เรื่องเด่น รู้เท่าทันหมอดูหลอกลวง

รู้เท่าทันหมอดูหลอกลวง < ที่มา ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับ แฟน ๆ CityVariety ที่รักและเคารพทุกท่าน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมเพิ่งไปบรรยายเรื่อง "รู้เท่าทันภัยจากอินเตอร์เน็ต" ให้น้อง ๆ ปวช.ปี 3 โรงเรียนพาณิชยการหาดใหญ่ แต่ในทางหนึ่งก็นึกถึงประโยชน์อันมหาศาลจากอินเตอร์เน็ตเช่นเดียวกันแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

จนมาถึงเมื่อวาน ผมจึงเห็นอีกแง่มุมหนึ่งของอินเตอร์เน็ตที่สร้างประโยชน์มหาศาลที่สื่ออื่นไม่สามารถทำได้ครับ นั่นคือการเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการหลอกลวงต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของหมอดูหลอกลวง

โดยเมื่อวานนี้เองที่เพื่อนของผมเพิ่งเล่าให้ฟังว่าจะไปดูดวงกับหมอดูชื่อดังคนหนึ่ง ผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไรแต่ก็แนะนำให้หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตก่อนให้แน่ใจจึงไป

เพื่อนของผมจึงเข้าไปใน google แล้วพิมพ์ชื่อหมอดูคนนั้น ก็ปรากฎว่ามีข้อมูลในเว็บต่าง ๆ มากมาย และเมื่อเข้าไปอ่านก็ต้องผงะและตะลึงกับสิ่งที่คนโพสต์ความเห็นในเว็บบอร์ดกันอย่างล้นหลาม และข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บที่แตกต่างกันช่างสอดคล้องกันอย่างน่าตกใจ เพื่อนผมจึงตัดสินใจไม่ไปดูแล้ว และโทรบอกผมให้ลองเข้าไปดูในเว็บ

เมื่อผมเข้าไปดูเว็บก็ตะลึงและเห็นความน่ากลัวเช่นเดียวกัน โดยความเห็นส่วนใหญ่จะบอกว่าหมอดูดังกล่าวเป็นหมอดูหลอกลวง

โดยผมประมวลรูปแบบการหลอกลวง ดังนี้
1. เริ่มจากเหยื่อโทรไปนัดเวลา คนรับโทรศัพท์ก็จะถามว่ามายังไง โดยถ้าขับรถมาเองจะลัดคิวให้ และอาจมีการบันทึกข้อมูลของเหยื่อว่ามีฐานะดี เวลาเรียกเงินจะเรียกสูงขึ้น

2. เรียกค่าดูค่อนข้างแพง เช่น หนึ่งพันบาท แต่บอกว่ามีเวลาดูนานพอควร เช่น 40 นาที แต่เมื่อดูจริงจะดูแค่ 10 นาที

3. ถ้าเหยื่อมาเป็นคู่ชายหญิง จะต้องแยกกันดู เพื่อไม่ให้มีการปรึกษากัน

4. หมอดูจะทักว่าเหยื่อจะเกิดอันตรายถึงชีวิต หรือแฟนจะขอเลิก และถ้าดูให้ผู้หญิง มักจะทักว่าแฟนกำลังจะเสียชีวิต หรือแฟนกำลังจะเลิกและไปมีแฟนใหม่ เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีจุดอ่อนที่รักแฟนมากกว่ารักตัวเอง

5. หมอดูจะบอกว่าจะต้องสะเดาะเคราะห์แก้กรรม โดยมีหลายวิธี ซึ่งวิธีต่าง ๆ ก็ล้วนแต่จะเห็นได้ว่าเหยื่อไม่สามารถทำได้แน่นอน ได้แก่

- ให้บวชหลายวัน เช่น 29 วัน ซึ่งก็รู้อยู่ว่าแทบจะไม่มีใครทำได้ เพราะต้องทำงาน หรือเป็นเรื่องยุ่งยากมาก

- ให้ถวายพระพุทธรูปองค์ใหญ่เท่าคนจริงภายในเวลา 3 วัน ซึ่งก็รู้อยู่ว่าไม่มีใครสามารถไปสั่งทำได้ด้วยตัวเองทัน

- ให้เตรียมของสะเดาะเคราะห์หลายสิบอย่าง และหายากทั้งสิ้น เช่น เลือดวัวสด ๆ 20 กิโลกรัม

6. หมอดูจะบอกว่าถ้าทำไม่ได้เองจะมีทางออกก็คือจะจัดการให้ แต่จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยที่ผมอ่านเจอจะมีตั้งแต่ 39,999 จนถึงเป็นหลายแสนบาท โดยน่าจะประเมินจากการแต่งกายและมาดของเหยื่อว่ามีกำลังแค่ไหน

และในบางกรณีอาจมีการต่อรองเงินกัน และหมอดูจะย้ำว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงแล้วเทียบกับความเสียหาย และความยุ่งยากในการเตรียมสะเดาะเคราะห์ เพราะจะต้องไปปลุกเสกทำพิธีที่เขมรเป็นต้น

7. จะมีคนโทรศัพท์ตามจิกให้มาแก้กรรม จนกระทั่งหมอดูได้ทำพิธี และเหยื่อส่วนใหญ่ก็ไม่จะไม่ได้เห็นของที่ใช้แก้กรรมแต่ประการใด หรือหากมีก็เป็นของที่ใช้แล้วใช้อีกและที่น่าตกใจและเป็นห่วงแทนเหยื่อก็คือ มีเหยื่อบางรายกับหมอดูคนอื่น ๆ ที่หน้าตาดี มักจะถูกหมอดูทักให้ทำพิธีแก้ชะตาเรียกให้แฟนกลับมา เพราะร้อยทั้งร้อย หากผู้หญิงมีแฟน ก็ต้องมีการทะเลาะขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมดา หรือมีการหึงหวงเป็นธรรมดา ซึ่งหมอดูบางคนจะอาศัยช่องโหว่นี้โน้มน้าวให้ผู้หญิงทำพิธีในที่ลับ เช่น มีผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่า หมอดูใช้ปลัดขลิกกวนของลับ จนอารมณ์เตลิดแล้วข่มขืนในที่สุด

เฮ้อ ! ก็ไม่รู้ว่าทำไมมนุษย์เราบางคนทำไมถึงชั่วได้ขนาดนั้น และบั้นปลายชีวิตของหมอดูพวกนี้ก็จะตกต่ำและกรรมหนักมาก เพียงแต่ว่าที่ยังไม่เห็นเพราะพวกนี้ยังเสวยบุญเก่าอยู่ บุญหมดเมื่อไหร่ พวกนี้จะตกต่ำถึงที่สุด และตายไปก็จะตกนรกแน่นอน

ย้อนกลับมาถึงความน่าจะเป็นของหมอดูดังกล่าว จะเห็นได้ว่าเพียงแค่หลอกคนได้วันละไม่กี่คน เดือนหนึ่งก็จะมีเงินเป็นหลายล้านบาท และก็ไม่น่าแปลกที่จะมีการลงทุนนำเงินบางส่วนไปสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองโดยไปยัดเงินให้กับสื่อบางสื่อให้เชียร์ตนเอง เช่น ผมคิดเล่น ๆ ว่าหากให้เงินบางคนที่ทำสื่อ(ที่ไม่มีจรรยาบรรณ)ซักเดือนละแสน คนนั้นก็จะเชียร์อย่างออกนอกหน้า

แน่นอน และคนก็จะยิ่งเชื่อในความน่าเชื่อถือให้หมอดูยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก และก็จะมีเหยื่อรายใหม่ ๆ เข้าไปเรื่อย ๆ

แต่ทั้งหมดนี้ ผมก็ไม่ได้ฟันธงน่ะครับว่า หมอดูทุกคนจะเป็นคนไม่ดี เพราะผมก็เชื่อว่า มีบางคนที่มีความสามารถจริง และเป็นเรื่องไม่แปลกที่บางคนจะสามารถรู้อนาคตได้ แม้กระทั่งศาสนาพุทธเองยังยอมรับว่ามีจริง แต่ก็ไม่ใช่หนทางที่พระพุทธเจ้าแนะนำให้ใช้ครับ

และไม่ว่าจะทายว่าดวงไม่ดีอย่างไร สรุปสุดท้ายของการแก้กรรม ก็คือ ทาน( ทำบุญ ตักบาตร) ศีล(ไม่ทำชั่ว) ภาวนา (สวดมนต์ นั่งสมาธิ)

สรุปสุดท้ายที่อยากจะย้ำแฟน ๆ CityVariety ที่รักทุกท่านก็คือ ครั้งต่อไปที่ท่านหรือคนใกล้ตัวท่านจะหาหมอดู ก็ขอให้ลองค้นหาข้อมูลของหมอดูคนนั้น ๆ ทางอินเตอร์เน็ต และใช้วิจารญาณและปัญญาของท่านพิจารณาดู

และที่สำคัญก็คือ หมั่นเตือนให้คนรอบข้างเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่เป็นเหยื่อของมันครับ

สวัสดี

 

โดยส่วนตัว ไม่ชอบดูหมอดูค่ะ เชื่อในการกระทำดี เชื่อในพุทธศาสนาค่ะ