" ลมปราณ ธาตุสี สมาธิจิต "

" สวัสดีคะ "

หลังจากหลายวัน หลายเดือน ที่ นั่ง คิดทบทวน
และสงสัย กับสิ่งที่อยู่ในร่างกาย ลมหายใจ ธาตุต่างๆในร่างกาย
บวกกับการ ได้เข้าไปอ่าน บทความเพื่อนๆ แต่และท่าน
จึงทำให้ มณีเอง ค้นหา ทุกสิ่งที่เกิด มันอยู่ที่ใกล้ๆตัวเรานั้นเอง

เมื่อครั้ง ฝึก สมาธิ เมื่อครั้งนั่งหลับตาลง

อัยยะ...หมุน เวียนหัว เอาไงดีๆ
วันที่สอง เป็นอีก พิจารณาตามหลัก
สภาพร่างกาย สังเกตการณ์
ได้คำตอบว่า เรานั้นผิดปกติด้าน ระบบขับถ่ายแน่นอน
ถ้าวันไหน ระบบขับถ่ายปกติ เราก็จะนั่งได้สบาย ไม่ เวียนหัว
ไม่อึดอัดแต่ประการณ์ใด มิใช่ สิ่งที่มองไม่เห็น
ทำให้เห็นว่า ระบบต่างๆของร่างกาย มันผูกโยงต่อการ นั่งสมาธิ
ระบบเลือด ระบบหายใจ

การที่จะสรุป อาการที่เกิดจากการนั่งสมาธิ

" ดู เหตุและผล ก่อน ถึงจะสรุป"

ผู้ฝึก เริ่มต้น มักจะพยามเข้าถึงขั้นต่อไปของการฝึก
นิ่ง แน่ แนบ แต่จริงๆแล้ว เรายังไม่เข้าใจ ระบบต่างๆ

เมื่อจะ แยกออก ให้จิต ลอย พองใส
ต้องทำความเข้าใจ ร่างกาย สังเกตการณื

มณี เคยนั่งสมาธิ แล้ว แยก ธาตุในร่างกายดังนี้

ดิน เรามีมากเกินไปรึไม่ในร่างกาย
น้ำ เรามีเพียงพอรึไม่ในร่างกาย
ลม เราใช้ได้สม่ำเสมอรึไม่ในร่างกาย
ไฟ เรามีมากไป รึน้อยไปรึไม่ในร่างกาย

เมื่อพิจารณาแบบนี้ เราจะสามารถ สแกรนโรคในร่างกายได้คะ
และมีสมาธิ มากขึ้นด้วย
ข้อดีอีกอย่าง ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่สงสัย ในอาการที่เกิดจากการนั่งสมาธิด้วย
เข้่าท่าๆ



มณีเคย อ่านการืตูน เรื่องนารูโตะ ในการ์ตูน เขียนเรื่องการหายใจเป็นจังหวะ
ผ่อนคลาย เปิดจุดที่ล็อก ปรดล็อก แล้ว ปล่อยให้ไหล ตามจังหวะ
มันก็เหมือนการที่เรานั่งสมาธิ แบบผ่อนคลาย
ยิ่งผ่อนคลาย ยิ่งคลายตัว
สมาธิ ยิ่ง ได้นานและสูงขึ้น จิตใจยิ่ง ผ่องใส
เพราะไม่มีการบีบ บังคับ ไม่มีการเค้น ให้เกิดขึ้น
การหายใจยาว สั่น เป็น จังหวะ เหมือน เดิน ลม ให้พร้อมเพียง
ทำให้ สงบ สบายได้อีกระดับคะ
เอาสิ เอาสิ เข้าท่าๆ
เมื่อทุกอย่างลงตัว
ระบบ ธาตุ ปกติ ระบบลมหายใจ ปกติ สมาธิ และ จิต พร้อม เดินทาง
หลังจากนั้น เดิน ตามขั้นตอนต่อไป

.....ที่บรรยายมาทั้งหมด เป็นความคิดส่วนตัวคะ.....

หากผิด ขออภัยด้วยคะ
เพราะมันเหมือนพื้นฐาน ที่มณีเพิ่งรู้มา
ไม่รุ้มันผิดมั้ย

 

ถ้าสนใจพิจารณาธาตุ ทั้งภายใน ทั้งภายนอก

ให้ระลึกตรงความรู้สึกที่กระทบในปัจจุบันครับ

เช่นขณะเดิน จะปรากฏลักษณะของธาตุ คือ อ่อนตึง เกิดแต่ภายใน

ขณะนั้นที่เกิดจริงๆ รู้จริงๆ คือ แค่อ่อนตึง ในความเป็นธาตุ

ไม่ใช่ไปรู้ขาเดิน เพราะขาเดินเป็นสมมุตติ ไม่มีอยู่จริงในขณะนั้น

ความแข็งจากการสัมผัส แข็มมากแข็งน้อย ลองหลับตาเอานิ้วจิ้มๆวัตถุดู

หรือ สังเกตุส่วนไหนที่กายกระทบอยู่บ้าง ว่าอ่อนแข็งปรากฏไหม

ร้อน เย็น อันเกิดแต่ เตโชธาตุ ให้ใส่ใจความรู้สึกในกายบ้าง นอกกายบ้าง ตรงที่กระทบ

ปัญญาจะเข้าใจอิริยาบถต่างๆ เกิดแต่ธาตุ กายในกาย

และ ความคลาดเคลื่อนเป็นตัวเรานั้นเข้าไปยึดธาตุว่าเป็นเวทนาเรา ของเรา กายเรา ทุกข์ของเราจะค่อยๆคลายครับ ^^

 

นารุโตะ ผมก็อ่านนะครับ

อ่านมาตั้งนานแล้วครับ

จนมันเคยชินไปแล้วครับ

ที่กล่าวมานี่ อนุโมทนา ครับ

เมื่อรู้ แจ้งชัด ในเหตุ การปล่อยวาง ก็จะง่ายขึ้น(ความเห็นส่วนตัวครับ)

 

ธาตุใน และ ธาตุนอก

 

ธาตุใน และ ธาตุนอก (ธาตุ๔)

ภายนอก หมายถึง กระทบอันเกิดจากปัจจัยภายนอกที่มากระทบกาย

เช่น กิน ยืน เดิน นั่งนอน เพียงใส่ใจในความเป็นธาตุ

ภายใน หมายถึง เกิดจาก นั่งนาน เดินนาน เหตุให้เปลี่ยนอิริยาบถ หรือ เกิดจากจิต

เช่นโกรธ จะแสดงความร้อน อุณหภูมิ ที่ร้อนในกาย

สังเกตุดูจิ

 

เห็นด้วยคะ มันเกิดการวางได้ง่ายขึ้น
คลายตัวได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ไม่ได้นาน
แต่ได้ตลอดระยะเวลา
ที่เราทำ มันก็ดีนะคะ

 

ม่ายนะ หากเราอบรมจิตเป็นสมาธิแล้ว บวกกับ จิตไม่ไหลไปเกาะสิ่งภายนอกตัว

ดิน น้ำ ลม ไฟ นี่เราจะรู้เห็นด้วยจิตด้วยใจได้ทันที

โดยอาการที่รู้เช่น

ดิน จะรู้สึกถึงความหนัก แน่น แข็ง ถ้า มณีน้อยเกิดความรู้สึก ระลึกได้
ในสภาพ อ่อน แข็ง หนัก แน่น อันนี้คือไปรู้ ธาตุดินแล้ว

ลม จะรู้สึกได้ถึงการกวัดแกว่ง เวียน วน พัดโบก ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง วน
บ้าง สาระมัดจะรู้สึกได้ โดยเกิดขึ้นภายใน อันนี้ก็คือไปรู้ ธาตุลมแล้ว

ไฟ นี่ไม่ยาก ไปรู้ร้อน รู้เย็น

ส่วน น้ำ อันนี้จะรู้สึกมันเกาะกุมกันเป็นก้อน เช่น เห็นอะไรไหวๆ ไหล
ไปมา ก็รู้สึกว่ามันเป็นก้อนๆ กลมๆ แหลมๆ ว่ากันไป คือไปเห็นมันเป็น
กลุ่มเป็นก้อนภายใน

การรู้ธาตุแบบนี้ เราถือว่าเป็นการ นมสิการ ไม่ใช่การ รู้ธาตุแบบสมถะ
ยานิกที่เป็นเชิงกสิณภายนอก แต่เราอาศัยอาการของธาตุที่ปรากฏภายในนี้
เป็นกสิณภายใน หากจะยกเป็นกสิณ ก็จะต้องเห็นเป็น นิมิต อุคหนิมิต
ปฏิภาคนิมิต (เล่นอภิญญาได้นู้นไปเลย จึงจะเรียกว่า รู้ธาตุ ของแท้)

ถ้าไม่ยกเป็นกสิณ ก็ดูไปแบบนั้นแหละ เหวี่ยงไปมา สัดส่าย เย็น ร้อน อ่อน
แข็ง ตึง ไหว บวกก้อนๆกลิ้งๆ ก็เรียกว่า เอาไว้อาศัยระลึก

ระลึกดูอะไร

ดูความไม่เที่ยงของธาตุ มันแปรปรวน ไหวเวียน สับเปลี่ยนตลอด
เวลา หากจิตเป็นสมาธิมาก มีกำลังมาก รวมถึงอัปปนาสมาธิแล้วมา
เห็นอาการเหล่านี้ก็จะเห็นเป็น ตับไต ไส้ พุง กันไปเลย ซึ่งก็คือ
ธาตุ และการทำงานของธาตุ การไหลเวียนของธาตุนั่นแหละ

* * *

ต้องระวังให้ดี พอเอาไปผูกเป็น ลมปราณปั๊ป เรียบร้อย ร้อยละ99.99
จะหลงไปทาง พลังจักรยาน ถึง หูตึง ยัน เศร้าหลิน ไม่ได้พบทางที่
ควรจะเดินเป็นแน่

 

คะ........ระบบ "รุ้" เดินเครื่อง อย่างแรง

เครื่อง คูโบต้า แฮะๆ

 

อีกอย่างนะ สังเกตให้ดีๆ ตับ ไต ไส้ พุง เนี่ยะ มันทำงานของมันเอง

แต่หาก อ่านการตูน มาก มันจะสร้างนิมิตขึ้นมาหลอกว่า เราไปจัดการ
อวัยวะน้อยใหญ่ อาการ32 ได้ เนี่ยะ เริ่มผลิกศาสนาแล้ว

แทนที่จะดุไปตามความเป็นจริง ก็ไปโดนลิงหัวทุเรียน มันหลอกเอา
ให้เป๋ไปข้าง ทุกสิ่งอยู่ในอานัติ แบบนี้ก็จะ ค่อยๆ เข้าป่าไปเรื่อยๆ

สมัยใหม่นี่ ไม่นิยมเข้าป่าแล้ว เพราะมันแข่งกันเก่ง เลย เริ่มออก
ไปนอกโลก แรกๆ มันไป ดาวพฤหัส หลังๆนี่ไม่รู้ไปไหน แอ่นดอย
แม่ด่า(andromeda) นู้นเลยมั้ง

 

อัยยะ......ท่านพี่นิวรณ์
งั้นคำว่า " ตีธาตุขันณ์ให้แตก "
คือแบบนี้รึเปล่าคะ
แล้ว
สแกรนระบบ เครื่องใน
มองเห็น สิ่งที่ปรวนแปรในขณะปัจจุบัน
ธาตุ ต่างๆที่เกิด
เหตุ จากอารมณ์ ที่เกิดตามกระทบ
คือ ปวด หิว ร้อน หนาว
เอ
มันมาจากการพิจารณา ระบบ ธาตุได้มั้ยคะ
เหมือน คลายลง

เอ งง เอง

 

มิช่ายทองคำนะครับถึงจะเป็น ร้อยละ ๙๙.๙๙

^-^^-^^-^

 

มันจะเป็นการ คลาย การยึดมั่นถือมั่น ในสักกายทิฏฐิ อันนี้ เป็น กิจที่ควรรู้

หรือ

มันจะเป็นการ คลายจากตัณหา ทยานอยาก อันนี้ เป็น กิจที่ควรรู้ยิ่ง

ส่วนการคลาย แบบปวดหัวตัวร้อน เป็นไข้ กระส่าย กระสับ ตับอักเสบ
ไตพิการ น้ำเหลืองไม่ดี น้ำดีไม่ย่อย ครางอ๋อยๆ ไม่หายสักที อันนั้น
มันไม่ใช่ประเด็นหลัก ที่ บัณฑิตจะพึงยกศึกษา เพราะจะทำให้ โดน
ร้อยรัดมากกว่าเดิม

บางคนคิดว่า เอาพลังเย็นกดไปตรงนี้ เอาพลังร้อนส่ายไปตรงนี้หน่อย
เอาอะไรทำเป็นแท่งเหล็กแหลมเผาให้ร้อนแล้วจี้ไปตรงจุดๆนี้ ทะลุจุด
ทะลุฝา คนทำได้มันก็มี แต่ ที่เหลือเป็นคนดีๆ มีน้อยมาก !!

ที่แย่ที่สุด เสียดุลยโลก คือ มันโอนสัมมโนปชากรไปเป็น มะนาว กันหมด!!????

 

มาขำนิดนึง 99.99 ยังมีรอดนะ
เข้าไปรู้เห็นกาย แรกๆก็ครึ้มอกครึ้มใจ อยู่เหนือกายแล้ว จะรักษา จะสำแดง
แต่สักพัก เวทนามาเยี่ยม ยิ้มใส่ ถึงกลับเข้าที่
ให้รู้จักดูแลรักษา ตามเหตุตามกาล

 

จะบอกว่า เจริญสติปัฏฐานในลักษณะความเป็นธาตุนี้

มีประโยชน์มากตอน ที่เวทนาแรกกล้าปรากฏ ^^

 

งั้นขอถามคะ เพราะจะได้แยกถูก

อารมณื ที่เกิดจากตน มันพุดออกมาจากระบบข้างในได้มั้ยคะ

ถ้าเราปรับระบบข้างในได้ปกติ มันจะพุดออกมาได้มั้ยคะ

แล้ว ธาตุ ใน บวก นอก

ปัจจัย โยงกันรึไม่คะ
นอกสู่ใน หรือ ในสู่นอกคะ

ถามเยอะไปรึเปล่าคะ คือ หนู จะไปหาอ่าน
ก็ไม่รู้จะอ่านทำความเข้าใจ อันไหน เยอะ ไปหมด
แฮะๆ

 

อย่าไปกระทำมันเลย มันติดตัวตนขึ้นมา ว่าสั่งได้ ^^

 

อันนี้ มัน แบบ เมื่อมันเกิดขึ้นปุ๊บ นั่ง ปลงทันทีเลยเหรอคะ
ประมาณว่า "หว่ะ..นะ อู้ย อื่ม ฮิ้ววว "
แล้วมันก็ผ่านไป โดยไม่ ออกอาการหงุดหงิดแต่ประการใด
กลับ ยิ่ม หัวเราะ กับอาการที่เกิด เหมือนเป้นเรื่องธรรมดา ที่
มันมาแล้วก็ไป เอ แบบนี้มั้ยคะ

 

เท่าที่พอรู้มันไม่ไวขนาดนั้น แค่ไม่โทษอะไร รับเต็มๆ แบบเต็มใจ

 

อะไร
สั่งได้ครับพี่แปง