเทวนิยมที่เกิดขึ้นมาก่อนพระพุทธศาสนาหลายร้อยปี การประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามความเชื่อในลัทธินิยมของศาสนาฮินดู ซึ่งต่อมาภายหลังพิธีกรรมต่างๆ นั้นในทางพระพุทธศาสนาก็รับเข้ามาประยุกต์รวมกันที่เรียกกันว่า " ศาสนพิธี " พิธีกรรมต่างๆ นั้นยังยึดถือปฏิบัติสืบต่อมาจนแยกกันไม่ออกแล้วว่า นี่เป็นคติธรรมทางความเชื่อของศาสนาใด
    นะวิเศษ ๑๐๘ ที่ได้หยิบยกมานำเสนอในครั้งนี้ คงแสดงขั้นตอนวิธีการขีดลากเส้นสายแต่เพียง ๑๑ นะวิเศษ ที่เห็นสมควรแก่การศึกษาเรียนรู้พอเป็นบาทฐานรองรับในชั้นเชิงที่สูงกว่านี้ ด้วยเป็นการรบกวนอย่างหนักหน่วงถ่วงเวลาการเจริญพระวิปัสสนากรรมฐานของ ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม เพราะกว่าจะประมวลรวบรวมเนื้อสาระธรรมต่างๆ ได้ดังที่ปรากฏนี้ ใช้เวลาเนิ่นนานกว่า ๖ เดือน ลำดับต่อไปจักพรรณนากล่าวถึงอานุภาพแห่ง นะวิเศษทั้ง ๑๑ นะ ดังนี้

    นะ ปถมังพินธุ ถือเป็นองค์ นะ ปฐมเริ่มแรกแห่ง นะวิเศษ ๑๐๘ ที่ต้องศึกษาเรียนรู้ จึงประดุจดัง บิดา และ มารดา ผู้ทำอุปการคุณต่อบุตร อานุภาพจึงดีเด่นในการปกป้องคุ้มครองเภทภัยอันตรายต่างๆ รวมถึงพระพุทธคุณทั้ง ๔ ประการ และ ดีเด่นแบบครอบจักรวาลดาราจักรหมื่นโลกธาตุ หากทราบถึงอุปเท่ห์เล่ห์กลอันลึกล้ำพิสดารก็สามารถนำไปใช้อย่างสัมฤทธิ์ผล

    นะ ละลวย ในพรคัมภีร์วรรคที่ ๙ จัดเป็น นะวิเศษ องค์ที่ ๙ นามแห่งองค์ นะวิเศษ ย่อมบ่งบอกอานุภาพอยู่ในนามนั้นจึงดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ชัดในเรื่องเมตตามหานิยม เมตตามหาเสน่ห์ ในทางความรัก ความเมตตา ความกรุณา ปรารถนาดีกล่าวตามแบบอย่างโบราณกาล แม้ต้องโทษประหารยังหลุดจากโทษานุโทษนั้นแล

    นะ คงกระพันชาตรี เป็นเอกมงคลทางด้านคงกระพันชาตรี คงทนต่อศาสตราวุธทั้งหลายทั้งปวง แบบเนื้อหนังดี ต่อยตีไม่แตก แต่โบราณสมัยนั้นนิยมในการแทงเข็มเดิมหมึกสัก อานุภาพ ย่อมปรากฏชัดในยามจวนตัว ยามที่ต้องศาสตราวุธ คมหอก คมดาบ ปืนผาหน้าไม้ มาต้องกายา แบบลูกผู้ชายไทยชมชอบในเรื่องการต่อสู้


    นะ เฉลวเพ็ชร บรรจุลงในองค์ยันต์จตุโร ถือเป็นอานุภาพในแบบหวานซ่อนเปรี้ยว ภายนอกอ่อนโยน แต่ภายในแข็งแกร่งเรียบร้อยสุภาพ แต่แอบแฝงความร้อนแรง แบบร่ำรวยทรัพย์แต่มักเจ้าชู้ จึงดีทั้งทางบุ๋น และ ทางบู๊

    นะ พญาราชสีห์ เป็นเอกมงคลทางด้านมหาอำนาจ ตบะเดชาชัย และ ความคงกระพันชาตรี เสริมส่งหนุนเนื่องให้ นะ เสือโคร่ง นะพญาเสือ เพิ่มพูนทางด้านฤทธิเดชเข้มขลังทางด้านคงกระพันชาตรียิ่งขึ้นอีก ด้วยบางครั้งบางขณะ นะ แต่ละตัวก็ย่อมมีข้อจำกัดในการแสดงอานุภาพให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งอาจเกิดจากฤทธิ์เดชคาถาอาคมของฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามารุกรานย่ำยีบีฑา นะ แต่ละตัวจึงต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเกื้อกูลอุดหนุนซึ่งกันละกัน เป็นไปตามศาสตร์โบราณของแต่ละสายสำนัก ของแต่ละสายวิชาที่เป็นคู่อริต่อกัน หรือ คู่สมพงษ์ หรือ คู่มิตรต่อกัน จึงเรื่องที่ต้องศึกษาเรียนรู้กันอย่างจริงจัง

    นะ เสือโคร่ง นามนั้นดุดันแต่แอบแฝงเมตตามหานิยมในตัวเอง เป็นเอกมงคลทางด้านมหาอำนาจบารมี เป็น นะวิเศษ ตัวบังคับที่ใช้เรียกสูตรลงอักขระคาถาลง ตะกรุดหนังเสือโดยเฉพาะ อานุภาพ เสริมส่งอำนาจบารมีให้ศัตรูกลัวเกรง เสริมสง่าราศีข่มขู่ รุกรานให้ศัตรูต้องปะหวั่นสะพึ่งกลัว ด้วยอานุภาพจากอำนาจจาก นะวิเศษ ตัวนี้

    นะ ขุนแผน ตั้งนามตาม ตัวเอกในวรรณคดีไทยเป็นเอกมงคลทางด้านเมตตามหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม เป็นเจ้าเรือนธาตุน้ำ หนุนนำชีวิต ให้ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากทุกข์ภัยต่างๆ เกื้อกูลอำนวยประโยชน์ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต อานุภาพ แต่โบราณกาลเน้นหนักจัดเต็มในทางเรื่องเจ้าชู้เพียงอย่างเดียว

    นะ ปะถะมัง องค์นี้มีนัยความหมายไปในทางพระนิพพาน อานุภาพ จึงเป็นเอกมงคลในทุกๆ ด้าน ทุกๆ ทาง ดีเด่นแบบครอบจักรวาล อาราธนาใช้เสกเป็น นะปัดตลอด ลงสูตรผสมกระแสเนื้อโลหะหล่อ พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ อานุภาพ ทางคุณวิเศษที่เป็นทั้ง กำบังจักขุ กำบังนิทรา เป็นทั้งคงกระพันชาตรี และ ที่เป็นสุดยอดสูงสุด คือ เมตตามหานิยม

    นะ คงดาเดือด อีกหนึ่ง นะวิเศษ เป็นที่นิยมมาแต่โบราณเป็นเอกมงคลทางด้านคงกระพันชาตรี คงทนต่อศาสตราวุธทั้งหลายทั้งปวง ที่เสริมส่ง อานุภาพ แบบเป็นคู่มิตร คู่สมพงษ์ กันกับ นะ คงกระพันชาตรี ให้มีอานุภาพดีเด่นยิ่งขึ้น


    นะ พรหมสี่หน้า เป็น นะวิเศษ ที่ขีดลายเส้นสายแบบพิเศษพิสดาร โบราณคณาจารย์ นิยมลงเทียน ลงสีผึ้งมหาเสน่ห์อานุภาพ ดีเด่นเป็นเมตตามหานิยม เมตตามหาเสน่ห์ รับราชการงานเมือง งานปกครอง เจ้านายรักเมตตาเป็นอย่างยิ่ง

    นะ กระทู้เจ็ดแบก หรือ นะ กระทู้เจ็ดตะแบก นะวิเศษ ในสายวิชาพระพุทธคุณ เป็นเอกมงคลทางด้านคงกระพันชาตรีแบบทรหดอดทนยิ่ง เปรียบกับการที่ถูกทุบตีด้วยกระทู้เจ็ดท่อน หรือ เจ็ดอัน หรือ กระทู้ที่ต้องใช้บุรุษร่างกายกำยำล่ำสันเจ็ดคนแบกมาทุบตีจนกระทู้หักก็ไม่เป็นอะไร อานุภาพ อีกนัยหนึ่งเป็นเอกมงคลทางด้านความแคล้วคลาด โดนทุ่ม หรือ ขว้างด้วยกระทู้เจ็ดแบกพร้อมๆ กันก็ไม่อาจที่จะตกลงมาต้องกายได้เลย นะ กระทู้เจ็ดแบก ตัวนี้ผู้ที่นิยมเล่นทางว่านวิเศษ ๑๐๘ ใช้สำหรับลงบนหัวว่านพญาจงอาง หรือ ว่านสากเหล็ก หรือ ว่านเพชรน้อย หรือ ว่านกระทู้เจ็ดแบก เสกกำกับเคี้ยวกินเป็นคงกระพันชาตรียิ่งนัก นะ กระทู้เจ็ดแบก ตัวนี้ผู้ที่นิยมเล่นทางการสักใช้ลงบนหัวว่านสบู่เลือดตัวผู้ แล้วฝาดบีบคั้นเอาน้ำว่านนำมาผสมกับหมึกสักเป็นคงกระพันชาตรียิ่งนัก นักมวยนิยมนำหัวว่านที่ลงด้วย นะ ตัวนี้ผสมแช่ในน้ำมันมวยนวดตัวเป็นคงกระพันชาตรีและ ลื่นไหลจับไม่อยู่ต่อยตีมวยมีชัยได้เปรียบทุกครั้งไป

    การศึกษาเรียนรู้เรื่อง นะ วิเศษ ตามแบบอย่างโบราณเริ่มต้นที่ นะ ปถมัง หรือ นะ ปฐมอักขระ หรือ นะ ปฐมกัลป์ จึงมีคำกล่าวว่า " นะ ปถมังพินธุ นี้ไซร้ ผู้ใดเรียนได้ นะ มิต้องพักขอก็มาเอง " หรือ บางตำรากล่าวว่า " ผู้ใดสำเร็จ นะ ผู้นั้นมีค่านับแสนทะนานทอง " นะ ปถมังพินธุ นี้ ก็คือ นะ ปถมัง หรือ นะ ปฐมอักขระ หรือ นะ ปฐมกัลป์ นั้นเอง ในสมัยโบราณนั้นต่างนับถือสักการบูชาผู้ที่เรียนรู้ และ สำเร็จวิชา นะวิเศษ ๑๐๘ มักจะเจริญก้าวหน้ามียศฐานบรรดาศักดิ์อันสูงสุดยิ่ง แต่ในปัจจุบันผู้คนต่างทอดทิ้งไม่ให้ความสนใจในศาสตร์สายวิชาโบราณกันแล้ว ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล และ งมงาย หรือ เป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงของ พระภิกษุสงฆ์ หรือ ผู้นิยมทางไสยศาสตร์ ไสยเวท เท่านั้น จึงต่างพากันละทิ้งไม่ศึกษาเรียนรู้ จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่องค์ความรู้ที่เคยอยู่คู่พื้นแผ่นดินไทยมาแต่โบราณจะต้องสูญหายลงไปเสียสิ้น

    อ้างอิงจาก เฟสบุ๊ค สิระ อาสาวดีรส
     
  12. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    พระขุนเเผนสามพราย ชุดนี้ น่าบูชามากกครับ อธิฐาน ขอได้ดั่งใจ ครับ สร้าง300องค์ ครับ ตระกรุดสามดอก สวยยมากกครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    ประวัติของหลวงพ่อโสต สิริธมฺโม
    วัดสันติธรรมคีรี (เขาหินโค่ง) บ้านชำตาเรือง ตำบลคลองพลู อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี

    หลวงพ่อโสต สิริธมฺโม หรือที่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายนิยมเรียกนามกันว่า ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม เดิมที่นั้นท่านมีนามว่า โสต นามสกุล เฉื่อยวิบูลย์ เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ตรงกับวันแรม ๖ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะแม ณ บ้านเลขที่ ๕ หมู่ ๗ ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี บิดา คุณพ่อทวี เฉื่อยวิบูลย์ มารดา คุณแม่ซึ้ง ผ่องพัก เป็นครอบครัวที่ประกอบอาชีพหลักใน ทำไร่ทำสวน เกษตรกรรมตามประสาชาวบ้านแถบภาคตะวันออก มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน จำนวน ๗ คน ดังนี้
    ๑. นายไพโรจน์ เฉื่อยวิบูลย์
    ๒. นายโสต เฉื่อยวิบูลย์ (หลวงพ่อโสต หรือ ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม)
    ๓. นายสุรินทร์ เฉื่อยวิบูลย์
    ๔. นางสำรวน เฉื่อยวิบูลย์
    ๕. นางวรรณา เฉื่อยวิบูลย์
    ๖. นายไพรัตน์ เฉื่อยวิบูลย์
    ๗. นายอนันต์ เฉื่อยวิบูลย์
    “เด็กคนนี้อนาคตจะเป็นหมอหรือเป็นพระเถระ” เป็นคำทำนายของหมอดูท่านหนึ่งสมัยเมื่อท่านเกิดมาดูโลกและถ่อยคำนี้คุณพ่อทวี เฉื่อยวิบูลย์ ได้กล่าวกับท่านไว้เมื่อครั้งท่านยังเป็นเด็กอยู่จึงได้มีใจปฏิพัทธ์ในพระพุทธศาสนาตั้งแต่นั้นมา โดยในช่วงชีวิตเยาว์วัยก็ใช้ชีวิตตามแบบเด็กทั่วไปในสังคมชนบท เมื่ออายุได้ ๗ ขวบ ก็ได้รับการศึกษาด้านการเรียนเขียนอ่านเบื้องต้นตามเกณฑ์ภาคบังคับในขณะนั้นจนสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดสามผาน ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี (สมัยนั้นการเรียนจบเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ก็เป็นครูได้แล้ว) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๖ อายุได้ ๑๗ ปีย่าง ๑๘ ปี ได้เข้ารับการบรรพชาเป็นสามเณร ณ พัทธสีมา วัดทุ่งเบญจา ตำบลท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี โดยมีท่านพ่อพิศาลธรรมคุณ วัดใหม่บูรพา เป็นพระบรรพชาจารย์ เมื่ออยู่ครองสมณเพศสามเณรได้จำพรรษาที่วัดทุ่งเบญจา เพื่อศึกษาเล่าเรียนในทางพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรมบาลี และในพรรษาแรกก็สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี ในสำนักเรียนวัดทุ่งเบญจา ต่อจากนั้นได้เข้าศึกษาเล่าเรียนในหลักพระอภิธัมมัตถสังคหะชั้นตรี หรือพระอภิธรรมชั้นตรี ในสำนักเรียนวัดคลองน้ำใส โดยอยู่ในการอุปถัมภ์ของพระอาจารย์หลี เจ้าอาวาสวัดคลองน้ำใส หรือวัดสุทธิวารี บ้านคลองน้ำใส ถนนพระยาตรัง ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี อันจะเห็นได้ว่าความรู้ในทางหลักพระพุทธศาสนา ทางธรรมของก็อยู่ขั้นดีพอสมควรแล้ว
    ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ด้วยการที่ท่านเป็นคนที่รู้สิ่งใดต้องรู้ลึกถึงแก่น ถ้ารู้ถึงแก่นแล้วจะทำสิ่งใดก็ไม่ยาก ท่านจึงศึกษาวิชาต่างๆเพิ่มเติมจากหลวงพ่อคง สุวณฺโณ วัดวังสรรพรส (ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๑๘) โดยการฝากตัวเป็นอันเตวาสิกวิหาริกธรรม โดยในระหว่างนั้นท่านต้องเดินทางไป-กลับวัดวังสรรพรสและวัดทุ่งเบญจาเพื่อสอบเรียนไปด้วยอันจะได้ซึ่งความวิริยอุตสาหะของท่าน อย่างที่ทราบกันดี หลวงพ่อคง สุวณฺโณ วัดวังสรรพรสนั้นท่านรับการยกย่องให้เป็นเจ้าตำรับในสายวิชาเสือ หนุมาน พระขุนแผน กุมารทอง ที่เน้นหนักสรรพวิชามหาภูตรูป มหาภูตกสิณ วิชามหาธาตุ ที่ควบคุมดูแลในวัตถุอาถรรพ์ตามธรรมชาติ ดินศักดิ์สิทธิ์ ดินวิเศษ ว่านยาสมุนไพร ว่านมงคล ว่านวิเศษ ๑๐๘ ไม้มงคลทั้ง ๓๒ แร่ทนสิทธิ์ กายสิทธิ์ โลหะธาตุวิเศษ ตามสูตรที่นำมาจัดสร้างเป็นเนื้อหามวลสารส่วนผสมต่างๆ ซึ่งเป็นพระเถรานุเถระที่มีชื่อเสียงและเป็นพระอาจารย์ที่คอยเพียรวิชา เช่น พระอักขระคาถาขอม ปฐมบท สระพยัญชนะ ยันตรศาสตร์ในการขีดลากเส้นสายลายยันต์ เป็นขั้นปฐมก่อนแล้วจึงเรียนวิชาขั้นสูงต่อยอดอันได้แก่ การลบผงผสมว่านวิเศษ การลงถมกลบองค์ยันต์ การสักเสกเดินเข็มแทงหมึก การปลุกเสกเพิ่มอิทธิคุณวิเศษให้แก่วัตถุมงคลแบบต่างๆ ควบคู่กับการฝึกฝนพระกรรมฐานอันเป็นคุณในการส่งเสริมให้สรรพวิชาการในตำรับตำราโบราณมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ได้ตามที่ตั้งอธิษฐานจิตบริกรรมภาวนาในทางวิกุพพนาฤทธิ์ทั้งจำกัดและทั้งไม่จำกัด ยังจะส่งผลให้พระพุทธคุณมีทั้งอิทธิฤทธิ์และบารมีธรรมแก่วัตถุนั้นๆ โดยเรียนรู้จนเข้าใจถึงแก่นแท้สรรพวิชา
    ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๗ – ๒๕๑๘ ได้ศึกษาเล่าเรียนการสัก เสก เลข ยันต์ กับพระอาจารย์พ่อจุ่ย วัดทุ่งเบญจา สุดยอดพระเกจิคณาจารย์ในสมัยนั้นซึ่งเป็นสหธรรมิกกับเกจิหลายๆ ท่าน เช่น หลวงพ่อเป๋า อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งเบญจา หลวงพ่อจิ่ม วัดไผ่ล้อม หลวงพ่อย้อย วัดคลองขุด หลวงพ่อเปี๊ยก วัดวังเวียน และหลวงพ่อกล้วย วัดหมูดุด เป็นต้น และยังถ่ายทอดวิธีการจัดสร้างพระเครื่องเป็นพระพิมพ์แบบต่างๆ เช่น พระพิมพ์พระสมเด็จฯ พระพิมพ์พระขุนแผน พระพิมพ์พระปิดตา เป็นต้น เครื่องรางของขลัง การเรียกสูตรลงพระอักขระคาถาแผ่นโลหะสร้างเป็น ตะกรุดโทน ตะกรุดมหารูด ตะกรุดมหาปราบ ตะกรุดเมตตา เป็นต้น วิชาสีผึ้งเมตตามหาเสน่ห์ หุงด้วยเดโชธาตุ ในครั้งนั้น ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ได้ช่วยเหลือหลวงพ่อจุ่ย บดตำโขลกผสมเนื้อหามวลสารส่วนผสมต่างๆ แบบโบราณที่นิยมใช้ กล้วยสุก น้ำผึ้ง น้ำอ้อย มาเป็นตัวประสานผงวิเศษ ว่านมงคลตามแบบโบราณ กดปั้มเป็นพระพิมพ์แบบต่างๆ เมื่อเสร็จแล้วได้นำไปตากแดดรับรังสีสุริยันจำแลง และได้มอบหมายให้ลูกศิษย์คนหนึ่งคอยเฝ้ามิให้ นก หนู หมู หมา มาลักขโมยกัดกินพระพิมพ์ ปรากฏมีสุนัขเกเรเจ้าถิ่นมาแอบกินพระพิมพ์ที่ตากไว้เสียหลายองค์ ลูกศิษย์คนนั้นกลัวว่าเมื่อหลวงพ่อจุ่ยทราบเรื่องจะตำหนิติเตียนในความไม่รอบคอบจึงเกิดการบันดาลโทสะเป็นอย่างยิ่งจึงคว้าเอาปืนแก๊ปยาวมาไล่ยิงสุนัขเกเรตัวนั้น แต่เหนี่ยวไกปืนอย่างไรก็ยิงไม่ออกเป็นเรื่องที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันมากในสมัยนั้น

    ในช่วงแรกท่านพ่อโสตนั้นได้ช่วยพระอาจารย์จุ่ยสักยันต์ให้ลูกศิษย์ก็สักยันต์อักขระบ้างและช่วยท่านครอบครูบ้าง และการลงมนต์พระคาถาบรรจุในเลขยันต์นั้นพระอาจารย์จุ่ยก็ได้ถ่ายทอดให้กับท่านพ่อโสตจนหมดสิ้น ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงพ่อจุ่ย ได้ถึงกาลมรณภาพลง ก่อนจะมรณภาพท่านได้สั่งเสียให้มอบตำรับตำราโบราณในศาสตร์พุทธาคมให้แก่ท่านพ่อโสตทั้งหมดทั้งสิ้น ซึ่งต่อมานั้น ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ได้สืบทอดต่อช่วงในการสัก เสก เลข ยันต์ ให้แก่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายซึ่งก็นับราวสองพันกว่าคน เคยมีครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์อยากลองของประมาณว่า “หลวงพ่อท่านยังหนุ่มนักไม่รู้จะเหนียวจริงหรือเปล่า” แต่ครั้งเมื่อท่านลงหมึกเดินเข็มแล้วบรรจุพระคาถาตามแบบฉบับ หลวงพ่อคง และหลวงพ่อจุ่ย เสร็จก็หยิบดาบและหอกมาฟันและแทงต่อหน้าลูกศิษย์จำนวนมาก ปรากฏว่า มีดหรือหอกไม่ได้กินเข้าไปในเนื้อ จึงทำให้ชื่อเสียงของท่านพ่อโสตดังไปยังลูกศิษย์และบุคคลทั่วไปที่นิยมชมชอบในเรื่องคงกระพันชาตรี จนมีการแทงเข็มเดินหมึกสักเป็นรูปใบโพธิ์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของท่านพ่อที่ทรงอิทธิคุณในทางมหาอุตม์ แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรีที่คงหนัง คงเนื้อ คงกระดูก คงโลหิต มาแต่สมัยที่ยังบรรพชาเป็นสามเณร ได้รับฉายานามจากบรรดาลูกศิษย์ที่ได้รับการประสิทธิ์ประสาทว่า “หลวงพ่อเณรโพธิ์ดำ” หรือ “พระอาจารย์โพธิ์ดำ” ครั้งเมื่อท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากก็มีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งที่สนิทสนมไปมาหาสู่ท่านมารบเร้าท่านให้ท่านทำวัตถุมงคลเพื่อติดตัวไว้ใช้ โดยจิตใจท่านพ่อเป็นผู้ดีงามและเมตตาท่านจึงสงเคราะห์แก่การอันสมควร โดยรวบรวมว่าน ๑๐๘ อย่างที่พระอาจารย์จุ่ย วัดทุ่งเบญจาได้ปลูกและเลี้ยงไว้มาบดและกำกับพระคาถาลงไปและใช้วิธีแบบโบราณที่นิยมใช้ กล้วยสุก น้ำผึ้ง น้ำอ้อย มาเป็นตัวประสานผงวิเศษ ว่านมงคลตามแบบโบราณ ตามตำราของพระอาจารย์จุ่ย ได้พระผงพิมพ์โพธิ์ดำ-โพธิ์ขาว สำหรับแจกลูกศิษย์ลูกหาจำนวนไม่เกิน ๕๐๐ องค์
    เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม มีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านจึงกราบโยมบิดามารดาเพื่อขออุปสมบท และเป็นการอุปสมบทครั้งแรก ณ พัทธสีมา วัดทุ่งเบญจา โดยมี พระครูพิศาลธรรมคุณ วัดบูรพา ท่าใหม่ เป็นพระอุปัชฌาจารย์ พระครูรัตนคุณ วัดศรีเมือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูเป๋า นนฺทสาโร วัดทุ่งเบญจา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “สิริธมฺโม” แปลว่า ผู้มีธรรมอันเป็นสิริจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งเบญจา เพื่อศึกษาเล่าเรียนใน พระนวกะภูมิ พระธรรมวินัย ตามพระพุทธบัญญัติควบคู่กับการฝึกฝนพระสมถสมาธิ พระวิปัสสนากรรมฐาน เมื่ออยู่จำพรรษาจึงมีโอกาสฝึกฝนอบรมทางธรรมปฏิบัติวัตรปฏิปทาการถือในพระธุดงควัตร ๑๓ กับพระครูเป๋า นนฺทสาโร ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ เป็นการปูพื้นฐานองค์ความรู้ของผู้ที่จะถือปฏิบัติในการออกเดินล่องท่องธุดงค์ไปยังสถานที่สัปปายะ ตามแบบอย่างการปฏิบัติของพระอริยสงฆ์และคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    แต่เมื่อได้อุปสมบทล่วงมาถึงเดือนมกราคม ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ทางราชการได้ส่งหนังสือให้เข้ารับการตรวจคัดเลือกเข้ารับราชการทหารในเดือนเมษายน เป็นเหตุให้ ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ต้องเข้ารับการตรวจคัดเลือก และผลปรากฏว่า ท่านพ่อโสตจับได้ใบแดงต้องเข้ารับราชการเป็นทหารเกณฑ์ผลัด ๔ สังกัดนาวิกโยธิน ท.ร. ๑๙ หลังการออกพรรษาที่สองแล้ว ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม จึงต้องลาสิกขาบทออกมารับราชการเป็นทหารเกณฑ์ทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติ เข้ารับการฝึกเป็นเวลา ๖ เดือน และได้ถูกจัดส่งให้ไปประจำการภาคสนามอยู่ที่ชายแดนด่านคลองใหญ่และหาดเล็ก จังหวัดตราด ในยุคสมัยนั้นเป็นยุคที่เขมรแดงแตกพ่ายมีความวุ่นวายและลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย อีกทั้งยังมีการปล้นสะดมทรัพย์สินมีค่าของชาวไทยบริเวณตะเข็บชายแดน มีหลายครั้งที่ท่านต้องตะเวรไปยังแนวตะเข็บชายแดนแล้วพบผู้ก่อการร้ายต้องยิงต่อสู้หลายครั้งหลายคราวท่านก็ได้ใช้สรรพวิชาที่ร่ำเรียนมาสมัยในครั้งก่อนเพื่อป้องกันและกำบังกายของตนให้คงกระพันชาตรีสำหรับสู้รบกับผู้ก่อการร้าย มีหลายครั้งที่ท่านโดนกระสุนและกับระเบิด อาจจะโดยการสั่งสมบารมีในอดีตชาติกับการประกอบคุณงามความดีเพื่อบ้านเมืองทำให้แคล้วคลาดจากคมอาวุธนานาชนิดมาเป็นท่านพ่อโสต สิริธมโมในปัจจุบัน โดยรับราชการเป็นทหารผ่านศึกรุ่น ๔ ใน ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ในระหว่างที่รับราชการทหารที่จังหวัดตราด มารดาของ ท่านพ่อโสตได้ถึงแก่กรรมลง ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ก็ได้ปฏิบัติกิจเพื่อตอบแทนคุณมารดาตามหน้าที่ของบุตรอันเป็นที่รัก หลังจากนั้นได้ไม่นานก็ปลดประจำการในปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๑

    ชีวิตทางโลกหลังจากปลดประจำการแล้ว ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ได้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของผู้อยู่ครองเรือน ยึดการประกอบอาชีพสุจริตของชาวสวน-ไร่ ด้วยพรหมโลกลิขิตเก่าแต่ชาติปางก่อนจึงได้พบและสมรสกับนางมะปราง เฉื่อยวิบูลย์ จนมีบุตรและบุตรี รวม ๓ คน ดังนี้
    ๑. นายประเสริฐ เฉื่อยวิบูลย์
    ๒. นายพลสิทธิ์ เฉื่อยวิบูลย์ (เสียชีวิต)
    ๓. นางสาวโสภา เฉื่อยวิบูลย์
    ตลอดเวลานั้นเหล่าบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่เคยร่ำเรียนวิชา สักยันต์ และมีประสบการณ์จากวัตถุมงคลต่างๆ จากท่านสมัยเป็นเณร และเป็นพระภิกษุสงฆ์ ก็มีแวะเวียนไปมาหาสู่ท่านอยู่เป็นประจำจนมีคนมากมายเข้าหาท่านอยู่ไม่ขาดสาย ที่เดือดร้อนก็มาขอให้ท่านช่วยบ้าง ท่านก็เมตตาช่วยเหลือกันไปตามศรัทธา ครั้นมากเข้าก็มักจะนำความเดือดร้อนมาสู่ท่านและครอบครัว จนทำให้หลายๆ ครั้งเกิดเรื่องต่างๆ นานาจนหาความสุขไม่ได้ ด้วยการที่มีลูกศิษย์จำนวนมากเมื่อลูกศิษย์กระทำผิดก็อ้างชื่อท่านพ่อโสตเป็นหลักทำให้ท่านต้องถูกเรียกจากชาวบ้านและตำรวจว่าเป็น “เสือโสต” มีหลายครั้งหลายคราที่ท่านมักถูกดักทำร้ายด้วยการโดยดักลอบยิงด้วยอาวุธสงครามชนิดต่างๆ แม้กระทั่งตำรวจในท้องที่ก็ยังเป็นที่โจทก์ขานถึงความคงกระพันและแคล้วคลาดของท่านพ่อโสต ด้วยเป็นอำนาจกรรมเก่าบันดาลให้เห็นถึงสุข - ทุกข์ เรื่องราวต่างๆ นานาที่ต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงทำให้ได้รับรู้และเห็นยมทูตทั้ง ๔ ตน อันได้แก่ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย อันได้ลิ้มรสรับรู้ความทุกข์ยากลำบากของการเป็นผู้อยู่ครองเรือนแม้กระทั่งยามหลับนอนยังต้องขุ่นคิดจับจิตขับความกังวลทั้งหลายออกไปจากจิตใจ เมื่อมองเห็นด้วยการนี้กอรปกับบุตรและบุตรีเจริญแก่วัยอันสมควรแล้วจึงคิดควรหันหน้าเพื่อปฏิบัติทางธรรมละเว้นทางโลกเพื่อหาทางหลุดพ้น
    การอุปสมบท ในครั้งที่สอง เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม มีอายุ ๓๘ ปี ณ พัทธสีมา วัดทุ่งตาอิน ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี โดยมี พระครูประดิษฐ์สาธนการ หรือ หลวงพ่อจำนงค์ ชยฺยวํโส วัดทุ่งตาอิน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สมแดง จิรวํโส วัดจันเขม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการฉาบ ฉนฺทธมฺโม วัดคลองพลู เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “สิริธมฺโม” แปลว่า ผู้มีธรรมอันเป็นสิริ
    หลังอุปสมบท ได้อยู่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์คลองชีพ บ้านจันเขม อยู่ฝึกฝนอบรมในพระวิปัสสนากรรมฐานนาน ๓ เดือน ด้วยการที่ท่านปฏิบัติมาโดยตลอด ณ แม้เป็นเพศฆราวาสจึงทำให้ท่านสามารถเข้าถึงกรรมฐานได้ดังใจนึก แต่ด้วยความวุ่นวายของจิตใจและสภาพแวดล้อมอันได้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่เวียนมาหาสู่ ประกอบกับการตั้งจิตที่มุ่งมั่นเพื่อหาคำตอบของสมาธิจิตอันมั่นคงตามสภาวะธรรมอันเป็นปกติในพระวิปัสสนาปฏิบัติพระกรรมฐาน จึงได้กราบนมัสการขออนุญาตเจ้าสำนักสงฆ์ออกธุดงค์แสวงหาสถานที่สัปปายะอันเงียบสงบ ในวันนั้นจึงได้ออกเดินเท้าไปข้างหน้าแบบยังไม่มีจุดหมายปลายทาง ได้มุ่งหน้าไปยังเบื้องหน้าอาศัยตามสวนผลไม้ ป่าละเมาะ เดินลัดเลาะป่าอยู่หลายวัน ต่อมาจึงได้มาอยู่ที่ตีนเขาแห่งหนึ่งก็บังเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักสามวันสามคืน พอรุ่งเช้าในวันที่สี่นั้นก็พบว่าสถานที่แห่งนี้มีความร่มรื่นเงียบสงบมีความเหมาะสมในการบำเพ็ญความเพียรทางจิตเป็นอย่างยิ่ง จึงได้อยู่พักอาศัยที่ตีนเขาแห่งนี้ประมาณ ๕ - ๖ วัน จึงได้ขึ้นไปสำรวจบนยอดเขา ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม เห็นว่ามีความเหมาะสมในการเข้าอธิษฐานอยู่จำพรรษาในปีนี้
    ณ บนยอดเขา ยังได้พบกับ โยมชาวบ้าน ๒ คน ที่มาเที่ยวหาเก็บของป่าตัดใบตองไปขาย ได้สอบถามว่าภูเขานี้มีชื่อเรียกกันว่าอย่างไร ซึ่งโยมชาวบ้าน ตอบว่าคนแถวนี้เรียกกันว่า เขาหินโค่ง ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม จึงได้ขอบิณฑบาตใบตองจำนวนหนึ่งเพื่อนำมาใช้เป็นที่พำนักชั่วคราวในการฝึกฝนปฏิบัติพระกรรมฐาน โดยพาดใบตองกับหินสองก้อนและหลบเข้าไปนั่งกรรมฐานปรากฏว่ามีความสุขสงบเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ถอนกลดจากที่ตีนเขาขึ้นมาอยู่จำพรรษาเสียบนยอดเขา นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสำนักสงฆ์ในเวลาต่อมาด้วยมีประชาชนที่มีจิตศรัทธาได้มาร่วมทำบุญสร้างอาคารศาลาเล็กๆ พอได้พักพิงอาศัยให้เป็นที่สบายขึ้น ง่ายต่อการปฏิบัติธรรมได้สะดวกสบายขึ้น ต่อมาเมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่ามีพระธุดงค์ปฏิบัติธรรมที่บนเขา ต่างก็หลั่งไหลมาร่วมทำบุญกันมากยิ่งขึ้น และได้มีพระภิกษุมาอยู่ร่วมจำพรรษาเพิ่มอีก ๒ รูป จากนั้นไม่นานญาติโยมทั้งหลายได้เห็นกิจปฏิบัติของท่านพ่อก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาได้นิมนต์ให้ท่านพำนักที่นี้ตลอดก็จัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์สันติธรรมคีรี (วัดเขาหินโค่ง) และก็ได้มาสร้างศาลาขึ้นให้ใหม่ในปีพ.ศ. ๒๕๓๗ ใช้เวลาสร้าง ๑ ปี เต็มๆ ในการสร้างศาลาในครั้งนี้ก็ได้จัดสร้างพระผงสิริฤ (รึ) โดยใช้ผงวิเศษในถ้ำม่วง ถ้ำผาหลวง จ.พิษณุโลก ในการธุดงค์เพื่อจาริกแสวงบุญในพรรษาแรก เพื่อมาแจกญาติโยมที่มาร่วมทำบุญและก็พัฒนามาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสร้างกุฏิ ห้องน้ำ ศาลาต่างๆ
    ในระหว่างนั้นท่านได้เดินทางธุดงค์ไปยังปราสาทต่างๆ ในภาคอีสาน เช่น ปราสาทหินพิมาย ปราสาทพนมรุ้ง ฯลฯ จนมีอยู่ครั้งหนึ่งท่านได้เข้าสมาธิจิตเป็นตั้งมั่นนิมิตเห็นชายผู้หนึ่งเข้ามากราบเพื่อขอสร้างพระโดยชี้ไปยังมวลสารอันได้แก่อิญเก่าๆ ที่แตกหักตามปราสาท หลังจากพอท่านกลับมายังสำนักสงฆ์สันติธรรมคีรี ท่านก็ได้ดำเนินการสร้าง พระผงขุนแผนชมตลาด ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ก็เดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อปฏิบัติกรรมฐานเพื่อให้มีสมาธิจิตที่แน่วแน่ เจอทั้งเรื่อง ภูตผีปิศาจ สัตว์ร้าย เสือโคร่ง งูเจ้าที่ และสัตตานัง ครั้งหนึ่งท่านพ่อโสตเคยเล่าว่า เดินธุดงค์ไปยังเขาฉวาก ซึ่งเป็นเขาที่มีป่ารกชัดในละแวกนั้นเมื่อเห็นทำเลอันเหมาะสมก็ได้ปักกลดลงเพื่อปฏิบัติวัตร พอตกกลางตึกอันเป็นคืนเดือนหงาย ก็ได้ยินเสียงดัง ต็อกแต๊กๆ พร้อมเสียง แปล็บๆ เมื่อท่านพ่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามีงูเจ้าที่ ขนาดลำตัวใหญ่เท่าจานข้าว ความยาวไม่ต่ำกว่าสิบเมตร เลื้อยมาจ้องหน้าท่านพ่อที่หน้ากลด เมื่อท่านพ่อเห็นท่านก็ได้แต่นิ่งและตั้งสติแผ่เมตตาให้กับงูเจ้าที่ตัวนั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนานเสียงนั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ท่านพ่อถอดใจที่จะแผ่เมตตาให้กับงูตัวนั้นและหันมาผู้ด้วยสมาธิจิตว่า “ถ้าฉันเคยกินเจ้า เจ้าก็กินฉันเถอะ ถ้าเราไม่มีอะไรต่อกันก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่เถอะ” อาจด้วยบารมีท่านพ่อหรือกรรมเก่าอาจะลิขิตงูเจ้าที่ตัวนั้นก็เลื้อยผ่านหน้ากลดและหายเข้าไปในป่า โดยท่านพ่อโสตก็ออกเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆทุกๆปีที่ท่านมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็น จังหวัดเชียงราย จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดอุดร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น ร่วมอยู่นับ ๑๐ ปี
    หลังจากท่านธุดงค์มาร่วม ๑๐ ปีท่านพ่อโสตก็ติดกิจนิมนต์จากบรรดาลูกศิษย์และภาระกิจที่ต้องดูแลและสร้างถาวรสถานจนมีอยู่ครั้งหนึ่งมีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งต้องการจะได้ที่บริเวณทั้งหมดของสำนักสงฆ์สันติธรรมคีรี (เขาหินโค่ง) แห่งนี้เนื่องด้วยมีชัยภูมิที่ตั้งอยู่บนเขาและสภาพแวดล้อมอันสวยงามซึ่งมีจำนวนพื้นที่ร่วมสองร้อยไร่ อีกทั้งยังไม่มีโฉนดและใบถือสิทธิ์ (สมัยก่อน) จึงเป็นที่ต้องการของกลุ่มนายทุน กลุ่มนายทุนจึงให้เล่ห์กลปลุกระดมชาวบ้านโดยการปล่อยข่าวในแง่ลบ และได้ร่วมกลุ่มชาวบ้านเพื่อขับไล่พระภิกษุสงฆ์ออกจากวัดทั้งหมด ในเบื้องต้นท่านพ่อโสตก็ได้รับฟังและชี้แจงเพื่อไม่ให้เรื่องต่างๆ ลุกลามไปมากกว่านี้ จนทำให้นายทุนนั้นต้องล่าถอยออกมา ด้วยความที่กิเลสของมนุษย์ซึ่งจบลงในห้วงแห่งอบายจึงดำเนินการจัดฉากและสร้างความเสื่อมเสียให้กับตัวท่านพ่อโสตด้วยวิธีต่างๆนานา แม้กระทั่งนำสีกามากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานถึงในสำนักสงฆ์ แต่ด้วยการที่ท่านพ่อโสตได้สมาธิจิตที่นิ่งดังน้ำในภาชนะแก้วใส ท่านก็นิ่งเฉยพร้อมทั้งกล่าวในที่ประชุมว่า “ถ้าฉันทำไม่ดีจริงอย่างที่พวกท่านว่าก็ถือเป็นบุญของพวกท่านและพระศาสนา แต่ถ้าฉันทำดีจริงก็ถือว่าพวกท่านนั้นกล่าวหาฉันและคอยทำลายพระศาสนา” โดยหลังจากเหตุการณ์นั้นท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยในกรณีดังกล่าว แต่ด้วยเหตุนี้ก็ทำให้ท่านไม่สามารถบิณฑบาตบริเวณนั้นได้เพราะมีแต่คนดูแคลน แม้บิณฑบาตก็ไม่สามารถฉันอาหารได้เพราะมีแต่ของไม่ดี ดังนั้นจึงรวบรวมเงินซื้อรถเพื่อไปบิณฑบาตที่ตัวอำเภอแก่งหางแมว ด้วยกาลเวลาได้ผ่านบทพิสูจน์เรื่องการปฏิบัติและจริยวัตรอันเป็นที่ภิกษุสงฆ์พึงปฏิบัติก็ออกมาอย่างชัดเจนผลกรรมดีแม้จะช้าแต่สว่างชัดเจนยิ่งนัก กลุ่มนายทุนที่กล่าวหาท่านพ่อโสตต่างก็ล้มหายตายจาก บ้างก็บ้านแตกสาแหรกขาด บ้างก็ติดคุกติดตาราง ก็หาความเจริญมิได้แม้แต่คนเดียว แต่ท่านก็มิได้สมทับแต่คอยอโหสิกรรมอยู่เป็นนิต แม้กระทั่งไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลท่านก็ไปร่วมเป็นพระสงฆ์ในพิธี หลังจากชาวบ้านได้รับรู้ข้อเท็จจริงแล้วก็หันกลับมาเลื่อมใสและศรัทธาในตัวท่าน
    ในขณะนั้นถือว่าเป็นผู้คงแก่เรียนที่มุ่งเน้นให้น้ำหนักไปทางการศึกษาเล่าเรียนพระเวท พระคาถา พระอาคม หลักวิชาการต่างๆ จากบรรดาฆราวาสคณาจารย์ อีกหลายท่าน ดังนี้
    ศิษย์ฆราวาสของหลวงพ่อผุด วัดวังเวียน ธรรมทายาทศาสตร์สายวิชาพระปิดตาหลวงพ่อผุด วัดวังเวียน เมืองท่าใหม่ ที่ขึ้นชื่อลือนามร่วมยุคสมัยกับ พระปิดตาห้าเสือเมืองชลบุรี พระปิดตาหลวงพ่อจีน วัดท่าลาด เมืองฉะเชิงเทรา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสำนักใหญ่เมืองจันทบุรีที่คงเอกลักษณ์ในการจัดสร้างพระพิมพ์พระปิดตา เนื้อผงพระพุทธคุณคลุกรัก ตะกรุดโทนกันปืน อานุภาพมหากันรอบตัว
    อาจารย์เนือง ท่าใหม่ เชี่ยวชาญชำนาญการในทางเจตภูตวิญญาณ ขับไล่ภูตผีปีศาจ และรักษาผู้คนที่ถูกกระทำย่ำยีบีฑาจากเดรัจฉานวิชา ศาสตร์มืด มนต์ดำ ไสยต่ำ
    อาจารย์พัด วัดทุ่งเบญจา เชี่ยวชาญชำนาญการในสายวิชาชุมเสือ หรือสายเหนียวที่เน้นไปในเรื่อง คงกระพันชาตรี ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า มหาอำนาจตบะเดชาชัย ในสายเมตตา วิชาด้านเสน่ห์มหานิยมทางอิตถีเพศ ด้วยเหตุที่อาจารย์พัด เคยเป็นเสือเก่ามาก่อนอยู่ชุมเสือเดียวกันกับเสือเท้ว เสือฝ้าย เสือใบ โดยบรรดาชุมเสือเหล่านี้เป็นที่กล่าวข่านในภาคตะวันออกมานับสิบปีถึงความน่าเกรงขาม
    อาจารย์ด๋วน บ้านเขาวงกต เชี่ยวชาญชำนาญการในกำหนดจิตติดต่อนายผี สามารถเรียกผีได้ ขับไล่ผีได้ ใช้งานผีได้ และยังเชี่ยวชาญในการต่อกระดูก ผูกกระดูก
    นอกจากนี้ท่านยังศึกษาตำราที่เกี่ยวกับพระเวทย์ ยาสมุนไพรแผนโบราณ ดูดวง ฤกษ์ยาม จนเข้าใจท่องแท้จนกระทั้งมีลูกศิษย์นำวิชาความรู้ไปประกอบธุรกิจจำนวนมากยกตัวอย่าง เช่น หมอกิ่งแก้ว พลับพลานารายณ์ ปัจจุบันมีชื่อเสียงมากในจังหวัดจันทบุรีด้านสมุนไพรแผนโบราณซึ่งก็ได้นำวิชาความรู้จากท่านพ่อโสตไปใช้เพื่อประกอบสัมมาอาชีพ
    ปัจุจบัน ปี ๒๕๕๘ ท่านพ่อโสตมีอายุครบ ๖๐ ปี ๒๒ พรรษากิตติคุณบารมีธรรมของท่านพ่อโสตนอกจากจะมีเมตตาต่อญาติโยมแล้วท่านยังเป็น พระนักพัฒนา นักเผยแผ่อีกด้วย โดยได้พัฒนาสำนักสงฆ์สันติธรรมคีรี จนมีอาคารเสนาสนะต่างๆ มาถึงทุกวันนี้ สำหรับกิจวัตรที่ญาติโยมไปขอความเมตตาเป็นประจำ คือ การเจิมรถ ดูดวง สะเดาะเคราะห์ และรักษาโรคต่างๆ ด้วยยาสมุนไพร และอีกมากมาย ทำให้ทุกวันนี้มีศิษยานุศิษย์ให้ความเคารพนับถือไม่ว่าจะเป็นชาว ต.คลองพลู หรือตำบลใกล้เคียงเองก็ดี แถบย่านพระโขนง อ่อนนุช ประเวศน์ ลาดกระบัง หัวตะเข้ คลองหลวงแพ่ง เป็นท้องถิ่นย่านของผู้ประกอบกิจการในด้านโรงงานเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีอัตราความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นเรื่องปกติที่ต้องนิยมเครื่องรางของขลัง เครื่องรางของศักดิ์สิทธิ์ที่ดีเด่นทางด้านแคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพันชาตรี แบบคงหนัง คงเนื้อ คงกระดูก คงโลหิต หรือนิยมเรียกกันว่า หนังดีตีไม่แตก กระดูกไม่หัก แมลงวันไม่ได้กินเลือด
    ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ถือเป็นพระเกจิคณาจารย์แบบช้างเผือกมักเกิดในป่าที่ผู้คนต้องเที่ยวเสาะแสวงหาแบบปากต่อปาก แบบมีประสบการณ์ดีจึงบอกต่อกัน มิได้มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่างๆ กันแต่อย่างไร บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายส่วนใหญ่อยู่กระจัดกระจายไปทั่ว ๔ จังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันออก และในจังหวัดต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ในแต่ละวันนั้นมักมีลูกศิษย์เดินทางกันมากราบนมัสการกันตลอดทั้งวัน เพื่อมาขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือทางด้านต่างๆ จำนวนมากน้อยแตกต่างกันไป แต่เมื่อครั้งใดที่ทางสำนักสงฆ์เขาหินโค่ง มีงานบุญงานกุศล ต่างก็พากันหลั่งไหลมาประชุมรวมกันเป็นจำนวนมาก ท่านเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา ปกครองด้วยความโอบอ้อมอารี ไม่ลำเอียงไม่แบ่งชั้นวรรณะท่านให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และมีกฎระเบียบที่เข้มงวดพอสมควรแก่อุปนิสัยของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเป็นอย่างดี ทำให้หมู่พระภิกษุสามเณรดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสของชาวบ้านและประชาชนที่ได้พบเห็นยิ่งนัก ท่านพ่อโสต ท่านได้ให้ความช่วยเหลือญาติโยมเสมือนท่านเป็นบิดาของบุตร เพราะใครมีปัญหาอะไร ที่ยุ่งยากใจไม่สามารถจะทำการแก้ไขให้ตัวเองได้ก็จะมาพึ่งท่านพ่อ ให้ท่านช่วย ท่านพ่อก็ยินดีรับเป็นที่ปรึกษาและช่วยแก้ไขปัญหาให้ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์ลูกหาหรือชาวบ้านผู้หนึ่งผู้ใดเดือดร้อน และขัดสนเรื่องเงินทองมาขอพึ่งท่านพ่อ ท่านก็จะช่วยเท่าที่ท่านจะมีอยู่ในตัวท่าน ถ้าท่านพ่อมีก็จะไม่ขัดใครทั้งนั้น ท่านจะช่วยเมตตาให้พ้นความเดือดร้อนเกือบทุกรายความเมตตาอนุเคราะห์แก่บรรดาศิษยานุศิษย์และชาวบ้านทั่วไป ของท่านพ่อนั้นท่านก็กระทำอย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พระภิกษุ-สามเณรผู้เป็นลูกศิษย์ลูกหาอย่างยิ่ง นอกจากนี้ท่านยังเมตตาให้ความอนุเคราะห์แก่เหล่าหมู่สัตว์ท่านก็กระทำอยู่เสมอ เพราะท่านพ่อเป็นผู้ที่มีความรักเอ็นดูสัตว์มาก ในวัดของท่านจะมีสัตว์ต่างๆหลายชนิด เช่น นกพิราบ สนัข แมว หมูป่า และนกอื่นๆอีกมากมายกระทั่ง หมู-ไก่ สารพัดสัตว์ ทุกเช้าและเย็นท่านพ่อให้พระนำอาหารที่เหลือมาให้เหล่าสัตว์ได้กิน บางตัวบาดเจ็บท่านก็จะจับมารักษาให้จนหายเมื่อสัตว์เหล่านั้นได้รับการอนุเคราะห์จากท่านพ่อแล้ว ก็จะไม่ไปไหน ท่านพ่อท่านสั่งห้ามโดยเด็ดขาดว่าไม่ให้ใครรังแกสัตว์ทุกชนิดในวัด

    พระคาถาอาราธนาพระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านพ่อโสต สิริธมฺโม วัดสันติธรรมคีรี (วัดเขาหินโค่ง) จันทบุรี
    กล่าว นะโมฯ 3 จบ ตามด้วยพระคาถา
    สิริฤ (รึ) พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ
    สิริฤ (รึ) นะโมพุทธายะ พยัคโก จะ กัณหะ เนหะ นะมะพะทะ จะเตนะโมฯ ( กล่าว 3 จบ)

    ผู้เรียบเรียง กรณ์ จันทบุรี
    บรรณาธิการ พี่สรรค์ จันทบุรี, พี่เบ็น สุพรรณ
     
  14. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    ประวัติท่านพ่อโสต สิริธมฺโม สำนักสงฆ์สันติธรรมคีรี(วัดเขาหินโค่ง)

    ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์สันติธรรมคีรี(วัดเขาหินโค่ง) บ้านชำตาเรือง ต.คลองพลู อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เป็นพระผู้เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาและเชี่ยวชาญในงานด้านต่างๆ อีกมากมายปัจจุบันท่านอายุ 60 ปี 22 พรรษา เป็นพระเถราจารย์อีกรูปหนึ่ง ที่มากด้วยศิษยานุศิษย์ให้ความเคารพนับถือ ไม่ว่าจะเป็นชาว ต.คลองพลู หรือตำบลใกล้

    ท่านเกิดในสกุล เฉื่อยวิบูลย์ ณ บ้านเลขที่ 5 หมู่ 7 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เมื่อวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม 2498 ปีมะแม เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 7 คนของนายทวี และนางซึ้ง ผ่องพัก เรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดสามผาน จบชั้น ป.4 อายุ 16 ปี ได้บวชเป็นสามเณรที่วัดทุ่งเบญจา ซึ่งมีท่านพ่อเป๋า นนฺทสาโร เป็นเจ้าอาวาส พรรษาแรกสอบนวะโกวาทได้ พอพรรษาที่ 2 ก็ไปเรียนที่วัดสุทธิวารี อ.เมือง สอบนักธรรมตรีได้ แล้วกลับมาวัดทุ่งเบญจา เรียนสักยันต์ และไสยเวทย์ต่างๆ กับอาจารย์จุ๋ย ได้ประมาณ 7-8 เดือน อาจารย์ก็ล้มป่วยด้วยโรคปวดท้อง ก็ได้สั่งบรรดาศิษย์ไว้ว่าถ้าอาจารย์เป็นอะไรตำราทุกอย่างให้ยกกับสามเณรโสตให้หมด

    เมื่ออาจารย์จุ๋ยมรณภาพลง ลูกศิษย์ที่ได้เคยมาสักยันต์ ก็มาขอทำการสักกับสามเณรโสตอยู่ตลอดเวลา ช่วงนั้นอาจารย์ไหนเก่ง ท่านก็จะไปขอเรียน เมื่ออายุครบได้บวชอยู่พรรษา แล้วลาสิกขาบทออกมารับราชการทหารผลัด 4 นาวิกโยธิน ท.ร. 19 ฝึกอยู่ 6 เดือน ก็ถูกส่งไปอยู่ชายแดน จนปลดประจำการ ออกมาใช้ชีวิตครอบครัวอยู่หลายปี จึงอุปสมบทอีกครั้งที่วัดทุ่งตาอิน เมื่อปี 2536 โดยมีพระอธิการจำนง ชยฺยวํโส (พระครูประดิษฐ์สาธนการ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สมแดง จิรวังโส วัดจันเขม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการฉาบ ฉทฺธมฺโม วัดคลองพลู เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    จากนั้นได้ไปอยู่วัดที่สำนักสงฆ์คลองชีพบ้านจันเขม 3 เดือน ใจไม่สงบจึงขออนุญาตพระอุปัชฌาย์ออกธุดงค์ โดยยังไม่รู้ว่าจะไปทิศทางไหน เวลาประมาณเที่ยงคืนได้แวะพักปักกลดอยู่ที่ตีนเขาลูกหนึ่ง ประมาณ 5-6 วัน ก่อนจะขึ้นไปบนยอดเขา ได้เจอโยม 2 คนจึงถามว่าเขานี้ชื่ออะไร โยมตอบว่าชื่อ "เขาหินโค่ง" จากนั้นจึงขอให้โยมตัดใบตองมาให้ 10 กว่าทาง(ใบ) เพื่อใช้พาดกับก้อนหินทำเป็นที่พักอาศัย อยู่ได้ไม่กี่วันใบตองก็แห้งเหี่ยวไป แต่ท่านก็ไม่อยากย้ายไปไหนเพราะรู้สึกว่าที่บนเขาหินโค่งนี้สงบดี

    ท่านปักกลดอยู่ที่เขาหินโค่ง 1 พรรษา พอออกพรรษาแล้วก็อยู่ไปเรื่อยๆ จนมีโยมมาทำบุญ 2 คน และช่วยสร้างศาลาเล็กๆ ให้ ต่อมาก็มีพระมาอยู่ด้วยอีก 3 รูป พอญาติโยมรู้ว่ามีพระมาจำพรรษาอยู่บนเขาก็มาทำบุญกันมากขึ้นท่านจึงตั้งเป็น "สำนักสงฆ์สันติธรรมคีรี(วัดเขาหินโค่ง" ใช้เวลาสร้าง 1 ปีเต็ม และก็พัฒนาตามลำดับด้วยการสร้างกุฏิ ห้องน้ำ ศาลา รวมทั้งศาลาโรงทานที่กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้

    ท่านพ่อโสต ได้ศึกษาวิชาอาคมมาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร และในด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และอื่นๆอีก โดยอาจารย์ผู้สอน อาทิ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ท่านพ่อเป๋า นนฺทสาโร และพระอาจารย์จุ๋ย วัดทุ่งเบญจา อาจารย์เนือง อาจารย์ด๋วน อาจาย์พัด อาจารย์ยี่ กิตติคุณท่านพ่อโสต นอกจากจะมีเมตตาต่อญาติโยมแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา นักเผยแผ่อีกด้วย โดยได้พัฒนาสำนักสงฆ์สันติธรรมคีรี จนมีอาคารเสนาสนะต่างๆ มาถึงทุกวันนี้ สำหรับกิจวัตรที่ญาติโยมไปขอความเมตตาเป็นประจำ คือ การเจิมรถ ดูดวง สะเดาะเคราะห์ และรักษาโรคต่างๆด้วยยาสมุนไพร และอีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์ลูกหา หรือชาวบ้านผู้หนึ่งผู้ใดเดือดร้อน และขัดสนเรื่องเงินทองมาขอพึ่ง ท่านก็จะช่วยสงเคราะห์ให้พ้นความเดือดร้อนเกือบทุกราย นอกจากนี้ท่านยังเมตตาให้ความอนุเคราะห์แก่เหล่าหมู่สัตว์ ในวัดจะมีสัตว์ต่างๆ หลายชนิด เช่น นกพิราบ สุนัข แมว หมูป่า และนก ทุกเช้าเย็น ท่านจะให้พระนำอาหารที่เหลือ พร้อมกับสั่งห้ามโดยเด็ดขาดว่าไม่ให้ใครรังแกสัตว์ทุกชนิดในวัด

    สำหรับวัตถุมงคลยอดนิยมของท่านมีหลายอย่าง เช่น พระสมเด็จ พระขุนแผนชมตลาด ตะกรุดหนังเสือ พระผงน้ำพี้ รูปเหมือน เหรียญรูปไข่ พระยอดธง ฯลฯ ล่าสุดท่านได้จัดสร้างล็อกเก็ตรุ่นแรก และองค์จำลองหลวงปู่เขาหินโค่ง และมหาฤษีมุนีดาบส เพื่อนำรายได้สมทบทุนสร้างศาลาโรงทานให้แล้วเสร็จ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2016
  15. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    วัตถุมงคลท่านพ่อโสต สิริธัมโม วัดสันติธรรมคีรี(เขาหินโค่ง) บ้านซำตาเรือง ต.คลองพลู อ.เขาคิชกุฎ จ.จันทบุรี (ยอดนิยม)

    1.ล็อคเกตรุ่นแรกฉากทองคำ

    2.ล็อคเกตรุ่นแรกฉากซีเปีย

    3.เหรียญหน้าเสือ

    4.เสือทองเหลือง

    5.ตะกรุดหนังเสือ

    6.พระขุนแผนชมตลาดเเละชุดอื่นกำลังลงให้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. วิคิด

    วิคิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    781
    ค่าพลัง:
    +1,136
    ขุนแผนเเพงมั๊ยคับ
     
  17. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    องค์นี้2500ออกไปเเล้วครับ
     
  18. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    พระผงขุนแผนชมตลาด ขุนเเผนรุ่นเเรก หลวงพ่อโสต คู่เบาๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    ชุดขุนเเผนสามพราย มี กล่องครับ มาใหม่รีบเก็บครับ ขยับวันต่อวัน ที่จันทบุรี ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 22454.jpg
      22454.jpg
      ขนาดไฟล์:
      538.1 KB
      เปิดดู:
      272
  20. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    ได้มาใหม่ครับ ขุนเเผนสามพราย นิมนต์มาเพิ่มครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...