รวม คำสอนผิดของ คน_ธรรม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 29 ธันวาคม 2024 at 11:11.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,814
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +70,543
    รวม คำสอนผิดของ คน_ธรรม

    #รวมคำสอนผิด คน…ธรรม

    1. พระอรหันต์ฆ่าตัวตาย ทำการุณยฆาต 274c.png
    ที่ถูกคือ>> พระอรหันต์ไม่ฆ่าตัวตาย
    สมดังคำที่พระสารีบุตรกล่าวว่า
    เราไม่ยินดีความตาย
    ไม่ปรารถนาความเป็น
    แต่เรารอเวลาแตกดับ (ปรินิพพาน)
    เหมือนลูกจ้างรอค่าจ้างฉะนั้น.
    และการุณยฆาตไม่ใช่การฆ่าตัวเอง
    >> ทราบว่าท่านอ้างอิงพระอรหันต์เจริญอสุภะแล้วฆ่าตัวตายนั้นไม่ถูกต้อง


    #ในเรื่องนี้มาในพระวินัย มหาวิภังค์ ตติยปาราชิก
    พระพุทธเจ้าทรงแสดงอสุภกรรมฐานแก่ภิกษุ๕๐๐
    ในภิกษุ ๕๐๐ รูปนั้น มีทั้งปุถุชน โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี และพระอรหันต์ >> ภิกษุรูปที่เป็นปุถุชนเจริญอสุภะแล้วเกิดความรังเกียจในร่างกาย จึงฆ่าตัวเองบ้าง วานกันและกันฆ่า และจ้างนายมิคลัณฑิกะ(คนกินเดน)ด้วยบาตรจีวร ให้ฆ่า >> เมื่อนายมิคลัณฑิกะฆ่าภิกษุแล้ว เห็นภิกษุตายอย่างสงบ ไม่แสดงอาการแปลกทางกายวาจาเลย จึงเกิดความร้อนใจว่า เราได้ฆ่าภิกษุผู้มีศีล เราได้บาปแล้ว จึงจะไปลอยบาปที่แม่น้ำ ขณะนั้นเทวดามิจฉาทิฏฐิได้ปรากฏตัว บอกนายมิคลัณฑิกะว่าท่านทำดีแล้ว ท่านได้ส่งผู้ยังข้ามสงสารไม่ได้ให้ข้ามได้ นายมิคลัณฑิกะจึงคิดว่าสิ่งที่ทำถูกแล้ว จึงกลับไปฆ่าภิกษุทั้งหมด๕๐๐
    >> ในนั้นที่ถูกฆ่า มีทั้งพระอริยะ พระอรหันต์ ซึ่งท่านไม่ได้ฆ่าตัวตาย และไม่ได้ใช้ให้ใครฆ่า แต่ถูกนายมิคลัณฑิกะฆ่า #ด้วยวิบากกรรมในอดีต ที่เคยเป็นนายพรานฆ่าสัตว์ ได้โอกาสส่งผลแก่ภิกษุ ๕๐๐ /จุดเริ่มต้นของการฆ่ามาจากวิบากกรรมเก่าให้โอกาสส่งผล ทำให้พระปุถุชนฆ่าตัวเองบ้าง, วานกันและกันฆ่าบ้าง, ใช้ให้นายมิคลัณฑิกะฆ่าบ้าง ส่วนพระอริยะ พระอรหันต์ไม่ได้ใช้ให้ใครฆ่า ก็ถูกนายมิคลัณฑิกะฆ่าไปด้วยเพราะวิบากกรรมเก่า
    >> พระพุทธเจ้าทรงทราบวิบากกรรมของภิกษุเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว จึงทรงแสดงอสุภกรรมฐานแก่ภิกษุ๕๐๐ แล้วปลีกวิเวก. ดังนั้นเรื่องที่ท่านกล่าวว่าพระอรหันต์ฆ่าตัวตายจึงไม่ถูก


    2. พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้กุศโลบาย 274c.png
    ที่ถูกคือ>> พระพุทธเจ้าเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ด้วยอุบายเครื่องแนะนำอย่างวิจิตร มีอาฬวกยักษ์เป็นต้น.
    แม้คำสอนพระพุทธเจ้าก็คืออุบายเครื่องพ้นทุกข์ .


    3. พุทธคุณในพระเครื่องไม่มี 274c.png
    ที่ถูกคือ>> พุทธคุณในพระเครื่องมีทั้งมีและไม่มี ที่มีเพราะเหตุปัจจัยถึงพร้อม คือ ผู้สวดพระปริตรมีศีล ไม่มีความโลภอยากได้ลาภสักการะ สวดด้วยความอนุเคราะห์ ด้วยศรัทธา บาลีไม่ผิดเพี้ยน ย่อมมีอานุภาพ/ ส่วนที่ไม่มีอานุภาพก็ตรงกันข้ามกัน (ตัวอย่างตั่ง(ที่นั่ง)ที่พระองคุลิมาลนั่งทำสัจกิริยา ให้หญิงคลอดลูกโดยสวัสดี ก็มีอานุภาพตลอดกัป)


    4. พระปริตรป้องกันภัยไม่ได้
    พระปริตรขัดกับหลักกรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาล 274c.png
    ที่ถูกคือ >> กรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาลนั้นหมายความว่า “สุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากพระผู้สร้าง เช่นพระอิศวรนิรมิต” / พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธพระผู้สร้าง เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและปัจจัย ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยๆหรือใครบันดาล >> พระปริตรเป็นกุศลกรรม ไม่ใช่ใครบันดาล แต่เกิดจากกรรมในปัจจุบัน ที่บุคคลนั้นได้กล่าวสัจจกิริยา หรือ สวดพระปริตร ซึ่งเป็นกุศลที่ให้ผลในปัจจุบัน ตามหลักแห่งกรรม เป็น ทิฐธรรมเวทนียกรรม


    >> และพระปริตรก็มีเหตุปัจจัยอื่นเป็นตัวแปรที่ให้ผลไม่ได้ทุกคน จึงแทนโรงพยาบาลไม่ได้ แต่ผู้มีศรัทธา ไม่ทำกรรมหนัก ไม่สวดด้วยกิเลส และยังไม่หมดอายุขัย พระปริตรย่อมช่วยได้.
    5. สร้างศาลาใหญ่ไว้ให้หมานอนเกาขี้กาก 274c.png ที่ถูกคือ ทำบุญในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้มีคุณหาประมาณมิได้ ไม่ควรกำหนดว่าเท่านั้นเท่านี้ มีตัวอย่างพระลกุณฏกะ ในอดีตท่านแนะนำชาวบ้านให้สร้างเจดีย์จากใหญ่ให้เหลือเล็กลง ด้วยวิบากกรรมนั้นท่านจึงเกิดมาตัวเล็กเตี้ยเหมือนสามเณร


    6. บวชพระ, บวชตามประเพณี, บวชหน้าไฟ ไม่เป็นการทดแทนบุญคุณพ่อแม่ 274c.png ที่ถูกคือ>> การบวชแม้ไม่ใช่การทดแทนคุณพ่อแม่โดยตรง แต่ก็เป็นการทดแทนคุณโดยอ้อม เพราะการบวชทำให้พ่อแม่เกิดกุศลจิต พ่อแม่ได้ทำบุญใส่บาตรพระลูกชาย ได้ฟังธรรมเป็นต้น ซึ่งไม่ขัดต่อหลักคำสอน >> เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่า การตอบแทนคุณบิดามารดา คือ ทำให้มารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ศีล ทาน ปัญญา ให้ตั้งอยู่ในศรัทธา ศีล ทาน ปัญญา ชื่อว่าตอบแทน ดังนั้นการบวชพระของลูกชาย ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พ่อแม่ได้ศรัทธา ศีล ทาน ปัญญา ไปด้วย.


    7. สัมภเวสี คือช่วงรออัตภาพการเกิด คือเวลาที่กายแตกตายแต่สี่ขันธ์ยังยึดรูปอยู่ยังรู้อยู่เรียกช่วงนี้ว่าสัมภเวสี 274c.png ที่ถูกคือ >> สัมภเวสี คือ ผู้ที่แสวงหาที่เกิด, ผู้ที่ยังต้องเกิด คือ พระเสขะและปุถุชน ยกเว้นพระอรหันต์ เพราะยังละภวสังโยชน์ยังไม่ได้.
    1f449.png สัมภเวสี ตามนัยแห่งกำเนิด 4 คือ
    1. เกิดในไข่ (ขณะอยู่ในไข่ เรียกสัมภเวสี ออกจากไข่ได้แล้วเรียกว่าภูต คือเกิดแล้ว)
    2. เกิดในครรภ์ (ขณะอยู่ในรก เรียกสัมภเวสี คลอดออกมาแล้วเรียกว่าภูต คือเกิดแล้ว)
    3. เกิดในเถ้าไคล และ 4. เกิดแบบผุดเกิด
    (ขณะแห่งปฐมจิต เรียกสัมภเวสี
    ขณะแห่งจิตดวงที่สอง ชื่อว่าภูต คือเกิดแล้ว)
    มาใน : อรรถกถาเมตตสูตร
    8. อมตะธาตุยึดขันธ์ห้า 274c.png
    ที่ถูกคือ>> อมตะธาตุยึดขันธ์๕ไม่ได้
    เพราะอมตะธาตุคือนิพพาน
    9. โสดาปัตติมรรค ละสังโยชน์ข้อแรก
    โสดาปัตติผล ละสังโยชน์อีกสองข้อ 274c.png
    ที่ถูกคือ>> โสดาปัตติมัคคจิต เป็นจิตที่ประหาณจิตโลภที่เป็นทิฏฐิสัมปยุตต ๔ ดวง และโมหมูลจิตที่เป็นวิจิกิจฉาสัมปยุตต ๑ ดวง อย่างเด็ดขาด เป็นสมุจเฉทประหาณ รวมประหาณ อกุศลจิต ๕ ดวง เด็ดขาด /โสดาปัตติผลจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้นเพื่อเสวยสุขจากการที่โสดาปัตติมรรคญาณได้ทำการประหาณแล้ว
    10. ลอยกระทง ไปขอขมาทำไมแม่น้ำ ไปทะเลาะกับแม่น้ำเหรอจึงต้องขอขมา / วันลอยกระทงตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าคือวันดอกโกมุทบาน 274c.png
    ที่ถูกคือ>> การรู้คุณแม่น้ำถือว่าเป็นผู้รู้คุณในสรรพสิ่ง สมดังคำที่พระองค์ตรัสว่า "บุคคลนั่งหรือนอนที่ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่พึงหักรานกิ่งของต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวทราม" ดังนั้นสิ่งที่มีอุปการะแก่ชีวิตเราล้วนมีคุณเพียงแค่เราจะเห็นคุณนั้นหรือไม่ ส่วนน้ำนั้นคนโบราณเห็นว่าใช้น้ำมาทั้งปี ทำไร่ ทำนา ใช้ชำระกายทั้งดื่มกิน เขาก็ระลึกรู้คุณเป็นพิเศษ ก็ถือได้ว่าเขาเป็นคนดีเลยทีเดียว
    / และวันลอยกระทงตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าคือวันดอกโกมุทบาน 274c.png ไม่ควรกล่าวอ้างอย่างนั้น เพราะดอกโกมุทบานเป็นเพียงคำขยายของพระจันทร์ เพราะวันนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงในฤดูฝน ดอกโกมุทบานก็บานทั้งฤดูอยู่แล้ว ดอกโกมุทบานเป็นเพียงผู้ร่วมงาน ประธานคือพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้นจึงไม่ควรเอาแขกร่วมงานมาตั้งชื่อวัน
    11. คนที่สอนว่า สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอก อานิสงส์ปิดอบายภูมิได้ เป็นการสอนที่เลวทรามต่ำช้ามาก 274c.png
    ที่ถูกคือ >> ไม่ควรว่าคำสอนนั้นเลวทราม เพราะอนุโลมกุศลทุกอย่างล้วนปิดอบายภูมิได้บางชาติ แต่ไม่แน่นอนถ้าไม่ใช่โสดาบัน ดังนั้นกุศลเล็กน้อยก็ไม่ไปเกิดทุคติเลยก็มีเยอะ เช่น ในอปาทาน แทบทุกรูปกล่าวว่าตนไม่รู้จักทุกคติเลย ด้วยกุศลบางอย่าง เช่น
    เอกปุปผํว ทตฺวาน อสีติกปฺปโกฏิโย
    ทุคฺคตึ นาภิชานามิ ปุปฺผทานสฺสิทํ ผลํ.
    เราถวายดอกไม้ดอกเดียว ก็ไม่รู้จักทุคคติ ถึง แปดสิบโกฏิกัป นี้ผลของการถวายดอกไม้.
    >> ดังนั้นไม่ควรว่าคำสอนนั้นเลวทราม แต่ควรกล่าวว่ายังไม่ถูกซะทีเดียวถ้าไม่ใช่โสดาบัน แต่กุศลให้ผลเป็นสุขก็ปิดได้บางชาติไม่แน่นอน
    12. ใครแย้งว่าสอนผิด จะอ้างว่าเขาอิจฉาริษยา 274c.png
    ที่ถูกคือ>> ผู้ชี้โทษ ไม่ใช่เพราะอิจฉาริษยา แต่เป็นการติเตียนตามธรรม เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาไม่ให้ใครมาบิดเบือน / ทราบว่าที่คุณพูดเอามาจากสักกปัญหาสูตร
    ท้าวสักกะได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ทำไมสัตว์ทั้งหลายมีความปรารถนาไม่มีเวร ไม่ถูกเบียดเบียนฯลฯ แต่เพราะอะไรพวกเขาจึงยังคงมีเวร ถูกเบียดเบียนอยู่”
    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ”เพราะมีอิสสา(ความริษยา) และมัจฉริยะ(ความตระหนี่) สัตว์ทั้งหลายจึงจองเวรกัน เบียดเบียนกัน ซึ่งท่านใช้สูตรนี้มาสอนลูกศิษย์ และลูกศิษย์ก็เที่ยวไปว่าคนเห็นต่างว่าอิจฉาริษยาอาจารย์เขา /ทำไมคุณไม่ใช้สูตรผู้ชี้โทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์มาสอน.


    270d.png ที่สอนถูกก็มี ผิดก็ควรแก้ไข
    หวังว่าท่านจะระวังในการสอนมากขึ้น
    #แค่ผ่านตา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องชี้แจง
    >> ผู้เขียน : โลก กะ ธรรม กับม่อน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...