สมเด็ตลพ.แกละลำลูกบัวลพ.จ้อยเขาสุวรรณประดิษฐ์เพรชพระนางตรา ๑๐๐ ปี พระพุทธนิมิตร พ่อท่านพลับ ๒๕๐๔

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระผงเจ้าสัวมหาเศรษฐี 2546 หลวงพ่อซำวัดตลาดใหม่อำเภอวิเศษชัยชาญจ.อ่างทอง พิธีใหญ่ ปิดหมดทุกรายการครับ)

    img_20240122_140730-jpg.jpg img_20240122_140640-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2024
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระญาณรังษี เป็นผู้สืบทอดสายวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตามแนวของ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร
    (สุก ไก่เถื่อน)
    จากพระครูสังวร สมาธิวัตร(หลวงปู่แป๊ะ) จนมีความเชี่ยวชาญและได้เป็นอาจารย์ อบรมวิปัสสนา
    กัมมัฏฐานแก่ศิษยานุศิษย์ จนท่านได้ฉายา หลวงพ่อตาทิพย์ เนื่องจากท่านสามารถนั่งสมาธิ หยั่งรู้ถึงเหตุการณ์
    ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน ได้ ทำให้มีศรัทธาจากญาติโยมทั่วสารทิศ มาขอให้ ท่านช่วยตรวจดูความเป็นไปที่เกิดขึ้น
    ใน อดีต อนาคต ปัจจุบัน เพื่อการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมปฏิปทาของท่านเป็นที่น่าเลื่อมใส
    ศรัธทาแก่ญาติโยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากท่านมีความเมตตาอย่างสูง

    lungpoojuob-1.jpg

    พระญาณรังษี ( จวบ สุภัทโท ) ฉายา สุภัทโท อายุ 92 พรรษา วิทยาฐานะ นักธรรมชั้นเอก วัดราชสิทธาราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ ดำรงตำแหน่ง รองเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นเอก ปัจจุบันท่านได้ถึงแก่มรณภาพ เมื่อเช้าวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2550 เมื่อเวลา04.04น. ที่โรงพยาบาลธนบุรี ด้วยโรคชราภาพ สิริรวม อายุ 94 ปี 73 พรรษา

    สถานะเดิม ชื่อ จวบ นามสกุล เกิดมงคล เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2456 ปีฉลู บิดาชื่อ ท่านขุนมัธยมกิจ เกิดมงคล(ขำ) มารดาชื่อ นางแย้ม เกิดมลคล อาศัยอยู่ หมู่ที่ 1 ต.ดอนตะหนิน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ธุระกันดารในสมัยนั้น บิดาท่านประกอบอาชีพ รับราชการเป็นนายอำเภอหลายแห่ง ซึ่งท่านได้สร้างประโยชน์แก่ทางราชการเป็นอย่างมาก ได้ย้ายไปประจำในหลายจังหวัด ส่วน มารดาท่านประกอบอาชีพ ทำนา ซึ่งหลวงปู่ได้อาศัยป้าและญาติพี่น้องดูแลเลี้ยงดู จนเติบโต และได้รับการศึกษาชั้นประถมศึกษา โรงเรียนเดิม ใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ต่อมาท่านได้ย้ายตามบิดาไปหลายแห่ง

    บรรพชา เมื่อท่านมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2477 ณ วัดบ้านเสมาใหญ่ ต.ดอนตะเนิน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา โดยมีพระครูจันทร สรคุณ (หลวงปู่เสี่ยง) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นได้ อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ในวันเดียวกัน

    เหตุแห่งการบวชตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุดแห่งธรรม เหตุที่ท่านได้อุปสมบท เพื่อต้องการทดแทนพระคุณบิดา มารดา เมื่อย่างเข้าอายุ 20 ปี จึงได้อุปสมบทให้กับบิดาและมาราดา หลังจากนั้นในพรรษาแรกท่านได้ไปจำพรรษา ณ วัดบ้านทองหลางน้อย อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา และได้ศึกษาเล่าเรียนพระกัมมัฏฐาน จากนั้นได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่แจ้ง ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น มีวาจาสิทธิ์และมีญาณหยั่งรู้ และได้เป็นสัทธรรมมิกกับพระอาจารย์ มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นเพื่อนทางธรรมกัน ในพรรษาแรกหลวงปู่แจ้งได้เรียกพระสงฆ์เข้าไปพบหลายองค์ ได้ให้เข้าแถว หลวงปู่แจ้งได้ชี้บอก "รูปนี้สึก รูปนี้สึก รูปนี้สึก องค์นี้สึก" พอชี้มาที่หลวงปู่จวบ หลวงปู่แจ้ง ท่านพูดว่า "องค์นี้ไม่ศึก" หลวงปู่จวบท่านคิดในใจว่าอยากลาสึก ท่านแปลกใจว่าทำไมหลวงปู่แจ้งถึงบอกว่า ไม่สึก ดังนั้นหลวงปู่จวบจึงได้กลับมาคิดใคร่ครวญถึงคำพูดของพระอาจารย์แจ้ง หลังนั้นจากอีก 3 วันต่อมา ท่านได้เรียกหลวงปู่จวบเข้าไปพบเพราะว่ามีศพผู้หญิงตายมาได้ 2 วัน ตั้งศพไว้ที่ศาลา หลวงปู่จวบได้เข้าไปที่ศาลา ในใจของท่านเกิดความกลัวเพราะไม่เคยเห็น อีกใจนึงก็เกรงใจท่านพระอาจารย์แจ้ง จึงขึ้นไปที่ศาลา เพื่อพิจารณาซากอสุภะ เมื่อเห็นแล้วได้พิจารณาจนเกิดความสังเวชขึ้นในใจและได้พิจารณาซากศพที่ศาลาเป็นเวลาหนึ่งคืน เพราะหลวงปู่แจ้งไม่ให้ท่านลงจากศาลา หลังจากออกพรรษา พระสงฆ์ในรุ่นราวคราวเดียวกันได้ทยอยลาสึก เป็นไปตามลำดับ ตามคำที่หลวงปู่แจ้งได้บอกอย่างไม่น่าเชื่อ จึงทำให้หลวงปู่เกิดความประหลาดใจ หลังจากนั้นหลวงปู่จวบจึงยังไม่ตัดสินใจที่จะลาสิกขาในพรรษานั้น จนท่านได้ศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์แจ้ง และประพฤติปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ให้การช่วยเหลือกิจการของสงฆ์ พร้อมอุปัฏฐากรับใช้พระอาจารย์แจ้งเป็นเวลา 6 พรรษา หลังจากนั้นท่านได้ขอลาหลวงปู่แจ้ง เพื่อไปธุดงค์และแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ท่านได้เริ่มออกเดินธุดงค์จาก จ.นครราชสีมา ผ่านป่าดงพญาเย็น ซึ่งเป็นปารกชัดและน่ากลัวเป็นยิ่งนัก หลวงปู่มีความองอาจ กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว มักน้อย สันโดด ได้ธุดงค์ผ่าน อ.ปากช่อง ใช้เวลาเดินธุดงค์เป็นเวลานาน ท่านมุ่งหน้ามาที่กรุงเทพมหานครฯ พอเดินทางมาถึง อ.ปากช่อง ท่านเข้าใจว่าได้มาถึง จ.อยุธยาแล้ว เพราะหนทางลำบากธุระกันดารมาก แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อต่อหนทางที่ลำบาก จากนั้นได้สอบถามเส้นทางจากชาวบ้าน เพื่อมุ่งหน้าออกเดินทางไปที่สำนัก วัดพลับ กทม. ซึ่งท่านได้ยินชื่อเสียงและคำบอกกล่าวจากพระอาจารย์แจ้ง ว่าเป็นสำนักที่ปฏิบัติเคร่งครัด น่าเลื่อมใสศรัทธา และมีอาจารย์ผู้สอนวิชาชั้นสูง (สำนักวัดพลับในสมัยนั้นเป็นดินลูกลัง มีต้นไม้ลังใหญ่คู่หนึ่ง และต้นไม้อีกจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เจริญอย่างปัจจุบันนี้) เมื่อท่านได้เดินทางมาถึง สำนักวัดพลับ ได้พักพำนักในบริเวณสำนักวัดพลับ และได้เข้าไปติดต่อขอพำนักและศึกษาเล่าเรียน ได้มาขอพำนักอาศัยกับพระเลขาที่มีหน้าที่ผู้ดูแลพระสงฆ์ เข้าออกภายในวัด พระเลขาเห็นว่าหลวงปู่เป็นพระต่างจังหวัดจึงไม่รับท่านเข้ามาพำนักอาศัย หลวงปู่จวบจึงเกิดความท้อใจ ท่านจึงได้ตั้งจิตอธิษฐาน "ข้าพเจ้าตั้งใจมาประพฤติปฏิบัติและศึกษาเล่าเรียนอย่างเคร่งครัด ณ สำนักวัดพลับแห่งนี้ ขอให้มีผู้ช่วยเหลือ ให้ข้าพเจ้าได้สำเร็จตามความประสงค์" หลังจากต่อมานั้นอีก 3 วัน ได้เกิดเหตุการณ์ปาฏิหารย์ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หลวงปู่จวบได้พบกับเจ้าอาวาส พระอาจารย์สังวรานุวงศ์เถระ (พระอาจารย์ สอน) โดยความบังเอิญ เมื่อท่านพระอาจารย์สอนได้เห็นและได้พูดคุยกับหลวงปู่จวบ ท่านได้ให้ความเมตตากับหลวงปู่จวบ จึงได้เป็นผู้รับรอง กับพระเลขาที่ท่านได้หมอบหมายให้ดูแล ท่านได้ให้การรับรองหลวงปู่จวบพำนักอาศัย ณ สำนักวัดพลับแห่งนี้ และหลวงปู่ได้ศึกษาเล่าเรียนในสำนักวัดพลับ ระยะเวลาหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นท่านพระอาจารย์สอน ได้ฝากหลวงปู่จวบให้เป็นศิษย์ของพระครูสมาธิวัตร (พระอาจารย์ แป้ะ) และได้ให้อาจารย์แป้ะ เป็นอาจารย์ผู้ฝึกสอน ทางด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน จากนั้นหลวงปู่จวบได้ศึกษานักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอก ควบคู่กันไป กับการเรียนพระกัมมัฏฐาน หลวงปู่ได้ศึกษานักธรรมจาก สำนักวัดอรุณราชวราราม กทม. เมื่อหลวงปู่จวบศึกษานักธรรมชั้นเอกสำเร็จ หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ตั้งใจปฏิบัติตน และฝึกสมถะกัมมัฏฐาน อย่างจริงจัง ตั้งแต่บัดนั้นมา

    ในปี พ.ศ.2485 เป็นต้นมาหลวงปู่จวบได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์กับพระครูสมาธิวัตร (อาจารย์ แป้ะ) ซึ่งเป็นอาจารย์วิปัสสนากัมฏฐาน ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น (พระครูสมาธิวัตร ท่านได้รับพระราชทาน พัดยศงา ที่ทำจากงาช้างสาร จากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 9) เป็นพระสงฆ์ที่มีคุณธรรมน่าเลื่อมใสศรัทธาในสำนักวัดพลับ ท่านพระอาจารย์แป้ะ เป็นพระที่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์และมีญาณหยั่งรู้ ในอดีต อนาคต ปัจจบัน และ สามารถรู้ความคิดของบุคคลได้ หลวงปู่จวบได้เล่าให้ฟังว่าในสมัยนั้นมีพระสงฆ์ได้มาศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์แป้ะเป็นจำนวนมาก ท่านพระอาจารย์แป้ะ ได้ตรวจดูจริตนิสัยของพระสงฆ์แต่ละรูปที่มาฝากตัวเป็นศิษย์ ได้ให้พระกรรมฐาน ซึ่งแตกต่างกันตามจริตนิสัยของลูกศิษย์แต่ละรูป จึงให้หลวงปู่จวบปฏิบัติพระกรรมฐานแนวสมถะกัมมัฏฐาน โดยใช้คำภาวนาบริกรรมว่า "พุธโธ" หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ ฝึกฝนจนชำนาญ จนเกิด ปิติ ทั้ง 5 เป็นลำดับขั้น (จะกล่าวอย่างละเอียดในวิธีปฏิบัติ) จนจิตได้เข้าถึงจตุรฌาณและได้วสีทั้ง 5 จนเป็นผู้ชำนาญในการเข้าออกฌาณ และพระอาจารย์แป้ะได้สอนวิธีการเพ่งกสิณ หลวงปู่ได้ ฝึกฝนกสิณทั้ง 10 กอง ในเหตุการณ์ครั้งนั้น หลวงปู่ได้เล่าว่า ท่านได้ทดสอบกสิณไฟ ที่ได้ฝึกฝนมา ในขณะนั้นมีพระสงฆ์รูปหนึ่งในสำนักที่ไม่ชอบจริตนิสัยกันได้พูดจาดูถูกตำหนิท่าน หลวงปู่จวบจึงได้ทดสอบกสิณไฟ กำหนดเพ่งไปที่ก้นของพระสงฆ์รูปนั้น ปรากฏว่าพระสงฆ์รูปนั้นเอะอะโวยวายร้องลั่นกุฏิที่พัก ว่า " ใครทำกู " หลวงปู่จวบแอบยิ้มชอบใจ ในวันต่อมาช่วงเช้า หลังฉันภัตตาหารเสร็จ พระอาจารย์แป้ะ ได้เรียกหลวงปู่จวบเข้าไปพบตักเตือน โดยท่านพระอาจารย์แป้ะ บอกว่า "ที่ได้เพ่งกสิณไฟเมื่อคืน อย่าได้ทำอีก มันเป็นบาป" จึงทำให้หลวงปู่จวบตกใจกลัวในพระอาจารย์ ว่ารู้ได้อย่างไร หลังจากนั้นหลวงปู่ได้เชื่อฟังและปฏิบัติตามจนสำเร็จวิชากสิญทั้ง 10 กอง ในระยะเวลาไม่นาน หลวงปู่ได้นั้งพระกรรมฐานที่กุฏิวิปัสสนากรรมฐานที่รายรอบพระอุโบสถ ซึ่งเป็นกุฏิสำหรับพระสงฆ์ใช้ปฏิบัติพระกรรมฐาน หลังละ 1 รูป ในแต่ละวันจะมีพระสงฆ์เข้าปฏิบัติในกุฏิทั้งหลายนี้ หลังฉันภัตตาหารเช้าและทำภาระกิจส่วนตัวเสร็จหลวงปู่จวบจะเข้าไปนั่งปฏิบัติพระกรรมฐานในกุฏิแห่งนี้เป็นประจำทุกวัน ในช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นในประเทศไทย ในเขตธนบุรี ในใจหนึ่งก็กลัวระเบิดจะทิ้งลง แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปได้ ทางราชการได้เกณฑ์ผู้คนให้หลบหนี และส่งสัญญาณเตือนภัย เมื่อสัญญาณเตือนแต่ละครั้งดังขึ้น ก็สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน วิ่งหนีเพื่อเข้าหลุมหลบภัยที่ทางการจัดไว้ หลวงปู่ใช้กุฏินั่งกรรมฐานเป็นที่หลบภัย "ในใจก็บริกรรมภาวนา พุธโธ" ท่านขอให้บารมีคุณพระช่วยปกปักรักษาคุ้มครองอย่าได้มีภัยเกิดขึ้นในสำนักวัดพลับแห่งนี้ เมื่อเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นติดต่อกันหลายปี ทางการเห็นว่าไม่ปลอดภัยในบางช่วง ได้เตือนให้ประชายนในเขตใกล้เคียง ในเขต ธนบุรี ลี้ภัยไปในจังหวัดอื่น หลวงปู่จวบจึงได้ลี้ภัยไปใน จ.อยุธยา ก็เป็นโอกาศดีที่ท่านได้ไปรู้จัก และศึกษาพูดคุยสนทนาธรรม กับหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข จึงได้ข้อธรรมชั้นสูง และหลวงปู่บุดดาได้รับรองหลวงปู่จวบว่าเป็นพระสงฆ์ที่มีคุณธรรมสูงอีกองค์หนึ่งในกรุงเทพมหานครฯ ต่อมาหลวงปู่ทั้ง 2 องค์ ได้เป็นสหธรรมมิกซึ่งกันและกัน โดยหลวงปู่บุดดา ได้มีอายุพรรษามากว่า หลวงปู่จวบถึง 12 พรรษา แต่ทั้ง 2 ท่านก็ได้นับถือกันเป็นเพื่อน (เมื่อไหร่ที่หลวงปู่จวบได้มีโอกาสเดินทางผ่าน จ.อยุธยา หลวงปู่จวบมักจะแวะเวียนไปเยี่ยมหลวงปู่บุดดา และสนทนาธรรม กันบ่อยครั้งในช่วงบั้นปลายชีวิต) หลังจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง หลวงปู่จวบได้กลับมาประพฤติปฏิบัติที่สำนักวัดพลับตามเดิม

    ต่อมาในปี พ.ศ.2500 พระอาจารย์สอน เจ้าอาวาส องค์ที่ 17 สำนักวัดพลับ (วัดราชสิทธาราม) ได้ถึงกาลมรณะภาพลงด้วยโรคชราภาพ ท่านพระอาจารย์สอน ได้มอบภาระให้หลวงปู่เป็นผู้ดูแล พระอาจารย์แป้ะ ก็ชราภาพมากแล้ว หลวงปู่จวบได้อุปัฏฐากดูแลพระอาจารย์แป้ะ จนถึงวาระสุดท้าย และพระอาจารย์แป้ะได้ถึงกาลมรณะภาพลง ในปี พ.ศ.2502 หลังจากนั้นสำนักวัดพลับได้ ว่างเว้นเจ้าอาวาส ในสมัยนั้นพระสังฆาธิการได้เรียกหลวงปู่จวบเข้าไปพบหลายครั้ง เพื่อจะหมอบหมายแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสสำนักวัดพลับ แต่หลวงปู่ได้ให้การปฏิเสธพระสังฆาธิการทุกครั้ง หลวงปู่ได้เล่าให้ฟังว่า " ถ้าท่านให้ผมเป็นเจ้าอาวาส ผมจะหนีเข้าป่า " เพราะหลวงปู่ได้ให้เวลาต่อการประพฤติปฏิบัติเป็นอย่างมาก เกรงว่าถ้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ซึ่งมีภาระหน้าที่มาก จะทำให้ไม่มีเวลาต่อการประพฤติปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ท่านจึงไม่รับตำแหน่งเจ้าอาวาส เป็นเพียงผู้รักษาการเจ้าอาวาส หลังจากนั้นพระสังฆาธิการเห็นว่าสำนักวัดพลับ ว่างเว้นเจ้าอาวาสเป็นระยะเวลานานแล้ว จึงได้มีคำสั้งแต่งตั้งพระราชวิสุทธิญาณ (พระอาจารย์ อยู่) เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาส องค์ที่ 18 สำนักวัดพลับ และยังได้เมตตาหลวงปู่จวบ โดยแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส และเลื่อนสมณศักดิ์ เป็น "พระครูวิจิตรวิหารวัตร"

    ปฏิปทา หลังจากปี พ.ศ. 2504 เป็นต้นมา หลวงปู่จวบจะโปรดญาติโยม และให้การช่วยเหลือศรัทธาญาติโยมจากทุกสารทิศที่ได้เดินทางมา เพราะท่านเป็นหมอยาแพทย์แผนไทย

    ญาติโยมที่ป่วยไข้เป็นโรคต่างๆที่รักษาไม่หาย จะมาขอความช่วยเหลือจากหลวงปู่ และในบางครั้งมีญาติโยมที่ป่วยไข้อาการหนักมาพักรักษาตัว หลวงปู่ท่านไม่รังเกียจและให้การช่วยเหลือทันที โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ท่านยังคงทำวัตร สวดมนต์ เจริญจิตภาวนา เจริญพระกรรมฐาน เป็นประจำทุกวัน ในวันพระท่านจะลง อุโบสถเพื่อเทศน์โปรดญาติโยมเป็นประจำ และท่านยังเป็นอาจารย์ผู้มอบกัมมัฏฐานให้แก่ศิษยานุศิษย์ที่สนใจ มาประพฤติประฏิบัติ นำไปเป็นหลักเกณฑ์ตามแบบฉบับสำนักวัดพลับ (รายละเอียดขึ้นครูพระกรรมฐาน) จนเป็นที่เลื่องลือถึงความสามารถ ท่านได้ตรวจดูดวงชะตาในเหตุการณ์ อดีต อนาคต ปัจจุบัน ที่ได้จากภาพนิมิตแต่ละเหตุการณ์มารวมกัน และทายผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แก่ญาติโยม ที่ได้ญาณหยั่งรู้จากการฝึกฝนปฏิบัติพระกรรมฐาน โดยทายผลได้อย่างแม่นยำ จนลูกศิยษ์และประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้ขนานนามท่านว่า "หลวงพ่อตาทิพย์ หลวงปู่ตาทิพย์ " หลวงปู่ได้ให้การช่วยเหลือ ศิษยานุศิษย์และประชาชนทั้งหลาย ให้ประกอบสัมมาอาชีพโดยสุจริต ทำให้ศิษยานุศิษย์และประชาชนมีความเจริญรุ่งเรื่อง ทางด้านตำแหน่งหน้าที่ การงาน ทางด้านอาชีพค้าขาย นักธุรกิจ นักการเมือง พ่อค้า ประชาชน และอีกหลายสาขาอาชีพ ท่านได้นำวิชาความรู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา เป็นประโยชน์ศิษยานุศิษย์และประชาชนทั้งหลาย ปฏิปทาของท่านเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่ญาติโยมที่พบเห็น และได้อบรมสั่งสอนศิษยานุศิษย์ของท่านให้เป็นผู้มีความเมตตาซึ่งกันและกัน ท่านได้ช่วยเหลือวัดว่าอารามเป็นจำนวนนวนมาก โดยเฉพาะวัดบ้านเกิดและใกล้เคียง ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้เป็นแบบอย่างที่ดีงาม มีคุณธรรมสูง ให้การช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยม มักน้อย สันโดด หายากที่จะมีสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้ ท่านได้สงเคราะห์ช่วยเหลือญาติโยมติดต่อกันเป็นเวลานาน ถึง 40 ปี จวบจนถึงกาลมรณะภาพ ด้วยโรคชรา ท่านมาคติธรรมที่น่าเลื่อมใสศรัทธาแก่ศิษยานุศิษย์ เป็นพระสงฆ์ผู้เปี่่ยมล้นด้วยความเมตตาแก่ชาวโลก ท่านพูดเสมอว่า " มีเมตตามากมาก ต้องมีขันติมากมาก " เป็นการบ่งบอกถึงยความอดทนและปฏิปทาที่น่าเลื่อมใสของท่าน ที่ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเมื้อยล้า ท่านสละเวลาของท่านช่วยเหลือผู้คน ถึงแม้ว่าจะชราภาพลง หลวงปู่ก็ยังสงเคราะห์ญาติโยมตลอดเวลา

    วัตถุมงคลและวิชาความรู้ต่างๆ หลวงปู่จวบ ได้ศึกษาวิชาอักขระขอมและเลขยันต์ การปลุกเสกอักขระเลขยันต์ จากเกจิอาจารย์ ที่มีชื่อเสียงหลายท่าน หลวงปู่ได้จัดทำวัตถุมงคล เช่น พระผงหมอดินยาใบโพธิ์ ตระกรุดกันภัย น้ำเต้ากันภัย น้ำเต้าเรียกเงินเรียกทอง ผ้ายันต์ เหรียญรูปหล่อ พระผงสมเด็จ พระผงพระร่วงเปิดโลก (พิมพ์แบบพระต่างๆ ที่หลวงปู่ได้อธิตฐานจิต ดูลายละเอียด) หมีดหมอ และน้ำพระพุทธมนต์ค้าขาย น้ำพระพุทธมนต์ปัดเป่ารักษาโรคภัย และยังได้ศึกษาศาสตร์วิชาแขนงต่างๆทางโหราศาสตร์ เช่น การตั้งชื่อ พิธีกรรมบวงสรวง สะเดาะเคราะห์ต่อชะตา พิธีกรรมรับดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 เจิมรถยนต์ เจิมบ้านเรือน เสริมบารมีลงนะหน้าทอง นะมหานิยม นะเรียกเงินเรียกทอง จตุโรบังเกิดทรัพย์ ยันต์ตรีนิสิงเห การยกเสาเอกบ้านเรือนและบริษัทห้างร้าน การวางศิลาฤกษ์ การอธิษฐานจิตให้ค้าขายดี อธิษฐานจิตวัตถุมงคเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และอีกมามาย ซึ่งเป็นเมตตามหานิยมค้าขาย ร่ำรวยเงินทอง และทำให้ลาภผลทวีเพิ่มพูล สมบูรณ์พูนผล ทั้งทางโลกและทางธรรม จึงเป็นประโยชน์แก่ศิษยานุศิษย์และประชาชน

    lungpoojuob-2.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    วัตถุมงคลท่าน คนไม่ค่อยรู้จักในวงกว้าง พระมหาเกระกลางกรุงอีกองค์
    พระซุ้มกอหลวงปู่จวบวัดพลับให้บูชา ๒ องค์คู่กัน 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับมี 2 ชุด

    ชุดที่ ๑

    IMG_20240123_124053.jpg IMG_20240123_123954.jpg IMG_20240123_123925.jpg


    ชุดที่ ๒

    IMG_20240123_124053.jpg IMG_20240123_123954.jpg IMG_20240123_123925.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2024
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1706009862174.jpg
    พระพิมพ์ลีลาสวรรค์ วัดธรรมิกาวาส (วัดค้างคาว) พระเนื้อดินผสมว่าน ที่ระลึกสร้างศาลาการเปรียญ ตามตำราหลวงปู่เฒ่า (หลวงปู่เฒ่าปั้น) เนื้อผงผสมมวลสารเก่า รุ่นนี้ได้ผสมมวลสารเก่าหลวงพ่อกวย ศิษย์สายหลวงพ่อกวย ปลุกเสก พิธีใหญ่อาทิ
    หลวงพ่อเตี้ย วัดสามเอก
    หลวงพ่อตี๋ วัดท่ามะกรูด
    หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้
    หลวงพ่อเกาะ วัดท่าสมอ
    พระอาจารย์ตั้ว

    ประวัติบรูพาจารย์ “หลวงพ่อเฒ่า (ปั้น) วัดคังคาว” ตำนานบารมีครูแรง แห่งลุ่มแม่น้ำน้อย สรรคบุรี

    ประวัติหลวงพ่อเฒ่าตามคำบอกเล่าของผู้ทรงอภิญญา พระอาจารย์จิ๊ อดีตเจ้าอาวาสวัดคังคาว ผู้เล่าจะไม่ขอเจาะลึกมากนัก เพราะว่าจำได้ไม่หมดเช่นกัน

    หลวงพ่อเฒ่าเกิดในสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ ๒ แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ภูมิลำเนาเดิมของท่านอยู่ที่อำเภอบางปลาสร้อย จังหวัดชลบุรี เป็นคนชลบุรีโดยกำเนิด

    โยมแม่ของหลวงพ่อเฒ่าเป็นคนมอญ โยมแม่ท่านมีเชื้อสายราชวงศ์ เพราะหลวงพ่อเฒ่าเองท่านเก็บเชี่ยนหมากที่เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในสมัยนั้นไว้ด้วยแต่ในส่วนของมีดประจำตำแหน่งนั้นสูญหายไป ส่วนโยมพ่อของหลวงพ่อเฒ่าเป็นคนจีนมาจากจีน (เป็นซินแส) ย้ายมาอยู่เมืองไทยในสมัยนั้น

    หลวงพ่อเฒ่าท่านถูกเกณฑ์ไปทหารตั้งแต่อายุ 16 ปี (สมัยนั้นเรียกทหารเลว) ท่านสำเร็จในวิชาพิชัยสงครามตั้งแต่อายุได้เพียง 17 ปี และท่านเป็น 1 ใน 500 ของทหารพระเจ้าตากสินที่ร่วมตีฝ่าวงล้อมออกมาก่อนจะเสียกรุงในเวลานั้น

    หลวงพ่อเฒ่าท่านเก่งและเชี่ยวชาญในด้านศาสตร์พิชัยสงครามเป็นอย่างมากภายหลังตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานีก็ถูกส่งขึ้นเหนือมาดูแลพระนครศรีอยุธยาราชธานีเก่า หลังสิ้นยุคสงครามได้บวชพระและจำวัดอยู่ที่พระนครศรีอยุธยา

    หลวงพ่อเฒ่า (ปั้น) เดิมนั้นท่านมิได้ชื่อปั้น ท่านมีรูปร่างล่ำสัน ตันแบบมะขามข้อเดียว ผิวคล้ำ ผู้เขียนสอบถามพระอาจารย์ว่า .. พระอาจารย์เคยถามหลวงพ่อหรือไม่ครับว่าเดิมทีชื่อเสียงเรียงนามอันแท้จริงของท่านชื่ออะไร
    พระอาจารย์ตอบ : เคยถามอยู่หลายครั้งนะ แต่ท่านเงียบ

    หลวงพ่อเฒ่าท่านได้เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามมาตั้งแต่ออกบวชเพื่อมิให้ใครจำได้ โดยที่คนทั่วไปมักจะเรียกท่านว่าเฒ่าหรือเสือเฒ่า

    ตอนท่านออกบวชช่วงแรกนั้นท่านยังจำพรรษาอยู่ที่อยุธยา ท่านเก่งวิชาอาคมและเป็นเอกอุเรื่องมนต์กระจาย เมื่อท่านออกธุดงค์สมัยนั้นต้องธุดงค์กันทางน้ำ หลวงพ่อเฒ่าท่านใช้เรือสามปั้นล่องมาตามแม่น้ำครั้นล่องเรือมาถึงท่าดินแดง บริเวณลุ่มแม่น้ำน้อยแห่งนี้ เรือของท่านเกิดติดทรายเข้า ท่านจึงต้องลงมาดันเรือพรางคิดในใจว่าแถวนี้จะมีที่พักที่ไหนบ้าง ท่านจึงหยิบผ้าอาบน้ำฝนหรือผ้าเปลี่ยนน้ำอธิฐานแล้วโยนขึ้นไปให้ลมพัดเสี่ยงทาย

    ปรากฎว่า..ผ้าปลิวตามลมไปมาตกที่ยอดต้นยางที่วัดธรรมิกาวาส (คังคาว) ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนั้นวัดเป็นวัดร้างสันนิษฐานว่าเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา หลวงพ่อเฒ่าปั้นจึงเริ่มรวบรวมศรัทธาชาวบ้านร่วมกันก่อสร้างวัดคังคาวขึ้น โดยท่านแสดงปาฏิหาริย์อยู่หลายครั้งเพื่อรวมใจชาวบ้าน

    ก่อนหน้าที่ท่านจะมาพักที่วัดคังคาวนี้ ท่านได้เดินทางไปส่งพระเจ้าตากสินที่ราชบุรีมาก่อน โดยหลวงพ่อเฒ่านั้นออกบวชพร้อมกันกับทางสมเด็จพระเจ้าตากสิน ก่อนจะแยกกันหลังจากนั้น

    หลวงพ่อเฒ่าเป็นคนข้างเฉียบและเด็ดขาด ท่านชอบคนจริง พูดจริง ทำจริง สมัยก่อนชื่อเสียงของท่านขจรขจายเลื่องลือไปทั้งคุ้งน้ำตั้งแต่อยุธยา อ่างทอง ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี จนถึงอุทัยธานี สมัยหลวงปู่ศุขท่านบวชได้ใหม่ๆ ยังเดินทางมาแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงพ่อเฒ่าที่วัดคังคาว

    หลวงพ่อเฒ่าท่านมามรณะภาพในช่วงรัชกาลที่ 5 ( รวม 3 ราชวงศ์ 9 แผ่นดิน) โดยเวลานั้นหลวงพ่อเฒ่ามีอายุประมาณ 130 - 140 ปี ท่านอาพาธหนักจากการตกจากหลังช้าง เมื่อคราวไปงานบวชที่เดิมบาง ระหว่างทางมีโจรมาปล้นช้างทำให้หลังจากกลับมาจากงานบวชท่านก็อาพาธหนัก

    แม้กาลปัจจุบัน หลวงพ่อเฒ่าจะละสิ้นสังขารไปนานมากกว่าร้อยปีแต่ความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ยังปรากฏให้ได้เห็นอยู่ตลอดเวลา ดังจะมีผู้ไปบูชากราบไหว้ขอพรหรือบนบานอยู่อย่างสม่ำเสมอและทุกอย่างจะสำเร็จสมประสงค์กับบารมีที่สั่งสมมาของแต่ละคนอยู่เป็นประจำเห็นได้จากการไปแก้บนที่วัดกันอยู่เนืองๆ

    โดยผู้ที่บนบานศาลกล่าวเมื่อสำเร็จสมปรารถนาแล้วก็ต้องไปแก้เสมอ มิฉะนั้นแล้วจะพบว่ามีลิงป่ามาเดินวนๆ เวียนๆ อยู่หน้าบ้านบ้าง หลังบ้านบ้างเพื่อทวงคำสัญญาที่บอกกล่าวไว้

    อีกหนึ่งวิชาเข้มขลังวิชามนต์พระกาฬ วิชานี้มาจากสายวิชาหลวงพ่อเฒ่า

    หลังจากหลวงพ่อเฒ่าแล้วก็ยังมีลูกหลานของหลวงพ่อเฒ่าเป็นเจ้าอาวาสต่อกันมาอีกหลายองค์ได้แก่ หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่อหยวก หลวงพ่อต่อ หลวงพ่อสอน หลวงพ่อปลูก หลวงพ่อแถม หลวงพ่อมนตรี หลวงพ่อชั้น หลวงพ่อสวัสดิ์ พระอาจารย์จิ๊ และพระอาจารย์จ่อย

    เรียบเรียง : ศริตวรรธน์ ภาสิริวงศ์
    กลุ่มพระครูวิจิตรชยากร ฐานสีโล วัดธรรมิกาวาส จ.ชัยนาท

    https://www.komchadluek.net/amulet/526671

    เข้าไปอ่านประวัติท่านกันได้ก่อนครับบรมครูแห่งเมืองสรรคบุรีชัยนาท ยันต์ อะ ปะ จะ คะ ค่ายกล

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสรรค์พิมพ์ยืนหลังยันต์อะปัจค่ะวัดค้างคาวหลวงพ่อเฒ่าให้บูชาองค์ละ 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ มี องค์

    องค์ที่ ๑

    IMG_20240123_174105.jpg IMG_20240123_174134.jpg

    องค์ที่ ๒
    (ปิดรายการ)

    IMG_20240123_174236.jpg IMG_20240123_174315.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2024
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1706082705477.jpg


    หลวงพ่อด่วน" หรือ พระครูประภัสรวิริยคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง เป็นพระเกจิรูปหนึ่งที่ชาวระนองให้ความเลื่อมใสศรัทธา เป็นพระเถระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม หลวงพ่อด่วน เป็นผู้สร้างวัดบางนอนและสร้างพระพุทธไสยาสน์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นศาสนสมบัติของประเทศชาติสืบไปชั่วกาลนาน

    ประวัติหลวงพ่อด่วน ถามวโร วัดบางนอน อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า ด่วน ปรางสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2460 ที่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา โยมบิดา-มารดา ชื่อนายแดง และนางปราง ปรางสุวรรณ ในวัยเยาว์ ได้เรียนจบชั้น ป.4 ก่อนลาออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่ทำนา

    อายุครบ 21 ปี ได้สมัครเข้ารับราชการตำรวจ แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก จึงตัดสินใจออกบวช ณ วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง โดยมีพระครูเดิม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังอุปสมบท ท่านได้หมั่นศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ผ่านไป 1 พรรษา จึงได้รับนิมนต์ไปปฏิบัติกัมมัฏฐานอยู่ที่ถ้ำบนภูเขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ห่างจากวัดราว 10 กิโลเมตร ซึ่งมีความสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ด้วยความมุ่งมั่น สามารถปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างเคร่งครัด ตามคำสั่งสอนของพระอุปัชฌาย์ จนจิตใจสงบนิ่งแน่ว โดยยึดหลักว่า ไม่กลัวอด ไม่กลัวหิว กระหายน้ำ ไม่กลัวสิ่งใดๆ แม้กระทั่งความตาย หลังจากนั้นได้ออกธุดงค์ไปโปรดญาติโยมตามสถานที่ต่างๆ โดยลำพัง ค่ำที่ไหนปักกลดที่นั่น ส่วนใหญ่จะในที่ป่าช้าและในถ้ำหรือใต้ต้นไม้ จากพัทลุงเดินข้ามเขาบรรทัดไป อ.กันตัง จ.ตรัง แล้วไปที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง จนไปถึง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาได้กลับไปยังอำเภอเขาชัยสนอีกครั้งหนึ่ง แล้วตัดสินใจเดินทางไป อ.กันตัง เพื่อลงเรือยนต์เดินทางไปยังจังหวัดระนอง เพราะสมัยนั้นยังไม่มีถนนหนทางโดยใช้เวลานานนับเดือน

    เมื่อเรือถึงปากน้ำระนองในตอนเช้าตรู่ เรือจอดที่ท่าเรือวัดปากน้ำ บนเกาะคณฑี จึงได้ฉันจังหันมื้อแรก จากนั้นได้เดินทางข้ามฝั่งจากเกาะมายังแผ่นดินใหญ่ แล้วเดินลัดเลาะไปปักกลดอยู่ที่ใกล้ตัวเมืองระนอง ท่านได้ตัดสินใจปักหลักอยู่ที่จังหวัดระนองและสร้างวัดขึ้นตั้งแต่ปี 2502 เป็นต้นมาคือ วัดวารีบรรพต(วัดบางนอน) ในปัจจุบัน และท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก

    prasaiyat.jpg
    พระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนวัดวารีบรรพต(วัดบางนอน)

    พระพุทธไสยาสน์ วัดบางนอน
    พ.ศ.2504 ท่านได้สร้างพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอน ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ บนเนินเขาบางนอน โดยมีนายช่างจากกรมศิลปากรเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง เมื่อการก่อ สร้างใกล้แล้วเสร็จ กรมศิลปากรแนะนำให้ท่านทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานดวงพระเนตรพระพุทธรูปปางไสยาสน์ผ่านทางสำนักพระราชวัง เมื่อทางสำนักพระราชวังนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานดวงพระเนตรพระพุทธไสยาสน์ทั้งสองดวง

    วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2521 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงเบิกพระเนตรพระพุทธไสยาสน์และยกช่อฟ้าอุโบสถวัดวารีบรรพต นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ชาวจังหวัดระนองอันยิ่งใหญ่

    หลวงพ่อด่วน เป็นพระนักพัฒนา เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านได้มาจากการบริจาคสมทบทุน ได้นำมาสร้างและปฏิสังขรณ์วัด พระพุทธไสยาสน์ให้เป็นปูชนียสถานอยู่คู่กับพระพุทธศาสนา เช่นเดียวกับสังขารของท่านที่ยังคงอยู่ให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้กราบไหว้สักการะตราบนานเท่านาน ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2518 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่พระครูประภัสรวิริยคุณ ก่อนได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในนามเดิม เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 หลวงพ่อด่วนได้มรณภาพลงอย่างสงบ ด้วยโรคปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุ 90 ปี พรรษา 69 ณ วันนี้ แม้หลวงพ่อด่วนจะละสังขารไปแล้ว แต่คุณงามความดีของท่านยังคงปรากฏอยู่คู่เมืองระนองสืบไป 3ปีมรณภาพ หลวงพ่อด่วน ถามวโร วัดบางนอน-สร้างวัตถุมงคล

    ข่าวพระเครื่อง ที่มาหนังสือพิมพ์ข่าวสด
    MGR Online
    ข่าวภาคใต้
    หน้าหลัก ภาคใต้ ข่าวภาคใต้
    ปาฏิหาริย์กับสังขาร “หลวงพ่อด่วน” เผาไม่ไหม้!
    เผยแพร่: 9 พ.ย. 2550 11:44 โดย: MGR Online
    ระนอง - เกิดปาฏิหาริย์กับสังขาร “หลวงพ่อด่วน” อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมืองระนอง ขณะเผานาน 30 นาที เปลวไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์จึงยุติการเผา นำศพลงจากเมรุเพื่อบรรจุใส่โลงแก้วไว้สักการบูชา

    เมื่อคืนวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 21.00 น.ที่เมรุลอยวัดวารีบรรพต หรือวัดบางนอน ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง ได้จัดพิธีประชุมเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน พระเกจิย์ชื่อดัง จ.ระนอง โดยมีคณะศิษยานุศิษย์ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

    หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อออกจากโลงแล้วประกอบพิธีเผาศพ เมื่อสัปเหร่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟไปได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ท่ามกลางคณะศิษยานุศิษย์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ ปรากฏว่าได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นเมื่อเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อแม้แต่น้อย แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไฟไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น คณะลูกศิษย์ตัดสินใจยุติการเผา แล้วใช้น้ำราดดับไฟทันที

    จากนั้นได้นำศพของหลวงพ่อใส่ในโลงแล้วนำขึ้นไปวางในวิหารพระพุทธไสยาสน์ แล้วยกร่างของหลวงพ่อออกจากโลงมาวางบนแท่นเพื่อเปลี่ยนจีวรให้ใหม่ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของลูกศิษย์เพราะเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ
    ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้กันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้เพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวายเข้าไปมุงดูศพและแย่งชิงจีวร เครื่องอัฏฐบริขาร

    จากการสังเกตศพของหลวงพ่อเมื่อยกออกมาจากโลงอยู่ในสภาพนอนหงายเหมือนคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก บริเวณผิวหนังของแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แว่นตาที่สวมใส่อยู่ก็ไม่มีรอยร้าวหรือหม่นหมองแต่อย่างใด ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้

    ส่วนจีวรที่ห่มศพก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งทันทีที่พระภิกษุและเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรที่ห่มอยู่ออกแล้วห่มผืนใหม่ให้แทน ประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่อก็แย่งชิงจีวรผืนเก่ากันเป็นจำนวนมากเพื่อนำไปเป็นเครื่องรางของขลัง หลังจากเปลี่ยนจีวรใหม่แล้วคณะลูกศิษย์จึงได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นก็นำศพเก็บไว้ในโลงตามเดิมเพื่อรอโลงแก้ว

    พระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต กล่าวว่า ทางคณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารณ์ของหลวงพ่อไว้ในโลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อเพื่อให้ประชาชนได้กราบนมัสการสักการบูชาต่อไป

    ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูประภัสรวิริยคุณ ณ เมรุลอย ภายในวัดวารีบรรพต โดยมีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาพิธีพระราชทานเพลิงศพฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น.ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ

    สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 ด้วยโรคปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา ชื่อเดิมว่า ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ปรางสุวรรณ ภูมิลำเนาเดิมบ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน

    เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 เมื่อเรียนจบชั้น ป.4 แล้ว ช่วยพ่อแม่ทำนา พ่ออายุ 21 ปี สมัครเข้ารับราชการตำรวจแต่ไม่ผ่านการคัดเลือกจึงตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระ ณ วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง จำพรรษาอยู่ที่วัดบางแก้วใต้ 1 พรรษา

    จากนั้นไปปฏิบัติกรรมฐานที่ถ้ำบนเขาชัยสน 2 พรรษา และได้ออกธุดงค์โปรดสัตว์ไปยังสถานที่ต่างๆ หลายจังหวัด จนได้มาถึงปากน้ำเมืองระนอง ขณะที่ปักกลดธุดงค์อยู่นั้น นายไปล์ จุลเขตต์ ชาวบ้านตำบลบางนอนได้นิมนต์ให้ไปปักกลดที่บ้านบางนอน บริเวณตรงที่สร้างพระนอนในปัจจุบัน ซึ่งหลวงพ่อจึงได้ตัดสินใจอยู่ที่จังหวัดระนองและสร้างวัดขึ้นตั้งแต่ปี 2502 เป็นต้นมา คือ วัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ในปัจจุบัน

    ขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ พร้อมทั้งจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระเป็นจำนวนมาก เพื่อนำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์มาจวบจนถึงปัจจุบัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    หลวงปู่ทวดพ่อท่านด่วนวัดบางนอนปี 39 ให้บูชา บาทค่าจัดส่งด่วน
    30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240124_143253.jpg IMG_20240124_143334.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2024
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงปู่ทวดรุ่นพินัยกรรมปี 2505 ที่ระลึกสวัสดิการข้าราชการตำรวจรถไฟ หาดใหญ่
    ให้บูชา 999 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


    IMG_20240124_150102.jpg IMG_20240124_150131.jpg IMG_20240124_150033.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    127096670.jpg
    พระผงเกศาครูบาพรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า มีมวลสารและพิธีกรรมดียิ่ง พระชุดนี้จึงได้รับความนิยมจากท้องถิ่นเเละเรียกพระชุดนี้ว่า พระเนื้อว่าน 7 นคร องค์ประกอบในการจัดสร้าง -เกศาท่านครูบาพรหมา -ผงธูปจากวัดที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ ๗๐ จังหวัด อาทิ วัดพระธาตุดอยสุเทพ, วัดพระแก้ว, วัดพระธาตุพนม, วัดพระปฐมเจดีย์ ฯลฯ -ครั่ง -ชัน -แผ่นทองคำเปลว -ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว -ว่านพญานางกวัก -ว่านสามพันตำลึง -ว่านนาคบ่วงบาศ -ว่านมหานิลดำ -ว่านทรหด -ว่านงาช้าง -ว่านหางช้าง -ดอกบัวสัตตบงกช -ดอกมะลิ -ดอกหอมไกล -ดอกราตรี -ดอกแก้ว -ดอกจำปา -ดอกจำปี -ดอกบุญนาค -ดอกสารภี -ส้มป่อย -ดิน ๗ มหานคร
    ให้บูชา บาท ค่าจัดส่งด่วน30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240124_151437.jpg IMG_20240124_151508.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2024
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    _38___186.jpg


    รูปหลวงพ่อกัณหา เลี่ยม เดิมพร้อมสร้อย
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240124_151550.jpg IMG_20240124_151531.jpg
     
  8. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,966
    ค่าพลัง:
    +6,876
    ขอจององค์ที่ 2 ครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    282864-1176x1536-jpg-jpg.jpg
    พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์)
    อายุสิริ 93 พรรษา
    ท่านเป็นพระเก่งเงียบ ท่านมีวิชาลบผงสร้างผงจากตำราโบราณของวัดสุทัศน์ (ตำราโบราณของพระครูมูล วัดสุทัศน์) เป็นสหายธรรมกับหลวงปู่นาคและหลวงปู่หินวัดระฆัง จึงได้รับมอบผง พระนิรภยันตราย
    ได้มวลสารจากดินสังเวชนียสถาน และมวลสารจากพระสมเด็จที่แจกหักได้มาจากวัดระฆังมาผสมเข้าไปในพระนิรภยันตราย ได้เกิดศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ผู้ที่ได้ครอง ไปแขวนคอเหมือนห้อยสมเด็จวัดระฆัง
    ท่านเป็นหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกพระยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ และงานพุทธาภิเษกใหญ่ ๆ
    เช่นท่านปลุกเสกเดี่ยวนายวิหารหลวงพ่อโต วัดเสาธงทอง ลพบุรี เป็นเวลา 2 พรรษาเต็ม เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ขึ้นมาทันที ท่านนั่งสมาธิได้เกิดลมพายุสีฟ้าร้องสนั่นไปทั่ววัด
    ได้มีประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง ตอนผมไปร่วมงานพิธี
    อายุวัฒนมงคล 90 ปี พระครูสุทัศน์ วัดเสาธงทอง ลพบุรี ผมได้มาก็พกติดตัวไว้เกิดปาฏิหาริย์ แม่ถูกลอตเตอรี่เกือบ 10 คู่
    นั่นแหละนั่นแหละผมเชื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ของพระนิรภยันตราย ให้โชคลาภผมให้ผมถูกลอตเตอรี่ 10 คู่ได้เงินมาจำนวน 1 และถูกเลขหน้า 3 ตัวอีก 5 คู่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพระ
    พระนิรภยันตราย มีจริงครับทั้ง
    มีแคล้วโชคลาภเมตตาเงินทองไหลมาเทมารวมรวมอยู่ในพระองค์นี้องค์เดียว
    ใครได้ไปก็สมปรารถนานะใครมีไว้ก็แขวนคอได้เลยการันตีว่าศักดิ์สิทธิ์จริงขอได้สมปรารถนาทุกประการ ใครยังไม่มีก็ลองไปหาดูหรือไปไปหาพระเดชพระคุณ
    พระครูสุทัศน์ วัดเสาธงทอง ลพบุรี ไปทำบุญกับท่านขอบอก ตั้งปลุกเสกเดี่ยวหลายวาระหลายพรรษานะ ท่านมีพลังจิตแน่วแน่กล้า ปลุกเสกมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหมือนมีชีวิต
    รีบหากันนะเดี๋ยวหมดไปท้องตลาดนะอาจจะมีหลงเหลืออยู่
    พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์)
    พรรษานะ ท่านมีพลังจิตแน่วแน่กล้า พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์)
    อายุสิริ 93 พรรษา
    ท่านเป็นพระเก่งเงียบ ท่านมีวิชาลบผงสร้างผงจากตำราโบราณของวัดสุทัศน์ (ตำราโบราณของพระครูมูล วัดสุทัศน์) เป็นสหายธรรมกับหลวงปู่นาคและหลวงปู่หินวัดระฆัง จึงได้รับมอบผง พระนิรภยันตราย
    ได้มวลสารจากดินสังเวชนียสถาน และมวลสารจากพระสมเด็จที่แจกหักได้มาจากวัดระฆังมาผสมเข้าไปในพระนิรภยันตราย ได้เกิดศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ผู้ที่ได้ครอง ไปแขวนคอเหมือนห้อยสมเด็จวัดระฆัง
    ท่านเป็นหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกพระยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ และงานพุทธาภิเษกใหญ่ ๆ
    เช่นท่านปลุกเสกเดี่ยวนายวิหารหลวงพ่อโต วัดเสาธงทอง ลพบุรี เป็นเวลา 2 พรรษาเต็ม เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ขึ้นมาทันที ท่านนั่งสมาธิได้เกิดลมพายุสีฟ้าร้องสนั่นไปทั่ววัด
    ได้มีประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง ตอนผมไปร่วมงานพิธี
    อายุวัฒนมงคล 90 ปี พระครูสุทัศน์ วัดเสาธงทอง ลพบุรี ผมได้มาก็พกติดตัวไว้เกิดปาฏิหาริย์ แม่ถูกลอตเตอรี่เกือบ 10 คู่
    นั่นแหละนั่นแหละผมเชื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ของพระนิรภยันตราย ให้โชคลาภผมให้ผมถูกลอตเตอรี่ 10 คู่ได้เงินมาจำนวน 1 และถูกเลขหน้า 3 ตัวอีก 5 คู่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพระ
    พระนิรภยันตราย มีจริงครับทั้ง
    มีแคล้วโชคลาภเมตตาเงินทองไหลมาเทมารวมรวมอยู่ในพระองค์นี้องค์เดียว
    ใครได้ไปก็สมปรารถนานะใครมีไว้ก็แขวนคอได้เลยการันตีว่าศักดิ์สิทธิ์จริงขอได้สมปรารถนาทุกประการ ใครยังไม่มีก็ลองไปหาดูหรือไปไปหาพระเดชพระคุณ
    พระครูสุทัศน์ วัดเสาธงทอง ลพบุรี ไปทำบุญกับท่านขอบอก ตั้งปลุกเสกเดี่ยวหลายวาระหลายพรรษานะ ท่านมีพลังจิตแน่วแน่กล้า ปลุกเสกมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหมือนมีชีวิต
    รีบหากันนะเดี๋ยวหมดไปท้องตลาดนะอาจจะมีหลงเหลืออยู่
    พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์)เสกมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหมือนมีชีวิต
    รีบหากันนะเดี๋ยวหมดไปท้องตลาดนะอาจจะมีหลงเหลืออยู่
    พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์)
    พุทธคุณ
    พระผงของขวัญ พระนิรภยันตราย ของ พระครูประภัสร์ สุตคุณ (พระครูสุทัศน์) วัดเสาธงทองพระอารามหลวง ลพบุรี
    เชื่อกันว่ามีพุทธคุณสูงในด้านเมตตามหานิยมมหาลาภแคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพัน จึงได้บอกเล่ากันถึงอานุภาพความขลังนี้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้กันมาก เชื่อกันว่าถ้ามีพระนิรภยันตราย
    อยู่กับตัวแล้ว จะช่วยปกปักรักษาคุ้มครองภัย และมีเงินทิงใช้ตลอดไม่ขาดมือกันเลยล่ะ
    https://www.5forcenews.com/?p=333303
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระหูยานพิมพ์ใหญ่พระครูสุทัศน์วัดเสาธงทองเนื้อชินให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    img_20240115_201735-jpg.jpg img_20240115_201802-jpg.jpg img_20240115_201708-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2024
  10. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,148
    ค่าพลัง:
    +1,192
    จองครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระพุทธเนื้อนวะรุ่น 1 วัดหนองสะเดาอำเภอสามชุกสุพรรณบุรีปี 2539
    พระชัยวัฒน์หลวงพ่อไววัดพนัญเชิงอยุธยา
    ให้บูชา 2 องค์ 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240125_131230.jpg IMG_20240125_131249.jpg IMG_20240125_131201.jpg IMG_20240125_131120.jpg IMG_20240125_131059.jpg
    IMG_20240125_131037.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2024
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1701706917565-jpg.jpg
    ประวัติหลวงพ่อโชติ คุณสัมปันโน (พระเทพสุทธาจารย์) วัดวชิราลงกรณ์ ท่านเป็นพระสายกรรมฐาน ลูกศิษย์ของหลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ และหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ท่านระลึกชาติได้ครับ เรื่องของหลวงพ่อโชตินี้เป็นเรื่องฮือฮามากในยุคนั้น แม้แต่พระชั้นผู้ใหญ่ระดับสมเด็จพระสังฆราชยังทรงมีพระบัญชาให้เข้าไปเล่าถวายเลย และบันทึกเรื่องไว้ ....ท่านเกิด(พ.ศ.2451) มาจากท้องแม่วันแรกก็ระลึกได้ชัดเจนเลยว่าตนเองเป็นอดีตพี่ชายของแม่ของตนเองในชาติปัจจุบันก่อนหน้านั้นตนเองถูกฆ่าตายจิตเป็นห่วงน้องสาวจึงมาหาน้องสาวที่บ้านซึ่งขณะนั้นน้องสาวยังเริ่มตั้งครรภ์อ่อนๆ รู่สึกคล้ายถูกดูดเข้าในท้องน้องสาวทันทีเดี๋ยวนั้น ตอนที่เป็นทารกน้อยๆรู้สึกอึดอัดมากอยากจะพูดบอกความจริงแต่พูดไม่ได้เพราะยังแบเบาะอยู่มาก พอเริ่มได้ขวบกว่าหรือสองขวบเริ่มพูดได้ก็บอกแม่เลยว่าเป็นใคร ปรากฎว่าถูกตีแทบแย่ เพราะคติคนโบราณจะกลัวคนระลึกชาติได้ ถ้ารู้ว่าเด็กคนไหนระลึกชาติได้ จะบังคับทุบตีห้ามพูดอีก จนนานๆเข้าเด็กก็ค่อยๆลืมไป รู้สึกคล้ายเป็นความฝันไป แต่หลวงพ่อโชติไม่ลืมจนกระทั่งเติบโต และพูดเหตุการณ์ชาติที่แล้วและพิสูจน์หลักฐานทุกอย่างได้สมบูรณ์ทุกประการ เรื่องนี้มักจะเป็นเรื่องเล่าในหมู่ผู้ปฏิบัติเสมอ (มรณภาพ พ.ศ.2517)

    สืบหาพระเครื่องดี
    พระเทพสุทธาจารย์ (หลวงปู่โชติ คุณสมฺปนฺโน)
    January 5, 2017 Ampol Jane ระลึกชาติ, หลวงปู่โชติ
    ผมได้ยินและได้ฟังอุโฆษแห่งชื่อเสียงหลวงปู่โชติ คุณสมฺปนฺโน แห่งวัดวชิราลงกรณวราราม และวัดถ้ำไตรรัตน์มานานแล้ว เป็นแต่ว่าไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสบุญบารมีของท่านด้วยตนเองมาก่อน เนื่องจากว่าในเวลารุ่งโรจน์แห่งชีวิตของท่านนั้นผมยังนึกไม่ออกว่าผมมัวไปอยู่ไปทำอะไรอยู่ข้างไหน
    เช่นเดียวกับหลวงปู่แหวน, หลวงปู่ฝั้น, หลวงปู่ขาว, หลวงปู่ตื้อ, หลวงปู่ดูลย์, ครูบาพรหมจักร, พระอาจารย์วัน, พระอาจารย์จวน และอีกหลายๆองค์ ผมก็ไม่ได้สัมผัสกราบไหว้ คงเพียงสดับกิตติศัพท์แห่งคุณงามความดีของพวกท่านอยู่อีกฟากโลกเท่านั้น
    จะบอกว่าบุญน้อยก็เบาบางไป ไม่ตรงนัก ต้องใช้คำว่าผมยังโง่อยู่จึงใกล้เคียงความจริง
    เพราะฉะนั้นเรื่องราวของหลวงปู่โชติที่ผมจะได้นำมาขยายต่อไปนี้ จึงเกิดขึ้นจากกการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง จะรับรองแข็งขันว่าทุกเรื่องตรงความจริงที่สุดก็ไม่ถนัดนัก อาจมีคลาดเคลื่อนอยู่บ้างเป็นธรรมดา ด้วยเหตุว่าทุกเรื่องล้วนแต่เกิดขึ้นจากการบันทึกตามปากผู้เล่า แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามย่อมต้องมีมูลเค้าอันแน่แท้สอดแทรกอยู่เหมือนกัน ผู้อ่านเมื่ออ่านแล้วขอให้พิจารณากันไป จะปักใจเชื่อได้แค่ไหนก็สุดแท้แต่ความเหมาะควร
    ผมได้รู้สึกว่าใกล้ชิดเรื่องราวของหลวงปู่โชติเข้าบ้างก็ตอนที่ได้กราบหลวงตาจิรศักดิ์ ฐิตธมฺโม ที่วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ เมื่อปีกลาย หลวงตาจิรศักดิ์เป็นหลานของหลวงปู่โชติมาหลายปีและได้เมตตากรุณาแก่ผมตามสมควร ได้เล่าเรื่องหลวงปู่โชติให้ฟังนิดหน่อย และได้เมตตาส่งข่าวคราวของท่านเองให้ผมอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง แม้คราวที่ท่านออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือโดยเดินทะลุเข้าเมืองแม่ฮ่องสอน ท่านก็ส่งข่าวของท่านให้ผมทราบทางจดหมายโดยตลอด ผมยังสำนึกในเมตตากรุณาของท่านอยู่เสมอไม่ลืม
    นึกไว้ในใจทุกขณะที่ระลึกได้ว่าจะได้กราบท่านอีกครั้งหนึ่งที่ไหนสักแห่ง และในอนาคตข้างหน้า ท่านก็จะได้เป็นที่พึ่งแก่ผมยามแก่เฒ่าอีกองค์หนึ่ง
    ถ้าหลวงตาได้อ่านได้ทราบนัยแห่งหัวใจผมแล้ว ผมหวังในเมตตากรุณาของหลวงตาจงมีแก่ผมตลอดไปเหมือนเดิม
    หลวงตาจิรศักดิ์ได้กรุณาล่าเรื่องหลวงปู่โชติในส่วนที่เป็นการระลึกชาติของหลวงปู่โชติ และได้มอบหนังสือที่หลวงปู่โชติเขียนถึงการระลึกชาติแก่ผมฉบับหนึ่ง ซึ่งผมได้นำลงตีพิมพ์ไปแล้วในภาคประวัติของหลวงปู่ดลย์ อตุโล โดยจบสิ้นสมบูรณ์ ผู้อ่านสามารถย้อนไปค้นอ่านได้
    เรื่องการระลึกชาติของหลวงปู่โชตินั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเด่นที่สุดในชีวิตของท่าน ซึ่งท่านได้เขียนเองเล่าเองทั้งหมดด้วยเต็มปากและใจ ผมเคยเอาพระเครื่ององค์หนึ่งให้เพื่อนดู เขาถามว่าพระของใคร เมื่อบอกว่าของหลวงปู่โชติ ปากช่อง เขาก็ร้องอ๋อ…องค์ที่ระลึกชาติได้ นั่นย่อมโชว์ให้เห็นว่าเรื่องระลึกชาติของท่านเป็นที่รู้จักแพร่หลายจริง ๆ
    ยังมีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งรู้จักกันแพร่หลายไม่แพ้การระลึกชาติ คือเรื่องห้ามพายุให้สงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่ทราบแน่ชัด แต่เล่ากันว่าขณะที่ท่านกำลังอบรมสั่งสอนภิกษุสามเณรในวัดหนึ่ง โดยอบรมอยู่บนศาลาใหญ่ ขณะนั้นเกิดลมพายุพัดตรงมา หักโค่นทำลายต้นไม้และสิ่งปลูกสร้างล้มระเนระนาดเป็นทางมา ท่านก็หยุดการอบรมพระเณรไว้อึดใจหนึ่ง ชี้นิ้วสวนทางไปยังพายุลูกนั้น ปรากฏว่าลมจัดจ้านหยุดนิ่งลงทันที
    การห้ามพายุให้หยุดนี้เท่าที่ทราบปรากฏว่ามีเกิดขึ้น 2 ครั้ง ครั้งที่สองเกิดขึ้นตอนที่ท่านเริ่มลงมือสร้างศาลาวัดวชิราลงกรณวรารามใหม่ ๆ มีลมพายุรุนแรง เช่นเดียวกัน ท่านก็ได้ชี้นิ้วไปที่พายุลูกนั้นเหมือนเคย ผลปรากฏว่าพายุสงบนิ่งลงทันที สงบอยู่นานนับ 10 นาทีเห็นจะได้ แต่อย่างไรไม่ทราบท่านก็หยุดชี้นิ้วลง ทำให้พายุก่อตัวขึ้นอีก และสามารถพัดทำลายศาลาโรงครัวที่เพิ่งสร้างเสร็จไหม่ๆพินาศไป
    เรื่องห้ามพายุนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนทั้งหลายรู้จักกันดี
    ปาฏิหาริย์อย่างนี้หากได้เห็นกับตนเองสักครั้งคงเป็นวาสนาไม่น้อย แม้ว่าวาสนาของผมจะมีไม่ถึงพระเณรหรือบุคคลอื่นใดที่อยู่ในเหตุการณ์ห้ามพายุของหลวง
    ปู่โชติก็ตาม แต่ว่าผมก็เห็นคล้ายๆ กับเรื่องนี้ครั้งหนึ่งตอนนั้นไปกราบสนทนากับ ดร.ปรีชา พิณทอง บนยอดตึกของบ้านท่าน ได้เกิดพายุรุนแรงพัดเอาทุกอย่างปลิวกระเจิง พายุนั้นไม่ถึงกับทำลายอาคารบ้านเรือนหรือต้นไม้ แต่สามารถหอบเอาเสื่อน้ำมันปูพื้นทั้งผืนม้วนลอยขึ้น ผมเห็นคุณพ่อปรีชาทำปากขมุบขมิบ หน้าตาเคร่งเครียด แล้วโบกมือทำนองไล่ลมพายุ 3 ครั้ง พายุก็สงบ
    ผมรับว่าแปลกใจ ไม่รู้ว่าเป็นไปได้อย่างไร
    คุณพ่อปรีชาอธิบายทีหลังว่า เรื่องเวทมนตร์กลคาถาเป็นของมีจริง ถ้าผมสนใจทางนี้ หรือขัดข้องครูบาอาจารย์เมื่อไหร่ให้ไปหาท่านก็จะได้รับความเมตตากรุณาสอนให้
    คุณพ่อปรีชา ได้รับเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ในอดีตเคยเป็นภิกษุ เป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่งในเมืองอุบลฯ ปัจจุบันดำรงเพศคฤหัสถ์ ประกอบอาชีพทางด้านเขียนและค้นคว้าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสมบัติบรรพบุรุษอีสาน ภรรยาของท่านเคยบอกว่า ท่านมีความเป็นอยู่ทุกวันนี้เหมือนเก่า คือเหมือนสมัยเป็นพระไม่ได้ดูเหมือนฆราวาสแต่อย่างใด
    ผมไม่ทราบว่าการห้ามพายุของหลวงปู่โชติจะเป็นด้วยเวทมนตร์หรือพลังจิต เพราะว่าเหลือวิสัยจะวิจารณ์ได้ แต่สิ่งเดียวที่ทำได้คือเชื่อในปาฏิหาริย์นี้อย่างไม่มีข้อสงสัย
    หลวงปู่โชติมีนามเดิมว่าโชติ เมืองไทย เกิดปีวอก พ.ศ. 2451 ที่ตำบลนาบัว (บ้านกระทม) อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เป็นศิษย์องค์สำคัญของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล และเป็นศิษย์ของพระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากัมมัฏฐานคือพระอาจารย์เสาร์ กันตลีโล ท่านเป็นพระที่มีอภินิหารมาก เรื่องทางนี้ของท่านจึงมีอยู่มากมาย แต่จะยกมาเล่าเป็นบางเรื่องพอเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่ศรัทธา
    มีผู้เล่าว่าครั้งหนึ่งหลวงปู่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำธุระบางอย่างที่วัดบวรนิเวศวิหาร ท่านกับเจ้าคุณโอภาสธรรมญาณ จะขึ้นรถเมล์ไปบางเขน โดยรอรถเมล์อยู่แถวๆสะพานควาย ขณะนั้นมีรถเมล์ที่สามารถจะไปยังจุดหมายที่ท่านต้องการได้มาจอดลง รถว่าง แต่ท่านไม่ขึ้น ท่านบอกกับเจ้าคุณโอภาสฯว่า คอยคันอื่นเถอะ ครั้นรถเมล์คันอื่นมาถึงท่านก็ขึ้น
    ต่อมารถเมล์คันที่ท่านขึ้นก็แล่นผ่านรถเมล์คันแรกที่ท่านไม่ยอมขึ้นซึ่งก็ได้เกิดอุบัติเหตุชนเสาไฟฟ้างอก่องอขิงอยู่บนฟุตบาธข้างทาง
    หลวงปู่มองดูรถเมล์คันที่เกิดอุบัติเหตุแล้วก็เฉยๆไม่ว่าอะไร
    ทหารผ่านศีกเชียงตุงชื่อ “พาง” บ้านอยู่ถนนเทศบาล 2 เมืองสุรินทร์ เป็นผู้หนึ่งที่ประสบเหตุพิลึก ท่านเล่าว่าครั้งหนึ่งหลวงปู่มีธุระออกจากวัดไป แต่แล้วกลับนึกได้ว่าลืมอะไรอย่างหนึ่ง ท่านจึงเรียกสุนัขข้างทางซึ่งจรจัดอยู่แถวนั้นมาตัวหนึ่งเขียนหนังสือแจ้งข้อความแห่งธุระที่ลืมผูกติดกับคอสุนัขแล้วเอามือตบหลังสุนัขบอกให้นำหนังสือนี้ไปให้พระที่วัดของท่าน
    พระที่วัดก็ทราบความในหนังสือนั้นหลังจากสุนัขแจ้นเข้าไปถึง
    อีกเรื่องหนึ่งซึ่งแปลกมาก คือครั้งหนึ่งหลวงปู่ซึ่งเวลานั้นยังพำนักอยู่เมืองสุรินทร์ ได้บอกว่ามีธุระไปโคราช แต่ขณะที่ทุกคนได้ยินเสียงรถไฟขบวนที่ท่านจะต้องอาศัยเดินทางเข้าโคราชเปิดหวูดอยู่ที่สถานี หลวงปู่ก็ยังนั่งรับแขกเป็นปกติ ครั้นเมื่อทุกคนกราบลาท่านออกมาแล้วก็สวนทางกับลูกศิษย์อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งแจ้งข่าวว่าเพิ่งไปส่งท่านขึ้นรถไฟไปโคราช
    คำนวณเวลาแล้วเป็นไปไม่ได้เลย ที่ใครจะสามารถนั่งอยู่ที่แห่งหนึ่ง ในขณะที่รถไฟเข้าเทียบสถานี แล้วสามารถไปขึ้นรถไฟทัน
    เรื่องที่เกี่ยวกับรถไฟผมเคยเล่าไปบ้างแล้วในภาคประวัติของหลวงปู่ดุลย์ ซึ่งจะพอทบทวนย่อ ๆๆ ได้อีกว่าระหว่างที่ลูกศิษย์ไปรับท่านที่ถ้ำใครไตรรัตน์เพื่อไปส่งท่านขึ้นรถไฟไปสุรินทร์นั้น ไม่มีทางเลยที่จะขึ้นรถไฟที่ปากช่องทัน แต่หลวงปู่ก็ยืนยันให้ไปส่งท่านที่สถานีปากช่อง และปรากฏว่าไปทันจริง ๆ เพราะรถไฟเสียเวลา ทำให้ท่านกลับสุรินทร์ได้พอดี
    แม้ว่าหลวงปู่โชติจะไม่ใช่พระให้หวย แต่เรื่องให้หวยของท่านก็เป็นที่ฮือฮา ขณะหนึ่งท่านกำลังกวาดลานวัดท่านพูดลอย ๆ ว่า หวยงวดนี้จะออก 33 พระเณรที่อยู่ใกล้ ๆ ท่านต่างได้ยินถนัด และได้บอกเลข 33 ให้กับชาวบ้านญาติโยมทั้งหลายไปว่าหลวงปู่ให้เลขเด็ดตัวนี้
    ปรากฏว่าหวยออก 33 จริง ๆ รวยกันไปทั้งหมู่บ้าน
    มีคนมากมายพยายามจะไปกราบขอเลขเด็ดจากท่านอีก แต่ไม่สำเร็จ ท่านไม่ปริปากอีกเลย
    หลวงปู่โชติได้ชื่อว่าเป็นพระที่เด่นเรื่องโชคลาภอีกองค์หนึ่ง ซึ่งคุณไพฑูรย์ เกื้อสกุล ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องไปส่งหลวงปู่ขึ้นรถไฟที่สถานีปากช่องได้บอกว่า พอกลับจากส่งท่านก็แวะซื้อล็อตเตอรี่ 9 ใบ ทั้งๆที่ไม่เคยซื้อมาก่อน และก็ถูกเลขท้ายทั้ง 9 ใบอย่างน่าอัศจรรย์
    มีผู้เล่าเรื่องแขวนพระเครื่องของท่านแล้วเกิดโชคลาภอยู่เหมือนกัน เรื่องนี้มีปรากฏอยู่ในหนังสืออาณาจักรพระเครื่อง ฉบบที่ 20 ปี 2517 ซึ่งคุณ “คนโรงเหล้า” ได้เขียนมาลงตีพิมพ์โดยเล่าว่าเขาได้เห็นรูปถ่ายหน้าตรงของหลวงปู่โชติซึ่งตีพิมพ์ในหนังสืออาณาจักรพระเครื่องฉบับเดือนมิถุนายน พิจารณาเห็นตัวเลขปรากฏอยู่ที่ไรผมเป็นเลข 63 ชี้ให้เพื่อนดูก็ดูกันไม่ออก คงมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เห็นว่าเป็นตัวเลขดังกล่าว ผลก็คือเขาถูกล็อตเตอรี่งวดนั้น (10 มิ.ย. 2517) พอได้เงินก็บึ่งรถไปยังวัดวชิราลงกรณ์วรารามวรวิหาร และได้บูชาเหรียญโสฬสระลึกชาติของหลวงปู่มาคนละหลายเหรียญ ในราคาเหรียญละ 29 บาท
    เมื่อได้เหรียญมาแล้วได้นำเหรียญนั้นไปให้อาจารย์ทางพรหมศาสตร์ที่พวกเขาเคารพนับถือตรวจดู อาจารย์ท่านนั้นออกปากว่า
    “ในบรรดาเหรียญใหม่ๆในยุคนี้ มีเหรียญหลวงพ่อโชติองค์เดียวเท่านั้นที่มีอิทธิฤทธิ์ในชั้นสมเด็จโต พระอาจารย์ที่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์บังคับธาตุทั้ง 4 คือดิน น้ำ ลม ไฟ ได้นั้น เท่าที่ทราบก็มีหลวงพ่อทวด และหลวงพ่อโชติก็บังคับลมพายุให้หยุดนิ่งได้ และเขี่ยก้อนหินให้เบาเป็นสำลีได้ ส่วนที่ชี้ไฟซึ่งกำลังลุกไหม้ให้ดับได้นั้นยังไม่เคยเห็น พระอาจารย์ที่สามารถบังคับธาตุทั้ง 4 อย่างใดอย่างหนึ่งได้แล้ว การบังคับของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา”
    คุณคนโรงเหล้าได้ชี้แจงมาอย่างนี้ และยังมีจดหมายอีกฉบับหนึ่งเขียนถึงบรรณาธิการหนังสืออาณาจักรพระเครื่อง ความว่า
    15 มิ.ย. 17
    656/15 ซ.วิมลสรกิจ ถ.จรัลสนิทวงศ์ ธนบุรี
    เรียน บก.หนังสืออาณาจักร พระเครื่อง
    ผมได้อ่านหนังสืออาณาจักรพระเครื่องฉบับที่ออกต้นเดือนมิถุนายนแล้ว ผมสนใจเรื่องของหลวงพ่อโชติเพราะทำให้ผมถูกล็อตเตอรี่ได้เงินมาหลายพันบาท (ถูกเลขท้ายสามตัว 4 ใบ ผมซื้อ 10 ใบ) จึงได้เล่าเรื่องตามความเป็นจริงมาเพื่อขอให้คุณช่วยพิจารณาลงในหนังสืออาณาจักรพระเครื่องด้วย
    ลูกชายผมแขวนเหรียญที่มีชื่อว่า “ระลึกชาติ” สุนัขตัวใหญ่ได้เข้ามากัดน่อง กางเกงทะลุแต่ไม่เข้าผมแปลกใจจริง ๆ
    ผมขอให้กิจการของท่านเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป
    สวัสดี
    สนธิ
    เกี่ยวกับเรื่องเขี่ยก้อนหินแล้วเบาเหมือนสำลีนั้นได้เกิดขึ้นขณะที่ท่านกำลังทำความสะอาดถ้ำและรื้อก้อนหินแตกๆหักๆ ปรากฏว่ามีก้อนหินใหญ่กลิ้งตกลงมาทับท่าน พระลูกวัดได้ยินเสียงสนั่นหวั่นไหวก็กรูกันเข้ามาดูและท่านได้บอกว่า ท่านเอาเท้าเขี่ยก้อนหินนิดเดียว ทำไมจึงเบาเหมือนสำลี กระเด็นไกลตั้งหกเจ็ดวา
    ภายหลังเรื่องนี้จึงถูกเปิดเผยชัดเจนขึ้นดังนี้
    หลวงปู่เล่าว่าท่านได้ขึ้นไปบนภูเขาหลังถ้ำ ขึ้นไปต่อยหินเพื่อทำทางขึ้นเขา บังเอิญหินก้อนใหญ่ตกกลิ้งลงมาทับท่าน และเวลานั้นสมเด็จโต วัดระฆัง มาช่วยท่านไว้ ท่านมีความรู้สึกว่าตนเองตายแล้ว แต่จับเนื้อหนังตนเองแล้วทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ ท่านจึงนมัสการสมเด็จโต และสมเด็จโตได้ถามท่านว่าจะสร้างพระสมเด็จไหม หลวงปู่ตอบว่าไม่เคยทำ สมเด็จโตก็บอกว่าถ้ารับปากว่าจะทำก็จะนำมาให้ ซึ่งท่านก็รับปาก ท่านบอกว่าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่มีความเจ็บปวดหรือบาดแผลใด ๆ เลย
    ต่อมาก็มีชายไม่ทราบชื่อ เอาพระผงพิมพ์สมเด็จโตมาให้ ใส่ลังกระดาษมาถวายหลวงพ่อ บอกว่าได้มาจากกรุราชบุรี หลวงพ่อจึงรับไว้ทำพิธีอีกครั้งหนึ่งตลอด 3 พรรษา เมื่อครบแล้วจึงนำออกแจก ท่านตั้งชื่อว่า “สมเด็จมาเอง”

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความรูปภาพที่มาข้อมูลอย่างสูงครับ


    พระนิรันตรายหลวงพ่อโชติระลึกชาติปี ๒๕๐๖ ให้บูชา 800 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    img_20231204_232641-jpg.jpg img_20231204_232751-jpg.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    5dfec2e8d165f90d14938eb3_800x0xcover_e-y6wQoD.jpg

    พระลีลากำแพงเพชร หลวงพ่อเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก ปี ๒๕๓๙ วัดเกาะฝ้าย บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


    IMG_20240125_213054.jpg IMG_20240125_213123.jpg IMG_20240125_213031.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้จัดส่ง
    1706254352517.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เล็กวัดทำนบ อ่างทอง
    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    1699330941912-jpg.jpg 1699330946461-jpg.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงจันทร์ลอยหลวงปู่ทิมวัดแม่น้ำคู้เก่าระยององค์นี้มีพลอยเสกสรรค์เด่นชัด 2 เม็ด เจตนาดี มวลสารดี ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    img_20231101_202814-jpg.jpg img_20231101_202846-jpg.jpg img_20231101_202739-jpg.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    แล้วเรื่องนี้ก็เงียบหายไปจากความทรงจำของท่านผู้การทั้งสอง เหตุการณ์นี้เกิดในราวปี พ.ศ. 2516

    ต่อมาท่านผู้การจำเนียร ตู้จินดา ได้กรุณาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ผมก็สงสัยเป็นอย่างยิ่ง วันหนึ่งที่ได้ไปกราบหลวงพ่อลำใยที่วัดสะแก จึงได้ไปเรียนถามท่านตรง ๆ โดยเล่าเรื่องอันเป็นปฐมเหตุก่อน แล้วจึงถามว่าจริงหรือไม่อย่างไร ?

    ท่านตอบทันทีว่า "จริง"

    และเมตตาเล่าว่า "ตอนนั้นได้วิชามาเยอะ หลวงลุงท่านก็เลยเอาพระของท่านมาให้หัดเสก ข้ามันคนชอบเหนียวก็เลยเพ่งเตโชกสิณใส่ เอาซะร้อนเชียว พอยกไปท่านก็ดุน่ะสิ ให้ข้ากลับมาทำใหม่ ข้าก็เลยมาทำทางเมตตาเอาเย็นเข้าว่า พอยกกลับไปคืนทีนี้ท่านว่า ใช้ได้ ใช้ได้"

    ตอนท้ายท่านปรารภว่า เออ ผู้การทั้งสองนี่ก็ยังความจำดีนะ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อลำใยวัดสะแกให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


    img_20231020_021029-jpg.jpg img_20231020_021053-jpg.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระกริ่ง วิเศษไชชาญ วัดตลาดใหม่ อ่างทอง
    พิมพ์เล็กปี43
    หลวงพ่อทรงร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก”พระกริ่งวิเศษชัยชาญ”
    ณอุโบสถวัดตลาดใหม่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2543
    พระที่ร่วมพิธีมี ดังนี้ครับ
    1.พระครูปัญญาประโชติ (หลวงพ่อยัพ) วัดห้วยโรง
    2. พระครูโสภณจารุวงศ์วัดสิทธาราม
    3. พระครูวิบูลอาจารคุณ (ลพ.เกษม)วัดม่วง
    4. พระครูสังวรสมกิจ (ลป.ทิม)วัดพระขาว
    5. พระครูสุนทรยติกิจ วัดไผ่ล้อม
    6. พระครูสิริโพธิ์พิทักษ์วัดโพธิ์ศรี
    7. พระภาวนานุสิฐเถระ วัดบางจัก
    8. พระปาโมกข์มุนีวัดป่าโมก
    9. พระครูสุภัทรธรรมโสภณ (ลพ.ทรง)วัดศาลาดิน
    ให้บูชา บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    img_20231130_201704-jpg.jpg img_20231130_201745-jpg.jpg
    img_20231130_201632-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2024
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระผงรูปเหมือนพิมพ์เตารีด ๒ คณาจารย์กรุงสุโขทัย
    ๑ หลวงพ่อจง วัดสังฆาราม
    1706278838022.jpg

    ๒ หลวงพ่อทุเรียนวัดศรีคีรีสุวรรณาราม

    1706278836593.jpg

    ๓ หลวงพ่อราม วัดวังเงิน

    1706278839429.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240126_211215.jpg IMG_20240126_211238.jpg IMG_20240126_211159.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,765
    ค่าพลัง:
    +21,343
    รูปถ่ายอัดกระจก 2 หน้าหลวงพ่อเดิมหลังหลวงพ่อจรัญ รุ่นนิยม ในศิษย์สาย หลวงพ่อจรัญ ลพ.เดิมเป็นอาจารย์ อีกรูป ของ หลวงพ่อจรัญ ที่สอนวิชา คชศาสตร์ เกี่ยว กับช้าง ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240126_211306.jpg IMG_20240126_211329.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...