พระโกนาคมเคยเสด็จมาที่ภูกระดึงส์

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศรีสิทธิ, 4 ตุลาคม 2010.

  1. ศรีสิทธิ

    ศรีสิทธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +1,515
    <TABLE class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" cellSpacing=0 xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><TBODY><TR><TD class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1">
    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]กลุ่มเดิมพวกเรา ในสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโกนาคม[/FONT]​



    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ที่ริมสระอโนดาด หลวงพ่อเล่าให้ลูกๆ ฟังว่า...ในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระพุทธกุกุธสันโธ พื้นที่ภูกระดึงนี้อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ๑ โยชน์ และเวลาผ่านไปชั่วพุทธันดรหนึ่ง แผ่นดินสูงจากเดิมขึ้นมา ๑ โยชน์ [/FONT][FONT=trebuchet ms,sans-serif](๑ โยชน์ = ๑๖ กม. ลุง.ศ จำมาจากหลวงพ่อครับ แสดงว่าสมัยนั้น ภูกระดึง จมอยูใต้ทะเลลึกถึง ๑๖ กม.) [/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]วันต่อมาพวกเราอันมีหลวงพ่อเป็นผู้นำ เดินทางไปนั่งพักคุยกันใต้ต้นไม้อีกแห่งหนึ่งบนภูกระดึง อากาศร้อนเพราะเป็นช่วงเดือนเมษายน แต่ลมพัดเย็นสบาย ใจของพวกเราเป็นสุข หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า เราเกิดบนภูกระดึงแห่งนี้มา ๓ วาระแล้ว [/FONT]
    [FONT=trebuchet ms,sans-serif][/FONT]
    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ในสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระโกนาคม เราเกิดบนภูกระดึงแห่งนี้ มีเนื้อที่ ๔ หมื่นไร่เศษ มีสภาพเป็นเกาะกลางทะเล ท่านปู่ และท่านย่าอินทิรา เป็นกษัตริย์ปกครองดินแดนนี้ มีลูกชาย ต่อมาได้เป็นพระราชาแทนพระราชบิดาต่อไป สำหรับพระราชาองค์นี้ปรารถนาพระโพธิญาณอยู่ มีน้องชายเป็นพระเจ้าอนุราช มีนามว่า พระเจ้าวชิระราชา ชื่อเล่นว่า เจ้าชายตุ่ม เพราะตอนเด็กอ้วน โตแล้วไม่อ้วน[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ในสมัยนี้เอง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโกนาคม เสด็จมาโปรดบนภูกระดึง มาประทับที่พระราชวังซึ่งทำด้วยไม้ธรรมดาๆ ก็ไม่ใหญ่โตนัก เป็นสถานที่รับรองสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เวลานั้นประชาชนมีศีล ๕ กันเป็นส่วนมาก องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงเทศน์โปรดให้ฟัง....ถึงตอนไหนภาพก็ปรากฏแก่ผู้ฟังด้วยอำนาจพุทธานุภาพ [/FONT][FONT=trebuchet ms,sans-serif]พระองค์ตรัสว่า...[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]...ตอนพวกเราเป็นเทวดามีรูปร่างอย่างไร มีวิมาน ทิพย์สมบัติเป็นประการใด ก็มีภาพในตอนเราเป็นเทวดาปรากฏทันที เราเคยเกิดเป็นพรหมแล้วกี่ชาติแต่ละชาติมีรูปร่างอย่างไร มีวิมาน มีความสุขยังไง ภาพตอนเป็นพรหมก็ปรากฏทันที ทุกคนเห็นภาพตัวเองตอนเป็นเทวดา เป็นพรหม มีความสุขด้วยอำนาจของความดี ทั้งนี้ด้วยอำนาจพุทธานุภาพ และพระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า[/FONT]
    [FONT=trebuchet ms,sans-serif][/FONT]
    [FONT=trebuchet ms,sans-serif] แล้วเราก็ต้องกลับมาเป็นคนอีก การเกิดทีไรมันก็มีแต่ความทุกข์ เกิดมาทีไรมันก็แก่ แล้วเกิดมาทีไรมันก็ตาย พระองค์เน้นเรื่อง การตาย [/FONT]การเกิดเป็นเทวดาเป็นสุขกว่าเกิดเป็นคน แต่ก็พักทุกข์ชั่วคราว การเกิดเป็นพรหมมีความสุขกว่าการเกิดเป็นเทวดา แต่แล้วก็กลับมาเกิดเป็นคนอีก ความสุขตอนเป็นเทวดาสู้ความสุขตอนเป็นพรหมไม่ได้ แล้วพระองค์ก็จบลงด้วยความสุขบนพระนิพพาน เป็นสุขที่สุด พระพุทธองค์ทรงรับรอง จบพระธรรมเทศนา หลายคนเป็นพระอริยเจ้า เพราะศีล ๕ เขาบริสุทธิ์อยู่แล้วเป็นปกติก็เป็นของไม่ยาก


    โดยเฉพาะท่านปู่ ท่านย่า เวลาสิ้นชีพตักษัยเป็นพระอริยเจ้าขั้น พระอนาคามี แต่เวลานี้ ท่านไปนิพพานแล้ว

    ประชาชนส่วนใหญ่เป็นพระอริยเจ้า แต่หัวหน้าคือพระราชาผู้ครองประเทศได้ไตรสรณคมน์ เพราะปรารถนาพระโพธิญาณ และมีบุคคลใกล้ชิดอีกพวกหนึ่งขอติดตามหัวหน้าไปด้วย เลยไม่มีโอกาส ท่านที่เป็นพระอริยเจ้ากราบทูลขอบวชเป็นพระภิกษุ และภิกษุณี พระพุทธองค์ทรงบวชให้ด้วย "เอหิภิกขุ อุปสัมปทา" "เจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิด" จีวรที่สำเร็จด้วยฤทธิ์ก็มาสวมกาย ศรีษะก็โล้นเป็นภิกษุ นี่ด้วยอำนาจพุทธานุภาพ และบุคคลผู้บวชเคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนามาก่อน

    ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโกนาคมตรัสว่า "ตอนที่เราเกิดเป็นพรหมน่ะไม่ใช่นั่งหลับตาปี๋ เพราะเรามีสังคหวัตถุ ๔ และมีพรหมวิหาร ๔ เราทรงแบบนี้ได้เป็นปกติแบบสบายๆ (นี่แหละอารมณ์เป็นฌานไม่ใช่ต้องนั่งหลับตาปี๋จึงจะเป็นฌาน) พวกเราทำหนักมาในด้าน " ทาน" ใจก็คิดเสมอในการให้ทาน ก็เป็นฌานในจาคานุสติกรรมฐาน จิตทรงอารมณ์แบบนี้จนชินก็เป็นอารมณ์ฌาน (ฌาน ก็คือ อาการชิน ทำจนชิน) ตายแล้วก็ไปเป็นพรหมได้"

    ตอนนี้หลวงพ่อเน้นว่า "พวกเราเดินตามปฏิปทาเดิมของเราคือ "ทางสายกลาง" อย่าเปลี่ยนทางเดิม "การเครียด" ไม่ใช่ทางของพวกเรา จะทำให้ช้าลง เพราะเป็นอัตตกิลมถานุโยค แทนที่จะก้าวไปหน้ากลับไปไม่ถึง"

    ขณะนั้นองค์สมเด็จพระทรงธรรม เสด็จมาโปรดอีกว่า "ชาตินี้พวกเราควรจะพอกันเสียที เกิดทุกชาติ ก็ตายทุกชาติ เคยเป็นใหญ่ เคยเป็นกษัตริย์นี่ทรัพย์สินมากมาย เอาติดมาไม่ได้เลย" แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเน้นสรุปว่า...

    ๑. ให้นึกถึงมรณัสสติกรรมฐานไว้ เพราะเป็นสมถะ และตัดสักกายทิฏฐิไปด้วย เพราะคิดถึงความเสื่อมคือความตายเป็นปกติ

    ๒. มีอนุสติครบ เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์

    ๓. ทรงศีลบริสุทธิ์

    ๔. นึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์

    พระพุทธองค์ตรัสว่า "พวกเราทำ ๔ ข้อนี้ให้ได้ ไปนิพพานหมด ไม่ต้องทำอะไรมากมายไปกว่านี้ เพราะเราทำทุกอย่างมาเต็มหมดแล้ว"

    ในคราวนั้นเมื่อองค์สมเด็จพระทรงธรรมพระพุทธโกนาคมทรงเทศน์จบ หัวหน้าคือ กษัตริย์ท่านปรารถนาพระโพธิญาณ เข้าขอรับคำพยากรณ์จากพระพุทธองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์ว่า...

    จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า "สมเด็จพระอุตตรสมณโคดม" แต่ในสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า สมเด็จพระสมณโคดม ก็จะลาจากพุทธภูมิเสียก่อน เพราะจะช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศานา โดยเฉพาะเวลานั้นมีคนกลุ่มหนึ่งขอติดตามหัวหน้าคือกษัตริย์ คนกลุ่มนั้นจึงยังไม่ไปนิพพาน"

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    บางตอนจากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ หน้า ๑๐๒-๑๐๔
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p

    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา </O:p>
    *
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  3. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    แล้วเราก็ต้องกลับมาเป็นคนอีก การเกิดทีไรมันก็มีแต่ความทุกข์ เกิดมาทีไรมันก็แก่ แล้วเกิดมาทีไรมันก็ตาย

    กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ค่า
     
  4. ปราบ-มาร

    ปราบ-มาร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอบคุนครับ อ่านแล้วได้ความรู้ มากๆเลยครับ
     
  5. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    ขณะนั้นองค์สมเด็จพระทรงธรรม เสด็จมาโปรดอีกว่า "ชาตินี้พวกเราควรจะพอกันเสียที เกิดทุกชาติ ก็ตายทุกชาติ เคยเป็นใหญ่ เคยเป็นกษัตริย์นี่ทรัพย์สินมากมาย เอาติดมาไม่ได้เลย" แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเน้นสรุปว่า...

    ๑. ให้นึกถึงมรณัสสติกรรมฐานไว้ เพราะเป็นสมถะ และตัดสักกายทิฏฐิไปด้วย เพราะคิดถึงความเสื่อมคือความตายเป็นปกติ

    ๒. มีอนุสติครบ เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์

    ๓. ทรงศีลบริสุทธิ์

    ๔. นึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์

    พระพุทธองค์ตรัสว่า "พวกเราทำ ๔ ข้อนี้ให้ได้ ไปนิพพานหมด ไม่ต้องทำอะไรมากมายไปกว่านี้ เพราะเราทำทุกอย่างมาเต็มหมดแล้ว"
     
  6. waythai

    waythai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,499
    ค่าพลัง:
    +15,192
    สาธุขอร่วมโมทนาในมหากุศลทั้งหมดทั้งสิ้นครับ**ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ครับ**ท่านใดมีความประสงค์อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเพื่อสักการะบูชาสามารถติดต่อขอรับพระบรมสารีริกธาตุ(ไม่มีค่าใช้จ่าย)ได้ที่ 08-2685-5608 อั๋นครับ
    (ขอสงวนสิทธิ์ไม่ส่งพระบรมสารีริกธาตุทางไปรษณีย์โดยเด็ดขาดครับ เพื่อความเหมาะสมเป็นการแสดงความเคารพและไม่เป็นการปรามาสต่อพระพุทธองค์ครับ
    ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในกระทู้ด้านล่างนี้ครับ

    http://palungjit.org/threads/มอบพระบรมสารีริกธาตุกว่า15-สัณฐานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นมีมอบให้เรื่อยๆ.244017/

    <!-- google_ad_section_end -->
    http://palungjit.org/threads/เมื่อกระผมและคณะได้น้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐมต้นพุทธวงศ์ที่วัดท่าซุง.290965/

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ


    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

     
  7. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    ขออนุโมทนาสาธุกับบุญทุกบุญที่หลวงพ่อฤาษีได้ทำและทุกๆท่านครับ<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...