ผิดมากไหมที่ผมจะไม่บวช?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย dioma619, 22 เมษายน 2013.

  1. dioma619

    dioma619 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +73
    คือเวลาแม่ไปที่วัดกับเพื่อนของเขา พระก็จะบอกว่าให้ลูกชายบวชแล้วจะดี พอทีนี้แหละ เพื่อนๆของแม่ก็จะยุยงยุแหย่ เนี่ยบวชซะทีสิ ทั้งๆที่ผมคุยกับที่บ้านไว้แล้วว่าถ้าทุกอย่างผมพร้อมแล้วผมจะบอกว่าจะบวชเอง ก็เหมือนแม่จะไม่พอใจนัก เหตุการณ์ก็มักจะเป็นเช่นนี้ จนผมเริ่มรำคาญเพื่อนของแม่มาก จนตอนนี้ผมเกิดความรู้สึกไม่อยากบวชเสียแล้ว เพราะการที่คนมาบอกว่าก็บวชซะสิ มันทำให้ผมเกิดความทุกข์ว่าที่มาถึงตอนนี้แล้วผมไม่บวชมันผิดมากเหรอ แต่ก็ไม่เห็นมีใครบอกได้เลยบวชแล้วดียังไง มีแต่บอกว่าพ่อแม่ยายตายไปจะได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสวรรค์ แล้วมันยังไงกันเล่า? มีใครเคยเห็นหรือ? ผมมีความคิดว่าเวรกรรมมันช่วยเหลือกันไม่ได้ ใครทำใครก่อก็ต้องรับผลนั้นเอง การบวช พิธีกรรม การใส่บาตร สำหรับผมมันก็แค่เปลือกนอก แก่นแท้ของมันจริงๆแล้วคือคำสอนต่างหาก ซึ่งผมก็ปฏิบัติและศึกษาตามคำสอนนั้นอยู่ แค่นั้นมันยังไม่พออีกเหรอ มันผิดเหรอที่การบวชมันไม่สำคัญกับชีวิตผม ผมไม่เห็นความสุขที่จะได้จากการบวชเลย มันมีแต่ทำให้ผมเกิดความทุกข์ทั้งๆที่ผมมีความสุขของผมอยู่ดีๆ ถ้าผมบวชแม่กับยายมีความสุขแต่ผมมีความทุกข์แบบนี้แล้วมันจะดีจริงๆน่ะเหรอ..

    ก็จะมีคนมาบอกว่าไม่ลองแล้วจะรู้เหรอ.. ผมเคยบวชเณรครับ ก็ได้ศึกษาธรรม แต่สุดท้ายก็ได้ผลสรุปว่าถ้าเราจะศึกษาธรรมก็ไม่จำเป็นต้องบวชก็ได้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ทั้งยังเสียเงินเสียเวลาเปลืองเงินทำบุญ กับสิ่งที่มันเป็นเปลือกนอก ถ้าผมจะบวชก็คือบวชไปเลยตลอดชีวิต ไม่ใช่บวชแล้วรอวันสึกอย่างที่แม่กับยายอยากให้เป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2013
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ใครกันแน่ ได้แค่เปลือก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2013
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819


    องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า

    องค์สมเด็จพระชินศรีตรัสว่า บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์โดยสมบูรณ์

    การอุปสมบทและบรรพชา อุปสมบรรพชาเมื่อไร บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์สมบูรณ์

    เหตุนี้การอุปสมบทบรรพชาจึงจัดว่า เป็นกุศลพิเศษ

    ที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทรงบัญญัติไว้


    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]


    องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า

    สมมุติว่า บุตรชายของท่านผู้ใดออกจากครรภ์มารดาวันนั้น บิดามารดาก็จากกัน ลูกกับพ่อ ลูกกับแม่ย่อมไม่รู้จักกัน เวลาที่บรรพชานั้น บิดามารดาก็ไม่ทราบ แต่ทว่า ถึงอย่างก็ดี องค์สมเด็จพระชินศรีตรัสว่า บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์โดยสมบูรณ์ นี่เป็นอันว่า อานิสงส์แห่งการการอุปสมบทบรรพชานี้แปลกจากบุญกุศลอย่างอื่น เป็นอันว่าขอพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า บุญอย่างอื่นลูกทำไปแล้ว พ่อแม่ไม่โมทนาย่อมไม่ได้อานิสงส์นั้น แต่ว่าการอุปสมบทและบรรพชา บิดามารดาซึ่งคลอดบุตรมาแล้ว ต่างคนต่างจากกันไป พ่อแม่ไม่ทราบว่าบุตรมีรูปร่างหน้าตาเป็นประการใด เพราะจากกันไปตั้งแต่คลอดใหม่ๆ สำหรับลูกชายก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า บิดารมารดาเป็นใคร แต่ว่าอุปสมบรรพชาเมื่อไร บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์สมบูรณ์ เหตุนี้การอุปสมบทบรรพชาจึงจัดว่า เป็นกุศลพิเศษ ที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทรงบัญญัติไว้


    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ธรรมปฏิบัติเล่ม ๑ หน้า ๒๙-๓๕


    อานิสงส์บวชพระ-บวชเณร | MThai Webboard[/URL]


     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    <TABLE border=2 borderColor=#ffcc00 width=850 background=images_home/bg1.jpg align=center height=620><TBODY><TR><TD class=Style24 bgColor=#ffffcc height=46 align=center>อานิสงส์การบรรพชา-อุปสมบท</TD></TR><TR><TD height=250 background=images_monk/bg1.jpg><TABLE border=0 width=700 align=center><TBODY><TR><TD align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=92 align=center>อานิสงส์การบวชในพุทธศาสนา
    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD height=290>
    ต่อแต่นี้ไป จะนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าด้วยเรื่อง อานิสงส์การบรรพชา มาคุยกับบรรดาท่านพุทธบริษัท ความมีว่าองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เมื่อทรงพระชนม์อยู่ องค์สมเด็จพระบรมปรารถเรื่องการอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสว่า การอุปสมบท บรรพชานี้มีอานิสงส์พิเศษ อานิสงส์อย่างอื่นมีการสร้างวิหารทานก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ทอดกฐินผ้าป่าก็ดี จัดว่าเป็น อานิสงส์สำคัญ แต่อานิสงส์นี้นั้นบุคคลที่จะพึ่งได้ต้องโมทนาก่อน หมายความว่า ถ้าบุตรธิดาของตนบำเพ็ญกุศล บิดามารดา ไม่โมทนาย่อมไม่ได้ แต่ว่าการอุปสมบทบรรพชานี้แปลกกว่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง แสดงไว้ว่า สมมุติว่า บุตรชายของท่านผู้ใดออกจากครรภ์มารดาวันนั้น บิดามารดาก็จากกัน ลูกกับพ่อ ลูกกับแม่ย่อมไม่รู้จักกัน เวลาที่บรรพชานั้น บิดามารดาก็ไม่ทราบ แต่ทว่า ถึงอย่างก็ดี องค์สมเด็จพระชินศรีตรัสว่า บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์ โดยสมบูรณ์

    นี่เป็นอันว่าอานิสงส์แห่งการการอุปสมบทบรรพชานี้แปลกจากบุญกุศลอย่างอื่น เป็นอันว่าขอพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า บุญอย่างอื่นลูกทำไปแล้ว พ่อแม่ไม่โมทนาย่อมไม่ได้อานิสงส์นั้น แต่ว่าการอุปสมบทและบรรพชา บิดามารดาซึ่งคลอดบุตร มาแล้วต่างคนต่างจากกันไป พ่อแม่ไม่ทราบว่าบุตรมีรูปร่างหน้าตา เป็นประการใด เพราะจากกันไปตั้งแต่คลอดใหม่ๆ สำหรับลูกชายก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า บิดารมารดาเป็นใคร แต่ว่าอุปสมบรรพชาเมื่อไร บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์สมบูรณ์ เหตุนี้การอุปสมบทบรรพชาจึงจัดว่า เป็นกุศลพิเศษ ที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทรงบัญญัติไว้ ทีนี้จะว่ากันไปถึง อานิสงส์แห่งการอุปสมบทบรรพชา

    คำว่า บรรพชา นี้หมายความว่า บวชเป็นเณร..... คำว่า อุปสมบท นี้หมายความว่า บวชเป็นพระ สำหรับท่านที่บรรพชา ในพุทธศาสนา เป็นสามเณร อันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ท่านผู้บรรพชาเองคือเณร ถ้าประพฤติปฏิบัติดี นี่เอากันถึงด้านการประพฤติปฏิบัติดี ถ้าปฏิบัติเลวการบวชเณรก็ถือว่าเป็นการซื้อนรก ถ้าปฏิบัติดีนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์ บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า ท่านที่บวชเข้ามาเป็นเณรในพุทธศาสนาแล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามระบอบพระธรรม วินัย สำหรับเณรผู้นั้น ย่อมมีอานิสงส์คือ ถ้าตายจากความเป็นคน ถ้าจิตของตนมีกุศลธรรมดา ไม่สามารถจะทรงจิตเป็นฌาน องค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า ท่านผู้นั้นจะเสวยความสุขบนโลกมนุษย์ได้ถึง 30 กัป เช่นเดียวกัน

    การนับกัปหนึ่ง... คำว่ากัปหนึ่งนั้น มีปริมาณนับปีไม่ได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเปรียบเทียบไว้อย่างนี้ ว่า มีภูเขาลูกหนึ่ง เป็นหินล้วนไม่มีดินเจือปน ถึงเวลา 100 ปี เทวดาเอาผ้ามีเนื้ออ่อนเหมือนสำลีมาปัดยอดเขานั้นครั้งหนึ่ง ทำอย่างนี้ 100 ปีปัด 1 ครั้ง 100 ปีปัด 1 ครั้ง จนกระทั่งหินนั้นหมดไป หาหินไม่ได้ เหลือแต่ดินล้วน นั่นจึงจะมีอายุได้ครบ 1 กัป และอีกประการหนึ่ง ท่านพรรณนาไว้ในพระวิสุทธิมรรคว่า มีอุปมาเหมือนกับว่ามีถังใหญ่ลูกหนึ่งมีความสูง 1 โยชน์ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์เหมือนกัน มีคนเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดมาใส่ในถังนั้นจนเต็ม ถึงเวลา 100 ปี ก็เอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดนั้นออก 1 เมล็ด ทำอย่างนี้จนกว่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดนั้นจะหมดไป เป็นการเปรียบเทียบกันได้กับระยะเวลา 1 กัป นี่เป็นอันว่า กัปหนึ่ง เราจะนับเวลาประมาณไม่ได้ เช่นกัปหนึ่งเราจะนับเวลาประมาณไม่ได้ เช่นกัปในปัจจุบันนี้สามารถจะทรงองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าได้ถึง 10 พระองค์ เป็นระยะยาวนานมาก องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า ท่านที่บวชเป็นเณรเอง และมี ความประพฤติปฏิบัติดี ต้องเป็นเทวดาหรือพรหมอยู่ถึง 30 กัป นั่นก็หมายความว่า อายุเทวดาหรือพรหมย่อมมีกำหนดไม่ถึง
    30 กัป และเมื่อหมดอายุแล้วจะเกิดเป็นพรหมใหม่ อยู่บนนั้นไปจนกว่าจะถึง 30 กัป หรือมิฉะนั้นก็ต้องเข้า นิพพานก่อน

    สำหรับ บิดามารดาของบุคคลผู้บวชเป็นสามเณร ย่อมได้อานิสงส์คนละ 15 กัป คือครึ่งหนึ่งของเณร หมายความว่า บิดามีอานิสงส์ 15 กัป มารดามีอานิสงส์เสวยความสุขบนสวรรค์หรือพรหมโลก 15 กัป เช่นเดียวกัน เป็นอันว่า บรรพชา กุลบุตรของตนไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นสามเณรมีอานิสงส์อย่างนี้ องค์สมเด็จพระมหามุนีตรัสต่อไปว่า บุคคลผู้ใดมีวาสนา บารมี คือมีศรัทธาแก่กล้า ตั้งใจอุปสมบทในพุทธศาสนาเป็นพระสงฆ์ แต่ว่าเมื่อบวชแล้วก็ต้องปฏิบัติชอบ ประกอบไปด้วย คุณธรรม คือมีพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ

    อันนี้องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวว่า ท่านที่บวชเป็นพระด้วยตนเองจะมีอานิสงส์พิเศษ ที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตรัสไว้ แต่ทว่าภิกษุสามเณรท่านใดผิดบทบัญญัติในพระพุทธ ศาสนาก็พึงทราบว่า เมื่อเวลา ตายก็มีอเวจีเป็นที่ไปเหมือนกัน อานิสงส์ที่พึงได้ใหญ่เพียงใด โทษก็มีใหญ่เพียงนั้น สำหรับบรรดาท่านผู้ไม่ใช่บิดามารดา ของบุตรกุลธิดาที่อุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา เป็นผู้ช่วยในการบวช นี่หมายความว่า เวลาเขาจะบวชพระครั้งหนึ่ง เราทราบเข้าก็ไปบำเพ็ญกุศลร่วมกับ เข้าด้วยจตุปัจจัยมากบ้างน้อยบ้าง ให้สิ่งของบ้าง ช่วยขวยขวายในกิจการงานในการที่ จะอุปสมบทบ้าง หมายความว่า เขาจะบวชลูกบวชหลานของเขา เราไม่มีลูกหลานจะบวช เขามาบอกบุญมาหรือไม่บอกบุญ ก็ตาม เอาจตุปัจจัยบ้าง เอาของที่จะพึ่งจะใช้ในงานบ้าง ไปช่วยในงานด้วยความเลื่อมใส ถ้าไม่มีจตุปัจจัย ไม่มีของ ก็เอากาย ไปช่วย ช่วยขวนขวายในกิจการงาน

    อย่างนี้องค์ สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้นั้นจะมีอานิสงส์เสวยความสุขอยู่บนสวรรค์ หรือใน พรหมโลก คนละ 8 กัป แต่ถ้าหากเป็นคนฉลาด อย่างเช่นเขาบวชพระกัน 42 องค์ เราก็ช่วยกันบำเพ็ญกุศล ช่วยในการ บวชพระ ไม่เจาะจงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยหมดทั้ง 42 องค์ ก็ต้องเอา 42 ตั้งเอา 8 คูณ นี่เป็นอันว่า...อานิสงส์ที่จะพึง ได้ในการอุปสมบทบรรพาชากุลบุตร กุลธิดาในพระพุทธศาสนาสำหรับผู้ช่วยงาน แต่สำหรับท่านผู้เป็นเจ้าภาพ ในฐานะ คนที่บวชไม่ได้เป็นบุตรของเรา แต่ว่าเป็นผู้จัดการขวยขวายในการอุปสมบทบรรพชาให้ อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตร บรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้จัดการบวชจะได้อานิสงส์ 12 กัป จะมีผลหลั่นซึ่งกันและกัน

    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    อานิสงส์การบวช
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    "บุญอย่างอื่นลูกทำไปแล้ว พ่อแม่ไม่โมทนาย่อมไม่ได้อานิสงส์นั้น

    แต่ว่าการอุปสมบทและบรรพชา บิดามารดาซึ่งคลอดบุตรมาแล้ว ต่างคนต่างจากกันไป พ่อแม่ไม่ทราบว่าบุตรมีรูปร่างหน้าตาเป็นประการใด เพราะจากกันไปตั้งแต่คลอดใหม่ๆ

    สำหรับลูกชายก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า บิดารมารดาเป็นใคร

    แต่ว่าอุปสมบรรพชาเมื่อไร บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์สมบูรณ์"

    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ธรรมปฏิบัติเล่ม 1หน้า 29-35



    คำเทศน์ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
    พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง

    ซึ่งจะขอกล่าวใน พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ ใน ชาณุสโสณีสูตร ซึ่ง
    พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า

    มีพราหมณ์ ชื่อ ชาณุสโสณีพราหมณ์ ได้ทูลพระพุทธเจ้าว่า

    ข้าพระองค์มีความเชื่อว่า ทานที่ข้าพระองค์ให้ไปย่อมสำเร็จแก่ญาติ ความหมายคือ ทาน
    ที่ข้าพระองค์ให้ไป เมื่อข้าพระองค์อุทิศให้ ญาติย่อมได้บริโภคในทานนั้น

    ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า

    ทาน ที่อุทิศให้ญาติ ย่อมสำเร็จ กับ บุคคลบางจำพวก ไม่สำเร็จกับบุคลบางจำพวก
    ซึ่ง หากญาติไปเกิดเป็นมนุษย์ ทานที่อุทิศให้ก็ไม่สำเร็จ

    เพราะ เขาไม่ล่วงรู้ และ ไม่อนุโมทนา

    ไฉนจึงต้องอุทิศ(บุญ)เจาะจง เปรตจึงได้รับบุญ อนุโมทนาเอาเองเลยไม่ได้หรือ


    .

    จขกท จะไปสร้าง บุญ กุศลอะไรอื่นๆ ก็แล้วแต่ แต่ไม่ได้บอกพ่อแม่ ให้ อนุโมทนา ด้วย

    พ่อ แม่ ก็ไม่ได้รับ ผล บุญ กุศล นั้นๆ เด็ดขาด

    ตอนบวชเณร ไม่รู้ได้ศึกษาธรรมอย่างไร ลองอ่านดูอันนี้ดูนะ จขกท.

    .
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    "บุญอย่างอื่นลูกทำไปแล้ว พ่อแม่ไม่โมทนาย่อมไม่ได้อานิสงส์นั้น



    [/COLOR]โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ธรรมปฏิบัติเล่ม 1หน้า 29-35 [/COLOR]


    คำเทศน์ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อนุโมทนาบุญแล้วได้บุญ
    [​IMG]

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    <!-- google_ad_section_end -->ผู้ถาม : มีคนฝากให้มาถามหลวงพ่อว่า พ่อแม่ไม่ค่อยทำบุญแต่เป็นคนดี คนซื่อ ถ้าบุตรหลานทำให้แล้วจะใส่ชื่อเขาด้วย อยากทราบว่า ท่านจะได้หรือไม่ครับ

    หลวงพ่อ เขาโมทนาด้วยหรือเปล่า ถ้าลูกไปบอกว่า "พ่อ(หรือแม่) ฉันทำบุญให้แล้ว ถ้าท่านยินดีด้วย ท่านได้แน่นอน ถ้าบอก กูไม่รู้โว้ย ด่าตะเพิด อันนี้ไม่ได้แน่



    http://www.meemodo.com/boon99.html
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    คำเทศน์ ของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ





    จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน

    คำสอน พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    การอุทิศส่วนกุศล

    การได้รับส่วนกุศลนี้ ขึ้นอยู่กับท่านนั้นมีโอกาสโมทนา ท่านก็ได้รับ แต่ ถ้าท่านนั้นไม่มีโอกาสโมทนาก็ไม่ได้รับ

    เปรียบเหมือนเราเอาสิ่งของไปให้ แต่ผู้รับเขาไม่รับ เขาก็จะไม่ได้ของ



    ถ้าท่านนั้นไม่มีโอกาสโมทนาก็ไม่ได้รับ

    ถ้าท่านนั้นไม่มีโอกาสโมทนาก็ไม่ได้รับ

    ถ้าท่านนั้นไม่มีโอกาสโมทนาก็ไม่ได้รับ


    คำสอน พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถามใจตัวเอง ว่าต้องการให้ พ่อ แม่ ได้รับ อนิสงค์ ผลบุญ การบวชพระ ไหม


    ถ้าคุณต้องการ ให้ พ่อแม่ ได้รับ อนิสงค์ การบวชพระ นั้น

    คุณต้อง บวชพระ ครับ

    ทันที ที่ ทำพิธีกรรม บวชพระ เสร็จ พ่อแม่ จะได้รับ ผล บุญ โดยตรงครับ

    ส่วนเรื่อง บวชกี่วันนั้น เป็น บุญ ของผู้บวชต่อที่จะสร้างต่อไป นั้นเองครับ



    ดังนั้น ถ้าจะบวชพระ ควร บวชพระ ตอนที่ พ่อแม่ มีชิวิต อยู่ ถึงจะได้รับ อนิสงค์ โดยตรง ครับ


    แต่ถ้า พ่อแม่ เสียไปแล้ว

    ถ้า พ่อแม่ ที่เสียไปนั้น ไปอยู่ใน ภพภูมิ ที่ สามารถ รับผลบุญ ได้ ท่านก็จะได้รับ อนิสงค์ ผลบุญในการบวชพระครับ

    แต่ถ้า พ่อแม่ ไปอยู่ใน ภพภูมิ ที่รับผลบุญไม่ได้ พ่อแม่ก็จะไม่ได้รับ ต้องรอไปก่อนจนกว่าจะหลุดออกมาภพภมิที่รับได้ ครับ


    หรือ รอให้ พ่อ แม่ ตายไปแล้ว เสียไปแล้ว แล้วค่อย บวชพระทีหลัง

    .
     
  13. dioma619

    dioma619 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +73
    สุดท้ายก็ลงที่เรื่องภพภูมิ ปาฏิหารย์.. ขอโทษนะครับถ้าแรงไป แต่ก็ขอบคุณที่เอาข้อมูลมาให้อ่านครับ
     
  14. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ท่านSaber จัดเต็มครับ

    คนไม่มีวาสนาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางได้บวช


    เจ้าของกระทู้ไม่รู้จะมีวาสนาหรือเปล่า ?




    .
     
  15. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    [​IMG]
     
  16. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อานิสงส์ของการบวช

    (เทศน์อบรมพระเณรที่บวชใหม่ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๖)

    [​IMG]


    "การบวชเป็นยอดพระบารมีธรรมทั้งหลายอันวิเศษสามารถดับเพลิงทุกข์และเพลิงกิเลศให้หมดไป "

    การบวชเมื่อสรุปแล้วมีอยู่ ๒ ประการ คือ ๑. การบวชเล่นหรือการบวชประเพณี มีอานิสงส์น้อย ๒. การบวชจริง เช่น การบวชด้วยความศรัทธา การบวชหนีวัฎฎสงสาร มีอานิสงส์มาก จนสามารถถอนภพชาติไม่มีเหลือการบวชคือการชุบชีวิตเก่าให้เป็นชีวิตใหม่ การบวชคือการชําระล้างความชั่วให้เป็นคนดี การบวชคือการเปลี่ยนสังคมมนุษย์ให้เจริญและก้าวหน้ามีความสงบสุข การบวชคือ การทดแทนหนี้เก่าอันมหาศาล อันบุคคลทั้งหลายไม่สามารถที่จะชดใช้ให้หมดได้

    "ตัสมา ปัพพัชชัง วิโสธยา"

    เพราะเหตุนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสรรเสริญว่า "การบวชเป็นยอดพระบารมีธรรมทั้งหลายอันวิเศษสามารถดับเพลิงทุกข์และเพลิงกิเลศให้หมดไป การบวชคือการช่วยเหลือมนุษย์ที่หลงตกหลุมถ่านเพลิงและกองทุกข์อันแสนที่เร่าร้อนเจ็บปวด แสนสาหัสให้ขึ้นมาได้โดยความปลอดภัย"

    ดังนั้น พวกเธอทั้งหลายจงยินดีในการเสียสละชีวิตฆราวาสมาบวชบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา อย่าให้เสียผลที่มุ่งมาอย่าบวชเล่นบวชหัว บวชลักบวชลี้บวชขี้ใส่ฐาน(ส้วม)

    "การบวชต้องอาศัยสิ่งสําคัญ ๒ อย่างคือ บวชกาย ๑ บวชใจ ๑ คือ บวชทั้งกายทั้งใจได้ชื่อว่า พระ คือ ประเสริฐหรือสมณะแปลว่า ผู้สงบ ผู้สงบคือ ผู้ชนะ ผู้ใดละผู้นั้นร่ำรวย รวยอะไรเล่าก็รวยอริยทรัพย์นั้นซิ อริยทรัพย์คือทรัพย์ภายใน ได้แก่ บุญกุศล"

    บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามเพื่อนขาดทุนน่ะไม่ดีเป็นบาป "กุโสยถา ทุคคหิโต" หญ้าคาย่อมบาดมือคนกําไม่แน่นฉันใด บรรพชิตคือนักบวชมาเหยียบย่ำคัมภีร์วินัยไม่เอาใจใส่ศึกษาและตั้งใจปฏิบัติตามธรรมคําสั่งสอนของศาสนาเขาเหล่านั้นย่อมไปตกนรก ผ้ากาสาวพัสตร์เหลืองอร่ามงามตาก็ไม่กล้าสามารถรับรองพวกท่านทั้งหลายมิให้ตกนรกได้ความชั่วเปรียบเหมือนอุจจาระภาชนะที่รองรับถึงจะเป็นเนื้อทอง ก็ไม่พ้นความหม่นหมองฉะนั้น "การบวชต้องอาศัยสิ่งสําคัญ ๒ อย่างคือ บวชกาย ๑ บวชใจ ๑ คือ บวชทั้งกายทั้งใจได้ชื่อว่า พระ คือ ประเสริฐหรือสมณะแปลว่า ผู้สงบ ผู้สงบคือ ผู้ชนะ ผู้ใดละผู้นั้นร่ำรวย รวยอะไรเล่าก็รวยอริยทรัพย์นั้นซิ อริยทรัพย์คือทรัพย์ภายใน ได้แก่ บุญกุศล" ผู้บริบูรณ์ด้วยอริยทรัพย์แล้ว โบราณว่า
    "กินไม่บก จกไม่ลง" คือ กินเท่าไหร่ก็ไม่หมด ไม่มีบกพร่องไม่มีขาดมีเขีน เจริญอยู่ทุกเมื่อ

    คัดลอกมาจาก หนังสือ หลวงปู่ขาว อนาลโย พระอรหันต์แห่งถ้ำกลองเพล


    อานิสงส์ของการบวช พระธรรมเทศนา หลวงปู่ขาว อนาลโย - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 เมษายน 2013
  17. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    จริตไม่ชอบเรื่องปาฏิหาริย์ งั้นก็อ่านสายพระป่านะท่าน


    .
     
  18. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
    อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต</CENTER>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD bgColor=darkblue width="100%" hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <CENTER></CENTER><CENTER>ชาณุสโสณีสูตร</CENTER>[๑๖๖] ครั้งนั้นแล ชาณุสโสณีพราหมณ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้วจึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ท่านโคดมผู้เจริญพวกข้าพเจ้าได้นามว่าเป็นพราหมณ์ ย่อมให้ทาน ย่อมทำความเชื่อว่า ทานนี้ต้องสำเร็จแก่ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้ว ขอญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วจงบริโภคทานนี้ ท่านโคดมผู้เจริญ ทานนั้นย่อมสำเร็จแก่ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วหรือญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วเหล่านั้นย่อมได้บริโภคทานนั้นหรือ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ ทานนั้นย่อมสำเร็จในฐานะแล ย่อมไม่สำเร็จในอฐานะ ฯ ชา. ท่านโคดมผู้เจริญ ฐานะเป็นไฉน อฐานะเป็นไฉน ฯ พ. ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มีความอยากได้ของผู้อื่น มีจิตปองร้าย มีความเห็นผิด บุคคลนั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงนรก เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพอยู่ในนรกนั้น ย่อมตั้งอยู่ในนรกนั้น ด้วยอาหารของสัตว์นรก ดูกรพราหมณ์ ฐานะอันเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล เป็นอฐานะ ฯ ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นผิด บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานนั้น ย่อมตั้งอยู่ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานนั้น ด้วยอาหารของสัตว์ผู้เกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ดูกรพราหมณ์แม้ฐานะอันเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล ก็เป็นอฐานะ ฯ ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์จากการลักทรัพย์ จากการประพฤติผิดในกาม จากการพูดเท็จ จากการพูดส่อเสียดจากการพูดคำหยาบ จากการพูดเพ้อเจ้อ ไม่มีความอยากได้ของผู้อื่น มีจิตไม่ปองร้าย มีความเห็นชอบ บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกมนุษย์ เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพในมนุษย์โลกนั้น ย่อมตั้งอยู่ในมนุษย์นั้นด้วยอาหารของมนุษย์ ดูกรพราหมณ์ แม้ฐานะอันเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล ก็เป็นอฐานะ ฯ ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ฯลฯ มีความเห็นชอบ บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเขาย่อมเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเทวโลกนั้น ย่อมตั้งอยู่ในเทวโลกนั้น ด้วยอาหารของเทวดา ดูกรพราหมณ์ แม้ฐานะเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แลก็เป็นอฐานะ ฯ ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นผิด บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงเปรตวิสัย เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ด้วยอาหารของสัตว์ผู้เกิดในเปรตวิสัย หรือว่ามิตร อำมาตย์หรือญาติสาโลหิตของเขา ย่อมเพิ่มให้ซึ่งปัตติทานมัยจากมนุษย์โลกนี้ เขาเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ย่อมตั้งอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ด้วยปัตติทานมัยนั้น ดูกรพราหมณ์ฐานะอันเป็นที่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล เป็นฐานะ ฯ ชา. ท่านโคดมผู้เจริญ ก็ถ้าญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วนั้น ไม่เข้าถึงฐานะนั้น ใครเล่าจะบริโภคทานนั้น ฯ พ. ดูกรพราหมณ์ ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วแม้เหล่าอื่นของทายกนั้นที่เข้าถึงฐานะนั้นมีอยู่ ญาติสาโลหิตเหล่านั้นย่อมบริโภคทานนั้น ฯ ชา. ท่านโคดมผู้เจริญ ก็ถ้าญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วนั้น ไม่เข้าถึงฐานะนั้น และญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วแม้เหล่าอื่นของทายกนั้น ก็ไม่เข้าถึงฐานะนั้น ใครเล่าจะบริโภคทานนั้น ฯ พ. ดูกรพราหมณ์ ฐานะที่จะพึงว่างจากญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วโดยกาลช้านานเช่นนี้ มิใช่ฐานะมิใช่โอกาสที่จะมีได้ อีกประการหนึ่ง แม้ทายกก็เป็นผู้ไม่ไร้ผล ฯ ชา. ท่านโคดมผู้เจริญ ย่อมตรัสกำหนดแม้ในอฐานะหรือ ฯ พ. ดูกรพราหมณ์ เรากล่าวกำหนดแม้ในอฐานะ ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ... มีความเห็นผิด บุคคลนั้นย่อมให้ข้าว น้ำ ผ้ายาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีป แก่สมณพราหมณ์ บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของช้าง เขาย่อมได้ข้าว น้ำ มาลาและเครื่องอลังการต่างๆ ในกำเนิดช้างนั้น ดูกรพราหมณ์ข้อที่บุคคลเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ... มีความเห็นผิด ผู้นั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของช้างด้วยกรรมนั้น และข้อที่ผู้นั้นเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีป แก่สมณพราหมณ์ ผู้นั้นย่อมได้ข้าว น้ำ มาลาและเครื่องอลังการต่างๆ ในกำเนิดช้างนั้นด้วยกรรมนั้น ฯ ดูกรพราหมณ์ อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ... มีความเห็นผิด บุคคลนั้นย่อมให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีปแก่สมณพราหมณ์ ผู้นั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของม้า ... ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของโค ... ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสุนัข เขาย่อมได้ข้าว น้ำ มาลาและเครื่องอลังการต่างๆ ในกำเนิดสุนัขนั้น ดูกรพราหมณ์ ข้อที่บุคคลเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ... มีความเห็นผิด บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสุนัข ด้วยกรรมนั้น และข้อที่ผู้นั้นเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีป แก่สมณพราหมณ์ ผู้นั้นย่อมได้ข้าว น้ำ มาลาและเครื่องอลังการต่างๆ ในกำเนิดสุนัขนั้น ด้วยกรรมนั้น ฯ ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์จากการลักทรัพย์ จากการประพฤติผิดในกาม จากการพูดเท็จ จากการพูดส่อเสียดจากการพูดคำหยาบ จากการพูดเพ้อเจ้อ ไม่มีความอยากได้ของผู้อื่น มีจิตไม่ปองร้าย มีความเห็นชอบ ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีป แก่สมณพราหมณ์ บุคคลนั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกมนุษย์ เขาย่อมได้เบญจกามคุณอันเป็นของมนุษย์ในมนุษย์โลกนั้น ดูกรพราหมณ์ ข้อที่บุคคลเป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อไม่มีความอยากได้ของผู้อื่น มีจิตไม่ปองร้าย มีความเห็นชอบ ผู้นั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของมนุษย์ ด้วยกรรมนั้น และข้อที่ผู้นั้นเป็นผู้ให้ข้าวน้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีป แก่สมณพราหมณ์ บุคคลนั้นย่อมได้เบญจกามคุณอันเป็นของมนุษย์ในมนุษย์โลกนั้น ด้วยกรรมนั้น ฯ ดูกรพราหมณ์ อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นชอบ บุคคลนั้นย่อมให้ข้าว น้ำ ยาน มาลา ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีป แก่สมณพราหมณ์ บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดา เขาย่อมได้เบญจกามคุณ อันเป็นทิพย์ในเทวโลกนั้น ดูกรพราหมณ์ ข้อที่บุคคลเป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯมีความเห็นชอบ ผู้นั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดาด้วยกรรมนั้น และข้อที่ผู้นั้นเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีป แก่สมณพราหมณ์ บุคคลนั้นย่อมได้เบญจกามคุณอันเป็นทิพย์ในเทวโลกนั้น ด้วยกรรมนั้น ดูกรพราหมณ์ แม้ทายกก็เป็นผู้ไม่ไร้ผล ฯ ชา. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีแล้ว ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้อที่แม้ทายกก็เป็นผู้ไม่ไร้ผลนี้ เป็นของควรเพื่อให้ทานโดยแท้ เป็นของควรเพื่อกระทำศรัทธาโดยแท้ ฯ พ. ดูกรพราหมณ์ ข้อนี้เป็นอย่างนี้ๆ ดูกรพราหมณ์ แม้ทายกก็เป็นผู้ไม่ไร้ผล ฯ ชา. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯขอพระโคดมผู้เจริญโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ
    <CENTER>จบสูตรที่ ๑๐</CENTER><CENTER>จบชาณุสโสณีวรรคที่ ๒</CENTER>


    </PRE>

    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=24&A=6420&Z=6522


    พุทธพจน์ ของพระพุทธเจ้า ลองอ่านดูนะ
     
  19. dioma619

    dioma619 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +73
    ก็คงอย่างนั้นครับ ผมคงไม่มีวาสนาบารมีในการได้บวช แต่ผมมีศีลธรรมได้ครับผมมั่นใจ
     
  20. Nirvana_99

    Nirvana_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2012
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +237
    คงไม่พูดเรื่องปาฏิหารย์ให้ฟัง แต่บวชให้แม่สบายใจ แค่ไม่กี่วันก็ไม่ได้เหรอ ถือว่าเป็นการกตัญญูอย่างหนึ่ง ทำให้ท่านสบายใจ ทำในสิ่งที่ท่านชอบ แต่ก็ลำบากอยู่นะ

    ถ้าบวชแล้วไม่มั่นใจว่าจะรักษาศีลตามพระได้ หรือทำกิจของสงฆ์ไม่ไหวจริงๆ ก็อย่าบวชเลย เดี๋ยวจะบาปเปล่าๆ อันนี้เห็นด้วยถ้าจะไม่บวช
     

แชร์หน้านี้

Loading...