ธรรมะของคู่รักให้อยู่กันอย่างยั่งยืน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Karnta, 6 เมษายน 2010.

แท็ก: แก้ไข
  1. Karnta

    Karnta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,239
    ค่าพลัง:
    +1,098
    มงคลที่13 สงเคราะห์ภรรยา (สามี)

    ในการเคี้ยวอาหาร ถ้าลิ้นกับฟันทำงานไม่ประสาน กัน ก็มีหวังขบลิ้นตนเองต้องเจ็บปวดจน น้ำตาร่วง
    เช่นกัน ในชีวิตการครองเรือน ถ้าสามีภรรยาไม่ รู้จักสงเคราะห์กันและกัน ไม่มีความเข้าใจกัน
    นอกจากจะไม่มีความก้าวหน้าในชีวิตแล้ว ทั้ง 2 ฝ่าย ก็มีหวังช้ำใจจนน้ำตาร่วงได้เหมือนกัน

    ความหมายของสามี - ภรรยา
    สามี แปลว่า ผู้เลี้ยง
    ภรรยา แปลว่า คนควรเลี้ยง
    คำทั้งสองนี้ เป็นคำที่แฝงความหมายอยู่ในตัว และเป็นคำคู่กัน ผู้ชายที่ได้ชื่อว่า
    สามี ก็เพราะเลี้ยงดูภรรยา
    ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า ภรรยาก็เพราะทำตัวเป็นคนน่าเลี้ยง

    ประเภทของภรรยา
    ภรรยาทั้งหลายในโลกนี้ แบ่งได้ 7 ประเภทคือ

    1.วธกภริยา ภรรยาเสมอด้วยเพชรฌฆาต คือภรรยาที่มีใจคิดล้างผลาญชีวิตสามี พยายามฆ่าสามี
    ยินดีในชายอื่น ตบตี แช่งด่าสามี

    2.โจรีภริยา ภรรยาเสมอด้วยโจร คือ ภรรยาที่ชอบล้างผลาญทรัพย์สามี ใช้ทรัพย์ไม่เป็นบ้าง
    ยักยอกทรัพย์เพื่อความสุขส่วนตัวบ้าง สร้างหนี้สินให้ตามใช้บ้าง

    3.อัยยภริยา ภรรยาเสมอด้วยนาย คือภรรยาที่ชอบล้างผลาญศักดิ์สามีไม่สนใจช่วยการงาน เกียจคร้าน
    กินมาก ปากร้าย กล่าวคำหยาบ ชอบข่มขี่สามีซึ่งขยันขันแข็ง เหมือนเจ้านายข่มขี้ข้า ภูมิใจที่ข่มสามีได้

    4.มาตาภริยา ภรรยาเสมอด้วยแม่ คือ ภรรยาที่มีความรัก เมตตาสามีไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนมารดารักบุตร
    เช่น สามีจะตกต่ำหมดบุญวาสนา จะป่วย จะพิการตลอดชีวิตก็ไม่ทอดทิ้ง ไม่พูด ไม่ทำให้สะเทือนใจ
    แม้ตายจากไปตั้งแต่ตนยังสาว ก็ไม่ยอมมีสามีใหม่

    5.ภคินีภริยา ภรรยาเสมอด้วยน้องสาว คือ ภรรยาที่เคารพสามีเป็นคนละอายบาป มีความรักยั่งยืน
    แต่มีขัดใจกันบ้าง ทั้งซน ทั้งงอน ทั้งขี้ยั่ว ทั้งขี้แย ต้องทั้งขู่ทั้งปลอบ ประเดี๋ยวจะเที่ยว ประเดี๋ยวจะกิน
    จะแต่งตัว แต่ก็ซื่อสัตย์ต่อสามี

    6.สขาภริยา ภรรยาเสมอด้วยเพื่อน คือ ภรรยาที่มีรสนิยม มีความชอบเหมือนสามี ถูกคอกัน
    เป็นคนมีศีลธรรม มีความประพฤติดี แต่ก็มีความทนงตัวโดยถือว่าเสมอกัน หากฝ่ายตรงข้าม
    ขาดเหตุผล ก็ไม่ยอมกัน

    7.ทาสีภริยา ภรรยาเสมอด้วยคนใช้ คือ ภรรยาที่ทำตัวเหมือนคนใช้ ถึงสามีจะเฆี่ยนตี ดุด่า
    ขู่ตะคอกก็ไม่คิดพิโรธโกรธตอบสามี อดทนได้ อยู่ในอำนาจสามี

    จะดูว่าใครเป็นสามี - ภรรยาชนิดไหน ต้องดู หลังจากแต่งงานแล้วระยะหนึ่งจึงจะชัด การแต่ง งานก็มีอยู่ 2 ระยะคือ
    ระยะแต่ง คือก่อนเป็นผัวเมียกัน ต่างคน ต่างแต่ง ทั้งแต่งตัว แต่งท่าทาง อวดคุณสมบัติให้อีกฝ่ายหนี่งเห็น
    ระยะงาน คือหลังจากเป็นผัวเมียกันแล้ว ต่างคนต่างต้องทำงานตามหน้าที่ ใครมีข้อ ดีข้อเสีย ความรู้ความสามารถ
    ความประพฤติอย่างไร ก็ จะปรากฏชัดออกมา

    คุณสมบัติของคู่สร้างคู่สม
    พื้นฐานอันมั่นคงที่จะทำให้สามีภรรยาครองชีวิตกันยืนยาว มีความสุขคือ คู่สามีภรรยาต้องมีสมชีวิธรรม ได้แก่

    สมสัทธา มีศรัทธาเสมอกัน ได้แก่ มีหลักการ มีความเชื่อมั่นในศาสนา มีเป้าหมายชีวิตเหมือนกัน
    สมสีลา มีศีลเสมอกัน ได้แก่ ความประพฤติศีลธรรมจรรยา กิริยามารยาทอบรมมาดีเสมอกัน
    สมจาคะ มีจาคะเสมอกัน ได้แก่ มีนิสัยเสียสละชอบช่วยเหลือ ไม่เห็นแก่ตัว ใจกว้างเสมอกัน
    สมปัญญา มีปัญญาเสมอกัน ได้แก่ มีเหตุมีผล มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ดื้อด้านดันทุรัง เข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกัน พูดกันรู้เรื่อง

    วิธีทำให้ความรักยั่งยืน
    การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเรื่องที่จะว่ายาก ก็เหมือนง่าย แต่ครั้นจะว่าง่ายกเหมือนยาก
    เพราะเพียงอต่เราตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรผัวเมียจึงจะ มีความรักยั่งยืนอยู่กินกันราบรื่นเพียง
    ประเด็นเดียว แล้วลองเที่ยวหาคำตอบดูเถอะ ถามสิบ คนก็ตอบสิบอย่าง บ้างก็ว่าเกี่ยวกับดวง
    ชะตาคู่ ธาตุ ต้องว่างฤกษ์ วางลัคน์ให้เหมาะ ๆ บ้างก็ว่าเป็น เรื่องของพรหมลิขิต ที่หัวสมัยใหม่หน่อยก็ว่า
    สำคัญที่แหวนหมั้นขันหมากเงินทุนให้มาก ๆ เข้าไว้ ความสุข ในชีวิตจะมีเอง


    แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องมงคลสมรสไว้สั้น ๆ เพียงคำเดียวว่า "สังคหะ" แปลว่า สงเคราะห์กัน
    และให้ปฏิบัติ ตามหลักสังคหวัตถุ 4 เพื่อเป็นการยึดเหนี่ยวน้ำใจกันดังนี้

    ทาน ปันกัน-การให้ คนเราถ้ารักที่จะอยู่ด้วยกันต้องปันกันกิน ปันกันใช้ หามาได้แล้ว
    ควรรวมกันไว้เป็นกองกลางแล้วจึงแบ่งกันใช้ หากไม่เอามารวมกัน อาจเกิดการระแวงกันได้
    ที่ใดที่ปราศจากการให้ที่นั่นย่อมแห้งแล้งเหมือนทะเลทราย การปันกันนี้ รวมทั้งการปันทุกข์กัน
    ในครอบครัวด้วย เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีความทุกข์ มีปัญหา ก็ควรนำมาปรึกษากัน

    ปิยวาจา พูดกันด้วยวาจาไพเราะ แม้การตักเตือนกัน ก็ต้องระมัดระวังคำพูด ถ้าถือเป็นกันเอง
    มากเกินไป อาจจะเกิดทิฐิ ทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข โดยถือหลักว่า ก่อนแต่งงานเคยพูด
    ไพเราะอย่างไร หลังแต่งงานก็พูดให้เพราะ ๆ อย่างนั้น

    อัตถจริยา ประพฤติตนเป็นประโยชน์ต่อกัน เมื่อรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง
    พยายามศึกษาหาความรู้ทางธรรม เอาใจมาเกาะกับธรรมให้มาก สามีภรรยานั้นเมื่อทะเลาะกันมักจะโยน
    ความผิดให้อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งแท้จริงแล้ว ย่อมมีความผิดด้วยกันทั้งคู่ อย่างน้อยก็ผิดที่ไม่หาวิธีที่เหมาะสม
    สั่งสอนตักเตือนกัน ปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งทำความผิด

    สมานัตตตา วางตัวให้เหมาะสมกับที่เป็น เป็นพ่อบ้านก็ทำตัวให้สมกับเป็นพ่อบ้าน เป็นแม่บ้านก็ทำตัว
    ให้สมกับเป็นแม่บ้าน ต่างก็วางตัวให้เหมาะกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทั้งในบ้านและนอกบ้าน
    ซึ่งข้อนี้จะประพฤติได้ดี ต้องฝึกสมาธิให้ใจผ่องใสเป็นปกติ เพราะคนที่ใจผ่องใสจะรู้ว่าในภาวะ
    เช่นนั้น ควรจะวางตนอย่างไร ไม่ระเริงโลก จนวางตนไม่เหมาะสม

    โดยสรุป คือ ปฏิบัติตนตามหลักทาน (การให้ปัน สิ่งของ)
    รักษาศีล (เพื่อให้มีคำพูดที่ไพเราะ และเพื่อ อุดข้อบกพร่องของตน จะได้เป็นคนมีประ โยชน์)
    เจริญภาวนา (คือการฟังธรรมและทำสมาธิ เพื่อให้ ใจผ่องใสเกิดปัญญา จะได้วางตัวเหมาะสมกับที่ เป็น)

    หน้าที่ของสามีต่อภรรยา

    1. ยกย่องให้เกียรติ คือ ยกว่าเป็นภรรยา ไม่ปิด ๆ บัง ๆ หากทำดีก็ชมเชยด้วยใจจริง
    หากทำผิดก็เตือน แต่ไม่ตำหนิต่อหน้าสาธารณชน หรือคนในบ้าน เพราะจะเสียอำนาจการปกครอง
    สิ่งใดเป็นเรื่องส่วนตัว เช่น การเลี้ยงเพื่อน พบปะญาติมิตร ควรให้อิสระ
    2. ไม่ดูหมิ่น ไม่เหยียบย่ำว่าต่ำกว่าตน ไม่ดูถูกเรื่องตระกูล ทรัพย์ความรู้ การแสดงความคิดเห็น
    ไม่กระทำเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวโดยไม่ปรึกษา ห้ามทุบตีด่าทอเด็ดขาด
    3. ไม่นอกใจ ไม่ไปสมสู่กับหญิงอื่นในฐานะเป็นภรรยาเหมือนกัน เพราะเป็นการดูหมิ่นความเป็นหญิง
    ของภรรยา ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ภรรยาทุกคนจะปลื้มใจที่สุด ถ้าสามีรักและซื่อตรงต่อตนเพียงคนเดียว
    4. มอบความเป็นใหญ่ให้ คือ มอบให้เป็นผู้จัดการภาระทางบ้าน ไม่เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องการครัว
    การปกครองภายใน นอกจากเรื่องใหญ่ ๆ ซึ่งภรรยาไม่อาจแก้ปัญหาได้
    5. ให้เครื่องแต่งตัว ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงล้วนชอบแต่งตัว สนใจเรื่องสวย ๆ งาม ๆ ถ้าได้เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว สวย ๆ
    งาม ๆ แล้วชื่นใจ ถึงจะโกรธเท่าโกรธ ถ้าได้เครื่องแต่งตัวถูกใจ ประเดี๋ยวก็หาย สามีก็ต้องตามใจบ้าง

    หน้าที่ของภรรยาต่อสามี

    1. จัดการงานดี จัดบ้านให้สบายน่าอยู่ จัดอาหารให้ถูกปากและทันตามความต้องการ จัดเสื้อผ้าเครื่องใช้ให้สะอาดอยู่เสมอ
    2. สงเคราะห์ญาติข้างสามี ด้วยการเอื้อเฟื้อ กล่าววาจาไพเราะ ให้ความช่วยเหลือตามฐานะที่จะทำได้
    3. ไม่นอกใจ จงรักภักดี รักสนิทแน่นต่อสามีเพียงผู้เดียว
    4. รักษาทรัพย์ให้ดี แต่ก็ไม่ตระหนี่ รู้จักใช้ทรัพย์ให้เป็น
    5. ขยันทำงาน ขยันขันแข็งทำงานบ้าน ไม่เอาแต่กิน นอน เที่ยว หรือเล่นการพนัน

    ประเพณีแต่งงานของไทยเรา เวลาเจ้าบ่าวเจ้า สาวรับน้ำพุทธมนต์ มักจะสวมมงคลแฝดไว้
    บนศีรษะดูคล้าย ๆ กับยึดคนสองคนไว้ด้วยกัน ความมุ่งหมาย นั้นคือ จะยึดคนทั้งสองไว้ไม่ให้แยกจากกัน
    นั่นเป็นการยึดผูกเพียงภายนอกผิดเผิน ซึ่ง ช่วยอะไรไม่ได้จริง

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้ยึดเหมือนกัน แต่ แทนที่จะสอนให้ยึดด้วยด้าย ทรงสอนให้ยึด
    ด้วยคุณธรรมที่เรียกว่า "สังคหะ" แทน การสงเคราะห์ที่ทั้ง สองฝ่ายปฏิบัติต่อกัน จะเป็นเงื่อน
    ใจ 2 วง วงหนึ่ง คล้องไว้ในใจผัว อีกวงหนึ่งคล้องไว้ในใจ เมีย ถ้าคล้องให้เหมาะ ๆ แล้ว
    ต่อให้มนุษย์หน้าไหนก็มาพรากให้จากกันไม่ได้ แม้แต่ความตายก็พราก ได้เพียงร่างกาย
    ส่วนดวงใจนั้นยังคงคล้องกัน อยู่ชั่วนิรันดร์

    ข้อเตือนใจอยู่อีกนิดว่า แม้บางคนตั้ง ใจแล้วว่า จะต้องยึดใจเอาไว้ แต่ครั้น ปฏิบัติจริง
    ก็ไม่วายเขว พอผัวทำท่าจะหลงใหลนอกทาง กลับวิ่งไปหาหมอเสน่ห์ยาแฝด เสียเงินเสียทอง
    เสียเวลา แต่แล้วก็เหลว เพราะทิ้งบ้านทิ้งช่อง ไปเฝ้า หมอ ข้าวปลาไม่รู้จักหุงหา ปล่อยให้บ้าน
    รกเป็น เล้าไก่รังกา แทนที่จะคอยเอาใจผัว กลับไป กราบเท้าเอาใจหมอเสน่ห์เพื่อจะมาแข็งข้อ
    เอากับผัว
    สถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายลงทุกที ที่ถูก ควรปักใจให้มั่นในศีลในทาน ในการทำ ความดี
    ปฏิบัติหน้าที่ของเราไม่ยอมให้บก พร่อง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

    โอวาทวันแต่งงาน
    เป็นโอวาทปริศนาที่บิดาของนางวิสาขาให้แก่นางวิสาขาในวันแต่งงาน มีทั้งหมด 10 ข้อดังนี้

    1. ไฟในอย่านำออก หมายถึง ไม่นำเรื่องราวปัญหา ความร้อนใจต่าง ๆ ในครอบครัวไปเปิดเผยแก่คนทั่วไปภายนอก
    2. ไฟนอกอย่านำเข้า หมายถึง ไม่นำเรื่องราวปัญหาต่าง ๆ ภายนอก ที่ร้อนใจ เข้ามาในครอบครัว
    3. ให้แก่ผู้ให้ หมายถึง ผู้ที่เราให้ความช่วยเหลือ ให้หยิบยืมสิ่งของ เมื่อถึงกำหนดก็นำมาส่งคืนตามเวลา
    เมื่อเรามีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือ หากไม่เกินความสามารถของเขา เขาก็ยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มใจ
    บุคคลเช่นนี้ภายหลังถ้ามาขอความช่วยเหลือเราอีก ก็ให้ช่วย
    4. ไม่ให้แก่ผู้ที่ไม่ให้ หมายถึง ผู้ที่เราให้ความช่วยเหลือ ให้หยิบยืมสิ่งของแล้ว ไม่ส่งคืนตามกำหนดเวลา
    เมื่อเรามีเรื่องขอความช่วยเหลือ แม้ไม่เกินความสามารถของเขา และเป็นเรื่องถูกศีลธรรม เขาก็ไม่ยอมช่วย
    คนอย่างนี้ภายหลังถ้ามาขอความช่วยเหลือเราอีก อย่าช่วย
    5. ให้ไม่ให้ก็ให้ หมายถึง ถ้าญาติพี่น้องเราที่ตกระกำลำบากอยู่มาขอความช่วยเหลือ แม้บางครั้งไม่ส่งของ
    ที่หยิบยืมตามเวลา ภายหลังเขามาขอความช่วยเหลืออีก ก็ให้ช่วย เพราะถึงอย่างไรก็เป็นญาติพี่น้องกัน
    6. กินให้เป็นสุข หมายถึง ให้จัดการเรื่องอาหารการกินให้ครอบครัวให้ดี ปรนนิบัติพ่อแม่ของสามี
    ในเรื่องอาหารอย่าให้บกพร่อง ถ้าทำได้อย่างนี้ตัวเราเองเวลากินก็จะกินอย่างมีความสุข ไม่ต้องกังวล
    7. นั่งให้เป็นสุข หมายถึง รู้จักที่สูงที่ต่ำ เวลานั่งก็ไม่นั่งสูงกว่าพ่อแม่ของสามีจะได้นั่งอย่างมีความสุข
    ไม่ต้องกังวล ไม่ถูกตำหนิ
    8. นอนให้เป็นสุข หมายถึง ดูแลเรื่องที่หลับที่นอนให้ดี และยึดหลักตื่นก่อนนอนทีหลัง ก่อนนอนก็
    จัดการธุระการงานให้เรียบร้อยเสียก่อน จะได้นอนอย่างมีความสุข
    9. บูชาไฟ หมายถึง เวลาที่พ่อแม่ของสามีหรือตัวสามีเองกำลังโกรธ เปรียบเสมือนไฟกำลังลุก
    ถ้าดุด่าอะไรเรา ก็ให้นิ่งเสียอย่าไปต่อล้อต่อเถียงด้วย เพราะในช่วงเวลานั้น ถ้าเราไปเถียงเข้าเรื่องราวก็จะยิ่ง
    ลุกลามใหญ่โต ไม่มีประโยชน์ คอยหาโอกาสเมื่อเขาหายโกรธแล้วชี้แจงเหตุผลให้ฟังอย่างนุ่มนวลจะดีกว่า
    10. บูชาเทวดา หมายถึง เวลาที่พ่อแม่ของสามีหรือตัวสามีเองทำความดี ก็พยายามส่งเสริมสนับสนุน
    พูดให้กำลังใจ ให้ทำความดีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    อานิสงส์การสงเคราะห์ภรรยา (สามี)

    1. ทำให้ความรักยืนยง
    2. ทำให้สมานสามัคคีกัน
    3. ทำให้ครอบครัวมีความสงบสุข
    4. ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
    5. เป็นตัวอย่างที่ดีแก่อนุชนรุ่นหลัง

    "ภรรยานั้นอยู่ใกล้ชิด หากไม่ผูกมิตร ชีวิตจะสั้น
    ภรรยานั้นอยู่ร่วมกัน หากคิดสร้างสรรค์ บ้านนั้นเจริญ"


    Fwdder.com - ธรรมะของคู่รักให้อยู่กันอย่างยั่งยืน^๐^ - โพสโดย d boey
     

แชร์หน้านี้

Loading...