ผมขอทำหน้าที่..ครั้งสุดท้าย เรื่องจริงจาก พระภาวนาวิสุทธิคุณ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 3 มิถุนายน 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    [​IMG]


    <!--sizeo:7--><!--/sizeo-->เ<!--sizec--><!--/sizec--> รื่องนี้เป็นเรื่องจริงจากพระภาวนาวิสุทธิคุณ หรือที่ทุกคนคุ้นหูกันดี หลวงพ่อจรัญฯนั่นเอง คิดว่าคนที่ติดตามอ่านหนังสือของท่านอยู่ คงพอจะทราบเรื่องนี้มาบ้าง

    เรื่องราวเกี่ยวกับดวงจิตวิญญาณที่ไม่ยอมตาย ถึงแม้รู้ว่าตัวเองตาย แต่จิตครั้งสุดท้ายที่ค้างคาอยู่ ขอปฏิบัติหน้าที่สำคัญจนสำเร็จให้ได้...

    ในที่นี้ผมขออนุญาติเอ่ยชื่อจริงของบุคคลต่าง ๆ ที่ปรากฎในเรื่อง เหมือนกับกรณีเรื่องของเทพวิชิต เพราะถือเป็นต้นแบบที่ดี มิได้มีเจตนาทำให้เสื่อมเสียแต่อย่างใด เสียดายที่ไม่มีภาพ เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้จะถ่ายภาพจากหนังสือมาให้ดู


    <!--coloro:#FFCC00--><!--/coloro-->หลวงพ่อจรัญฯ <!--colorc--><!--/colorc-->: อาตมามีเรื่องวิญญาณจะเล่าให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องวิญญาณ มารายงานตัวเพื่อเจริญกรรมฐาน ที่วัดอัมพวัน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕-๒๕๒๖ เขาคือ วิญญาณของนายวิโรจน์ ปัญจบุรี


    จำเป็นจะต้องกล่าวประวัติของนายวิโรจน์สักนิดหน่อย นายวิโรจน์ ปัญจบุรี เกิดเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ บ้านเลขที่ ๙๑/๑ ถ.ประตูชัย ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา บุตรนายวิรัตน์ นางมอนแก้ว ปัญจบุรี มีพี่น้องร่วมท้องกัน ๔ คน นายวิโรจน์เป็นคนที่ ๒ มีการศึกษาดี เรียนดีตลอดมา คือจบสายสามัญจากโรงเรียนพะเยาพิทยาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ศึกษาต่อที่วิทยาลัยครูเชียงราย ได้รับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง วิชาเอกพลศึกษา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๔ และได้รับปริญญาคุรุศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาเอกพลศึกษา เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๖


    เมื่อเดือนตุลาคมปี ๒๕๒๕ ระหว่างที่นายวิโรจน์เป็นนักศึกษาวิทยาลัยครูเชียงราย ได้รับคัดเลือกเป็นผู้แทนนักศึกษามาเข้าค่ายพัฒนาจิตใจที่วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี จัดโดยสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ มีผู้แทนนักศึกษาทั่วประเทศมาเข้าค่าย ๗ วัน มาเจริญวิปัสสนากรรมฐาน นายวิโรจน์ปฏิบัติได้ดีมาก เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ เป็นคนไม่ข้องแวะกับอบายมุขเลย


    นายวิโรจน์มีแฟนคนหนึ่งเป็นคนจังหวัดเดียวกัน เขารักกันมาก เมื่อเรียนจบแล้ว วิโรจน์สอบบรรจุได้เป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยครูเชียงราย แฟนของวิโรจน์สำเร็จ ปวช. เรียนต่อ ปวส. แล้วลาออกไปทำงานที่อำเภอหนึ่งในจังหวัดพะเยา


    ต่อมาปี ๒๕๒๖ เขามีโครงการอบรมกันที่วัดอัมพวันอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้อธิบดีสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธฯ ผู้จัดการอบรมได้เชิญรัฐมนตรี ร.ต.ท.ชาญ มนูธรรม มาเป็นประธานในพิธีเปิด จะนำเครื่องบินมาลงที่นี่ อาจารย์สมเดช มุงเมือง ซึ่งเคยมาเข้าค่ายพัฒนาจิตใจที่วัดอัมพวันสมัยเป็นนักศึกษา ปกศ.สูง ต่อมาเรียนสำเร็จปริญญาโท เป็นอาจารย์วิทยาลัยครูเชียงราย อาจารย์สมเดชชวนนายวิโรจน์ว่า “ไปไหม” วิโรจน์บอกว่า “ไปแน่” เพราะเจริญสติปัฏฐานสี่แล้วมันซาบซึ้งใจเหลือเกิน อาจารย์สมเดชบอกให้นายวิโรจน์ไปเป็นวิทยากร และช่วยควบคุมนักศึกษาที่วัดอัมพวัน นายวิโรจน์บอกยินดีมาก


    นายวิโรจน์ได้ไปชวนแฟนคือกัลยา ให้มาอบรมด้วย แต่กัลยาปฏิเสธบอกว่า “คุณไปก่อนเถอะ เอาไว้แก่คราวคุณย่า-คุณยายเสียก่อน” กัลยาไม่สนใจไป



    วิโรจน์ก็เตรียมกระเป๋า ๒ ลูก มีเป้ กระติกน้ำร้อน-น้ำเย็นพร้อม พอดีจะต้องไปเล่นกีฬาแล้วถึงจะมา เขาก็เตรียมกระเป๋าเรียบร้อย ตั้งใจมั่น จะไปแน่ มีศรัทธา ๑๐๐% จะมาอบรมที่วัดอัมพวัน วันที่ ๒๑ ต.ค. ๒๕๒๖ ๕ วัน ๕ คืน จะนำนักศึกษามาประมาณ ๑๐๐-๒๐๐ คน

    ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๖ ก่อนถึงกำหนดจะไปวัดอัมพวัน ๕ วัน วิโรจน์ขี่จักรยานยนต์ไปรับแฟน ให้แฟนซ้อนท้ายมา เดชะกฎแห่งกรรมดลบันดาล รถชนทันที วิโรจน์ตายคาที่ แฟนก็ไปตายที่โรงพยาบาล วิโรจน์ตายหัวเละ ไส้ทะลัก มอเตอร์ไซค์พัง แฟนตายวันรุ่งขึ้น คือ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๖ ญาติตั้งศพที่วัดในหมู่บ้านแยกกันของใครของมัน ไม่ได้ตั้งรวมกัน


    <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro-->วิญญาณแยกออกจากร่าง<!--colorc--><!--/colorc-->

    พอตายแล้วนายวิโรจน์เล่าว่า เขาตั้งสติของเขาดี เขาออกมายืนพิจารณาสังขารของเขาว่า หัวเละ ไส้ออกไปแล้ว และเขาก็มายืน เขามีสติครบ นี่ไม่ใช่ว่าศพตายแล้ววิญญาณจะอยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวญาติโยมจะเข้าใจผิด และเวลาที่ใส่หีบโลงเข้าแล้ว วิญญาณคงอยู่ในโลงศพ ไม่ใช่ เขายืนยันเลย เขาก็ตามไปยังที่ตั้งศพของเขา อาบน้ำศพเขาก็ยืนดู หัวเละ ก็ดูสังขารของเขา อาบน้ำศพตามประเพณีเขาก็รู้หมด และก็เอาศพใส่หีบตั้งบำเพ็ญกุศล พระก็เริ่มสวดบำเพ็ญกุศล มีสวดพระอภิธรรม

    อาตมาก็ถามว่า “พอตั้งศพแล้ววิญญาณไม่อยู่ตรงนั้นเหรอ” เขาบอกว่า “ไม่อยู่” บางทีเราก็เคาะโลงบอกว่า “แม่ออกมาพระจะสวด” “แม่ทานอาหารเสีย” ก็เคาะกันไป ดีเหมือนกัน กตัญญูรู้พระคุณ แต่ที่จริงแล้ววิญญาณออกมา หาได้อยู่ที่เรือนร่าง ไม่หรอก ความจริงเป็นอย่างนี้

    ในที่สุดพอตั้งศพเรียบร้อยดีแล้ว วิญญาณนายวิโรจน์ก็มาถึงนี่ทันที วิญญาณนายวิโรจน์มาถึงวัดอัมพวัน ญาติโยมโปรดฟัง จิตฺเต อสงฺกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา – จิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นที่หวังได้จิตนี้จะไปไม่ติดไฟแดง ไม่มีเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาถึงเลย อย่างโยมนั่งหลับตา นึกถึงบ้านถึงเลย นึกถึงที่นอนเราถึงเลย นึกถึงครัวก็ถึงเลย เหมือนอย่างโยมนั่งพักอยู่ที่นี่ จะไปที่หอฉันรับประทานอาหาร มันจะเลี้ยวตรงนี้หยุดตรงโน้นไม่ได้ มันจะถึงเลย นั่งเก้าอี้ตรงไหน ก็ถึงตรงนั้น มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ

    ในที่สุดเขาก็มาถึงวัดอัมพวัน ในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๖ นั่นเอง พอดีที่นี่มีอบรมนักศึกษาวิทยาลัยครูเทพสตรี และปิดการอบรมในวันนั้น ที่หอประชุมมีเก้าอี้อบรม ทั้งวิชาการ มีปฏิบัติกรรมฐานน้อย ยังไม่ได้ปฏิบัติกันเคร่งครัดอะไร สมัยนั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๖ ปฏิบัติยังไม่เคร่งครัด ก็มีโต๊ะเก้าอี้ พอวิทยาลัยครูเทพสตรีอบรมเสร็จออกไปแล้ว ก็ทำความสะอาดกัน ตอนนั้นมีพระภิกษุ-ปริญญาโทหนึ่งรูป ปริญญาตรีหนึ่งรูปมาบวช ๑๕ วัน ไม่ได้สนใจมาเจริญกรรมฐาน ต้องการมาบวชพักผ่อนดูหนังสือ จะไปอเมริกา จะไปต่อปริญญาเอก ไม่ได้มานั่งกรรมฐาน

    อาตมาก็บอกว่า “นี่คุณต้องการจะไปเรียนหนังสือต่อ ควรนั่งกรรมฐานเสีย จะได้ไปเรียนสำเร็จ มีปัญญาดี”

    “โอ๊ย ผมไม่สนใจหรอก ผมจะดูหนังสือ จะต้องเดินทางไปอเมริกา” องค์ปริญญาตรีก็เหมือนกัน แต่เขาก็ขยันดี มาช่วยกวาด ตอนนั้นยังไม่มีพรม ที่มีพรมปูเพราะคุณแม่สิริ กรินชัย พาพวกโยมมา ในรายการยุวพุทธิกสมาคมฯ เลยก็มีพรมปูให้นั่ง ก็ได้อานิสงส์ขึ้น ก็นั่งกวาดโน่นกวาดนี่ ที่พรมไม่มีก็ใช้เสื่อปูเอา และเอาเก้าอี้ตั้ง เมื่อเอาเสื่อออกฝุ่นเยอะแยะ ก็ทำความสะอาดกัน ปัดกวาดอะไรทำนองนี้ อาตมานั่งบนเก้าอี้ พระปริญญาโท ปริญญาตรีก็มาช่วยกวาดอยู่ใกล้ ๆ

    ตอนเย็นมากแล้ว พวกที่เลิกอบรมกลับกันไปแล้ว สักประเดี๋ยวมาแล้ววิโรจน์ถือกระเป๋ามา ๒ ลูก เป้ก็วางอยู่มากราบอาตมา

    อาตมาก็ถาม “เอ้า มาอย่างไรกันนี่” เขาบอก “มาอบรม” “มาอบรมอะไรยังไม่ถึงเวลาอีกตั้งหลายวัน เริ่มวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๖ นี่เพิ่งวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๖ มาอย่างไร” เขาก็รายงานตัวเลย

    “กระผมวิโรจน์ครับ หลวงพ่อจำได้ไหม”

    “อ๋อ จำได้คลับคล้ายคลับคลา”

    “ก็ผมมาอบรมไงเล่า ผมนั่งเจริญสติปัฏฐานสี่ นั่งน้อย แต่ผมก็กลับไปนั่งที่บ้าน ผมสนใจมากครับ จะมาตอนนี้ผมก็บอก บอกกับ อ.สมเดช มุงเมืองไว้ บอกต้องมาแน่ ถึงยังไงก็มา และผมก็อุตส่าห์ไปชวนแฟน เขาก็เล่าถึง น.ส.กัลยา ให้ฟังว่า เขาไม่มาหรอกครับ ผมก็ต้องมาคนเดียว แล้วเขาก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า

    เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๖ ผมขับมอเตอร์ไซค์เอาแฟนซ้อนท้าย ไปถูกรถชน และตายแล้ว.... อาตมาขอแทรกตรงนี้ ที่บอกว่าตายอยู่กลางถนนรถชน แล้ววิญญาณอยู่ตรงนั้น ไม่จริงเสมอไป คนที่จะอยู่เฝ้าตามถนนหนทาง คือ พวกสัมภเวสี ไม่มีสติ คนที่ไม่ได้ฝึกอะไรไว้ ตายที่ไหนแล้วมักจะหาที่อยู่ไม่ได้ ไม่ได้สร้างบุญกุศลไว้ เรียกว่าสัมภเวสี ตัวตายด้วยอำนาจโลภะเป็นเปรต อสุรกาย ถ้าตายด้วยอำนาจโทสะ ส่วนมากเป็นโยมผู้หญิงเคียดแค้นกับสามีเรื่องชู้สาวเป็นผีดิบ ไปเที่ยวกินเลือดผู้ชาย สำหรับอสุรกายตายด้วยอำนาจโลภะ มันจึงจะเป็นสัมภเวสี มันจึงจะเฝ้า
    ที่


    [​IMG]


    หลังจากประสบอุบัติเหตุรถชน ทำให้วิโรจน์กับกัลยา แฟนสาวสิ้นชีวิตทันที วิญญาณของนายวิโรจน์ ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองตายแล้ว แต่ก็ทำใจได้ ทำให้จิตหลุดพ้นห่วง วิญญาณจึงไม่มีบ่วงยึดไว้ ทำให้เป็นอิสระไปไหนก็ได้ วิญญาณนายวิโรจน์ได้มุ่งตรงมากราบหลวงพ่อจรัญฯ ที่วัดอัมพวัน และได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อจรัญฯ



    <!--coloro:#FFCC00--><!--/coloro-->หลวงพ่อจรัญฯ :<!--colorc--><!--/colorc--> ยกตัวอย่างค่ายบางระจัน นายจัน หนวดเขี้ยว ขุนสรรค์ พันเรือง เป็นต้น อย่าลืมนะที่ค่ายบางระจัน ตายด้วยอำนาจโทสะ กำลังรบพุ่งชิงชัย กำลังมีอำนาจโทสะต่อต้านกัน เลยล้มหายตายเฮี้ยนมาก เมื่อสมัยก่อนนั้น ใครจะไปเอาไม้แดงที่วัดโพธิ์เก้าต้นไม่ได้นะ และน้ำสระหลวงพ่ออาจารย์ธรรมโชติ ใครจะไปตักไม่ได้ เอาไปใส่กา การะเบิดเลย และอีก ดอกจันเก้าตรา ใครไปเอา ต้องเอาไปคืน อาตมาก็เคยไปเอาแต่ไม่คืน เพราะอาตมาพูดกันรู้เรื่อง จำไว้ แต่นี่จะไม่เล่าเรื่องดอกจันเก้าตรา


    อาจารย์ธรรมโชติ ไม่ได้เป็นอาจารย์อยู่ที่วัดโพธิ์เก้าต้น เป็นพระอยู่วัดเขาขึ้น อำเภอเดิมบางนางบวช ทางบางระจันไปนิมนต์ให้มา มาอยู่วัดโพธิ์เก้าต้น มาช่วย ไม่ใช่คนบ้านนั้น สมภารชื่ออาจารย์คง วัดโพธิ์เก้าต้น อาตมารู้ประวัติ เลยก็ว่าอาจารย์ธรรมโชติเป็นเจ้าของวัดโพธิ์เก้าต้น ที่จริงไม่ใช่ อาจารย์ธรรมโชติท่านเก่งทางฌาน ท่านเก่งหลายอย่างอะไรทำนองนี้ โยมจำไว้ตายด้วยอำนาจโทสะ จึงต้องเฝ้าอยู่ตรงนั้นนะ เฝ้าเฮี้ยน ดุด้วยนะ ดุแยกเขี้ยวยิงฟันด้วย ใครไปเอาของไม่ได้ ตายเลย แต่เดี๋ยวนี้ทำไมไม่เฮี้ยน


    ในเวลากาลต่อมาพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ สร้างค่ายขึ้นมาแล้วถวายพระราชกุศล ในหลวงเสด็จ มาทั้งสี่พระองค์ มีการสร้างตัดลูกนิมิต ถวายพระราชกุศล เลยวิญญาณก็ไปเกิดแล้ว จะไปเฮี้ยนได้อย่างไร ทำไมวิญญาณไม่เฮี้ยน ก็ไปเกิดหมดแล้ว


    อาจารย์วิโรจน์บอกตรงกันเลย บอกหลวงพ่อผมไม่ใช่สัมภเวสี นี่คุยกับผีเห็นกันหลายคนนะ ไม่ใช่โรคประสาท พระเห็นกันหมดกำลังทำความสะอาด เป็นที่น่าสังเกตว่า รู้ว่าเขาเป็นวิญญาณอย่างไร ฟังต่อไป


    ตอนที่มานั่งคุกเข่า อาตมาไม่รู้หรอกว่าเข้ามาตอนไหน เพราะพระมัวกวาดกัน มาถึง มานั่งแล้ว เข้ามาทางหน้าหอประชุม มากราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ หน นั่งแล้วรายงานตัวเลย บอก “กระผมมาจากเชียงรายครับ หลวงพ่อจำได้ไหมวิโรจน์ครับ” ก็ใครจะไปจำได้ นักศึกษาตั้งเป็นร้อย ๆ จำไม่ได้หรอก บอก “จำได้คลับคล้ายคลับคลา”

    “ผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อไงล่ะ มานั่งเจริญสติปัฏฐานสี่ยังไม่ครบ”

    “ทำไมถึงมาก่อนกำหนดวันเขาล่ะ เขาจะเข้าวันที่ ๒๑ ตุลาคม นี่นา นี่เพิ่งวันที่ ๑๖ ตุลาคมเท่านั้นเอง”


    “ผมได้ตายแล้ว” พระนั่งเลย เอาไม้กวาดวางพอได้ยินเสียง “ผมได้ตายแล้ว” ก็นั่งกัน ก็ดู เอ! ผีก็ไม่ใช่ ทำไมไม่ใช่ผี โยมอย่าเข้าใจผิดนะ ถ้าตาโบ๋แล้วมีมือใหญ่ ๆ นะเป็นผีโทรทัศน์ ผีลิเกจำไว้ ผีลิเกมันออกมาอย่างนี้ เขาทำให้เราดู ถ้าผีจริงต้องมาอย่างนี้ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด มาอยู่ในวัดนี้ไม่ต้องกลัวผีตาโบ๋ อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผีมั่งเหมือนกัน ตาโบ๋แล้วทำผมยาว ๆ มือใหญ่ ๆ นั่นผีลิเก ใส่หน้ากาก แน่นอนที่สุดเลย ถามได้ความรู้อีกเยอะ และพระก็นั่งฟังกัน มีพยานหลักฐานอยู่ครบ พระปริญญาโท ปริญญาตรีเริ่มสนใจแล้ว


    อาตมาถามว่า “คุณมาอย่างไร”

    “หลวงพ่อครับ ผมกราบเรียนถวายว่า ผมตั้งใจ มั่นใจเลย ผมมาครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ผมเจริญกรรมฐาน ผมก็ซึ้งใจแล้ว แต่ยังไม่ได้ขั้นตอนครับ ตอนนี้ผมมา ๗ วัน ๗ คืน อาจารย์สมเดชจะให้ผมเป็นวิทยากรควบคุมนักศึกษา และเอาใจใส่เป็นกรณีพิเศษอีกด้วย และผมก็พอดีถูกรถชนตาย ในวันนี้แล้ว ผมก็รีบมาก่อน กระเป๋าที่ผมมานี่ไง ผมเอามาหมด” มีที่ใส่น้ำร้อน น้ำแข็ง เป้คล้ายทหาร


    อาตมาก็ถามว่า “เอาศพตั้งไว้ยังไง แฟนคุณอยู่ที่ไหน” เขาบอกว่า “อยู่อีกวัดหนึ่ง คนละตำบล คนละที่ ไม่ได้ตั้งรวมกัน”

    “น่าจะอยู่ที่หีบศพ ทำไมถึงมาอยู่อย่างนี้”

    เขาบอกว่า “ไม่จริง หลวงพ่อ ไม่จริง อย่าเชื่อว่าจะอยู่ที่หีบศพ เวลาจะสวดก็บอก เวลาจะกินข้าวก็บอก ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ”

    “ถ้าอย่างนั้น สวดพระอภิธรรม สวดสังคหะ ใครจะฟังล่ะคุณ คุณไม่อยู่ฟัง”

    เขาบอกว่า “หลวงพ่อครับ สวดให้ญาติที่มีชีวิตอยู่ฟัง ผมไม่ต้องไปฟังหรอก”

    พวกเราจำไว้ เผื่อจะไปอย่างนั้นบ้าง จะอยู่ฟังหรือเปล่า อันนี้เรื่องจริง


    อาตมาก็ซักไซร้ไล่เลียง ไม่น่าจะสนเท่ห์อะไรแล้ว ก็มันเป็นกฎแห่งกรรมอันสำคัญ อาตมารู้เรื่องก่อนแล้ว จึงได้เล่าเรื่องให้ อ.สมเดชเขาฟังไว้ก่อน มันมีความหมาย เดี๋ยวจะอ่านจดหมายให้ฟังอีก มีรูปถ่ายด้วย


    เขาก็รายงานว่า “หลวงพ่อครับ จิตวิญญาณนี้มันถึงเลยนะครับ” แล้วเขาก็อธิบาย พระปริญญาโทนั่งฟังปากหวอเลย “ผมต้องมาเจริญวิปัสสนาแน่ เพราะผมตั้งใจแล้วครับหลวงพ่อ เพราะเวลาในโลกมนุษย์มีค่าเหลือเกิน”


    พระปริญญาโทฟัง นั่งนึกพิโธ่เอ๋ย เรามาบวชก็ไม่ได้ขอกรรมฐาน ผีมันยังมาเจริญกรรมฐาน เลยวันนั้นพระปริญญาโท ปริญญาตรี เลยได้อบรมพร้อมกันไปด้วย นับว่ามีประโยชน์ดีเหลือเกิน


    อาตมาบอก “สวดพระอภิธรรมน่าจะได้ฟัง จะได้กุศล”

    เขาบอก “หลวงพ่อครับไม่จริง สวดให้ญาติพี่น้องฟังสวดให้คนเป็นฟัง แต่วิญญาณนั้นไปสู่สถานแน่นอน คิดดีก็ไปทางดี คิดไม่ดีก็ไปทางไม่ดี แต่กระผมคิดมาก่อนนานแล้วว่า จะมาเป็นวิทยากรที่นี่ และตั้งใจว่าจะมาปฏิบัติต่อ เพราะคราวที่แล้วปฏิบัติเต็มที่เพียง ๒ คืนเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นวิทยากรผสมมากมาย การปฏิบัติก็น้อยลงไป แต่ผมก็ซึ้งใจแล้ว” เขาว่าอย่างนี้


    “หลวงพ่อครับ กระผมอ่อนใจเหลือเกิน หลวงพ่อหาที่พักให้ผมหน่อย พักที่ไหน” “หลวงพ่อครับมีอะไรเรียกใช้ได้ ขอปวารณาด้วยนะ” พระนั่งเป็นแถวเลย


    “ไปดูเถอะนะ กุฏิข้างโบสถ์ล่องไปทางใต้เลย ที่ไหนว่างก็ไป” พระพูดขึ้นว่า “หลวงพ่ออย่าให้พักกุฏิผมนะ” ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่ผีหรือไม่ แต่พระปริญญาตรีบอกว่า “ผมไม่เชื่อเลย อาจจะเป็นคนติดยาเสพติด อาจหลอกลวงเรา แล้วขอพักและจะมาลักของเรา” ท่านก็คิดท่านไกลดี และก็ลองดูก่อน


    เขาบอกว่า “ผมขอพักครับ อ่อนใจเหลือเกิน หลวงพ่อครับ หลวงพ่อทราบไหมครับ นักศึกษาจะมาถึงที่นี่เมื่อไร” อาตมาเอาเอกสารมาดู บอกว่า “ห้าโมงเย็น เขาจะมาทานอาหารเย็นที่นี่”

    “หลวงพ่อเชื่อผมไหม ต้องมาดึก อย่างน้อยต้อง ๕ ทุ่มทีเดียว หรือ ๓ ทุ่มอาจจะมาไม่ถึง”

    “เพราะอะไร”


    “เชื่อผมเถอะครับ เขาจะไปดูเขื่อน จังหวัดตาก พานักศึกษาไปเป็นร้อย ๆ คน กว่าจะมาถึงต้องมืดค่ำครับ ขอหลวงพ่อกรุณาได้บอกแม่ครัวด้วย บอกอย่างเพิ่งทำเลย ทำมืด ๆ เถอะ กับข้าวร้อน ๆ ดี เขาจะได้ทานอร่อย ๆ” ผียังรู้ดีกว่าเรา “ถ้าทำตอน ๕ โมง ข้าวปลาบูดหมด หลวงพ่อเชื่อผมเถอะ จะมาดึก เขาจะดูเขื่อนจังหวัดตากก่อน”


    เขาบอกต่อว่า “เชื่อผมอย่างเดียวหลวงพ่อ ผมแน่นอนกว่าหลวงพ่อ ผมอ่อนใจจัง ผมขอพัก หลวงพ่อจะให้พักที่ไหน” เขาอ่อนใจมาตั้งแต่รถชน

    โยมจำไว้ รถชนแล้วออกมายืน เขาฝึกสติของเขา เขาบอก “หลวงพ่อครับ ถ้าผมไม่มาฝึกไว้บ้าง ผมคงพลาดไปไหนต่อไหนแล้ว ผมตั้งใจเตรียมกระเป๋า เตรียมเครื่องใช้ไม้สอยครบ ในระยะ ๕ วันที่มาอบรม พอสมควรแล้ว ที่ผมมาก่อน เนื่องจากรถชนพร้อมกับกัลยาแฟนของผม ที่ได้ทำงานธุรการที่อำเภอแล้ว กระผมก็สอบบรรจุครูได้แล้วที่วิทยาลัยครูเชียงรายครับ ผมขอพัก หลวงพ่อเรียกผมใช้ได้นะครับ จะให้ทำอะไรก็บอกนะครับ”


    “เอ้า งั้นพักตามใจชอบเถอะ ก็ชี้กุฏิไป”


    เขาก็กราบ ๓ หน กราบเสร็จแล้ว ก็เอาเป้สะพายเดินออกไป พระปริญญาโทนอนเลย อาตมาก็ต้องนอนบ้าง ดูซิ เดินลอยไปบนพรมเลย เหนือพรม ๑ นิ้ว ไม่ถึงพื้น ที่น่าสังเกตคือ ตาคว่ำ แววตาไม่มี สังเกตง่าย ๆ ตาไม่มองตาเรา ยิ้มแห้ง ก้มมองพื้นเรื่อยเลย พอเดินออกไปแล้วพระขนลุกเกรียวเลย ออกไป ก็ไปหายตรงวิหารหลวงพ่อโต


    วิหารหลวงพ่อโต เมื่อก่อนยังไม่ได้สร้าง เป็นศาลเทวดาที่ต้นพิกุล โค่นเสร็จแล้วมาชวนแม่ชีสวดมนต์ ต้นสัตบรรณอยู่ตรงนี้ ยาว ๒๐ วา หลวงสมานวนกิจ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ มาที่นี่บอก “หลวงพ่อต้นนี้ อายุ ๘๐๐ ปี” ยาว ๒๐ วา อาตมาเห็นว่าต้นพิกุลโค่นล้มไปแล้ว เทวดาหนีไปแล้ว เดี๋ยวเทวดาที่ต้นนี้หนีอีกก็จะโค่นทับโบสถ์พังหมด โบสถ์ไม่พังก็ลงกุฏิอาตมา ไม่กุฏิอาตมาก็หอประชุมพัง เลยก็ต้องโค่นเสีย โค่นแล้วเป็นยังไง โค่นแล้วชาวบ้านก็ขอไม้ไป มีเสียงไปร้องครางที่บ้านเขา ต้องเอาไม้มาคืน เป็นที่รู้ทั่วไปของบ้านนี้ เทวดาไปเที่ยวร้องเลยก็ต้องปลูกศาลไว้ให้ อันนี้เรื่องจริงที่มีมาแล้ว มาเดี๋ยวนี้ก็สร้างเป็นวิหารให้สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่าพรมน้ำมนต์


    ผลสุดท้าย พระก็วิ่งตามออกไป เปิดกุฏิดูหมดเลย แม่ชีแตกตื่นไปเปิดดูหมดก็ไม่มี ไม่มีกระเป๋า พระปริญญาตรี โท บอกหลวงพ่อรับกรรมฐานทำยังไง ผียังมา ผมมาอยู่ตั้งหลายวันแล้วยังไม่เอาเหนือเอาใต้ ผมก็สู้ผีไม่ได้ ต้องแข่งกับผี เลยก็รับกรรมฐานปฏิบัติ พอพวกเชียงรายมาก็ทำต่อ


    ต่อมาถึงวันที่นักศึกษามา วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๖ พอ ๑๘ นาฬิกา ไฟฟ้าดับหมดเลย ที่อื่นไม่ดับ ดับที่วัดอัมพวันที่เดียว และตอนนั้นสุนัขในวัดนี้ไม่มีเลย ไม่รู้มาจากไหน หอนคืนยันรุ่งเลย อาตมาก็ให้พระเอาเทียนไปจุดตามห้องน้ำห้องส้วม ใช้เทียนไข เพราะไฟฟ้าไม่ติด ไม่รู้จะทำอย่างไร นักศึกษามาถึงดึกกว่ากำหนดการ เสียงรถแป๊ด ๆๆๆ ตรงตามผีบอกเลย เราทายสู้ผีไม่ได้ เมื่อเข้ามาถึงก็บอกอาบน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยทานข้าว เขาบอก “หิวจังเลย” ถ้าหิวก็กินก่อนเอ้า!


    เลยก็รับประทานอาหารก่อน เสร็จแล้วก็ปฐมนิเทศ เพราะว่าพรุ่งนี้ ร.ต.ท.ชาญ มนูธรรม จะมา ตอนนั้น อธิบดีสมพร เทพสิทธา เป็นประธานสภายุวพุทธฯ มีคุณอำนวย อินทรภูติ มีหลายท่าน พวกนั้นรู้หมด เขาจะมากัน พอดีตอนเช้ารับโทรเลขจากจังหวัดแจ้งความให้ทราบว่า ร.ต.ท.ชาญ มนูธรรม มาไม่ได้ น้ำท่วมกรุงเทพฯ ต้องไปช่วยราษฎร อธิบดีสมพร เทพสิทธา จึงเป็นประธานแทน


    พอทานอาหารเสร็จ อาบน้ำเสร็จ อาตมาเรียกคณะอาจารย์มา มีอาจารย์สมเดช มุงเมือง และอาจารย์หญิงอีก ๓ คน พระปริญญาโทก็อ่านบันทึกที่ได้บันทึกไว้ให้ฟัง คณะอาจารย์น้ำตาร่วงเลย จริงตามนี้ทุกประการ


    อาจารย์สมเดชบอก “หลวงพ่อครับ พอเปิดอบรมแล้ว ผมขอฝากนักศึกษาไว้ ผมจะไปงานฌาปนกิจศพของวิโรจน์ในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๒๖” เลยก็ให้เอาบันทึกไปพิมพ์แจกวันในงานศพนั้นด้วย เรารู้เรื่องขึ้นมาทันทีเลย ไม่ใช่ว่าเขาเล่าให้ฟังก่อนแล้วเราไปเล่าตามเขา มันก็เกิดมหัศจรรย์ขึ้นมาอย่างนี้



    [​IMG]


    แหล่งที่มา
    www.lekpluto.org
    <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--IBF.ATTACHMENT_906802--><!-- THE POST -->​
     
  2. Chanko.8

    Chanko.8 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +88
    สาธุ... อนุโมทนาด้วยครับ...
    ผมอ่านเรื่องราวของหลวงพ่อจรัลฯ มาหลายเล่ม เหมือนกัน...
    ไปกราบท่านก็ 2 - 3 ครั้ง... แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเจริญกรรมฐานที่วัดท่านสักที..แต่ยังไงก็ตั้งใจไว้แล้วครับว่าต้องไปให้ได้สักครั้ง
     
  3. Francis_NY

    Francis_NY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +585
    ขอบคุณครับ
     
  4. พิราบดำ

    พิราบดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    438
    ค่าพลัง:
    +288
    อนุโมทนาครับ....ชีวิตสั้นหรือยาวเราไม่รู้..แต่ความตายมันใกล้เราแค่ปลายจมูก ลมหายใจเข้า-ออก .....สาธุ
     
  5. jarunee49

    jarunee49 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +101
    ตอนนี้กำลังฟังเกี่ยวกับประวัติของท่านอยู่ สนุกมากเลย เรื่อง นารีผล, มักกะลีผล
    ได้แง่คิดอะไรดีๆ และก็กลัวบาปมากกว่าแต่ก่อน ดีมากๆๆๆ เลย
     
  6. yupanatuk

    yupanatuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +418
    อนุโมทนา สาธุ ขอกราบนมัสการหลวงพ่อจรัญฯ ท่านกรุณาให้ความรู้ ความกระจ่าง หลายๆ เรื่องที่บางเรื่องเราคิดไม่ถีง ดิฉันได้สั่งพิมพ์หนังสือธรรมะของท่าน แจกเป็นธรรมทาน ดีมากทุกๆ เล่ม เช่น วิธีสร้างบุญบารมี, ตำรายาสมุนไพร,ลูกไม่ดี แก้ที่พ่อแม่ พ่อแม่ไม่ดี แก้ที่ลูก,อานิสงส์ของการสวด พระพุทธคุณ, ฯลฯ ทำให้เชื่อกฏแห่งกรรม เร่งบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา เพื่อความหลุดพ้น
     
  7. sermsak175

    sermsak175 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2008
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +883
    ขอโมทนาบุญครับ สาธุๆๆ คนเราเกิดต้องตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทครับ ต้องฝึกกรรมฐานและสร้างสมความดีครับ ผมขอคัดลอกข้อความส่งต่อให้กับเพื่อนๆ กัลยาณมิตร อีกทอดหนึ่ง เพื่อระลึกถึง ความไม่แน่นอน และชีวิตนี้น้อยนัก ครับ
     
  8. nanodent

    nanodent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,730
    ค่าพลัง:
    +943
    พ้นทุกข์ชาตินี้ดีกว่าสวรรค์ชาติหน้า...ขออนุโมทนากับเรื่องราวดีๆครับ...เพื่อให้คนเราอยู่โดยไม่ประมาท
     
  9. pjo2517

    pjo2517 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +482
    อนุโมทนาบุญผู้เขียนเล่าเรื่องด้วยครับ ขอให้พี่เขามีดวงจิตอันสว่างไสว ไปสู่สุคติภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นไปครับ
     
  10. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ในหนังสือกฏแห่งกรรม ของหลวงพ่อที่ท่านเขียนเอาไว้

    ผู้ตาย หลังจากปฏิบัติพระกรรมฐานแล้ว ได้ถึงญาณ 16 ด้วย
     
  11. porch

    porch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    507
    ค่าพลัง:
    +907
    อนุโมทนาครับอ่านแล้วได้ข้อคิดหลายอย่างเลยครับ...สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. เมตตามหานิยม

    เมตตามหานิยม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +47
    :z2 เคยไปปฎิบัติตอนเป็นนักเรียนทหาร ปฎิบัติ 7 วัน หลังจากนั้นมาผมก็เริ่มสนใจการปฎิบัติกรรมฐานจริงจังเพราะจำได้ว่าสงบและสมาธิดีมาก...กราบนมัสการและขอบพระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างสูงที่ช่วยให้บัวใต้น้ำได้มองเห็นแสงแห่งธรรมอันเรืองรอง...ขอให้หลวงพ่อสุขภาพแข็งแรงครับ
     
  13. montri_p

    montri_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +467
    อนุโมทนาสาธุ ถ้ามีบุญพอ อยากไปกราบท่านและไปรับกรรมฐานบ้างครับ
     
  14. orangenivea

    orangenivea สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +3
    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ ไปปฎิบัติกรรมฐาน แล้ว 7 วัน ดีมาก ๆ เลยค่ะ ถ้าผ่านไปจะตั้งใจแวะวัดอัมพวัน ตลอด ได้พบหลวงพ่อทุกครั้งเลยค่ะ
     
  15. ปัทมินทร์

    ปัทมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +1,393
    อ.วิโรจน์ ขณะมีชีวิตอยู่ ท่านมีความปรารถนาที่จะปฏิบัติภาวนา ครั้นเมื่อเสียชีวิตไปแล้ว แต่ดวงจิตมิได้สูญสิ้นดังเช่นร่างกาย ดวงจิตยังคงต้องเสวยผลกรรมของตนอยู่ ดวงวิญญาณ อ.วิโรจน์ มีสัญญาใจที่จะมาภาวนาที่วัด จึงได้มา เพราะกรรมดีที่สร้างไว้ และสติที่ได้จากการภาวนา เรื่องที่นำเสนอมานี้ มีประโยชน์อย่างมากครับ การฝึกสมาธิ ทำให้เรามีสติ ไม่หลงตายแน่นอน

    ขอให้ดวงวิญญาณ อ.วิโรจน์ สู่สุคตินะครับ
     
  16. นุภาวัฒน์

    นุภาวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    774
    ค่าพลัง:
    +270
    อนุโมทนาสาธุครับ ขอคัดลอกด้วยคนครับเพื่อเอาไปเตือนสติเพื่อนร่วมงานครับ
     
  17. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    เรื่องนี้ผ่านมานานมากแล้ว .. ดังทั้งเมืองพะเยาเลยเพราะเขาตายคู่กัน เผาพร้อมกันด้วย
    และทั้งสองก็รักกันมาก ยังมีหนังสือแจกเป็นเรื่องราวความผูกพันของพวกเขา
    สถานที่เขาตายเป็นเนินเขา มืดเปลี่ยว....สมัยนั้นอ่ะนะไม่มีไฟถนนด้วย นานๆ มีรถที
    ดิฉันยังได้ไปงานเผาศพของทั้งคู่เลย..ตอนนั้นยังเด็กอายุประมาณ 11-12 ขวบ..ไปกับคุณพ่อคุณแม่
    อยากรู้อยากเห็น...ที่ป่าช้าวันเผาเห็นคนเขามุงดูกันเต็ม นึกว่ามีไรก็มุดไปดูกับเขามั่ง
    แทบช็อค..เขาเอาศพของทั้ง 2 ออกจากโลงมาวางใกล้กัน มีสายสิญจ์มัดตราสังข์อยู่..
    แล้วก็ผ่ามะพร้าวเอาน้ำราดหน้า..ซีดมาก..ภาพนั้นยังติดตาจนถึงทุกวันนี้เลย ..
    เป็นครั้งแรกของเด็กที่เห็นภาพแบบนี้ใกล้ ๆ ...เลยตัวติดกับคุณแม่ไปหลายเดือน

    นี่เนาะ...ความตาย จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่เรามิอาจรู้ได้
    อย่าให้ต้องมาเสียดายเวลาเหมือนกับคุณวิโรจน์เลย
    มีลมหายใจอยู่..จงรีบเร่งทำความดีกันเข้านะคะ ..
    อนุโมทนาสาธุกับบทความที่ช่วยเตือนสติดค่ะ ... (^_^)

    http://palungjit.org/threads/4-ก-ค5...เด็จองค์ปฐมหน้าตัก-2-ม-วัดคลอง-14-ค่ะ.188430/
    http://palungjit.org/threads/มาบริจาค-stem-cell-กับสภากาชาดไทยกันเถิดค่ะ-^_^.189370/
     
  18. wiangnak

    wiangnak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +52
    ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ ดิฉันคนหนึ่งที่เคยไปปฏิบัติธรรม ที่วัดอัมพวันกว่า 10 ครั้งแล้ว ขอแนะนำท่านที่สนใจไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน กรุณาอย่าไปช่วงที่มีเทศกาลวันสำคัญ เพราะวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา ญาติของดิฉันได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัด มีผู้ร่วมเข้าปฏิบัติธรรม เกือบ 3,000 คน ทางวัดไม่มีที่พักและชุดขาวที่ทางวัดให้ยืม ไม่เพียงพอกับจำนวนคนที่เข้าปฏิบัติธรรม บางคนต้องกลับบ้านต่างจังหวัด ทั้งที่ตั้งใจไปปฏิบัติธรรมที่วัด
     
  19. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,645
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    นี่ล่ะครับ ผมถึงบอกว่า " วิญญาณนั้นมีอยู่จริง " อนุโมทนาครับ
     
  20. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สาธุ ขอโมทนาบุญด้วยค่ะ จริง ๆ ดิฉันไม่เคยรู้จักหลวงพ่อจรัลมาก่อน แต่พอจะเคยได้ยินชื่อท่านมาบ้างตอนที่อยู่เมืองไทย แต่ตอนนี้อยู่ที่ ตปท.ก็มีน้องสาวที่รู้จักที่สนิทกันและรักกันเหมือนพี่น้องจริงๆ ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน และน้องสาวก็ได้ส่งหนังสือสวดมนต์ของหลวงพ่อมาให้ ดิฉันก็ใช้สวดมนต์ก่อนนอนทุกวันจนถึงทุกวันนี้ และเข้าไปศึกษาการสอนกรรมฐานของหลวงพ่อในอินเตอร์เน็ต และหัดทำเองค่ะ ก็คล่ำทางไป เพียงเพื่อจะฝึกหัดทำจิตใจเราให้สงบเท่านั่นเอง ไม่หวังว่าจะต้องบรรลุถึงขั้นไหน รู้แต่ว่าตั้งแต่ปฏิบัติมาประมาณ 3 ปี ที่บางช่วงทิ้งไปบ้างไม่ได้ทำทุกวันเพราะงานยุ่ง ก็ช่วยทำให้จิตใจเราสงบลงจริง ๆ รู้แต่ว่ากิเลสในตนเองลดลงเยอะ ภายในจิตใจเราเย็นลงไปเยอะมาก บุคลิกภายนอกภายในเปลี่ยนไป คือเราสามารถสัมผัสได้เองโดยไม่ต้องมีใครบอก พร้อมที่จะไปจากโลกนี้ได้ทุกเมื่อไม่กลัวตายเหมือนเมื่อก่อน.....
     

แชร์หน้านี้

Loading...