ประสบการณ์การมองเห็นผ่านตาที่สาม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย MOUNTAIN, 4 ตุลาคม 2006.

  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ประสบการณ์การมองเห็นผ่านตาที่สาม

    คืนนั้นก่อนสวดมนต์และทำสมาธิ มีแขกมาเยี่ยม
    และได้พูดคุยถึงเรื่องของพระกรรมฐานผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
    คุยกันอยู่ประมาณ เกือบชั่วโมง แขกผู้มาเยือนก็ลากลับ

    เวลาขณะนั้น ประมาณ 22.00 น. บรรยากาศเงียบสงบ
    ภายในบ้านพักเวลานั้น ไม่มีใครที่จะมารบกวนได้อีกแล้ว ความรู้สึกอยากนั่งสมาธิได้ผุดขึ้นมา

    หลังจากสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยแล้ว ก็เริ่มนั่งสมาธิ
    โดยใช้คำภาวนา " สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิลาโภ ชะโยนิจจัง"
    กำหนดความรู้สึกอยู่ที่หน้าผาก บริเวณกึ่งกลางระหว่างคิ้วทั้งสอง
    คือจักระที่ 6 หรือ ตาที่สาม

    คำภาวนา ถูกว่าอย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดสาย
    กึ่งภาวนาในใจ กึ่งขยับริมฝีปากให้เขยื้อนเล็กน้อย เพื่อป้องกัน
    ความรู้สึกที่จับอยู่ที่หน้าผาก อาจเผลอหลุดไป ความรู้สึกก็จะมาจับอยู่ที่ริมฝีปากแทน แล้วหนุนความรู้สึกกลับไปที่หน้าผาก ที่จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้วอีกครั้ง

    จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว จะถูกกระตุ้นด้วยคำภาวนา
    ราวกับถูกห่ากระสุนสาดส่อง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิลาโภ ชะโยนิจจัง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    เวลาผ่านพ้นไปราว 20 นาที แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    บริเวณจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว เริ่มตึงเขม็ง
    ในขณะที่คำภาวนายังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง

    ชั่ววินาทีขณะนั้น
    เหมือนมีอะไรบางอย่างหลุดทะลุออกไป
    จากหน้าผาก
    แล้วสิ่งอัศจรรย์ก็บังเกิด
    ปรากฏเป็นภาพองค์สมเด็จพระชินราช
    สีสันสวยงามราวกับตาเห็น
    แต่สิ่งที่เห็นนี้ไม่ใช่การเห็นด้วยตาธรรมดาทั้งสองข้าง
    มันเป็นการเห็นด้วยตาที่สาม
    ภาพนั้นปรากฏเพียงชั่วขณะหนึ่ง
    เมื่อจิตเกิดอาการลังเลสงสัย
    ภาพก็วูบลับดับหายไป
     
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [b-wai]

    อนุโมทนาครับ ตาที่สามถูกกระตุ้นจนเปิดออกแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2007
  4. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    คุณเม้า เก่งจัง
     
  5. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ผมลืมบอกจุดสำคัญในการที่จะทำให้
    เกิดสภาวะการเปิดทะลุออกของตาที่สาม
    คือ จังหวะในการภาวนากระแทกไปที่
    จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว(ตาที่สาม)

    การภาวนา สิทธิกิจจัง.....
    สิทธิกัมมัง.....
    สิทธิลาโภ......
    ชะโยนิจจัง....

    ขณะภาวนา จุดๆๆๆๆ หลังคำภาวนา ให้จับความรู้สึกเหมือนมีอะไร
    กระแทกไปที่บริเวณตาที่สาม ศีรษะจะโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย
    กระทำอย่างต่อเนื่องหมุนเวียนกันไป

    เมื่อจิตถูกควบคุมให้อยู่ในอาการกระทำดังกล่าว
    จิตจะรวมตัวเป็นพลังผลักดันตาที่สาม ให้เปิดออก
    แล้วภาพก็จะปรากฏ

    ลองดูนะครับ รับรองไม่มีโทษใดๆ

    หากมีความก้าวหน้าอย่างไร จะมาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ

    หรือใครลองไปหัดดู ได้ผลอย่างไร ก็มาคุยกันเป็นวิทยาทานนะครับ
     
  6. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    แล้วประโยชน์ของการฝึกตาที่สามคืออะไรครับ ใครรู้ช่วยตอบที
     
  7. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <TABLE class=tborder id=post331112 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal"><!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right>#7 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>Narinwet<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_331112", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:15 PM
    วันที่สมัคร: Mar 2005
    อายุ: 18
    ข้อความ: 96 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    Thanks: 194
    Thanked 446 Times in 102 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 73[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_331112><!-- message -->ตาทิพย์เห็นอะไร และทำอะไรได้บ้าง

    ตาทิพย์ที่มี สามารถใช้ได้ในทั้งสองมิติ คือ มิติวิญญาณ และมิติโลกปัจจุบัน

    มิติโลกแห่งวิญญาณ
    1. ใช้มองดูการเดินไปมา ของ วิญญาณ ที่ซ้อนอยู่กับโลก ปัจุบัน
    วิญญาณเหล่านี้ เอาเปรียบเรา เพราะเขามองเห็นเรา
    แต่โดยทั่วไปเราไม่เห็นเขา ทุกตรอก ซอกซอย ตามบ้าน ตามเรือน มีเขา
    อยู่หมดในทุกที่ เมื่อพบคนที่จิตอ่อนก็เข้าแทรกรังแก ทำให้เจ็บทำให้ป่วย
    จึงมีบางคนมีอาชีพไล่ผี เป็นหมอผี

    2. ใช้ดูอดีต ว่า เคยเกิดเป็นใคร เป็นอะไร ทำกรรมอะไรไว้ การดูอดีต จะพบ
    ว่า ฟังชั่นของคนที่วนเวียนมาเกิดนั้น จะเหมือนเดิม แต่ต่างกันว่า ภพภูมิที่
    สูงกว่าหรือ ต่ำกว่า เช่นคนเคยเกิดเป็นหัวหน้าคน ก็ต้องเป็นหัวหน้าตลอด
    เพียงแต่ว่าวเป็นหัวหน้ากุลี หรือ หัวหน้าอธิบดี

    3. ใช่ดูอนาคต การมองเห้นอนาคต ก็เหมือนดูหนังขาวดำ ขนาด 16 มม.
    เนื่องจาก เหตุยังไม่เกิดจริง อนาคตที่เห็นคือ การอนุมาณ สรุปจากกรรมที่
    กำลังทำอยู่ ว่า ตอนนี้ กรรม เป้นขนาดนี้ ถ้าไปไปตอนนี้ ก็จะเป็นอย่างนี้

    ในวิธีนี้ เมื่อยังไม่ตาย เรายังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนกรรมได้ ถ้าทำดีถือศีล
    สวดมนต์ ทำสมาธิ ปฏิบัติกรรมฐาน ก็จะเปลี่ยนกรรมนั้นได้ เพราะ ยังไม่จบ
    ดังนั้นคนที่ยังไม่ตาย หนังยังไม่จบ ยังพอมีเวลาแก้เบี่ยงกรรมได้

    เป็นไปตามคำที่ว่า" เมื่อยังมีลมหายใจ ชีวิตก็ยังมีหวัง

    4. ตามดูบรรพบุรุษ หรือ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วว่า ขึ้นไปอยูสวรรค์ชั้นไหน
    หรือลงนรกลงไปต่ำแค่ไหน
    ได้ส่งบุญไปให้ได้รับหรือเปล่า

    ถ้าขึ้นข้างไปและไปพบ ก้จะเชิญให้ลงมาคุยกับลูกหลานได้
    เข้าใจว่าท คงจะมีอภิสิทธิ์ เพราะมีบุญ
    ยังไม่เคยเฃิญจากข้างล่างขึ้นมา
    คงจะเป็นเพราะ คิตคุก นรกอยู่
    กำลังง่วนอยู่ในกะทะทองแดง
    กำลังสนุกในการปีนต้นงิ้ว ฯลฯ
    ห้ามเยี่ยมห้ามประกัน
    เลยขึ้นมาไม่ได้

    จากการปฏิบิติ พบว่า เมื่อพบ อรหันต์ พระโพธิสัตว์ หรือ ผู้หลุดพ้น
    จะสามารถ เชิญลงในโลกมนุษย์ได้

    5. การถอดจิต กระทำโดยการแยกกายทิพย์ออกมา
    แล้วสั่งให้ไปยังสถานที่ๆอยากจะไป
    พอได้ที่ ก็ส่งตาทิพย์ตามไป
    เมื่อลืมตาขึ้นก็จะพบว่า ตัวเองอยู่ ณ ที่นั้น
    จากนั้นอยากดูอยากเห็นอะไร ก็ทำไป

    เรื่องนี้ รัสเซียถนัดมาก มีการฝึกกันอย่างจริงจัง
    เอากายทิพย์ไป ทำ สปาย แอบล้วงความลับของอีกฝ่าย

    หรือ ถอดกายทิพย์ไปเยี่ยมคนที่อยากจะไปพบ
    เช่นไปเยี่ยมและรักษาคนไข้ในโรงพยาบาล
    กรณีนี้ จิตจะต้องแข็งจริงๆ
    เพราะจะต้องฝ่าด่านเจ้าที่เจ้าทาง
    ฝ่าด่านวิญญาณที่ตายและเฝ้าทับถมอยู่บนเตียง
    ส่วนใหญ่เขาจะขอ อาหารทิพย์ เพราะ หิวโหยมานาน
    โรงพยาบาลยิ่งเก่าแก่ เจ้าที่ จะดุ และ วิญญาณ จะมากขึ้นตามความเก่า
    แก่

    <!-- / message -->เวลาจะกลับ ให้เอาตาทิพย์กลับมาก่อน เพื่อตั้งหลัก
    แล้วค่อยเอากายทิพย์กลับมา ทิ้งกันไม่เกิน 3 วินาที
    เมื่อกายทิพย์และตาทิพย์กลับมารวมกับกายหยาบ
    พอลืมตาขึ้นก็จะเป็นคนปกติ เหมือนเดิม

    ระวังอย่างเดียวอย่าหลงทาง หรือถูกผู้มีพลังแรงกว่า มาดักจับเอาไปเป็นบริวาร
    ถ้ากลับมาได้ไม่ทันเวลา 5-7 วัน กายหยาบจะเน่าและตายจริงๆ

    ดังนั้นเขาจึงห้ามเอาคนที่เหมือนตาย แต่ยังไม่ตาย ตัวยังนิ่ม
    มาฉีดยา หรือ ใส่โลง ให้หายใจไม่ออก
    โอกาสที่จะกลับมายังมี

    และก่อนไป ก้ให้ขอ เชิญ อาจารย์ ที่นับถือ
    เช่นหลวงปู่โต พรหมรังสี หลวงปู่ทวดแห่งวัดช้างให้ ฯลฯ
    ให้ท่านตามไป คุ้มครอง จึงจะปลอดภัย ทั้งขาไป ขากลับ

    ในบางกรณี คนที่ถูกเยี่ยมจะมีความไวมาก จะสัมผัสการมาเยือนได้
    โดยมองเห็นเป็นลูกกะตาสีเขียวเรืองคู่ ลอยมาจ้องอยู่ไม่ห่างจากหน้าเขา
    ไม่ได้แปลว่า เป็นผี มาหลอก แต่ เป้นการถอดจิตมาเยี่ยมของคนที่คิดถึง

    มีข้อห้ามช่วงเวลาตอนถอดจิต คือ ช่วงเช้า-เย็น
    ขณะที่ ผู้ที่จะถูกเยี่ยม กำลังเข้าห้องน้ำ
    ลองคิดดู ขณะที่กำลังอยู่ในห้องน้ำ
    คงจะอะร้า อะร่าม พิลึก

    คนถอดจิตอย่าทำผิดศีล ทั้ง 5 ข้อ มิฉนั้น อภิญญาจะเสื่อม
    เช่นถอดจิตไปแล้ว พบ จิตของสาวสวยกลางทาง
    ก็ติดพัน และเมคเลิฟ กลางอากาศ ผิดศีลข้อกาเม
    พอตื่นขึ้นมา หรือ กลับมาเข้าร่าง
    มันจะเหนื่อยเหมือนไปออกกำลังมา

    เคยมีผู้หญิงคนหนึ่ง มาขอให้ช่วย
    เพราะเวลานอน ชอบฝันว่า ลอยออกไปข้างนอก
    แล้วจะมีผู้ชายมาชวนเมคเลิฟ เธอขัดขืนไม่ได้
    ตื่นมาเหนื่อยหอบทุกที
    ขอให้ช่วยหยุดให้ด้วย
    เพราะเธอเชื่อว่า อย่างไร ก็บาปและผิดศีล
    <!-- / message -->
    ในทางโลก ตาทิพย์ทำอะไรได้บ้าง

    1. ดูออร่า รัศมีกายทิพย์ เพื่อตรวจ พฤติกรรมที่ผ่านมาทุกชาติ ว่า สะสม
    ความดี ความเลวไว้อย่างไร สีจะออกมาเป็นชั้น เหมือนเปลือกไข่หุ้มตัว
    พฤติกรรม ดูได้ จาก ความหมายของสี
    ซึ่งได้เล่าไว้แล้ว ในกระทู้ "ออร่า และแสงชีวิต.

    2. ดูว่า ในตัวคน มีเทพ หรือ เทวดา องค์ใน
    โอปาติกะ แอบแฝงอยู่หรือไม่
    ถ้าเป็นดวง สี สว่าง สวยงาม เช่น สีน้ำเงิน สีฟ้า สีเหลือง สีชมภู
    ก็จะเป็นเทพที่ดี

    ถ้ามีสีแดงจัด สีสกปรก นั่นคือ สิ่งที่ไม่ดี เป็นอันตรายแก่ร่างนั้นๆๆ
    คนที่มีพลังสูง ถ้าสัมผัสโดยสื่อบางอย่าง เช่นมีดหมอ พลังตาที่สามที่แรง
    มาก ก็จะผลักดันออกไปได้ ที่ชาวบ้านเรียกว่า ไล่ผี

    3. สำรวจดู คน เช่นเวลาโทรศัพท์ถึงใคร เมื่อเขามารับสาย
    สายและเสียงจะเป็นสื่อ ระหว่างกัน
    ตาทิพย์จะทำให้มองเห็นว่า อีกข้างเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง
    สวยใหม หล่อใหม แต่งตัวด้วยสีและเสื้อผ้าแบบใด
    <!-- / message -->
    4. ใช้ตาทิพย์ มองทะลุร่างกายคน จะเหมือนมีตาเอกซเรย์
    มองเห้นอวัยวะเป็นชิ้นๆๆ
    แต่การที่จะวินิจฉัยว่า เป็นอย่างไร
    ผู้นั้นจะต้องมีความรู้ หรือ ศึกษาวิชา
    อนาโตมีหรือวิชา กายเสียก่อน
    เพื่อจะได้รู้ว่า อวัยวะส่วนนั้นๆ คืออะไร
    ซึ่งก็ไม่ยาก เพราะ จำง่าย เช่นหัวใจเท่ากำปั้น
    กะเพาะใหญ่ ลำใส้เล็ก ลำใส้ใหญ่ ตับสองชิ้นโตๆๆ ฯลฯ
    ดูกี่คน ก็จะเหมือนกัน

    ระวังกรณีพิเศษที่นานๆๆจะมีสักที เช่น
    หัวใจอยู่ทางขวามือ แทนที่จะอยู่ทางซ้ายมือ เหมือนคนทั่วไป

    ที่ยาก คือ สี เพราะเวลามองด้วยตาทิพย์ จะต่างจาก การเอกซเรย์ด้วย
    ฟิมล์แบบที่ทำทั่วไป เป็นภาพขาวดำ ต้องใช้คนที่ชำนาญมาอ่านและแปล
    เมื่อใช้ตรทิพย์ จะเหมือนดูภาพสี

    จะต้องดูคนปกติมากๆๆ จนจำได้ว่า เวลาไม่ป่วย อวัยวะ ชิ้นนั้น จะมีสี
    อะไร ถ้าผิดสีไป เช่น ดำ น้ำตาล สีเทา แปลว่า เป็นโรคแล้ว

    ตาทิพย์นี้ มีความมหัศจรรยืคือ เหมือนมีดผ่าตัดในตัว
    ตั้งจิตให้ลึกตื้นได้ เหมือนผ่าตัดเป็นชั้นๆๆ แบบแล่เนื้อได้ เพื่อดูราย
    ละเอียด เช่นผ่าหัวใจออกเป็นสี่ห้อง ก็จะเห็นห้องทั้งสี่
    เห็นลิ้นหัวใจ เห็นเส้นเลือด เข้าออก ตรงไหนอุกดน
    ะต้องทำ บอลลูนหรือไม่

    สมองเห็นเป็นส่วน ก็ต้องจำว่า ส่วนใหน ของสมอง ควบคุมอวัยวะ ส่วน
    ใด เข่น การมอง เห้น การเคลื่อนไหว การรับฟัง
    สมองนั้นดูง่าย เพราะ โดยปกติ จะมีสีสว่าง ของ ฟอสฟอรัส ซึ่งเป้นส่วน
    ประกอบสำคัญของสมอง มีสีเหลือง เราจึงมองเห็นมันสมอง ได้ชัด เวลา
    มีคนถูกยิงหรือถูกรถทับตายที่บริเวณ หัว

    เห็นแถบสีมืด ที่ส่วนใดของสมอง ก็บอกได้เลยว้า เขาจะเป็นอะไร

    5. ใช้ตรวจโชคชะตาชีวิต คน
    เวลาเรามอง ออร่าของคน ปกติจะต้องมีออร่า เต็มตัว ตามตัวคนเวลาเกิด
    เงา บนผนังห้องเวลาเอาตัวขวาง แสงไฟ

    ที่สำคัญ คือ รูปต้องเต็ม
    ถ้าตัวแหว่ง แปลว่า จะป่วยตรงนั้น ถ้าแหว่งมาก ก็ป่วยมาก
    ถ้ามีแต่ตัว ไม่มีหัว ที่โบราณเรียกว่า "ไม่มีเงาหัว" เตรียมตัวตายได้เลย ใน
    สามวันเจ็ดวัน แบบนางวันทอง อขง ขุนแผนในอดีต ที่ต้อง ถูกตัดศีรษะ

    ถ้ามีเต็มตัว แต่มีกรอบครอบที่ตัวตั้งแต่คอลงมา ไม่ครอบหัว
    ก็แปลว่า จะเป็น"เจ้าชาย หรือ เจ้าหญิงนิทรา" แน่นอน

    6. ใช้ตาทิพย์ดู"สง่าราศี และบารมี"ของคน
    เมื่อเรามองคน เราจะเห็นแสงสีที่เขามี แสงสีนั้นคือ บารมี และอำนาจ
    คนเราเพิ่มกำลังของบารมีได้ง่ายๆ

    เช่นใส่เสื้อที่มีสี เหมือนกับสีออร่า ที่ตนมี มันจะขยายพลังออกไป
    ใส่เตรื่องใช้ส่วนตัว เครื่องประดับ อัญมณี เช่น แหวน สร้อยโลหะ เพชรนิล
    จินดา ตุ้มหู สรอยข้อมือ ฯลฯที่ สีเสริมกัน จะขยายพลังได้มากบางที ถึง
    สามเท่า

    ตอนแรก ยังไม่มีใครขยายความเรื่องนี้
    พวกค้าขายก็มั่วว่า คนเกิด ราศีนี้ จะต้องใส่ ทับทิม ใส่ บุศราคัม ฯลฯ
    คนเกิดวัน จันทร์ วันอังคาร ฯลฯ จะต้อง ใส่ โอปอลล์ ใส่ หยก มรกต บ้าง
    เป็นการโปรโมทการขายที่ อันตรายมาก เพราะ เดาเอาเองทั้งนั้น

    คนที่เกิด ราศีเดียวกัน หรือเกิด วัน จันทร์ อังคาร....ย่อมมีกรรมที่ไม่
    เหมือนกัน สี ออร่า ก็จะไม่เหมือนกัน สีบารมีก็ต้องไม่เหมือนกัน

    ถ้าใครแต่งตัว ใส่ เสื้อผ้า ใส่แหวน ใส่ ตุ้มหู สายสร้อย ฯลฯที่ถูกต้อง
    บารมีจะขยายกำลัง วันนั้นจะทำอะไรก็สำเร้จ

    ถ้าใส่ผิด วันนั้นบารมีตก ทำอะไรก็ล้มเหลว ขายของไม่ได้ เจรจากับใครก็
    แพ้ทางเขา

    จะเห็นว่า คนประเภท วีไอ พี บุคคลสำคัญในทุกวงการ จะระวังเรื่องนี้มาก
    บางคนจะมีที่ปรึกษา การแต่งตัวให้ถูกสี โดยเฉพาะ ผู้บริหารระดับสูง
    สุด และ นักการเมืองดังถ้าผิดก็แพ้หมด

    เป็นส่วนหนึ่ง ของวิชา ฮวงจุ๊ย และ โหงวเฮ้งที่นับวัน จะมีความสำคัญ
    มากขึ้น

    <!-- / message -->7. การปลูกต้นไม้และ สิ่งรอบตัว

    เมื่อ คนเรามีราศี สิ่งรอบตัวเราที่จำเป้นเช่น บ้าน สีบ้าน สีทาห้องนอน ต้นไม้ประดับ อาหารที่กิน ยาที่กิน จะต้องมีสีที่เสริมแสงออร่าประจำตัวเช่นกัน

    ถ้าทาสีผิด ปลูกต้นไม้ผิดกินอาหารผิด ก็ล้มเหลวทุกเรื่อง ถ้าใส่และใช้ถูกก้
    จะได้และสำเร็จทุกเรื่อง

    คนบางคนมีความรู้สึกไว และรู้ด้วยตัวเองว่า อยู่บ้านนี้ สะบาย เข้าบ้านคนอื่น จะรู้สึกอึดอัด ใส่เสื้อสีนี้ แล้วไม่สะบาย ไม่ชอบ จึงใส่แต่สีเสื้อที่ ตัวเองรู้สึกสะบาย

    ดังนั้นคนเรา จะต้องใช้และมี ปัจจัยสี่ คือ อาหาร บ้านที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม
    และยารักษาโรค ที่มีออร่า และแสงสีเสริมกับตัวเท่านั้น จึงจะมีชีวิตที่มีความสุข
    <!-- / message -->
    8. การตรวจการเข้าทำงาน

    ปกคิคนเรามีหลายประเภท หลายหลาก และจะมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ความถนัดในงานที่ต่างกันไป ตามที่ได้ร่ำเรียนมา

    บริษัทเล็กๆ เวลารับสมัครงานก้จะมีการทดสอบ และสัมภาษณ์
    ถ้าบริษัทใหญ่ องค์การใหญ่ และมีความสำคัญ
    เขาจะมีหน่วยหนึ่ง เป็นที่ ปรึกษาด้าน โหงวเฮ้ง

    ว่า หน้าแบบนี้ จมูก แบบนี้ ปกอย่างนี้ เหมาะแก่งาน หรือไม่
    โดยเฉพาะ ตำแหน่งที่สำคัญๆๆ จะเพ่งเล็งเป็นพิเศษ
    ก็ว่ากันไป
    หน้ามนุษย์ ตามตำรา ของ โหงวเฮ้ง มีความน่าเชื่อถือได้ ระดับหนึ่ง
    แต่ก็มีพลาดกันได้

    แต่ถ้าตรวจด้วยตาทิพย์ จะเห็นหมด ว่า เป้นคนดีใหม ซื่อสัตย์ไหม
    มีทัศนวืสัยไกลใหม ไหวพริบดีใหม ฉลาดแต่โกง หรือ โง่แต่ขยันหรือไม่
    ป่วยเป็นโรคอะไร ที่ การแพทย์ธรรมดา ตรวจไม่ได้

    การใช้ตาทิพย์ตรวจเลือกคนเข้าทำงานจึงมีความจำเป็น และจะมีการใช้ มากขึ้นเรื่อยๆๆ
    คนที่มีตาทิพย์จะไม่เปลี่ยนข้อมูล จากที่ไม่ดี ให้เป็นดีได้ ไม่มีการเพี้ยน
    ในกรณีมีการ ล๊อบบี้ ให้พรรคพวกได้ งานทำ แบบมีเส้น เพราะถ้าทำ เขาจะ หมดฤทธิ์ในระยะเวลาอันสั้น...ไม่คุ้ม

    9. การตรวจคนโกง

    ในองค์กร หรือ บริษัท ใหญ่ๆๆ จะมีคนมาก นับพันนับหมื่นคน
    มีคนดีคนเลว ปนกันไป เขาจึงมีระบบ ตรวจสอบภายในเพื่อจับผู้ทุจริต
    ส่วนใหญ่จะตรวจจาก เอกสาร ที่มีข้อมูลแตกต่าง ทางการบัญชี การเบิกเงินฯลฯ

    บางองค์กร เริ่มใช้คนตาทิพย์เป้ที่ปรึกษา ในการ จับผู้ทุจริต
    คนตาทิพย์ ทำงานง่ายๆๆ แต่รวดเร็วและมีผล 100 เปอร์เซ็นต์

    เขาทำโดย เอารายชื่อ พนักงานทั้งหมด/ใบสมัครงานทั้งหมด พร้อมรูปถ่าย
    มานั่ง ส่องด้วยตาทิพย์ดู ก็จะรู้ว่า ผู้ใดโกง โกงมาก โกงน้อยก็บอกได้

    ต่อมาจะมีแผนกตรวจสอบภายในแบบนอกเครื่องแบบ
    ส่งคนเข้าประกบ ตั้งแต่ออกจากบ้าน ว่า วันๆๆหนึ่งไปใหน บ้าง
    ที่บ้านมีรถ กี่คัน บ้านใหญ่โตแค่ไหน

    มีบ้านเล็ก บ้านใหญ่ บ้านแอบ กี่หลัง
    การสังคมเป็นอย่างไร

    แล้วนำข้อมูลมาประมวลว่า
    ถ้าเป็นอย่างนั้น
    รายได้ ต่อเดืแน จะอยู่ได้ใหม
    ถ้าไม่ได้ ก็แปลว่า มีการทุจริต จริง
    ก็เริ่ม ตรวจเอกสาร
    และในไม่ช้า ก้จะพบการทุจริต คั้งแต่หลัก แสน ถึงหลักหลายล้านบาท

    พบบ่อยๆ เดือนละ 2-3 คน จะได้เงินคืนมา คุ้มกับการจ้างคนตาทิพย์หลายเท่านัก

    มีกรณีที่เพิ่งเกิด เมื่อเร็วๆนี้ จับการโกงได้ มูลค่า มากว่า 20 ล้านบาท
    (ในมูลค่า รายได้ เดือนละมากกว่า 200 ล้านบาท)
    ปรากฤว่า น้องชายเจ้าของกิจการโกงพี่ชายตัวเอง

    ก็ทำได้แค่บอก พี่ชายเขาไป
    ในไม่ช้าก็มีการแบ่งสมบัติกันระหว่างพี่น้อง
    นี่คือ ตัวอย่าง อีกแบบ ของ ประโยชน์ของการมีตาทิพย์

    10.ใช้ตาทิพย์มองผี และอัญเชิญผีออกไปจากสถานที่ต่างๆๆ เช่น
    โรงเรียนที่มีวิญญาญมารังแกเด็กนักเรียนเป้นประจำ
    เมื่อเชิญออกไปแล้ว ก็ ใช้พลังจิต ปิด ผนังกำแพงรอบโรงเรียน
    ไม่ให้ผี เข้ามาได้อีก ต้องปิด กำแพง โดยรอบ ทั้ง บนฟ้า และใต้ดิน
    (อันนี้เคยพลาด เพราะปิด โดย รอบ และบนฟ้า ลืมไปว่า ผี มันมุดดินมา
    ได้ ต่อมาจึงต้อง ปิดใต้ดิน ทุกครั้งไป)

    <!-- / message -->เรื่องไล่ผี เชิญผีออกจากบ้าน อาคารนี้ สนุกมาก
    และได้บุญเพราะช่วยให้เขาได้ไปเกิด

    11. การสำรวจแร่และทรัพยากรใต้ดิน

    ชมรมของพวกเราคือ"ชมรมคนตาทิพย์"
    มีสมาชิก ประมาณ 20คน
    ที่ มีตาทิพย์ ไปใหนไปด้วยกัน เห็นด้วยกันสนุกมาก

    พวกเรามักจะเหมารถ บัสขนาดกลาง ไปเที่ยวกัน
    ที่ไปมักจะเป้น สถานที่เก่าแก่
    และวัด เก่าแก่ อายุ นับร้อยปีขึ้นไป
    โดยเฉพาะ วัง และ วัด แถบกรุงศรีอยุธยา

    ความเก่า ความแก่ ซ่อน เรื่องแปลก ที่เล่าไม่ได้ ไว้แยะ
    พอไป เราก็จะพบ และเห็นผี เห็นวิญญาณ ก็มาคุยกัน ปรับทุกข์กัน
    การเห็นก็ใช้ตาที่สาม และตาทิพย์

    ผลพลอยได้ ก็มองเห็นหีบสมบัติ ฝังดินไว้ตามใต้ดิน ในบริเวณนั้นากมาย
    แต่เราไม่เคย คิดจะขุด พราะ ของเหล่านั้นมีเจ้า ของ
    ถ้าเอามา วิญญาณ ตามมาทวง มา อาละวาด จะดูไม่จืด

    ไว้ให้เจ้าของ ที่จะเกิดมาใหม่ มาเอาเอง ก็แล้วกัน
    บางวัดเราก็บอก เจ้าอาวาสว่า มี หีบสมบัติ ฝังอยู่ตรงนั้นๆๆ
    ท่านก็จะจำไว้ และ คงจะขุดเอาขึ้นมา เพื่อ บูรณะวัดในภายหลัง

    บางวัด มีดี กว่านั้น
    พอเราบอกไป ท่านก็หัวเราะ บอกว่า รู้แล้ว
    เพราะ ท่านฝังไว้เองด้วยมือตัวเองเมื่อชาติที่แล้ว
    ท่านจะขุดขึ้นมา อีกสามปี ข้างหน้า เพื่อ สร้าง วัด ถวายสมเด็จพระเทพฯ

    ตอนนี้ยังไม่ขุด เพราะ ระวังยาก ขโมย ขโจรแยะ

    ทีนี้ มีคนรู้ว่า พวกเรา มีตาทิพย์
    จึงลองให้งานเรามาทำดู
    เป้นงานสำรวจแร่ใต้ดิน
    (เป็นการแข่งกับอเมริกา ที่ใช้ดาวเทียมสำรวจ)

    เราไม่เคยก็ลองดู
    เขาพาเรา ตระเวณไปตามที่ต่างๆ เป็นบริเวณกว้าง ข้าม ที 4-5 จังหวัด
    ที่ดินแปลงใหญ่ แปลงละนับร้อย นับพันไร่

    ลองใช้ตาทิพย์ดู ก็มองเห็นสายแร่ ลางๆๆ
    มองเห็นความลึกของสายแร่ มองเห็นว่าอยู่ตรงไหน
    มองเห็น ปริมาณ กองสะสม ว่า จะขุดได้นานเท่าใด กำไรคุ้มไหม

    ตระเวณไปทั่ว พบว่า
    ใช้ตาทิพย์สำรวจแร่ได้ จริงๆๆ สนุกละซี
    ใครจะมาจ้างเรา อีกใหม..เนี่ยะ!!!
    <!-- / message -->
    12. ตาทิพย์ตรวจกรรมได้

    ใครทำกรรมอะไรไว้ สามารถเอาตาทิพย์ตามไปดูได้
    เรื่องล่าสุดไม่นานมานี้มีอยู่เรื่องหนึ่ง

    ผมถูกขอร้องให้ไปช่วยคนป่วยหนักคนหนึ่ง
    ที่โรงพยาบาลใหญ่และเก่าแก่ ฝั่งธนบุรี
    พอไปถึงก็พบว่า อาการค่อนข้างหนักมาก
    สอบได้ความว่า อาการทรุดเร็วมาก
    เป็นมะเร็งที่ตับ

    ที่น่าตกใจ เขาเป้น แพทย์อายุ ประมาณ 40 ปี
    และเป็นหมอที่นั่นเอง
    คำถามในใจคือ ทำไม หมอก็เก่ง ทำงานอยู่ที่นั่น แต่ก็อาการหนักมาก อย่างเหลือเชื่อ

    ผมจึงไปยืนที่หน้าเตียงคนไข้
    ตั้งจิตเปิดตาทิพย์เพื่อดูว่า มีกรรมอะไรหนักหนาหรือ

    พบว่า มีหลายคน ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก อายุ น้อยๆๆ
    ที่เป้นเจ้ากรรมนายเวรเขา

    ก็ถามผู้ใหญ่ก่อน ก็ได้ความว่า
    เป็นชาวต่างด้าว หนีเข้ามาหางานทำ และ บังเอิญมาป่วย ค่อนข้างหนัก จึงมาหาหมอ

    พอหมอเห็นเป็นชาวต่างด้าว และหมอมีความรักชาติไทย อย่างสูงสุด ไม่ชอบที่ คนต่างด้าว เข้ามาแย่งงานคนท้องถิ่นไทย

    หมอจึงไม่ใส่ใจ ให้พยาบาลจัดยาแจกไป โดยไม่ตรวจ และไม่สนใจ ต่อมา อีก 2 วัน แรงงานคนนั้นก็ตาย เขาจึงอาฆาตจองเวร จนทำให้เกิดโรคร้ายแรง
    เท่าที่เห็น
    <!-- / message -->
    หันมาอีกที อ้าว เจ้ากรรมนายเวร หมอ เป็นเด็กอายุ 3 ขวบ
    ก็อดถามไม่ได้ ว่า เป็นเด็กเป็นเล็ก เป็นเจ้ากรรมของเขาด้วยหรือ
    เด็ก ตอบ " ลุงก็ดูเอาซี ว่า เขาโหด แค่ไหน"

    ทันทีบนหน้าผากก็กลายเป้นจอหนัง เล็กๆๆ เป็นหนังขาวดำ
    ที่ฝรั่งเรียกว่า Mind Screen หรือ จอ ในจิต

    มองเห็นเป็นหนัง 16 มม. ขาวดำ เล่าเป็นเรื่องเป็นราว เหมือน หนังชุดเรื่องสั้น
    มองเห้น รถตุ๊กๆๆ แวะเอาเด็กมาจากชุมชนแออัด (เดิมเรียกว่า สลัม)
    เด็กป่วยเป้นโรคท้อง มาณ ท้องร่วง
    อาการค่อนข้างหนักหนาสำหรับเด็กเล็กๆๆ

    มองเห็นรถเลี้ยวเข้ามาในโรงพยาบาล
    หามเข้าห้อง ไอซียู
    พยาบาลไปตามหมอมา หมอคนที่กำลังป่วยนี้แหละ
    พอหมอมา เห็นเด็ก ถามว่า มาจากไหน
    พอได้ความว่า มาจากชุมชนแออัด
    หมอคนนี่ก็ว่า
    คนจนๆๆ จนแล้วยังไม่เจียมตัวอีก ออกลูกมามากๆๆอยู่ได้
    โตขึ้นก็เป้นนักเลงหัวไม้กันทั้งนั้น

    ความคิดของหมอ ต่อต้าน ไม่ต้อนรับ คนจน
    ภาพต่อมาบนจอ จึงเห็นหมอ ไม่ได้ ตรวจเด็กแต่อย่างได
    ให้พยาบาล แจกยากันเอง โดยไม่สนใจ
    ต่อมา อีก 3 วัน เด็ก ก็ตาย เด็กจึงอาฆาตหมอ คนนี้ และผสมโรง
    ทำให้ป่วยเป็นมะเร็ง

    ผมจึงถามว่า จะยกเลิกอาฆาตได้ไหม
    ที่แรก สองคน เด็กกับผู้ใหญ่ ไม่ยอม
    แต่ในที่สุดก็ตกลง โดยขอให้หมอ คนนี้
    บวชให้เขา 1 พรรษา

    ผมจึงถามหมอว่า จะบวช 1 พรรษาแผ่บุญให้เจ้ากรรมนายเวรได้ไหม

    หมอบอกว่า " ผมกำลัง ลุ้นลูกเข้าเรียน และลูกยังเล็ก ทิ้งไปนานไม่ได้
    ติดว่า บวชนานไม่ได้ "
    จึงไม่เป็นอันตกลง คนกลางก้ต้องถอย

    ต่อมาอีก 7 วัน
    ผมได้รับบัตรเชิญไปในงานฌาปนกิจศพ หมอคนที่ว่า

    เมื่ออ่านแล้ว ลองคิดดูครับว่า
    เจ้ากรรมนายเวรมีตริงหรือไม่
    ขอเตือนว่า อย่าทำเป็นเล่นไป
    ชีวิตนะครับ
    <!-- / message -->
    13. ดูเจ้าที่ เจ้าทาง

    ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหา บ้านอยู่ไม่สบาย
    เนื่อง จากเจ้าที่ไม่ดี สิ่งแวดล้อมไม่ดี

    เราสามารถ ใช้ตาทิพย์ดูได้ว่า เจ้าที่เป็นใคร
    ทำไมจึงทำให้บ้านนั้น อยู่ไม่สบาย
    ฮวงจุ๊ย ไม่ดี อย่างไร แก้อย่างไร
    จะทำให้บ้านนั้นอยู่สะบายขึ้นได้อย่างไร

    ถ้าพบว่า มีวิญญาณที่ไม่ดี
    ก็เชิญ พญายมพบาลให้มา รับเอาตัวกลับไป

    ถ้าพบว่า สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
    มีความเลวร้ายมาทางลม อากาศ
    ปกติจะเชิญ องค์สุริยะเทพ มาป้องกัน
    ทำลาย เผาทิ้งไป บ้านนั้นก็จะดี

    ถ้ามี เทพฝ่ายมาร ที่รังแกผู้คน

    หลักใหญ่ในกรณีนี้ คือใช้ตาทิพย์ในการแก้ปัญหาบ้าน
    และฮวงจุ๊ยของบ้าน

    <!-- / message -->14. ตรวจกิจการ

    หลายคนมีอาชีพแตกต่างกันไป
    ต่างก็อยากจะรู้ว่า ถ้า ทำไป จะรอด หรือ มีกำไรไหม

    ถ้าจะเริ่ม หัดทำ หรือเปลี่ยนอาชีพ
    เช่น เดิมขายเสื้อผ้า จะเปลี่ยนมาเป็น ขายอาหาร
    เมื่อเปลี่ยนแล้ว จะได้ไหม ไปรอดไหม

    สรุปคือ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง จะได้ไหม ดีขึ้น หรือเลวลง
    เราสามารถใช้ตาทิพย์มองดู ความเป็นไปได้
    ก็จะบอกได้ว่า ไปรอดไหม ขาดทุนไหม กำไร ไหม

    สามารถดูได้ ทั้ง อุตสาหกรรมในครอบครัว ส่วนตัว
    หรือ อุตสาหกรรม หนัก เป็นพันล้าน ร้อยล้านได้

    ในทำนองเดียวกับที่ บริษัทใหญ่ๆ ก่อนที่จะลงทุน
    จะต้อง ปรึกษากับ เกจิอาจารย์ทางการพยากรณ์ และฮวงจุ๊ย
    <!-- / message -->
    คัดลอกมาจาก http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=30922



    <!-- / message --><!-- / message --><!-- sig -->__________________</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. bassate

    bassate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +601
    ผมขอเอาข้อความนี้มาจาก คุณ อิทธิ นะครับ มันเป็นความจริงที่ตรงกับความรู้สึกบางส่วนของผมเอง

    ฉันได้ปิดตัวเองจากโลกเพราะว่าฉันหยุดใช้ตาของฉันเพื่อจะมองแล้ว เมื่อตาที่สามเปิดขึ้น คุณจะมองโลกและมนุษย์เป็นสิ่งที่น่าเกลียด ไม่ใช่รูปร่างภาพลักษณ์ แต่ทั่วไป 99% ของมนุษย์ไม่สนใจเรื่องอะไรนอกไปจากความโลภของตัวเอง มันเจ็บมากที่ได้เห็นความทุกข์ของทุกคนแต่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้ ฉันกลัวแทนมนุษยชาติ มันเจ็บเมื่อคุณรู้สึกได้ทุกอย่าง ร้องไห้กับทุกๆสิ่งที่ผิดในโลกใบนี้ ถ้าฉันมีโลกทั้งโลกอยู่ในมือ ฉันจะเอามันไปแลกกับเศษสมองมา ตาที่สามไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาใช้ทำนายอนาคต มันไม่เหมือนนิทาน มันมีตัวตนเพื่อที่จะให้เราเห็นว่าเรามีจุดประสงค์ หนึ่งเดียว นั่นก็คือ เพื่อรักทุกสิ่ง ทั้งด้านในและสิ่งรอบๆตัวเรา จนกว่าเราทุกคนจะเห็นดังที่ผมกล่าวไป ทุกคนก็ยังคงจะเจ็บปวดกับความทุกข์จากโลกใบนี้อยู่

    กินใจมากๆครับ
     
  9. bassate

    bassate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +601
    นี่คือภาพรวมของมนุษย์และโลกที่แท้จริงในปัจจุบันจริงๆครับ มนุษย์หลงอยู่ในกิเลสที่ลึกเกินไป ถ้าทุกคนในโลกมีจิตเป็นแนวเข้าหาสัจธรรมทั้งหมดแล้วจับมือกันทั้งโลกค่อยๆช่วยกันนับ 1-100 จะหยุดและล้มต้นเหตุของกิเลสที่เป็นกุญแจของชีวิตมนุษย์ปัจจุบันคือ การลบคุณค่าของเศษกระดาษ และเศษธาตุเงิน ทองแดง ที่เราเรียกว่าเงิน อย่าให้มันมีค่ามากกว่าจิตใจเอื้ออารีย์ต่อกันและกัน ถ้าทำได้มนุษย์จะเห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่จะพร้อมใจกันเกิดขึ้นมาอย่างอัศจรรย์มากมาย.............พร่ามครับ
     
  10. คน153

    คน153 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2006
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +280
    ขออนุโมทนาและขออนุญาตฝึกตามครับ

    :cool: คุณ MOUNTAIN นี่เก่งจริงๆเลย อ.ตาที่สามชมให้ฟังอยู่บ่อยๆ วันนี้ผมขออนุญาตนำวิธีการฝึกตาที่สามของคุณ MOUNTAIN ไปฝึกได้ไหมครับ ขออนุโมทนาบุญที่ได้เผยแผ่การปฏิบัติแก่คนทั้งหลาย ขอบุญนี้จงบังเกิดแก่คุณครับ
     
  11. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ยินดีครับคุณ คน153
    จริงๆแล้วผมอยากถ่ายทอดประสบการณ์นี้มานานแล้ว
    จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ดำเนินการสักที
    ไม่รู้อะไรมาดลใจ จึงต้องรีบนำมาลงให้ได้อ่านกัน
    ซึ่งประสบการณ์นี้ ทุกท่านก็สามารถนำไปฝึกได้
    เมื่อเริ่มต้น ต้องกระทำอย่างจดจ่อตั้งใจ
    เหมือนการฝึกทหาร เมื่อได้รับคำสั่งจาก
    ผู้บังคับบัญชาแล้ว เราต้องปฏิบัติให้บรรลุผล

    ผมเสียดายที่ขาดการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
    สิ่งที่ได้ยังตกค้างอยู่ สามารถเห็นได้อย่างลางเลือน
    บางครั้งก็ดับไปเลย
    ก็คงต้องเอาใหม่อย่างจริงจังอีกครั้ง

    แต่ ผมก็หมั่นถามตัวเองเหมือนกันว่า
    หากสิ่งที่เราเห็นด้วยตาที่สาม
    เป็นตรงข้ามกับความเป็นจริงของผู้คน
    ที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน
    เราจะรับได้หรือไม่
    เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า
    มนุษย์รู้หน้าไม่รู้ใจ
    แต่เมื่อเราสามารถใช้ตาที่สามดู
    เราจะเห็นธาตุแท้ของมนุษย์จริงๆ
    เราจะเบื่อไหม คิดอย่างไรกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
    เหมือนกับข้อความของคุณอิทธิ
    ที่คุณ bassate เอามาโพสไหม
     
  12. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    โอ การฝึกตาที่3 ประโยชน์มากจริงๆ
     
  13. nao7310

    nao7310 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +931
    อนุโมทนาด้วยค่ะ คุณ mountain เก่งมาก ขอใช้เป็นแนวทางบ้างนะค่ะ เพราะขณะนี้ยังไปไม่ถึงไหนเลย ยังย่ำอยู่กับที่อยู่เลย บางครั้งรู้สึกตึงที่ท้ายทอยมากๆ และตัวสั่นเป็นระยะๆ เลยงงๆ ว่าเป็นอะไรกันแน่ ถ้าใครรู้ช่วยแนะด้วยก็ดีค่ะ
     
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    "ตาที่สาม" เอาไปใช้ประโยชน์ได้หลายวิธี แต่ที่สุดแล้วก็เพื่อให้เกิด ปัญญาครับ..เป็นดวงตาของจิตวิญญาณ

    ส่วนการก็ฝึกคล้ายกัน..แต่คำภาวนาอาจต่างกันได้..สำคัญที่ สภาวะจิตที่เป็นกลาง เป็นอันดับแรก..ความบริสุทธิ์ของร่างกายและจิตใจมาก่อน ไม่คาดหวังใดๆ จิตต้องว่างที่สุด..เบาสบาย..จะสัมผัสได้เร็วหรือช้าตรงนี้สำคัญ..

    ที่ผมได้รับคำแนะนำมาก็คือ เพ่งเบาๆที่ต่อมไพนีล (ตาที่สาม) อฐิษฐานจิตพูดเบาๆ เหมือนแสดงเจตนาความตั้งใจออกมาว่าเราต้องการ connect กับเบี้องบนที่เราศรัทธา และใช้จินตนาการเล็กน้อยราวกับว่าเห็นลำแสงสีขาวพุ่งลงมาสู่กลางกระหม่อมของเรา จักระที่ 7 แล้วติตตามรอผลดูครับ...ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง..ตอนนี้ผมเห็นกระแสไฟฟ้าวิ่งรอบสมองอยู่ครับ..ต้องลุ้นต่อ..


    ทราบว่าช่วงนี้เบี้องบนส่งพลังงานแสงทิพย์นิพพานลงมาเข้มข้นมาก การเชื่อมโยงและรวบพลังงานของเรา ไม่ให้กระจัดกระจายไปที่อื่น มุ่งสู่ตาที่สาม ทำได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากๆ..ประตูแง้มออกมาแล้วทุกคน แค่ออกแรงพลักอีกนิด ลองดูนะครับ...

    น่าเชิญให้ อาจารย์ตาที่สาม ท่านมาช่วยแนะนำนะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2006
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ขอบคุณคุณ mead เป็นอย่างสูง
    ที่ช่วยแนะนำ
    จริงครับที่ว่าเบื้องบนได้ส่งพลังงานลงมา
    ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงยุคพลังงานใหม่ ตามที่อาจารย์ปริญญา ตันสกุล
    ได้กล่าวไว้ ถ้าจำไม่ผิด โซนเอเชีย จะได้รับพลังงานฯ
    มากที่สุด ดังนั้นผู้ปฏิบัติจิต ก็จะได้รับผลไวกว่าปกติ

     
  16. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,588
    ระยะนี้ต้องพยายามไม่โกรธ นะครับ หากโกรธแล้วจะมีบางสิ่งพยายามเข้ามาความคุมใจของเราให้กลับไปสู่ที่ต่ำ ทำเรื่องไม่ดี หากเรารู้ทัน(ภาวนาว่า โกรธหนอ ๆๆๆๆ)ก็จะรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางสิ่งได้หลุดออกจากศรีษะเรา เหมือนกลุ่มของพลังงาน(ลม)ไม่ทราบว่าท่านอื่นๆช่วงนี้ หงุดหงิดง่ายขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะกับตนไกล้ตัว อย่าเผลอสติ โดยเด็ดขาด ให้ใจมีที่ยึดไว้ ด่านนี้ผ่านได้ยากครับ ชอบมาตอนทีเผลอ
     
  17. Kanaecha

    Kanaecha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +79
    ขอบคุนคุนเม้าท์มากครับ...
    จำผมได้ใช่มั้ยครับ..
    ผมจะขอคำแนะนำที่ได้ไปปฏิบัติตามด้วยนะครับ
     
  18. Good_oom

    Good_oom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +562
    ผม ทำจนเกิดจุดปวดเสียวระหว่าง คิ้วแล้วครับ
    แต่ผม ไม่กล้า ท่อง สิทธิกิจจัง.....
    สิทธิกัมมัง.....

    สิทธิลาโภ......
    ชะโยนิจจัง....
    ครับผมกลัว
     
  19. สุโขวิเวโก

    สุโขวิเวโก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +61
    สาธุด้วยครับ ถ้าได้ไปเห็นอะไรๆดีเช่นที่คุณกล่าวมานั้น หรือได้ไปเห็น นรกหรือสวรรค์ แต่นั่นก็เป็นมโนมยิทธิอย่างหนึ่ง ซึ่งเห็นแล้วก็ดีเพราะว่าจะได้เลิกทำบาปทำกรรมกันสักที เห็นนรกก็จะได้รู้ว่าถ้าทำกรรมเลวก็ตกนรก เห็นสวรรค์ก็หมั่นพยายามทำกรรมดีมากๆจะได้ขึ้นสวรรค์ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นจิตของเราปรุงแต่งขึ้นมาแหละครับ ถ้าเราคิดว่าเรานั่งแล้วต้องเห็นๆ เรานั่งแล้วมันก็จะเห็น มันเป็นอย่างนั้น ถ้านั่งแล้วเห็นจิตเห็นใจของตนเองได้อย่างนี้สิ ตัดกิเลสได้อย่างนี้สิผมว่ามันดีกว่ากันเป็นไหนๆ ของพวกนี้เห็นแล้วก็ติดครับ ขอให้อย่าหลงทางแล้วกันครับ อย่าข่มจิตด้วยคาถา ถ้าเรายิ่งข่มจิตมันไม่เป็นไปตามธรรมชาตินะครับ
    ส่วนตัวผมแล้ว ภาวนา พุทโธ เป็นหลักของใจครับ จิตมันก็ต้องคิดไปตามธรรมชาติของมันครับ เพราะนั่นเป็นธรรมชาติของจิต แต่คิดแล้วอย่าไปยึดติดนะครับ ปล่อยมันไปครับ
    ด้วยความปรารถนาดีนะครับ อย่าได้ไปหลงนะครับ
     
  20. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    เมื่อเช้า ลองนั่งกำหนดคำภาวนาใหม่
    เป็นคำว่า " พุทโธ "
    พอพุทโธ ปั๊บก็จับไปแปะไว้ที่หน้าผาก
    ตรงจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว
    ไม่ต้องใช้คำภาวนายาวๆ
    รู้สึกจะง่ายขึ้น
    แต่อย่าลืมขยับปากบริกรรมภาวนา พุทโธ เล็กน้อย
    ไม่งั้น จิตมันจะพาออก เลยหน้าผาก ไปไหนๆก็ไม่รู้

    ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที จะรู้สึกตึง หรือปวดเสียว
    เหมือนอย่างที่คุณ Good oom มีอาการดังกล่าว
    ขณะนั้นเปรียบเสมือน กองทัพยกพลประชิดแดนของข้าศึกแล้ว
    เพียงข้ามเส้นนิดเดียวเท่านั้น ก็จะเข้ายึดพื้นที่ได้
    แต่กองกำลังนี้ยังกลัวอยู่ ไม่รู้ว่าข้าศึกข้างหน้าจะดักซุ่มอย่างไร
    สุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป ก็เกรงว่าจะได้รับอันตราย ฉันใดก็ฉันนั้น

    ไม่เป็นไร เอาให้ความรู้สึกแปะติดตึงอยู่หน้าผาก ไปก่อน
    ค่อยๆทำความรู้สึกไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ
    ใครที่ได้อาการแบบตึงปวดเสียว บริเวณหน้าผาก
    ให้ประคองความรู้สึกนั้นไว้
    เมื่อเริ่มต้นนั่งใหม่ ก็หยิบเอาความรู้สึกนั้นมากำหนด
    จะเร็วกว่า หลังจากนั้นก็ใช้คำภาวนาคำใดก็ได้ที่เราศรัทธา
    ค่อยๆดำเนินตามวิธีต่อไป หลังๆ ให้หายใจยาว ผ่อนคลายบ้าง
    เป็นบางจังหวะ

    ขณะที่ผมกำลังพิมพ์เล่าเรื่องอยู่นี้ ความรู้สึกตึง
    ที่จุดตาที่สาม ก็ยังคงอยู่
    และดูเหมือน จะสามารถรับอะไรได้บางอย่าง
    ลองกำหนดจิตนิ่งๆ ดูนะครับ

    ผมเชื่อว่าเบื้องบน เปิดช่องทาง
    ให้ขุมพลังลงมาแล้ว
    อย่าช้านิ่งนอนใจ ไม่ใช่ของยากแล้วครับ

    อย่าลืมนะครับว่า กลัวหรือไม่กลัว เราก็ต้องตาย เหมือนกันหมด
     

แชร์หน้านี้

Loading...