ร่างทรง องค์ใน หมอดู หรือ พระธรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 23 ธันวาคม 2008.

  1. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นสัจธรรมที่ทุกชีวิตต้องเผชิญ

    ทุกคนจึงมีกรรมเป็นของตนเอง แต่บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา
    โดยเฉพาะความทุกข์
    ที่ทำให้ชีวิตของเราติดขัด เต็มไปด้วยปัญหาชีวิต เราก็อาจไม่ทราบที่มาที่ไป
    แม้จะรู้ว่า ทุกข์ที่เกิดเป็นเพราะกรรมเก่าเรา
    และต้องพึ่งธรรมะ สงบใจ และหมั่นทำบุญ
    สิ่งนี้เป็นหนทางที่ถูกต้อง แต่ในทางปฎิบัติ
    คนที่มีทุกข์รุมเร้ารอบด้าน แม้จะตระหนัก
    ถึงเรื่องบุญทำกรรมแต่ง ก็ไม่อาจทานทนกับแรงบีบคั้นได้

    จึงต้องหาสิ่งที่สามารถปลอเปลื้องความทกุข์ของเราจากผู้ที่มีตวามสามารถ
    ทางจิตเหนือมนุษย์ทั่วไป เช่น ร่างทรง องค์ใน หมอดู
    ที่สามารถบอกที่มาที่ไปของกรรมนั้น และทางออกในแก้ไขกรรมนั้น
    บุคคลที่มีญารพิเพษเหล่านี้ สามารถ
    เห็นความเป็นมาเป็นไปของกรรมคนอื่นได้ จึงกลายมาเป็นที่พึ่งสำคัญ

    คนที่มีทุกข์ หรือปัญหาชีวิตมักเชื่อว่า หากมีใครสักคนที่เป็นผู้รู้และสามารถบอก
    กรรมของเราได้
    และทางแก้กรรมได้ เขาจะวิ่งไปขอพึ่งพาคนเหล่านั้น
    เพราะเขาตระหนักดีว่าเขาเองยังไม่อาจพี่งพาตัวเองได้อย่างแท้จริง

    แม้ผู้รู้เหล่านั้นจะช่วยเขาได้แบบประเดี๋ยวประด๋าวเฉพาะหน้า
    แต่ก็พอให้คนที่มีทุกข์นั้นคลายทุกข์ลงชั่วคราวนั้นได้

    อยู่ที่ว่าวิธีการของผู้วิเศษเหล่านั้นจะใช้หลักการใดมาเยียวยาให้เรา
    วิธีที่สามารถรู้ได้ชัดเจนว่าวิธีนั้นเป็นหนทางที่ถุกต้อง
    ก็คือการบอกทางแก้ด้วยการทำบุญ นั่นคือทางเดียวที่สามารถแก้ไข หรือลดทอนปัญาหต่างๆได้

    เมื่อรู้ว่าสุดท้ายต้องไปทำบุญ ก็ไฉนเราจึงนั่งรอให้เขา
    บอกก่อนว่าต้องไปทำบุญ

    เป็นเพราะใจเราอ่อนแอเกินไป เกินกว่าที่จะพึ่งตัวเองได้
    ใจอ่อนแอเพราะศรัทธาในตนเองมีน้อย เราจึงมอบศรัทธาของเราให้คนอื่น
    คนเหล้านั้นจึงกลายเป็นผู้วิเศษ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทันที
    ศรัทธาของเราจึงไปอยู่ที่คนอื่น และหาศรัทธาของเราจากคำแนะนำของคนอื่น

    เราเคยชินอยู่กับการร้องขอให้ใครมาช่วยเมื่อยามที่เราประสบปัญหา
    เราจึงไม่อาจพึ่งพาตนเอง ตามหลักธรรมที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้

    เชื่อว่า พุทธพจน์นี้หลายคนเข้าใจและตระหนักได้อย่างดี
    แต่หากใจเราอ่อนแอ และศรัทธาตนเองไม่มั่นคงพอ
    เราจึงคุ้นชินกับการต้องการ
    ใครมาคอยกระตุ้นให้เราไปทำอย่างนั้นอย่างนี้

    หากเรามัวแต่รอให้ใครสักคนมาคอยบอกวิธีแก้ไขทุกข์ของเราอย่างเดียวนั้น
    อาจไม่ใช่ทางที่กำจัดทุกข์ได้อย่างแท้จริง
    เพราะทุกข์เกิดเมื่อเราไปคิดว่าทุกข์

    ทุกข์เกิดเพราะความอ่อนแอในใจเรา

    ทกุข์เกิดเพราะความฝังใจกับสิ่งไม่ดีในอดีต
    และวิตกกังวลถึงเรื่องในอนาคตที่ยังไม่เกิด
    ทุกข์เกิดพราะการยึดมั่นของอัตตาที่ไมเห็นสัจธรรมตามความเป็นจริง

    นี่แหละอาจเป็นต้นตอของมัน

    ผมอยากให้คำแนะนำว่า ระหว่างที่รอให้คนช่วยเรา
    ทำไมเราจึงไม่ทำบุญไปก่อน หมั่นทำบุญบ่อยๆ
    หากเราศรัทธาในบุญคือการดับทุกข์ได้
    ดีไม่ดี ทุกข์หรือความเดือดร้อนในชีวิตที่เราประสบอยู่อาจ
    คลี่คลายลงไปบ้าง
    หรือไม่ก็อาจหายไปเลย

    ต่อให้เราได้ได้พบกับผู้มีวิเศษเหล่านี้ แล้วภายภาคหน้าเราจะรู้ได้อย่างไรว่า
    ปัญหาชีวิตจะไม่เกิดขึ้นกับเราอีก

    และเมื่อปัญหาชีวิตเกิดกับเรา เราก็จะตระเวณหาผู้มีญาณ องค์ใน หมอดู
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร่างทรง เทพเทวดาอยู่เรื่อยๆ เพราะเราเคยหายทุกข์เพราะ
    คนเหล่านี้ช่วย เราจึงพึงพาคนเหล่านี้เป็นสรณะ
    เราจึงไม่ต่างกับคนป่วยเรื้อรังที่รักษาไม่หาย

    หากชีวิตเราเป็นเหมือนคนป่วยทั้งชีวิตแล้วชีวิตเราที่เหลืออยู่
    จะมีความหมายอะไร

    หากเราเป็นโรคร้าย เราอาจรักษาให้หายขาดได้ด้วย
    วิธีการแพทย์ซึ่งรักษาที่ต้นตอของโรค
    แต่โรคทางใจเมื่อเกิดกับเราหากไม่ได้แก้ตรงต้นตอของมันแล้ว
    เราก็จะป่วยไปเรื่อยๆ
    และหาทางแก้จากการพึ่งพาคนอื่นเรื่อยๆ

    การแก้ไขโรคทางใจที่ทำให้เกิดทุกข์ ไม่ใช่วิ่งหาคนอื่นให้
    บอกทางช่วยแก้อาการของทุกข์ที่เกิด
    แต่คือการหาผู้รู้เพื่อมาบอกต้นเหตุที่แท้ของทุกข์ที่เกิด
    และบอกหนทางที่แท้ของการดับทุกข์นั้น

    ผู้ที่บอกได้นั้นมีอยู่แล้ว คือพระธรรมของพระพุทธองค์

    ผู้วิเศษที่แท้จริง คือผู้ที่ชี้ทางให้คนไปพบผู้ที่บอกทางที่แท้จริง
    คือพระธรรมนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2008
  2. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
    พระธรรม คือ ยาขนานเอก ปลดทุกข์ได้ถอนรากถอนโคน
    ทางมีอยู่

    ผู้เดินทางที่ได้พบเห็นปลายทาง แล้วย้อนกลับมาบอก มีอยู่

    ผู้ชี้ทาง แม้ไม่เคยไปถึงเอง ก็มีอยู่


    ที่เหลือ .........ขึ้นกับผู้ได้รับการชี้ ที่จะตัดสินใจ


    ขอโมทนา ผู้ที่ชี้ทางปลดทุกข์แก่เพื่อนร่วมวัฏฏะสังสาร ตั้งแต่ระดับต้น ระดับกลาง

    และ ระดับสูงสุด คือ ชี้จนเข้าถึงแก่นธรรม เสพแล้วรวมเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย
     
  3. noobita001

    noobita001 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +40
    อนุโมทาคับ ตรงทีเดียวคับ - -*
     
  4. pigbuta

    pigbuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +294
    เห็นด้วยนะครับ กับเจ้าของกระทู้ แต่ก็ส่วนหนึ่งนะ

    แต่ขอเสนอความเห็นเพิ่มไปอีกนิดนึง

    ในมุมมองของการแก้กรรม ของผมนะ ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีเลยแหละ ปัญหาต่างๆสิ่งต่างๆที่เราพบเจอก็เป็นผลสืบเนื่องมาจาก กรรมเก่า โดยมีเจ้ากรรมนายเวรคอยควบคุมเรื่องนั้นๆอยู่ ซึ่งในเรื่องนั้นๆก็ย่อมมีทั้งเจ้ากรรมนายเวร และเจ้าบุญนายคุณ ซึ่งก็ย่อมให้ผลดีผลร้ายไปตามที่สิ่งเหล่านี้นำพาไป
    เมื่อเราพบกับ ร่างทรง องค์ใน หรือหมอดู อะไรก็ดี ที่สามารถสัมผัสหรือสื่อสารกับเจ้ากรรมนายเวร ได้ มันก็ดีไม่ใช่เหรอที่เหมือนกับมีคนกลางไกล่เกลี่ยคดีความให้ โดยเจ้ากรรมนายเวร ซึ่งก็เหมือนเจ้าหนี้ เราไปติดหนี้เขาไว้ มีคนกลางสื่อ ว่า ต้องการอะไรถึงจะยอมความกัน พอเรารู้ว่าเขาต้องการอะไร เช่นต้องการบุญจากการที่เรา ไปบริจาคเงินสร้างวัด 3 วัดเป็นต้น เราก็ไปทำบุญตามที่เขาขอ พอเขาได้รับเขาก้อพอใจ ปัญหานั้นๆก็จะถูกคลี่คลายลง เพราะเหมือนกับเราใ้ช้หนี้เขาคืนแล้ว

    การทำบุญของเราทุกๆวันนั้น ผลบุญเหล่านั้นย่อมอยู่กับเราแน่นอน แต่ผมกลับมองไปถึงการบริหารบุญมากกว่า ให้สอดคล้องกับชีวิตในปัจจุบันที่ยังต้องกินต้องใช้

    อันนี้ไม่ได้จะบอกว่า ยังงั้นก็ต้องดำเนินชีวิตโดยจะ ต้องมี สื่อกลางคอยไกล่เกลี่ยตลอดหละซิ แ้ล้วก็ต้องทำบุญเฉพาะ ตามที่ ถูกเจ้ากรรมนายเวรเสนอ มาตลอดหละซิ อันนี้เราลองดูชีวิตจริง ปัญหาต่างๆเราก็ย่อมมีเรื่องที่ทำใจได้ กับทำใจไม่ได้ เรื่องใหญ่เรื่องเล็ก สมมติว่า เรากำลังจะได้มีโอกาสเข้าทำงานกำลังจะได้อยู่รอมร่อแล้ว แต่ผลกรรมจริงๆคือ จะต้องอด พอเราสามารถไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ ได้แล้ว เราก็สามารถได้มีโอกาสเข้าทำงานนั้นสำเร็จ สามารถมีเงินมีทุน เพื่อที่จะนำไปสร้างประโยชน์ให้สังคมได้ หรือแม้กระทั่งมีเงินจ่ายค่าครูก้อตามเถิด (ถ้าหมอร่างทรง ที่ดีมีศีลธรรม รับรอง เก็บไม่แพงและไม่มีผลประโยชน์)

    สิ่งที่อยากจะสืื่่อ ก็คือ เราสามารถจะเลือกแก้กรรมเฉพาะเรื่องสำคัญๆก็ได้ เพราะแน่นอนว่า เราไม่มีทางจะแก้กรรมที่มันมีมาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติหมดแน่นอน และ สิ่งที่เราทำบุญไปทุกวัน แน่นอนว่า ผลบุญนั้นต้องส่งผลแน่นอน และเป็นสิ่งที่ควรจะทำอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน แต่ว่าเราก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ต้องใช้จ่าย ต้องเลี้ยงดูบิดา-มารดา เลี้ยงดูครอบครัว ถ้าเรารู้จัก นำการแก้กรรมมาใช้ประโยชน์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีกว่าเหรอ

    อย่างน้อย การไปหาหมอดูร่างทรง เหล่านี้ ก็ทำให้เรารู้เรื่องกฏแห่งกรรมมากขึ้น ไม่กล้าทำบาปมากขึ้น ขยันทำบุญมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่า เจ้ากรรมนายเวรท่านอื่นจะถึงเวลามาทวงคืนเมื่อไหร่ การทำบุญสะสมบารมี ไว้ย่อมเป็นผลดี

    ยังไงข้อความที่เขียนขึ้นนี้ ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าพึงเชื่อ หรืออะไรเลย ทุกอย่างก็ถูกประมวลมาจากความรู้ ความเชืื่อ ต่างๆ ยังไงก็สร้างบุญทำความดีเอาไว้ ยังไงก็ได้ดีครับ
     
  5. krit59

    krit59 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +346
    มัวไปหาอะไรกับพวกหมอดูทั้งหลาย เข้าทรง เทพทั้งหลาย เหล่านั้น
    ไปหาธรรมดีกว่าไหม เพราะเทพมั่วๆก้อมีเยอะ เทพที่ดีท่านจะไม่มาสิงคนแบบนี้หรอก
    เพราะหนึ่งร่าง ยังเข้ามาแทรกอีกจิตหนึ่งเป็นสอง เป็นสาม สี่ ห้า มันเป็นบาป
    แต่เทพที่ดีจะดลใจให้ไปเจอพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แต่การแก้กรรมไม่จำเป็นต้อง
    ไปหาหมอดู ส่วนมากหลอกให้สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา ซึ่งนายเวรเขาไม่ได้รับบุญเลย
    ก้อจองเวรต่อไปตามระเบียบ บางคนไปสะเดาะเคราะห์กลับมาบ้าน ก้อไปกินเหล้าต่อ
    เห็นมาเยอะ ควรคิดให้ดีก่อน
     
  6. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    สักวาประตูวัดจัดเปิดไว้
    เหตุไฉนคนจึงเพลินเดินเลยหมด
    ชี้ให้เห็นภายหน้าอนาคต
    ย่อมเสื่อมรสพระธรรมนำชีวี
    ;aa36
     

แชร์หน้านี้

Loading...