บุญ บาป นรก สวรรค์ นิพพาน มีจริงหรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย โลกุตตระ, 15 มีนาคม 2011.

  1. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    บุญ บาป นรก สวรรค์ นิพพาน มีจริงหรือไม่

    พระธรรมเทศนาโดย หลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู

    ถาม - คนส่วนมากสงสัยเรื่องบุญ - บาป นรก สวรรค์ นิพพาน ว่าจะมีจริงดังธรรมท่านสอนไว้หรือไม่หนอ พระพุทธเจ้าผู้สอนธรรมเหล่านี้ก็เข้าสู่นิพพานไปนานสองพันกว่าปีแล้ว พระวาจาของพระองค์จะยังศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่หนอ ดังนี้มีมากในชาวพุทธเราเองนี่แล สงสัยและพูดกันอยู่ทั่วไป

    <O:p</O:p
    ตอบ
    ข้อนี้ก็น่าเห็นใจ เมื่อไม่รู้ไม่เห็นประจักษ์กับตัวเองตามที่ท่านบอกไว้ ก็อดสงสัยไม่ได้เป็นธรรมดาของคนมีกิเลสตัวมืดมิดปิดทวาร แต่อย่างไรก็ตามถ้าสนใจในเหตุผลอรรถธรรมอยู่แล้ว ก็มีทางจะรู้จะเห็นและเชื่อได้ไม่สุดวิสัย ข้อสำคัญเราเป็นลูกชาวพุทธ ที่ทรงประกาศสอนธรรมไว้ ด้วยความถูกต้องแม่นยำตามหลักแห่งสวากขาตธรรม ที่ตรัสไว้ชอบแล้วทุกแง่ทุกมุม ไม่มีผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงแม้แต่น้อย

    จึงควรยกศาสดาเป็นหลักใจไว้ จะดีกว่ายกความสงสัยไว้ทำลายใจ ส่วนความเข้าใจว่า บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพานไม่มี นั้นเป็นเรื่องของกิเลสปิดตาใจไว้ ไม่ยอมให้สัตว์โลกรู้เห็นสิ่งมีอยู่นั้นๆ ตามความเป็นจริงของสิ่งที่มีที่เป็น ไม่ใช่ดินฟ้าอากาศมาปิด เรื่อง บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน เหล่านี้ แม้พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ตลอดพระสาวกของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็ไม่มีพระองค์ใด องค์ใดเคยรู้เคยเห็นมาก่อนที่ธรรมยังไม่เข้าสู่พระทัยและสู่ใจ

    ต้องปฏิบัติลูบๆ คลำๆ กำดำกำขาวไปก่อน ดังพระพุทธเจ้าของเราก็เคยทราบในพระประวัติ ว่าทรงบำเพ็ญทดลองหลายวิธี จึงทรงพบเงื่อนแห่งความถูกต้อง อันเป็นสายทางที่จะให้ตรัสรู้ธรรม วิธีนั้นคืออานาปานสติ กำหนดลมหายใจเข้าออก โดยมีพระสติปัญญาสังเกตในวิธีการที่ทรงบำเพ็ญ จนปรากฏผลเป็นความสงบเย็นและแน่พระทัยว่าถูกทาง ปฐมยามก็ทรงบรรลุบุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติถอยหลัง ที่ไม่เคยบรรลุมาก่อนได้ ประจักษ์พระทัยหายสงสัยโดยไม่มีใครบอกเล่า มัชฌิมยามก็ทรงบรรลุ จุตูปปาตญาณ

    ทรงรู้ความจุติและความเกิดของสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ ได้โดยไม่มีใครบอกเล่า พอปัจฉิมยามก็ทรงบรรลุ อาสวักขยญาณ ญาณความรู้แจ้งความสิ้นไปแห่งอาสวะกิเลสทั้งมวล ไม่มีหลงเหลือในพระทัยเลย พร้อมด้วย วิชชา ๓ อภิญญา ๖ เป็นต้น ทะลุถึงโลกวิทู รู้แจ้งโลกในและโลกนอกตลอดทั่วถึง

    หายสงสัยโดยประการทั้งปวง สิ่งใดมีทั้งดีและชั่ว ตลอดธรรมอันประเสริฐเลิศเลอเหนือโลกสงสาร

    ก็ทรงรู้เห็น และยอมรับว่ามีว่าเป็นไม่ทรงลบล้าง และทรงปฏิบัติตามสิ่งที่มีที่เป็นนั้นๆ ตามที่ทรงเห็นควรว่าจะควรปฏิบัติต่อสิ่งนั้นๆ อย่างไรบ้าง และทรงสั่งสอนมวลสัตว์ด้วยวิธีการที่ทรงปฏิบัติและทรงรู้ทรงเห็นมา เป็นศาสนธรรมที่คงเส้นคงวาด้วยความถูกต้องแม่นยำมาตลอดปัจจุบันคือวันนี้ เพราะความจริงไม่ขึ้นอยู่กับกาลสถานที่ ไม่เกี่ยวกับการยังทรงพระชนม์อยู่และปรินิพพานของพระพุทธเจ้าแลสาวกทั้งหลาย แต่ขึ้นอยู่กับความจริงที่เคยมีเคยเป็นอย่างไร ก็มีอยู่เป็นอยู่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าแลสาวกทั้งหลายได้ทรงปฏิบัติ และรู้เห็นบาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน มาแล้วอย่างเต็มพระทัย จึงทรงนำความจริงนั้นๆ

    มาประกาศธรรมสอนโลก และทรงเป็นศาสดาเต็มองค์ รู้เห็นธรรมเต็มพระทัย มิได้มีอะไรปลอมแปลงแฝงอยู่ในพระทัยบ้างเลยแม้น้อย ดังนั้นสิ่งที่รู้ที่เห็นและที่สั่งสอนจึงเป็นของจริงเต็มส่วน ควรแก่การปฏิบัติตาม ด้วยความหายสงสัยกังวลอย่างยิ่งถ้าลงพระพุทธเจ้าเป็นที่ลงใจเชื่อไม่ได้แล้ว จะไปเชื่อใครได้ในไตรภพ คนๆ นั้นก็นับว่าหมดหวังและหมดทางเยียวยารักษา ถ้าเป็นโรคก็สุดวิสัย คอยแต่ลมหายใจเท่านั้น ถ้าจะเตรียมหีบเตรียมโลงก็ควรแล้ว เดี๋ยวจะเน่าเฟะเต็มบ้าน ที่กล่าวมาเหล่านี้คือข้อยืนยันของพระพุทธเจ้าที่เป็นศาสดาและนำธรรมมาสอนโลก

    <O:p</O:p
    ส่วนกิเลสตัวพาสัตว์โลกให้สวมแว่นตาดำมองอะไรเป็นหลังหมีไปทั้งตัวนั้น
    มันมีคุณสมบัติอะไร สัตว์โลกจึงเชื่อมันเอานักหนา ถึงกับไม่ยอมรับความจริงอะไรจากธรรมบ้างเลย กิเลสหมดทั้งโคตรแซ่พ่อแม่ลูกเต้าเหล่าหลาเหลนของมัน มีกิเลสตัวใด โคตรแซ่ใดบ้าง อุตริเกิดไปเห็น สวรรค์ นิพพาน แม้เพียงขณะสายฟ้าแลบ


    พอจะมีแก่ใจมาบอกและชักชวนสัตว์โลกให้ไปสวรรค์ นิพพาน กันบ้าง
    มีแต่มันหลอกมันต้มตุ๋นสัตว์โลก ฉุดลากสัตว์โลกให้ไปตกนรกทั้งเป็นทั้งตายเรื่อยมาแต่ต้นกำเนิดของมันโน่น ทั้งที่มันปฏิเสธว่านรกไม่มี แต่แล้วก็มันนั่นแลจับสัตว์โยนลงหม้อนรกทั้งเป็นทั้งตาย ด้วยความใจดำน้ำโสโครกที่สุด
    ไม่มีอะไรจะเป็นจอมหลอกลวงสัตว์โลกอย่างแยบยลยิ่งกว่ากิเลสชนิดต่างๆ

    <O:p</O:p
    ความมุ่งหมายของกิเลสเป็นอย่างนี้ คือ ถ้ามันจะบอกสัตว์โลกตามความจริงว่าบาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน มี สัตว์โลกก็จะตะเกียกตะกายละบาป บำเพ็ญบุญ เพื่อหลีกนรก ไปสวรรค์ นิพพาน จากมันเสียหมด มันก็จะขาดผลรายได้จากสัตว์โลกอย่างพินาศขาดสูญ ฉะนั้น มันจึงปิดหูปิดตาปิดใจสัตว์โลกไว้อย่างมิดตัว ไม่ให้มองเห็น บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพานนั้นได้เลย มันปิดไว้หมด ดังนั้นแม้สิ่งเหล่านี้จะตั้งขวางหน้าอยู่ก็ตาม สัตว์โลกจึงไม่มีทางรู้เห็นได้ เช่นเดียวกับคนที่ถูกมัดตาไว้อย่างมิดชิด แม้จะนำวัตถุหรือสีแสงต่างๆ มาวางขวางหน้าไว้ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ฉะนั้น กิเลสมันผูกมัดตาใจของสัตว์โลกไว้ก็เช่นเดียวกัน

    <O:p</O:p
    ดังนั้นชาวพุทธเราจงพยายามแก้สิ่งมัดตาของมันออก ด้วยการปฏิบัติจิตภาวนาเป็นสำคัญ ให้สติปัญญาเกิดภายในใจ จะพังม่านหรือกำแพงแห่งความมืดบอด
    ที่มันปิดให้ออกได้โดยลำดับจนหมดสิ้นไป มองเห็น บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพานอย่างทะลุปรุโปร่ง ประจักษ์ใจหายสงสัยโดยไม่ต้องมีใครมาบอก
    แหละหลังจากนั้นจะได้เห็นกลหลอกลวงของกิเลส วิชาต้มตุ๋นของกิเลสได้อย่างชัดเจนหายสงสัยฟังซิ หลานๆ อยากฟัง ปู่พูดให้ฟังอย่างเปิดใจ ใครจะว่าบ้า ปู่ก็ไม่โกรธให้เขา


    เพราะทราบแล้วว่าเขาคนนั้นคือเครื่องมือทำลายของกิเลส ที่มันพาทำลายศาสนธรรม และทำลายจิตใจสัตว์โลกมามากต่อมากแล้ว ปู่จึงไม่หลงกลมัน ไม่ตื่นมัน แม้มันจะยกมาทั้งโคตรแซ่ มาด่าปู่ ปู่ก็ไม่โกรธ นอกจากจะหัวเราะขบขันเพลงกล่อมของมันที่ร่ายออกมาเพียงตื้นๆ ผิวเผินนิดเดียวเท่านั้น
    มิได้ลึกซึ้งกว้างขวางและไพเราะจับใจ เหมือนศาสนธรรมอันประเสริฐเลิศเลอเหนือโลกทั้งสามเลย


    ทั้งเป็นธรรมรื้อขนสัตว์โลกขึ้นจากนรกเมืองคนและนรกเมืองผีที่กิเลสตบตาปิดใจว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีมามากต่อมากแล้ว บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน เหล่านี้เป็นของมีมาดั้งเดิม กิเลสทุกประเภทจะเสกสรรให้มีขึ้นและจะลบล้างทำลายให้ฉิบหายไปไม่ได้ เพราะเป็นของธรรมชาติและมีอยู่ดั้งเดิม ปราศจากสิ่งใด ผู้ใด ไปก่อไปสร้างไปปรุงไปแต่งไปลบล้างทำลายบาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน อยู่เหนืออำนาจกิเลสที่จะไปอาจเอื้อมทำลายได้ แต่อยู่ตามหลักธรรมชาติฃของตน

    <O:p</O:p
    หลานๆ และชาวพุทธผู้เรียนและปฏิบัติธรรมอันเป็นธรรมมีอำนาจและสว่างกระจ่างแจ้งเหนือกิเลสทั้งปวง จงเรียนแลปฏิบัติให้ถึงใจ ถึงธรรม อย่ามัวมั่วสุมอยู่ในห้องขังของกิเลส ให้มันกดขี่บังคับ และร้องเพลงขับกล่อม ให้เราเคลิ้มหลับไม่มีวันตื่นจากหลับจากหลงอยู่ร่ำไปนักจะเสียใจให้ตัวเองภายหลัง จะว่าปู่ไม่บอกปู่น่ะเห็นทุกข์ที่มันโยนให้แบกหามอย่างล้นหัวใจไม่มีที่เก็บมาแล้ว

    กลัวหลานๆ และชาวพุทธทั้งหลายจะแบกหามทุกข์ที่มันโยนมาให้แบกหาม
    ไม่มีวันปลงวางต่อไป ได้ตลอดอนันตกาลและไม่มีวันจบสิ้นลงได้

    จึงได้เตือนแล้วเตือนเล่า ราวกับว่าตะโกนบอกว่าอันตรายอันใหญ่หลวงมาแล้ว
    รีบพากันหาที่หลบภัยโดยด่วน เดี๋ยวอันตรายจะเข้าถึงตัว ที่หลบภัย คือ ศีล ทาน การกุศลทุกประเภท จงจับให้มั่น ถ้าอยากแคล้วคลาดปลอดภัย อย่าดื้อรั้นเชื่อกิเลสจนไม่ยอมฟังเสียงธรรมตะโกนบอก จงรีบฟังรีบตั้งตัวด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรมเสียแต่บัดนี้ จะไม่เสียกาลเวลาไปเปล่า

    <O:p</O:p
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    <O:p</O:p
    ที่มา หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดอุดรธานี วันเสาร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗<O:p</O:p
     
  2. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    สาธุ คำสอนครูบาอาจารย์ที่เป็นอริยะบุคคลนั้นเป็นธรรมที่เที่ยงแท้เสมอ ไม่เปลี่ยนแปรไปตามโลกธรรม ยุคนี้สมัยนี้คำสอนสั่ง แนวทางปฏิบัติต่างๆมีทั้งพุทธแท้ และพุทธเทียม ใครมีบุญเก่าหนุนนำก็เจอผู้ชี้แนะที่ดี เดินไปตามทางสัมมาทิฏฐิไป ก้าวตามรอยธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป ดังนั้นเพื่อความมั่นใจว่าเข็มทิศชีวิตเราจะไม่ผิดเพี้ยนไป ขอทุกท่านจงพึงพิจารณาโดยใช้โยโสมนัสสิการในการเชื่อในสิ่งต่างๆด้วยเถิด
     
  3. Manothong

    Manothong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +74
    อะนุโมทะนาครับ ส่วนตวผมแม่นเชื่อชะนีดว่าบาบบุนมีจีงครบและ ผมกำลังปะตีบดทำยู่ครับเพื่อลบล้างความไม่ดีที่เคียส้างไว้ กวาตกนะลกครับ
     
  4. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,199
    ค่าพลัง:
    +3,381
    กราบนมัสการหลวงปู่ค่ะ และขออนุโมทนบุญกับเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ ชอบมากเลยค่ะ โดยเฉพาะ เวลาที่พระอริยเจ้า เทศน์สอนเกี่ยวกับเรื่องของกิเลส ตรงๆ กันแบบนี้ ทำให้เกิดความเข้าใจได้ตามค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...